Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: YenChar ที่ มิถุนายน 21, 2011, 15:50:48
-
สมมุติว่าเดือนตุลาคมปีนี้
อยู่ดีๆ เราเจอวิกฤตน้ำมันแพง ขนาดลิตรล่ะ 42 บาท ไม่เว้นแม้แต่ดีเซล
แก๊ส LPG ถูกปล่อยลอยตัวจนขึ้นไปถึง 20บาทกว่าๆ
รวมถึง NGV ก็ขึ้นไปเกือบ 20บาท
อยากทราบว่า ถ้าวิกฤตแบบนั้นมาจริงๆ
1. คิดว่าถนนบ้านเรา จะเป็นยังไงครับ เรายังจะคงเห็น รถใหญ่ๆอยู่มั้ย?
อีโค้คาร์ จะวิ่งกันเต็มถนนเลยหรือเปล่า??
รถซิ่งทั้งหลายคนขับรถเร็วๆ จะยังมีอยู่มั้ย?
แท๊กซี่ จะอยู่ัยังไง??
2. คิดว่า ตลาดรถยนต์ จะเป็นยังไง??
3. ผู้ที่ทำธุรกิจ และมีส่วนได้เสีย จะปรับตัวยังไง??
4 สุดท้าย ตัวคุณเอง จะทำยังไงครับ??
-
รถเล็กจำพวก ecocar คงเยอะขึ้น
ส่วนตัวเราก็ adapt ให้เหมาะสมกับสถานะการณ์ครับ เช่น
- ใช้รถบริษัทหรือขึ้นรับ-ส่งที่บริษัทจัดหาให้
- ไปไหนไปด้วย ทางเดียวกันไปด้วยกัน
-
1. ประมาณนี้ครับ
- รถหรูๆไฮโซ เฟอรารี่ แลมเบอกินี่ เบนซ์ ก็จะยังมีวิ่งเหมือนเดิม
- รถรุ่นกลางๆอย่าง แคมรี่ แอกคอร์ด เทียน่า น่าจะกระอัก โดยเฉพาะ เทียน่า เพราะซดมากกว่าชาวบ้าน และ รถจอมซดจะหายไป เชื่อว่า JEEP น่าจะตายสนิท รวมถึง SUV ที่มีแต่คนซื้อไปปีนห้าง
- ECO Car จะขายดีขึ้น
2. ธุรกิจรถยนต์จะหันมาขายแต่รถเล็กแทน เหมือนค่ายเทปที่ตอนนี้หันมาทำแต่เพลงวัยรุ่นและขยันออกคอนเสิร์ทแทนการหารายได้จากค่าเทปและcdหลังสู้เทปผีซีดีเถื่อนไม่ไหว
3. เขาคงมีวิธีมั๊งครับ ผมคงไม่สามารถตอบได้
4. ผมปรับตัวดังนี้ครับ
- ลดน้ำหนักตีนขวา
- ลดการไปบริเวณที่รถติด ลดเกรดของห้างที่จะไป เพื่อเลี่ยงรถติด
- ใช้บริการสาธารณะ เช่น รถไฟใต้ดิน รถไฟลอยฟ้า รถเมล์
-
รถก็ยังเยอะเหมือนเดิม
รถติดแก๊สมากขึ้น เพราะไงก็ถูกกว่าน้ำมัน
คนขับรถช้าลงช่วงแรกๆ สักพักก็จะเหมือนเดิมเมื่อหายตกใจ
-
น่าจะเหมือนเดิม ยกเว้น ต้องแพงแบบก้าวกระโดด น้ำมันลิตรล่ะร้อย แก๊ส กก. ล่ะ 50
-
ผมยังไม่เชื่อว่ารถเล็กลง คนไทยส่วนใหญ่จะรับได้ไหม
