Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: karn5811 ที่ เมษายน 24, 2011, 22:40:07
-
คือผมไปลองถามหลายคนแล้วอะครับ ทั้งช่างหรือคนรุ้จักที่เขาชอบรถ
เขาจะชอบบอกกันว่า ปัญหาเยอะบ้างแหละ ซ่อมจุกจิกบ้างแหละ ไม่ทนบ้างแหละ
แล้วก็จะบอกกันว่า สู้ TOYOTA ไม่ได้
เลยจะมาถามเพื่อนๆๆพี่ๆๆ สมาชิกในเว็บอะครับ ว่าคิดกันยังไง
แต่ยังไงผมก็รู้สึกชอบฮอนด้าเหมือนเดิมครับ
-
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,11931.90.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,11931.90.html)
ลองอ่านกระทู้นี้ก็แล้วกันครับ
ผู้ใช้ฮอนด้า มาเองด่าเอง ไม่ต้องพึ่งสาวกชาวโต แต่อย่างใด
-
ก็ไม่นะครับ ผมใช้มา จะสองปีละ Honda City 2009
ไม่มีวันไหน สตาร์ทไม่ติด เพลงไม่ดัง แอร์ไม่ทำงาน
ทุกอย่างทำงานปกติ โดยที่ผมไม่เคยต้องซ่อมอะไรเลย
ทำแค่ เติมน้ำมัน เช็คระยะ เปลี่ยนยาง(เพราะยางที่แถม มันบวม)
นอกนั้น ไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น
-
ก็ไม่นะครับ ผมใช้มา จะสองปีละ Honda City 2009
ไม่มีวันไหน สตาร์ทไม่ติด เพลงไม่ดัง แอร์ไม่ทำงาน
ทุกอย่างทำงานปกติ โดยที่ผมไม่เคยต้องซ่อมอะไรเลย
ทำแค่ เติมน้ำมัน เช็คระยะ เปลี่ยนยาง(เพราะยางที่แถม มันบวม)
นอกนั้น ไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น
คงไม่ขนาดนั้นหรอกครับหมายถึงเมื่อใช้ไปนานๆๆซักหน่อย
ซิตี้พี่เพิ่ง2ปีเองถ้ามีปัญหาหนักๆๆเยอะๆๆก็คงต้องได้ไปด่าศูนย์ฮอนด้าหละครับ
อีกอย่างผมก็ไม่รู้หรอกว่าฮอนด้าดีไม่ดีแต่ว่ามีคนบอกผมมาเยอะว่ามันไม่ค่อยดีผมก็เลยสงสัย
และที่บ้านผมก็ใช้แต่โตโยต้ากับนิสสันครับ
-
ไม่หรอกครับ เท่าที่ผมเคยใช้ Honda มาหลายคัน ยังไม่เจอซักคันที่จะทำให้รู้สึกไม่ดีกับมันนะครับ
-
ผมไม่เคยใช้ Honda หรอก แต่ก็เคยลองขับ CR-V Gen 2 คลานในเมือง มันก็เป็นรถที่ขับสนุกใช้ได้ทีเดียว
ผมก็ยังเชื่อว่ารถทุกยี่ห้อมันมีปัญหา และโดยเนื้อแล้ว Honda กับ Toyota ก็คงไม่ได้ต่างกันมากนักในเรื่อง defect (หรือรถญี่ปุ่นโดยรวม)
แต่ประเด็นหนึ่งคือ ในเมืองไทย Honda "ไม่ใช่รถญี่ปุ่นทั่วไป" ครับ ถึงตอนนี้จะหายไปบ้าง แต่คนก็ยังซื้อ Honda เพราะความ premium ของ brand อยู่ไม่น้อยทีเดียว แต่สิ่งที่ปรากฎกลับเป็นว่า Honda มีปัญหาเรื่องการควบคุมคุณภาพอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเรื่องต๊อกๆ ของ เครื่อง R18 ใน FD ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจครับ
ตอนที่มี case Fullmoon เมื่อหลายปีก่อน ผมกับคนในบ้านเคยวิจารณ์กันเล่นๆ ว่า "Honda มี image หรู ซึ่งผู้หญิงชอบ มันน่าจะทำรถให้ดีสมกับคุณผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องรถหน่อยสิ"
ในต่างประเทศ Honda ถือเป็น mainstream brand เหมือนกับ Toyota Nissan Mazda Suzuki Mitsubishi และอื่นๆ แต่ในเมืองไทย brand นี้กลับมีมนต์ขลังพิเศษ ดังนั้นสำหรับหลายๆคน...
Honda ต้องดีกว่า Toyota ครับ แค่เท่ากันยังแย่เลย (เพราะ Honda ไม่มี taxi เลยไฮโซกว่า)
แต่แล้วถ้า Honda แย่กว่า Toyota มันก็จบเห่ละครับ
-
ถ้าพูดถึงเรื่องความทน เอาHonda ไปเทียบรุ่นต่อรุ่นกับ toyota ผมก็ยังว่า toyota ทนกว่านะครับ จริงอยู่มันขึ้นอยู่กับผู้ใช้ดูแลรักษาด้วย แต่ถ้าขับกันอย่างบ้าเลือด ตีนผีเหมือนพวกเพื่อนผม toyota มันรองรับได้มากกว่า honda จริงๆ ถ้าเป็น honda ก่อนปี 2000 ผมว่ายังมีคุณภาพดีอยู่ แต่พอหลังยุค 2000 มา honda ทำรถไม่ทนหลายรุ่นมาก สาเหตุก็มาจากการลดต้นทุนนะผมว่า เป็นต้นว่าระบบเกียร์ที่พากันเสีย รองรับการขับขี่แบบกดเต็มตีนบ่อยๆไม่ค่อยจะได้เช่น Accord หูเห่า accord G7 V6 civic ES jazz/city CVT เป็นต้น แล้วก็ยังมีเรื่องเครื่องต๊อกและยางแท่นเครื่องเสียบ่อยอย่าง FD 1.8 ที่ผมใช้อยู่ครับ คิดว่ามันอยู่ที่คุณภาพวัตถุดิบจริงๆ ถ้าเลือกที่มีคุณภาพดีๆหน่อย ไม่ลดต้นทุนจนเกินไปมันก็คงทนไม่แพ้ toyota แหละครับ
-
ถูกต้องครับ
เทียบกันรุ่นต่อรุ่น Toyota จะทนทานกว่า
Honda ป้ายแดง จะไม่จุกจิกเลยในช่วง 3 - 4 ปีแรกครับ (ตอนนี้ก็ใช้อยู่)
ถ้าคุณใช้รถไม่เยอะเท่าไหร่ มันจะแทบไม่มีอะไรมากวนใจคุณเลย
แต่ถ้าคุณใช้รถค่อนข้างเยอะ ปีนึงๆ ว่ากันที่ 20,000 กิโลเมตรขึ้นไป
ผมว่า โอกาสที่ความเสื่อมโทรมของชิ้นส่วนจะมาเยือนเร็วกว่าที่คิด
ดังนั้น ในกรณีของ Honda ขอแนะนำว่า ของเหลวต่างๆ ถ้าเปลี่ยนถ่าย
เร็วกว่าในคู่มือกำหนดได้ ก็จะดีครับ (ยกเว้นน้ำมันเครื่อง และน้ำมันเบรก
ที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเร็วกว่าที่คู่มือกำหนด)
-
ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาของแต่ละคนคืออะไร? หนักขนาดไหน?
