Headlight Magazine : community
General => User's Voice => ข้อความที่เริ่มโดย: SignifeR ที่ มิถุนายน 19, 2009, 10:19:17
-
รีวิวนี้อาจจะฟังเหมือนนิยายมากกว่า ความรู้เรื่องรถ แต่เอาเหอะ อ่านสนุกๆ คุณอาจจะไม่อยากวางมันลงเลยก็ได้นะ...........
รถยี่ห้อ saab เป็นรถที่ผมแทบไม่เคยได้ยินมาก่อนหน้าปี 2540 เคยแค่ผ่านหูผ่านตาก็จากสื่อทางทีวี ที่มีโชว์รถยี่ห้อนี้ โดยการเอามาวิ่งผาดโผน....ผมว่ามันเป็นกลยุทธ ที่ไม่มีค่ายอื่นคิดทำจริงๆ.......กับการทดสอบประสิทธิภาพรถแบบนี้
ถ้าปัจจุบันทุกค่ายรถมีทดสอบรถโดยการเอามาวิ่งสองล้อ ตะแคงๆ เอามาวิ่งสลาลอม เอามาขับกระแทกใบมีดให้ยางระเบิดเล่น แล้วคุมรถไม่ให้เสียการทรงตัว........แค่คิดถึงความหายนะที่จะเกิดขึ้นก็ชักจะมันส์ซะแล้วสิ.......
PS. ยินดีกับค่าย SAAB ที่คงจะใกล้เหินฟ้ากลับดินแดนสแกนดิเนเวียนเสียที
-
และสิ่งที่ยังจำได้ดีคือเพื่อนคุณพ่อจำชื่อจริงได้ว่าชื่อ คุณอาณรงค์ ซึ่ง ณ เวลานั้นเป็นผู้จัดการศูนย์ซาบอยู่ที่ใดสักทีหนึ่งที่ผมหลงๆลืมๆไปแล้ว (นับถอยหลังไป...อายุผมราวๆ 17 ขวบได้ เรียกว่ายังไม่มีแม้แต่ใบขับขี่เลยครับ) แต่กระแดะมาก บอกพ่อว่าอยากได้ 900S สามประตู....ออกห้างเป็นล้าน พ่อก็ได้แต่บอกว่าโตขึ้นพอลูกหาเงินได้เองก็ซื้อมาขับละกันซะงั้น.....
สองปีให้หลัง ในปี 2542 ราวๆ ต้นปี และก็ไม่รู้อารมณ์ไหน คุณพ่อผมก็เอา E220 ไปเทิร์นเป็นเจ้า Saab 9000 exective ออกมาขับซะงั้น....ตัวผมพอเดาอารมณ์พ่อได้ แต่แม่ และที่บ้าน งง ว่าทำไมขายรถยุโรปเจ้าดาวสามแฉก มาออกรถญี่ปุ่น!!!!!!!!!!!!!!! โอ้มายด์ก๊อตจิ แม่ผมนึกว่าออกฮอนด้า งานนั้นพ่อมีงอนแม่ไปหลายวันครับ กว่าจะมานั่งอธิบายว่ามันเป็นรถยุโรปสัญชาติสวีเดน เหมือน Vovol 740 ที่ผมขับอยู่น่ะแหละ.....
มานั่งคิดๆ ทำไมพ่อออกซาบหว่า.....คิดไปคิดมา คงชอบฟิลลิ่งเครื่องเทอร์โบแบบ 740+1JZ-GTE คันเก่าของผมแน่ๆ แต่....ผู้ใหญ่ขับ คงไม่เอารถมาวางเครื่องให้เสียรถเป็นแน่ และอีกอย่างพ่อคงฝังใจกับซาบมาเป็นทุนเดิม พอได้ที ก็ขี่ซาบ 2,300 cc. Full Turbo มาข่มลูกชายซะเลย.....ใช่แล้วครับข่มกันเห็นๆ เพราะหลังจากคุณพ่อบ้าซาบมาได้สักระยะ มันแผ่อิทธิพลครับมาถึงลูกบ้างนั่นคือผมนั่นเอง ผมผูกพันธ์กับรถยี่ห้อนี้มาตั้งแต่คุณพ่อใช้ และชอบให้ผมเป็นพลขับประจำตัว แล้วพ่อก็หลับ....เป็นการใช้แรงงานลูกที่ดีมากๆ พอกลับถึงบ้าน เอ๊าล้างรถให้พ่อด้วย เดี๋ยวให้ค่าขนม 200.......
-
หลังจากผมเปลี่ยนจากวอลโว่ พ่อเองก็มีแนวคิดจะให้ผมใช้ซาบ แต่ผมกระแด๊ะบอกว่า ถ้าป๋าไม่ซื้อดราเก้นให้ ไม่เอานะไม่ชอบ 900S ห้าประตู จะเอาสามประตู(ไว้สีหญิง) ทำไปมาทำอดครับ....เพราะดราเก้นตอน ณ เวลานั้น ประมาณปี 2544 ได้ ราคาราวๆ 600,000 กว่าบาทขึ้นบนหมดเลย เกินงบครับ เลยได้แค่ Peugeot405Gri มาปลอบใจแทน
ซึ่งผมก็เข้าใจครับ เพราะถ้าให้เล่นรถแรงๆ แพงๆ ค่าซ่อมบำรุงก็แพงไปด้วย ต่อมาปี 2546 ผมก็จบการศึกษาจาก คณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต (รหัส42...) หลังจากงานรับปริญญาไม่นาน คุณพ่อผมก็ล้มป่วยและเป็นเจ้าชายนิทราไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พร้อมกับปิดตำนาน เจ้า 9000 Executive พร้อมๆกับท่านไปด้วย....
หลังจากนั้นสามปี คุณพ่อผมก็เสียชีวิตครับ แม้คุณพ่อผมจะจากไปแล้ว แต่อุดมการณ์ ความคลั่งไคล้เรื่องรถยนต์ไม่เคยจางหายไปกับชีวิตผมเลยแม้แต่น้อย แต่กลับยิ่งมากขึ้นด้วยเพราะวัยวุฒิ มีหน้าที่การงาน หาเลี้ยงชีพได้ ยิ่งบ้าเอาเงินมาทำรถมากขึ้น มากขึ้น.....
