Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: HOMY_DEMIO ที่ ธันวาคม 07, 2010, 21:16:22

หัวข้อ: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: HOMY_DEMIO ที่ ธันวาคม 07, 2010, 21:16:22
อัพเดทสถานการณ์รถยนต์เมืองนอกกันนะครับ

รู้สึกว่าช่วงนี้ Honda กับ Nissan ก็มีปัญหาเรื่องรถไม่ประสบความสำเร็จในบางรุ่นพร้อมกันแฮะ

ที่ดู ๆ แล้วอาการหนักมากสุดเห็นจะเป็น Nissan Cube ในยุโรปขายได้น้อยกว่า 370Z!!
กับ Honda insight ที่่ยอดลดลงเรือ่ย ๆ

Honda

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2130:honda--accord-crosstour-insight--cr-z-&catid=47:worlds-news&Itemid=55 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2130:honda--accord-crosstour-insight--cr-z-&catid=47:worlds-news&Itemid=55)

Nissan

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2131:-nissan-c-segment--&catid=47:worlds-news&Itemid=55 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2131:-nissan-c-segment--&catid=47:worlds-news&Itemid=55)
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: boyce ที่ ธันวาคม 07, 2010, 21:28:59
... เอามาขายเมืองไทยบ้างซิ (จะได้ขายดี...)  ;D
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: Periodontal ที่ ธันวาคม 07, 2010, 21:31:51
Cube ขายได้น้อยกว่า Z นี่ ฟังแล้วเครียดเลยครับ
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: YIM ที่ ธันวาคม 07, 2010, 21:34:47
Honda มีปัญหากับ Marketing รถ Hybrid จริงๆ นะ ทำยังไงก็ดังสู้พี่โตไม่ได้

CR-Z ผมว่ามันเป็น Halo Product มีไว้ประดับโชว์รูม อย่าคิดมาก ส่วน Crosstour ถ้าขายไม่ออก ก็ปล่อยๆ มันไปแล้วกัน หน้าตามันครึ่งกลางๆ (และไม่ได้ดูดีแบบ X6 เสียด้วย)

Cube เนี่ย ยังงั้ยยังไง ก็เป็นรถที่ตลาดหลักอยู่ในญี่ปุ่นนั่นแหละครับ จะเอารถแบบนี้มาวิ่งทางยาวๆ ความเร็วสูงๆ แบบบน Autobahn ก็ยังไงๆ นะครับ หรือจะไปวิ่งในทุ่งของยุโรป ก็ยังแหม่งๆ แถมหน้าตาเหลี่ยมๆ มันก็ออกเฉพาะกลุ่มไปหน่อย บนโลกนี้ คงมีแต่คนญี่ปุ่นมั้งที่ชอบรถแคบๆ สูงๆ เพราะที่ดินแพง

ส่วนที่ว่า Sentra ใหม่ จะย่อส่วน Altima ก็หวังว่าจะย่อส่วนได้ลงตัวนะครับ แต่ Altima รุ่นปัจจุบัน เหมือนเอา Teana J31 ผสมกับ Skyline V35 เลยนะ เหอๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: J!MMY ที่ ธันวาคม 07, 2010, 21:46:17
ผมเสนอทางออกให้เลยนะ

ข้อแรก เลิกใช้บริษัทิจัยตลาด แบบเดิมๆ นั่นทิ้งซะ พวกนั้น อาจจะใช้่ได้ดีในบางตลาด แต่บางประเทศ เช่นเมืองไทย มันไม่ใช่แบบที่ควรจะเป็น

ข้อต่อมา เลิกทำงาน ตามสั่ง ขอไปที เจ้านายควรมีแรงจูงใจกระตุ้นลูกน้องกว่านี้ ทำยังไงให้รักองค์กรกว่านี้ อย่ามาหวังแค่การลดต้นทุน
สร้างผลกำไร ทำให้นักลงทุนแฮปปี้ แต่พนักงานเกลียดขี้หน้า หนะ เลิกกันได้แล้วทั้งคู่!