บางคน เครื่องเร่งไม่ออก เกียร์เปลี่ยนไม่ปกติ ยังไม่รู้ตัวว่ามีปัญหา แต่สีกันชนพ่นมาไม่เงาเท่ารถ กลายเป็นปัญหา
รถในบ้านผมจะมีสมาชิกเป็น Honda อย่างน้อย 2 คันมาตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ไม่มีคันไหนเคยตายกลางทาง
รวมถึงคันที่ใช้เกิน 200,000 ก.ม....ยกเว้น CR-V Gen2 ที่หม้อน้ำรั่วต้องลากกลับบ้านตอน 200,000 ก.ม.
และ Compressor แอร์ พังที่ 80,000 ก.ม. เปลี่ยนมือสอง ก็อยู่ได้ปีครึ่ง เลยกัดฟันซื้อคอมห้าง Honda
ผล? อยู่ต่อได้อีก 40,000 ก.ม.กว่าๆก็พัง ทั้งๆที่ราคาไม่ใช่ถูกๆ
เครื่องยนต์ส่วนอื่น เกียร์ ช่วงล่าง ใช้งานมาสบายหายห่วงทุกคัน เดินทางไกลสบายใจทุกคัน
CR-V Gen 1 คันแรก เป็นรถที่ใช้สบายใจกว่า 200,000 ก.ม. ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย
Civic ES คันที่ 1 มีเสียงดังจากชุดแผงคอนโซล ไม่มีช่างที่ไหนแก้หาย ต้องให้เพื่อนใจเย็นมาช่วยรื้อ
และทำให้ใหม่ หาย
Civic ES คันที่สอง ปั๊มเพาเวอร์เสียงดังมาก ตั้งแต่ 45,000 ก.ม. แผงประตู แผงคอนโซล ดังไปหมดทั้งคัน
การตอบสนองของเครื่องและเกียร์ ไม่เหมือนกัน ES คันแรก แต่ที่ศูนย์ Honda ตอบว่าปกติ (แปลว่ารถอีกคันของผมไม่ปกติ?)
นอกจากนี้ ES ทั้งสองคัน ประตูหลังกับหน้า สังเกตแนวโครเมียมขอบประตู จะไม่เท่ากัน และเป็นทั้งสองคัน
นั่นคือปัญหาที่เจอ และทำให้ไม่พอใจกับตัวรถ แต่มันยังไว้ใจได้ ขับสบาย แอร์เย็นอยู่
สำหรับคนที่ใช้รถรุ่นใหม่กว่าผม ..อาจจะได้เจออะไรหลายอย่างที่ไม่ได้แก้หรือทำใจง่ายมากเท่าผม
เช่นการซื้อรถ FD ป้ายแดงมา แล้วต้องรื้อเครื่องทำใหม่ทั้งที่รถยังใหม่อยู่
หรือการที่ City เคลือบแล็กเกอร์บางมากจนเจอน้ำยาห่วยๆรอบเดียวสีรถแทบจะต้องเรียกเทวดามาฟื้นฟูสภาพ
หรือการที่ CR-V ป้ายแดงคันนึงสีเป็นผดออกจากโรงงาน ทำให้เจ้าของที่เพิ่งจะใจเปิดขอลองเล่น Honda ได้รับ
ประสบการณ์แรกเริ่มที่ทำให้ไม่อยากกลับไปใช้แบรนด์นี้อีก
ที่พูดมาทุกอย่าง ไม่ได้พูดขึ้นมาลอยๆ มีเจ้าของรถเป็นตัวตนจริง ไม่ได้ดิสเครดิตเอามันส์ หรือเป็นเรื่องพวก "เขาเล่าว่า"
นี่คือเรื่องของคุณภาพของรถที่ออกจากโรงงานซึ่งหากแย่ลงไปกว่านี้ ผมว่า Honda ก็ไม่อยู่ในฐานะที่ปลอดภัย
เรื่องการตรวจสอบตัวรถก่อนส่งมอบลูกค้าก็เช่นกัน มันเป็นเรื่องที่โรงงานประกอบกับดีลเลอร์ไม่ควรจะมานั่งโยนขี้ใส่กัน
มันต้องช่วยกันทั้งคู่ ไม่ต้องมาปัดความรับผิดชอบ
ES คันแรกของผม รับรถมา แผงลำโพงด้านแดชบอร์ดคันนั่งประกอบไม่สนิท สะเทือนดังตลอดการขับ ศูนย์ปทุมธานีแก้ไขให้
ES คันที่สอง รับรถมา วิ่งไปจนน้ำมันใกล้หมด พบว่าคันชักเปิดฝาถังน้ำมันใช้การไม่ได้ โชคดีได้เพื่อนที่เคยรื้อ ES บอกวิธี
ให้รื้อพรมหลังซ้ายแล้วเอามือล้วงดึงคันชักเปิดฝาถังเองได้
CR-V 2.4 ของพ่อคันปัจจุบัน รับรถมา เพิ่งมาตรวจเจอตอนหลังว่า GPS เสีย ทางศูนย์ให้พ่อผมขับไปที่ปทุมธานีเพื่อถอด
เอาไปตรวจสอบ ก็พบว่าเสีย ก็บอกว่าแล้วจะเบิกอะไหล่มาใส่ให้ใหม่ ก็ขับมาอีกรอบมาใส่ พอใส่เสร็จ พอผมเพิ่งมาเห็นว่าเอาวิทยุของรถปี 2010 ต้นปีมาใส่ให้
