Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: e:smart Hybrid ที่ พฤศจิกายน 30, 2025, 11:09:26

หัวข้อ: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ พฤศจิกายน 30, 2025, 11:09:26
ผมว่าราคารถไฟฟ้าจีนตอนนี้ลดราคาลงมาเยอะแล้ว

ตอนนี้ 4 แสน ก็ได้รถทรงปกติ วิ่งได้ราวๆ 400 โล กำลังเครื่องพอได้ ยี่ห้อไม่แปลกเป็นรถกระป้อ แบบ Neta or วู่หลิน

เช่น Geely EX2

แต่ปัญหา ผมว่า อายุการใช้งานยังน้อยไปนะครับ เพราะการรับประกันตอนนี้ ค่ายรถจะกำหนดไว้ที่ 5-7 ปี แบตเตอรี่ ยังรับประกันที่ 8 ปี แถมจำกัดไว้ที่ราวๆ 1.5-2 แสนโล

สมมุติว่า ผมซื้อ EX2 ตัวล่าง แบบใช้แล้วทิ้ง คำนวนต่อปี เทียบกับรถน้ำมันในราคาสูงกว่า ก็ยังไม่คุ้มเท่าไหร่ครับ เพราะตอนขายมือ 2 รถน้ำมันได้ราคากว่า ส่วนไฟฟ้า นี่ ผมคิดว่าตอนปีที่ 6-8 นี่แทบจะเป็นซากละ รถ 4 แสน มูลค่าที่เหลือไม่น่าถึง 5 หมื่นครับ

คิดอย่างไรกันครับ
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ พฤศจิกายน 30, 2025, 12:03:02
เอามุมมองการใช้งาน ยกตัวอย่าง EX2 กับ มาสด้า 2 ละกัน (ความเห็นส่วนตัวผมนะ)

ราคาเริ่มต้นที่ตัวต่ำสุด EX2 399,990บาท  กับมาสด้า 2 529,000 บาท

ราคาตัวรถที่ต่างกัน 1แสนบาท(ตัวเลขกลมๆ) เมื่อใช้ไป 5 ปีเท่ากัน ซึ่งส่วนใหญ่จะผ่อนกันในเรทนี้

มาสด้า 2 ความประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 20 กิโล/ลิตร ส่วน EX ก็ไม่ต้องจ่าย

ประกัน มาสด้า 2 ชั้น 1 ซ่อมห้าง ประวัติดีไม่ข้าม 2 หมื่น แต่ EX2 แพงกว่านั้นเป็นหมื่น ถ้าเทียบที่ต้องจ่าย  EX2 จะจ่ายค่าประกันภัยแพงกว่ามาสด้า 2 ปีละ 1หมื่นบาท 5ปี รวม 5 หมื่นบาท (ในเคสที่ซื้อชั้น 1 5ปีนะ)

และเมื่อใช้ถึง 5 ปีต้องการขาย มาสด้า 2 ปัจจุบัน รถอายุ5 ปี ราคาซื้อหน้าเต้นท์อยู๋ที่ 2 แสน+- แล้วแต่สภาพ ส่วน EV ไม่ว่าจะยี่ห้อไหนในตอนนี้ คือไม่มีราคา เต้นท์ไม่รับทุกกรณีครับ

ทีนี้ คุ้มไหมล่ะ ถ้าเจอโจทย์นี้ นี่ยังไม่รวมเคสที่ ถ้าเกิดอุบัติเหตุหนักในระยะ 5 ปี ซึ่งมาสด้า 2 มีอะไหล่แน่ๆ ส่วน EX2 นั่น ถ้าซวยเจอใครมาจิ้มตูดสักที จะได้กลับมาใช้อีกไหมยังไม่รู้เลย

ความซวยมันน่ากลัวครับ
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: DiKiBoyZ ที่ พฤศจิกายน 30, 2025, 15:57:21
รถน้ำมัน บางยี่ห้อ ราคามือ 1 แถวๆ 5 แสน

5-6 ปี ผ่านไป ราคาไม่ถึง 1 แสน ก็มีครับ

ผมว่า มันไม่ต่างกับ ตัวอย่างที่ จขกท. ยกมานะ

อยู่ที่ว่า จะไปโฟกัส หรือ เทียบรุ่นไหน กับ รุ่นไหน

ถามว่า ราคาตกเยอะไหม ถ้าเทียบกับรถน้ำมัน ถ้าเทียบกับ Honda Toyota ใช่ ว่า สัดส่วนราคามือ 2 มันต่างกันเยอะพอสมควร

แต่ถ้าเทียบกับยี่ห้อที่เป้นตลาดรอง ดูครับ ต่างกันไม่ได้มากเลย
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: wibul10 ที่ พฤศจิกายน 30, 2025, 16:07:01
เปรียบแบบนี้ เปรียบได้ แต่ดูแล้วมันมีแค่มิติเดียวครับ
รถไฟฟ้าจีน ปัจจุบัน ราคาถูกกว่ารถญี่ปุ่นในรุ่นเดียวกันพอสมควร แถมได้ ออปชั่นต่างๆ เยอะกว่า ความสบายในการขับขี่ดีกว่า ที่สำคัญ ทุกๆ กิโลที่คุณขับไป ต้นทุน คชจ ลดลงทันที ตีซะว่า ถ้าคุณขับ 5 ปี ปีละ 25000 กิโล ชาร์จไฟบ้าน และค่าน้ำ 30-35 บาท ต่อลิิตร คุณประหยัด ปีละอย่างน้อย 25000 บาท เลยครับ หรือ มากกว่านั้น ดังนั้น หากรถคุณห้าปี ยังขับได้ คุณจะประหยัดไปอีกเท่าไร เพราะราคาเริ่มต้นตอนซื้อ รถน้ำมันก็แพงกว่า แล้ว ยิ่งคุณขับไป ค่าน้ำมันค่าดูแล ก็ยิ่งแพงขึ้นครับ

