Headlight Magazine : community
General => User's Voice => ข้อความที่เริ่มโดย: sirisak_ac118 ที่ กรกฎาคม 12, 2009, 18:39:54
-
หลังจากได้ทำการทดสอบ benz E220 CDI แล้ว ก็ได้มีโอกาสได้มาลองคู่แข่งโดยตรงของ BENZ คือ BMW 520D (E60) Minorchange ปี2009 ตัวล่าสุด
ที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในทางที่ดีขึ้นจนรู้สึกได้ ดีขึ้นอย่างไรต้องติดตาม.....
-
เริ่มจากภายนอก มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยครับ จะหนักไปที่ทางไฟหน้าและไฟท้ายใหม่จะดูทันสมัยขึ้น
-
- ไฟหน้าเป็นแบบ Bi-Xenon แบบไฟสูงและไฟต่ำ ซึ่งต่างจาก Benz E220 CDI ที่ Bi-Xenon เป็นที่ไฟหรี่ และไฟต่ำ
แต่ในรุ่นนี้ไฟหน้าไม่เลี้ยวตามการหมุนพวงมาลัยรถนะครับ
-
ไฟท้ายแต่งเติมโดยการใช้หลอดไฟแบบ LED ทำให้ดูแปลกตาและดูสดใสขึ้นครับ
แต่ไฟเบรกยังเป็นหลอดธรรมดาไม่ใช่หลอดแบบ LED ส่วนไฟเลี้ยวเป็นแบบ LED ครับ
-
ล้อลายสวยขอบ 17 ลายนี้ดูยังไงก็เข้ากับ Series 5 มากๆ
-
ยางเป็นยาง RFT (Runflat) เป็นยางที่สามารถวิ่งได้โดยไม่มีลมยางโดยความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยถ้าบรรทุกน้อยสามารถวิ่งไปได้ประมาณ 250 กิโลเมตร*
ถ้าบรรทุกปานกลางสามารถวิ่งไปได้ประมาณ 150 กิโลเมตร*
และถ้าบรรทุกเต็มพิกัดก็จะวิ่งได้ 50 กิโลเมตร*
*อ้างอิงจาคู่มือประจำรถ*
-
และในยามค่ำคืนเมื่อปลดล็อครถ ก็จะมีไฟจากด้านใต้ของกระจกมองข้าง เพื่อให้ได้เห็นบริเวณรอบๆ ข้างของตัวรถ
-
แสงสีขาวสว่างพอสมควร
-
กุญแจรถตามสมัยไม่มีดอกกุญแจและสามารถเปิดรถเพียงแค่จับด้ามเปิดประตูรถครับ
และยังสามารถสั่งเปิดและปิดกระจกรถได้เมื่อจอดรถตากแดดนาน เพื่อเป็นการระบายอากาศร้านภายในตัวรถครับ
-
ที่เติมน้ำมันกดลงไปแล้วฝาจะเด้งออกเหมือนใน Jazz ครับ และถ้าล็อครถจะไม่สามารถกดให้เปิดได้
แต่เห็นฝาน้ำมันถ้าจะเติม B5 แล้วอาจคิดหนัก เพราะเขียนไว้ที่ฝาเลยว่า ห้ามเติมไบโอดีเซล
-
ท้ายรถลึกแต่ไม่กว้างครับ หลังจากลองใส่ตุ๊กตาที่ได้จากการปาลูกดอกงานวัด สูงประมาณ 50 เซนติเมตรและร่มหนึ่งคัน
เพื่อพอได้เห็นภาพความกว้างและความลึกครับ
-
และพอดูด้านบนของห้องเก็บของท้ายรถ จะเห็นรูกลมๆ ดังภาพ พอเอามือไปบังพบว่าเป็นลมเย็นๆ จากห้องโดยสารทำให้อากาศด้านท้ายรถเย็นตามไปด้วย
อย่างนี้ใส่อาหารเดินทางไกลๆ ก็สามารถช่วยลดปัญหาอาหารบูดท้ายรถได้ครับ แม่ๆ ชอบเดินตลาดซื้อของสดคงชอบ....
-
มาติดตามครับบบบ
ถ่ายรูปสวยเหมือนเดิมครับผม
;)
-
และที่ฝาท้ายจะมีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลต่างๆและป้ายฉุกเฉินใช้ในยามจำป็นครับ
-
ต่อไปมาดูภายในกันบ้าง
ห้องโดยสารแทบไม่เปลี่ยนแปลง มีโทนสีของเบาะหนัง และคอนโซลเล็กน้อย ทำให้สีตัดกันและอบอุ่นขึ้น ดูมีสีสัน
-
และยังมีเกียร์ใหม่ และi-Driver ใหม่!!!!!