ข้อถัดไป งานบริการหลังการขาย ของทั่วโลก เช็คกันหน่อยดีไหม ว่าเกิอะไรขึ้นบ้าง

ข้อสุดท้าย ศึกษาตลาดกันเองได้แล้ว ว่าลูกค้าที่ซื้อรถ ต้องการอะไร และทำรถให้ได้ตามนั้น

แต่ข้อสำคัญที่สุด ดีไซน์ ต้องโดน

หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: nonpatan ที่ ธันวาคม 07, 2010, 21:53:06
ไม่น่าแปลกใจเลย ถ้า นิสสัน จะขายไม่ออก เพราะ การออกแบบ ยังไงก็สู้เขาไม่ได้อยู่ดี(ในรถระดับแมส) ทำไมไม่เอาการออกแบบ ของ อินฟินิตี้มาใช้บ้างเนี่ย
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: kengointer ที่ ธันวาคม 07, 2010, 22:04:14
เอา 350z มาลงเครื่อง 2.5 เทียน่า ในราคา 2 ล้าน เลย รับรองอิอิ  ;D
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: shando ที่ ธันวาคม 07, 2010, 22:22:29
ดูจากน้องธิดา ก้รู้แล้วครับว่าค่ายนี้เอาเรื่องดีไซน์ไว้หลังสุด เฮ้ออ
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: HOMY_DEMIO ที่ ธันวาคม 07, 2010, 22:23:54
Honda มีปัญหากับ Marketing รถ Hybrid จริงๆ นะ ทำยังไงก็ดังสู้พี่โตไม่ได้

CR-Z ผมว่ามันเป็น Halo Product มีไว้ประดับโชว์รูม อย่าคิดมาก ส่วน Crosstour ถ้าขายไม่ออก ก็ปล่อยๆ มันไปแล้วกัน หน้าตามันครึ่งกลางๆ (และไม่ได้ดูดีแบบ X6 เสียด้วย)

Cube เนี่ย ยังงั้ยยังไง ก็เป็นรถที่ตลาดหลักอยู่ในญี่ปุ่นนั่นแหละครับ จะเอารถแบบนี้มาวิ่งทางยาวๆ ความเร็วสูงๆ แบบบน Autobahn ก็ยังไงๆ นะครับ หรือจะไปวิ่งในทุ่งของยุโรป ก็ยังแหม่งๆ แถมหน้าตาเหลี่ยมๆ มันก็ออกเฉพาะกลุ่มไปหน่อย บนโลกนี้ คงมีแต่คนญี่ปุ่นมั้งที่ชอบรถแคบๆ สูงๆ เพราะที่ดินแพง

ส่วนที่ว่า Sentra ใหม่ จะย่อส่วน Altima ก็หวังว่าจะย่อส่วนได้ลงตัวนะครับ แต่ Altima รุ่นปัจจุบัน เหมือนเอา Teana J31 ผสมกับ Skyline V35 เลยนะ เหอๆ

คำตอบของ Next Sentra L12F ดูจาก Nissan Ellure Concept จ้า
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: Wisidsak ที่ ธันวาคม 07, 2010, 23:24:02
เพลียกับ Honda เหมือนกัน

Accord Crosstour นี่ห่วยแตกสุดๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: prai ที่ ธันวาคม 07, 2010, 23:34:35
เอาน่า นิสสัน อีก 2 ปีก็รุ่งแล้ว
สู้สู้
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: motion ที่ ธันวาคม 08, 2010, 00:12:02
เอาคิวบ์ มาขายเมืองไทยและเอเชียดิ

ยุโรปเค้าไม่ซื้อกันก็อย่าไปขายเค้า.... ;D ;D

เฝ้ารออย่างไร้ความหวัง...
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: alzeto ที่ ธันวาคม 08, 2010, 03:17:35
เอ่อ ยอมรับว่า ฮอนด้าดูจริงตอนนี้ขาลงแบบลึกๆนะคะ  เริ่มถอนนั่นถอนนี่ แถม รถบางรุ่นเริ่มขายไม่ดีอีก  ถ้าไฮบริดสองรุ่นนี่?? อันนี้ยอมรับค่ะว่าฮอนด่้า ไฮบริด ในความรู้สึกฝรั่ง ก็มองว่าเป็นรถติดมอเตอร์ มากกว่าโตโยต้า ซะอีก ส่วน อีครอสทัวร์นี่ ช่างมันเถอะค่ะ รถอุบาทว์ที่สุดในสายพานการผลิตของเขาแล้ว เอาออกจะประทับใจกว่า เอลิเมนต์อีก