ยังไง ตอนขาย ถ้าเป็นซาก ผมเชื่อว่ายังไงก็ยังคุ้มกว่าครับ ยิ่งขับมากยิ่งประหยัด รถไฟฟ้า ประเด็นจะอยู่ที่ แบต กับ อินเวอร์เตอร์ ระบบระบายความร้อน ถ้าพวกนี้เสียต้องรีบดูแลครับ ก่อนจะพัง
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: off_033 ที่ พฤศจิกายน 30, 2025, 18:45:03
รถไฟฟ้าปัญหาไม่ใช่ค่าเสื่อมอย่างเดียว

ปัญหาคืออะไหล่มากกว่า  ทั้งไม่มีและแพงแถมไม่ทน  ชนทีรอกันเบื่อหรือแบตลูกนึงแพงมากๆ 

เลยต่อเนื่องไปถึงราคาขายต่อ  คนไม่อยากได้มือสอง ราคาก็ดิ่งเหวไป

เค้าประกัน 8 ปีก็ถือว่าเหมาะแล้วสำหรับรถใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ พฤศจิกายน 30, 2025, 19:57:24
เอามุมมองการใช้งาน ยกตัวอย่าง EX2 กับ มาสด้า 2 ละกัน (ความเห็นส่วนตัวผมนะ)

ราคาเริ่มต้นที่ตัวต่ำสุด EX2 399,990บาท  กับมาสด้า 2 529,000 บาท

ราคาตัวรถที่ต่างกัน 1แสนบาท(ตัวเลขกลมๆ) เมื่อใช้ไป 5 ปีเท่ากัน ซึ่งส่วนใหญ่จะผ่อนกันในเรทนี้

มาสด้า 2 ความประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 20 กิโล/ลิตร ส่วน EX ก็ไม่ต้องจ่าย

ประกัน มาสด้า 2 ชั้น 1 ซ่อมห้าง ประวัติดีไม่ข้าม 2 หมื่น แต่ EX2 แพงกว่านั้นเป็นหมื่น ถ้าเทียบที่ต้องจ่าย  EX2 จะจ่ายค่าประกันภัยแพงกว่ามาสด้า 2 ปีละ 1หมื่นบาท 5ปี รวม 5 หมื่นบาท (ในเคสที่ซื้อชั้น 1 5ปีนะ)

และเมื่อใช้ถึง 5 ปีต้องการขาย มาสด้า 2 ปัจจุบัน รถอายุ5 ปี ราคาซื้อหน้าเต้นท์อยู๋ที่ 2 แสน+- แล้วแต่สภาพ ส่วน EV ไม่ว่าจะยี่ห้อไหนในตอนนี้ คือไม่มีราคา เต้นท์ไม่รับทุกกรณีครับ

ทีนี้ คุ้มไหมล่ะ ถ้าเจอโจทย์นี้ นี่ยังไม่รวมเคสที่ ถ้าเกิดอุบัติเหตุหนักในระยะ 5 ปี ซึ่งมาสด้า 2 มีอะไหล่แน่ๆ ส่วน EX2 นั่น ถ้าซวยเจอใครมาจิ้มตูดสักที จะได้กลับมาใช้อีกไหมยังไม่รู้เลย

ความซวยมันน่ากลัวครับ

ค่าประกันน่ากลัวมากครับ

รถน้ำมัน บางยี่ห้อ ราคามือ 1 แถวๆ 5 แสน

5-6 ปี ผ่านไป ราคาไม่ถึง 1 แสน ก็มีครับ

ผมว่า มันไม่ต่างกับ ตัวอย่างที่ จขกท. ยกมานะ

อยู่ที่ว่า จะไปโฟกัส หรือ เทียบรุ่นไหน กับ รุ่นไหน

ถามว่า ราคาตกเยอะไหม ถ้าเทียบกับรถน้ำมัน ถ้าเทียบกับ Honda Toyota ใช่ ว่า สัดส่วนราคามือ 2 มันต่างกันเยอะพอสมควร

แต่ถ้าเทียบกับยี่ห้อที่เป้นตลาดรอง ดูครับ ต่างกันไม่ได้มากเลย

ใช่ครับ แต่ Toyota Honda มันก็ต้องจ่ายในราคามากกว่า 2 แสนขึ้นไป นะครับ เทียบ EX2 กับ City hybrid SV or Yaris Ativ 1.2 premium นะครับ

