Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Amj ที่ กันยายน 08, 2011, 08:31:31
-
ลองอ่านดูตามนี้นะครับ คิดเห็นกันอย่างไรก็แสดงความคิดเห็นกันได้ครับ
เห็นว่านี่น่าจะเป็นข้อสรุปสุดท้ายครับ
ปล. ยังไงก็อย่าลากเข้าการเมืองกันเลยนะครับ
***************************************************
จากเดิมที่เสนอหลักการไปว่า หากกรมสรรพสามิตจะคืนภาษีสรรพสามิตจากรถยนต์ ไม่เกิน 100,000 บาท กรมสรรพากรอาจจะเข้าไปช่วยในส่วนของการให้นำมาหักค่าลดหย่อนประจำปี โดยให้ทะยอยหักปีละ 20 % ของภาษีสรรพสามิตจะกว่าจะครบ เช่น รถ 1 คัน มีภาษีสรรพสามิตซ่อนอยู่ 100,000 บาท ก็ให้หักค่าลดหย่อนได้ปีละ 20,000 บาท เป็นระยะเวลา 5 ปี ทั้งนี้เฉพาะรถ Eco-car และรถกระบะราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท
ล่าสุดหลักการเปลี่ยนแล้วครับ เป็นดังนี้
1. ขยายเงื่อนไขประเภทรถยนต์ให้กว้างขึ้น โดยให้สิทธิสำหรับรถทุกประเภทราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท
2. ได้คืนภาษีสรรพสามิตไม่เกิน 100,000 บาท (จากราคาขายของรถหน้าโรงงาน เช่น รถราคา 1,000,000 บาท มีภาษีสรรพสามิตซ่อนอยู่ 100,000 บาท กรมสรรพสามิตจะดำเนินการคืนภาษีให้ในลักษณะคูปองเงินสดหรือเช็ค โดยทะยอยจ่ายเป็นระยะเวลา 3 ปีเท่าๆกัน)
3. ต้องมีการซื้อ ก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ส่วนจะมีผลเริ่มใช้บังคับเมื่อใด ต้องรอมติครม.ก่อน คาดว่าจะนำเข้าที่ประชุมครม.ในวันที่ 13 กันยายน 2554 นี้
4. ผู้ซื้อรถยนต์คันแรก ต้องถือกรรมสิทธิ์ไม่น้อยกว่า 5 ปี (ห้ามขายต่อภายใน 5 ปีหลักจากซื้อรถ) ถ้าขายก่อนระยะเวลาที่กำหนด จะยกเลิกสิทธิการคืนเงินภาษีทันที
5. รายละเอียดและเงื่อนไขอื่นๆ เช่น กรณีซื้อสด หรือผ่อน อยู่ระหว่างพิจารนา แต่คาดว่าจะได้ cover ทุกกรณี
ระหว่างนี้ คงต้องรอมติครม.ที่จะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการภายในสัปดาห์หน้านะครับ (13 กย.54)
-
จัดเลย ใช้ชื่อน้องชายซื้อรถให้แม่ครับ ;)
-
แล้วคนที่มีสิทธิ์ได้รับมาตรการนี้ไม่ต้องเสียภาษีอะไรให้รัฐด้วยหรอครับ
-
Prius อด - -'
-
รถคันแรกของผมเป็นรถมือสอง
แล้วตามหลักเกณฑ์นี้ ถ้าผมถอยมือหนึ่งป้ายแดงปีหน้า ผมจะได้รับสิทธิ์นี้ด้วยไม๊เนี่ย? ::)
-
สวมสิทธิ์กัน มัน สะหยด แน่...
เรื่องซิกแซก เราไม่แพ้ใคร ;D
-
อะไร จะสั้นขนาดนั้น ไม่กี่เดือน แล้วต้องซื้อสดอีก กรรม >:(
-
คนออกรถใหม่ป้ายแดง(มีตังค์)เฮลั่นนนนนน...
-
ความฝันตั้งแต่เด็กจะมีรถขับให้แม่นั่งสักวันกำลังจะเป็นจริงแล้ว เฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ต้องไปรบกวนญาติให้เกรงใจเวลาไปเชงเม้งแล้ว T_________T
-
อะไร จะสั้นขนาดนั้น ไม่กี่เดือน แล้วต้องซื้อสดอีก กรรม >:(
ได้ทั้งสดทั้งผ่อนนะครับนโยบายนี่้ ปัญหาอยู่ที่ว่า ถ้าซื้อผ่อนเค้าจะเอาส่วนลดที่จะได้คืนนำไปคิดดอกเบี้ยด้วยรึเปล่า รอเค้าสรุปอีกทีลุ้นๆๆๆๆ
-
ผมสงสัยว่าเงื่อนไขที่ชื่อคนซื้อต้องต้องเป็นผู้อยู่ในระบบภาษียังเหมือนเดิมอยู่รึเปล่า
-
ดูไปก้ไร้สาระไปหน่อยนะ แค่นี้รถก้เต็มถนนแล้ว เอาเงินภาษีส่วนนี้ไปทำเรื่องระบบขนส่งมวลชลหรืออย่างอื่นที่มันเป็นประโยชน์กว่านี้ไม่ดีกว่าหรอ
-
ทำงานมา 3 ปีกว่า ออกรถเงินสด เกือบ 700,000 บาท(ด้วยเงินเก็บ+ผ่อนเเม่) เมื่อต้นปี 2554
รายได้ไม่เคยโดนหักภาษีเลย มีประกันชีวิตลดหย่อนอีก 1 กรมธรรม์
ถ้านโยบายนี้มาจริง ผมจะได้อะไร ?
เเละคนที่ลำบากกว่าผมจะได้รับประโยชน์เหมือนกันมั้ย?
