Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: *Zatan_p2* ที่ พฤษภาคม 31, 2011, 07:55:38
-
เท่าที่ดูๆ มา ช่วงล่างของ B Segmet ในตัวท๊อป ถึงทำไมออกแบบให้ค่อนข้างแข็ง จะเป็นเกือบทุกยี่ห้อเลย
หรือเพราะว่าเป็นโครงสร้างของตัวถังที่เล็กและเบาถึงต้องออกแบบช่วงล่างที่เกาะถนน ใช่ไหมครับ
-
ช่วงล่างแบบคานแข็ง
มันทำให้นิ่มยากครับ
ทางเดียวที่จะทำให้นิ่มได้ คือใช้โช๊ค+สปริงอ่อนๆ ย้วยๆ
แบบเดียวกับที่วีออสเป็น ผลคือ มันนิ่มครับ แต่ย้วย ขับไม่สนุก
และไม่ค่อยเกาะถนน
ดังนั้นจุดขายของช่วงล่างของรถระดับนี้ คงไม่พ้นแนวแข็ง
เพราะคานแข็ง มันสามารถทำให้เกาะถนนได้ดี
บ.รถเลยหาทางออกกับช่วงล่างแบบนี้ โดยอ้างความสปอร์ต
ส่วนนึงก็จริง ที่ว่ามันเกาะถนนขึ้น แลกมากับความแข็ง
-
รู้สึกว่า Jazz ตัวล่างสุดกับตัว Top ช่วงล่างเดียวกันนะครับ
แหม....มันแข็งดีแท้ ทั้งตึงๆ ตังๆ ;D
เข้าเรื่อง ด้วยเนื่อที่อันจำกัด เลยทำให้การออกแบบช่วงยุบตัวของช่วงล่างมีน้อยกว่ารถที่ขนาดใหญ่กว่า มันเลยออกมาเป็นแบบนี้และด้วยความเป็นรถเอนกประสงค์จะให้นิ่มเหมือนรถใหญ่คงไม่ได้ (ความคิดเห็นสวนตัว)
-
ใช่แล้วครับ ต้องแลกกับความแข็ง ขับแล้วรู้สึกมั่นใจกว่าแบบนิ่มๆเยอะเลยครับ
-
ก็คงมาจากคานแข็งด้วยล่ะครับส่วนนึง แต่ผมคิดว่าตลาดกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเจาะไปที่วัยรุ่น หรือ วัยทำงาน ที่ยังอายุไม่สูงมากนัก ซึ่งคนกลุ่มนี้บางทีก็อาจจะขับรถเร็ว สาดโค้งบ้างตามอารมณ์ กดเล่นบนถนนโล่งๆ ทางผู้ผลิตก็เลยต้องเซทช่วงล่างที่ต้องเกาะถนนหน่อยน่ะครับ(ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
-
เฟียสต้าไม่แข็งอย่างที่คิดนะครับ จากที่ไปtestมา (คหสต.)
-
น่าจะมาจากข้อจำกัดทางพื้นที่และกลุ่มลูกค้าหนะครับ
ลองนึกภาพว่าถ้าเอา Demio ใส่ระบบhydractiveนุ่มๆเข้าไป กับใส่ช่วงล่างแข็งๆตึงตังอันไหนจะเข้ากับบุคลิกรถครับ
-
ในกรณีนี้ ผมว่าต้นทุนคือปัจจัยสำคัญสุดครับ
คานแข็งมันถูก ทน ซ่อมง่าย ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวน้อย ประหยัดต้นทุน
แต่ก็ไม่ใช่ว่าคานแข็งมันจะกระด้างไปซะทั้งหมด
เปอร์โยต์ยุคเก่าๆก็เป็นทอร์ชั่นบาร์หมด มีแต่คนว่ามันนุ่มและหนึบ
แต่ผมว่ามันก็ยังกระด้างนิดๆอยู่ดี (รึเพราะว่าผมใช้405สลับกับซองเทียหว่า ;D )
.-_-.