เปรียบแบบนี้ เปรียบได้ แต่ดูแล้วมันมีแค่มิติเดียวครับ
รถไฟฟ้าจีน ปัจจุบัน ราคาถูกกว่ารถญี่ปุ่นในรุ่นเดียวกันพอสมควร แถมได้ ออปชั่นต่างๆ เยอะกว่า ความสบายในการขับขี่ดีกว่า ที่สำคัญ ทุกๆ กิโลที่คุณขับไป ต้นทุน คชจ ลดลงทันที ตีซะว่า ถ้าคุณขับ 5 ปี ปีละ 25000 กิโล ชาร์จไฟบ้าน และค่าน้ำ 30-35 บาท ต่อลิิตร คุณประหยัด ปีละอย่างน้อย 25000 บาท เลยครับ หรือ มากกว่านั้น ดังนั้น หากรถคุณห้าปี ยังขับได้ คุณจะประหยัดไปอีกเท่าไร เพราะราคาเริ่มต้นตอนซื้อ รถน้ำมันก็แพงกว่า แล้ว ยิ่งคุณขับไป ค่าน้ำมันค่าดูแล ก็ยิ่งแพงขึ้นครับ

ยังไง ตอนขาย ถ้าเป็นซาก ผมเชื่อว่ายังไงก็ยังคุ้มกว่าครับ ยิ่งขับมากยิ่งประหยัด รถไฟฟ้า ประเด็นจะอยู่ที่ แบต กับ อินเวอร์เตอร์ ระบบระบายความร้อน ถ้าพวกนี้เสียต้องรีบดูแลครับ ก่อนจะพัง

ผมใช้ Yaris Cross ครับ ราคาน้ำมันต่อกิโล อยู่ที่ 1.3-1.6 บาทต่อกิโล นะครับ

ถ้าไฟฟ้า ก็ควรต้องต่ำกว่า 50 สตางค์ต่อกิโล นะครับ

แต่เห็นด้วยว่า ใน option เท่ากัน รถญี่ปุ่นก็ต้องจ่ายแพงกว่า นะครับ

รถไฟฟ้าปัญหาไม่ใช่ค่าเสื่อมอย่างเดียว

ปัญหาคืออะไหล่มากกว่า  ทั้งไม่มีและแพงแถมไม่ทน  ชนทีรอกันเบื่อหรือแบตลูกนึงแพงมากๆ 

เลยต่อเนื่องไปถึงราคาขายต่อ  คนไม่อยากได้มือสอง ราคาก็ดิ่งเหวไป

เค้าประกัน 8 ปีก็ถือว่าเหมาะแล้วสำหรับรถใหม่ครับ

ครับ อะไหล่น่ากลัว ผมถึงยังไม่กล้าไปในวงการนั้นครับ เพราะตอนนี้ใช้ Yaris Cross ที่ผมรับต่อมาจากพ่อ (ผู้ล่วงลับ) ก็ใช้ได้ดี ครับ
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: เนื้อน่องไม่หนัง ที่ พฤศจิกายน 30, 2025, 20:49:43
ผมใช้รถไฟฟ้านะครับ
ช่วงที่ซื้อรถน้ำมันไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจครับ อาจมีก็ city e-hev ซึ่งก็ราคาสูงกว่า
ในมุมของการขับขี่มอบว่ารถไฟฟ้าทำได้ดีครับ ถึงจะเป็น dolphin ตัว std ที่ 0-100 12 วิ ก็ไม่ได้รูสึกว่าอืด ซึ่ง รถน้ำมันคงให้ไมไ่ด้ (แต่ Hybrid น่าจะให้ได้)

ความคุ้มค่า เหมอืนมันเปนคนละแนวทางกันครับ รถน้ำมันราคาขชายต่อดีกว่า ปรกันถูกกว่า(เยอะ) รุ่นใหม่ประหยัดระกับ 20-30 km กันแล้ว คชจต่อ km ลดลงมาเยอะครับ

ยังมองว่าถ้าใช้ต่อวันเยอะ รถไฟฟ้าที่ราคาไม่สูงพวก ex2 / dolphin std ก็ยังคุ้มค่าครับ ขับแบบไม่ต้องคาดหวังกับราคาขายต่อ ยอมรับสภาพตั้งแต่ตอนซื้อ ถึงเวลาขายเต้น หรือยกให้คนอื่นไปฟรีๆแทย

การใช้งานยังตอบไมได้ครับว่ามันยจะพังที่เท่าไร่ tesla กลุ่มที่วิ่งกัน 3-4 แสน km แบบไม่มีปัญหาก็มี(แต่คิดว่าเราคงไม่โชคดีขนาดนนั้น 555)

ถ้าต้องเลือกตอนนี้ อาจไปเอาพวก yaris hev แทนครับ อืดลงหน่อย แต่วิ่งยาวๆไม่ต้ิงหาที่ชาร์จ
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: mhujee ที่ พฤศจิกายน 30, 2025, 23:33:29
ผมว่าราคารถไฟฟ้าจีนตอนนี้ลดราคาลงมาเยอะแล้ว

ตอนนี้ 4 แสน ก็ได้รถทรงปกติ วิ่งได้ราวๆ 400 โล กำลังเครื่องพอได้ ยี่ห้อไม่แปลกเป็นรถกระป้อ แบบ Neta or วู่หลิน

เช่น Geely EX2

แต่ปัญหา ผมว่า อายุการใช้งานยังน้อยไปนะครับ เพราะการรับประกันตอนนี้ ค่ายรถจะกำหนดไว้ที่ 5-7 ปี แบตเตอรี่ ยังรับประกันที่ 8 ปี แถมจำกัดไว้ที่ราวๆ 1.5-2 แสนโล