-
แค่เปิดมา ก็น่าดูแล้วววววว ถ่ายรูปสวย Intro ดี Me3lody น่าจะไพเราะ
แวะมาปาด ก่อนอ่านต่อๆๆๆๆ
-
จนมาถึงปี 2552 ให้หลังจากปีที่ผมอยากได้เจ้า 900 Draken ถึง 12 ปีเต็ม ผมก็ได้เจ้า Saab 900 Draken มาครอบครองสมใจ (รอนานมั๊ยกว่าจะพร่ำพรรณา จน วกมาเข้าเรื่องเสียที)
ถ้าเป็นลิเก แม่ยกคงพับเสื่อกลับบ้านนอนไปแล้ว พอดีมันเป็นเรื่องจริง!!! คุณๆควรรู้ที่มาที่ไป
หลายคนบอกผมว่าเฮ๊ยเล่นซาบเนี่ยนะ หัวเราะเยาะก็มี เพื่อนสนิทบางคนบอกเฮ๊ย "มึงมีเงินกูรู้ เงินอย่างเดียวซื้อซาบไม่ได้โว๊ย มึงต้องโง่ด้วย......" เป็นคำที่ผมก็จี๊ดนะครับ กับรถที่เราหลงรัก และชอบมานาน......ผมก็บอกไปเหมือนกันว่า แล้วรถซาบที่ดี เอารุ่นนี้ สีนี้ มึงหาให้กูได้มั๊ย กูมีเงินกูรู้ แต่รถนะหาได้อีกหรือเปล่า....มันก็จ๋อยแล้วก็ยอมรับอย่างเคืองๆ
นิยามรถซาบกันเงินของผม อันแรกคือ " เงินที่จะจ่าย หาง่ายกว่ารถที่จะซื้อครับ......." ถ้าเทียบความขยันระหว่างหาเงินกับหารถแล้วนั้น หาเงินง่ายกว่าหารถเยอะครับ...... นิยามรถซาบข้อที่สองที่คุณควรรู้ และผมจำมาจากคุณพ่อ " รถดีเราถึงซ่อมต่อ....." ถ้าเทียบประสิทธิภาพรถมือสองกับป้ายแดงแล้ว แน่นอน คุณต้องยอมรับว่ารถมือสองมันก็มีเวลาที่ต้องบำรุงรักษา
แล้วเหตุผลอันใด ที่คนบางคนยังเลือกรถมือสองมาใช้ และไม่สนใจออกรถป้ายแดง เพราะ มันดีไง ก็เลยซ่อมต่อ...และก็ใช้ต่อ บางทีคุณค่าบางอย่างไม่ได้อยู่ที่ความใหม่เสมอไป.... และรถใหม่อาจจะแพงเกินเอื้อมก็ใช่อีก....เวลาเปิดตัวเมื่อปี 1995 นะครับออกห้างล้านสาม ปี 2009 ผมซื้อเจ้าดราเก้นมาสองแสนแปด.... ตอนนี้ถ้ามีรถป้ายแดงของซาบรุ่นนี้คงล่อไปสองล้านกว่าแล้วหล่ะ
-
อีกหน่อยผมจะเรียกจิมมี่ว่า เฮียจิมมี่แล้วนะ 5 5 5 ;D
Saab 900 Draken "คุณหญิงของผม"
ผมมีรถใช้งานอยู่สองคันครับ คันแรกคือ Nissan Tiida 1.6S 5D (ตามรูปในกระทู้่ก่อนๆ) ผมเอาไว้ใช้งานในเมืองเพราะคล่องตัว และรถสีดำ ผมเลยเรียกว่าไอ้ดำ...แต่หลังจากได้เจ้าซาบมาผมต้องเปลี่ยนชื่อใหม่ เพราะเจ้าซาบของผมมีปูมหลังที่น่าสนใจอยู่พอสมควร มือแรกของเจ้าซาบคันนี้ เป็นรถของไฮโซท่านหนึ่ง ฮิฮิ และเป็นรถคันเดียวตั้งแต่ปี 1995(ออกป้ายแดง) ใช้มาจวบจนปัจจุบัน และขายต่อให้กับผม พูดถึงเรื่องการเป็นเจ้าของก็แปลกนะ จริงๆ คุณหญิงท่านจะตัดสินใจขายตั้งแต่ปีก่อนนู่นแล้ว และจู่ๆเกิดเสียดายและยกเลิกการขายไป เมื่อกลับไปค้นข้อมูลในบอร์ดของซาบ ผมยังเห็นกระทู้ขายเจ้าคันนี้อยู่เลย และปีนี้ที่ท่านประกาศขาย ลงไว้แค่คืนเดียว วันรุ่งขึ้นผมไปดูรถ อะไรดลใจก็ไม่รู้ ผมตัดสินใจวิ่งเข้าไปที่ สุขุมวิท ซอย 8 เวลา 16.00 ของวันทำงาน... เป็นการตัดสินใจที่ไม่ได้คำนึงถึงการจราจรเลยครับ....เพียงแต่รู้สึกว่า เอออยากจะไปดูรถคันนี้จัง พอไปเจอสภาพเจ้าซาบที่เจ้าของดูแลอย่างดีแล้ว ผมไม่ลังแลที่จะวางมัดจำทันที..... และจบการขายในเวลเดียวกันและเป็นเจ้า 900Draken คันแรกที่ไปดู และซื้อเลย..... "รถมันจะเป็นของเรา ยังไงมันก็มาอยู่กับเรา" ผมเชื่อแบบนั้นนะ.....
และคนระดับคุณหญิงท่านรักรถคันนี้มาก ถ้าไม่มั่นใจว่าเจ้าของรถคนใหม่ดูแลรถท่านได้เป็นอย่างดี หรือคุยไม่ถูกคอ แน่นอนครับ ท่านย่อมสามารถจะ "เลือก" ผู้ซื้อรถได้เช่นกัน นั่นเป็นที่มาของชื่อเจ้าซาบคันนี้ ผมเรียกว่า คุณหญิง ส่วนเจ้าทีด้าผมเลยตั้งชื่อใหม่เพราะๆ ว่า คุณชาย เวลาคุยกับแฟน วันนี้พาคุณหญิงออกงาน หรือวันนี้ให้คุณชายออกงาน ฟังดูดีนะครับ....
แค่เริ่มต้นในบ้านสุขุมวิทซอย 8 ผมก็รู้สึกแล้วว่า รถคันนี้เป็นรถที่พิเศษจริงๆ มันไม่เหมือนรถป้ายแดงอย่างทีด้าที่จะตัดสินใจซื้อที่ศูนย์ไหนก็ได้ มันไม่ใช่รถตลาดมือสองที่จะไปเดินหาที่เต๊นท์ ไหนก็มีเยอะแยะ แม้กระทั้งรถยุโรปยี่ห้อดังๆ ที่เจอรุ่นเดียวกัน สีเดียวกันซ้ำกันมากมาย
เพราะมันคือ SAAB 900Draken โดยเฉพาะสีบรอนท์เงิน....หายากยิ่งกว่าพลิกแผ่นดิน
-
สำหรับชื่อดราเก้น เป็นชื่อรุ่นของเครื่องบินรบที่ซาบผลิตครับ และถูกนำมาใช้เป็นชื่อชุดแต่งที่อยู่เฉพาะในรุ่นของเจ้า ซาบ 900S ที่จำหน่ายในบ้านเรา
เพราะชุดรบของ ดราเก้นจะมีเฉพาะในประเทศไทยที่เดียวที่มี มันพิเศษก็ตรงที่ว่าไม่ต้องกลัวว่าจะซ้ำใครในโลก (ยกเว้นบ้านเรา ) นอกจากความสวยงามแปลกตาของชุดแต่งรอบคันแล้ว(กระจังหน้า กันชนหน้า สเกิร์ตข้าง กันชนท้าย สปอร์ยเลอร์ฝากระโปรงหลัง) ด้วยพื้นฐานของรุ่น 900S ทำให้มันดูสวยอย่างรถสปอร์ตคูเป้ชั้นดีพึงจะมีได้ โครงสร้างภายนอกแข็งแกร่งดุดันเหมือนทรงหัวของเครื่องบินรบหน้าลาดท้ายสูง ไม่น่าเชื่อว่ารถเมื่อสิบห้าปีแล้ว ดูปัจจุบันก็ยังแลดูสวยงาม ดูดีอยู่
มีพี่ชายผมท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า.... อาร์ตรู้มั๊ย เวลาเขาออกแบบเครื่องบินเขา เขาคิดกันยังไง
ผมก็ตอบแบบงูๆปลาๆ ว่าถูกหลักแอร์โรไดนามิก และดูทันสมัยมั๊ง ทำนองนั้น
พี่ผมบอกว่าไม่ใช่แค่ทันสมัย แต่การออกแบบเครื่องบิน ต้อง "ล้ำสมัย...."