ส่วนนิสสัน ตัวเซนทรา มองยังไง ก็ยัง คงการลดต้นทุนจาก ธิดา สังเกตจากโครงเสา  การออกแบบนี่ ในสายตารถญี่ปุ่นนี่ ติดลบค่ะน้อยมากที่จะสวย

น่าจะดีไซน์แนวๆเรอโณต์ สักนิดนึง เอาแบบยุคหลังๆนะคะ อย่าเอายุคกระโปรงเรเนซองล่ะ เดี๋ยวแม่ด่ากระจุย

ริงโกะค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: NineKlao ที่ ธันวาคม 08, 2010, 07:27:45
อยากให้ การออกแบบผลิต ทำแบบ Nissan GT-R จัง

เคยเห็นขั้นตอนต่างๆแล้ว มันสุดยอดมาก แม้แต่เจ้านายใหญ่ก็

ลงมาดู มาลองขับ มาวิจารณ์ด้วยตัวเอง แล้วทีมพัฒนา

ก็เอาไปปรับปรุง จนออกมาเป็น GTR ที่เห็นๆกันอยู่ นี้แหละ

แม้แต่ตัว MC มันก็แทบไม่เปลี่ยนไปมาก เพราะเดิมๆ มันก็สวยอยู่แล้ว

ดูอย่างพวกสำนักแต่งทั้งหลาย เขาไม่ค่อยมีพาร์ท ภายนอกเพิ่มมากนัก
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: Terng ที่ ธันวาคม 08, 2010, 08:59:38
ผมเสนอทางออกให้เลยนะ

ข้อแรก เลิกใช้บริษัทิจัยตลาด แบบเดิมๆ นั่นทิ้งซะ พวกนั้น อาจจะใช้่ได้ดีในบางตลาด แต่บางประเทศ เช่นเมืองไทย มันไม่ใช่แบบที่ควรจะเป็น

ข้อต่อมา เลิกทำงาน ตามสั่ง ขอไปที เจ้านายควรมีแรงจูงใจกระตุ้นลูกน้องกว่านี้ ทำยังไงให้รักองค์กรกว่านี้ อย่ามาหวังแค่การลดต้นทุน
สร้างผลกำไร ทำให้นักลงทุนแฮปปี้ แต่พนักงานเกลียดขี้หน้า หนะ เลิกกันได้แล้วทั้งคู่!

ข้อถัดไป งานบริการหลังการขาย ของทั่วโลก เช็คกันหน่อยดีไหม ว่าเกิอะไรขึ้นบ้าง

ข้อสุดท้าย ศึกษาตลาดกันเองได้แล้ว ว่าลูกค้าที่ซื้อรถ ต้องการอะไร และทำรถให้ได้ตามนั้น

แต่ข้อสำคัญที่สุด ดีไซน์ ต้องโดน



บังเอิญผมทำงานในสายงานวิจัยตลาดพอดี อยากขอแชร์ข้อมูลเบื้องลึกนิดนึงครับ (เคยรับผิดชอบโปรเจคของแบรนด์รถญี่ปุ่นแบรนด์ไม่เล็กแบรนด์หนึ่ง ทำให้ได้รู้...)

สิ่งที่เป็นปัญหาน่าปวดหัวมากๆเวลารับงานวิจัยจากลูกค้าคือ ลูกค้าบางคนไม่เข้าใจการทำวิจัยการตลาด ไม่ว่าจะเป็น Quantitative research ที่ทำพวก Questionnaire Survey ต่างๆนานาหรือ Qualitative Research ที่ทำโฟกัสกรุ๊ปหรือ depth interview ก็ตาม

ลูกค้ามักจะพยายามยัดคำถามต่างๆนานาสารพัดเพื่อให้คุ้มค่าเงินค่าทำวิจัย (ซึ่งราคาค่อนข้างสูง) โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากบริษัทวิจัยตลาดว่ามันจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อคุณภาพงานวิจัยและข้อมูลที่เขาจะนำไปใช้ได้