ทางศูนย์ใส่ไปโดยไม่บอกพ่อผม แล้วบอกให้พ่อผมเอากลับไปใช้ก่อนเพราะเบิกอะไหล่มาผิด พ่อเลยวีนแตกกลางศูนย์เพราะหงุดหงิดที่ต้องขับรถ
มาไกล ที่ซื้อที่นี่เพราะรู้จักกัน และอุดหนุนรถ Honda ป้ายแดงจากที่นี่มา 3 คันแล้ว
พนักงาน ไม่มีใครกล้าฟันธง ต้องให้ผู้จัดการใหญ่มาเจรจาให้ พร้อมกับยื่นกุญแจรถ Demo ให้พ่อผมมาใช้ระหว่างรอ พร้อมน้ำมันเต็มถัง
เรื่องต่างๆกับศูนย์ Honda ยังมีอีกเยอะ ตั้งแต่โมโหนิดๆ ไปจนถึงขั้นต้องวีนแตกคาศูนย์โดยไม่จำเป็น
ถ้า Honda สามารถคงเทคโนโลยีของรถในวันนี้ไว้ได้ แต่ทำให้งานมันออกมาใช้แล้วไม่มีปัญหา ..เอาแบบสมัยยุคตาโตกับ CR-V หรือก่อนหน้านั้นได้ก็ดีนะ
เพราะผมจะได้มีความมั่นใจเวลาแนะนำให้ใครต่อใครซื้อ Honda
แค่ความเห็นเล็กๆน้อยๆจากตัวแทนของบ้านที่อุดหนุน Honda มา 5 คันในทศวรรษที่ผ่านมา
-
ที่บ้านมีรถตลาดครบทุกยี่ห้อ รวมของญาติๆเรียกว่าครบทุกรุ่นทุกยี่ห้อ
แต่ไม่มีใครใช้ honda สักคันในตระกูลผม ;D ;D ;D
-
แพนจัดเต็มวุ้ย...
3 ตัวอย่างที่แพนยกมานั้น ข้าพเจ้ารู้จักเจ้าของรถทั้ง 3 คันนั้นเป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน
และไม่ใช่ "เขาเล่าว่า" แน่ๆ เพราะเคส CR-V 2.4 สีขาวมุก สีเป็นผดหนะ
ข้าพเจ้ารับเคสเองกับมือ และนั่นก็เมื่อ 2 ปีกว่ามาแล้ว ที่เลวร้ายมากในเคสนั้นคือ
1. แม้แต่รถ Jazz สีขาว ของคนใน Honda Automobile เอง ก็เจอ แต่ทำอะไรไม่ได้!
2. คุณต้องส่องด้วยแสงไฟฟลูออเรสเซนต์ ถึงจะเจอ ส่องกลางแดดหนะไม่เจอหรอก
3. ครั้งนั้น Honda Automobile Thailand ปัดความรับผิดชอบ โยนให้ วอง Honda พหลโยธิน
เป็นผุ้รับความซวยในเคสนั้นไป โดยอ้างว่า "ตอนเซ็นรับรถจากโรงงาน ทำไมไม่ตรวจดูให้ดีๆ"
4. ตอนจบ เคสนี้ ดีแต่ลูกค้า ยอมที่จะไม่เอาเรื่อง มันถึงได้จบ ทั้งที่ปกติ เจ้าของรถนั้น
ขึ้นชื่อได้ว่า เป็นคนระดับ บู๊ล้างผลาญคนนึงรอบตัวผมเลยทีเดียว เป็นโชคดีมากของ
Honda ในวันนั้น
แบบนี้ ข้อ 3 ถือว่า ทุเรศมากนะ นี่พูดกันตรงๆ
แม้ว่าเคสนี้จะจบไปแล้ว 2 ปีกว่า แต่อย่าคิดว่า ผู้บริโภคอย่างพวกเราจะลืม....
เรื่องนี้ ไม่ได้ถูกนำออกสื่อที่ไหนมาก่อน และเพิ่งจะเอามาเขียนลงกระทู้นี้ เป็นที่แรกนี่แหละ
ผมอยากเห็นการปรับปรุงในทางที่ดีขึ้น "อย่างจริงจัง" ของ "ทุกฝ่าย" ใน Honda
เพราะผมได้ตระหนักแล้วว่า หลังจากเคส Fullmoon CR-V ความพยายามปรับปรุง
ให้ทุกอย่างมันดีขึ้น มีอยู้แค่ช่วงสั้นๆ ไม่กี่ปีเท่านั้น ที่เหลือ ทุกอย่างก็มาปรากฎกับอาการต๊อกๆ
ของ Civic FD 1.8 อีกอยู่ดี และจากการดีลช่วยเหลือคนรอบข้างบางคน ทำให้ผมได้รู้ว่า
จริงๆแล้ว ทัศนคติ ของคนทำงานบางคน ที่มีต่อรถของลูกค้านั่นแหละ ที่เป็นปัญหา
-
ใช้ Honda 2 คัน
คันนึงอยู่อเมริกา ส่วนเพื่อนๆหลายคนก็ยังใช้ FD ที่อเมริกา
ส่วนเมืองไทยก็มี 1 คันก็ FD เช่นกัน
พบว่า Honda ที่อเมริกาทนมือทนเท้า แต่ที่เมืองไทยแม้จะทน แต่เหมือนเป็นคนละคัน
ช่วงล่างมีกุกกักตั้งแต่ 20,000 โล ประเก็นเฮดเดอร์แตก เบรคไม่อยู่ตั้งแต่ซื้อ (น่าจะเฉพาะคัน) คือกดแล้วจมเลยในความเร็วสูง และยังแก้ไม่ได้
นี่ไม่นับคานกันชนหลังทั้งชุดกับโฟมกันชนหน้าที่ spec ไทยไม่มี
