Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: eddie ที่ ธันวาคม 23, 2010, 21:32:55

หัวข้อ: อยากถามคุณจิมมี่กับคุณแพนเกี่ยวกับ W124 เทียบกับรถ D segment ญี่ปุ่นปัจจุบันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: eddie ที่ ธันวาคม 23, 2010, 21:32:55
สืบเนื่องจากเพื่อนผมใช้ W124 รุ่น 300E อยู่ รถของเขาอยู่ในสภาพค่อนข้างดี รถวิ่งน้อย วันนี้เขาโทรศัพท์มาคุยกับผมเรื่องรถใหม่ๆว่า ถ้าเขาเปลี่ยนรถเป็นรถญี่ปุ่นใหม่ในระดับ D segment เค้าคาดหวังว่ารถเหล่านั้นจะดีกว่ารถเดิมที่ใช้อยู่รวมถึงเรื่องการเกาะถนน การบังคับควบคุม คุณภาพวัสดุ ความเงียบในห้องโดยสาร เท่าที่คุณจิมมี่หรือคุณแพนซึ่งได้สัมผัสรถเหล่านี้มาหลายคัน รวมทั้งเคยเป็นเจ้าของ W124 มาก่อนด้วย เลยอยากสอบถามครับว่าถ้าเขาตัดสินใจเปลี่ยนแต่ไม่ได้เปลี่ยนเป็นรถฝรั่งคลาสเดิม มาเปลี่ยนเป็นรถญี่ปุ่น D segment เหล่านี้ มันจะให้ความรู้สึกในการขับขี่ดีกว่ารถเดิมทุกอย่างจริงอย่างที่เขาคิดหรือเปล่าครับ เรื่องเครื่องทันสมัยขึ้น เกียร์ทันสมัยขึ้นผมว่าน่าจะใช่ แต่เรื่อง feeling การขับขี่ ความนุ่ม ความเงียบในกรณีที่รถสมบูรณ์เหมือนกัน ผมไม่เคยสัมผัสรถญี่ปุ่นใหม่ๆเหล่านั้นจริงๆจังๆ เลยเปรียบเทียบไม่ถูกครับ
หัวข้อ: Re: อยากถามคุณจิมมี่กับคุณแพนเกี่ยวกับ W124 เทียบกับรถ D segment ญี่ปุ่นปัจจุบันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: keanetona ที่ ธันวาคม 23, 2010, 21:44:34
เทียบกับ E280 คันเก่าที่บ้าน สมรรถนะการเร่ง D Segment กินขาดครับ แต่ การเกาะถนน ผมยังไม่เคยขับเทียน่า แต่ น้องวีนัสของผม กับ แคมรี่น้องผม ทาบไม่ติด
หัวข้อ: Re: อยากถามคุณจิมมี่กับคุณแพนเกี่ยวกับ W124 เทียบกับรถ D segment ญี่ปุ่นปัจจุบันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: methus zaa ที่ ธันวาคม 23, 2010, 22:44:20
แม่ผมเมื่อก่อนเคยมี w124 กว่าจะแซงได้เหยียบคันเร่งจนเจ็บเท้า พอเปลี่ยน มาใช้รถญี่ปุ่น รู้สึกดี เร่งดีจัง แตะนิดๆพุ่ง และก็ประหยัดน้ำมันด้วยครับ แต่ช่วงล่าง w124 แจ่มและเวิร์คสุดแล้วครับ
หัวข้อ: Re: อยากถามคุณจิมมี่กับคุณแพนเกี่ยวกับ W124 เทียบกับรถ D segment ญี่ปุ่นปัจจุบันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: YIM ที่ ธันวาคม 23, 2010, 22:57:07
ผมว่าเรื่องเครื่องแน่นอนคงสู้รถญี่ปุ่นใหม่ๆ ไม่ได้ เผลอรถญี่ปุ่นในยุคใกล้ๆ กันบางรุ่น อาจจะแรงกว่าด้วยซ้ำ

