Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: HOMY_DEMIO ที่ มีนาคม 28, 2011, 21:17:39
-
ซูซูกิ ดีเดย์อีโคาร์ต้นปีหน้า มั่นใจกระจายรถทั่วถึง เสริมช่องทางขายโชว์รูมมอเตอร์ไซค์
"ซูซูกิ" ผนึกกำลังธุรกิจรถจักรยานยนต์ลุย "อีโคคาร์" ดึงขายร่วมในโชว์รูม พร้อมเปิดตัวมีนาคม 2555 มั่นใจเปิดสายการผลิตปีแรก 1 หมื่นคัน ขายในประเทศ 90% ส่วนปีนี้คาดยอดขายโตทะลุ "หมื่น" คัน หลังอัดงบฯ 350 ล้านลุยตลาดทั้งปี
นาย ทาคายูคิ ซูกิยามา ประธาน บริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือเอสเอเอ็มที กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรืออีโคคาร์ว่า ดำเนินการทุกอย่างตามแผนงานทุกประการ โดยกำหนดคลอดในเดือนมีนาคม 2555 จะเริ่มผลิตจำนวน 10,000 คันในปีแรก โดย 90% รองรับความต้องการในประเทศ และที่เหลืออีก 10% รองรับตลาดอื่น และภายในปีที่ 5 บริษัทจะสามารถผลิตรถอีโคคาร์ได้ที่ 100,000 คันอย่างแน่นอน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศ 50% และส่งออกอีก 50% ไปยังประเทศในแถบอาเซียน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
โดย อีโคคาร์ของบริษัทนั้นจะใช้เครื่องยนต์ขนาดต่ำกว่า 1,300 ซีซี และจะทำตลาดในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการดีไซน์โดดเด่น และสมรรถนะการขับขี่ที่เป็นเลิศ ซึ่งขณะนี้โรงงานมูลค่า 7,400 ล้านบาทอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะแล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ ทั้งนี้บริษัทจะเดินหน้าแผนการตลาดเพื่อรองรับการเปิดตัวรถยนต์อีโคคาร์ อย่างเต็มรูปแบบต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ได้เจรจากับบริษัทไทยซูซูกิมอเตอร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิให้นำอีโคคาร์ซูซูกิมาจำหน่ายในโชว์ รูม
บริษัทประเมินว่า กลุ่มลูกค้าของรถจักรยานยนต์และรถยนต์อีโคคาร์มีความใกล้เคียงกัน และน่าจะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าจักรยานยนต์เข้ามาสัมผัสอีโคคาร์ได้มากขึ้นด้วย ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การร่วมมือการดำเนินธุรกิจของซูซูกิทั้ง 2 บริษัทในประเทศไทย
"ที่ผ่านมาเรามีการร่วมมือทำ กิจกรรมทางการตลาดร่วมกันในหลายส่วน เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ซูซูกิร่วมกัน ส่วนแนวโน้มการรวมบริษัทรถยนต์และมอเตอร์ไซค์เข้ามาไว้ด้วยกันนั้น วันนี้ต้องบอกว่าบริษัทยังไม่มีแนวคิดหรือนโยบายที่ชัดเจนแต่อย่างใด" นายซูกิยามากล่าว สำหรับปีนี้บริษัทได้เตรียมงบประมาณมูลค่ากว่า 380 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นงบฯการตลาด และส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเตรียมความพร้อมและรองรับรถอีโคคาร์ในอนาคต รวมถึงการเพิ่มจำนวนโชว์รูม 46 รายเป็น 60 รายในปีนี้