ตัวอย่างเช่น แบบสอบถามในการทดสอบโฆษณา โดยปกติจะมีความยาวไม่เกิน 30 นาทีตามมาตรฐานในแพคเกจที่ขายให้ แต่สุดท้ายลูกค้าก็จะยัดเข้าไปจนมีความยาวเกือบ 50 นาที แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือ คนที่มาให้สัมภาษณ์นั้นถูก intercept เอาตามห้าง ซึ่งกำลังเดินช๊อปปิ้งอยู่ พอแบบสอบถามมันนานๆเข้า ก็จะเริ่มตอบแบบขอไปที ไม่มีสมาธิแล้ว บางรายโวยวายด้วยซ้ำไป

หรือแม้แต่การทำวิจัย Quali เช่นโฟกัสกรุ๊ป ลูกค้าแทนที่จะเสนอแค่โจทย์ว่าอะไรคือสิ่งที่อยากรู้ แล้วปล่อยให้บริษัทวิจัยที่เชี่ยวชาญการทำตรงนี้มากกว่า เป็นคนหาวิธีการ

แต่กลับกลายเป็นลูกค้ามาชี้นิ้วสั่ง ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้เสียเอง ตามที่ชั้นคิดชั้นต้องการ ไม่สนว่ามันจะถูกจะผิดยังไงทั้งๆที่ทางบริษัทวิจัยมักจะต้องทักท้วงอยู่แล้วแน่นอนว่าบางอย่างมันไม่เวิก คุณไปใช้คำถามตรงๆแบบนั้นไม่ได้ มันจะไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง อะไรแบบนี้เป็นต้น

มันทำให้รู้สึกว่า เหมือนทีมการตลาดของบริษัทลูกค้าขาดความเข้าใจในการทำวิจัยการตลาด แต่หลงคิดว่าตัวเองแน่ ที่มาจ้างบริษัทวิจัยกัน ก็เพราะขี้เกียจเขียน report ส่งเจ้านายกันหรือเปล่า? อะไรแบบนั้นครับ

แต่...ลูกค้าก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกคน เพียงแต่แชร์ให้ฟังว่า การทำวิจัยตลาดนั้นบางครั้งมันหินมากกว่าที่คิด มันไม่ได้จบแค่เขียนแบบสอบถามขึ้นมา ไปสัมภาษณ์ แล้วเขียน report ไปตาม fact ที่มี แล้วส่งลูกค้า แล้วจบ...ปัจจัยต่างๆมากมายที่มีผลกระทบต่อตัวข้อมูลเองทั้งในแง่ความแม่นยำและคุณภาพ

ลูกค้าชาวญี่ปุ่นเนี่ยจะดื้อด้านมากจนน่าเบื่อหน่ายเลยครับ คิดว่ากุเก่งกุแน่ สุดท้ายก็แพ้ตลาดไทยแลนด์ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ -0-"
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ ธันวาคม 08, 2010, 10:48:35
ผมเสนอทางออกให้เลยนะ

ข้อแรก เลิกใช้บริษัทิจัยตลาด แบบเดิมๆ นั่นทิ้งซะ พวกนั้น อาจจะใช้่ได้ดีในบางตลาด แต่บางประเทศ เช่นเมืองไทย มันไม่ใช่แบบที่ควรจะเป็น

ข้อต่อมา เลิกทำงาน ตามสั่ง ขอไปที เจ้านายควรมีแรงจูงใจกระตุ้นลูกน้องกว่านี้ ทำยังไงให้รักองค์กรกว่านี้ อย่ามาหวังแค่การลดต้นทุน
สร้างผลกำไร ทำให้นักลงทุนแฮปปี้ แต่พนักงานเกลียดขี้หน้า หนะ เลิกกันได้แล้วทั้งคู่!

ข้อถัดไป งานบริการหลังการขาย ของทั่วโลก เช็คกันหน่อยดีไหม ว่าเกิอะไรขึ้นบ้าง

ข้อสุดท้าย ศึกษาตลาดกันเองได้แล้ว ว่าลูกค้าที่ซื้อรถ ต้องการอะไร และทำรถให้ได้ตามนั้น

แต่ข้อสำคัญที่สุด ดีไซน์ ต้องโดน



บังเอิญผมทำงานในสายงานวิจัยตลาดพอดี อยากขอแชร์ข้อมูลเบื้องลึกนิดนึงครับ (เคยรับผิดชอบโปรเจคของแบรนด์รถญี่ปุ่นแบรนด์ไม่เล็กแบรนด์หนึ่ง ทำให้ได้รู้...)