-
มาดูการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ในตัวรถนะครับ
การติดเครื่องยนต์ ทำได้โดยการเสียบกุญแจเข้าไปที่บริเวณคอพวงมาลัย จากนั้นเหยียบเบรกและกดปุ่ม START เครื่องจะทำงานทันทีแต่ถ้าไม่เหยียบเบรกก็จะเป็นการเริ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ
ในรถแต่เครื่องยนต์ไม่ทำงาน ถ้าเป็นรถกุญแจก็ประมาณว่าบิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง On นั้นเองครับ
ส่วนอีกวิธีในการติดเครื่องเหมือนกับขั้นตอนแรกแต่แค่ไม่ต้องเสียบกุญแจไปที่คอพวงมาลัย ก็สามารถติดเครื่องยนต์ได้แต่วิธีนี้กุญแจจะไม่ได้รับการชาร์ตไฟ ถ้าใช้วิธีนี้บ่อยๆ
ไฟในกุญแจอาจหมดได้นะครับ ส่วนการดับเครื่องก็กดที่ปุ่มเดิมเครื่องก็จะดับทันที
-
ข้างๆ ปุ่มติดเครื่องควบคุมระบบไฟหน้าของรถ
มีระบบเปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกหน้าและหลังและปุ่มเลื่อนสำหรับไฟหน้าปัดของรถ
-
หันมามองคอพวงมาลัยด้านซ้ายจะพบกับก้านเรียงกันสามอัน
ก้านบนสุดใช้ในการคุมไฟเลี้ยว,ไฟสูง,ไฟต่ำ และจะมีปุ่มกด CHECK เพื่อเช็คสถานะของตัวรถว่าสมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่และใช้ในการเปลี่ยนดูวันที่กับเวลาและเป็นปุ่ม BC ที่ใช้ในการเปลี่ยนดูเลขไมล์ว่าวิ่งไปกี่กิโลแล้วและเหลือที่วิ่งได้อีกกี่กิโลเมตรและบอกการใช้น้ำมันว่าเป็นกี่ลิตร/100 กิโลเมตร
ก้านที่สองใช้ในการปรับระดับของพวงมาลัย ปรับได้ทั้งเข้าหาตัวคนขับ ออกห่างจากตัวคนขับ และขึ้นลง
ส่วนก้านสุดท้ายเป็นการใช้งานระบบควบคุมความเร็วคงที่ (CRUISE CONTROL)
ส่วนทางด้านขวาของพวงมาลัย
เป็นการสั่งงานก้านปัดน้ำฝน สามารถปรับระดับเองได้หรือจะให้เป็นการทำงานอัตโนมัติก็ได้เช่นกัน
-
ที่เก็บของมีให้มากพอสมควรแต่ไม่ถึงกับมากนัก แต่อย่างน้อยก็มีที่ใส่แก้วให้สองใบ
-
ส่วนที่เก็บของตรงกลางเป็นแท่นสำหรับใส่โทรศัพท์แต่.........มี Bluetooth แล้วจะให้มาทำไมไม่เข้าใจ
-
พวงมาลัยวงใหญ่กำลังดีและเหมาะมือมากๆ จับแล้วเต็มไม้เต็มมือดีมากครับ มาพร้อมด้วยปุ่มต่างๆ นาๆ ที่สามารถให้ผู้ขับขี่เลือกปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการครับ
และสามารถเปลี่ยนปุ่มว่าอยากให้ปุ่มนี้ควบคุมระบบอะไรบ้าง เช่น ระบบปรับอากาศ หรือระบบความบันเทิงภายในรถครับโดยปรับเปลี่ยนได้ใน i-Drive
-
ระบบแอร์อัตโนมัติ แยกซ้ายขวา ตามใจชอบและปรับได้ละเอียดมากๆ เมื่อปรับใน i-Drive
ระบบความบันเทิงในตัวรถ
เครื่องเล่น CD สามารถใส่ถึง 6 แผ่น แต่ไม่สามารถเล่น DVD ได้
ส่วนเรื่องระบบเสียงเป็นแบบ BMW Business ผมว่าไม่ผ่านสำหรับรถระดับนี้ครับ Bass แห้งๆ ไม่ค่อยมีน้ำหนัก แหลมพอใช้ได้แต่ก็ไม่ถึงกับสดใส
ถ้าเทียบกับรถระดับเดียวกันผมว่า Benz ดีกว่ามากเลยครับ
และที่ผมแปลกใจหรือว่าผมไม่ค่อยได้ขับ BMW ก็ไม่ทราบผมพึ่งได้รู้ว่าไม่มีปุ่มปิดเครื่องเสียงเหมือนในรถอื่นทั่วไป มีแต่ปุ่มกดเพื่อปิดเสียงเท่านั้น!!!!
-
ตำแหน่งลำโพงต่างๆ ครับ ดูจากขนาดลำโพงในเสียงโทนต่ำก็พอจะเดาได้ว่า Bass คงจะบางน่าดูเพราะมันเล็กๆ ยังไงไม่รู้ครับ
-
แต่ยังดีใจสมเป็นรถสำหรับคนรุ่นใหม่ยังมีช่องเสียบ AUX และ USB มาให้ทำให้มีความหลากหลายในการเลือกรับแหล่งกำเนิดเสียงแบบใหม่ๆ
ในปัจจุบันและในอนาคตครับ ซึ่งมันจะอยู่ในตำแหน่งที่เก็บของตรงกลางระหว่างคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าครับ
-
ด้านล่างของเครื่องเสียงจะเป็นปุ่ม DTC และ PDC
-
ต่อไปจะเป็นการราบยาวเล็กน้อยของปุ่มทั้งสองปุ่มนี้นะครับ
ปุ่ม DTC ใช้ใช้ในการเปิดปิดระบบช่วยเหรือในการขับขี่ทั้งระบบ DTC และ DSC
