Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: albacore ที่ สิงหาคม 12, 2025, 11:05:15
-
เป็นการทดสอบที่อลังการงานสร้างจริงๆ
ต้องขอรัฐบาลใช้พื้นที่ใช่มั้ยครับเนี่ย
หลายเคสLidar ก็ไม่ช่วยถ้า ซอฟท์แวร์ไม่ถึงจริงๆ
https://youtu.be/CHojlR4qIdU?si=5bDxb_zP29kgZlOL
https://youtu.be/hJxbrW2xCsQ?si=GCArmrfdPIt8qzTX
-
ได้ดูแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกว่า มันไม่น่าไว้ใจ และถ้าเอามาใช้จริง เราที่อญุ่ในรถจะรู้สึกเครียดกว่าการขับเองหรือเปล่า
บางทีขับเอง ประเมิณสภานการด้วยตัวเอง มันไหลลื่น ปลอดภัยมากกว่านะ
กับถ้าต้องมานั่งมองอยู่หลังพวงมาลัยและคาดหวังให้ระบบมันทำงานอย่างถูกต้อง เราจะรู้สึกเครียดมากกว่าหรือเปล่า
ขับเอง เบรคเอง สะบายใจสุดแล้ว
-
ผมดูคลิปแรกแล้ว มัoไม่าค่อยแฟร์เท่าไร่เลยครับ
อย่างเทสขับตามคันหน้าแล้วคันหน้าหักหลบ ของ tesla ช่วง 6.29 นาที ระยะห่างจากรถคันหน้าต่างกับรุ่นอื่นมากๆ คันอื่น ช่วง 4.27 นาที ได้เวลาเบรคเพิ่ม 2วินาทีกว่าๆ ความเร็วที่ใช้ก็ต่างกว่าคันอื่นอีก
ใช้วิจารณยานในการรับชมครับ
-
รู้สึกเหมือนกันเรื่องความแม่นยำในสถาวะทดสอบของแต่ละคัน
แต่การใช้ความเร็วสูงบนถนนจริง แม้จะมีข้อดีในเรื่องความเร็วสูงและสภาพจริงๆ
ก็กลายเป็นข้อจำกัดเรื่องความเท่าเทียมกันในการทดสอบเหมือนกัน
แต่การทดสอบหลายอันก็แสดงรายละเอียดว่า หลายคันเซนเซอร์จับได้แล้ว แต่รถก็ยังมีการตัดสินใจที่ไม่ดีพอ ทั้งๆที่ควรจะรอดก็ไม่รอด
ผมมองว่าตอนทำโปรแกรมน่าจะยังขาดความละเอียดต่อสภาวะจริงที่หลากหลายที่คนเขียนโปรแกรมอาจะะนึกไม่ถึง
-
software เขียน และจำลองใน Sim ในคอมพ์ ของจริงมี นน.รถ นน.บรรทุก แรงลม สภาพถนน ปัจจัยร้อยแปด
แต่ระบบพวกนี้มันพึ่งพาอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ก็แค่ช่วยแบบห่างๆ ยังไงคนขับต้อง Alert เหมือนขับเองอยู่ดี
-
น่ากลัวมากครับ
บางคันรถพุ่งเข้าไปหาทางแคบๆตีบๆเสียวจริงครับ
ขอบคุณสำหรับคลิปครับ
-
ดีมากเลยที่มีการทดสอบ จำลองเหตุการณ์ อันตรายที่อาจเกิดขึ้น เปิดเผยออกมา
ผู้พัฒนารถ จะได้นำไปพัฒนาให้ระบบขับขี่อัตโนมัติ มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น
อีก 2-3 ปี ความปลอดภัย คงจะดีขึ้นกว่านี้มาก หากทดสอบซ้ำ
หลายอย่างเคยคาดผิดว่า ระบบนำทาง รุ่นแพง ย่อมดีกว่า รุ่นถูก