สิ่งที่เป็นปัญหาน่าปวดหัวมากๆเวลารับงานวิจัยจากลูกค้าคือ ลูกค้าบางคนไม่เข้าใจการทำวิจัยการตลาด ไม่ว่าจะเป็น Quantitative research ที่ทำพวก Questionnaire Survey ต่างๆนานาหรือ Qualitative Research ที่ทำโฟกัสกรุ๊ปหรือ depth interview ก็ตาม

ลูกค้ามักจะพยายามยัดคำถามต่างๆนานาสารพัดเพื่อให้คุ้มค่าเงินค่าทำวิจัย (ซึ่งราคาค่อนข้างสูง) โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากบริษัทวิจัยตลาดว่ามันจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อคุณภาพงานวิจัยและข้อมูลที่เขาจะนำไปใช้ได้

ตัวอย่างเช่น แบบสอบถามในการทดสอบโฆษณา โดยปกติจะมีความยาวไม่เกิน 30 นาทีตามมาตรฐานในแพคเกจที่ขายให้ แต่สุดท้ายลูกค้าก็จะยัดเข้าไปจนมีความยาวเกือบ 50 นาที แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือ คนที่มาให้สัมภาษณ์นั้นถูก intercept เอาตามห้าง ซึ่งกำลังเดินช๊อปปิ้งอยู่ พอแบบสอบถามมันนานๆเข้า ก็จะเริ่มตอบแบบขอไปที ไม่มีสมาธิแล้ว บางรายโวยวายด้วยซ้ำไป

หรือแม้แต่การทำวิจัย Quali เช่นโฟกัสกรุ๊ป ลูกค้าแทนที่จะเสนอแค่โจทย์ว่าอะไรคือสิ่งที่อยากรู้ แล้วปล่อยให้บริษัทวิจัยที่เชี่ยวชาญการทำตรงนี้มากกว่า เป็นคนหาวิธีการ

แต่กลับกลายเป็นลูกค้ามาชี้นิ้วสั่ง ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้เสียเอง ตามที่ชั้นคิดชั้นต้องการ ไม่สนว่ามันจะถูกจะผิดยังไงทั้งๆที่ทางบริษัทวิจัยมักจะต้องทักท้วงอยู่แล้วแน่นอนว่าบางอย่างมันไม่เวิก คุณไปใช้คำถามตรงๆแบบนั้นไม่ได้ มันจะไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง อะไรแบบนี้เป็นต้น

มันทำให้รู้สึกว่า เหมือนทีมการตลาดของบริษัทลูกค้าขาดความเข้าใจในการทำวิจัยการตลาด แต่หลงคิดว่าตัวเองแน่ ที่มาจ้างบริษัทวิจัยกัน ก็เพราะขี้เกียจเขียน report ส่งเจ้านายกันหรือเปล่า? อะไรแบบนั้นครับ

แต่...ลูกค้าก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกคน เพียงแต่แชร์ให้ฟังว่า การทำวิจัยตลาดนั้นบางครั้งมันหินมากกว่าที่คิด มันไม่ได้จบแค่เขียนแบบสอบถามขึ้นมา ไปสัมภาษณ์ แล้วเขียน report ไปตาม fact ที่มี แล้วส่งลูกค้า แล้วจบ...ปัจจัยต่างๆมากมายที่มีผลกระทบต่อตัวข้อมูลเองทั้งในแง่ความแม่นยำและคุณภาพ

ลูกค้าชาวญี่ปุ่นเนี่ยจะดื้อด้านมากจนน่าเบื่อหน่ายเลยครับ คิดว่ากุเก่งกุแน่ สุดท้ายก็แพ้ตลาดไทยแลนด์ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ -0-"

เป็นอีกด้านนึงที่น่าสนใจครับ

อีกด้านนึง ผมว่าวิจัยการตลาดแบบละเอียดจัดมากๆ ผมว่าน่าจะทำสำหรับ

1) รถ segment ใหม่ที่ไม่เคยทำตลาดในเมืองไทยมาก่อน

2) รถที่ยอดขายไม่ดีมาตลอดและต้องการเอาชนะจ้า่วตลาด

และผมว่าบางทีบางครั้งการวางเป้าหมายเพื่อเอาชนะรถที่ดีที่สุดในโลกก็ดีเหมือนกัน
แต่ก็อาจจะทำให้ควบคุมงบลำบาก ดังนั้น เอาแค่เป้าหมายคือจ้าวตลาดปัจจุบันเป็นพอ

