Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: GreenG ที่ มิถุนายน 11, 2009, 19:06:01
-
วันนี้มี fax รถ BMW ซีรี่ย 3 มาถึงเจ้านายผม ดูราคาแทบใจจะขาด โอ้ยๆ :'(
เพราะว่าราคาตั้ง 2.3 ล้าน นี่ขนาดรุ่นถูกนะนี่ 318 เหมือนอุปกรณ์มันน้อยๆกว่าอัลติส 2.0 ยังไงไม่รู้
ผมเลยดูราคารถพวกนี้ ทำไมเดี่ยวนี้มันไม่มีต่ำกว่า 2 ล้านเลยละ
BENZ C-class เริ่มต้นที่ 2.4 ล้าน
ผมเห็นแล้วก็ขอร้อง โอ้ยๆ :'( อีกครั้งเพราะคงจะยากที่จะมีปัญญาไปซื้อรถราคาแพงขนาดนั้นแน่ๆครับ
ผมสงสัยว่าเป็นเพราะอะไรทำไมราคาถึงห่างจากเมื่อ 10 กว่าปีก่อนแบบคนละชั้นเลยครับ
ทั้งที่พวกอุปกรณ์ไฟฟ้าก็ราคาถูกลง รถญี่ปุ่นเดี่ยวนี้ก็มีของเล่นมากมายขึ้นมากครับ ;)
-
สมัยก่อน C180 W202 ราคา 1.68 ล้าน นั่นคือปี 94 ตอนนั้น Corolla ที่แพงที่สุดคันละ 6 แสน
ทุกวันนี้ C-Class ตัวล่างสุด 2.4 ล้าน Corolla ที่แพงที่สุด ล้านนิดๆ
ผมก็ว่าทุกอย่างมันเติบโตตามกันนะครับ ถ้าไม่นับกรณีลดราคาพิเศษอย่าง E34 Bignose ตอนปลายๆอายุที่ 525iลดเหลือ 1.88ล้าน
-
มันก็แพงขึ้นตามราคารถญี่ปุ่นที่แพงขึ้นๆ เหมือนกันครับ
วันนี้ผมไปค้นเจอหนังสือกุลสตรีปี 2538 ที่โรงเรียน
มีโฆษณาลุ้น E220 ราคา 2,270,000 กับ Accord LXi ราคา 870,000
คำนวณดูทุกวันนี้ E200 NGT 3,700,000 ส่วน Accord 2.0 ก็ 1,265,000
คิดว่ามันยังเป็นอัตราส่วนใกล้เคียงเดิมครับ :)
-
ถ้ารู้ต้นทุนจะช๊อกกว่านี้มั๊ยเนี่ย
ไม่รู้ทำไม รถประกอบบ้านเราเหมือนกัน ชิ้นส่วนหลายชิ้นก็ผลิตบ้านเราแล้ว ยังแพงอยู่ได้
แต่ซื้อไปแล้วก็พอใจครับ คุ้ม
-
มันเป็นไปตาม
ค่าของเงินที่เพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมัน (เกี่ยวหรือไม่?)
ราคาต้นทุนและวัสดุ
เทคโนโลยีต่างๆที่มันสลับซับซ้อน
จิปาถะอื่นๆอีกเยอะแยะละครับ
-
มายืนยันอีกคนว่าเป็นผลมาจากเงินเฟ้อครับ
และมันก็จะเฟ้อต่อไปเรื่อยๆ ด้วย อีก 10 ปีข้างหน้าคอยดูอีกก็ได้ครับ รับรองว่าอัลติสรุ่นต่ำๆ ก็อาจจะล้านขึ้น ;D
ปัจจัยมันก็มาจาก ต้นทุนของอุปทานมันมากขึ้นน่ะครับ น้ำมันนั่นคือปัจจัยหลัก ทำอะไรๆ ขนส่งอะไรๆ มันก็ต้องใช้น้ำมันใช่มั้ยครับ
เราก็หวังแต่ว่า ทางการจะทำให้เงินในระบบ หรือ เงินรายได้ของเราเพิ่มตามให้ทันละกัน ;)
-
สงสัยอีกหน่อยผมคงซื้อได้แต่ ECO CAR ละมั้งนี่
ALTIS กลัวรุ่นถูกมันจะเหยียบล้านจังเลยครับ
-
It's just the time value money!!!
