Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: sirisak_ac118 ที่ พฤษภาคม 21, 2009, 14:54:40
-
ในตอนนี้เครื่องดีเซลในรถกระบะในบ้านเรา ส่วนใหญ่มีแต่เครื่อง 2.5-3.0 ลิตร
ซึ่งกินน้ำมันไม่เหมาะกับราคาดีเซลในปัจจุบันที่แพงขึ้นทุกวัน
เลยสงสัยว่าอนาคตรถกระบะ จะทำเครื่องเล็กลง แต่ทำให้แรงม้าหรือแรงบิดมากขึ้น มากกว่าหรือเท่ากับเครื่องดีเซล 2.5-3.0 ลิตร ในปัจจุบันได้หรือไม่
เพราะเห็นเครื่องดีเซลที่ใส่ในรถเก๋งยุโรปเครื่อง2.0-2.2 แต่เรียกแรงม้าและแรงบิดได้มากพอดู
หรือว่าจะทำเครื่องให้ใหญ่ขึ้นเป็น 3.5-4.0 แต่ทำให้กินน้ำมันน้อยลงได้ แนวโนมเป็นอย่างไร หรือว่าจะฉีกแนวเป็นเครื่อเบนซินติด NGVไปเลย
อยากรู้ทราบความคิดเห็นกัน ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรคับ
-
ส่วนตัวผม
ผมว่า2.5ลิตรนี่ก็เรียกว่ารับได้แล้วครับ(ดีเซลนะ)
ถ้าเอาตามความเห็นผม ผมว่า2-2.5ลิตร คงเรียกว่ากำลังดีครับ
เพราะเวลาขนของส่วนใหญ่
น้ำหนักเกินผมไม่ค่อยเห็นนะ มีแต่ที่วางไม่พอมากกว่า
แต่ถ้าตามความจริง
ผมว่าคงราวๆนี้ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงครับ
คนสมัยนี้ใจร้อน ต้องเครื่องใหญ่ๆแรงๆ แถมผูกโบให้อีก...
-
ผมคิดว่าประมาณ 2.5 - 3.0 แหละครับ เพราะ ตอนนี้ก็เอา Turbo มาช่วยกันหมดแล้ว
-
ความเห็นผม ผมว่าเครื่องขนาด2.5-3.0 เป็นอยางน้อยครับ
สาเหตุที่เป็นเช่นที่ผมว่า คือเรื่องของการเผื่อบรรทุกครับ
อีกทั้งเครื่องใหญ่ๆให้แรงบิดมหาศาลดีในทุกรอบเครื่องครับ มันสำคัญมากสำหรับการบรรทุก
อีกอันคือเกียร์ ต้องลงทุนหน่อยก็จะดีวิ่งประหยัด แต่เหมือนnavara ไม่เอานะให้มา6เกียร์แต่เป็นทดชิดผมว่าไม่ดีเท่าหกเกียร์ทดห่างนะ ผมขี้เกียจเปลี่ยนเกียร์จะตายแล้ว วิ่งเร็วๆเกียร์6รอบก็เหมือนยี่ห้ออื่น
รถยุโรปเป็นรถนั่งไม่มีการบรรทุกมากก็ใช้ 2.0 ได้สบายเลย ประหยัดด้วย
ผมว่ามันคงไม่มีอะไรมากมายจากปัจจุบันเท่าไหร่แล้วล่ะสำหรับเครื่องดีเซลรถกระบะในอนาคตอันใกล้
-
คงจะมีเครื่อง 2.5 - 3.0 นี้ไปอีกนานครับ เพราะอย่าลืมว่ารถกระบะเนี่ยไม่ได้ขายในไทยอย่างเดียวน่ะครับ
