Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Sunny37 ที่ กันยายน 12, 2025, 10:28:35
-
สวัสดีพี่ๆทุกท่านอีกครั้งนึงครับ ขอเล่าท้าวความก่อนนะครับ ผมออก F10 เครื่องดีเซล ปี16 มือ2 ตอนแรกมีความคิดที่จะค่อยๆไล่เก็บงาน ให้รถเหมือนรถใหม่ หลังจากใช้งานมา 6เดือน ผมใช้ค่าใช้จ่ายในการเก็บงานกับรถไปแล้ว 60,000 บาท(ไม่รวมผ่อน) เลยรู้สึกว่าค่อนข้างที่จะไม่พร้อมถ้าต้องซ่อมแบบ preventive อย่างที่คิดไว้ตอนแรก เลยอยากขอคำแนะนำพี่ๆว่าเราควรมีมายเซทยังไงกับรถมือ2 เราควรลำดับความสำคัญในการทำรถยังไงครับ ในงบประมาณที่จำกัด เพราะอยากใช้ชีวิตในด้านอื่นๆด้วย แต่ก็เป็นคนรักรถมากๆเช่นกัน ขอบคุณทุกท่านครับ 🤍🙏
รถที่ผมได้มาเป็นเจ้าของเก่า bsi 7ปีครับ (แกซื้อเพิ่ม) ก่อนส่งต่อแกซ่อม
1.คอมแอร์+ตู้
2.ยางรองแท่นเครื่อง+เกียร
3.โช๊ค4 ต้น
4.มูเล่หน้า
ผมรับรถต่อมาไมล์ประมาณ 1.3แสนโลซ่อม
1.ซ่อมพวกจิปาถะเช่น ฟิลเตอร์ฝาครอบโบเวอร์, มือจับเหนียว, แผ่นใต้เกียรขาด, โช๊คฝากระโปรงมีเสียง
2.ไฟหน้ารถ (เดย์ไลท์ขาดหมด)
3.ฝาครอบวาร์ว (น้ำมันเครื่องซึม)
4.กรองน้ำมันเกียร์
5.เปลี่ยนของเหลว น้ำมันเครื่อง, เกียร์, เฟืองท้าย
ลองเอาเข้าอู่ไปเช็ค แล้วอู่บอกว่าใกล้เสียแต่ยังไม่ได้ทำ
1.ซีลท้ายเครื่องซึม (แต่ค่าแรงแพงมากเพราะต้องยกเครื่องออกมาทำ)
2.ปีนกล่างตัวตรงซ้าย,ขวา (ยางเริ่มแตกลายงา)
3.ปีกนกบนตัวงอซ้าย,ขวา (ยางเริ่มแตกลายงา)
4.บูทเฟืองท้ายตัวหน้า (มีทั้งหมด3ชิ้น)
สิ่งที่กังวล
1.ชุดโซ่,รางไกด์โซ่ (ถึงจะเป็นเครื่อง b47แล้วแต่ตอนนี้ไมล์เกือบ1.5แสนโลแล้ว)
2.ออยเครื่อง
3.ออยเกียร
-
ซีลท้ายรอเปลี่ยนพร้อมโซ่
ช่วงล่างถ้ายังไม่พร้อมเปลี่ยนยกชิ้นต้องลองถามร้านอัดบุชแบบพวกโชวจุง ว่าอัดได้มั้ยราคาแรงมั้ย
ช่วงล่างถ้าขับเร็วก็ทำเลย ขับช้ารอได้
เก็บตังค์ไว้เปลี่ยนโซ่ เพราะยกออกมาอาจจะมีรอบๆที่ควรเปลี่ยนไปเลยอีกเยอะ
-
ออยเกียร์แยกได้ก็แยกเลย ซ่อมเกียร์มันไม่สนุก
ออยเครื่องต้องดู เครื่องบางรุ่นไม่ค่อยแตก บางรุ่นแตกแล้วแตกอีก
-
ค่อนข้างมั่นใจ ว่าอาการเครื่องแต่ละรุ่น มันมีจุดสำคัญ และน่ากังวลต่างกันออกไปน่ะครับ
แต่เป็นผมนะ
1. ออยเกียร์ แตกมาก็ ปาดเหงื่อดีเซลด้วย
2. ออยเครื่อง ปกติมันไม่ค่อยเป็นไรนะ ตรวจสอบก็พอ
3. ชุดโซ่ + ซีลท้าย
4. พวกช่วงล่าง รอพร้อมกันก็พอได้ ไม่ใช่อาการรุนแรง
-
ต้องแยกบแบนี้ครับ
่ซ่อมตามอาการ? หรือ จะทำให้เหมือนรถใหม่?