ระบบ DSC หรือที่เรียกในภาษาไทยว่า ระบบควบคุมเสถียรภาพแบบไดนามิก เป็นการผสมผสานของระบบ ABS และ ASC+T (ระบบป้องกันการเบรกล็อคล้อ และระบบควบคุมล้อหมุนฟรี) ระบบ DSC จะประเมินทั้งแรงเคลื่อนที่ตามแนวยาวเมื่อรถขับเคลื่อนไปในทิศทางตรง ไปข้างหน้า และรวมถึงแรงเคลื่อนที่ในแนวขวางด้วย เมื่อรถเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง จนกระทั่งเข้าใกล้ขีดจำกัดในการยึดเกาะ ระบบจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพมากขึ้น ระบบ DSC จะใช้ ร่วมกับระบบ ASC+T เสมอ ระบบ DSC จะตรวจสอบ ลักษณะการเคลื่อนที่ของรถ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รถมีเสถียรภาพการทรงตัวสูงสุด ใน ขณะเข้าโค้ง (กรุณาดูที่ ASC+T) และจะมีการคำนวณการเกิดอาการท้ายปัด (โอเวอร์สเตียร์) และอาการดื้อโค้ง (อันเดอร์สเตียร์) โดยคอมพิวเตอร์ที่รับสัญญาณ จากเซ็นเซอร์มุมบังคับเลี้ยวและจากการ เปรียบเทียบความเร็วในการหมุนของล้อ และนำมาใช้อ้างอิงในขณะควบคุมแรงบิดเครื่องยนต์ ระบบนี้จะทำงานตลอดเวลา ถ้าจะปิดทำงานทำได้โดยกดปุ่มนี้จนหน้าปัดแสดงคำว่า DSC ระบบช่วยเหลือหรือควบคุมเสถียนภาพจะถูกปิดลง
ระบบ DTC ชื่อเต็มว่า Dynamic Traction Control เป็นระบบเสริมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบ Automatic Stability Control + Traction (ASC+T) และระบบ Dynamic Stability Control (DSC) ให้ทำงานเป็นหนึ่งเดียว นอกจากหน้าที่ห้ามล้อเช่นเดียวกับเบรกแบบเดิมแล้ว DTC ยังทำหน้าที่เพิ่มแรงลากจูงหรือแรงขับดันของรถโดยยอมให้มีการลื่นไถลเพิ่ม ขึ้นเล็กน้อยแล้วแต่สภาพถนนในขณะนั้น ดังนั้นระบบนี้ควรจะกดใช้เมื่อมีการวิ่งในการวิ่งบนถนนที่ปกคลุมด้วยทราย กรวด หิมะหนา หรือบนผิวถนนที่หิมะกำลังละลาย รวมถึงการขับบนพื้นหิมะโดยการพันโซ่รอบล้อหรือการขับขึ้นทางลาดชันที่ต้อง การระดับการลื่นไถลที่มากขึ้น ระบบนี้จะทำงานก็ต่อเมื่อกดไปทีปุ่ม1ครั้งโดยไม่ต้องกดค้าง จะมีไฟโชว์ที่หน้าปัดตามรูป แสดงว่าระบบนี้ได้เริ่มทำงานแล้ว และเมื่อภาพเส้นทางอันไม่พึงประสงค์ก็กดปิดด้วยนะครับ
-
ระบบต่อมาคือปุ่ม PDC
เมื่อกดแล้วระบบ PDC จะทำงาน และจะโชว์ภาพขึ้นบนจอ i-Drive ดังภาพ
แต่แอบแปลกใจ เพราะบางครั้งเมื่อจอดรถเสร็จเรียบร้อยแต่เสียงดังเตือนจากระบบนี้มันก็ยังดังไม่ยอมหยุดจนต้องกดปิด
ไม่เหมือนกับรถอีกหลายๆ ยี่ห้อที่พอจอดหรือดังพอเตือนให้ผู้ขับรู้แล้วเสียงก็จะดับไป....
-
มาดูแผงหน้าปัดของรุ่นนี้ เรียบง่าย อ่านง่าย เรียบหรู ดูดี ........เหมือนประชดเลย 555+
ก็เรียบๆอ่านง่ายตามแบบBMW กลมๆ สองวง วงแรกทางซ้ายบอกความเร็วของรถและระดับน้ำมันเชื้อเพลิง อีกวงจะบอกรอบการทำงานของเครื่องยนต์และการใช้น้ำมันในการขับขี่ โดยถ้าเราขับช้าเข็มจะอยู่มาทางซ้ายระหว่าง 0-10 แต่ถ้าขับเร็วเข็มจะมาทางขวาอยู่ช่วง 10-20 และในวงนี้ยังบอกความร้อนของเครื่องยนต์ด้วยถ้าไม่สังเกตนี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน โดยดูที่เลขวัดรอบเครื่องยนต์แถวช่วงระหว่าง 4500-5000 รอบ จะเป็นขีดเล็กๆ เรียงกันลงมา นั้นหมายถึงระดับความร้อนเครื่องยนต์ โดยถ้าติดเครื่องเวลาที่เครื่องเย็นอยู่ขีดเล็กๆ จะขึ้นสีแดงเต็มทุกขีดและหมายความว่าไม่ควรใช้รอบเครื่องถึง 4500 รอบและเมื่อเครื่องเริ่มร้อนขีดจะเริ่มหายไปทีละขีดจนหายไปหมด เมื่อหายไปหมดหมายความว่าความร้อนของเครื่องยนต์ได้อยู่ระดับปกติแล้วแล้วรอบเครื่องจะสูงได้ถึง 5000 รอบจึงจะถึง Red Linel
ส่วนตรงกลางก็จะบอกข้อมูลต่างๆที่เกียวกับอุณหภูมิ วันที่ และเวลา ระยะทาง และการกินน้ำมันของเครื่องยนต์ โดยสามารถเลือกดูข้อมูลต่างๆได้โดยการกดปุ่ม BC และ CHECK ที่ก้านไฟเลี้ยว
-
มาดูระบบเกียร์ใหม่กันบ้าง
ทรงสวยใช้งานง่าย ตอนแรกขับแบบว่างงเป็นไก่ตาแตกเลยครับ จนได้รับคำอธิบายจากเจ้าของรถจึงได้เข้าใจการใช้งาน
