Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: aA ที่ มิถุนายน 14, 2011, 20:00:31
-
คืออยากรู้น่ะครับว่าต้องใช้เงินซักเท่าไรถึงจะดูแลมันไหว รายได้นี่หมายถึงหักค่าใช้จ่ายต่างๆในบ้านหมดแล้วนะครับ
ควรจะมีเงินเหลือเก็บในแต่ละเดือนเท่าไรอะครับ ถึงพอจะเป็นเจ้าของมันได้ยาวๆ
-
ไอ้ดูแลไหวที่ว่า แต่ละครอบครัวแต่ละคนผมว่าภาระมันมีไม่เท่ากัน
ถ้าอยู่คนเดียว ไม่มีลูกต้องเลี้ยงดู ไม่มีหนี้สินจะต้องผ่อนบ้าน ผ่อนอะไร
ผมว่าน่าจะไม่ต่ำกว่าแปดหมื่นนะ 8) แต่ถ้าหักแล้ว เอาสักไม่ต่ำกว่าหกหมื่นแล้วกัน
-
;D ;D ;D..............30,000-50,000 บาทครับ จึงจะหลับได้สบาย 8)
yogibear
-
80000 ขึ้นไปครับ ถึงจะสบาย เก็บบ่อยๆก็ซื้อ c-class ได้แระครับ แปปเดียวเอง
-
ไอ้ดูแลไหวที่ว่า แต่ละครอบครัวแต่ละคนผมว่าภาระมันมีไม่เท่ากัน
ถ้าอยู่คนเดียว ไม่มีลูกต้องเลี้ยงดู ไม่มีหนี้สินจะต้องผ่อนบ้าน ผ่อนอะไร
ผมว่าน่าจะไม่ต่ำกว่าแปดหมื่นนะ 8) แต่ถ้าหักแล้ว เอาสักไม่ต่ำกว่าหกหมื่นแล้วกัน
ครับคุณ Nuttie'st ผมก็หมายถึงรายได้ที่หักค่าใช้จ่ายแล้วครับ
-
ดิฉันว่าควรมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ไม่น้อยกว่า2เท่าของค่างวดที่ต้องผ่อนค่ะ
(ในกรณีซื้อผ่อนค่ะ) แต่กรณีซื้อสดแค่เตรียมเงินค่าบำรุงรักษา ค่าประกันภัยราว 1-1.5แสนบาทต่อปี
แต่ถ้าBMW มีBSI ก็สบายใจไปอีกนานค่ะ
-
รวมถึงมือ2 ด้วยหรือเปล่าครับ??
ถ้าไม่ันับค่าตัวรถ
การซ่อมบำรุง ดูแลรักษา
มันไ่ม่สำคัญครับ ว่ารายได้จะขนาดไหน
ถ้ามีอู่ที่รู้ใจ รู้งาน ยังไงๆก็เล่นได้ครับ
ถ้ามือ1 ป้ายแดงเพียวๆ
ยังไงๆ ก็ขอให้มีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายเกินค่างวดของรถก็พอครับ
เพราะสมัยนี้ เค้ามีรับประกันอยู่แล้ว หายห่วงไปหลายปีอยู่
ผมขอเดาว่า รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 6หมื่น ถึงเอาอยู่ครับ
-
umm .. ถ้าเป็น BMW มือ 1 ก็เตรียมแค่ค่าผ่อนงวดครับ อีก 5 ปี สบายใจกับ BSI
-
เยอะเหมือนกันนะเนี่ย เหงื่อตกเลย T_T
-
umm .. ถ้าเป็น BMW มือ 1 ก็เตรียมแค่ค่าผ่อนงวดครับ อีก 5 ปี สบายใจกับ BSI
แล้วถ้ารถจาก Gray ละครับ
;D ;D ;D
-
ต้องมีรายได้สุทธิ ประมาณ 80000 ครับ บ้านผมรวมๆมากจริงแต่รายได้สุทธิ เหลือ 4-5 หมื่นเองไม่พอกิน
-
มือ 1 ป้ายแดง ผมว่าเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายซัก แสนนึง เป็นอย่างน้อย จึงจะใช้อย่างไม่ตึงเกินไป
เพราะชีวิตจริง มันมีทั้งค่าน้ำมัน รายจ่ายจิปาถะ อีกหลายอย่าง