คุณแยกตรงนี้ได้หรือยังครับ
ถ้าจะทำให้เหมือนรถใหม่ ก็ต้องลงเงินเยอะครับ เพราะอะไรเปลี่ยนได้ก็ต้องเปลี่ยน ถ้าอะไรมี 2 ชิ้น หรือมาเป็นคู่ L/R ก็ต้องเปลี่ยนยกคู่ ครับ
ไม่งั้น พอซ่อมฝั่งซ้ายเสร็จ เดี๋ยวใั่งขวาก็ตามมา จะกลายเป็นเสียค่าช่าง 2 รอบอีก ซึ่งคุณก็ต้องลงเงินกับอะไหล่ 2 ชิ้นนั้นพร้อมกัน
แต่ถ้าเลือกจะเปลี่ยนทีละข้าง ก็จะจ่ายค่าอะไหล่น้อยหน่อย ทำไปทีละชิ้น แต่ก็ต้อง เอาข้ามาทำอีกข้าง เสียค่าแรง 2 รอบก็จริง แต่เหมือนแบ่งจ่าย
อีกอย่าง บางชิ้น ถึงเวลาต้องเปลี่ยนเลย ไม่ใช่รอให้พังค่อยเปลี่ยน เพราะ ณ ตอนที่มันพัง มันจะลากอย่างอื่นพังไปด้วย เสียหนักกว่าเดิม
โดยเฉพาะ ออย หรือ วอร์มเมอร์ ผมตัดทิ้งไปแล้ว แล้วติดตั้ง เป็น ออยแยก แทนไปเลย จบๆ เพราะถ้าแตก แล้ว ถึงขั้นเกียร์พังด้วยนิ จะมันไม่หลักหมื่นละ มันจะเป็นหลักแสน เลยทีเดียว
ดังนั้น การเล่นรถมือ 2 ไมล์เยอะ หรือ อายุเยอะ ต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้ โดยเฉพาะรถที่อะไหล่แพง และ อู่เฉพาะทาง ต้องใจรักจริงๆ และ ยอมเสียหลายๆ อย่าง (เวลา และ เงิน)
ปล. พยายามแยกดูแล ชิ้นส่วนที่ ไม่สมบูรณ์หรือพังแต่ยังใช้งานต่อได้ vs พังแล้วรถไปต่อไม่ได้และมีต่อความปลอดภัยด้วย อันนี้สำคัญครับ
-
ยุ่งกับเครื่องก่อนดีกว่า พวกรางดันโซ่ + ซีลท้ายเครื่อง + ออยล์
ช่วงล่าง ถ้าไม่หนักหนา ก็วิ่งได้
ถ้าหนัก แล้วอยากประหยัด ก็อัดไปก่อน
-
ทำเครื่องก่อน สำคัญสุด ช่วงล่างรอก่อน
-
ขอบคุณพี่ๆทุกท่านมากครับสำหรับคำแนะนำ ได้ความรู้ทุกครั้งที่สอบถาม ตั้งแต่อยู่มหาลัยจนอายุเลข3 community คุณภาพ🙏🤍
-
คนที่ลากใช้รถยาวๆ ถึงแม้เราจะซื้อมือ สองมาแต่อย่างน้อยเราก็รู้ประวัติจากเจ้าของเดิมว่าทำอะไรมาบ้าง ก็จัดว่าช่วยได้เยอะเลย
ทีนี้ผมที่เคยมีประสบการดูแลรถเก่าใช้มา 10ปี อย่างมาสด้า 3 BK สิ่งที่เราต้องทำคือ หาความรู้ก่อนครับว่า อะไรมันจะพังบ่อยๆและถ้าพังหาอะไหล่เองได้ที่ไหน
ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า ไม่ว่าจะมาสด้า หรือยุโรปอย่าง BMW ถ้าเข้าอู่ไม่ว่าเฉพาะทางหรืออู่รวม นอกจากจะโดนค่าแรงแล้วยังบวกราคาอะไหล่ด้วย โดยเฉพาะรถคนรวยอย่าง BMW
ดังนั้น การที่เรารู้แหล้งอะไหล่ ทำให้เราพอทราบว่า อะไหล่แต่ละตัวเค้าขายกันเท่าไร