สมมุติว่า ผมซื้อ EX2 ตัวล่าง แบบใช้แล้วทิ้ง คำนวนต่อปี เทียบกับรถน้ำมันในราคาสูงกว่า ก็ยังไม่คุ้มเท่าไหร่ครับ เพราะตอนขายมือ 2 รถน้ำมันได้ราคากว่า ส่วนไฟฟ้า นี่ ผมคิดว่าตอนปีที่ 6-8 นี่แทบจะเป็นซากละ รถ 4 แสน มูลค่าที่เหลือไม่น่าถึง 5 หมื่นครับ

คิดอย่างไรกันครับ

 ผมเข้าใจเจ้าของกระทู้ถูกไหมครับ คือ
  คิดว่าชีวิตรถไฟฟ้าจะตายตอนที่0หมดวารันตี เช่น 8ปี 160,000 กม. ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไม่คิดแบบนั้น แบบนี้ใครจะกล้าซื้อใช้
  ถ้าคิดแบบเดียวกัน แฟร์ๆ ส่วนมาก รถน้ำมันประกัน 5 ปี 150,000 กม. ไม่ยิ่งกว่าหรือครับ ตายไวกว่าอีก ซึ่งมันไม่ไช่ ใครๆก็รู้
  รถผม XV ประกัน 3 ปี  6หมื่นโล (เครื่องและเกียร์ 3ปี 1แสนโล)  แบบนี้คือน่ากลัวมาก  แต่ตอนนี้8ปี  9หมื่นโลก็ยังรอดชีวิต อาจจะใช้น้อย
  ถ้าคิดว่าแบตมันตายเร็วกว่าเครื่องยนต์ แล้ว ตอนนี้รถไฟฟ้าก็มี 2 เจ้าที่ Lift time warranty = MG / GAC แบบนี้คิดว่ายังไงครับ
  แต่มีรถยนต์ค่ายไหนไหมในไทยที่ประกันเครื่องยนต์ Life Time (จะใกล้เคียงหน่อยก็ GWM ที่ 1ล้านโล)
  แต่เรื่องขายต่อนี่แน่นอนรถไฟฟ้า ขายได้ถูกกว่าแน่นอน แต่ไม่ไช่ว่าจะไม่มีเต๊นท์รับเลย เต๊นท์นี้ไม่รับก็หาเต๊นท์อื่น
  (เห็นกระทู้ด้านบนว่าเต๊นท์ไม่รับรถไฟฟ้า ควรใช้คำว่าบางเต๊นท์ หรือหลายเต๊นท์)
  ล่าสุดก็มีอู่ที่รับซ่อมรถ EV แถวลำพูน ประกาศรับซื้อรถ EV น้ำท่วมที่หาดใหญ่ ถ้าเจ้าของรถไม่พอใจราคาคืนทุนของประกันหรือไม่อยากซ่อม
  เห็นเขานำรถอุบัติเหตุ EV และน้ำท่วมมาซ่อมขายก็ขายได้ตลอด ถ้าจำราคาไม่ผิด Deepal S07 น้ำท่วม เขาซื้อมาซ่อมขาย 5.9 แสน ประกาสวันเดียวขายได้เลย
   ถ้าผมเข้าใจผิดก็ขออภัยครับ
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: Magl ที่ ธันวาคม 01, 2025, 07:23:28
หลัง 7-8 ปี ยังไม่มีใครตอบได้ เรื่องแบตเสื่อม หวังว่าอนาคตแบตจะถูกลงและซ่อมด้านนอกได้แล้ว ผมเองก็ขาย civic มาออกรถไฟฟ้าเหมือนกัน ผมว่ามันตอบโจทย์ได้ไม่ทุกคน ผมใช้รถระยะ100กม. มันคุ้มค่าน้ำมันมากกว่า เบี้ยประกันแพงกว่าราวหมื่น สิ่งที่ยังไม่ครอบคลุมก็ที่ชารจ์ เจอช่วงวันหยุด จะหาคิวยาก วางแผนลำบาก แต่ผมมีรถน้ำมันอีกคันไว้เดินทางไกลอยู่แล้ว อีกอย่างผมซื้อมือสองมา คิดว่าผมไม่ขาดทุนนะ ราคาลงไปเยอะละ ดีกว่ามือ1 แล้วดอย
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: เหวินซิ่ว ที่ ธันวาคม 01, 2025, 10:31:06
geely ex2 ใช้ 5 ปี ขายไม่มีราคาก็ไม่ขาดทุน แต่เชื่อว่าถ้าใช้ห้าปีมือสองตีไปหนึ่งแสนบาทถ้วนก็เป็นไปได้แน่นอน ขาดทุนสามแสนในระยะเวลาห้าปีสบายๆแล้ว  แต่ประหยัดค่าน้ำมันไปหลักแสน แถมไม่ต้องจ่ายแพงกว่าเมื่อเทียบกับงบซื้อรถญี่ปุ่นในเซกเม้นเดียวกัน ประหยัดดอกเบี้ย และระยะเวลาผ่อน ใช้ชีวิตสบายขึ้นเมื่อค่าผ่อนรถน้อยลง ข้อดีมีเยอะถ้าจะให้พูด รถญี่ปุ่นก็ความเชื่อมั่น เรื่องอะไหล่ ราคาขายต่อ แต่เมื่อเอาส่วนต่างมาหักกับค่าตัวรถไฟฟ้าแล้ว รถไฟฟ้าแทบจะเหมือนได้ฟรี แต่รถญี่ปุ่นห้าปีราคาก็หาย 3 แสน เป็นอย่างต่ำเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ ธันวาคม 01, 2025, 12:26:09
ผมว่าราคารถไฟฟ้าจีนตอนนี้ลดราคาลงมาเยอะแล้ว