ไม่อยากให้ใช้รถหรูๆแล้วก็จำกัดค่าใช้จ่ายอื่นๆซะจนตัวลีบ ประเภทไปห้างต้องกินแค่ฟู๊ดคอร์ท
ยังไงต้องคิดเผื่อว่า รายรับอาจไม่แน่นอนตลอดช่วงที่ต้องผ่อนนะครับ วันร้ายคืนร้าย ที่ทำงานมีปัญหา หรือเกิดทะเลาะกับนายต้องย้ายงาน เดี๋ยวจะลมจับเอา
แต่ถ้าที่บ้านมีฐานะ อันนั้นไม่เป็นไร ติดขัดก็ขอเพิ่มได้
กรณีมือสองตอบยากครับ เพราะมันมีหลายรุ่นมาก E30,E36 กับ E60 ค่าใช้จ่ายก็ห่างกันไกล
-
umm .. ถ้าเป็น BMW มือ 1 ก็เตรียมแค่ค่าผ่อนงวดครับ อีก 5 ปี สบายใจกับ BSI
แล้วถ้ารถจาก Gray ละครับ
;D ;D ;D
กระอักเลือดกับค่าของเหลว ครั้งละเกือบหมื่น xD ( บางเจ้า )
-
โดยความคิดของผม
ผมว่าก่อนอื่นเลย ดูเงินในบัญชีก่อนมีเท่าไร ออกรถราคา 3-4 ล้าน ในบัญชีต่ำๆก็ต้องมีสัก 20 ล้าน ยิ่งมากยิ่งดี
เอาแบบสบายใจเลย รายได้ต่อเดือน ก็ ควร 80,000 บาท ขี้นไป ยิ่งมากยิ่งดี
ผมว่าค่าบำรุงรักษา ไม่ใช่ปัญหาแน่นอน ผมใช้ทั้ง bmw และ benz เปลี่ยนน้ำมันเครื่องก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิด
ผมว่ามัน หนักตอน ขายต่อ ปี เดียวก็ หายไปเป็นล้านแล้วครับ
-
เอางี้นะครับเอาแบบถูกที่สุดเลยละกัน BMW 318i คุณจะสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคา 39000 บาท ต่อเดือนผ่อนระยะเวลา 5 ปี ซึ่งหมด BSI พอดีเปะ (และค่าดาวน์ 15 เปอร์เซนต์ของ 2.2 ล้านบาท)
แต่อีกกรณีคือ ที่บ้านมีเงินเก็บอยู่แล้วและสามารถซื้อได้ทันที คุณเป็นเจ้าของได้ทุกรุ่นแน่นอนครับ ค่าบำรุงรักษาไม่ได้เยอะมากมายอย่างที่คิดครับเพราะมี Warranty ครับ ในกรณีนี้ไม่ต้องมีเงินเดือนก็ไหวครับ
-
กำลังคิดเหมือนกันเลย คือเริ่มยากได้ F30 คิดว่านะจะประมาณ 3 ล้าน กับรายได้ก่อนหักคชจ 1 แสน หักแล้วเหลือแค่ 4-5 หมื่น เลยลองคำนวนเล่นๆ มีรถในใจ 2รุ่นระหว่าง prius 1.3 ล้าน กะ F30 3ล้าน ถ้าผ่อน คิดอัตราดอกเบี้ยที่3% ในระยะเวลา 5ปี ถ้าซื้อ prius เมื่อสิ้นปีที่ 5 จะมีเงินในมือเหลือ 1.7 ล้าน กับรถ 1 คัน ถ้าออก F30 สิ้นปีที่ 5 จะมีแค่รถ ส่วนเงินเก็บไม่มีไปอยู่กะรถละ แล้วถ้าขายรถทั้ง 2คันเมื่อสิ้นปีที่5เพื่อเปลี่ยนใหม่ f30 คงขายได้ 1.5 ล้าน ส่วนprius คงขายได้ 6แสนจะมีเงินในมือ 2.3ล้าน ส่วนต่างเงินที่จะเปลี่ยนรถใหม่ในปีที่ 5 เท่ากับ 8 แสนบาท คิดไปคิดมา เก็บเงินไว้ซื้อเทคโนโลยีท่าจะดี แต่ท่านแม่อยากให้ขับรถดีๆๆเพราะท่านบอกว่าอายุยังน้อยน่าจะขับรถที่ดีๆๆแรงๆๆก่อน พอแก่ค่อยไปขับรถธรรมดาๆอิโคคาร์ เพราะแก่แล้วคงไม่ค่อยมีแรงขับ กับ แก่แล้วตอนนั้นคงปลงๆๆกับชีวิต 555+ แต่ท่านบอกจะช่วยแค่ล้านเดียวเอง :'( ก็รอต่อไปมีเวลาคิดอีกนาน
