Headlight Magazine : community
General => User's Voice => ข้อความที่เริ่มโดย: IS ที่ กันยายน 15, 2025, 10:21:22
-
สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกที่กดเข้ามาอ่าน
วัตถุประสงค์ในวันนี้ อยากแบ่งปันรีวิวรถของตัวเองให้เพื่อนๆ สมาชิก ที่สนใจ หรือ เป็นข้อมูล เพื่อเอาไปแนะนำ ญาติ , เพื่อนๆ ที่กำลังสนใจรุ่นนี้อยู่ จาก ผู้ใช้งานจริง ครับ
ีรีวิวนี้เป็น รีวิวแบบ"แห้ง" ไม่มีรูปนะครับ หากมีเวลาอาจมาอัพรูปทีหลัง , ผมขออนุญาติแบ่งเป็น part ๆ , มีใส่ความคิดเห็นส่วนตัวลงไปในรีวิวนี้ด้วย เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นครับ
PART 1 เหตุผล ก่อนออกรถ
เริ่ม !
การออกรถคันนี้ เกิดจากสถานการณ์น้ำท่วมฝนตกใน กทม ในปี 2566 - 2567 ที่บ้านและที่อยู่อาศัยของผมค่อนข้างรับผลกระทบหนักครับ อย่างในปี 67 ตอนนั้นขับ CIVIC FE TURBO RS ลุยเข้าบ้าน น้ำเกือบถึงไฟหน้า นานๆทีพอได้ นานๆถี่พอเลย ท่วมทุกปีด้วยความกังวลดังกล่าว บวกกับรูปแบบการขับรถของผมเวลาออกเดินทาง ตจว. ที่ใสทุกหลุม ดันทุกเนิน เหินทุกสะพาน เลยคิดว่าถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนรถที่เหมาะสมกับสภาพที่พักอาศัย , การขับขี่ของตนเอง และ รวม ถึงอายุที่มากขึ้น ปัญหาปวดเข่าที่ตามมา เวลาลุกเข้าออกจาก FE จึงค่อนข้างท้าทาย
ึแน่นอนว่าหวยต้องออกที่รถยกสูง (SUV - PPV) ในตัวเลือกที่ผมสนใจมีอะไรบ้าง ณ เดือนธันวาคม 2567
1.CRV TURBO : เครื่องเหมือนคันเดิม , ปัญหาแรคพวงมาลัย , ภายในคล้าย FE มาก ขอผ่านน
2.EVEREST : ภายนอกสวย , ภายในแจ่ม , ขับขี่นุ่นนวลมาก ,แต่ก็กังวลกับระบบไฟฟ้าที่ท่วมคัน ไว้พิจารณาอีกที
3.FORTUNER : เครื่องทำต่อได้เยอะ , เบาะแขวน , โมเดลค่อนข้างนานแล้ว , สรีระผมรู้สึกว่านั่งไม่สบาย , ภาพลักษณ์บนท้องถนน ขอผ่านน
4.MU-X : ตอนนั้นเพิ่งออกเครื่องใหม่ 2.2 น่าสนน , หน้าใหม่ minor ดูดีขึ้นกว่าเดิม , ต้องรอนานแน่ๆกว่าจะช่างไทยจะปรับจูนได้ , ช่วงล่างเหมือนจะนุ่ม แต่ มีอาการดีดจังหวะคืนตัว ไว้พิจารณาอีกที
5.PAJERO SPORT: โมเดลนานแล้ว , ทรงรถภายนอกดู บางๆสูงๆ , ไม่ชอบดีไซน์ด้านหน้า ตั้งแต่ PAJERO SPORT โฉมนี้เปิดตัวแล้ว ขอผ่านน
หลังจากคิดนานสองนาน ทั้งไปลองจับลองนั่งลองขับทุกตัวตามด้านบน จบที่ MU-X ด้วยเหตุผลง่ายๆเลยดังนี้
ราคาที่จ่าย - (สิ่งที่ได้เครื่อง,ออฟชั่น+ความสดใหม่+ราคาขายต่อ+อนาคตโมดิฟายต่อได้+ค่าบำรุงรักษา+ความมั่นใจในศูนย์บริการ) จึงลงเอยที่ mu-x คันนี้ครับ
(https://img2.pic.in.th/pic/Untitled89be731262e707fe.jpg)
โพสต่อไปเดียวเข้ารีวิวละครับ มีเวลาเดียวมาอัพอีกที
-
มาเล่าให้ฟังกันต่อครับ
PART 2 การเปลี่ยนแปลงจาก Sedan มา PPV
การบังคับควบคุม : แบบสรุปๆ