เพราะแค่ march brio คนยังถามกันอยู่เลยว่า วิ่งไกลเป็นไง ขึ้นเขาไหวไหม
อีกอย่างผมว่าการใช้งานในเมืองไทย มีการเดินทางในระยะปานกลาง มีใกล้-ไกลผสมกัน
เว้นแต่รูปแบบการเดินทางเปลี่ยนไป มีรถไฟความเร็วสูงครอบคลุม ราคาตั๋วเครื่องบินถูกลง
การใช้รถก็คงจะเปลี่ยนไปเป็นใช้งานระยะสั้นๆ วิ่งในเมืองแทน
รถเล็กก็น่าจะเกิดครับ
-
ผมเชื่อว่าเหมือนเดิม โดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่
ยกเว้นจะก้าวกระโดดเหมือน คห บนว่าไว้
-
ผมว่า Eco Car(รถประหยัดน้ำมัน) คงมีตั้งแต่ระดับ สองแสนห้าจนถึงล้านห้าแสน
ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพเครื่องยนต์(Technologyของแต่ละค่าย) ,Option ,ความปลอดภัย ,Brand
-
รถเล็กแบบ Hybrid อาจจะมีโผล่มาให้เป็นตัวเลือกอย่าง Jazz Hybrid
หรืออาจจะเป็น Jazz Diesel Hybrid CNG สุดยอดความประหยัด
-
ผมว่าจักรยานขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ผลิตแทบไม่ทัน ;D ;D ;D
-
ขายคันเก่า เปลี่ยนมาใช้ Nissan "Leaf"
-
ถ้าหากมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
โดยส่วนตัวแล้วถ้าพูดถึงเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายเดินทางผมว่ามันยังเป็นราคาที่รับได้
คงจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง เช่น ต้องคิดว่าจะออกไปทำอะไร จำเป็นมากไหม เป็นต้น
แต่ที่น่ากลัวมากกว่าผมว่าน่าจะเป็นเรื่อง
ค่าครองชีพที่จะแพงขึ้นอย่างมากอันเป็นผลมากราคาพลังงานที่สูงขึ้น
ทำอะไรนิด อะไรหน่อย ก็เป็นเงินเป็นทอง คนซื้อ-คนขาย นายจ้าง-ลูกจ้าง ฯ
ปรับตัวกันไม่ทันก็ลำบากเลย
คนต้นน้ำลำบาก ปลายน้ำก็ลำบากตามๆกัน
ถึงจะขึ้นราคาเล็กๆก็จริง แต่สิ่งที่รอบตัว รอบด้านเรามันมีมาก มันก็ส่งผลมาก..
-
ผมว่าก็แค่ปรับตัว ลดความเร็ว ลดการใช้รถในช่วงแรกๆ พอชินแล้วก็เหมือนเดิม เพราะว่านิสัยการใช้รถมันเปลี่ยนยากครับ ดูง่ายๆ ที่ USA ตอนน้ำมันแพง รถ B-C Segment ขายดี แต่พอราคาน้ำมันเริ่มนิ่งก็กลับมาเหมือนเดิม