ปล. ไม่ได้ผ่อนแบบ baloon เพราะดอกเบี้ยแพงมาก กะดาวน์ 2 ล้าน ผ่อน 1 ล้าน ตกเดือนละ 2 หมื่น นิดๆๆ ยังคิดหนัก เพราะเหลือเงินเที่ยวเล่น + น้ำมันแค่ 2 หมื่นกว่าเอง
-
ในรุ่นต่ำสุดที่จะเป็นเจ้าของได้เช่น X1 18i (~2.1M) ผมคิดว่าควรจะเหลือประมาณ 1 แสน ถึงจะไม่กดดันได้ในระยะยาวๆ ครับ
แต่ถ้าหมายถึงมีคนซื้อรถให้ทั้งคัน แล้วรอแค่บำรุงรักษาเนี่ย ผมว่าเงินรายได้สุทธิแค่ 6-7 หมื่นก็เหลือเฟือครับ
-
320d ก็ผ่อนเดือนนึงประมาน เกือบ 4 หมื่น ในจะ ค่าบ้าน กิน ผมว่า 1 แสน อ่ะกำลังดีครับ
-
มือ 1 ป้ายแดง ผมว่าเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายซัก แสนนึง เป็นอย่างน้อย จึงจะใช้อย่างไม่ตึงเกินไป
เพราะชีวิตจริง มันมีทั้งค่าน้ำมัน รายจ่ายจิปาถะ อีกหลายอย่าง
ไม่อยากให้ใช้รถหรูๆแล้วก็จำกัดค่าใช้จ่ายอื่นๆซะจนตัวลีบ ประเภทไปห้างต้องกินแค่ฟู๊ดคอร์ท
ยังไงต้องคิดเผื่อว่า รายรับอาจไม่แน่นอนตลอดช่วงที่ต้องผ่อนนะครับ วันร้ายคืนร้าย ที่ทำงานมีปัญหา หรือเกิดทะเลาะกับนายต้องย้ายงาน เดี๋ยวจะลมจับเอา
แต่ถ้าที่บ้านมีฐานะ อันนั้นไม่เป็นไร ติดขัดก็ขอเพิ่มได้
กรณีมือสองตอบยากครับ เพราะมันมีหลายรุ่นมาก E30,E36 กับ E60 ค่าใช้จ่ายก็ห่างกันไกล
เห็นด้วยมากๆ ครับ
คือ ผมว่า "ซื้อรถ ในแบบที่เราจะมีความสุข ทั้งวันนี้ และวันหน้า" ดีที่สุดครับ
ในความคิดผม นั่ง W212 แต่ไม่มีเงินเหลือเก็บเลย กับขับ Avanza แล้วมีเงินเหลือเก็บเดือนละ 2-3 หมื่น ผมเลือกอย่างหลังครับ
-
ผมว่าควรจะรวยพอ และมีเงินเย็นๆมากพอ
พอที่คุณจะไม่ต้องมาคิดมากก่อนซื้อ ว่าจะเหลือเงินใช้จ่ายเดือนละเท่าไหร่หลังหักค่าใช้จ่ายรถไปแล้ว
ถ้าคุณรวยประมาณที่ว่านี้ นั่นล่ะครับที่ผมว่าถึงจะโอเคกับรถระดับนี้
แต่ในความเป็นจริง มองอีกแง่นึง
ถึงแม้ว่าซื้อไปแล้วค่าใช้จ่ายจะออกแนวน้ำปริ่มแก้ว
แต่ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นรางวัลชีวิตสำหรับคุณที่ทำงานหนัก จนประสบความสำเร็จในชีวิตระดับหนึ่ง
และจะเป็นแรงผลักดันที่พาคุณออกไปทำมาหารับประทานต่อได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยย่อท้อ ก็ซื้อไปเลยครับ
ความสุขในชีวิตคนบางคน อาจจะอยู่ที่ตัวเลขบัญชีในธนาคาร
แต่สำหรับบางคน ความสุขมันชีวิตมันคือการที่ได้ใช้เงินที่หามาก็มี
อยู่ที่Attitudeในชีวิตของคุณเองครับ ;)
.-_-.