จุดนี้ที่กระแทกผมอย่างจัง ใช่แล้วครับ...ซาบมันถูกออกแบบมาตามหลักปรัชญาของการออกแบบเครื่องบินเลย คือมันไม่คำนึงถึงปัจจุบัน และไม่ใช่แค่อนาคตอันใกล้ มันคำนึงถึงอนาคตของอนาคตกันไปอีกระดับหนึ่งเลยครับ......มันถึงดูล้ำสมัยในเวลาเปิดตัว และยังทันสมัย ณ เวลาปัจจุบัน........
ลองสังเกตุดีๆนะครับ การออกแบบของซาบตั้งแต่ปี 1990 แล้วลองดูรถที่ผลิตช่วงปี 2000 ห่างกันสิบปี เทียบภาพต่อภาพ คุณจะพบว่าสัญลักษณ์บางอย่างในปี 1990 ก็ยังเห็นอยู่ในปี 2000 และดันทะลึ่ง เหมือนกันอย่างไม่เคอะเขิลเลยครับ.....ลองสังเกตกันดูนะครับ.....
-
สำหรับภายนอก นอกจากชุดแต่งรอบคันที่ทางซาบประเคนใส่มาเต็มพิกัดแล้ว ก็มีล้อแม็กขอบ 16 ติดตัวมาตั้งแต่เกิด (คันของผมอัพเกรดล้อเป็นขอบ 17 ของ Saab 9-3 Convertable เป็นที่เรียบร้อยแล้ว.....)
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบและรู้สึกได้คือประตู.......แต่ก่อนผมใช้ 740 เวลาปิดประตูก็รู้สึกถึงความหนักของเหล็กที่กระทบกัน ส่วนซาบก็เช่นเดียวกัน ผมรู้สึกว่ามันหนักแน่น และรู้สึกปลอดภัย อันนี้ไม่อยากตู่ว่าคิดไปเอง แต่ถ้าคุณมีโอกาสสัมผัสเจ้าซาบรุ่นไหนก็ได้ เอาว่าสภาพดียางขอบประตูยังไม่ขาดรุ่งริ่ง คุณลองเข้าไปนั่งในรถเงียบๆ แล้วปิดประตูดูนะครับ ความรู้สึกของผม ณ เวลาปิดประตูสนิทแล้ว ผมรู้สึกว่า ผมสามารถอยู่ใน Saab ได้อย่างปลอดภัย และซาบเองก็ได้มาตราฐานการป้องกันอุบัติเหตุระดับ 5 ดาว จากสถาบันทดสอบการชนหลายแห่งครับ ส่วนดีไซน์ตัวถังก็ออกแบบ ให้มีความปลอดภัยสูงสุด มันถูกออกแบบให้ถูกชนกระแทกจากด้านข้างได้โดย ไม่เป็นอันตรายกับผู้โดยสาร และเมื่อชนกระแทกด้านหน้า จะออกแบบให้เครื่องมีการทรุดตัวลงด้านล่างเพื่อไม่ให้มีโอกาสที่เครื่องจะกระแทกเข้า ในห้องโดยสาร เพราะก่อนที่วิศวะกรของซาบ จะผลิตรถขึ้นสักคันหนึ่ง ทางบริษัทซาบในสวีเดนส่งทีมไปตรวจพิสูจน์อุบัติเหตุบนท้องถนนในรูปแบบต่างๆมากมายมาพัฒนาปรับปรุงระบบความปลอดภัยของซาบครับ แม้กระทั่งเอาเหล็กเส้นมามัดๆ เป็นคล้ายๆตัวกวางมูส(ทั้งขนาดและน้ำหนัก) แล้วเอาซาบวิ่งชน.....ก็ยังได้เห็นในวีดีโอบน ยูทูบ.....ทั้งการทดสอบการตกตึก...เอารถทิ้งมาจากตึกสูงๆ ผมคิดว่าวิศวะกรของซาบนอกจากเก่งแล้วก็บ้าด้วย.......
-
ซาบเป็นผู้คิดค้นระบบเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ และติดตั้งเป็นค่ายรถแห่งแรกในโลกนะครับ (ผมเดาว่าปรับปรุงมาจากเข็มขัดนิรภัยของนักบิน) จนในปัจจุบันเป็นมาตราฐานความปลอดภัยไปแล้ว ซาบยังเป็นผู้คิดค้นระบบรองรับสรีระที่คอเพื่อลดอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการชนจากด้านหลัง(และด้านหน้าด้วยหล่ะ) หมอนรองศรีษะ เป็นเอกลักษณ์ของซาบ เมื่อเวลาชน มันจะเด้งขึ้นมารับที่ศรีษะทันที อย่างเช่นเวลารับปรับไว้ต่ำกว่าศรีษะหรืออยู่ระดับท้ายทอย มันก็จะเด้งขึ้น รองรับศรีษะทั้งหมด พร้อมกับการดึงกลับของเข็มขับนิรภัยกันไม่ให้เราโผ ข้างหน้า สมัยแรกๆ ไม่มีรถค่ายไหนที่ไหนที่ออกแบบให้เข็มขัดนิรภัยสามารถดึงกลับได้
เรือนไมล์ของเจ้า 900S มีมาให้ถึง 250Km แน่ะ...แต่วิ่งจริงๆ สำหรับเครื่องไม่มีเทอร์โบ แค่ 200 ก็เหนื่อยแล้ว ส่วนเครื่องเทอร์โบ มีทำความเร็วกันถึง 240.....
-
เบาะด้านขวาและเบาะด้านซ้ายครับ
เบาะนั่งของซาบเป็นเบาะที่นั่งสบายมาก ผมเคยขับรถคุณพ่อจากภูเก็ตขึ้นมากรุงเทพฯ มือเดียวตลอดเส้นทาง....ผมว่าเบาะมันสั่งสบายมากๆ ครับ แปลกดีเหมือนกัน เทียบกับเบาะจากค่ายวอลโว่ที่เคยขับและ เบนซ์คันเก่าที่นั่งประจำ คนละฟิลลิ่ง เบาะซาบนั่งสบายกว่ากระฉับกว่า มากๆ ส่วนระบบอื่นๆก็ไม่มีอะไรมากครับ ดูเรียบๆ ไม่หวือหวาแต่ก็ไม่เชยจนตกยุค เว้น...แอร์แบบลูกบิดที่หน้าตาดูบ้านๆไปสักนิด (เว้นยกแอร์ดิจิตอลจากตัวรุ่นใหม่กว่ามาใส่) สิ่งที่เป็นปัญหาที่สุดสำหรับภายในของเจ้าดราเก้นคือ ทัศนวิสัยจากกระจกมองหลัง เนื่องจากท้ายยกมันถูกยกสูงขึ้นและมีสปอร์ยเลอร์ท้ายทรงเขื่องติดอยู่ทำให้การมองท้ายจากกระจกมองหลัง อาจจะทำได้ไม่ดีนัก จนจำเป็นต้องพึ่งกระจกมองข้างเป็นส่วนใหญ่ อันนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมมากนัก แม้จะชินกับ นิสสันทีด้า ที่หัวทุยๆ โย่งๆ ทัศนวิสัยต่างกันเยอะทีเดียว...แต่ วัตถุประสงค์ของซาบคือวิ่งต่างจังหวัดยาวๆ แน่นอนครับกระจกมองหลังจำเป็นน้อยกว่า กระจกมองข้างครับ แต่ถ้าอยู่ในเมืองต้องถอยเข้าถอยออก เข้าห้างออกไปช๊อปปิ้ง แบร่ๆๆๆ ทีด้าอีกคันเป็นรถที่เวิร์คมากๆ ในเมืองครับ ผมแยกรถเป็นสองประเภทอยู่เลย เลยไม่ค่อยซีเรียสปัญหาเหล่านี้เท่าไหร่นัก