การใช้งานเหมือนการขับรถในเกมส์ โดยโยกไปมันจะเด้งกลับ ตำแหน่งเดิมของไฟบอกเกียร์จะเลื่อนมาตามทิศทางที่เราโยกไป โยกขึ้นก็เป็นถอยแต่เมื่อจากเกียร์ถอยต้องการมาที่เกียร์เดินหน้ามันจะสามารถโยกได้สองจังหวะโดยที่ไม่ต้องมานั่งโยกให้เข้าทีละจังหวะ ให้ไปที่เกียร์ว่างแล้วค่อยไปที่เกียร์เดินหน้า ทีเดียวก็จะเลื่อนให้สองตำเหน่งเลยครับ ถ้าเราอยู่เกียร์เดินหน้าแล้วโยกไปทางซ้ายก็จะเข้าโหมดการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองและถ้าจะจอดรถก็สามารถกดที่ปุ่ม P ได้ทันทีโดยไม่ต้องโยกแต่ประการใด ระบบเกียร์นี้ใช้งานไม่ยากแต่ต้องใช้ความคุ้นเคยพอสมควรครับแล้วจะสามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วครับ
-
ต่อไปมาดูแบบละเอียดยิบๆๆๆๆ กับ New i-Drive
แต่ก่อนมีคนบอกว่าไปที่ไหนหลงที่ไหนก็กด Menu เพื่อเริ่มใหม่ แต่ตอนนี้แยกแยะให้หมดแล้วจึงง่ายต่อการใช้งานมากขึ้นครับและที่สำคัญสวยขึ้นด้วยครับ
-
แต่ยังติดใจที่จอของ i-Drive ครับว่าทำไมยังจอเล็กอยู่ ที่ 320D เข้าใจจอระดับ 8 นิ้วแล้ว แต่นี้เล็กๆ แล้วไม่สมกับกรอบของจอที่ใหญ่กว่ามากเลยดูไม่สมส่วนเท่าไหร่
-
ต่อไปนี้จะมาร่ายยาวเกียวกับ i-Drive หลังจากนั่งเล่นอยู่ประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงก็ได้เรียนรู้จนใช้ได้เริ่มชินมือและชินตา และสามารถแยกแยะการใช้งานได้ตามนี้
-Communication
เมื่อเข้าไปแล้วจะเป็นระบบ Bluetooth ใช้ในการเชื่อมต่อมือถือ และ Bluetooth ใน BMW ผมขอชื่นชมอย่างมาก ที่ใช้ง่ายและการพูดคุยเหมือนการพูดคุยกันธรรมดาเสียงชัดไม่ต้องตะเบงเสียงคุยหรือยื่นหน้าไปที่ไมค์เหมือนใน Camry เสียงชัดเจนดีมากทั้งผู้ฟังและผู้พูด และโหมดนี้ก็สามมารถเข้าได้จากปุ่ม TEL ตรงข้าง i-Drive ได้ทันที
-
-Entertainment
เมื่อเข้าไปก็จะเป็นระบบเกี่ยวกับความบันเทิง ทั้ง เล่นแผ่น CD,วิทยุ, และสื่อต่างๆที่ผ่านทาง USB และ AUX
แต่ทำไมไม่สามารถรับชม DVD หรือ TV ได้ น่าจะเติมมาด้วย รับรองไม่ต้องขับรถกันแล้วดูหนังดูละครกันแทน......
-
แล้วยังสามารถเข้าโหมดต่างๆ ได้รวดเร็วผ่านปุ่ม CD และ ปุ่ม RADIO ได้เลย
-
-Climate
จะเกี่ยวกับระบบปรับอากาศภายในรถมีให้เลือกปรับได้อย่างละเอียดมากดังนี้
ปรับระดับความเย็นแบบ AUTO และสามารถปรับได้ว่าอยากให้เย็นมากหรือเย็นน้อยโดยดูจากขีดสีฟ้าหมายถึงความเย็น
และถ้าหมุนปุ่มกลับขีดจะกลายเป็นสีแดงหมายถึงลมร้อน และเลือกระดับแรงลมได้ 3 ระดับตามต้องการ
-
ต่อไปเป็นการเลือกลักษณะทิศทางลมโดยสามารถเลือกได้เองว่าอยากให้ลมออกด้านไหนมากน้อยกว่ากัน
-
และสามารถแยกได้อิสระกับผู้โดยสารตอนหน้า
-
และโหมดสุดท้ายแต่คิดว่าคงไม่เหมาะกับบ้านเราโดยจะเป็นการตั้งเวลาว่าจะต้องการให้รถทำความเย็นช่วงเวลากี่โมงและทำความร้อนได้ตอนกี่โมงโดยสามารถเลือกได้สองเวลา
เนื่องจากเวลาติดเครื่องยนต์ระบบประอากาศจะติดทันทีโดยถ้าตั้งระบบนี้ ระบบทำความเย็นจะอ้างอิงกับเวลาที่ตั้งไว้ว่าจะให้เย็นหรืออุ่น
-
รูปสวยเหมือนเดิมเลยครับ ^^
ปล. รุ่นนี้ปรับที่รองต้นขาไม่ได้เหรอครับ ??
-
-OBC (On-Board Computer)
เป็นโหมดในการบอกสถานะโดยรวมของรถสำหรับการเดินทาง และสามารถเข้าได้อีกทางโดยกดปุ่ม NAV ที่ i-Driver โหมดต่างๆ มีดังนี้
-Computer
เป็นการบอกสถานะต่างโดยที่เราป้อนระยะทางที่เราเดินทาง Computer จะคำนวณข้อมูลต่างๆเวลาที่ใช้ในการเดินทาง
ระยะทางก่อนน้ำมันหมดและบอกความเร็วเฉลี่ย
-
-Journey Computer
เป็นการบอกสถานะการเดินทางต่างๆ เราสามารถตั้งค่าเริ่มต้นให้ใหม่ Computer จะแสดงไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะสั่งให้เริ่มใหม่
-
มาปาด ฮิฮิ
เดี๋ยวพุ่งนี้มาชมต่อวันนี้ขอตัวไปอ่านหนังสือสอบก่อน ;D
-
-Limit
เราสามารถจำกัดความเร็วได้ด้วยตนเองเพื่อป้องกันการเสียเงินระหว่างทางถ้าหากใช้ความเร็วสูงเกินไป โหมดนี้ช่วยคุณได้ครับ
-
-Stopwatch
มีนาฬิกาจับเวลามาให้ด้วย............