ขึ้นโชว์รูมจะไปถอย Accord ราคาล้านหก แต่ก็ไม่มีคานในกันชนอีก เลยสงสัยว่าตรงอื่นๆจะมีลดต้นทุนอีกมั้ยเลยถอดใจไม่ซื้อ ทั้งที่ Camry กะ Teana เค้าครบ
ตอนนี้เลยเล็ง Teana แทน แต่ก็ยังรักเจ้า FD นะ
-
jazz ที่บ้าน ล็อคเสีย กระจกติด ท่อผุ ใช้มาร่วม 6 ปีรถของพี่สาว คันนี้ถือว่าจุกจิกพอตัว
civic dimension ล็อคเสีย แค่นั้น ถือว่าไม่จุกจิกอะไร
น่าสงสัย ว่า พอใช้นานๆ แล้ว ล็อคฮอนด้ามันเป็นอะไร เสียทุกคันในบ้านเลย ;D ;D ;D
-
ผมเองก็ยังอยากใช้ honda ครับ แต่ เท่าที่ฟังจากเสียงคนรอข้างและได้มาอ่านกระทุ้นี้ ผมก็ยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจซื้อ honda สำหรับรถคันต่อไปจริงๆ ทั้งๆที่ชอบรูปทรง ท้ง civic และ city มากกว่า vios และ altis
คงเซงแน่ๆถ้าตัดสินใจออกรถใหม่และคาดหวังว่ารถใหม่มันจะดี แล้วพอนำมาใช้งานเกิดปัญหา แล้วทำอะไรไม่ได้เนี่ย ผมคงโวยลั่นศูนย์แน่ๆครับ >:(
เคยนั่งรถเพื้อน jazz ดังออดๆแอดๆภายใน รถยังใหม่อยู่เลย
civic เพื่อน ก็ดังต็อกๆๆๆ ขายไปละ
เคยถามช่าง ช่างก็บอก ยังไงก็สู้ โตโยต้่าไม่ได้ ถ้าจะนำมาใช้งาน ไม่ได้ขับแบบเน้นจอดด
-
jazz ที่บ้าน ล็อคเสีย กระจกติด ท่อผุ ใช้มาร่วม 6 ปีรถของพี่สาว คันนี้ถือว่าจุกจิกพอตัว
civic dimension ล็อคเสีย แค่นั้น ถือว่าไม่จุกจิกอะไร
น่าสงสัย ว่า พอใช้นานๆ แล้ว ล็อคฮอนด้ามันเป็นอะไร เสียทุกคันในบ้านเลย ;D ;D ;D
jazz ผมก็ล๊อคเสีย ฝั่งซ้ายทั้งหน้าและหลัง -*-
-
ที่บ้านมี Accord 1994 ตาเพชร ไมเนอร์เชนจ์ ยังน่าประทับใจอยู่ครับ
แต่ยุคใหม่ ๆ ไม่เคยสัมผัสเลย
-
ขอแชร์ประสพการณ์บ้าง
ผมเจอมาทุกยี่ห้อ เรื่องความจุกจิกของรถ สุดท้ายมานั่ง ๆ ดู มันก็พอ ๆกันหมด เพียงแต่ ศูนย์นั้น ๆที่เราออกรถ รับผิดชอบให้เรา แก้ปัญหาให้เราได้เก่ง (เร็ว ตรงจุด ถูกใจ) แค่ไหน
ปี 1996 W210 กระจกตกราง รถใหม่ๆ ได้รับการแก้ไขทันที
ปี 1999 Hilux Tiger เสียงคลัทช์ดังมากๆ สุดท้ายศูนย์เปลี่ยนให้หลังจากถกกันอยู่เป็นเดือน ๆ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะมีทุบรถ
ปี 1997 CIVIC พัดลมไม่ทำงาน ศูนย์เคลมให้ครับ
ปี 1997 CIVIC คอนโซลเสียงดัง เสียงลมเข้าขอบประตู ศูนย์ไม่เคลม ทนฟังกันต่อ
ปี 1997 Hyundai Tiburon ออกมาได้สามวัน ฝาถังน้ำมันเด้งออกเองตลอด ได้รับการแก้ไขทันที
ปี 2004 BMW E46 กระจกหลังตก ศูนย์เปลี่ยนอะไหล่ให้ 4 บานเลย
ปี 2008 CIVIC FD เครื่องเสียงดังต๊อก ๆ ....ยังไม่ได้รับการแก้ไข
ปี 2009 TOYOTA ALTIS สีขาวมีคราบเหลือง ๆ เต็มรถ หลังจากนำรถไปล้าง ศูนย์ โคราช ขัดให้ หาย
มีอีกหลายรายการ แต่ ที่ผมคิดว่าเป็นจุดไคลแมกซ์คือ มีปัญหา แล้วศูนย์ บอก "มันเป็นเรื่องปรกติ" นั่นแหละ ทำให้มันฮิต ตัวรถ ไม่ว่ายี่ห้อไหน ต้องมีบ้าง คุณภาพการประกอบ การผลิต ที่ไม่ได้มาตรฐาน
-
ผมเคยตอบในกระทู้วิเคราะห์ของริงโกะแล้วครับ ถ้า honda ยังไม่ปรับปรุง ผมก็ลาขาดครับ
ปล.ขาย Jazz GD 1 ไปแล้วครับอายุ 4 ปีพอดี ซื้อมือสองยี่ห้ออื่นแทน
-
น่าแปลกครับ ผมกลับรู้สึกตรงกันข้ามเลยทีเดียว
ที่บ้านผมซื้อรถสองคัน ในระยะไล่เลี่ยกัน เป็นรถคนละเซกเมนต์
Toyota Corona T171 ModelChange 1990 เซกเมนต์ใหญ่ หรูหรา ออปชั่นเพียบ