Eco Car ยังไงก็ไม่เหมาะกับวิ่งทางไกลครับ อย่าลืมนะว่า รถกระบะ รถโดยสาร สิบล้อบ้านเรา ขับรถกัน "เรียบร้อยมาก" ยังไม่รวมรถบ้านตีนผีอีกนะครับ ขนาด B-Segment ยังจะไม่ค่อยไหวเลย
ถ้าขนส่งมวลชนไม่เปลี่ยน คนก็ไม่เปลี่ยนครับ เปลี่ยนแค่ราคาสินค้า และเงินเดือนขั้นต่ำ
-
ตอนทางด่วนดอนเมือง ปรับจากแถวๆครึ่งร้อย ไป 85 บาท ขึ้นราคาที กว่า70% มีแต่คนโวยวายตกใจ วันต่อมา คนใช้บริการน้อยลงมาก แต่โดยรวม กำไรของทางด่วนก็ยังมากกว่าเดิม
ดังนั้นผมคิดว่าคงเป็นแบบที่บางท่านบอกคือ พอหายตกใจก็กลับเป็นเหมือนเดิมครับ
แต่ส่วนตัวผมก็ขึ้น MRT เหมือนเดิม รถนานๆขับที เดินหน่อยออกกำลังเอาครับ *-*
-
เห็นด้วยกับการที่จะพัฒนาจิตใจคนให้มาใช้บริการขนส่งมวลชนครับ เพราะมันยั่งยืนกว่า โดยเฉพาะระบบราง
แต่ถ้าใครยังจะตายด้านใช้รถก็คงทนใช้กันต่อไปครับ อย่างพวกอเมริกันก็ยังใช้รถเครื่องโตๆอยู่เลย f10 เริ่มคุยกันที่ 528
-
ผมว่าไม่เปลี่ยนหรอกคับ พอเข้าที่แล้วก็เหมือนเดิม ผมหมายถึงพวก Benz BMW ฯลฯ หรือรถขนาดหรูนะ
แต่ถ้ารถชนชั้นหลางทั่วไป Camry Accord Teana Altis Civic ฯลฯ นี่คงมีเดือดร้อนกันล่ะคับ
เห็นด้วยกับการที่จะพัฒนาจิตใจคนให้มาใช้บริการขนส่งมวลชนครับ เพราะมันยั่งยืนกว่า โดยเฉพาะระบบราง
แต่ถ้าใครยังจะตายด้านใช้รถก็คงทนใช้กันต่อไปครับ อย่างพวกอเมริกันก็ยังใช้รถเครื่องโตๆอยู่เลย f10 เริ่มคุยกันที่ 528
ฝั่งนู้นเค้าขับรถกันไกลกว่าที่ไทยเยอะคับ หลายเท่านัก เครื่องใหญ่มันก็เลยจำเป็น และส่วนมากเป็น Highway หรือ Freeway ไม่ได้ติดแหงกๆๆๆ แบบเมืองไทยซักเท่าไหร่
รถใน New York City ส่วนมากเป็นรถเล็กๆแล้วคับ แต่ถ้าเมืองที่ใช้รถแทนขากัน ก็ ตามที่ผมว่าเลย
-
เสียงบ่น(ด่า)ดังขึ้น ใช้รถน้อยลงพักนึง แล้วก็กลับมาใช้รถกันเหมือนเดิม
-
เรื่องแบบนี้ มัันเป้นตั้งแต่สมัย น้ำมัน ลิตรละ 8 บาท ดูเหมือนจะรับได้ไหม? คนทั่วไปใช้รถอยู่ทุกวันไม่ระคายเท่าไรคะ แต่ผลกระทบตรงๆมันอยู่ที่ ช้าวของมันแพงขึ้น.......
แต่ถ้าแพงจนใช้ไม่ได้ ก็อย่าได้แคร์ ...