-
ต่อไปมาดูการ Set ค่าต่างๆและดูการ Service กันบ้างโดยการกดที่ปุ่ม Option ที่ i-Driveแล้วจะขึ้นหน้านี้
-
และในหน้านี้ก็จะเป็นการ Set ค่าต่างๆของระบบภายในรถมีดังนี้
-Tone/Volumes เป็นการ Set เกี่ยวกับเสียง ทั้งปรับโทนเสียง
-
และปรับ Balance / Fader
-
-Display Setting
ปรับความสว่างของจอแสดงผล
-
-Steering Wheel Buttons
เก็นการตั้งค่าปุ่มต่างๆ ของพวงมาลัยว่าต้องการให้ปุ่มแต่ละปุ่มเป็นโหมดอะไร เลือกกันได้ตามใจชอบ
-
-Vehicle / Tyres
เป็นการตั้งค่าต่างๆ ของภายในตัวรถและเกี่ยวกับลมยาง
-ตั้งค่าลมยาง
-
ตั้งค่าการล็อกของประตูรถ
-
-ตั้งระบบแสงสว่างภายในตัวรถและรอบตัวรถ
-
-Language / unit
เป็นการตั้งค่าภาษา มีให้เลือก 3 ภาษา มีแต่ภาษาฝั่งยุโรป และตั้งค่าหน่วยแสดงผลต่างๆ ภายในรถครับ
-
-Clock / Date
ตั้งค่าเวลาและวันที่
-
และในโหมด Service ก็สามารถบอกสถานะของรถได้ทั้งคัน
บอกเตือนระยะการถ่ายน้ำมันเครื่อง หลอดไฟขาดหรือปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็จะมีบอกในหน้าโหมดนี้ถ้ามีการตรวจพบปัญหา
-
และที่ถูกใจผมคือการตรวจสอบน้ำมันเครื่องโดยจะบอกกันแบบนี้เลย ไม่ต้องลงไปเปิดฝากระโปรงดึงก้านวัดเองให้เสียเวลา
ปล. แต่ต้องติดเครื่องนะครับถึงจะวัดได้
-
การทำงานของ i-Drive ก็คงหมดแค่นี้เอาเท่าที่ทำได้เพราะมันเยอะจริงๆ ครับแต่ก็คิดว่าก็พอจะครอบคลุมเกือบทุกอย่างแล้ว ต่อไปมาดูความสบายของห้องโดยสารกันบ้าง
-
เบาะนั่งด้านหน้าปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบความจำในด้านคนขับ
เบาะนั่งตัวใหญ่และรับกับสัดส่วนได้ดีมาก ส่วนตำแหน่งในการนั่งรู้สึกได้เลยว่าอยู่สูงทำให้วิสัยทัศน์ดี เวลาขับแล้วไม่รู้สึกว่ารถเตี้ยติดดิน
-
แผงควบคุมการขึ้นลงของกระจกบังลง,ปรับกระจกมองข้าง,ปุ่มพับกระจกม้องข้างและปุ่มม่านบังแดดด้านหลัง รวมอยู่ในจุดเีดียว
-
สีสันยามกลางคืน..........
-
:D
-
:)แจ่มได้ใจมากครับ
-
มาชมกันต่อกับเบาะนั่งด้านหลัง
เบาะนั่งด้านหลังตัวใหญ่ไม่แพ้เบาะหน้า แล้วช่วงก้นเว้าลึก ด้านแผ่นหลังก็รู้สึกได้เลยว่ากระชับไม่ดิ้นซ้ายหรือดิ้นขวา
แล้วมีที่พักแขนขนาดใหญ่วางแขนได้เต็มไม้เต็มมือดีมาก แถมที่ใส่ของเล็กน้อยและที่วางแก้วอีกของใบ
-
ที่ว่างระหว่างเข่าและเบาะหน้ามีที่เหลือมากพอดูครับ ผมปรับให้คนขับ(สูง 180 เซนติเมตร) นั่งสบาย และผมนั่งข้างหลัง(สูง 180 เซนติเมตร)
ก็มีที่ว่างเหลือไม่อึดอัด แต่ว่า.......หัวผมติดเล็กน้อยไม่ถึงกับชนแต่รู้สึกได้ว่าหัวชิดเพดานรถ
-
ม่านบังแดดหลังและด้านข้างมีมาให้ครบ
-
มีช่องลมด้านหลังและสามารถปรับความเย็น แถมช่องสองช่องไว้ต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้ตามต้องการ
-
ต่อไปมาถึงเรื่องการขับขี่กันบ้าง
เมื่อเปิดฝากระโปงทำให้ผมรุ้สึกแปลกใจเนื่องจากฝากระโปงเบามากจนผมตกใจเมื่อลองปิดฝากระโปงจึงไม่สามารถปิดได้ด้วยน้ำหนักของฝากระโปงเองต้องใช้แรงส่งเล็กน้อยในการช่วยปิด...
มาดูที่เครื่องกันบ้าง
-เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว ระบบดีเซลคอมมอนเรล พร้อมตัวแรงด้วย Turbocharger ขนาด 1,995 ซีซี
แต่ไม่ชอบเพียงอย่างเดียวเกี่ยวกับเครื่องยนต์ตัวนี้คือเวลาติดเครื่อง มันจะสั่นแรงมากเหมือนในกระบะเลย
แต่ก็ต้องให้อภัยเมื่อเจอกับ
แรงม้าฝูงนี้ที่มี 177 ตัว ที่รอบเครื่องยนต์ที่ 4,000 รอบ
แรงบิดเท่ากระบะ 3000 CC ที่ 350 นิวตันเมตร จากรอบเครื่องที่ต่ำมาก เพียง 1,750 และต่อเนื่องไปจนถึง 3,000 รอบ
จึงไม่น่าแปลกที่ทำให้อัตราเร่งที่ 0-100 ที่ 8.4 วินาที (จากที่โรงงานบอกมา)
ลองมาดูอัตราเร่งจากเครื่องเบนซินกันบ้าง (ตามการยืนยันจากโรงงาน)
523 อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 9.1 วินาที
525 อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 7.9 วินาที
จะเห็นได้ว่า อัตราเร่งตามที่โรงงานบอกมา ดีเซลเครื่องแค่ 2,000 แต่ให้อัตราเร่งที่ต่างจากเครื่องเบนซิน 6 สูบ แค่เพียง 0.5 วินาที บอกได้คำเดียวว่าไม่ธรรมดา
แต่ลองกันจริงๆ ก็อยู่แถว 8 วินาทีปลายๆ -9 วินาทีต้นๆ