สิ่งหลักๆที่ต้องคำนึงคือเรื่่องการบรรทุก หรือการลากจูง และความทนทาน ครับ ดังนั้น ทั้งแรงม้า แรงบิด ในเครื่อง 2.5 - 3.0 นั่นแหล่ะเหมาะแล้ว เผลอๆ อาจจะถึง 3.5 ด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องความแรงและการประหยัดน้ำมันยังพัฒนาได้อีกเยอะครับ
ในอนาคตก็คงจะมีเครื่ืองเบนซินมาให้เลือกมากขึ้น (บางยี่ห้อ ส่งออกยังใช้ เบนซิน 4.0 L ) แต่ตลาดหลังยังไงๆ ก็ยังเป็นดีเซลอยู่ดีครับ
-
เห็นว่า เพดานภาษีของรถกระบะ
ให้ความจุอยู่ที่ 3.2ลิตร
ไม่งั้นต้องเสียภาษีหนัก
คงจะไม่เกิน3.2ลิตรหรอกมั้งครับ
ไม่แน่ใจนะครับ
ให้ผู้รู้มาตอบอีกทีครับ
-
ผมว่าน่าจะสัก 2.5 ลิตรครับ
แล้วก็เซ็ตหลายๆ แบบ (เหมือน Navara) หลายๆ ความแรง
-
เรื่องรถกระบะทำเครื่องเล็กลงผมว่ายากครับเพราะส่วนใหญ่ซื้อกระบะไว้ขนของถ้าเครื่องเล็กแรกบิดมันจะไม่ได้
ส่วนเรื่องกินนํ้ามันเดียวนี้ผมว่าดีแล้วนะครับถ้าเทียบกิโลต่อลิตร แต่ในอนาคตน่าจะได้ดีกว่านี้นะผมว่า
-
เครื่อง 2.5 เดิมๆๆ ได้กล่องดีๆ ราคาหมื่นต้นๆ ก็ได้ 200ม้า+แรงบิด 400 อัพ
ว่าแต่ทำไมไม่ทำให้ดีจากโรงงานเลยละ ;D
ปล.ถ้าไม่เชื่อลองไปหาเอาตามคลับก็ได้ ;)
-
ขอตอบแบบคนในวงการรถกระบะละกัน
ทุกวันนี้รถเครื่อง 3.0 ขายน้อยมากๆครับ
สัดส่วน 2.5:3.0 นี่ 80:20 เลยเห็นจะได้
จริงๆการทำ 3.0 นี่มาจากเมื่อก่อน มีกลุ่มคนที่ต้องการความแรง
และสมัยนั้นน้ำมันยังถูกครับ
เดี๋ยวนี้มันกลับกันแล้ว รถปัจจุบันเทคโนโลยีก็ดีขึ้นด้วย
2.5 ก็ไปได้ทุกที่ในไทยแล้ว
ระยะหลังๆนี่ ผู้จำหน่ายยังมีการเสนอให้ทำเครื่อง 2.0 มาด้วยซ้ำ ;)
แต่ไม่รู้จะทำได้รึเปล่านะ
-
เค้าทำเครื่องความจุเยอะๆแต่แรงม้าไม่มากเพื่อความทนทานครับ เครื่อง 3.0 ทุกยี่ห้อในตลาดตอนนี้พ่วงกล่องหรือว่ารีโปรแกรมใหม่มันก็ทะลุ 200 แรงม้า แรงบิดทะลุ400นิวตัน/เมตร แบบไม่ต้องยุ่งกับชิ้นส่วนอื่นๆเลย เหมือนพวกรถไอ้กันไงครับ เครื่องบะเริ่มแรงม้าไม่มากแต่โคตรทนเลย
-
ที่ต้องใช้เครื่องแรง เพราะว่า ที่กรองไอเสียมันทำให้กำลังลดลงไปเยอะเหมือนกันครับ มาตรฐาน EURO ที่บ้านเราใช้อยู่จริงๆ แล้วทางยุโรปเองก็เตรียมไป EURO 5 กันแล้วแฮะ บ้านเรา EURO 2 กันอยุ่เลย
-
กระบะบ้านเรา Euro3 หมดแล้วนะครับ
ส่วน Euro4 ก็ไม่น่ายาก
เท่าที่รู้มา สเปคเครื่องปัจจุบัน ปรับแรงดันนิดๆหน่อยๆก็ผ่าน Euro4 แล้วครับ