-
นอกจากนั้นซาบแทบทุกรุ่นมีสวิตถ์กุญแจอยู่ตรงตำแหน่งคอนโซลกลางเพราะป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดกับหัวเข่าเวลาเกิดอุบัติเหตุ.....ค่ายอื่นมีมั๊ย? อ่อเดี๊ยวนี้ไม่ต้องมีกุญแจแล้ว อิอิ
สำหรับภายใน ในความคิดผม ผมว่าไม่ได้โดดเด่นมากนักแต่ ฟังชั่นการใช้งานค่อนข้างสมบูรณ์แบบ มี SID Saab Identification Display ประมวลผล อัตราสิ้นเปลือง ซึ่งล้ำมากๆ ในยุคนั้นแล้วก็เป็นมาตราฐานสำหรับรถหรู....ในยุคนี้ พร้อม Black panel สำหรับตัดการทำงานของมาตรวัดต่างๆ คงเหลือไว้แค่มาตราวัดความเร็ว เพื่อลดแสงสะท้อนในเวลากลางคืน
-
สำหรับระบบช่วงล่างซาบเป็นรถค่ายแรกๆ ที่กล้าเอาอลูมีเนียมคอมโฟสิทมาทำช่วงล่าง....ช่วงล่านด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และช่วงล่างด้านหลังแบบคานแข็ง โช้คแยกกับสปริง และมีเหล็กค้ำโช้คอยู่ด้านบนเพื่อช่วยในการทรงตัว สำหรับ รุ่น 900 ช่วงล่างอาจจะไม่เฟิร์มเท่า 9000 เพราะบอดี้ถูกดามไว้น้อยกว่า และมีปัญหาเรื่องระบบบังคับเลี้ยวค่อนข้างมาก (เฟรมฉีก) ปัญหาเหล่านี้อู่ที่มีความชำนาญซาบสามารถแก้ไขได้ นอกจากปัญหาจะหายไปแล้ว ฟิลลิ่งของช่วงล่างก็คมขึ้นกระฉับขึ้นด้วยครับ
นอกจากนั้นเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพช่วงล่าง ยังมีหลายอย่างให้เราหาเรื่องเสียเงินได้เรื่อยๆ เช่นชุดช่วงล่างของบิลสไตล์ สปริงโหลด เหล็กกันโคลงแต่ง ค้ำบอดี้ด้านล่าง เป็นต้น ส่วนทีหนักหนาสาหัสที่สุดและหลายคนตกม้าตายก็คือ " ล้อแม็กซ์ " เพราะซาบใช้รูน๊อตไม่เหมือนชาวบ้าน นั่นคือ PCD 5-110 ..........จะใช้ได้ก็แค่ล้อของซาบเอง หรือ BBS หรือแม็กซ์แต่งซึ่งก็หายากเหลือเกิน .....
สำหรับฟิลลิ่งการขับขี่ของซาบรุ่น 900S นั้นเท่าที่ผ่านๆมือมาถ้าเทียบกับรุ่น 9000 ย่อมด้อยกว่าครับ ลักษณะแฮนริ่พวงมาลัยไม่ค่อยคมเท่าไหร่ ช่วงล่างค่อยข้างแข็งนิดๆ แต่เฟิร์ม เจอโค้งเอาอยู่นะ ส่วนระบบเบรกต้องยอมรับว่าแม้จะเป็นดิสเบรก 4 ล้อพร้อมระบบ ABS ก็ยังเป็นรองรถรุ่นใหม่ๆอยู่มาก เพราะฟิลลิ่งเบรกจะค่อนข้างทื่อๆ ไม่เฉียบเหมือนรถรุ่นใหม่ๆในหลายรุ่นครับ แต่มันก็มีของเล่นมากมายให้ผมได้เสียเงินอีกเป็นแน่แท้.........
เพื่อที่จะอัพเกรดระบบบังคับเลี้ยว ระบบช่วงล่างดีๆ และระบบเบรกให้ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่มันพึงจะทำได้
-
ส่วนเครื่องยนต์ สำหรับเจ้า 900S จริงๆมันก็มีหลายเจเนอเรชั่นนะ ในส่วนรถผมจะเป็นสเปกเครื่องที่ต่ำที่สุด....อืดดดดที่สุด...แดกกกกที่สุด.... นั่นคือเครื่อง 2000CC. ไม่มีเทอร์โบ เกียร์อัตโนมัติ ซึ่งเทียบกับการแบกน้ำหนักตัวกว่า ตันสามแล้ว มันอาจจะไม่ปรู๊ดปร๊าดเท่าที่ควรจะเป็นสำหรับรถลักษณะนี้ ดังนั้นในเจเนอเรชั่น 900 จึงมีเครื่อง 2.3N/A และ 2.0Turbo คลานตามๆกันออกมา ในปัจจุบันเครื่องเทอร์โบของซาบก็มีผ่านเซียงกงเข้ามามากขึ้น หาซื้อและเอามาเปลี่ยนเครื่องแทนเครื่อง ตัวเดิมได้ง่ายขึ้นและไม่เสียรถ เป็นอีกวิธีการที่ดีที่จะทำให้เจ้า ซาบคันนี้ขับสนุกขึ้น สำหรับรถผมก็คงมีวันนั้น แต่ยังไม่ใช่วันนี้.....เพราะเครื่องเดิมวิ่งมาแค่ เจ็ดหมื่นกว่าโลเท่านั้น ภาษาซาบเรียกว่า "เพิ่งพ้นรันอิน" บางคันไมล์อยู่ที่สี่แสนกว่าโล ที่ดูแลดีๆ ยังไม่เคยเปิดฝาสูบเลยก็มีเยอะแยะครับ เครื่องซาบทนมากจนมีคำกล่าวจากเซียงกงว่า ถ้ามีเครื่องซาบหลุดมาทั้งตัว แล้วมีคนซื้อฝาสูบไป เสื้อเครื่องให้เอาไปขายซาเล้งซะ.....ชั่งโลขายเป็นเศษเหล็กยังดีเสียกว่ากองไว้ที่ร้าน...เพราะมันไม่ค่อยมีพังกันง่ายๆ น่ะครับ
อัตราการบริโภคน้ำมันค่อนข้างดุเดือดทีเดียว ในเมืองผมทำได้แค่ 5 โลลิตร....นอกเมือง 7 โลลิตร.....กินกว่าทีด้าเห็นๆเลยเนี่ย คงต้องเช็คอัพระบบกันอีกหน่อย
เวลาผมขับ...ผมมองเข็มน้ำมัน มากกว่าเข็มความร้อนเสียอีก
-
สำหรับฟิลลิ่งเครื่องของเจ้า Saab รุ่น 900S เครื่อง 2,000 cc. ไม่มีระบบอัดอากาศนั้นต้องเรียกว่าอืดเข้าขั้นเลยทีเดียว แตกต่างจากเครื่องเทอร์โบราวฟ้ากับเหว....มันเป็นแบบนั้นจริงๆครับ นอกจากคันเร่งจะแข็งแล้ว เวลาคิกดาวก็อืดอาดยืดยาดไม่ค่อยจะทันใจวัยรุ่นอย่างผมเสียเท่าไหร่ เว้นตอนกระทืบคันเร่งให้รอบเครื่องไต่ขึ้นไปตัดที่ 6,500 รอบของเจ้าโหมด SPORT ซึ่งก็พออภัยให้ได้บ้างหล่ะครับ รอบสูงๆ เสียงเครื่อง N/A ของซาบ ก็หวานได้ใจเหมือนกันนะ ข้อเสียอย่างร้ายแรงและโหดร้ายที่สุดสำหรับเครื่องยนต์ตัวนี้คือ อัตราการแดกน้ำมัน....แล้วก็ไม่แรง......