แต่ถ้าในแง่สถานะทางสังคม และความนุ่มนวล ผมว่า 124 ก็ยังสุดยอดอยู่นะครับ (แต่ผมก็ไม่เคยลอง Camry ใหม่ หรือ Teana แต่ผมว่าผมยังชอบ 124 มากกว่า Mazda2 ไม่รู้ทำไม)
หัวข้อ: Re: อยากถามคุณจิมมี่กับคุณแพนเกี่ยวกับ W124 เทียบกับรถ D segment ญี่ปุ่นปัจจุบันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ruksadindan ที่ ธันวาคม 23, 2010, 23:00:48
D D กว่าอยู่แล้วครับ ต้องรับ myth ที่โดน bust ให้ได้น่ะครับ
หัวข้อ: Re: อยากถามคุณจิมมี่กับคุณแพนเกี่ยวกับ W124 เทียบกับรถ D segment ญี่ปุ่นปัจจุบันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: FyGI ที่ ธันวาคม 23, 2010, 23:36:16
ทุกวันนี้เวลาผมเจอ W124 โดยเฉพาะตัว 300E Code B สภาพสวยๆ มองเหลียวหลังตลอด

ถ้าเปลี่ยนสนับสนุน แต่ไม่อยากให้ขายคันเก่าทิ้งเลย
หัวข้อ: Re: อยากถามคุณจิมมี่กับคุณแพนเกี่ยวกับ W124 เทียบกับรถ D segment ญี่ปุ่นปัจจุบันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pan Paitoonpong ที่ ธันวาคม 24, 2010, 01:06:16
ก่อนอื่นบอกไว้ก่อนว่าในโลกนี้ "ไม่มีเทคโนโลยีที่ไม่มีใครตามทัน"

ดังนั้น W124 อาจเป็นที่สุดของแจ้ในยุค 1990s แต่วันนี้ผ่านไป 20 ปี อะไรหลายอย่างก็เปลี่ยนไปมาก
แต่ไม่มีตัวแปรที่เป็นคำตอบ Yes หรือ No ลงตัวตลอด

เรื่องที่ขิงแก่อย่าง W124 ยังขลังอยู่คือช่วงล่าง ทำยังไงให้รถไม่สะเทือนตับ แต่พอวิ่งเร็วๆมากๆกลับ
นิ่งมั่นคง หักหลบรถตัดหน้าก็ไม่เป๋เสียหลักง่ายๆ นี่คือสิ่งที่รถญี่ปุ่น D-Segment ยังต้องตามอยู่
น่าตลกที่นึกว่าน้ำหนักมากจะช่วยให้ทรงตัวดี 300E นั้นเบากว่ารถพวกนี้กว่า 100 โลด้วยซ้ำ

Teana นุ่มกว่า 300E แต่ทิ้งโค้งไปๆมาๆจะออกอาการยวบยาบกว่า จั๊มสะพานมีการไหวตัวของช่วงล่าง
ในแนวระนาบมากกว่า

Accord เกาะดีไม่แพ้ 300E ทั้งโค้งและความเร็วทางตรง แต่ช่วงล่างหลังสะเทือนตูดกว่า

Camry..นุ่มไม่เท่า Teana เกาะไม่เท่า Accord แน่นอนว่าไม่ได้กิน 300E

คุณภาพของวัสดุ เบนซ์ให้มาดีกว่า และดีกว่าลูกหลานของตัวเองในสมัยนี้ด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องเข้าใจว่า
ในปัจจุบันการรีไซเคิลเป็นเรื่องสำคัญมากกว่า 20 ปีก่อน วัสดุจึงเป็นของรีไซเคิลเยอะ
และมันมักไม่ทนเท่า

แต่ถ้าพูดในความจริง ก็ต้องไม่ลืมว่าเราพูดถึงวัสดุชั้นเชี่ยมที่อายุ 20 ปี กับวัสดุที่ด้อยกว่านิดหน่อย
แต่อยู่ในสภาพใหม่กิ๊กนะครับ เบนซ์ทำดีแล้วที่ยังสู้ได้ขนาดนี้

นอกนั้น ผมนึกไม่ออกว่ามีอะไรที่ W124 ชนะ นอกจากความแพร่หลายของอะไหล่ (ที่ไม่ใช่ทุกส่วน)

รถญี่ปุ่นสมัยนี้ แน่นอนว่าเครื่องเล็กๆสร้างความแรงได้มาก อย่าง Teana 2.5 ลิตร ขนาดเล็กกว่า
3.0 ลิตรของ 300E และแรงม้าแรงบิดก็น้อยกว่า ตัวก็หนักกว่า แต่จับ 0-100 ได้เร็วพอๆกันเลย
วิ่งทางไกลกินน้ำมันน้อยกว่าจี๊ดดดดเดียว