-
คลิปนี้ผมดูแล้ว
จากที่ดูๆ ตามที่คลิปจะสื่อออกมา ชื่อมันบอกอยู่ว่า Driver Assistant และผมเข้าใจว่า คนขับ พยายามให้รถหรือ software ตัดสินใจหรือทำงานให้ถึงที่สุดก่อน
ผมสังเกตุได้ว่า รถแทบจะทุกคัน ของ ทุกสถานการณ์จำลอง ตัวเซ็นเซอร์ หรือ hardware สามารถตรวจสอบหรือ detect ได้เกือบทั้งหมด
ต่างกันที่ action ของแต่ละคัน หรือ แต่ละยี่ห้อ จะให้ทำงานอย่างไร
แบบกรณี เบรคฉุกเฉิน
บางคนเหมือนเลียๆ เบรคเฉยๆ แต่บางคันแบบกระทืบเบรคเลย
แบบกรณี บางเบี่ยง บางคนเลือกจะเบรค แล้ว พยายามออกซ้าย (แต่เลนซ้ายมีรถตีขนาบซ้ายมา) แต่บางคันเบรคอย่างเดียว (ทะลุกรวยกระจาย)
แบบกรณี หลบท้ายรถบรรทุก
บางคันเลือกที่จะเบรค แต่บางคันเลือกที่จะหลบจนกรวยไปเลย (ลองนึกภาพ ถ้าตรงนั้น ถนนยุบ เป็นเหวละ จะเป็นยังไง)
สุดท้าย...ผมว่า การกำหนด scenario ของ software สำคัญมากๆ
และในชีวีตจริง บางคน (อาจจะ) ตัดสินใจได้ไว และ เลือกทางที่ดีกว่า software เลือกให้ แต่สำหรับบางคน(มนุษย์) อาจจะเลือกไม่ถูกเลยว่า ต้องทำอย่างไร
ดังนั้น ผมว่า software ก็ช่วยให้ลดหนักเป็นเบาได้ แต่คนก็สามารถ override การทำงานหรือตัดสินใจร่วมกับ software ได้ ผมว่า มันดีกว่าไม่มี ครับ
-
ยังไงต้องอย่าลืมว่ามันเป็นระบบช่วยเหลือที่เสริมเข้ามานะครับ ยังไงคนขับต้องเป็นหลักเสมอ
-
มองอีกแง่นึง ในสถานการณ์เดียวกันนี้ ก็ไม่ถือว่าง่ายสำหรับมนุษย์ขับและใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะผ่านไปได้หมด การที่ระบบมาถึงจุดนี้ได้นับว่าน่าชมเชยพอสมควรนะ
และถ้ามันใช้ความเร็วแค่ราวๆ100 อาจจะผ่านเกือบทุกคันก็ได้
ผมเชื่อว่าการทดสอบมีผลแบบนี้จะไปช่วยกระตุ้นการพัฒนาโปรมแกรมให้รับมือกับสถานการณ์ที่ยากและครอบคลุมความเร็วที่สูงมากยิ่งขึ้น จนวันนึงมันจะเก่งกว่ามนุษย์ขับ และเราจะไว้ใจมันมากขึ้นเอง
-
ผมไปค้นคว้ามาละ มีหลายการทดสอบครับ แล้วแต่
1. การตั้งสถานการณ์จำลอง
2. มีรถยี่ห้อใดร่วมทดสอบบ้าง
อย่างของ Euro NCAP ที่ทดสอบ ADAS รถค่อนข้างแพง รถที่ทำคะแนนได้กลาง-สูงกัน เป็นยี่ห้ออื่นกันทั้งสิ้นครับ
นี่คงบ่งบอกถึงกลไกตลาดอย่างค่อนข้างสอดคล้องเลย คือ ADAS รถ ประสิทธิภาพตามราคารถ มังครับ
-
บางด่านในการทดสอบนี้มีหลายคันที่ราคาถูก มีแค่กล้องสามารถผ่านได้
ในขณะที่รถแพงอุปกรณ์ครบ ไม่ผ่านก็มีนะครับ