-
สำหรับเรื่องเครื่องเนื่องจากการพัฒนาของรถซาบ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเครื่องบินรบ ดังนั้นงานโลหะวิทยาของซาบแน่นมากๆ การหล่อหรือขึ้นเสื้อเครื่องก็ใช้เทคนิค วิธีการ และวัสดุไม่แตกต่างจากการทำเครื่องยนต์เครื่องบินรบ ความทนทานจึงหายห่วง อยู่ที่ว่าเจ้าของดูแลรักษาตามระยะหรือไม่เท่านั้นเอง ถ้าพูดถึงเครื่องยนต์ซาบ ถ้าไม่พูดถึงระบบเทอร์โบเลยก็คงไม่ได้ ในขณะที่วิศวกรและฝ่ายเทคนิคจากค่ายรถยี่ห้ออื่นๆ คิดกันว่าจะทำยังไงให้แรงม้าสูงสุด แต่วิศวกรของซาบคิดว่าจะทำยังไงให้รถขับมันส์ที่สุด....มีเครื่องที่สร้างแรงบิดได้สูงสุดในรอบต่ำๆ และมีช่วงการใช้งานกว้างๆ
ใช่แล้วครับ ระบบเทอร์โบถูกนำมาใช้กับซาบตั้งแต่ 900 รุ่นแรกๆ และพัฒนามาเรื่อยๆ จนปัจจุบัน ซาบแทบทุกรุ่นจะมีรุ่นท๊อปเป็นรุ่นที่มีระบบอัดอากาศ(Turbo) เสมอ.....เพราะนอกจากจะสร้างพละกำลังได้ชวนขนหัวลุกแล้ว มันก็ไม่ได้พังกันง่ายๆอีกตะหาก แล้ว 900SE (รหัสแรงที่สุดในบรรดารหัส 900) เป็นตัวที่สร้างชื่อให้กับ SAAB ในยุคนั้นเลย เพราะมัน ลงสนาม Talladeka วิ่ง 8 วัน 40000 km ไม่มีหยุด วิ่งเต็ม 240 km/hr
นอกจากนั้น ซาบยังมีระบบสมองกล Trionic เป็นมันสมองในการควบคุมเครื่องยนต์ ที่เป็นระบบที่สมบูรณ์ที่สุดของเครื่องยนต์ ทำงานโดยการควบคุม ทั้งสาม ระบบ ระบบอากาศ ระบบน้ำมัน ระบบไฟ เป็นลิขสิทธิของ Saab Trionic คือกล่องใบเดียวคุมหมด ประมวลผมจากจุดๆเดียว มันจะไวกว่า การเชื่อมสัญญาณ ประมวลผล จนปัจจุบันมีคนโมดิฟายเจ้ารถซาบถึงระดับ 300-400 แรงม้าและขับใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างชิลๆ เสียด้วยสิ สำหรับคนมืออยู่ไม่สุขชอบทำนู่นทำนี่กับรถ ผมรับประกันเลยว่า เครื่องเทอร์โบของซาบจะมีความสามารถแคะกระปุกออมสินของคุณได้ไม่มากก็น้อย …….
-
ห้องสัมภาระครับ ลืมไปได้ยังไง...... ดูตามรูปครับใส่รถเข็นน้องได้คันกับเหลือพื้นที่อีกเพียบเลย ถ้ายิ่งพับเบาะผมว่ากว้างขวางประมาณเอาแพนใส่ได้สักสองสามคน 5 5 5
ตู้ CD Pioneer 12 แ่ผ่น ที่ติดมากับรถกว่า 14 ปี ยังใช้งานได้แจ่มแจ๋วอยู่เลย
-
และในท้ายที่สุดของรีวิวนี้ ผมต้องขอบคุณ
คุณพ่อผม ซึ่งท่านเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมมีเจ้า Saab 900Draken มาครอบครองสมใจ
พี่ต้น T-Rex ที่ยุแยงและชี้เป้าให้มีเรื่องเสียตังค์อยู่เรื่อย
พี่ไก่ SCOT สำหรับข้อมูลเรื่องเทคนิคในการทำรีวิวครั้งนี้
พี่ดอน SCOT สำหรับข้อมูลเรื่อง SAAB 900S
จิมมี่และแพน ที่ช่วยให้พื้นที่ในการเผยแพร่ความฝันส่วนตัวเล็กๆของผม
และ เพื่อนๆ Saab Club Of Thailand สำหรับมิตรภาพ และทุกๆ อย่าง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
สุดท้าย พี่โจ และ คุณแม่ ที่ยอมยกลูกสาวสุดหวง ให้ผมดูแลต่อจากท่าน
เพื่อนๆ ที่สนใจ รถซาบเหมือนผม สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ www.saab-scot.com ได้อีกช่องทางหนึ่งครับ
PS.ไว้ผมจะคอยเอารูปสวยๆ มาเติมไว้ให้ในกระทู้อีกนะครับ หรือเพื่อนๆสงสัยตรงไหนหรืออยากรู้อะไรเพิ่มเติมจะคอยมาเติมให้เรื่อยๆครับ
-
พี่ครับจำน้องโชคได้ไหม
ที่อยู่อยุธยานะครับ ช่วงนี้ไม่ได้เข้าไปscotเลย เพราะจำรหัสผ่านไมได้
พี่เล่นเล่าสะขนาดนี้ชักอยากจะกลับมามีซาบอีกสักคัน(เดิมนะแทบถอดใจไปเล่นวอลโว่แทน)
และผมก็ดีใจที่ซาบวรจะอยู่ในจุดที่ควรอยู่
-
เป็น User's VOICE อีกชิ้นที่ดีที่สุด และเป็นตัวอย่างให้กับท่านอื่นๆ
ในการทำบทความ ลงคอลัมน์ User's VOICE ได้ครับ
และสำนวนการเขียนนั้น บอกได้เลยว่า ดี และน่าอ่าน
สนใจมาทำรีวิว อะไรกันสักหน่อยมะ?