สิ่งที่รถญี่ปุ่นสมัยนี้ให้คุณได้คือใช้น้ำมันคุ้ม แถมเกียร์ฉลาด อ่านเท้าคนขับได้ดีกว่าเกียร์กลไก
แรงดันของ 300E มาก ทำให้เวลากดมิดอย่างเดียวทางตรง 300E ไม่อืด แต่ถ้าต้องมีถอนๆเหยียบๆ
ด้วยล่ะก็ บอกได้เลยว่า ไม่เล่นเกียร์เอง ไม่เกิด

พื้นที่ภายใน รถญี่ปุ่นก็กว้างขวาง เข้าออกง่าย (ยกเว้นประตูหลังแคมรีที่เข้าออกยาก)
อุปกรณ์ก็ฟู่ฟ่าเทียบกันไม่ติดแล้วครับ 300E ไม่มีอะไร กระจกไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อค เบาะปรับไฟฟ้าพร้อม
เมมโมรี่ ญี่ปุ่น D-Segment มีแอร์ออโต้กันหมดแล้ว หลายรุ่นมี Cruise control และอุปกรณ์จุกจิกอีกมาก

ถ้าจะเปลี่ยนเป็น D-Segment ผมก็ต้องถามก่อนว่า 300E คันเก่าน่ะกะจะเก็บไว้เพราะรักหรือเปล่า
หรือเราใช้รถเป็นพาหนะที่นำความสุขในการใช้มันสัญจรไปมา และสนุกกับของเล่นในรถ
เพราะหาไม่เช่นนั้นแล้ว ก็เปลี่ยนใหม่เถอะครับ

พ่อผม เคยใช้ Benz, BMW สุดท้ายก็จบกับ CR-V แน่นอนว่าอะไรหลายอย่างในรถยุโรปมันดีกว่า
แต่รู้สึกว่าความสบายในการใช้รถป้ายแดง ไม่ต้องกังวลว่ามันจะไปตายกลางทาง
มีความเอนกประสงค์ เดินทางสบาย เกียร์ฉลาดๆ มันทดแทนส่วนที่เราเสียไปได้หมดครับ

ขอแค่อย่ายึดติดกับคำว่าเบนซ์ก็พอ
หัวข้อ: Re: อยากถามคุณจิมมี่กับคุณแพนเกี่ยวกับ W124 เทียบกับรถ D segment ญี่ปุ่นปัจจุบันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SUN-PS ที่ ธันวาคม 24, 2010, 08:18:20
ก่อนอื่นบอกไว้ก่อนว่าในโลกนี้ "ไม่มีเทคโนโลยีที่ไม่มีใครตามทัน"

ดังนั้น W124 อาจเป็นที่สุดของแจ้ในยุค 1990s แต่วันนี้ผ่านไป 20 ปี อะไรหลายอย่างก็เปลี่ยนไปมาก
แต่ไม่มีตัวแปรที่เป็นคำตอบ Yes หรือ No ลงตัวตลอด

เรื่องที่ขิงแก่อย่าง W124 ยังขลังอยู่คือช่วงล่าง ทำยังไงให้รถไม่สะเทือนตับ แต่พอวิ่งเร็วๆมากๆกลับ
นิ่งมั่นคง หักหลบรถตัดหน้าก็ไม่เป๋เสียหลักง่ายๆ นี่คือสิ่งที่รถญี่ปุ่น D-Segment ยังต้องตามอยู่
น่าตลกที่นึกว่าน้ำหนักมากจะช่วยให้ทรงตัวดี 300E นั้นเบากว่ารถพวกนี้กว่า 100 โลด้วยซ้ำ

Teana นุ่มกว่า 300E แต่ทิ้งโค้งไปๆมาๆจะออกอาการยวบยาบกว่า จั๊มสะพานมีการไหวตัวของช่วงล่าง
ในแนวระนาบมากกว่า

Accord เกาะดีไม่แพ้ 300E ทั้งโค้งและความเร็วทางตรง แต่ช่วงล่างหลังสะเทือนตูดกว่า

Camry..นุ่มไม่เท่า Teana เกาะไม่เท่า Accord แน่นอนว่าไม่ได้กิน 300E

คุณภาพของวัสดุ เบนซ์ให้มาดีกว่า และดีกว่าลูกหลานของตัวเองในสมัยนี้ด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องเข้าใจว่า
ในปัจจุบันการรีไซเคิลเป็นเรื่องสำคัญมากกว่า 20 ปีก่อน วัสดุจึงเป็นของรีไซเคิลเยอะ
และมันมักไม่ทนเท่า