เทียบกับ FE แล้วอุ้ยอ้ายกว่าเยอะมากครับ ด้วยรุ่นนี้พวงมาลัยยังเป็นไฮดรอลิคบ้านๆ น้ำหนักค่อนข้างมากหากเทียบกับ FE ที่เป็นแรคไฟฟ้า
ปัญหานี้จะไม่หนักหนา หากคุณขับในความเร็วเดินทาง เพราะพวงมาลัยจะให้ความรู้สึกมั่นคง มั่นใจ มาพร้อมระยะฟรีเล็กน้อยพอรับได้สำหรับผมที่มาจาก FE (ในตอนที่แรคยังไม่พัง)
แต่จะมีปัญหาทันที หากคุณถอยจอด , กลับรถในห้าง กรณีที่รถหยุดนิ่ง จะค่อนข้างตึงมือพอสมควร
เพื่อนสมาชิกที่สนใจรุ่นนี้ควรขอทดลองขับในรุ่นที่ไม่ใช่แรคไฟฟ้าก่อนตัดสินใจซื้อ
หากเทียบความหนักจากรถที่ผมเคยขับ , เคยทดลองมาทั้งหมด เท่าที่จำความได้
เบา > หนัก
MU-X RS > CIVIC FE = ACCORD GEN10 > HRV 1.8 , FIESTA 1.6> VIOS GEN3 > MU-X ELEGANT = W211 หน้าธนู > TRITON (ตัวหลังปลัดขิก) > FORTUNER 2WD > DMAX VCROSS > ROCCO 4WD = DMAX GEN1 > CIVIC EF ;D
การบังคับควบคุม : ตามความเร็ว
สำหรับ MU-X ELEGANT ที่มาพร้อมพวงมาลัยไฮดราลิคธรรมดาบ้านๆ
ในความเร็วต่ำ : น้ำหนักถือว่ากลางๆ แต่ด้วยวงเลี้ยว วงหมุน ของพวงมาลัยที่มาก ทำให้การลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย ค่อนข้างท้าทายพอสมควร สำหรับผมน้ำหนักมันไม่มาก แต่ด้วยวงหมุนของพวงมาลัยมันมากกว่า FE ซึ่งเราชินกับ FE พอมาขับคันนี้เดือนแรกอึดอัดทันที
ในความเร็วเดินทาง : น้ำหนักถือตรงค่อนข้างดี ระยะฟรีกำลังสวย การเลี้ยว,บังคับเปลี่ยนเลนส์ในกรณีฉุกเฉิน สร้างความมั่นใจได้ในระดับนึง
ในความเร็วสูง (140+) : ความมั่นใจยังพอได้ ระยะฟรีก็ได้ ความมั่นคงยังพอมี แต่ปัญหาของความเร็วระดับนี้มาจาก "ช่วงล่าง" เดียวจะว่ากันในหัวข้อถัดไป
ช่วงล่าง :
จาก FE มา MU-X ต้องปรับตัวพอสมควร ด้วยรถที่สูง และ โช็คที่ set มานุ่มนิ่มในจังหวะยุบ แต่ แอบดีดเด้งในจังหวะยืด (งงกับมัน) ทำให้การขับขี่เข้าโค้งในความเร็วสูงนิดหน่อย บนทางด่วน , ถนนข้ามจังหวัด ให้ความมั่นใจที่ไม่มากนัก
ด้วยอาการโยน , โคลงของรถ ค่อนข้างชัดเจน ในบางครั้งมีความเสียวๆ เหมือนจะหลุดโค้งอยู่เหมือนกัน ซึ่งอาการดังกล่าวคาดว่ามาจากโช็คที่ระยะยุบเยอะซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องปกติของรถประเภทนี้ โดยส่วนใหญ่
กลับกันในกรณีขับชลอๆในเมือง เจอหลุมบ่อ ระยะยุบทำได้ประทับใจนิ่มดี แต่ โช็คอัปหลัง ในจังหวะยืดค่อนข้างยืดเร็ว ทำให้ผู้สารแถวหลังหัวสั่นหัวคลอน บ่อยๆ คิดว่าอนาคตอันใกล้จะไปอัปเกรดโช็คใหม่แน่นอน
สรุปหากคุณเป็นคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ที่นั่งอยู่กลางรถ โช็คเดิมติดรถ ถือว่าทำหน้าที่ของมันได้ดี หากคุณเป็นคนขับรถทั่วๆไป ใช้ความเร็วไม่มาก และ ไม่เล่นโค้ง
การขับขี่ อัตราเร่ง , เกียร์ :
อัตราเร่งรถเดิมจากโรงงาน แค่พอใช้ 0 - 100 ผมจับเวลา 3 ครั้งได้เฉลี่ย 11.45 sec
ถ้าเทียบขนาดรถกับอัตราเร่งแบบนี้ ถือว่าพอรับได้