-
เขียนได้เยี่ยมมากคับ อ่านเพลินคิดถึงอดีต 9000CD 2 คัน ของป๋าผมเลย น่าเสียดายที่ไม่เคยได้ลองขับเลยเพราะตอนนั้นยังเด็กอยู่มาก
พอตอนนี้ขับได้แล้วป๋าก็ยึด 9-5 ไปขับมันส์ซะคนเดียวเลย:'(
-
พี่บอกว่า "อ่านแล้ว อาจจะไม่อยากวางก็ได้" ใช่ครับ ตอนนี้ผมอ่านจบไปรอบนึงแล้ว และยังพร้อมที่จะอ่านซ้ำอีกรอบครับ สนุกมาก พี่เขียนได้ดีจัง
ปู่ผมจำได้เลยว่าท่านชอบรถรุ่นนี้มาก ท่านบอกว่า 900S เป็น Saab ที่ดูดีที่สุดและตลอดไป ตอนนั้นท่านดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมแรงงาน และกำลังจะตัดสินใจซื้อรถ คนรอบข้างทุกคนบอกให้เล่น E220 W124 แต่ด้วยความที่ท่านชอบ 900S เห็นมาตั้งแต่เปิดตัว ท่านเลยออก 900S สีน้ำเงินมา และขับมันจนท่านจากโลกนี้ไปเมื่อปี 2545 และมันยังคง สวย ทันสมัย ดูดีไม่เสื่อมคลายจนถึงปีที่แล้ว เมื่อลุงตัวแสบของผมขายแล้วไปออก E200 KOM สีดำมาแทน
-
ขอเวลาอีกนิดหนึ่งจะรวบรวมข้อมูลพวก Technical Spec มาลงเพิ่มเติมน่ะครับ พอดีมันเป็นเอกสารต้องนำมาคัดลอก
พร้อมกับรูปประกอบสวยๆ (ที่ยังหาวิวไม่ได้เสียทีนะนั่น...) กลัวว่าถ้าจะรอแต่รูปเดี๋ยวคนแถวนี้จะเหน็บได้ 5 5 5 5 5
ว่าเขียนไว้ตั้งนาน ......แม่มม ไม่เอามาลงให้กูอ่านเสียที
ยังคงต้องมีเติมคำในช่องว่างของเรื่องราว และ รายละเอียดอีกพอสมควรครับ
ก็เหมือนฝึกฝีมือการถ่ายภาพไปในตัวนะครับ รายละเอียดของกล้องที่เล่นกับรีวิวนี้
Canon Kiss-x
Canon lens EF 50mm. 1:1.8 II
Canon Zoom lens EF-S 10-22mm. 1:3.5-4.5 USM
canon Zoom lens EF-S 18-55mm. 1:3.5-5.6 II USM
ขอบคุณ เพื่อนณัฐสำหรับความช่วยเหลือเรื่องเลนท์กล้อง และพาไปรับรถคันนี้จากบ้านสุขุมวิท มา ณ ทีนี้ด้วยครับ
-
รูปไหนใช้เลนส์ F1.8 ครับ :)
-
รูปไหนใช้เลนส์ F1.8 ครับ :)
รูปที่เป็นไฟหน้า กับไฟท้าย (คห.2 ครับ) นอกนั้นเป็นเลนท์วาย กับเลนท์คิทธรรมดา เพราะเล่นฟิกซ์ถอยหลังไม่ไหว 5 5 5
-
มารีวิว "น้องเน่า" ให้กระผมมั่งสิคับบ ;D
-
ขอบคุณครับ เขียนดีครับ
แต่ความทรงจำของผมกับรถ Saab มันไม่ค่อยจะดีเอาซะเลย
เพราะว่ารถผมเคยไปจูบครั้งหนึ่ง เบี้ยประกันปีถัดไปพุ่งเลยครับ
-
ไม่มีที่ติเลยครับ
:)
-
แหล่มเลยเพ่ อาร์ต เดี๋ยววันหลังขอไปลองนั่งมั่งนะ ;D ;D
-
เขียนสนุก
รูปสวย
ให้5ดาวครับ
-
อ่านแล้วรู้สึกอยากได้ 9000 ขึ้นมาตงิดๆ
อยากให้เพิ่มหัวข้อการบำรุงรักษาด้วยครับว่าจุกจิกมั้ย มีจุดอ่อนตรงไหนที่ควรดูแล ค่าอะไหล่เมื่อเทียบกับวอลโว่หรือรถยุโรปเจ้าอื่นๆที่คุณเคยใช้มาเป็นอย่างไรบ้าง
ตินิดนึงครับ เปลี่ยนจากคำว่า แดกน้ำมัน เป็น กินน้ำมัน ผมอ่านแล้วมันสะดุดอารมณ์นิดนึงอ่ะครับ กำลังอ่านเพลินๆ แล้วเปลี่ยนมาเป็นอารมณ์ดิบๆซะงั้น
-
ขอบคุณครับ
Saab เป็นหนึ่งในค่ายที่ผมปลื้มมากที่สุดเลยอะ
แต่ดันไม่ทำตลาดซะและ
-
สุดยอดครับอาร์ต
BRAVO BRAVO
-
อ่านแล้วรู้สึกอยากได้ 9000 ขึ้นมาตงิดๆ
อยากให้เพิ่มหัวข้อการบำรุงรักษาด้วยครับว่าจุกจิกมั้ย มีจุดอ่อนตรงไหนที่ควรดูแล ค่าอะไหล่เมื่อเทียบกับวอลโว่หรือรถยุโรปเจ้าอื่นๆที่คุณเคยใช้มาเป็นอย่างไรบ้าง ตินิดนึงครับ เปลี่ยนจากคำว่า แดกน้ำมัน เป็น กินน้ำมัน ผมอ่านแล้วมันสะดุดอารมณ์นิดนึงอ่ะครับ กำลังอ่านเพลินๆ แล้วเปลี่ยนมาเป็นอารมณ์ดิบๆซะงั้น
กินน้ำัมัน มันไม่ได้ฟิล อย่างคันนี้ต้อง แดกกก เลยครับ จริงๆ นะ มันกินซะยิ่งกว่ากินน้ำมันอีก
่ส่วนการบำรุงรักษา คงต้องขอเวลาหน่อย เพราะเพิ่งใช้งานได้ไ่่ม่นาน แต่ถ้าให้ตอบคร่าวๆ เคยเห็นบิลจากคุณพ่อตอนซ่อม 9000CD
ผมว่าค่าใช้จ่ายเทียบกับเปอโยต์ 405 ซาบน่าจะแพงกว่า ถ้าเทียบกับวอลโว่ 740 ผมว่าไม่หนีกันมากครับ... 740 นะ ยังไม่ได้ข้ามมาใหม่กว่านั้น
ข้อดีคือ อย่างน้อย สำหรับ รุ่น 900 ยังมีเชียงกงอะไหล่มือสองไว้คอยบริการน่ะครับ ซึ่งก็มีหัวตัดท้ายตัด หลุดเข้ามาเรื่อยๆ แต่ไม่ได้มากมายนัก
สำหรับราคาเท่าที่เคยสอบถามอู่ก็ไม่ถือว่าแพงกว่ารถยุโรปค่ายอื่นๆ ครับ แต่ลงลึกๆ ต้องขอเวลาศึกษาพอสมควร แต่......
อย่างที่พูดในกระทู้ คือซาบเองมันมีของเล่นของแต่งมากมายครับ บางทีเราำไม่จำเป็นต้องใช้อะไหล่ของมันแท้ๆ แต่ใช้อะไหล่ที่เป็นของแต่งก็สามารถทำได้
และเผลอๆ ถ้าเทียบกับราคาของใหม่ศูนย์ บางทีถูกกว่าด้วยซ้ำครับ ดังนั้นทางออกสำหรับเรื่องอะไหล่มันก็พอมีเหมือนกันแต่ก็คงไม่ใช่ทั้งคัน อย่างพวกบอดี้
หรือพวกอะไหล่เครื่องยนต์ เซ็นเซอร์ ก็อาจจะจำเป็นต้องอาศัยของซาบอยู่ดี ทั้งนี้ผมฝากเวปอะไหล่ซาบไว้เป็นข้อมูลครับ เพื่อนๆ ในกลุ่ม SCOT ก็นิยมใช้
บริการจากเวปเหล่านี้เช่นกัน เพราะรวมค่าเฟดแล้วบางตัวก็ถูกตังค์กว่าซื้อในบ้านเราพอสมควรครับ
http://www.partsforsaabs.com (http://www.partsforsaabs.com)
http://www.elkparts.com (http://www.elkparts.com)
หรือพวกอะไหล่แต่งจากแดนสแกนดิเนเีวียนก็มี http://www.speedparts.se (http://www.speedparts.se)
ฉะนั้น สำหรับรถเหล่านี้ซึ่งไม่ใช่รถที่นิยมในตลาดรถบ้านเรา บางทีผู้ใช้ก็ต้องขวนขวายหาแห่งอะไหล่ หาของกันเองเหมือนกันครับ
สำหรับผมนอกจากอะไหล่จากเวปดังกล่าว ผมก็มีดิวกับทางฝั่งไต้หวันที่จะพอเบิกอะไหล่จากทางไต้หวันเข้ามาได้เช่นกัน
ดังนั้นเลยมั่นใจพอสมควรกรณีการหาอะไหล่มาไว้สแปร์กรณีรถมีปัญหาครับ
PS. ผมเคยหาชื่อและข้อมูลของวิศวกรคนที่วาดภาพนี้ไว้ แต่ดันไม่ได้บุ๊คมาร์คไว้ ใครเจอชื่อบอกกันมั่งนะครับ...