ขณะ ที่ยอดขายปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 5,500 คันในปีที่ผ่านมา และไม่น้อยกว่า 10,000 คันในปีนี้ โดยยอดที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากความมั่นใจของผู้บริโภคหลังจากที่บริษัทมีตัว แทนจำหน่ายเพิ่มตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1301132625&grpid=&catid=08&subcatid= (http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1301132625&grpid=&catid=08&subcatid=)
-
ดูเหมือนช่องทางการจัดจำหน่ายแบบนี้
น่าจะได้แนวคิดมาจากญี่ปุ่นแน่ ๆ เลย ใช่ไหม ;D
-
ดีมากเลยครับ เมื่อไม่นานมานี้ ผู้จำหน่ายมอไซค์ Suzuki รายใหญ่ที่สุดในเมืองเลย
ก็เคยมีแผนจะขายรถยนต์ Suzuki ในเมืองเลย ก็สั่งมาเลยครับทั้ง Grand Vitara , APV และ Carry
สุดท้าย ก็ขายกันแต่ Carry กันรุ่นเดียวท่าเดียวเลย Swift ปัจจุบันก็ไม่สั่งมา
ถ้าปีหน้าเอามาลงแบบนี้ด้วยจริง ก็โอเคเลยครับ ;D
-
จะว่าไป ถ้าเอา ecocar ลงดีลเลอร์มอไซค์ได้
เชื่อว่าดีลเลอร์มอไซคื suzuki น่าจะได้กำไรจากการขายของมากกว่าเดิมนะ
แต่ดีลเลอร์ที่ว่าน่าจะเป็นประเภท Suzuki World ดูสวยงามโอ่อ่ามากกว่า โชว์รูมทั่ว ๆ ไป
-
คลอดมีนาคม 2555... ถ้าจำไม่ผิด Ecocar ของ Mitsu ก็คลอดเวลานั้นเหมือนกัน ใช่ป่ะครับ? ถ้าจริง สงสัย Motor show 2012 คงกระหึ่มขึ้นไปอีก
-
ติดตรงต้นปีหน้านี้ละครับ นี้พึ่งต้นปีเองนะ ต้นปีหน้า...อูววว นานนน
-
Suzuki คิดดีแล้วเหรอที่จะทำแบบนี้?
กลุ่มลูกค้าที่ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ กับกลุ่มลูกค้าที่จะซื้อ ECO Car หนะ ฐานะใกล้เคียงกัน
แต่วิธีคิด และความต้องการแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้น การจะนำรถไปวางขายในโชว์รูมเดียวกัน
เหตุผลมันก็น่าจะมาจาก ความไม่พร้อมที่จะลงทุนขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มเติม
เลยคิดว่าจะใช้ศักยภาพของดีลเลอร์ มอเตอร์ไซค์ ให้ช่วยทำอีกทางหนึ่งแทน
มีทั้งข้อดี และข้อเสีย คิดกันให้ดีๆแล้วกัน
อยากได้ความเห็นเพิ่มเติม ก็ติดต่อมาแล้วกัน จะจัดให้
-
คลอดมีนาคม 2555... ถ้าจำไม่ผิด Ecocar ของ Mitsu ก็คลอดเวลานั้นเหมือนกัน ใช่ป่ะครับ? ถ้าจริง สงสัย Motor show 2012 คงกระหึ่มขึ้นไปอีก
ใช่แล้ว ปีหน้า ต้องมาให้ได้ กระหึ่มชัวร์
เวลาของ Brio เริ่มน้อยลงไปทุกทีละ
-
มาเลยๆ ;D
-
คลอดมีนาคม 2555... ถ้าจำไม่ผิด Ecocar ของ Mitsu ก็คลอดเวลานั้นเหมือนกัน ใช่ป่ะครับ? ถ้าจริง สงสัย Motor show 2012 คงกระหึ่มขึ้นไปอีก
ใช่แล้ว ปีหน้า ต้องมาให้ได้ กระหึ่มชัวร์
เวลาของ Brio เริ่มน้อยลงไปทุกทีละ
อีกปีเดียวเอง รอต่อไปดีกว่า เผื่อจะได้ของดีๆกว่า March และ Brio
-
ผมว่าการทำแบบนี้อาจจะทำได้เฉพาะกรุงเทพหรือเมืองใหญ่ๆเท่านั้นแหละครับ เพราะคนที่จะซื้อมอไซตามตจว.นี้ส่วนใหญ่ฐานะที่จะซื้อได้แค่มอไซก้แค่มอไซจริงๆ(ส่วนใหญ่ซื้อผ่อนกันด้วย) ถ้าจะเอาECO CAR มาวางขายด้วยก้จะเป็นลูกค้าอีกกลุ่มนึงไปเลย แต่ผมว่ามันเหมือนการรุกแบบแก้ขัดมากกว่า ซูซูกิเองอาจะมีปัญหาด้านจำนวนดีลเลอร์ที่จำหน่าย จึงใช้วิธีนี้แก้ขัดไปก่อน มันไม่ค่อยเข้าท่านะผมว่า
-
Suzuki คิดดีแล้วเหรอที่จะทำแบบนี้?