แต่เชื่อว่า นอกจาก survey จากผู้บริโภคทั่วๆ ไปแล้ว ภายในองค์กร ในกลุ่มผู้บริหาร
และความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ อีกไม่น้อย น่าจะถูกเอามารวมด้วยทั้งหมดจนใน
ที่สุด ก็จะเป็น หม้อใบใหญ่ที่รวม ความเห็นที่หลากหลายมากมาย อยู่ภายใน ซึ่งก็ทำให้
การออกแบบรถยนต์หนึ่งคัน ยากเหมือนเข็นรถขึ้นภูเขา

ผมว่ารถตลาดๆ ธรรมดาๆ ที่ต้องจับกระแสคนหมู่มาก และยังต้องคงลักษณะที่มีสมรรถนะที่ดี
นี่แหล่ะผลิตยากที่สุด เพราะต้องรวมความเห็นของคนหลายๆ กลุ่มให้มากที่สุด ในขณะที่
รถอย่าง GTR คุณเพียงแค่วางเป้าหมาย เป็นรถที่มีสมรรถนะที่ดีที่สุด มีรูปร่างหน้าตาที่สปอร์ต
และดูดีที่สุด ให้ได้อันดับ 1 เป็นพอ ซึ่ง มันไม่ได้ยากตรงการ survey แต่มันจะไปยากตรง
ด้าน technical ด้าน engineering ตรงนั้นมากกว่า ในขณะที่รถ family บ้านๆ ธรรมดา จะมีความ
สับสนในการพัฒนาง่ายกว่า
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ ธันวาคม 08, 2010, 10:51:54
อัพเดทสถานการณ์รถยนต์เมืองนอกกันนะครับ

รู้สึกว่าช่วงนี้ Honda กับ Nissan ก็มีปัญหาเรื่องรถไม่ประสบความสำเร็จในบางรุ่นพร้อมกันแฮะ

ที่ดู ๆ แล้วอาการหนักมากสุดเห็นจะเป็น Nissan Cube ในยุโรปขายได้น้อยกว่า 370Z!!
กับ Honda insight ที่่ยอดลดลงเรือ่ย ๆ

Honda

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2130:honda--accord-crosstour-insight--cr-z-&catid=47:worlds-news&Itemid=55 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2130:honda--accord-crosstour-insight--cr-z-&catid=47:worlds-news&Itemid=55)

Nissan

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2131:-nissan-c-segment--&catid=47:worlds-news&Itemid=55 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2131:-nissan-c-segment--&catid=47:worlds-news&Itemid=55)


5555555 ประโยคเด็ดมากครับ "สวนทางกระแสชื่นชมในเอเชียราวฟ้ากับชั้นแม็กม่า"

ส่วนเรื่องความสวยของรถในยุคปัจจุบัน
ขนาดคนอินเดียที่ไม่ค่อยโดดเด่นนักด้านความมีแฟชั่นความทันสมัย
ยังบ่นว่า design ของ Etios นั้น อุบาทว์และรับไม่ได้ ดังนั้น ก็บอกได้เลยว่า โลกยุค 2010
ต่อไปนี้นั้น การจะเอารถ design ไม่สวยออกมาปั้นขายโดยเน้นการใช้งานอย่างเดียว คงไม่ work
เหมือนยุคที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้ว คนที่เน้นการใช้งานอย่างเดียว มีขนาดถดถอยลง ในขณะที่คนที่ชื่นชม
รถที่สวยงาม มีมากขึ้น รูปร่างของ Sentra นั้นก็มีสัดส่วนไม่ work อย่างแรง เหมือนๆ กับ Etios (อันนี้ใน
สายตาของผมนะครับ)
หัวข้อ: Re: เมื่อ Honda, Nissan กลุ้มใจรถ "ขายไม่ออก"
เริ่มหัวข้อโดย: MandM ที่ ธันวาคม 08, 2010, 12:01:54
เป็นเรื่องปกติ มีขึ้นก็ต้องมีลง เป็นวัฐจักร

ตอนนี้รถเกาหลีมาแรง ดีซายน์อลังการงานสร้าง

เทคโนโลยี ไม่น้อยหน้าญี่ปุ่นอีกแล้ว