Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: eddie ที่ มกราคม 21, 2011, 22:08:01
-
ช่วงนี้มีคนพูดถึงกระบะใหม่ที่จะเปิดตัวบ่อยๆ เลยสงสัยว่าจริงๆต้นทุนหน้าโรงงานที่ใช้สร้างรถกระบะพวกนี้มันพอๆกับรถเก๋ง B และ C Segment ที่ราคาพอๆกันหรือเปล่าครับ ถ้ายังไม่นับโครงสร้างภาษี เพราะรู้สึกเหมือนกับว่ารถกระบะเดี๋ยวนี้ใช้เครื่องดีเซลไฮเทค 2.2-3.2 ลิตร ซึ่งดูเหมือนต้นทุนไม่น่าจะถูกกว่าเครื่อง 1.5 -2.0 ลิตร เบนซินหรือ 2.0 ลิตรดีเซลของเก๋งที่ราคาพอกัน เกียร์ก็ไม่ได้ล้าสมัย วัสดุภายในห้องโดยสารก็ไม่ต่างกับเก๋งที่ราคาพอกันนัก ออพชั่นก็พอๆกัน แถมรุ่นขับสี่ยังมีเกียร์เพิ่มมาอีกชุดด้วย เหล็กก็น่าจะใช้มากกว่ารถเก๋งที่ราคาพอกัน ที่ราคาขายมันพอกันนี่เพราะรถเก๋งเสียภาษีมากกว่า หรือรถเก๋งมีกำไรต่อหน่วยมากกว่า หรือต้นทุนหน้าโรงงานมันพอๆกันจริงๆครับ ใครรู้ช่วยตอบด้วย
-
มีคนใกล้ตัวบางคนที่ใกล้ชิดกับโรงงานกระบะหรือเปล่าครับ
ถามเค้าได้ ถ้าเป็นแผนกที่เกี่ยวข้องโดยตรงนี่ก็กระจ่างแน่ๆ
-
ต้นทุนกระบะมาสูงครับ สูงกว่า B,C Segment
ที่ทำราคาได้พอกันน่าจะมาจากฐานภาษีด้วยส่วนนึง
แต่กำไรนี่ผมไม่ทราบครับ
-
เอาอย่างนี้แล้วกันนะครับ
1. ต้นทุน B-Segment จะถูกกว่า C-Segment แค่เพียงนิดหน่อยเท่านั้น
ว่ากันเป็นรุ่นๆ ไป ไม่ตายตัว แต่ ราคาขาย ของ C-Segment จะต้อง
ทิ้งช่วงจาก B-Segment ไปพอสมควร เพราะ ในเมื่อ B เน้นขายราคาถูกกว่า
แต่ ขอยอดขายต่อหน่วยเยอะกว่า เพื่อให้ได้กำไรต่อคัน พอกันกับ C-Segment
ซึ่งมีราคาสูงกว่า ปริมาณรถขายได้น้อยกว่า แต่กำไรต่อคัน เยอะกว่านิดหน่อย
2. ต้นทุนรถกระบะทุกยี่ห้อในไทย ราคาสูงกว่ารถ B-Segment นิดหน่อย
ยกเว้นรายเดียวคือ Toyota Hilux Vigo ที่ถึงแม้ว่า จะลงทุนไปเยอะ
แต่ ด้วยปริมาณการผลิตมหาศาล ทำให้ ต้นทุนต่อคัน ลดต่ำลง ไปได้มาก
และสามารถทำกำไรต่อคัน ได้เยอะขึ้น ครับ
-
เออ ไม่เคยคิดถึงเลย ต้องขอบคุณจขกท. และพี่ Jimmy ครับ
-
so good
-
คลายข้อสงสัยได้มากครับ
เพราะสงสัยเหมือนกันว่ารถกะบะมันถูกกว่าจริงหรือ
หรือเป็นเพราะภาษีเท่านั้น
เพราะฉะนั้น เราก็ไม่ได้ซื้อรถในราคาจริง เราซื้อสิทธิ์การใช้คือภาษีมากกว่า..
-
คลายข้อสงสัยได้มากครับ
เพราะสงสัยเหมือนกันว่ารถกะบะมันถูกกว่าจริงหรือ
หรือเป็นเพราะภาษีเท่านั้น
เพราะฉะนั้น เราก็ไม่ได้ซื้อรถในราคาจริง เราซื้อสิทธิ์การใช้คือภาษีมากกว่า..