-
ใช่ครับ
สุขภาพจิตดีไว้ก่อน
ช่วงเศรษฐกิจดี รายได้ดี การเมืองไม่สวิงไปมาก็กล้าซื้อ
พอซัก 2-3 ปีนี่การเมืองสวิงมาก ตอนนี้จอดดาวทั้ง 4 กับตราพัดคลาสสิคอีก 1 ไว้ ใช้บ้างให้พอได้วิ่ง ค่าดูแลไม่สูงนัก
แต่ใช้ซีวิค FD เป็นรถหลักกว่า 80%
ค่าดูแลตำ่ ไม่จุกจิกแน่ แอร์เย็น สบายใจเชิบๆ
-
ผิดไหม ถ้าผมจะบอกว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมีรายได้มากพอ ที่จะไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้
นั่นแหละ คือเวลาที่เหมาะสมที่จะเป็นเจ้าของรถระดับ Benz หรือ BMW ขึ้นไป
เพราะส่วนมาก คนที่มีคำถามแบบนี้ มักจะยังมีรายได้ไม่ถึง หรือปริ่ม ๆ ที่ว่า
ดังนั้น หากคนกลุ่มที่ว่า ไปซื้อรถพวกนี้ ... คงจะเป็นเรื่องเกินตัวไปหน่อย
-
ค่าดูแล คงหมายถึง...
เอาเฉพาะค่าบำรุงรักษาเท่านั้น
ถ้ารถใหม่น้อยนะครับ ส่วนมากก็ของเหลวเท่านั้น (BMW เห็นบอกฟรีหรือป่าว... ตามระยะ) ถ้าไม่ไปตกแต่งอะไร
และที่สำคัญคือประกันชั้น 1 หนักหน่อยเพราะรถยุโรป
ส่วนมือสองเห็นคนรู้จักใช้ ก็ไม่เยอะมากอยู่ดี ตรงนี้ต่างกรรมต่างวาระจริง ๆ ครับ
บางคนวิ่งเป็นปี ๆ ไม่เห็นมีอะไรเสียเลย
เงินเดือนยังไม่หักค่าใช้จ่าย 30,000 กว่าบาท ยังขับ BMW มือสอง อยู่ทุกวันนี้
ซื้อรถยุโรปเงินถึงอย่างเดียวซื้อไม่ได้จริง ๆ ต้องใจถึงด้วย ^^"
ถ้ากลัว เงินเหลือเท่าไหร่ก็ไม่กล้าซื้อครับ...
-
มีรายได้เดือนละแสน ยังไม่กล้าซื้อเลยครับ .... เหตุผล
ผ่อนเดือนละ 4 หมื่น OK ล่ะเงินเหลือ แต่เหลือแบบไหน เหลือเพราะพยายามประหยัดให้เหลือเงินมาผ่อนรถ หรือว่าเหลือเพราะใช้น้อยอยู่แล้ว
ในระยะ 5 ปี ใช่ล่ะไม่ต้องเสียอะไรเลย เรื่องบำรุงรักษา แต่ ปีที่ 6 ขึ้นไปล่ะ น่าจะโดนกันหลายอยู่ และส่วนใหญ่ รถปีที่ 6 ก็เริ่มซ่อมกันแล้ว แอร์พังบ้าง นู่นนี่ หลากหลาย ลูกหมากปีกนกรถพวกนี้ น่าจะหลักหลายหมื่น คงไม่หลักพัน
ครั้นจะขายทิ้งเปลี่ยนใหม่ รถราคา 3ล้าน ราคาก็หายขาดทุนเยอะอยู่ .....
ขายแล้วจะมาซื้อรถญี่ปุ่นก็คงไม่ไหว ตกเกรดอีก เคยขับ BMW ขายมาขับแคมรี่ก็ไม่ได้ ....
สุดท้ายลองมองรถระดับล้านนิดๆ ผ่อนเดือนละ 1หมื่นหน่อยๆ ใช้สัก 6 ปี ขายทิ้งเปลี่ยนใหม่ยังไม่เสียดายเท่า
สรุป ผมใจไม่ถึงครับ ...