Honda Civic EF MinorChange 1991 เซกเมนต์เล็ก ออปชั่นเหมือนมีแต่โครง
ตัวออปชั่นหรูหราของโตโยต้า ไม่มีปัญหาใดๆ แต่ผมกลับต้องทะเลาะกับอุปกรณ์พื้นฐานของโตโยต้าเมื่อมันเก่าไป
เช่น หน้ากากแอร์ ระบบล็อกประตู ท่อดูดอากาศคาร์บู หน้าปัทม์ หัวดูดน้ำมัน ฝากระโปรงท้าย คอมแอร์ไหม้ ฯลฯ
ตั้งแต่กิโลเมตรแสนเดียว (ตอนนี้ดันทุรังวิ่งมาสามแสน) ในขณะที่เจ้า Civic EF ที่มีแต่โครง แต่โครงของมันกลับไม่สร้างปัญหาให้ผมเลย
ทั้งๆ ที่ สองคันนั้น จนถึงปัจจุบัน ผมใช้อะไหล่ แท้ กับ เทียบ เท่านั้น ไม่ใช้ เทียม กับ มือสอง เลย
(ตอนนี้ EF ผม 1.5 แสนโลครับ)
เป็นความจริงว่า 10-15 ปีแรก มีความสุขกับรถโตโยต้ามากกว่า กับการเสื่อมสภาพของเครื่องยนต์ที่น้อยกว่า
แต่หลังจากนั้น เมื่อทั้งสองรุ่นที่ผมมี เริ่มหายไปจากถนน ผมกลับพบว่า
โตโยต้า กลับมีอะไหล่แท้ที่แพงหลุดโลก เคยเข้าศูนย์ครั้งเดียว ช็อกอัพต้นละ 5 พัน หน้ากากแอร์อันละพัน คอมแอร์ลูกละแสน
เชื่อไม่เชื่อ แล้วแต่วิจารณญาณครับ แต่ผมรู้ตัวเองดีว่า จำนวนข้างบน ผมไม่ได้โกหก
ตอนนี้เลยใช้อะไหล่เทียบเป็นส่วนใหญ่ ใช้อะไหล่แท้เฉพาะที่ราคาถูก ส่วนฮอนด้าแท้ คอมแอร์สี่หมื่น ช็อกอัพสองพัน ฯลฯ
เป็นความแพงที่เหมือนกัน และต่างกัน ผมสามารถใช้อะไล่แท้ของฮอนด้าได้มากกว่า
วกไปที่อะไหล่เทียบ โตโยต้าเข้ากับอะไหล่เทียบได้หลายสเปกกว่าฮอนด้า ช่วงแรกก็ใช่ครับ หาง่ายกว่า แต่ตอนนี้ กลับไม่รู้สึกว่า
โตโยต้าหาอะไหล่ ง่ายกว่า หรือถูกกว่าเลย ผมหาอะไหล่ใส่มิตซู อี-คาร์ ง่ายกว่าเสียอีก
ตอนนี้ ที่บ้านผม ถอนประกันภาคสมัครใจของโตโยต้าทิ้ง แล้วใช้น้อยลง มาใช้ฮอนด้าเป็นหลักครับ
ศูนย์ จริงว่าภาพรวมของศูนย์ โตโยต้านำอยู่หลายขุม
แต่ก็ต้องดูที่ศูนย์ให้ดีครับ เชื่อไหมว่าเท่าที่ใช้มา ศูนย์ที่ใกล้บ้านผมที่สุด มิตซู กับฮอนด้า กลับทำได้ดีกว่าโตโยต้าใกล้บ้านผมอีก
วันไหนถ้าอยาเอารถโตโยต้าเข้าศูนย์ ผมต้องวิ่งไปไกล เพื่อเข้าศูนย์โตโยต้าอีกศูนย์ ที่ทำได้ดีกว่ามากๆ
ปล. แต่เหตุการณ์แบบนี้ จะยังไม่เห็นชัด จนกว่ารถรุ่นที่ท่านใช้ จะเริ่มหายไปจากท้องถนนครับ
ถ้าท่านไม่คิดจะใช้รถนานขนาดนั้น โตโยต้า สามารถใช้ได้ดี ง่าย กว่าฮอนด้าครับ
แต่ถ้าอยากใช้รถนานมากๆ โดยที่ไม่อยากให้รถอยู่ในสภาพปะผุบุโรทั่งเมื่อเก่าๆ ไป ต้องเลือกหน่อยครับ
-
ถ้าเทียบ กับ ตัวเก่า ริงโกะว่า ฮอนด้าหลังๆ จุกจิกค่ะ แถม ดีไม่ดีแจคพอตแตก ตั้งแต่ ออกจากศูนย์เสียอีก
จะบอกว่า ฮอนด้าโอเค แค่ ช่วงปี 1998 ค่ะหลังจากนั้น เริ่ม พอมองภาพออก ถ้าสมั้ยนั้น ปัญหาจุกจิก ตั้งแต่ศูนย์น้อยมาก ถ้าตามสภาพ ไม่นับค่ะ
แต่จะบอกว่า เทคโนโลยี ฮอนด้า น่ะ ล้ำจริง แต่ ก็ ต้องดูแลหนักค่ะ เพราะมันเป็นจุดขายของเขา อย่าง สมัยนั้น ปีกนก สี่ล้อ นี่ เทียบกับชาวบ้านถือว่า ล้ำ แต่ การดูแลนี่ เข้า อู่นี่เหงื่อตก (แต่วิง่ดีจริงๆ) หรือ ใคร ที่ ใช้ รถรุ่น EG หัวฉีดที่สมัยนั้น กล่อง ECU อยู่ตรง เหนือพื้นวางขา ฝั่งคนนั่ง ยังต้องระวังกันเลย
แต่ดีนะคะ ใช้คาร์บู อย่างที่รีบนตอบ ขายกันยังกะขายโครงรถมากกว่าออฟชั่น เมื่อเทียบกับ ยี่ห้ออื่นเลยค่ะ....