ยกตัวอย่าง ผมเคยโดนอู่ฟันราคาปั๊ม ABS มือ 2 แจ้งผมมา 9พันบาท ซึ่งตอนนั้นผมพอทราบแหล่งอะไหล่แล้วว่าเค้าขายที่ไหนและราคาเท่าไร ซึ่งร้านเค้าขายอยู่ 3พันบาทเท่านั้นเอง เมื่อเราทราบตรงนี้แล้ว เราก็สามารถต่อรองได้เช่น เดียวเราหาอะไหล่มาเอง แล้วให้อู่คิดค่าแรงไปก็จะเซฟได้มาก
ส่วน F10 ตัวนี้ ที่ผมเจอบ่อยๆและเป็นจุดเล็กๆที่ทำให้เราเสียเงินหลักแสนได้ง่ายๆเลยคือ "ออยวอร์มเมอร์แตก" ครับ พูดง่ายๆ มันคือออยเกียร์แหละครับ ซึ่งรถคุณวิ่งมา 1.5แสนโล และอายุ 10ปีแล้วนั้น มันเสี่ยงแตกได้ทุกเวลา และเมื่อถ้ามันแตก เกียร์ยกลูกเลยนะครับ ไม่ถูกนะ
ดังนั้นถ้าผมจะเตือนสำหรับรุ่นนี้ ก็คือตรงนี้แหละจุดที่ควรทำในตอนนี้ที่สุด ออยเกียร์ติดแยกก็ได้ หรือจะซื้อเทียบมาใส่ก็ได้ ลองเช็คราคาดูว่าเรารับได้แบบไหน
ส่วนอื่นเรื่องจุดซึม จุดร้าว มันยังใช้ได้ พวกนี้ถ้าเสียมันไม่ลามครับ พังตรงไหนซ่อมตรงนั้น มันจะเซฟเงินเรา ทนใช้ได้ก็ทนไป แต่ออยเวอร์เมอร์เนี่ย แตกแล้ว ไม่เสียเงินแสน รถวิ่งไม่ได้นะครับ ดังนั้น เปลี่ยนก่อนเสียหลักพันดีกว่าครับ
-
อีกทางลดค่าใช้จ่ายสำหรับสายยุโรปที่ในญี่ปุ่นนิยมด้วย อะไหล่ชิ้นแพงๆ อาจจะลองหาอะไหล่มือสองสภาพดีๆจากญี่ปุ่นได้ เพราะอายุรถประมาณ10-15ปี อะไหล่จากญีปุ่นจะเข้ามาค่อนข้างเยอะและมีสภาพดีๆให้เลือกได้
-
ถ้าเอาชัวร์ ก็ทำรอบๆเครื่อง พวกซีล และชุดโซ่ก่อนครับ แต่ก็หลัก แสนกลางๆครับ ลองดูคลิปคุณอาร์ทดูครับ
ส่วน mindset การใช้รถถ้าแบบฝรั่งๆเลยคือ วิ่งได้ก็ไม่ต้องทำไรครับ ต่อให้ไฟเตือนขึ้นเต็มหน้าปัทก็ไม่ต้องสนใจ
แค่หมั่นเช็คระดับน้ำมันเครื่องกับขยันเปลี่ยนบ่อยๆ ทุกๆ หกเดือนหรือ หมื่น กม ก็พอครับ
ใช้ไปเก็บเงินไป ถ้ามีงบสักสองแสน ค่อยไล่ปูพรม คราวนี้ก็ใช้ยาวๆ 7 ถึง 10ปีเลยครับ
-
If it ain't broke, don't fix it
-
เก็บอาการรถ และ ความรู้สึกตอนใช้รถไว้ครับ ว่าปกติควรเป็นยังไง
อะไรก่อน อะไรหลัง อย่างที่พี่บนๆว่า ช่วงล่างพังมันยังวิ่งได้ แค่มีเสียงกับกินยาง อันนี้ไม่ด่วน
อย่างเรื่องซีลท้ายนี่เป็นอะไรที่ปวดหัวเหมือนกัน เพราะ ค่าซีลหลักร้อย ค่ายกหลักพัน ถ้าแค่ซึม ก็เก็บเงินซื้อะไหล่รอบ ๆ ที่ต้องทำพร้อมกัน ตอนยกลงดีกว่า จะได้เสียค่าแรงรอบเดียว
-
ลองดูช่องนี้เป็นแนวทางนะครับ มีหลายวิดีโอเลยที่ทำ F10 https://www.youtube.com/watch?v=ElJBAAkIqVQ
-
ขอบคุณทุกท่านครับผม 🙏🤍💯