-
หรือว่า รถเกรดนี้ ส่วนมาก มันได้ช่วงล่างแบบกระด้างๆมาก่อน แล้วเขาค่อยใส่คำว่า sport ลงไปเพื่อบอกให้เรารู้ว่า มันไม่เน้นนิ่มนะ แก้ตัวเอาแทน ;D (ไม่ใช่ตั้งใจทำมาให้ sport แต่แรก)
-
Mazda 2 [Demio] ของผมตัวรองท็อป แต่ช่วงล่างเหมือนตัว Top ก็โครตจะแข็งเลยครับ
Jazz ตัว Top ที่รู้สึกมากว่าตัวล่าง คงเป็นเพราะแก้มยางบางกว่าล่ะมั้ง
-
Mazda 2 [Demio] ของผมตัวรองท็อป แต่ช่วงล่างเหมือนตัว Top ก็โครตจะแข็งเลยครับ
Jazz ตัว Top ที่รู้สึกมากว่าตัวล่าง คงเป็นเพราะแก้มยางบางกว่าล่ะมั้ง
ผมก็ว่าตามนี้แหล่ะครับ.. แจ๊ซตัวท็อปแก้มยางมันเตี้ยกว่าตัวรองลงมาน่ะ..
-
ยิ่ง Mazda 2 ตัว Top นี่แก้มแค่ 45 เองนะ
-
ผมเดา...เดาล้วนๆเลยนะว่า..
พวกเขาต้องการลบภาพคำว่ารถกระป๋องวิ่ง 120 แล้วร่อน ที่เคยมีมาในอดีตชาติ
เมื่อครั้งก๋วยเตี๋ยวชามละ 5 บาท
การทำให้รถเกาะถนนมีได้หลายวิธี น้ำหนัก..ยาง..โช้ค..สปริง..รูปแบบของช่วงล่าง
การขยับตัวของช่วงล่าง...แอโร่ไดนามิกส์..ดาวน์ฟอร์ซ..
วิธีที่ใช้ต้นทุนน้อยที่สุดในเรื่องพวกนี้ มันคือโช้คกับสปริงนั่นเอง
ที่ผมมีความคิดแบบนี้ เพราะว่าเคยขับรถ C-Segment รุ่นเก่าคันนึงที่ใช้ช่วงล่างหน้า
A-Arm ธรรมดา และใช้ช่วงล่างหลังทอร์ชั่นบีม โช้คอัพนุ่มปวกเปียกแต่วิ่ง 160 นิ่งมาก
จั๊มคอสะพานนิ้งๆ และขับเล่นโค้งกลับเกาะดีอย่างประหลาด ยางที่ใช้ก็แค่ 185/60/14
มันคือ VW Vento ปี 96 ที่แสนจะธรรมดา ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าโช้คไม่ต้องแข็งก็ขับมั่นใจได้
น้ำหนักตัวรถก็แค่ 1.1 ตัน ฉะนั้นเขาอาจคิดวิธีทำให้รถเกาะถนนได้จากดาวน์ฟอร์ซกับ
การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ต้องลองผิดลองถูก กินงบวิจัยมหาศาล
หรือบางทีวิจัยออกมาได้ดี แต่กลับไม่สามารถทำให้ออกแบบพื้นที่ห้องโดยสารได้
ตามที่ต้องการ
-
มีส่วนดี มักจะมี ข้อเสียหรือข้อจำกัดในตัวค่ะ
ช่วงล่างแบบสปอร์ด รู้อยู่แล้วว่าขับต้องสะเทือนม้าม การที่ ค่ายรถ บอกคาแรคเตอร์แบบนี้ เพื่อแลกการทรางตัวที่ดี.......
ก็คงไม่โดนสติ๊กเกอร์ แปะข้างรถประจานว่า รถหรือเกวียนแน่ค่ะ
คริคริ
-
Cefiro A32 A33 ก็ใช้คานพวกนี้มาก่อน แถมนั่งนุ่มสบายกว่า เกาะถนนกว่า รถคู่แข่งในสมัยนั้นอีกด้วย ;D