-
เงินเดือนเท่าไหร่ผมว่าเปลี่ยนเป็นต้องมีเงินเหลือในส่วนนี้ที่คิดว่าพอกับค่าผ่อนและการบำรุงรักษาดีกว่าครับเพราะอย่างที่พี่ๆหลายท่านบอกเลยแต่ละคนต่อให้เงินเดือน
เท่ากันแต่ภาระในการใช้จ่ายแต่ละคนไม่เหมือนกันนะครับถ้าในกรณีผ่อนนะครับไหนจะค่าน้ำมันอีกอย่างน้อยต้องมีเหลือสำหรับใช้จ่ายในส่วนนี้5หมื่นโดยประมาณครับ
สำหรับ X1 นะครับลองเผื่่อเหลือเผื่อขาดด้วยไม่งั้นผมว่ามันจะกลายเป็นภาระเลยนะครับอย่าลืมค่าประกันด้วยนะครับยังไงส่วนใหญ่ก็ต้องชั้น1อยู่แล้วสรุปถ้าตึงเกินอย่า
เพิ่งซื้อเลยครับต้องคิดดีๆเลยลองหาตัวอื่นๆเทียบยอมตัดใจเช่นถ้าอยากได้ x1 อาจจะมองเป็นcaptiva แทนประมาณนี้แต่เข้าใจเลยเป็นความฝันของหลายคนรถสองแบรนด์นี้สู้ๆครับ
-
ถ้ากังวลเรื่องค่าใช้จ่ายมากก็ลองเปลี่ยนไปมองแคมรี่ไฮบริดดูมั๊ยล่ะครับ ภูมิฐาน ดูดี ได้เรื่องภาพลักษณ์ด้วย อยากแรงอยากมันส์ก็ได้ เหลือเงินอีกตังหาก อนาคตพร้อมกว่านี้ก็ค่อยเปลี่ยนไปเล่นตัวอื่นที่อยากได้จริงๆ แล้วแคมรี่ก็เอามาปล่อยให้ผมต่อ 555
-
ถ้าแบ่งตามสัญชาติ ทางยุโรปจริงๆ ก็มีที่ราคาไม่พุ่งมากมายขนาดนั้น อย่าง VW และสโกดะ ดังนั้นรายได้ก็ไม่ต่างจากที่จะซื้อรถสัญชาติอื่นครับ
-
E280 W124 ปี 1994 จำได้ว่าพ่อผมผ่อนเดือนล่ะ 7หมื่นครับ ตอนนั้นรายได้ต่อเดือนมากพอสมควรเลยไม่เดือนร้อน แต่พอผ่อนหมดความเดือนร้อนก็มาเยือน เหอะๆ คิดดีๆ น่ะครับถ้าจะซื้อรถระดับ Benz หรือ BMW
-
ขอบคุณความคิดเห็นของทุกๆท่านนะครับ ^^
-
จะดาวน์เท่าไหร ผ่อนนานแค่ไหนก็มีส่วนด้วยนะครับ
อย่าง E250 CDI ผมดาวน์50% ผ่อน2ปี แค่ค่าผ่อนรถก็เดือนละ 100000+ ละ
ประกันภัยปีละ 50000+ ค่าใช้จ่ายแอบแฝงพวกยาง ค่าขัดเคลือบสีรถ ค่าน้ำมัน
ลองคิดเยอะๆละกันครับ ผมว่า D-seg ญี่ปุ่นดีสู้รถยุโรปพอได้แล้วนะครับ อย่าง Teana เป็นต้น
-
อ่านแล้วมองเห็นภาพพจน์เลย
-
อยู่ที่ รสนิยมของคนๆ นั้น ว่ารถสำคัญต่อการดำเนินชีวิตมากน้อยแค่ไหน ?
เรื่องแบบนี้ มันตอบลำบาก ต้องรู้ประมาณ ตัวเอง
เอาคนใกล้ตัวละกันนะ เงินเดือนประมาณ 450k บาทใช้รถ Camry 2.4
แต่อีกคน เงินเดือน 250k บาท ใช้ C250 ???
พอมองภาพออกมั้ยครับ เงินเดือนเท่าไหร่ไม่สำคัญ
มาโฟกัสว่าเลี้ยงดูรถคันไหน แล้ว มีเงินเหลือเก็บในแต่ละเดือนมากน้อยแค่ไหนดีกว่า นะจ้ะ
-
รายได้ดิบๆต่อเดือน ไม่รวมพวกเงินพิเศษต่างๆจากองค์กรหน่วยงาน 80,000 บาทขึ้นไป
เป็นคนไม่หรูหราฟู่ฟ่า แต่ตรงกันข้าม กลับเป็นคนชอบรถที่มีภูมิฐานพอตัว
และมีเงินก้อนมากพอที่จะซื้อรถด้วยเงินสดแล้วขนหน้าแข้งไม่ร่วง ::)
-
ผมเคยถามไว้เหมือนกันคัรบ
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,8402.0.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,8402.0.html)