ตอนนี้ 4 แสน ก็ได้รถทรงปกติ วิ่งได้ราวๆ 400 โล กำลังเครื่องพอได้ ยี่ห้อไม่แปลกเป็นรถกระป้อ แบบ Neta or วู่หลิน

เช่น Geely EX2

แต่ปัญหา ผมว่า อายุการใช้งานยังน้อยไปนะครับ เพราะการรับประกันตอนนี้ ค่ายรถจะกำหนดไว้ที่ 5-7 ปี แบตเตอรี่ ยังรับประกันที่ 8 ปี แถมจำกัดไว้ที่ราวๆ 1.5-2 แสนโล

สมมุติว่า ผมซื้อ EX2 ตัวล่าง แบบใช้แล้วทิ้ง คำนวนต่อปี เทียบกับรถน้ำมันในราคาสูงกว่า ก็ยังไม่คุ้มเท่าไหร่ครับ เพราะตอนขายมือ 2 รถน้ำมันได้ราคากว่า ส่วนไฟฟ้า นี่ ผมคิดว่าตอนปีที่ 6-8 นี่แทบจะเป็นซากละ รถ 4 แสน มูลค่าที่เหลือไม่น่าถึง 5 หมื่นครับ

คิดอย่างไรกันครับ

มันแล้วแต่ life style และแนวทางการใช้เงินของแต่ละคนเลยครับ
แต่เท่าที่ผ่านตาแนวคำถามของพี่ ผมว่าพี่ออกแนวทางใช้เงินอย่างคุ้มค่านะครับ

ดังนั้น ผมคงอยากให้พี่ระวังเรื่อง “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” ครับ
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: boogie2020 ที่ ธันวาคม 01, 2025, 14:37:01
ต้องรอซักพักแหละครับ   เต็นท์เขาก็เซฟตัวเองอยู่ตอนนี้ คือกดราคา หรือไม่รับเพราะไม่อยากเสี่ยง

แต่สุดท้าย ถ้ารถไฟฟ้ามันเยอะๆ เข้า ยังไงเขาก็ไม่มีทางเลือกอยู่ดี  จะยอมเสี่ยง หรือยอมเลิกกิจการไปเอง
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: wesborland ที่ ธันวาคม 01, 2025, 14:37:33
ถ้ามองราคาขายต่อ เอามาหักราคาซื้อเข้า = ราคารถที่แท้จริง ก็ต้องบอกว่า โตโยต้า อีซูซุ ฮอนด้า ชนะแน่นอนครับ

มนุษย์เงินเดือนหาเช้ากินค่ำ ไม่มีเงินสดๆ 2-4แสนมาดาวน์รถใหม่ ก็ต้องเอารถเก่ามาเทิร์น หรือขายเข้าเต้นท์ไป

ผมซื้อ CRV gen5 มือสองมา ตอนนั้น1.1ล้าน ถ้าวันนี้ขายได้ 500k เท่ากับผมซื้อรถมาแค่ 600k กับรถคุณภาพนี้ สเปคนี้ performanceแบบนี้ ก็ต้องบอกว่ารถจีนไม่มีวันไปถึงจุดนี้
500k ผมเอามาดาวน์CRV gen6 มือหนึ่ง เอาตัวRSไปเลย ผมผ่อนต่อแค่ 1ล้านบาทเศษๆ ก็เดือนละ2หมื่นหน่อยๆ (หรือหามือสองราคา1.1-1.2ล้าน ผ่อนแค่เดือนละหมื่น) อีก7ปี ผมขายก็น่าจะอยู่ 500-600k มันก็วนเป็นวัตรจักรไม่สิ้นสุด
แต่ถ้าผมใช้รถจีน สมมติว่าเป็น Zeekr X7 อีก7ปี ถ้ายังขายได้ 600-700k มันก็เสมอตัว แต่ถ้ามันเหลือ 200kหล่ะ วัตรจักรผมจะหยุดซะงัก รถคันต่อไปผมต้องลงมา C segment , B SUV ถ้าจะไปต่อ หรือเติมเงินสดส่วนตัวมาเพื่อหมุนวัตรจักรนี้ต่อ
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: GizzY ที่ ธันวาคม 01, 2025, 18:19:25
บางเรื่อง เราไม่ได้คิดออกมาเป็นค่าเงินครับ
เช่น บางคน สะดวกสบายในการจอด ev รอรับลูก, สมรรถนะ อัตราเร่ง, option ทั้งหลาย
ซึ่งพวกนี้รถ ev มันให้ได้มากกว่า
ลองคิดถึงรถน้ำมันยุโรป เทียบญี่ปุ่น ซึ่งรถญี่ปุ่นชนะขาดเรื่องค่าเสื่อม
แต่ทำไมรถยุโรปก็ยังขายได้ ก็เพราะคนซื้อความรู้สึก มากกว่าตัวเลขเงินไงครับ
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: Odrecranon ที่ ธันวาคม 01, 2025, 21:09:44
ผมเห็นด้วยกับหลายท่าน

แต่ละคนมีความชอบ การตัดสินใจไม่เหมือนกัน

บางคนเอาคุ้มค่า ดูราคาขายต่อ
บางคนสวยก็ซื้อ

เราตัดสินใจคนจากรถที่เขาซื้อไม่ได้
แต่ทุกคนเลือกของที่น่าจะตรงกับความต้องการของตัวเองมากสุด