-
นานๆแวะมาทีคับ ต้องบอกว่าคุณภาพจากโรงงานผู้ผลิตเปลี่ยนไป(แย่ลง)
ผมCRV G3 โดนกับตัวคับ ประเก็นฝาสูบรั่วตั้งแต่ 10000 กิโลเมคร และแจ้งเคลม 4 รอบ พึงได้เปลี่ยนเมื่อ 50000 กิโลเมตร
ยังมีเครื่องสั่นแบบทุกคนทักว่ารถเป็นไรอะสั่นยังกับรถเก่าๆเลย(TAXI) แอร์เหม็น และยังมีคุณภาพช่างในศูนย์บริการอีก เอารถไปเข้าศูนย์เปลี่ยนประเก็นฝาสูบ เอารถไปลองวิ่งไป 100 กิโล
ไม่รู้ว่าช่างลองอะไรอะคับ แถมด้วยลืมขันน็อตยึดท่อไอเสีย ถ้าไม่เปิดฝาดูในที่สว่างๆที่บ้านก็ไม่เห็นต้องเสียเวลาวิ่งเข้าศูนย์อีกรอบ
เทียบกับโตโยต้า แคมรี่และ วีออส ไม่เคยเคลมอะไรเลยจนถึง 100000 กิโลเมครทั้ง 2 คัน
เคยคุยกับหัวหน้าช่างศูนย์ฮอนด้า ช่างบ่นว่า QC โรงงานมีปัญหาต้องให้ช่างศูนย์ตามแก้ปัญหาตลอดเวลา
-
เหรอครับ อืม..... รับทราบ
แต่ถ้าพูดถึงการเสื่อมตามสภาพแล้ว (ผมขอ Import รถครอบครัวผมมาอีก 2 คันครับ
Honda Accord CD MinorChange LXi 1996
Toyota Corolla AE111 MinorChange GXi 1999)
Accord CD ก็มีปัญหาครับ พอดียกเครื่องใหม่ VTEC แล้วติดแก๊ส => ECU รวนบ่อย (อันนี้ไม่แน่ใจว่าใช่การจุกจิกที่พี่ๆ พูดรึเปล่านะครับ)
ต้องทะเลาะกับรถบ่อยพอตัว แต่ไม่เคยต้องทะเลาะกับรถ และอู่ ในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องอ่ะครับ
Corona T171 1990 ที่ผมพูด ผมต้องทะเลาะกับรถ เรื่องไม่เป็นเรื่อง ที่แบรนด์ระดับโตโยต้า ไม่ควรพลาด
เช่น หน้ากากแอร์หัก รูกุญแจไม่พอดี (อันนี้ เป็นตั้งแต่ป้ายแดง) ปิดฝากระโปรงท้ายไม่ได้ แม้จะแก้ได้ง่ายๆ แต่มันเสียสุขภาพจิต (สำหรับผมนะ)
แม้แต่เครื่องคาร์บู ง่ายๆ ยังอุตส่าห์มีวาล์วหลุด ท่อกรองขาด มาให้เห็นตั้งแต่แสนโล ทั้งๆ ที่คนใช้งานก็คนเดียวกัน?
Corolla AE111 1999 สุดยอด ใช้ดี แต่ก็พลาดเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเช่นกัน เช่น กุญแจรีโมทเสียเร็วเกิน วิทยุเทปติดรถหมุนเทปเร็วจนเสียงแหลม
ไมล์แข็ง (อันนี้พูดกันเยอะ) คอนโซลลอกล่อน แต่เครื่องยนต์ ยอมรับ คำนับ สุดยอด.......
ซึ่งตั้งแต่ใช้มา มิตซู นิสสัน แม้แต่ดัทสัน ญาติๆ ไม่เคยเจอความผิดพลาดเล็กๆ นี้ อย่างน้อยก็จนกว่าจะใช้รถครอบรอบนักษัตร ถ้าจะจุกจิก
จะจุกจิกที่ ECU, ช่วงล่างปีกนก หรืออะไรก็ตาม ที่มันเป็นเทคโนโลยีระดับสูงหน่อย
(แต่น่าแปลก โตโยต้าทำเครื่องยนต์ ECU และเทคโนโลยีได้ทนมากอย่างน่าชื่นชม ไม่จุกจิก ยกเว้น การเสื่อมตามอายุ)
ไม่รู้พี่ๆ คิดไงนะครับ แต่สำหรับผม จุกจิกแบบอย่างหลัง มันไม่ทำให้ผมหงุดหงิดเท่าการจุกจิกกับเรื่องเล็กๆ อย่างที่เจอกับพี่โตเขา
ยี่ห้ออื่นๆ รุ่นก่อนๆ ไม่ได้ใส่เทคโนโลยีมามากนัก ของน้อย เรื่องก็น้อย ใช้ดี สบายใจครับ
นี่ละมั้งครับ ที่ทำให้ผมเห็นสวนทางกับพี่ๆ ในกระทู้
-
เรื่องนี้แล้วแต่เจ้าของรถว่าจะดูแลได้ดีขนาดไหน ส่วนตัวไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร แค่ดูแลดีๆเหมือนดูแลตัวเอง รักเหมือนรักตัวเองนั่นแหละ เวิคสุดแระ
ต่างคนก็ต่างนานาๆจิตครับ
-
วิจารณ์ได้ดีครับ
-
เรื่องนี้แล้วแต่เจ้าของรถว่าจะดูแลได้ดีขนาดไหน ส่วนตัวไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร แค่ดูแลดีๆเหมือนดูแลตัวเอง รักเหมือนรักตัวเองนั่นแหละ เวิคสุดแระ
ต่างคนก็ต่างนานาๆจิตครับ
อันนี้น่าจะใช่ที่สุดครับ รถทุกยี่ห้อ มีข้อดี-ข้อเสียที่ต่างกัน
เพียงแค่แต่ละคน มีการยอมรับที่ไม่เหมือนกัน ผมมีความคิดคิดแบบพิสดาร เลยรับข้อเสียยี่ห้ออื่นได้ แต่กลับรับข้อเสียของโตโยต้าไม่ได้!?