สิ่งที่น่าประทับใจอาจไม่ใช่เรื่องของอัตราเร่ง แต่เป็นการต่อเกียร์ 8at ใหม่ของรุ่นนี้ ต่อได้เนียนและเร็ว ถึงจะไม่เนียนเท่า everest แต่นี่คือ isuzu ที่ใช้ 6at มาเป็นชาติปรับมาเป็น 8at แค่นี้น้ำตาผมก็จะไหลละครับ
สำหรับเครื่องเกียร์รุ่นนี้ ในจังหวะออกตัวหากคุณกดคันเร่งซักครึ่งนึง หรือ ซัก 1 - 3 ของระยะแป้น อัตราเร่งการดีดตัวออกทำได้ดี เกียร์เปลี่ยนต่อเนื่องสมูธดี ขี่ข้ามจังหวัดสบายๆ
แต่...... กลับกันหากคุณขับอยู่ในกรุงเทพ หรือ อ.เมืองต่างจังหวัด ที่รถติดๆ เร่งๆเบรคๆ เกียร์ชุดนี้จะกลายเป็นปัญหาไปในทันที (ชั่วคราว)
อันเนื่องจาก ในรถที่ผลิต lot แรกๆ อย่างรถผม เดือน พย.2567 ซอฟแวร์เกียร์ไม่สมบูรณ์
อาการคือ เกียร์กระตุกในหลายๆจังหวะ (บางจังหวะนึกว่าขับ Ford Fiesta 1.6 PowerShiftหาย ที่เกียร์ใกล้ลาโลก)
1. กระตุกจังหวะจะหยุดรถ รถจะทำการเปลี่ยนจากเกียร์ 2 > 1 จังหวะจาก 2 > 1 จะมีอาการเหมือนรถโดนชนท้าย คล้ายๆคนสะอึก
2. จังหวะเร่งเปลี่ยนจาก เกียร์ 2 > 3 จังหวะนี้ อาการของรถคือเกียร์ไม่เปลี่ยน แต่ลาก 2 ไว้ พอจังหวะซอฟแวร์ให้เปลี่ยนเป็น 3 รถมีอาการสะอึก เหมือนข้อ ๅ
3. บางครั้งจังหวะลงเนินจากรถจะเปลี่ยนเกียร์ให้เองจาก 3 > 2 จะมีเสียงเกียร์ลั่น "ปั๊กก"
จากอาการด้านบน ทำผมจิตตกไปหลายสัปดาห์ วูบนึงต้องทบทวนว่านี่ เราคิดผิดนี่เราควรซื้อคุกกี้หรือเปล่า?
แต่ก็นั่นแหละครับ ซื้อมาแล้วมีปัญหาก็ต้องแก้กันไป ขนาด FE ยังเคลมแรคตั้ง 4 ครั้งกว่าจะจบ เคสนี้เกียร์พังก็เคลมศูนย์เอาละกัน
โดยอาการที่กล่าวมาด้านบนจะค่อยๆเบาลงเรื่อยๆตามเลขไมล์ อย่างปัจจุบันรถผม 20,000 กิโลแล้ว ทุกอาการยังมี แต่อาการเบาลง อย่างข้อ 1 ป้ายแดงเหมือนรถชนท้าย ตอนนี้ เหมือนมอไซค์ชนท้ายเป็นต้น
จากที่สอบถามติดตามสำนักงานใหญ่อย่างใกล้ชิดถึงปัญหาดังกล่าว ทราบว่า ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพัฒนาซอฟแวร์ยังไม่แล้วเสร็จ โดยหากซอฟแวร์พร้อมแล้วทางศูนย์จะแจ้งเจ้าของรถเพื่อเข้าอัพเดทต่อไป โดยการโทร
การเก็บเสียงถนน และ ภายในรถ : แบบสรุปๆ
การเก็บเสียงถนน ความเร็วเดินทางเงียบพอสมควร 80 - 120 ยางติดรถเป็น Dueler H/T 684II ที่ผมว่ามันเก็บเสียงดีพอสมควร , เสียงที่ได้ยินชัดมากกว่าเสียงยางคือ เสียงลูกยางกันกระแทก อาจเนื่องด้วยระยะยุบของโช็คเยอะ แทบทุกครั้งที่เลี้ยวลงจากลานจอดรถ จะได้ยินเสียงลูกยางกันกระแทกเสมอ
การเก็บเสียงภายในรถ 2 สิ่งที่น่ารำคาญคือ เสียงจากเครื่องในช่วงออกตัวเหมือนย้อนกลับไป 10 กว่าปีที่แล้ว 4JJ1 แต่เมื่อพ้นช่วงออกตัวเกียร์ 1 ไป ก็จะเงียบลงอยู่ในระดับที่รับได้ และ เสียงคอนโซลลั่นบริเวณกรอบแอร์เมื่อตัวถังบิดตัว (ตอนรู้ว่ารถเรามี deflect นี้ บอกตรงๆแทบร้องไห้ หนีมาจาก HRV , FE แล้วกรูต้องมาเจอกับ ISUZU อีกหรือออ?)
เดี๋ยวมาต่อครับ