ถึงได้พยายามบอกมาตลอดไงครับว่า ทุกวันนี้ ที่รถในบ้านเรามันแพงหนะ
กำไรจากคนขาย ยังไม่มากเท่ากับภาษีที่ต้องจ่ายเข้ารัฐบาลไป
ซึ่งสุดท้าย ภาษีตรงนี้ ไปอยู่ในกระเป๋ากระทรงการคลัง กันเต็มๆ
-
เท่าที่สรุปจากที่คุณจิมมี่อธิบาย แสดงว่าต้นทุนที่แท้จริงของกระบะ มันก็พอๆกับเก๋ง C segment ใ่ช่ไหมครับ เพราะต่างก็แพงกว่าB segment นิดหน่อย อยากรบกวนถามเพิ่มเติม 2 ประเด็นครับ 1.ถ้าต้นทุนพอกัน แปลว่ารถกระบะใช้ทุนหนักไปทางเครื่อง เกียร์ แต่เก๋งหนักไปทาง โครงสร้าง ระบบอิเล็กโทรนิคส์ต่างๆ ระบบเบรค ช่วงล่าง เหรอครับ 2.หรือที่ต้นทุนต่อหน่วยใกล้กันเพราะกระบะผลิตแมสกว่าครับ
-
โดยเฉลี่ยนะครับ
เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง มีราคา 30% จากราคารถ "หน้าโชว์รูม" จะเป็นเก๋ง หรือกระบะ โดยประมาณครับ
เช่น เมื่อ ปี 1996 ที่ Honda City 1.3 ออกมาใหม่ๆ ราคา 3 แสนปลายๆ 4 แสนต้นๆ เป็นราคาปลีก
ต้นทุนที่ได้ยินมา ไม่ยืนยัน
ค่าตัวถัง และโครงสร้างทั้งหมดหนะ ราวๆ 8 หมื่นบาท
เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง มีราวๆ 4-5 หมื่นบาท
ต้นทุน ดูเหมือนจะมีแค่ 130,000 บาทใช่ไหมครับ?
เปล่าเลย ยังมีต้นทุนเรื่องการจัดการ เรื่องการรับประกัน (คันละไม่กี่หมื่นบาท บวกเข้าไป)
ต้นทุนด้านการขนส่ง Logistic ค่าโฆษณา กำไรซึ่งบริษัทรถเองก็สมควรจะต้องได้รับ
ในสัดส่วนที่เหมาะสม (มีสูตรคำนวนพวกนี้อยู่ แต่เราไม่มีทางรู้ครับ)
ฯลฯ ค่าโน่นนี่นั่น และที่สำคัญคือ ภาษีสรรพสามิต มันเลยทำให้ราคาออกมาดูแพงไงครับ
-
อย่างน้อยถึงแม้ว่าราคารถในไทยจะแพง แต่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องถูกกว่าประเทศ USA ค่อนข้างมากเท่าที่ได้ยินมา ทั้งภาษีประจำปี เบี้ยประกันภัย ค่าจอดรถ ค่าบำรุงรักษา ค่าแต่งรถ ฯลฯ
-
จากที่กล่าวมา ว่าต้นทุนรถุกระบะสูงกว่า B segment แต่ตำกว่า C-segment เพราะฉะนั้นถ้าสมมุติว่ารถกระบะเสียภาษีเท่า C-segement ก็จะทำให้
รถกระบะราคาถูกกว่า C-segment คร่าวๆก็
Cost / Unit ( B-segment < Pickup < C-segment ) ---- Same Excise tax ---> Sale price/ unit ( B-segment < Pickup cos< C-segment )
แต่เนื่องจาก ภาษีระกระบะ ถูกกว่า ภาษีรถเก่งมาก ๆ เพราะฉะนั้น ราคาควรจะเป็นประมาณนี้
Cost / Unit ( B-segment < Pickup < C-segment ) ----Diff Excise tax ---> Sale price/ unit ( B-segment = Pickup < C-segment )
แต่ทำไมราคาในตลาด มันเป็นแบบนี้ละครับ
[Sale price/ unit ( B-segment < Pickup cost-unit =C-segment )
น่าจะแสดงว่ารถกระบะ ขายมีกำไรมากกว่า รถ B & C segment มากละสิครับ ทำไมละครับ
-
ดูดีๆนะครับ
รถกระบะ ทุกวันนี้ ราคา เท่ากับ รุ่นถูกสุด ของ B-Segment จนถึง รุ่นรองท็อปของ C-Segment
หรือว่าง่ายๆคือ 4.5 แสน - 9.8 แสน บาท อยู่ในช่วงนี้กันครับ
-
ขอมองต่างมุมบ้าง
รถกระบะ ได้ความทนทานที่มากกว่า
อายุการใ้ช้งานที่ประเมินแล้ว นานกว่ารถเก๋งโดยทั่วๆไป
หัวหน้าผมเคยเอาเรื่องรถกระบะกับรถเก๋งไปคุยกัน
เรื่องค่าเสื่อม เทียบกับรถเก๋ง
สรุปแล้วเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่การใช้งานจริงแล้วคาดว่า
รถกระบะจะมีต้นทุนสูงกว่าครับ
-
ถามเสริมนิดนึงนะครับว่า จริงๆต้นทุนหน้าโรงงานของ รถพวก PPV กับ SUV ของแท้นี่มันจะต่างกันเกินเท่าตัวมั้ยครับ เช่น Fortuner กับ Prado หรือ Pajero Sport กับ Shogun น่ะครับ