กลุ่มลูกค้าที่ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ กับกลุ่มลูกค้าที่จะซื้อ ECO Car หนะ ฐานะใกล้เคียงกัน
แต่วิธีคิด และความต้องการแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้น การจะนำรถไปวางขายในโชว์รูมเดียวกัน
เหตุผลมันก็น่าจะมาจาก ความไม่พร้อมที่จะลงทุนขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มเติม
เลยคิดว่าจะใช้ศักยภาพของดีลเลอร์ มอเตอร์ไซค์ ให้ช่วยทำอีกทางหนึ่งแทน
มีทั้งข้อดี และข้อเสีย คิดกันให้ดีๆแล้วกัน
อยากได้ความเห็นเพิ่มเติม ก็ติดต่อมาแล้วกัน จะจัดให้
พี่จิมมี่ครับ ผมอยากรู้ว่าวิธีการคิดของคนซื้อรถมอเตอร์ไซค์ กับ ECO Car ต่างกันยังไงครับ ขอบคุณครับ
-
แต่ตอนนี้เห็น SX4 มากกว่าที่คิดไว้อีกนะ
ระยะยาวแล้ว ถ้าเก๋ง Mıtsu หรือ Chev ทำออกมา ไม่ดีพอหรือแป๊ก
อาจจะโดนซูซูกิแซเอาได้
(ประมาณ4-5ปีขึ้นไป แล้ว สินค้า ซูซูกิต้องคุ้มค่่าอย่างแท้จริง)
-
แต่ตอนนี้เห็น SX4 มากกว่าที่คิดไว้อีกนะ
ระยะยาวแล้ว ถ้าเก๋ง Mıtsu หรือ Chev ทำออกมา ไม่ดีพอหรือแป๊ก
อาจจะโดนซูซูกิแซเอาได้
(ประมาณ4-5ปีขึ้นไป แล้ว สินค้า ซูซูกิต้องคุ้มค่่าอย่างแท้จริง)
หมายถึงยอดรวมหรอ?
ผมว่าจะแซง Mitsu ยากมากๆๆนะครับ
ตอนนี้ Mazda ยังไม่แซงขาดเลยนะครับ
-
แต่ตอนนี้เห็น SX4 มากกว่าที่คิดไว้อีกนะ
ระยะยาวแล้ว ถ้าเก๋ง Mıtsu หรือ Chev ทำออกมา ไม่ดีพอหรือแป๊ก
อาจจะโดนซูซูกิแซเอาได้
(ประมาณ4-5ปีขึ้นไป แล้ว สินค้า ซูซูกิต้องคุ้มค่่าอย่างแท้จริง)
หมายถึงยอดรวมหรอ?