(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/386/4386/images/to.jpg)
-
คนคงใช้รถสาธารณะมากขึ้นครับ
ไปไหนจำเป็นน้อย คงไม่ไปกันเลย
แต่พูดถึงเรื่องน้ำมันแล้ว น้ำมันแพงเนี่ยอย่าว่าแต่คนใช้กลุ้มเลยครับ
พวกแขกอาหรับ มันก็กลุ้มเหมือนกันครับ
เคยดูข่าวช่อง 9 พวกอาหรับก็ประชุมเครียดเหมือนกัน
ว่ากำลังหาทางลดราคาน้ำมันให้ได้เหลือ 80-90 เหรียญต่อบาเรลให้ได้ และคงราคาไว้
เพราะตอนนี้พลังงานทางเลือกมีเยอะมาก จนแขกเองกลัวว่าต่อไปน้ำมันจะไม่มีคนใช้หรือใช้น้อยจนขายไม่ออก
ทั้ง EV เอทานอล ไบโอ เห็นว่าปีนี้หรือปีหน้าเนี่ยแหละ
แต่ก็คงยากเหมือนกัน พวกเก็งกำไรก็เยอะ ปั่นราคากันอีก -*-
-
ผมว่าไม่เปลี่ยนหรอกคับ พอเข้าที่แล้วก็เหมือนเดิม ผมหมายถึงพวก Benz BMW ฯลฯ หรือรถขนาดหรูนะ
แต่ถ้ารถชนชั้นหลางทั่วไป Camry Accord Teana Altis Civic ฯลฯ นี่คงมีเดือดร้อนกันล่ะคับ
เห็นด้วยกับการที่จะพัฒนาจิตใจคนให้มาใช้บริการขนส่งมวลชนครับ เพราะมันยั่งยืนกว่า โดยเฉพาะระบบราง
แต่ถ้าใครยังจะตายด้านใช้รถก็คงทนใช้กันต่อไปครับ อย่างพวกอเมริกันก็ยังใช้รถเครื่องโตๆอยู่เลย f10 เริ่มคุยกันที่ 528
ฝั่งนู้นเค้าขับรถกันไกลกว่าที่ไทยเยอะคับ หลายเท่านัก เครื่องใหญ่มันก็เลยจำเป็น และส่วนมากเป็น Highway หรือ Freeway ไม่ได้ติดแหงกๆๆๆ แบบเมืองไทยซักเท่าไหร่
รถใน New York City ส่วนมากเป็นรถเล็กๆแล้วคับ แต่ถ้าเมืองที่ใช้รถแทนขากัน ก็ ตามที่ผมว่าเลย
ผมคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับยี่ห้อรถแต่อย่างไร ว่าจะเติมน้ำมัน และใช้รถกันอย่างไร เดือดร้อนแค่ไหน
ขึ้นกับว่าคุณมีงบหรือแบ่งเงินมาเติมน้ำมันเท่าไรมากกว่า
BMW หรือ BENZ คุณอาจมีงบประมาณเติมน้ำมันได้จำกัดกว่าCamry accord teana ก็ได้ และความจำเป็นใช้รถอาจน้อย
กว่าก็ได้ ส่วนการใช้รถผมว่าคล้ายเดิม เพราะโครงสรางระบบขนส่งเมืองไทย ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด รวมถึงค่า
โดยสารขนส่งมวลชนที่ต้องปรับขึ้น ตามต้นทุนพลังงานหรือค่าแรงที่สูงขึ้นตามครับ
-
แพลนเรื่องพลังงานของบ้านผม....
อิมผมตอนนี้เป็น 2.5 N/A ภายในปลายปีนี้จะถูกดองไว้วิ่งทางไกลอย่างเดียวครับ เพราะออกอยุธยาปลอดภัย ทันใจ
วิ่งกระฉูก วันนี้ทำได้กินน้ำมัน 13 โลลิตร (วิ่ง 90 นั่งสามคน)
ปลายปีออกนิสสันมาร์ชอีกคัน ไว้ใช้งานในเมือง น้องๆขับกันได้ 15-17 โลลิตรในเมือง
ต้นปีหน้าออกอีกคัน ฟีโน เอาไว้ซิ่งโก้ๆรับสก๊อยแถวบ้าน....ประหยัดแน่นอน แทนที่จะต้องเอารถเก๋งไปก็แว๊นท์ไปแทน
ปลายปีหน้าออกจักรยานอีกคัน ไว้ปั่นไปตลาด ตอนนี้มีคันแล้ว....จอดจนยางแบน อยากเห็นท่านผู้เกินปั่นจักรยานจริงๆ
และสุดท้าย พยายามหารายได้เพิ่มเพื่อให้โคเวอร์กับรายจ่ายค่าพลังงานในแต่ละเดือน
เพิ่มรายได้ ก็ไม่จำเป็นต้องลดความสะดวกสบาย....