-
โรอาลด์ สเปียสก์ ฮึดสมึนเช่น
-
อ่านสนุกดีครับ
ว่าแต่ กินน้ำมันโหดดีครับ
ผมว่า 6.5 โ, ลิตร s40 คอนวิ่ง ลาดพร้าวแบบไม่กระดิก นี่ รับไม่ได้แล้ว
ผมเข้าใจอารมณ์ จขกท ที่ ว่า ดูเข็มน้ำมัน มากก่า ความร้อน
ผมก็เปนครับ
ดีครับ เรา ชาว สแกนดิแนเวี่ยน ด้วยกัน
-
โรอาลด์ สเปียสก์ ฮึดสมึนเช่น
ภาษาอะไรของมันฟะ.....
-
ขอบคุณครับ
-
อ่านไหลลื่น ประหนึ่งอ่านนิยาย...ขายดี ของแดน บราวน์... ว่าไปนั้น
เคยมีเพือนที่ที่บ้านเขาใช้ SAAB เพื่อนบอก มี cruise control ด้วย
ในสมัยนั้น เมื่อหลาย ๆ ๆ ๆ ๆ ปีก่อน ผมว่า มันเทห์ สุดยอดมาก ๆ
ในรถรุ่น ๆ เดียวกัน อีกอย่าง ตาม concept ที่ว่า สร้างโดยบริษัทฯ ที่ทำเครื่องบิน
เลยทำให้เรามีความฝังใจว่า โฮ.... มันจะไปได้ไวขนาดไหนฟ่ะนี่
ถนนเมืองไทย ..... คงไม่ใช่สนามเด็กเล่นให้ เด็กจากสแกนดิเนเวีย
คนนี้มาวิ่งซะละมั้ง..... และด้วย Brand + ราคา + ค่านิยม
ต้องยกนิ้วให้ครับ กับคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ SABB
และต้องยกนิ้วให้อีกครั้งครับ... กับอัตราการ แ..ก น้ำมันซะขนาดนั้น
เปลี่ยนไปกินน้ำ ยังจะง่ายกว่าไหมนี่....... ;D
-
เป็นรีวิวที่เขียนได้ดีรีวิวนึงเลยครับ
น่าอ่านทีเดียว ปกติจะอ่านข้ามแต่ของคุณเขียนได้น่าสนใจเลยล่ะครับ
เข้ามาเก็บข้อมูลเผื่อจะลองทำบ้างครับ
:)
-
ไว้เทอร์โบเมื่อไหร่จะขอนั่งนะอาร์ต รีวิวดี และแตกต่าง การที่มีเรื่องเกริ่นนำบ้างน่ะมันก็ช่วยทำให้คนได้รู้จักคนเขียนมากขึ้น เหมือนกับทำความรู้จักกันไปในตัว...บางทีผมอ่านรีวิวคนอื่นเขียน ผมก็อยากรู้จักอุปนิสัยใจคอเขานะ เพราะมันทำให้เราสามารถตีความในสิ่งที่คนรีวิวเขียนได้ชัดเจนขึ้น
ที่สำคัญ รูปสวย ถ่ายได้มิติ โดยเฉพาะการถ่ายภายในของอาร์ตนี่สุดยอดมาก ผมกลัวว่าคนต่อๆไปจะไม่กล้าทำรีวิวเพราะเขาคิดเอาเองว่ารูปถ่ายต้องให้ไ้ด้ประมาณนี้ 555 ไม่จำเป็น แต่ super nice to have.
SAAB จริงๆรุ่นนี้ผมก็ไม่เคยชอบมันมาก่อนเลย เห็นตัวจริงมาก็แล้วอะไรก็แล้วก็ไม่ชอบ มาเริ่มชอบเอาตอนแก่ๆนี่ล่ะคือพอเข้าวัยนี้ เราเริ่มจะมองความเก๋าและเด่นเป็นเรื่องรอง เรามองความปลอดภัยมากขึ้น ทำนองว่ารถตายได้ แต่คนตายไม่ได้ แต่กระนั้นก็อยากได้รถที่ขับสนุกด้วย SAAB เป็นรถประเภทที่ได้ทั้งสนุก และปลอดภัย ซึ่งเหมาะแล้วกับคุณพ่ออายุยังไม่มากอย่างอาร์ตไง
สำหรับผม SAAB รุ่นโปรดตลอดกาลคือ 9000CS Aero และต้องสีดำเท่านั้น
-
เข้ามาเยี่ยม
-
น้องอาร์ต
ตามมาอ่านได้ใจจริงๆ ครับ
-
+1 ให้ครับ อ่านแล้วชอบครับผม
อยากให้กลับมาทำตลาดที่ไทย กับทำราคาให้ดูน่าเล่นไม่แพ้กับรถฝั่งเยอรมันจัง
-
เขียนน่าอ่านจัง
อ่อ ดีใจ มี มใรังสิตด้วย ผมรหัส 39 คร้าบ
-
อ่านแล้ว
ทำให้อยากได้ซาบ
ขึ้นมาเลยครับ
เขียนได้เยี่ยมจริงๆครับ
-
อ่านเพลินเลยครับ
-
อ่านแล้วขนลุก...
-
อ่่านเพลินได้ใจจริงๆครับ
SAAB เองก็เป็นรถอีกคันที่อยู่ใน wish list ของผมเลยละ
ถ้ามีโอกาส จะหามาขับซักครั้ง.......
-
อ่านแล้วแบบไรหว่า มีคนบางคนดูถูกซาบ ขนาดนี้เลยหรอ (ประมาณย่อหน้าที่3หรือป่าวหว่า)ที่บอกว่ามีเงินอย่างเดียวไม่พอแล้วซื้อซาบแล้ว ต้องโง้ด้วย
ถ้าผมมีกะเงินพอที่จะดูแลมันนะ ซาบ เป็นหนึ่งในลิชที่ต้องการเลยนะ
ถ้าผมพูดถึงซาบ แบบโง้ๆโดยไม่รุ้เรื่องระบบอะไรต่างๆมากมายนะ ผมว่ามันเป็นรถที่สวย ตลอดกาล คันนึงนะ คิดดูสิ 10กว่าปียังสวยกว่ารถบางรุ่น ณปัจจุบันสะอีกนะนั้น ถ้าซื้อป้ายแดงตอนนี้ ผมสามารถขับรถสวยๆ ไป10กว่าปีได้สบายแบบความสวยไม่สร่าง
มันกินใจไปนาน ครับ
-
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ
มาอัพเดตเรื่องกำลังเครื่องกันหน่อยครับ เริ่มจากวันนี้ผมต้องเดินทางไปอยุธยา(เป็นปกติทุกอาทิตย์) เลยเติมน้ำมันเต็มถังก่อนเลย
รีเซ็ทเข็มไมล์ดิจิตอลแล้วก็ตีรถขึ้นทางด่วนแจ้งวัฒนะ ไปลงบางพูน ออกเส้นสามโคก ตัดเข้าเส้น สามโคก-เสนา
ขับอัตราเร็วเฉลี่ยประมาณ 70-80 มีแซงบ้างบางช่วง เป็นการขับที่ช้ามากๆ ดังรูป......
-
แต่บางขณะเท้าขวาหนักๆมันก็ทนไม่ไหว เลยมีปล่อยไหลไปได้บ้าง ถือว่าไล่เขม่าครับ....
ให้มันตัดที่ 6,000 รอบกันไปเลย.....ไม่ควรทำบ่อยๆ เกียร์อาจจะกลับสวีเดนก่อนวัยอันสมควร....