สมมติว่าทุกคนมีเงิน 100 ล้าน แล้วให้ซื้อรถ 1 คัน
ถามว่าทุกคนจะซื้อ G63 ไหม ยังไม่ก็ไม่ใช่แน่นอน
บางคนอาจซื้อ Camry ด้วยซ้ำ

ถ้าเรามองเอาความคุ้มค่าเป็นหลักทั้งหมด
แค่อาหารที่เราทาน บางมื้อก็ไม่คุ้มค่าแล้วครับ บางอย่างมีโทษด้วยซ้ำ เช่น แอลกอฮอล์
แล้วถามว่า ทำไม่เราถึงเลือกทาน ก็เพราะเราพอใจ เรามีความสุขที่จะทาน เราใช้เงินเราซื้อ ไม่ได้เดือดร้อนใคร

ผมว่ารถก็เหมือนกัน
บางคนยอมจ่ายเพราะมันจำเป็น บางคนต้องใช้มันทำงานคงต้องมองความคุ้มค่า
บางคนชอบรถเป็นชีวิตจิตใจ ชีวิตนี้ขอมีคันนี้สักคัน

มุมมอง ความคิดคนเรามันแตกต่างกันมาก
ไม่มีใครถูกใครผิด
ถ้าไม่ได้สร้างปัญหาอะไร ผมมองว่าชอบอะไรก็ซื้อ ๆ ไปครับ อย่าไปคิดมาก
เงินมันซื้อประสบการณ์ให้เราได้ หาเงินได้ก็ต้องให้อะไรกับตัวเองบ้าง

เวลามันก็เป็นส่วนสำคัญครับ ประสบการณ์ในแต่ละช่วงวัย มันก็ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน
ผมยังคิดว่า ตอนเรียน ถ้าบ้านผมรวย ขับ GT-R ไปเรียน คงหล่อมาก

หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: Booboo ที่ ธันวาคม 01, 2025, 23:34:34
ผมใช้seal premiumมาได้1ปี

เหตุที่ซื้อเพราะเมื่อเทียบราคากับสิ่งที่ได้มันน่าจะคุ้ม  แรงม้าแรงบิด option การบังคับควบคุม interiorดีกว่ารถญี่ปุ่นในราคาเท่ากันมาก และแบตมันใหญ่พอ80กว่าkw/hr ไปตจว.ไม่ต้องกังวลเรื่องจุดชาร์จ

ของคุณภาพเท่ากันไม่ว่าดีหรือห่วยเท่ากันของจีนจะราคาถูกกว่ามากครับ

ถึงตอนนี้ถ้าจะซื้อรถคันต่อไปผมคงไม่ใช้รถสันดาปอีก

เรื่องราคาขายต่อตอนนี้ไม่ค่อยกังวลแเพราะไปส่องๆดูตามโฆษณาราคามือสองบังพอรับได้

ที่กังวลอย่างเดียวคือเรื่องอะไหล่ที่เขาพูดกันแต่ผมยังไม่ต้องเคลมอะไรก็ยังไม่รู้เหมือนกัน

ใช้มาสักพักเมียลองนั่งลองขับแล้วชอยเลยไปซื้อsealion7มาอีกค้น ทิ้งcivicคันเดิมไว้ให้ผมต้องคอบเอามันออกไปซื้อของตลาดปากทางหมู่บ้าน

เท่าที่คุยๆกันกับคนรู้จักเพื่อนฝูงญาติพี่น้องเรื่องรถไฟฟ้า สรุปได้ว่าคนใช้ไม่ค่อยมีปัญหา คนมีปัญหามักจะเป็นคนที่ไม่ได้ใช้ครับ




หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: Weetting ที่ ธันวาคม 02, 2025, 13:01:40
ผมเป็นคนใช้รถยาวมากๆ  ต่อ1 คัน

1994  / 2002 / 2008 / 2014    ICE ล้วนๆ

ผมมองเห็นปัญหาของรถในระยะยาว  มันจะเจอจุดที่คุณไม่คาดคิดเสมอ  และ ระบบไฟ เป็นอะไรทื่ผมซ่อมเองไม่ได้ และไม่คิดจะซ่อม 

ใช้รถราวๆ 25,000 ต่อปี กับ รถ 4 คัน  (เอาเลขไมล์มาบวกกัน)       

อาจะไม่มากพอด้วยที่จะผ่อน EV   สมมุติวันนี้ผมไปซื้อ EX2  4แสน   ผมก็ผ่อนเดือนละ 5000 เป็นอย่างน้อย   นั่นคือเกินค่าน้ำมันผมแต่ละเดือนล่ะ 

และถ้าคิดแบบละเอียดซ่อมไม่รวม อะไหล่สิ้นเปลือง   
 ปีนี้
1994  ไป 18,000 
2008  ไป 26,000     
ตกเดือนละ 3667   เท่านั้น

อีก 2 คันไม่ได้ซ่อมเลย (แต้เปลี่ยนผ้าเบรคไปนะ เปลี่ยนเพราะอยากเปลี่ยนซ์้อมาแล้วอยากเปลี่ยน ลองฟิลลิ่ง)  เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเท่านั้น
ผมว่าอีก 4-5 ปีผมถึงจะผ่อนคันใหม่ และ ก็คงเป็น ICE ล้วนเหมือนเคย  และอาจจะเป็นมือสองด้วย