-
คิดว่า รถประหยัดพลังงานคงจะเป็นทางเลือกที่น่ามองมากกว่ารถขนาดใหญ่กว่า และพฤติกรรมของผู้บริโภค ส่วนใหญ่คงจะเปลี่ยนอย่างแน่นอน
เช่นตัวเองนี่แหล่ะ ตอนจะซื้อรถ ตอนแรกจะเอา C-Segment ซึ่งแม่ก็ไม่ได้ขัดอะไร แต่พอเติมน้ำมัน ผมล่ะจะอ้วกตาย แต่หลังจากตัดสินใจแบบแน่นอนแล้วว่า ยอมลดความสบาย แต่ได้คืนมาเรื่องความประหยัดกว่า อย่าง Eco car (ซึ่ง ใช้ยังไม่ถึงอาทิตย์เลย อยู่ระหว่างรัน-อิน) ผมวิ่งไป 220 กว่าโลแล้ว แต่ผมปรับพฤติกรรมว่า จะเหยียบหนัก เฉพาะเมื่อต้องการเร่งแซงเท่านั้น ก็ทำให้มันช่วยประหยัดได้มาก แม้ตอนนี้รถวิ่งไประดับ 220 กว่าโล แต่น้ำมันยังเกินครึ่ง คาดว่าถังแรกคงอยู่ได้เป็นอาทิตย์แน่นอน
-
ผมว่ามีผลนะ อย่างน้อยๆก็ทำให้คนที่เดิมขับรถเร็ว ก็ขับช้าลงเพราะมันเปลือง
;)
-
บ้านผมเปลี่ยนแค่วันที่เติมน้ำมันเท่านั้นครับ หลังจากนั้นก็กลับสู่สภาพปกติ
-
ช่วงที่น้ำมันลิตรละเหยียบๆ50บาท รู้สึกได้เลยว่ารถบนถนนน้อยลง แต่ตอนนี้ก็กลับมาเยอะเหมือนเดิมแล้ว
-
ถ้าเรื่องรถ ผมไม่กระทบครับ เพราะผมปั่นจักรยานนั่งรถเมล์และ BTS เป็นหลัก รถที่บ้านผมมีไว้ออกนอก กทม. ไป
-
ผมว่าไม่เปลี่ยนหรอกคับ พอเข้าที่แล้วก็เหมือนเดิม ผมหมายถึงพวก Benz BMW ฯลฯ หรือรถขนาดหรูนะ
แต่ถ้ารถชนชั้นหลางทั่วไป Camry Accord Teana Altis Civic ฯลฯ นี่คงมีเดือดร้อนกันล่ะคับ
เห็นด้วยกับการที่จะพัฒนาจิตใจคนให้มาใช้บริการขนส่งมวลชนครับ เพราะมันยั่งยืนกว่า โดยเฉพาะระบบราง
แต่ถ้าใครยังจะตายด้านใช้รถก็คงทนใช้กันต่อไปครับ อย่างพวกอเมริกันก็ยังใช้รถเครื่องโตๆอยู่เลย f10 เริ่มคุยกันที่ 528
ฝั่งนู้นเค้าขับรถกันไกลกว่าที่ไทยเยอะคับ หลายเท่านัก เครื่องใหญ่มันก็เลยจำเป็น และส่วนมากเป็น Highway หรือ Freeway ไม่ได้ติดแหงกๆๆๆ แบบเมืองไทยซักเท่าไหร่
รถใน New York City ส่วนมากเป็นรถเล็กๆแล้วคับ แต่ถ้าเมืองที่ใช้รถแทนขากัน ก็ ตามที่ผมว่าเลย
ใช่ครับ เครื่องใหญ่เพราะวิ่งไฮเวย์นั่นแหละ แต่ในเมืองรถก็ไม่ค่อยติดหรอกครับ NYC เอง ระบบขนส่งมวลชนก็ครอบคลุมครับ
-
;D ;D ;D...............เงินเดือน/รายได้ มันก็ต้องขึ้นตามไปละคุณ อย่าไปวิตกกับวงจรของธรรมชาติเลยครับ 8)
yogibear