-
รูปนี้เตือนน้องๆหนูๆ ว่า อย่าเอาไปเป็นแบบอย่างครับ มันไม่ดี ไม่ควรทำตามครับ.....
โดยเฉพาะขับเร็วขนาดนี้และืถือพวงมาลัยมือเดียว อีกมือหนึ่งถือกล้อง.....
ไม่ควรทำตามนะครับ
กดเล่นๆ ได้ 170 ไปได้ต่อแต่ไม่กล้าแล้วเพราะขับมือเดียวกลัวอันตราย ที่ความเร็ว 170 ซาบเองยังนิ่งเหมือนวิ่งสัก 120
แต่เสียงลมประทะทำให้สัญชาติญาณการรับรู้บอกว่ามันเร็วมากนะ....ลดความเร็วเหอะ....
สำหรับทริปวันนี้ ขากลับผมแวะเข้าไปแถวลาดพร้าว และจอดรอลูกค้ามาเอาของ(ไม่ได้ดับเครื่องเพราะน้องหลับอยู่ในรถ) อีกราวๆ 40 นาที
แล้วกลับมาเติมน้ำมันเต็มถังอีกรอบ เป็นอะไรที่ดีใจมากๆ เพราะวันนี้เจ้าคุณหญิงของผม ทำอัตราการบริโภคน้ำมันได้ที่ 9 กิโลเมตร/ลิตร
(เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ) ;D
สำหรับการขับขี่ของเจ้า 900S ถ้าความเร็วยังไม่แตะ 80-90 จะอืดเป็นเรือเกลือ แต่ถ้ากดหนักๆจะกินมากๆ พอเลย 90 ไปแล้ว
การขับขี่จะสนุกขึ้น อัตราเร่งมาได้ไวขึ้น(แต่ก็สู้เทอร์โบไม่ได้อยู่ดี...)
จบการรายงานเพียงเท่านี้ครับ
อาร์ต
-
ชอบรถค่ายนี่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
9000CS สีแดงเท่านั้นครับ
-
;) บรรยายได้จับใจมากเลยครับ จนอยากจะเป็นสาวกซาบไปด้วยอีกคนเลยนะเนี่ย ;D
-
ไม่รู้พี่อาร์ตจำตอยได้มั้ย แต่อยากจะบอกว่าชอบรถพี่อาร์ตมากกกก
อยากบอกว่าวันนี้เพิ่งเจอ 93 โฉมแรกตัวเปิดประทุน สวยมากเลยอ่ะพี่
900 กับ 93 โฉมแรกตัวเปิดประทุนนี่เหมือนมีมนต์ เจอเข้าทีไรองค์ลงตลอดเลย :)
-
ลองหาคอมเม้นของรุ่นนี้ในกูเกิลอยู่ มาเจอรีวิวนี้ตรงใจทีเดียวครับ รถสวยครับ รีวิวแจ๋ว เห็นแล้วอยากได้รถสภาพดี ๆ บ้างซักคัน
จากประสบการณ์รถยุโรปขับหลังเนี่ยต้นอืดปลายแรง และยิ่งรอบมาถึงเมื่อไหร่นี้มีมันส์แน่นอนครับ ในยุคนั้ผมว่าตัวถังยังคงแข็งและหนักเหมือน benz eหน้า รวมทั้ง 740 + 940 ด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อรอบมาปุ๊ปตัวถังที่หนักยิ่งจะทำให้รถยิ่งพุ่งเร็วขึ้น ต่างกับช่วงระยะ 0-80 ทีเดียว
ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ
ดีใจที่ได้ยลดฉมรถสวย ๆ อ่านรีวิวดี ๆ นะครับ คุณอาร์ต
-
ตอนนี้ Draken คันนี้เปลี่ยนมือเจ้าของไปเรียบร้อยแล้วครับ
แต่รถคันนี้ยังอยู่กับสมาชิกเว็บเราอีกคนหนึ่ง
-
ขอพูดบ้างในฐานะที่เคยเป็นเจ้าของรถรุ่นนี้มาสองคัน คันแรกเป็นเครื่อง 2.0 N/A รุ่น 5 ประตูออโต้ คันนี้ต่อมายกให้ ผบ.ไป ซื้ออีกคันเป็นบอดี้เดียวกันแต่เครื่อง 2.3 N/A ออโต้แน่นอน คันแรกอืดมากๆๆๆๆๆ คันหลังก็อืดแต่น้อยกว่าปลายไหลดีกว่าแต่ก็ไม่มาก แต่กินน้ำมันน้อยกว่าชัดเจน เป็นรถที่ซาบออกแบบและพัฒนาอย่างรีบร้อนมาก แบบสุกเอาเผากิน ช่วงล่างบอกได้เลยว่าไม่ใช่อารมณ์ซาบที่เคยเจอ กระด้างสุดๆ ยิ้งกว่ารถปิ๊คอัพอีกหลายยี่ห้อ ทั้งเสียงโครมครามของช่วงล่างก็รบกวนความสุขในการขับได้ทุกเมื่อเวลาผ่านรอยต่อหรือถนนที่ไม่เรียบ การเก็บเสียงภายนอกไม่ดีเอาเลย เบาะที่คุยว่าแพทย์กระดูกยังแนะนำให้คนไข้ปวดหลังเปลี่ยนรถมาเป็นซาบเพื่ออาการปวดหลังจะดีขี้นนั้นกลับทำให้ผมปวดไหล่จนไม่มีอารมณ์อยากขับ ยิ่งเบาะหลังนะครับบวกกับช่วงล่างเด้งโครมคราม ผมสงสารลูกผมสมัยนั้นจริงๆ อ้อ แล้วเกียร์ออโต้ลูกนั้นนะครับมันเป็นของ Aisin ที่ทำส่งโตโยต้าด้วยนะครับ ไม่ได้เรื่องครับ ลากก็ไม่ค่อยไป คิกดาวน์ก็ช้ามาก สรุป 900 s รุ่นนี้คือรุ่นที่นำความเสื่อมเสียชื่อเสียงมาสู่ซาบครับ เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านการเป็นเจ้าของ ทาง General Motors เริ่มเข้ามาถือหุ้นมากขึ้น และต้องลงเงินให้ไม่หยุดเพราะซาบไม่เคยทำกำไรให้ได้เลย เป็นรถที่ขายน้อย สมัยนั้นซาบทุกคันมาจากโรงงานเดียวครับในสวีเดน การผลิตก็ใช้พนักงานประกอบชุดเดียวสำหรับรถแต่ละคันประกอบมันตั้งแต่ต้นจนเสร็จสมบูรณ์ ฟังดูเท่ห์มาก ตอนนั้นที่ผมซื้อมันผมรู้สึกยังกะเป็นเจ้าของ Rolls-Royce แต่สุดท้ายช้ำใจครับ 900s ตัวเก่าก่อนหน้านั้นยังดีกว่าเลยครับ ซาบที่ผมชอบนั้นคือ 9000 series ทั้งหมดครับ เงียบ นุ่มและเร็ว เบรคชัวร์ พวงมาลัยแม่นยำขึ้นไปฉะกับรถเยอรมันได้ แต่ 900 s ตัวนี้มันทำลายชื่อเสียงซาบสำหรับผมจนหมดสิ้นครับ ผมสาปส่งแล้วครับ คงไม่คิดจะซื้อมาใช้อีกแล้ว ขออภัยที่ระบายมาตรงความรู้สึกส่วนลึกนะครับ
-
เป็น Review ที่ซึ้ง และสนุกมากครับ ท่าทางจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์กับคุณพ่อมากพอดูเลย แล้วยังสืบทอดต่อมาอีกด้วย