ผมว่าจะแซง Mitsu ยากมากๆๆนะครับ
ตอนนี้ Mazda ยังไม่แซงขาดเลยนะครับ
เฉพาะ ยอดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล(ป้ายดำ)หน่ะครับ
ขนาดโชว์รูม น้อย และ ค่อนข้างขาดแคลน ขนาดนี้
บวกกับรีวิว คุณ J!MMY ที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก
เห็นวิ่งหนาตาขนาดนี้ นี่ ผมว่า Copy Cat แผนการตลาด"บางส่วน"ของ MZ
มา"ประยุกต์ใช้" น่าจะประสบความสำเร็จไม่ยาก
ปล. แต่เท่าที่เห็นSX4 นี่เหมาะสมกับ สาวๆมาก โดยเฉพาะสีขาว
-
อนาคตยอดขายรถยนต์ซูซูกิ
ขึ้นอยู่กับจำนวนรุ่นที่มาผลิตครับ
ถ้าเอารถเล็กมาขาย 3 รุ่นขึ้นไป ก็พอมีสิทธิ์ทาบรัศมี Mitsubishi ได้ครับ
-
ผมว่าวิธีเข้าท่าดีครับ
ในตอนเเรกอาจจะยังไม่พร้อมในการสร้างโชว์รูมทั่วประเทศ เลยยืมพื้นที่โชว์รูมมอไซด์ วางขายเสียเลย :)
การขายเเบบนี้ผมว่าสามารถเข้าถึงลูกค้าต่างจังหวัดได้ดีนะครับ อีกหน่อยคงจะทำเป็น Suzuki center มีมอไซด์ รถยนต์ ศูนย์บริการ อุปกรณ์เเต่ง สินค้าพรีเมี่ยม ต่างๆวางขาย
-
ตอนขายไม่เท่าไหร่
แต่ตอนบริการ งานซ่อมนี่ซิ
-
ถ้า Honda จนมุมกับ Brio เมื่อไหร่
ขอให้ Honda มีการปรับปรุงให้ใกล้เคียงประมาณว่า
ก่อนอื่นลดราคาแต่ละรุ่นลงไป 40,000-50,000 บาท
ทำให้เหลือราคาประมาณ S M/T 350,000 / V M/T 420,000 / V CVT 460,000
ต่อมารุ่น V M/T กับ V CVT แสนแพง จับยุบให้เหลือรุ่นเดียวคือ
V CVT ราคา 420,000 บาทพอแล้ว (แค่สลับเกียร์กัน รุ่น M/T กับ CVT
ควรราคาไม่ต่างกันมากตั้งแต่ต้นแล้ว นี่ปัจจุบัน Honda ฟันกำไรรุ่น CVT แพง
กว่ารุ่น M/T ตั้ง 40,000 บาท ขนาด Corollaรุ่น เกือบ 8 แสน ส่วนต่างจาก M/T
---> A/T ยังแค่ 30,000 บาทเอง)
-
ว่าแต่ Suzuki จะมีแผนอะไรใหม่ๆ เช่น
Swift 1.2 ทำตลาด eco car ในปีแรก
ปีที่สอง
Splash ลุย เป็น eco car คันที่สอง
ส่วน Swift มีทั้งรุ่น 1.2 กับ 1.5 เครื่องใหม่
....
อะไรทำนองนี้รึเปล่าครับ หรือว่าต่อไปนี้และตลอดไป
Suzuki จะทำแต่รถ Eco car รถ segment อื่นๆ โดยเฉพาะ
ตลาด B segment ซึ่ง demand ในตลาดบ้านเราเยอะ จะไม่แตะต้องกันเลย
-
ผมว่าตอนขายน่ะ ง่ายครับ
แล้วตอน service ละ? ศูนย์มีความพร้อมมากขนาดไหน? สังเกตดีๆว่าศูนย์ที่ขายมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ "ตึกแถว" นะครับ ถ้าจะขาย+service ตัวรถด้วย ต้องปรับปรุงกันขนานใหญ่เลยนะนั่น
แต่ยังไงผมก็รอดู swift อยู่ดีครับ
-
อยากดู swift ที่สุด รุ่นอื่นไม่โดนซักรุ่ร
-
ถ้า swift ตัวทอปสเปคใกล้เคียงกับเมืองนอก คงเสร็จผมเหมือนก้นครับ ;D
แต่ถ้าออกมาแล้วตัดนู่นนี่นั่นเยอะไปหมด ปีหน้าคงต้องไปจบกับ fiesta แทน
-
สำหรับผมแล้วผมมองว่า เขาทำแบบนี้ เป็นการกระจายรถได้เร็วและเข้าถึงทุกที่ได้เร็วที่สุด
ถ้าใช้แค่โชว์รูมที่มีอยู่ไม่ถึงคนทั่วไปแน่นอน เพราะโชว์รูมเดิมมีน้อย เอาแค่ กทม. มีกี่แห่ง???