 
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: ซ่อมต่อไป ที่ ธันวาคม 02, 2025, 18:21:13
ไม่ว่าจะรถอะไร ประเภทไหน
ก็มีโจทย์และคำตอบสำหรับการใช้งานของแต่ละคนอยู่แล้วครับ

ส่วนตัวผมรู้ตัวเองดีว่าควรจะใช้รถอะไร
ผมใช้รถแต่ละคัน 15 ปีขึ้นทั้งนั้น และการใช้งานของผมเหมาะกับรถสันดาปล้วน
ไม่ได้คิดถึงราคาขายต่อ เพราะใช้ข้ามทศวรรษแบบผม ยังไงราคาก็ไม่ค่อยเหลืออยู่แล้ว

สิ่งที่เอามาคิดคำนวน วิเคราะห์จริงๆ ไม่ใช่ค่าน้ำมันหรือค่าพลังงานใดๆ
เพราะปีนึง ยังไงก็ใช้รถไม่ถึง 10,000 กม.อยู่แล้ว (รถเกิน 15 ปี บางคันไมล์ไม่ถึง 100,000 กม.)
แต่สิ่งที่เอามาพิจารณาจริงๆคือ
 - ซ่อมได้มั้ย หาอะไหล่ได้มั้ย
 - เบี้ยประกันต่อปีเท่าไหร่
 - ค่ายางชุดละเท่าไหร่ (e70 ผม ค่ายางค่อนข้างแรง T..T)
 - ถึงเวลาขายแล้ว ขายได้มั้ย (ไม่ใช่ไปที่ไหนก็ส่ายหน้าไม่รับ)

ผมอาจจะประหลาดจากคนสมัยนี้ตรงที่ว่า
เรื่องออพชั่นของรถ ผมไม่เอามาเป็นประเด็นตัดสินใจในการเลือกรถเลยซักนิด
สำหรับผมคือของไร้สาระ ที่มีไว้ซ่อมแพงๆตอนมันเก่า

ผมให้ความสำคัญกับคุณภาพการขับขี่ , การโดยสาร , วัสดุการประกอบรถ มากกว่าไฟลิเก 2 ล้านสี หรือ เบาะนวดเฮลท์แลนด์

รถไม่ได้พาผมไปถึงจุดหมายอย่างสบายใจ สบายตัว ไม่เวียนหัว ด้วยออพชั่น
แต่รถ มันควรจะเป็นรถ ที่การขับขี่ดี การตอบสนองดี คนในครอบครังนั่งแล้วไม่เวียนหัว

แต่กลับกัน ถ้าผมต้องใช้รถทุกวัน วันละ 100+ กม.
ผมคงมองหารถ EV ถูกๆซักคันไว้ ดอลฟิน ก็ไม่แย่ , EX5 ก็น่าสนใจ
เอาส่วนต่างค่าพลังงานไปเทียบกับส่วนต่างค่าเบี้ยประกันรายปีดูอีกที
ใช้ๆไปจนเป็นซากแบบไม่ต้องซีเรียส ตามความคิดของบริษัทรถคิดมานั่นแหละครับ
เพื่อนคนจีนผมเคยบอกมานานแล้วว่า คนจีนเค้าใช้รถไฟฟ้า เก่าแล้วทิ้ง ไม่ได้ใช้ให้เก่าแล้วมาซ่อมขาย
เพราะอย่าหวังว่าเค้าจะทำอะไหล่มาซ่อมให้ ถ้ารุ่นใหม่มันออกมาแล้ว ซึ่งมันก็เปลี่ยนโมเดลกันเร็วซะด้วยสิ
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny_gun ที่ ธันวาคม 03, 2025, 00:05:37
รอให้ถึงจุดตัดจริงๆในกราฟก่อนครับ คนไทยเป็นคนชอบลองเยอะครับ ข้อดีคือเปิดโอกาสใหเแบรนด์ใหม่ๆได้เกิดง่าย

มาดูการรับประกันแบตที่บ้านเกิดของรถจีนกันดีกว่า ทุกวันนี้เค้าใช้กันมาเกิน 10ปี แล้ว

ปัญหาคือ รับประกันแบต Lifetime มีจริงไหม มีในการโฆษณา แต่พอถึงวันที่เอาไปเปลี่ยนจะได้แจ้งว่า รถรุ่นนี้เลิกผลิต แบตไม่มีจำหน่ายแล้ว ต้องจ่ายเงินเพิ่มเปลี่ยนไปเป็นรถรุ่นอื่นหรือซื้อใหม่ไปเลย

ที่จีนใช้กันจนแบตเสื่อมแล้วทำยังไง

จอดทิ้งครับ จอดทิ้งเยอะมากๆจนที่รกร้างหรือภูเขาบางลูกกลายเป็นสุสานรถ EV ส่วนตลาดมืดสองเค้าจะรับซื้อกันที่อายุน้อย1-2ปี ราคาหายไปเยอะมาก แต่ราคารถมือสองบางรุ่นแพงกว่ามือ1ก็มีเพราะติดจอง Black list ข้ามปี

อะไหล่

จีนเน้นผลิตเพื่อขาย และบังคับให้ Part ผู้จัดจำหน่ายเป็นคน Stock อะไหล่เอง

ผลคือ Dealer เจ้าใหญ่ๆ ต้องแบกภาระทั้งรถที่ต้องเร่งระบายออกมาจากการผลิต แล้วราคามีการเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก ถ้าไม่รีบขายก็อาจจะติดมือ หรือ ขาดทุนได้ ส่วนอะไหล่แทบจะไม่มีการสต็อกเลย