แต่ถ้าพูดในความจริง ก็ต้องไม่ลืมว่าเราพูดถึงวัสดุชั้นเชี่ยมที่อายุ 20 ปี กับวัสดุที่ด้อยกว่านิดหน่อย
แต่อยู่ในสภาพใหม่กิ๊กนะครับ เบนซ์ทำดีแล้วที่ยังสู้ได้ขนาดนี้

นอกนั้น ผมนึกไม่ออกว่ามีอะไรที่ W124 ชนะ นอกจากความแพร่หลายของอะไหล่ (ที่ไม่ใช่ทุกส่วน)

รถญี่ปุ่นสมัยนี้ แน่นอนว่าเครื่องเล็กๆสร้างความแรงได้มาก อย่าง Teana 2.5 ลิตร ขนาดเล็กกว่า
3.0 ลิตรของ 300E และแรงม้าแรงบิดก็น้อยกว่า ตัวก็หนักกว่า แต่จับ 0-100 ได้เร็วพอๆกันเลย
วิ่งทางไกลกินน้ำมันน้อยกว่าจี๊ดดดดเดียว

สิ่งที่รถญี่ปุ่นสมัยนี้ให้คุณได้คือใช้น้ำมันคุ้ม แถมเกียร์ฉลาด อ่านเท้าคนขับได้ดีกว่าเกียร์กลไก
แรงดันของ 300E มาก ทำให้เวลากดมิดอย่างเดียวทางตรง 300E ไม่อืด แต่ถ้าต้องมีถอนๆเหยียบๆ
ด้วยล่ะก็ บอกได้เลยว่า ไม่เล่นเกียร์เอง ไม่เกิด

พื้นที่ภายใน รถญี่ปุ่นก็กว้างขวาง เข้าออกง่าย (ยกเว้นประตูหลังแคมรีที่เข้าออกยาก)
อุปกรณ์ก็ฟู่ฟ่าเทียบกันไม่ติดแล้วครับ 300E ไม่มีอะไร กระจกไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อค เบาะปรับไฟฟ้าพร้อม
เมมโมรี่ ญี่ปุ่น D-Segment มีแอร์ออโต้กันหมดแล้ว หลายรุ่นมี Cruise control และอุปกรณ์จุกจิกอีกมาก

ถ้าจะเปลี่ยนเป็น D-Segment ผมก็ต้องถามก่อนว่า 300E คันเก่าน่ะกะจะเก็บไว้เพราะรักหรือเปล่า
หรือเราใช้รถเป็นพาหนะที่นำความสุขในการใช้มันสัญจรไปมา และสนุกกับของเล่นในรถ
เพราะหาไม่เช่นนั้นแล้ว ก็เปลี่ยนใหม่เถอะครับ

พ่อผม เคยใช้ Benz, BMW สุดท้ายก็จบกับ CR-V แน่นอนว่าอะไรหลายอย่างในรถยุโรปมันดีกว่า
แต่รู้สึกว่าความสบายในการใช้รถป้ายแดง ไม่ต้องกังวลว่ามันจะไปตายกลางทาง
มีความเอนกประสงค์ เดินทางสบาย เกียร์ฉลาดๆ มันทดแทนส่วนที่เราเสียไปได้หมดครับ

ขอแค่อย่ายึดติดกับคำว่าเบนซ์ก็พอ


+like ตอบดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: อยากถามคุณจิมมี่กับคุณแพนเกี่ยวกับ W124 เทียบกับรถ D segment ญี่ปุ่นปัจจุบันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: YenChar ที่ ธันวาคม 24, 2010, 12:33:35
ลุงผมขาย Volvo 960
แล้วมาใช้ แอคคอดตัวที่แล้ว

ตอนนี้เค้าก็สอยแอคคอดมาอีกคันครับ
ติดใจ ไม่คิดจะกลับไปใช้รถยุโรปอีกเลย

แกบอกว่าซ่อมถูก อะไหล่ถูกกว่ากันเยอะ ไม่ต้องกังวลเวลาออกเดินทาง

ถึงแม้ว่าความเร็วปลาย 960จะทำได้ดีกว่า(230นิดๆ แอคคอดได้ราวๆ200)
แต่ความสบายใจในการใช้งาน ก็เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเลือกใช้รถนะครับ



ตัวอย่างผม ญาติผมจะขาย E46 318i ให้น้องผมใช้
รู้ทั้งรู้นะว่าดี แต่คุณพ่อผมเลือกอัลติสป้ายแดง
ภาพลักษณ์ไม่ต้อง ขับไม่เร็ว เน้นประหยัดซ่อม ประหยัดน้ำมัน และสบายใจ