ไหลปลายจากโรงงานบอกไว้ว่า 520D ทำได้ 226 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ดูเครื่องเบนซินกันบ้าง
523 ไหลปลายได้ที่ความเร็ว 233 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
525 ไหลปลายได้ที่ความเร็ว 245 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และจากการได้ลองจริงคือ............ไม่กล้าลองถนนแถวบ้านมีแค่สองเลนครับ ไม่มีที่ให้วิ่ง แต่ลองไปดูตาม Youtube ก็เห็นว่า 200 ขึ้นแน่ครับ
การขับขี่ลื่นไหลดีมากเกียร์ 6 จังหวะทำงานได้อย่างราบรื่นและนุ่มนวล แต่ออกตัวอาจมีการรอรอบเล็กน้อยตามธรรมชาติของม้าติดเทอร์โบครับ แต่พอรอบได้ก็เหมือนปล่อยม้าพยศกล้ามใหญ่ออกมาทั้งฝูงเล่นเอาฉุดกันไม่อยู่
-
พวงมาลัย เป็นแบบ Servotronic ซึ่งจะแปรผันตามความเร็วของรถ แต่น้ำหนักที่ให้ในความเร็วต่ำก็กำลังดีสำหรับผู้ชาย แต่ถ้าเป็นผู้หญิงร่างเล็กก็อาจจะรู้สึกว่ามันหนักไป แต่เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้นผมกลับรู้สึกว่ามันเบาๆ ยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็ไม่ถึงกับน่าเป็นห่วง รู้สึกเบาลงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมันผิดกับระบบที่บอกว่ายิ่งเร็วยิ่งหนัก แต่ผมก็ยังไม่ได้ลองว่าสัก 180-200 มันจะหนักอึ้งเลยหรือไม่ ใครเคยลองถึงความเร็วขนาดนั้นช่วยแจ้งด้วยนะครับ
ส่วนช่วงล่าง เห็นภายนอกครั้งแรกคิดในใจแบบกระหยิ่มยิ้มย่องว่า ล้อ17 พร้อม Runflat สงสัยต้องเตรียมน้ำแข็งมาประคบก้นแน่คงกระแทกกันน่าดู แต่พอได้ลองจริงๆแบบว่า........ต้องยอมรับว่านิ่ง.....นุ่ม......เงียบ ช่วงล่างรับแรงสะเทือนได้ดีมากและไม่สะท้านมาที่พวงมาลัยรถแต่อย่างใด มีบ้างถ้าหลุมใหญ่ ผมไม่แน่ใจว่าข่าวนี้จริงไหม ได้ยินว่ายาง Runflat ล็อตใหม่ได้ปรับแก้มยางให้นิ่มลงไม่แข็งเหมือนรุ่นเก่า แต่ถ้าไม่บอกผมก็ว่าน่าจะมีส่วนใช่เพราะมันนิ่มขึ้นจริงๆ แต่เทียบกับรถระดับเดียวกัน Benz ของผมกลับกระด้างขึ้นมาทันทีทันใดโดยไม่ทราบสาเหตุ ยาง 225 ก็ทำงานได้อย่างเต็มที่คดเคี้ยวก็ยังไม่มีอาการให้ตกใจ
-
มาวัดความดังของเครื่องกันหน่อย..............มันดังพอกับ Benz E220 CDI เบากว่า 1dB เท่านั้น แต่ลักษณะของเสียงก็คงแล้วแต่คนชอบอ่ะครับ
ผมคงตัดสินอะไรไม่ได้ต้องลองไปฟังกันเองนะครับ สำหรับผม ผมชอบแนวของ Benz มากกว่า
-
และการเก็บเสียงในตัวรถทำได้ดีมากๆ เท่าที่ดูจากค่าที่วัดได้ทำให้ผมแปลกใจว่าตอนที่ผมวัดเจ้า Benz ผมวัดผิดหรือไม่เนื่องจากมันเงียบกว่าทาง
Benz ถึง 8dB ถ้าผมวัดไม่ผิดละก็.......มันเงียบจริงๆนะนี่
-
ต่อไปมาดูการบริโภคน้ำมันกันบ้าง
เนื่องจากได้ขับในระยะหนึ่งบวกกับการได้สอบถามเจ้าของรถ จึงได้คำตอบว่ามันกินน้ำมันอยู่ในช่วง 14-16 กิโลเมตรเมตรต่อลิตรในการใช้งานจริงช่วงความเร็วระหว่าง100-130 ใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง ซึ่งตามที่โรงงานบอกไว้ว่า 1 ถังสามารถวิ่งได้ 1150 กิโลเมตรผมแปลกใจว่าทำไมวิ่งได้น้อยจัง E220 CDI วิ่งได้ 1200-1300 ถึงจะต้องเติมน้ำมัน แต่ผมก็ได้ความกระจ่างว่า ถังน้ำมันของ Benz นั้นมันมากกว่ากันถึง 10 ลิตร ดังนั้นถ้าให้ถังเท่ากันผมก็เดาได้เลยว่ามันก็คงวิ่งได้เท่าๆ กัน สรุปง่ายๆ 1 ถัง วิ่งได้พันกิโล แค่นี้ก็เยี่ยมแล้ว....
-
สรุป..........เครื่องแรงดี ช่วงล่างได้ใจ ลูกเล่นมากมายแต่อยากให้มีมากกว่านี้
เครื่องยนต์คงไม่ต้องพูดถึงนะครับดีเซลเครื่องเล็ก แต่อัตราเร่งใกล้เคียง เบนซินเครื่องใหญ่แต่กินน้ำมันเท่าเบนซินเครื่องเล็ก ช่วงล่างก็ดี ลูกเล่นมากมาย i-drive ใช้ง่ายกว่าเดิม เกียร์ก็ลื่นไหล แต่ถ้าไม่มายด์เรื่องรถใหญ่ 320D น่าจะดีกว่า......เพราะอัตราการกินน้ำมันดีกว่า เนื่องจากรถมีน้ำหนักเบากว่า ลูกเล่นได้จอใหญ่ แถมด้วยดู TV ได้อีกด้วย ราคาก็ย่อมเยาว์กว่า แต่ถ้าอยากได้รถใหญ่ ครอบครัวสุขสันต์ 520D คันนี้ก็เป็นคำตอบได้ครับ :)
-
Special thank
ขอขอบคุณ tommemov พี่ชายที่แสนดีที่ให้ยืมรถให้เราได้มาลองกัน และขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชม ผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้ด้วย
ขอบคุณครับ
คันหน้าจะเป็นรถอะไรจะแจ้งอีกครั้งนะครับ...........