ปล. แต่ว่า ขอเถียงนิดนึง การดูแลรถแต่ละคัน ผมกับครอบครัวดูแลแบบเดียวกันหมดครับ (ลองอ่านดูสิครับ ผมใช้เฉพาะอะไหล่แท้ กับเทียบ เท่านั้น แม้รถจะเก่าแค่ไหน)
ถึงได้มาพูดถึงความแตกต่างที่ผมรู้สึกได้ชัดเจน ผมไม่ได้ทิ้งขว้างรถโตโยต้า แล้วมาสำรอกซี้ซั้วนะครับ
-
สมัยก่อนไม่มีรถเป็นของตัวเอง รถเก๋งที่ได้สัมผัสคันแรกก็ Civic คูเป้ของเพื่อน สวย ขับดีนะครับ แล้วก็ Honda รุ่นแรกกับรุ่นสอง ก็ของเพื่อนอีก
รู้สึกว่านั่งสบายมากในตอนนั้นชอบมากๆครับ ใช้งานดี ไม่รู้มีปัญหาไหม แต่ไม่เคยเห็นว่าอะไรเสียครับ ใช้ดีนะผมว่า
แต่พอจะออกรถเอง ป้ายแดงคันแรก ด้วยราคา Civic ไดเมนชั่นมั้งตอนนั้นที่แพงเกินไป เลยไปลงตัวที่ New lancer ได้อะไรครบๆราคาเบาๆกว่า
พอรถป้ายแดงคันที่สอง ก็มาลงที่ EX แทนที่จะเป็น Civic FD อันนี้ หน้าตาผมชอบ FD ครับสวยมาก ทรงสวย
แต่พอได้ไปดูการออกแบบต่างๆแล้วรู้สึกว่าการออกแบบเชิงวิศวกรรมมันไม่ใช่แนวผมจริงๆครับ
ไม่ผ่านแค่นั้นครับ อธิบายไม่ถูก คงเป็นแค่ความรู้สึกมั้งครับ
ก็หวังว่า Civic จะปรับปรุงนะครับ แบรนด์ Honda ยังดีอยู่ อยากให้มีของดีดีสู้กับ Toyota อยู่ครับ
จะได้มีทางเลือกเปรียบเทียบมากๆหน่อย เพราะคนเราชอบไม่เหมือนกัน ขอมาตรฐานพอกันๆหน่อยครับ
มีอยู่ช่วงนึงที่เหลือแต่ Honda กับ Toyota นอกนั้นเงียบกันหมดเลย แอบเซ็งๆ ว่าค่ายอื่นสู้ๆกันหน่อยครับ
ตลาดปัจจุบัน ผมพอใจเลย มีรถหลายค่าย หลายโมเดลมากขึ้น ให้ได้เลือกบ้่างครับ
-
ขึ้นอยู่กับการใช้งานครับ
ต่อให้คุณดูแลดียังงัย แต่ถ้าใช้งานหนักมันก็เสียอยู่ดี
เหมือนที่ผมเจอ
ในระยะประกันอะไรเคลมได้รีบเคลม
ถ้าฮอนด้าบอกว่ปกติ นั่นแสดง่วาไม่ปกติครับ
-
ขอบคุณทุกท่านที่แชร์กันครับ มีประโยชน์มาก ๆ
ส่วนตัวผมก็รู้สึกประทับใจ Honda รุ่นเก่า ๆ มากครับ
รุ่นใหม่ ๆ ภายนอกดูดี แต่คุณภาพกลับลดลง
หวังว่ากระทู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเหล่านี้คนของ Honda
น่าจะได้รับทราบบ้างนะครับ และนำไปปรับปรุง
ผมละเสียดายยี่ห้อนี้จริง ๆ
-
ไม่มีอะไรเฟอร์เฟคครับ
ลองมองต่างมุม
ถ้าฮอนด้า มี QC ที่ดี มีมาตราฐานของศูนย์และเซลล์ที่ดี
ตัวรถ ปรับปรุงอีกนิดๆหน่อยๆ(จากเดิม ดีอยู่แล้ว)
เครื่องยนต์ หายห่วง เรื่องสมรรถนะ(คาดว่า ทุกคนคงรู้พิษสงเครื่องฮอนด้าดี)
ถ้าปรับปรุงเรื่องน่ารำคาญใจได้หมด
ยี่ห้อไหน จะสู้เค้าได้??
เหมือนฮอนด้า จงใจให้คู่แข่งสู้เค้าได้เลยเน๊อะ
ทั้งๆที่แค่มาตราฐานทั่วๆไป ตัวเองพัฒนาได้ด้วยตัวเอง
แต่กลับมาตกม้าตายง่ายๆ
เสียดายแทนฮอนด้าครับ(คล้ายๆมิตซูเลย)
-
ปัญหาที่เคยพบ...
ตอนใช้แจ๊ซ2003 (รุ่นแรกก่อน2004) ใช้มา3ปีแรกดูแลไม่ละเอียด
พัดลมไฟฟ้าหน้าคอยส์ร้อนไม่หมุน(แล้วไม่รู้) ทำให้หน้าคลัทช์คอมล๊อก
(เปลี่ยนนอกศูนย์ที่พัทยาไปรวม5พันกว่า)
กลับมาศูนย์ทำเคลมคอมเดิมให้ (เกิน3ปีมา1สัปดาห์)
ขับต่อมาอีก2ปีเวลาเลี้ยวสุดมีเสียงที่ล้อ
ลองให้ช่างทีมแข่งที่ถ่ายรูปให้ บอกบูทปีกนกหลวม กับยางแท่นเครื่องฉีก
ไหนๆก็ทำเลยเลยเปลี่ยนชุดใหญ่(ไม่มีค่าแรง)
มี ปีกนก ยางแท่นเครื่อง ลูกปืนหัวโช้ค แผ่นคลัทช์ ฟลายวีล
และยาง4ล้อ(ที่ยังมีดอก แต่แข็ง เล็บจิกไม่ลง) หมดไป 2หมื่นนิดๆ
สเตปนี้ตอนใช้อีคาร์ หมดเท่านี้ แต่ไม่ได้ยาง
ใช้ต่อมาอีกปี จนต้องขายหาทุนทำธุรกิจ ก็ไม่เคยงอแงอะไร
ผิดกับอีคาร์ ซ่อมทุกปี เสื้อเป็นตามด วาวล์น้ำเสีย ท่อน้ำแตก พัดลมพัง
ผมดูค่าซ่อมค่าอะหลั่ยแล้ว หารถรุ่นที่อะหลั่ยไม่แพงใช้ดีกว่า
เพราะรถต้องขับทุกวัน
ก่อนใช้ฮอนด้า ก็ได้ยินว่าHONDA ปัญหาเยอะ จุกจิก
พอมาใช้ เราก็ดูแลปกติ รู้ใจมัน(รถเรา)ก็ไม่มีอะไรมากมาย
*****************
ผมว่าอยู่ที่รุ่นรถมากกว่า รถทุกยี่ห้อมีปัญหาด้วยกันหมดแหละ
ผมอาจจะดวงดี ถูกโฉลกกับรถ เลยไม่เจอปัญหาใหญ่
และแก้ไขได้ตัวเอง
แต่เท่าที่ดู คนใช้รถหลายท่าน ขับอย่างเดียวจริงๆ รอให้พัง แล้วถึงมาเล่า
อย่างผมรถทุกคัน ถ่ายน้ำมันเครื่องทุก5พันกิโล (ทั้งๆที่ศูนย์บอกว่าทุก1หมื่น)
อยู่ในประกันผมถ่ายศูนย์ หมดประกันผมก็ถ่ายน้ำมันเอง
เป่าฝุ่นกรองเอง
ผู้อ่านหลายท่าน ที่ประสปการณ์มาจากการอ่านอย่างเดียว ลองหัดดูครับ
รู้เรื่องรถ ต้องลงมือเองเป็น ถอดเป็นซ่อมเป็น ดูแลเป็น...