โชว์รูมเดิมยังเป็นเบทสำหรับเซอร์วิสได้ แต่การพรีเซ็นสินค้าผมว่า จำเป็นที่จะต้องให้ทั่วถึง
ผมว่าคนขายสี TOA ไม่โง่แน่ ดูดีๆว่าทำไม TOA ขายดี เพราะมีเครื่องผสมสีตั้งอยู่ทุกดีลเลอร์
ผมเลยมองว่า งานนี้ เขาเล่นแบบนี้หล่ะ ขายของมันทุกดีลเลอร์และเซอร์วิสโดยผูกกับศูนย์ที่มี
งานนี้แปลกแต่คิดว่า น่าจะได้ตลาดสองทาง ได้มากว่าเสียแน่นอน
-
วิธีคิดของคนที่จะซื้อ มอเตอร์ไซค์นั้น
มีทั้งกลุ่มที่ซื้อ เพราะต้องการ Transportation ขั้นพื้นฐานในชีวิต มักเป็นคนโสด
หลังจากทำงานเก็บเงินได้เยอะพอสมควร เริ่มสร้างฐานะกันบ้างแล้ว
กลุ่มลูกค้า มีตั้งแต่ลูกจ้างเล็กๆ ที่ขยันๆ หน่อย หรือว่า นักเรียน นักศึกษาที่พ่อแม่ซื้อให้
แต่กับ ECO Car ฐานะของคนที่คิดจะซื้อ จะต้องมีเงินมากกว่ากลุ่มแรกค่อนข้างเยอะ
เพราะการหาเงินมาดาวน์รถเก๋งป้ายแดงสำหรับคนต่างจังหวัด หรือแม้แต่คนกรุง ที่ไม่ได้ร่ำรวยมาก
แต่อยากได้ ECO Car นั้นยากมาก และบอกเลยว่า ราคา หรือแค่เงินค่างวดต่างกัน 500 - 1,000 บาท
จะมีผลมากต่อการตัดสินใจซื้อรถของคนกลุ่มนี้ และส่วนใหญ่ การซื้อรถคันแรกนั้น
คนที่บ้านจะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เยอะกว่าการซื้อมอเตอร์ไซค์ เพราะแม้เป็นคนโสดที่จะซื้อ
แต่คนเหล่านี้จะคำนึงถึงความคุ้มค่าในภาพรวม ความสบายในห้องโดยสาร เพราะจะต้องพาพ่อแม่
นั่งไปด้วยได้ครบถ้วน ผิดกับมอเตอรืไซค์ ที่มักซื้อไว้สนองความต้องการส่วนตัวมากกว่า
นี่แค่เบื้องต้นคร่าวๆครับ ยังมีเรืองราวอีกเยอะ
-
ทุกวันนี้ดีลเลอร์มอไซค์โดยเฉพาะที่เป็นของ ไทยซู มาตั้งแต่ดั้งเดิมยังไม่มีความรู้เรื่องมอไซค์เลย สักแต่ว่าจะขายรถอย่างเดียว
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบริการ รถมีปัญหาไล่ไปเคลมกับศูนย์ใหญ่ทั้งๆที่ตัวเองต้องรับผิดชอบโดยตรง ด้วยการบริการที่แย่แบบนี้
จึงมีความพูดติดปากของคนที่ใช้รถมอไซค์ ซูซูกิว่า อะไหล่แพงและหายาก แต่ความจริงแล้วที่หายากเพราะดีลเลอร์ไม่สต๊อกอะไหล่ต่างหาก
ถ้าจะเอารถยนต์ไปตั้งโชว์ก็ยังพอว่า แต่ถ้าให้ขายด้วยอย่าเลย ไม่มีใครพร้อมให้บริการหลังการขายแน่นอน จะทำให้เสียภาพลักษณ์เปล่าๆ
แล้วที่บอกว่า่กลุ่มลูกค้าใกล้เคียงกันนี่ผิดแล้วครับ คนซื้อมอไซค์เป็นพวกหาเช้ากินค่ำ ยิ่งเดี๋ยวนี้มอไซค์ดาวน์ต่ำ-ฟรีดาวน์
มีเยอะแยะครับที่ออกรถ3เดือนแล้วปล่อยยึดด้วยเหตุผลที่ว่า รถไม่ถูกโฉลก >:(