-
;)
Review ครั้งก่อนนะครับ
-E220 CDI Avantgarde
http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=463:sirisakac118&catid=90:users-voice-&Itemid=55
-
ถามก่อนเลยละกัน
คือว่าอยากทราบว่าใช้กล่องของอะไรถ่ายอ่ะครับ
-
กด F5 ตามอ่านมาตั้งแต่ตั้งกระทู้เลยครับ
ชอบมากๆๆๆ ยังถ่ายรูปสวยเหมือนเดิมจริงๆเลยครับ
:D
-
ขอบคุณครับ
รีวิวไม่แพ้เฮียจิมเลยอะ
-
แจ่มเลยครับ
ไม่ยาวมากแต่กระชับและเข้าใจง่าย
ถ่ายรูปก็สวย ใช้เลนส์ไวด์ด้วยใช่มั้ยครับ??
เป็นกำลังใจให้ต่อไปครับ แล้วจะรอชมคันหน้านะครับ
-
ขอบคุณคะ รีวิวเก่งจังเลยนะคะ รูปสวยด้วย
-
อีกสักพักกระทู้รีวิวของคุณได้อยู่หน้า 1 เว็บเราแน่ครับ เนื้อหามีเยอะ รูปถ่ายสวยทำให้น่าอ่าน
ขอบคุณครับสำหรับการแบ่งปันความรู้ดีๆแบบนี้
-
ขออนุญาต เจ้าของกระทู้นะครับ
เจ้าของกระทู้ใช้กล้อง canon 5D ราคาก่อน mk-II เปิดตัวสามารถหาได้ 65000 บาทโดยประมาณ
ภาพที่เห็นจึงดูกว้างๆ เพราะเป้นกล้องฟูลเฟรม พูดแบบง่ายๆครับ
สันนิษฐานว่าใช้เลนส์ 17-40L
ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัยด้วยครับ ;)
-
รีวิวแจ๋มมากคับ
อยากรู้ว่ามันดิฟได้ไหมคับ^^
-
^
^
^
กำลังจะเข้ามาตอบพอดีเลย
ถูกต้องนะคร้าบ แล้วบางรูปใช้ 24-105 และ Tamron 90 macroด้วยครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ต้องขออภัยจากใจที่ต้องให้รอตั่งแต่เช้า รู้แล้วว่าพี่JIMMYกว่าจะทำเสร็จแต่ละReviewมันใช้เวลาแค่ไหน
ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งนะครับ แล้วจะทำคันต่อๆไปให้ดีขึ้นกว่านี้อีกครับ :D
-
ภาพสวยมากๆๆ ครับ
อ่านเพลินเลย เยี่ยมจริงๆๆ ครับ :)
-
ac118
-
ดูรถยังใหม่มากๆเลยนะครับ สวยครับ
-
รถยังใหม่อยู่เลย
สงสัยได้มาปุ๊บ ก็จัดทำรีวิวเลยแน่ๆ
ขอบคุณที่มาแบ่งปันข้อมูลดีๆให้อ่านกัน
ว่าแต่ มีโครงการจะออก Hyundai H-1 อยู่หรอคับ
-
เติมน้ำมัน1 ถัง น่าจะอยู่ที่ประมาณ สองพันกว่าบาท
น้ำมัน1ถัง วิ่งได้ 1150 km
น่าจะอยู่ที่ประมาณกิโลละสองบาท
อะไรมันจะบร๊ะเจ้าขนาดนี้!!!
-
ขอบคุณมากเลยครับ รีวิวอ่านสนุกดีครับ
ชอบมากเลยครับรุ่นนี้ อิอิ
เคยไปลองนั่งดูกระชับตัวมากๆเลยครับ
-
ถ่ายรูปสวยมากๆ อ่านง่าย สบายตา เข้าใจง่าย
-
น้องเอ้ย..ถ่ายรูปสวยกว่าพี่อย่างบานตะเกียง!
ท็อปสปีด เจ้าเครื่องรุ่นนี้ บอกได้ว่า ขนาดมันวางใน 320d
แม้โรงงานเคลมไว้ 220 หน่อยๆ แต่เข็มวัดมันจะพาทะลุขึ้นไปเกินกว่านั้นแน่
แต่เกินกว่าเท่าไหร่ ยังมิได้ลองจ้ะ เพราะ 520d เวอร์ชันใหม่เนี่ย
เคยอยู่ในคิวจะเอามาลองอยู่เหมือนกัน หลังจากที่เคยลอง เวอร์ชันเก่าไปแล้ว
(คิดไว้แล้วด้วยว่าจะใช้โลเกชันเดิม ถ้าเป็นไปได้ เหอๆๆ)
-
รูปสวย บทความอ่านงาน
ชอบครับ
-
แพน
เอาเข้า ไปอยู่ใน Waiting List ของเราเลยนะ สำหรับคอลัมน์ User's VOICE หนะ
-
รีวิวเหมือนมืออาชีพเลยครับ
ปรบมือให้ครับ
-
รูปสวยมากครับ คุณจิมมี่ฝีมือถ่ายรูปก็เก่งแล้วครับอยู่ที่กล้องแต่ละตัวลิมิตมันต่างกัน
-
ชอบมากครับ
ทั้งรถ ทั้ง รีวิว ทั้งรูป
เออ....