ปัญหาที่ว่าจุกจิกนั้น ไม่ว่ารถตันไหน ยี่ห้อใด ก็จิ๊บๆครับ....
-
ตอนนี้ใช้ Civic FD มาจะ 2 ปีแล้ว ยอมรับครับว่าค่อนข้างจุกจิก เดี๋ยวโน้นดัง นี้ดัง
เรื่องช่วงล่างก็เหมือนกัน กุ๊กๆ กั๊กๆ ตอนนี้ได้ยินเสียงอะไรไม่รู้หอนเบาๆอีก
ถ้าเทียบกับคันเก่า (Vios) คันเก่าแทบไม่จุกจิกอะไรเลย ขนาดเอาไปจูบเสาไฟฟ้า ซ่อมเสร็จก็ยังไม่มีอะไรกวนใจ
เพียงแต่ผมไม่คิดอะไรมาก ใช้ๆไป ซื้อมาแล้วยังไงก็รักมันครับ :) :)
-
มาเพิ่มเติมข้อมูลครับ
ผมใช้ฮอนด้าเอง 3 คัน คือ City typeZ 2 คัน กับ JazzGD1 (ไม่รวมของแฟน แอคขอดงูเห่า, ซีวิคเตารีด)
ผมมีปัญหากับ Jazz มากที่สุด เคยรถดับกลางก่อนถึง 4 แยกและต้องเข็นมาแล้ว เอารถเข้าศูนย์ช่างแจ้งว่า o2 (ออกซิเจน) เซ็นเซอร์เสีย ต้องเปลี่ยนแต่พอเปลี่ยนแล้วก็เหมือนเดิม
ช่วงหลังรถเร่งไม่ค่อยออก กระตุกดับ ทั้ง ๆ ที่ผมก็เช็ครถโดยตลอด เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 20,000 กม. เป่ากรองอากาศเอง เปลี่ยนกรองอากาศทุก ๆ 10,000 กม.
ยังไม่รวมเสียงรบกวนในห้องโดยสาร ที่สร้างความรำคาญอีก จริง ๆ รถคันนี้รักมันมาก ๆ เพราะผมขับคันนี้มากกว่าคันอื่น แต่ก็ต้องจำใจขาย เพราะวิ่งมา 4 ปี แต่ปัญหาเยอะ
เทียบไม่ได้กับ vios ของบริษัทหลาย ๆ คัน ผมใช้รถแบบไม่ถนอมยังไงปัญหาก็น้อยกว่า jazz กับ vios ทุกคัน ถ้ารีบ ๆ เหยียบมิดติดเหล็กประจำ ก็ไม่เคยมีปัญหา แต่แจ๊สนี่เวลาใช้รอบเกิน 4,000 รอบ/นาที
กลิ่นไหม้เข้าห้องโดยสารทันที เร่งไม่ค่อยไปอีก
ยังไม่รวมปัญหาของ typeZ ที่จานเบรคคด ต้องเจียร์ใหม่ประจำ เปลี่ยนผ้าเบรคก็บ่อยกว่า ทั้ง ๆ ที่วิ่งน้อยกว่า vios อีก (อันนี้ัต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีเก่ากว่า)
แต่รถรุ่นเก่า ๆของฮอนด้าไม่มีปัญหา เช่น 3door ของกิ๊กเก่า, แอคขอดกับซีวิคของเมีย แต่รุ่นใหม่ ๆ ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ครับ
-
รถผม Accord G9 ป้ายแดง ใช้งาน 11 วัน ฝนตกน้ำเข้าห้องโดยสารครับ
ลาขาดครับ Honda จะไม่ใช้มันอีกแล้วครับ
-
ผมว่า แล้วแต่คันนะครับ
อย่าง Honda Freed ที่บ้านผม ดีมากๆ เลย ไม่จุกจิก ไม่มีเคลมอะไร เช็คระยะอย่างเดียว
มีคนใช้กันเกิน 2 แสนไปหลายคัน ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ เครื่องดี เกียร์ดี ปกติ
ผมมองว่า เป็นรุ่นๆ มากกว่า
อีกอย่าง คือ ถ้ารถตัวไหนประกอบญี่ปุ่นหรือใช้อะไหล่จากญี่ปุ่น มันจะค่อนข้างทนนะครับ :)
-
ปัญหาที่คุณบอกเป็นที่แนวคิดการ Design ของ hONDA เองครับ
ผมอยู่บริษัทคู่แข่งของ Honda ย่อมต้องเอาเครื่องยนต์ช่วงล่างมาเปิดวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียดูตลาดคู่แข่งขัน
ถ้าลองใช้ระยะยาวดูก็จะรู้ครับว่าเพราะอะไร
-
ผมว่า แล้วแต่คันนะครับ
อาจจะครับ เรื่องการประกอบ หรือคุณภาพสินค้า
แต่หากสมมติว่า พนักงานของ xxx ได้กระทำต่อลูกค้าอย่าง เลวร้าย ด้วยความหยิ่งยะโส โอหัง
สมมติว่า มันถือตัวเป็นผู้มีอำนาจเหนือลูกค้า พร้อมจะกระทำการ บีบคั้น ดูหมิ่น เหยีดยหยาม ลูกค้า
สมมติว่า มันขู่จะฟ้องลูกค้า
สมมติว่า บริษัทนี้เป็นกันแบบนี้ตั้งแต่ระดับบนลงถึงล่าง
เราควรจะทนกับบริษัทแบบนี้ และ พนักงานของมันไหมครับ
ผมไม่ยอมทนครับ :)