Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: GreenG ที่ มีนาคม 21, 2011, 11:23:42
-
สงสัยครับ ผมว่าถ้ามีรุ่นนี้ โดย + เพิ่ม 39,000 บ. จาก S MT เป็น 438,900
ผมว่ารุ่นนี้ ถ้ามีจะขายดีกว่า March มากๆ เพราะราคาถูกกว่าถึง 20,100 บ.
และจะลบป้มด้อย ของตัวรถที่เล็กกว่าลงไปมาก
หรืออาจเพิ่ม วิทยุ กับ เซ็นทรัลล็อก แล้วราคาเพิ่มเป็น 4.4 แสน หรือ 4.45 แสน
ก็น่าจะดีขึ้นอีกมาก
เพื่อนๆ คิดว่าเพราะอะไรถึงไม่มีรุ่นนี้ครับ และคิดว่าควรจะมีหรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ
-
ถ้าให้ตอบกันตรงๆก็คือ
เป็นเหตุผลในเชิง มารืเก็ตติ้ง เป็นหลักหนะครับ
ในเมื่อ Honda ลงทุนกับรถคันนี้ไป อย่างต่ำๆ 21,000 ล้านบาท
และเสียเวลากับรถคันนี้ไปมากถึง 5 ปี ซึ่งเยอะกว่ามาตรฐานของ
การพัฒนา Honda รุ่นอื่นๆ ที่มักป้วนเปี้ยนแถวๆ 3 ปีกว่าๆ ไม่ค่อยเกิน
ในฐานะที่ทำธุรกิจ เขาก็จำเป็นจะต้องดึงเอากำไร กลับมาใช้ในการ
หล่อเลี้ยงบริษัท พนักงาน ผู้ถือหุ้น และเอาเงินที่เหลือทำรถยนต์รุ่นต่อไป
มาขายกันต่อนั่นละครับ
เป็นเรื่่องปกติ เขียนโดยไม่ได้มองในแง่ลบนะครับข้างบนนี้ บอกกันไว้ก่อน เดี๋ยวตีความผิด
Honda เลือกที่จะใช้วิธี ซอยรุ่นย่อยให้น้่อยเข้าไว้ และเลือกใช้ชิ้นส่วนร่วมกันระหว่างรุ่น
ให้ได้มากที่สุด เลือกใช้วิธีการ ตัดอุปกรณ์ที่สะดวกต่อการติดตั้ง หั่นออกตามรุ่นย่อย
หรือไม่ก็จับเปลี่ยนสีไปแทน
ปกติแล้ว รถเล็กระดับนี้ รุ่นไหน ราคา เกิน 5 แสนบาทขึ้นไป รุ่นนั้น ผู้ผลิตจะหวังเป็นพิเศษ
เนื่องจากจะเป็นตัวที่ทำกำไรดีที่สุดใน line-up ของรถรุ่นนั้นๆ แต่ อย่างไรก็ตาม
ถ้าทำรุ่นย่อย S AT ออกมาอีกสักรุ่นนึง ผมว่า น่าจะเก็บยอดขายปลีก ได้เยอะกว่านี้อีกแน่ๆ
แต่มันอาจมีเหตุผลเชิงลึกอย่างอื่นมากกว่านี้ ที่เราอาจไม่รู้ก็เป็นไปได้ครับ
-
ถ้าให้ตอบกันตรงๆก็คือ
เป็นเหตุผลในเชิง มารืเก็ตติ้ง เป็นหลักหนะครับ
ในเมื่อ Honda ลงทุนกับรถคันนี้ไป อย่างต่ำๆ 21,000 ล้านบาท
และเสียเวลากับรถคันนี้ไปมากถึง 5 ปี ซึ่งเยอะกว่ามาตรฐานของ
การพัฒนา Honda รุ่นอื่นๆ ที่มักป้วนเปี้ยนแถวๆ 3 ปีกว่าๆ ไม่ค่อยเกิน
ในฐานะที่ทำธุรกิจ เขาก็จำเป็นจะต้องดึงเอากำไร กลับมาใช้ในการ
หล่อเลี้ยงบริษัท พนักงาน ผู้ถือหุ้น และเอาเงินที่เหลือทำรถยนต์รุ่นต่อไป
มาขายกันต่อนั่นละครับ
เป็นเรื่่องปกติ เขียนโดยไม่ได้มองในแง่ลบนะครับข้างบนนี้ บอกกันไว้ก่อน เดี๋ยวตีความผิด
Honda เลือกที่จะใช้วิธี ซอยรุ่นย่อยให้น้่อยเข้าไว้ และเลือกใช้ชิ้นส่วนร่วมกันระหว่างรุ่น
ให้ได้มากที่สุด เลือกใช้วิธีการ ตัดอุปกรณ์ที่สะดวกต่อการติดตั้ง หั่นออกตามรุ่นย่อย
หรือไม่ก็จับเปลี่ยนสีไปแทน
ปกติแล้ว รถเล็กระดับนี้ รุ่นไหน ราคา เกิน 5 แสนบาทขึ้นไป รุ่นนั้น ผู้ผลิตจะหวังเป็นพิเศษ
เนื่องจากจะเป็นตัวที่ทำกำไรดีที่สุดใน line-up ของรถรุ่นนั้นๆ แต่ อย่างไรก็ตาม
ถ้าทำรุ่นย่อย S AT ออกมาอีกสักรุ่นนึง ผมว่า น่าจะเก็บยอดขายปลีก ได้เยอะกว่านี้อีกแน่ๆ
แต่มันอาจมีเหตุผลเชิงลึกอย่างอื่นมากกว่านี้ ที่เราอาจไม่รู้ก็เป็นไปได้ครับ
ลงทุนเยอะมาก!!!! รถเล็กเนี่ยนะ ตกใจจนแทบสำลักน้ำเลยครับ
เปิดตาผมให้กว้างขึ้นอีก
-
ต้นทุนการทำรถเล็กแบบนี้สักรุ่น
พอกันกับการทำ รถ B-Segment อย่าง City Jazz Vios Yaris Mazda 2 หนะครับ
ถ้าในเมื่อกำไรจากรถเล็กต่อ 1 คันมันน้อย ก็ต้องจำเป็นที่จะลดต้นทุน หรือหาทาง
เพิ่มผลกำไรต่อหน่วยเข้าไปให้ได้ในระดับที่พอจะเป็นไปได้
เพราะบริาัทรถรู้ดีว่า ถ้าตั้งราคาแพงมากไป คนก็ไม่ซื้ออยู่ดี
เหมือนที่เคยเกิดมาแล้วกับทั้ง Yaris Freed ฯลฯ
-
ผมว่า ไม่น่าคุ้มครับ
จริงอยู่ว่าถ้าทำออกมาได้ราคา 4.3 แสน จะถูกกว่า March รุ่งล่างสุดของ AT
แต่คนส่วนใหญ่คงยอมเพิ่มเงินอีก 2 หมื่น ไปเอา March เลยดีกว่าครับ เพราะได้ออพชั่นความสะดวกสบายมากกว่า