มีคำถามครับ
นอกจาก 520d แล้ว มี 530d ในเมืองไทยด้วยรึเปล่าครับ
วันก่อนเห็นบนถนนแถววังน้อย
แซงผมที่ความเร็ว 150 กม./ชม. ไปอย่างนิ่มๆ
แล้วราคาประมาณเท่าไหร่
นอกจากเครื่องแล้วมีอะไรที่ต่างกันอีก
-
ขอบคุณครับ สำหรับรูปสวยๆ รถสวยๆ เห็นด้านในแล้วเกิดกิเลสมากมายครับ ;D
-
review ได้ดีละเอียดดีครับ กระชับ อ่านเข้าใจง่าย :)
-
ไม่หยุดอ่าน 10 นาที
ขอขอบคุณ หลายชั่วโมง ที่นั่งทำรีวิว
-
:o รูปสวย รถสวย รีวิวก็เยี่ยมมากเลยครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ ชอบมาก ๆ ครับ ;D
-
น่าใช้ครับ
-
บ๊ะะะะเจ้าสุดยอดครับ ว่าแต่ค่าสินสอนประมาณเท่าไหร่ครับเนี่ย
-
ระบบแอร์อัตโนมัติ แยกซ้ายขวา ตามใจชอบและปรับได้ละเอียดมากๆ เมื่อปรับใน i-Drive
ระบบความบันเทิงในตัวรถ
เครื่องเล่น CD สามารถใส่ถึง 6 แผ่น แต่ไม่สามารถเล่น DVD ได้
ส่วนเรื่องระบบเสียงเป็นแบบ BMW Business ผมว่าไม่ผ่านสำหรับรถระดับนี้ครับ Bass แห้งๆ ไม่ค่อยมีน้ำหนัก แหลมพอใช้ได้แต่ก็ไม่ถึงกับสดใส
ถ้าเทียบกับรถระดับเดียวกันผมว่า Benz ดีกว่ามากเลยครับ
และที่ผมแปลกใจหรือว่าผมไม่ค่อยได้ขับ BMW ก็ไม่ทราบผมพึ่งได้รู้ว่าไม่มีปุ่มปิดเครื่องเสียงเหมือนในรถอื่นทั่วไป มีแต่ปุ่มกดเพื่อปิดเสียงเท่านั้น!!!!
ไม่มีปุ่มปิดเครื่องเสียง ? .... มีแต่ปุ่ม mute แทนหรือ ?
แปลก ... เพราะบีเอ็มที่เราขับอยู่ก็มีปุ่มปิดเครื่องเสียงนะ .... คันนี้ก็ไม่น่าที่จะไม่มี ....
-
ภาพ review รถ สวยได้ใจเลยครับ:)
-
รีวิวกระชับดี
ที่สำคัญรูปสวยมากครับ
ยอดเยี่ยมครับ
-
ขออีก ขออีก ;D
รายละเอียดกำลังดี รูปสวย
ทำรีวิวให้อ่านอีกนะครับ :D
-
ขอบคุณมากๆ มารีวิวดีๆให้ได้ชมกันอีกนะครับ :)
-
รีวิวละเอียด น่าอ่านดีจังครับ
ต่อไปอยากอ่าน 320d มาก ๆ
-
ยอดเยี่ยม มากๆครับ
เป็นประโยชน์มากเลย เนื่องจากว่า มีโครงการจะซื้อรถใหม่ ในอีก สองเดือน
เเละ 520d ก็เป็นตัวเลือกที่อยู่ในใจครับ ทําให้รู้จักรายละเอียด เล็กๆน้อยๆ ที่น่าสนใจครับ
ติดตามมาตั้งเเต่ W211 E220 CDI เเล้ว ครับ ชอบมาก ทั้งการเขียนเเละ การถ่ายภาพ เป็นกําลังใจในการทํารีวิวต่อไปนะครับ
ขอบคุณมากครับ
-
ขอบคุณมากครับ รูปสวยเหมือนเดิมเลย
-
ทำได้ดีมากๆครับ
ทั้งรูปภาพและคำบรรยาย
-
:o รีวิวดีมากครับ ขอบคุณที่ทำมาไห้อ่านกันนะครับ
อยากถามว่าไอ้ i-Drive ในรุ่นนี้เนี่ย เปลี่ยนเป็นแบบจอยาวที่ดูทีวีได้หรือเปล่าครับ (แบบ 320d)
ใครทราบช่วยตอบด้วยนะครับ :) :) :)
-
^
^
^
^
จอสั้นครับและไม่สามารถดู DVD และ TV
-
ชมย้อนหลัง
-
ยืนยันว่ามี "ปุ่มปิดเครื่องเสียง" มันก็ปุ่มที่ จขกท.คิดว่าเป็น mute นั่นแหละ icon มันแสดงเหมือนเป็น mute แต่จริงๆ คือ ปิด ครับ สังเกตจากเวลากดเปิดอีกครั้ง เพลงจะเล่นต่อจากเดิมที่หยุดไว้ หากเป็น mute เพลงต้องเดินไปเรื่อย
-
รีวิวเยี่ยมมากๆครับ
-
คันนี้เราเฮียทอมใช่มั้ย
555 พี่เขยเราเอง โลกกลมอีกแล้ว
-
สุดยอดครับ รถสวย รูปสวยมากๆ
รถในฝันเลย อยากลองขับจัง
-
ปุ่ม mute เครื่องมันก็จะหยุดเพลงเหมือนกัน ครับ
ปุ่มปิดเครื่อง คือ ปุ่มปรับเสียง แต่ปรับให้มันไปทางเบาเสียงสุด มันก็จะปิดครับ
-
ภาพสวยแจ่มเหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนสุดยอดครับ รีวิวก็เนื้อหาดีมากๆๆๆๆๆ
-
สุดยอดครับ ขอบคุณที่รีวิวให้ดูนะครับ
-
ชอบรถรุ่นนี้มากครับ ดูยังไงก็สวย สวยทุกมุมเลย 520D นี่แหละรถในฝันตัวจริง ชอบชอบงะ :)
-
ภาพสวยสุด ๆ เลย ชอบจัง
ว่าแต่ว่า ถ้าคอมพิวเตอร์ของรถมันพังจะทำไง
-
ฝีมือถ่ายรูปแจ๋วมากครับ
ในเรื่องความชัด ขนาดกล้องผม 13 ล้านยังต้องก้มหัวให้เลย
ในเรื่องมุม ผมว่าถ่ายได้มุมดีมากๆ เลยล่ะครับ
แถมรีวิวกระชับดีมากๆ ด้วยครับ เข้าใจง่าย (แต่ข้ามตรง i-Drive เพราะมันเยอะ)
-
ขอบคุณมากๆ นะครับสำหรับความรู้ และ รูปภาพสวยๆ รถในฝันเลยคันนี้ :)
-
ขอบคุณครับ
;D ;D ;D
-
ขอบคุณครับ