ต่างกับรถสันดาปญี่ปุ่น Traditionบ้านเรา ที่ต้องผลิตอะไหล่มาเพื่อ Line ประกอบ และ Stock ตั้งแต่การผลิตครั้งแรกเลย

อยากบ่น จริงๆวงการเต๊นท์ก็ไม่อยากพูดถึง เกิดแบบนี้มาหลายปีแล้ว คือ ทุนจีน และจีนเทา รัสเซีย ลักลอบเปิดเต๊นท์รถเถื่อน ทั้งผ่านคนไทย(ช่วยเหลือ) และไม่ผ่านคนไทย ทำคนไทยลำบากกันมาก เจ้าหน้าที่ก็เงียบ บางทีไม่ต้องตกใจ ทำไมบางเต๊นท์ถึงรับซื้อรถแพง แล้วถือรถไว้ได้ข้ามปี

แต่คนที่เข้ามาทำแบบถูกกฎหมายก็มี ผมก็รู้จักวงการเต๊นท์รถบ้านเค้าผ่านเค้า สมัยนี้คนที่ตามวงการรถมือสองในจีนไม่ทันก็ย้ายหนีมาบ้านเราก็มี
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: solo ที่ ธันวาคม 03, 2025, 08:53:53
ขอถามหน่อยครับ ล่าสุดผมประกาศขายใน Facebook รู้สึกต่างชาติติดต่อมาขอซื้อเยอะมาก พวกนี้เป็นเต็นท์หรือครับ?
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: PaPaMan ที่ ธันวาคม 03, 2025, 09:08:15
เรื่องการซื้อรถไฟฟ้าในมุมของผม ผมก็ยังยืนยันเงื่อนไขเดิม (อย่างน้อยก็ในตอนนี้ อนาคตอาจเปลี่ยน)
คือ... ถ้าใช้รถน้อย อย่างเช่นปีละหมื่นโล +/- >>> ไป hybrid หรือ ICE (ถ้ายังมีรถที่น่าสนใจ)
ถ้าใช้รถเยอะ 3หมื่นโล/ปี ไป EV โลด เพราะค่าเชื้อเพลิงที่ถูกกว่ามันจะเอาชนะเงื่อนไขอื่นๆทั้งหมด (ไม่นับถ้าเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเรา)
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ ธันวาคม 03, 2025, 16:02:48
ขอถามหน่อยครับ ล่าสุดผมประกาศขายใน Facebook รู้สึกต่างชาติติดต่อมาขอซื้อเยอะมาก พวกนี้เป็นเต็นท์หรือครับ?

ต้องระวังมิจฉาชีพหนักๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny_gun ที่ ธันวาคม 03, 2025, 16:48:06
ขอถามหน่อยครับ ล่าสุดผมประกาศขายใน Facebook รู้สึกต่างชาติติดต่อมาขอซื้อเยอะมาก พวกนี้เป็นเต็นท์หรือครับ?

เพราะเค้าจะซื้อเงินสด และโอนลอยไว้ครับ คนต่างชาติซื้อรถในไทยยากครับถ้า!มาแบบผิดกฎหมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็ผิด ขนาดเพื่อนผมเองอยู่ไทยเกิน 10 ปีแล้วจะโอนรถทียังยาก จ้างก็อันตรายว่าเอกสารจะลอยไปลอยมาอีก
หัวข้อ: Re: ผมว่าปัญหาของรถไฟฟ้าจีนทุกวันนี้ คือ อายุการใช้งานที่ 6-8 ปี นะครับ (ค่าเสื่อมไว
เริ่มหัวข้อโดย: InBkk ที่ ธันวาคม 04, 2025, 10:20:58
เห็นด้วยเลยครับ เรื่องอายุการใช้งาน

Toyota Honda B-segment/Eco car อายุ 10-15 ปี ยังขายได้เป็นแสนบาท เพราะคนซื้อเขารู้ว่า ซื้อไปก็ยังใช้ต่อได้อีกนาน เป็น 10 ปีก็ยังได้

แม้กระทั่ง Ford Fiesta รถที่ขึ้นชื่อว่าปัญหาเยอะ ทั้งเรื่องเกียร์พาวเวอร์ชิบ ฯลฯ รถอายุ 12-14 ปี ก็ยังขายได้เกือบแสน ถ้ารวนหนักมากๆ ก็จับวาง 1NZ+เกียร์ 4AT เดาว่าจบได้ในงบ 5 หลัก ใช้ต่อได้อีกยาว

แต่ EV จีนอายุ 10 ปี มันจะใช้ต่อได้อีกนานมั้ย? ตอบยากมาก ดีหน่อยก็คือ มีแบต Aftermarket ให้เปลี่ยน ในราคาพอๆ กับค่าตัวรถ แย่หน่อยก็คือ บริษัทแม่ยกเลิกการ Supply อะไหล่ทั้งหมด รวมถึง ล็อบบี้ ไม่ให้มีอะไหล่ After Market ในตลาด หรือถึงมีก็แพงมากๆๆ จนไม่น่าซ่อม ไม่ต่างอะไรจากเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เพื่อดีง Demand ทั้งหมด ให้มาซื้อรถใหม่ เพราะรถ EV มีรายได้หลักจากการขายรถใหม่เท่านั้น รายได้จากการ Service มันไม่พอพยุงบริษัท