-
อีกหน่อยผมว่ารถกระบะคงราคาถึงล้าน ;D
-
เอ้อ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอถามอีกหน่อยครับว่า ทำไมอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ยิ่งพัฒนายิ่งถูกลง เช่น มือถือ คอม ฯลฯ
มันต่างอะไรกับการพัฒนารถยนต์บ้างครับ
-
เอ้อ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอถามอีกหน่อยครับว่า ทำไมอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ยิ่งพัฒนายิ่งถูกลง เช่น มือถือ คอม ฯลฯ
มันต่างอะไรกับการพัฒนารถยนต์บ้างครับ
จริง ๆ แล้ว ในแง่กระบวนการผลิตที่เป็นต้นทุนหลัก ๆ ไม่ต่างมากครับ ทั้งสองอย่างต่างมีต้นทุนการผลิตถูกลงด้วยเทคโนโลยีการประกอบที่ได้ปริมาณเพิ่มขึ้น แต่ มีตัวแปรบางประการ ได้แก่ ค่าเงิน ภาษี และ กำไรต่อคัน ที่ทำให้ราคารถเป็นอย่างปัจจุบัน
จะยกตัวอย่างให้ดูนะ ขอเทียบรถยนต์กับ Hard Disk นะครับ
ปี 1996 Toyota Corolla ไทยขาย 400000บาท อเมริกา ขาย 12000เหรียญ ประมาณ 275000 บาท
ไทย HarDDisk ถูกสุด ขาย 4000บาท อเมริกา ขาย 80$ ประมาณ 2000 ค่าเงิน 1$ = 25
ปัจจุบัน ค่าเงินบาท 35บาท =1 เหรียญ กระบวนการภาษีรถประกอบภายในประเทศและกลุ่ม AFTA ทำให้เกิดส่วนต่างภาษีเทียบกฎหมายที่ได้จาก "สมัย" นายกอนันต์ ประมาณ 10% แต่รถนำเข้านอกกลุ่ม ส่วนต่าง 100 - 200% ภาษี Electronic นำเข้าลดลงเหลือ 5% จากที่เคย30%
็HDD ตัวล่างสุด 1000 บาท (ลดลง 75%) อเมริกา ขายรุ่นถูกสุด 20$ = 800 บาท
รถยนต์ VIOS (ขอใช้ VIOS เทียบนะครับ เพราะมันเท่ากับ Corolla ในอดีต คือรุ่นล่างสุด ถ้าคิดว่าไม่สมเหตุสมผลแย้งมาได้) 499000 บาท อเมริกาขาย VIOS 12000เหรียญ เทียบค่าเงินบาท 35 บาท ราคารถ = 420000 บาท
สรุปว่า เราใช้รถแพงขึ้น = 25% บริษัทรถ กำไรมากขึ้น จากส่วนต่างค่าเงิน เนื่องจากประกอบรถบ้านเราไปส่งออก 80%
บริษัท HDD กำไรน้อยลง 50% และเราได้ใช้HDD ถูกลง 75%
งงป่าวหว่า มีรายละเอียดยิบย่อยมากกว่านี้ แต่ เอาแค่นี้ก็พอนะครับ
-
ถ้าเป็นอย่างค.ห.บนๆว่าต่อไปคนได้กินก๋วยเตี๋ยวข้างทางชามละ100แน่เลย
-
นึกถึงแต่ก่อน ที่บ้านคิดว่า ชาตินี้คงไม่มีโอกาศได้สัมผัสรถคันละ 1 000 000 บาทแน่ๆ
แต่ตอนนี้ รถที่ใช้อยู่ก็ ล้านกว่าๆ แล้ว...
ต่อไปผมว่า รถยนต์ราคาปกติ พวก Camry Accrod Teana คงอยู่ที่ราคา 3 000 000
แล้ว Vios City เริ่มต้นคงที่ 1 000 000 บาทแน่ๆ เลย...
-
ผมถึงเลือกรถมือสองไงครับ อย่างน้อยๆเราก็ไม่ต้องมายด์เรื่องเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยน ขอแค่สภาพดีๆ มีอะไหล่ให้เปลี่ยนก็แล้วกัน 5 5 5
ลดไปเยอะ..... ;D
-
คิดง่ายๆสบายๆคือเค้างกครับ