-
นโยบายนี้นะ ถ้าเขาจะยังดึงดันทำให้ได้ ก็ถือว่าเป็นสิทธิของเขา เพราะเราคงทำอะไรไม่ได้
แต่ขอรอดูผลลัพธ์แล้วกัน มัน มวจค แล้ว
-
ผมว่าสมมติว่ากฏหมายผ่าน ก็คงได้ไม่ถึงแสน
น่าจะได้แค่ 10 % ของราคารถ ซื้อ 1 ล้าน ได้ 1แสน ซื้อ3 แสน ได้ 1 แสน เห็นมั้ยว่ามันเป็นไปไม่ได้
ถ้าเป็นเช่นนี้ก็คงผ่านง่ายๆ เพราะที่ลดให้ก็ไม่ต่างอะไรกับลดการตัดราคา vat ออกไป
แค่สร้างภาพ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย เพราะได้แค่คนซื้อรถคันแรก ไม่ใช่คันที่ 2 3 และยังเป็นนโยบายระยะสั้นๆอีก เฮ้อ.....อ่ะน่ะ
-
งานนี้คน รวย เจ้าของเต้๊นส์รถมือสอง หาคนสวมสิทธิ์ ซื้อกระจาย
-
นับว่าประสบผลสำเร็จในระดับนึง ด้านการเป็นข่าว talk of the town ตีปี๊บให้ดังๆเข้าไว้ ทำได้ไม่ได้ ดีไม่ดี ระยะสั้นระยะยาวเป็นยังไงก็ค่อยว่ากัน ตอนนี้ขอเป็นกระแสก่อน
-
งานนี้ คนจน คนรากหญ้า ไม่เกี๋ยวนะครับเฉพาะ พนักงานมีรายได้แน่นอน คนหาเช้ากินค่ำไม่มีเงินเดือนแน่นอน มีแต่บุคแบงค์ อดครับ ( รวมตัวผมด้วยหะๆ)
ผมว่ามันนโยบายมันผิดๆนะครับ อยากให้คน เืมืองใช้ ระบบขนส่ง จะลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า เป็น 20 บาท ทุกเส้น แต่ มาเน้นให้คนมีรถคันแรกมันขัดๆกันนะครับ
ผมว่าถ้าอยากช่วยให้คนรากหญ้าหรือ คนจน ได้ใช้รถในเชิงพาณิชย์ ( ไม่ใช่ไ้ว้ดูโก้ เหมือนคนอื่น ) ผมว่า ให้ ธกส เป็นคนจัดการเรื่องปล่อยกู้ซื้อรถจะดีกว่าไหมครับ เพราะ เข้าถึงคนรากหญ้าได้ง่ายกว่า และ ประเมินศักยภาพได้มากกว่า และให้ผ่อนไปเลยสิบปี สิบห้าปี เพราะ รถเชิงพาณิชย์ อยู่ไหวแน่นอน ( คงไม่มีใคร ออกแจส ไว้ส่ง ผลไม้ เป็นตันๆ เข้ากรุงเทพนะ )
ส่วนพวกพนักงานประจำ หรือ คนมี รายได้อยู่แล้ว ผมว่าไม่ควรได้ ข้อนี้ครับ เพราะ คนที่ลำบากกว่าเรา และ ต้องใช้รถหากิน มีอีกเยอะครับ
ความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับ การเมืองครับ
-
เหอะๆๆ
ลูกๆหลานที่สามารถซื้อรถได้
คงจะมีชื่อเป็นเจ้าของรถกันเพียบ (ก็แค่ชื่อ เค้าคงไม่ให้เอามาขับ 555+)
"ประเทศชาติจะเป็นยังไงน้ออ ปลูกฝังค่านิยม วัตถุนิยม"
มีรถ ก็เหมือนมีลูก อีกคน "ถ้าไม่ได้ใช้มันทำงาน ก็เหมือนเอามันมาใช้เงินเรา" อิอิ
-
รอดูต่อไปครับ
งานนี้คนที่จะได้ประโยชน์ มันมีน้อยเหลือเกิน
-
ดูไปก้ไร้สาระไปหน่อยนะ แค่นี้รถก้เต็มถนนแล้ว เอาเงินภาษีส่วนนี้ไปทำเรื่องระบบขนส่งมวลชลหรืออย่างอื่นที่มันเป็นประโยชน์กว่านี้ไม่ดีกว่าหรอ
นั่นมันในกรุงเทพ คนที่เขาจำเป็นต้องใช้รถ อยู่ต่างจังหวัดก็มีเยอะครับ
-
ผมว่าสมมติว่ากฏหมายผ่าน ก็คงได้ไม่ถึงแสน
น่าจะได้แค่ 10 % ของราคารถ ซื้อ 1 ล้าน ได้ 1แสน ซื้อ3 แสน ได้ 1 แสน เห็นมั้ยว่ามันเป็นไปไม่ได้
ถ้าเป็นเช่นนี้ก็คงผ่านง่ายๆ เพราะที่ลดให้ก็ไม่ต่างอะไรกับลดการตัดราคา vat ออกไป
แค่สร้างภาพ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย เพราะได้แค่คนซื้อรถคันแรก ไม่ใช่คันที่ 2 3 และยังเป็นนโยบายระยะสั้นๆอีก เฮ้อ.....อ่ะน่ะ
ผมก็คิดยย่างงั้นเหมือนกันครับ คงลดไม่ถึง 1 แสนเต็มๆ หลอกมั่ง มันคงขึ้นอยู่กับราคารถด้วย เพราะ ที่เขียนไว้ บอกว่า ไม่เกิน 1แสน น่าจะจากราคารถ - 10% อย่างท่านว่าหละครับในความคิดผม
-
ดูไปก้ไร้สาระไปหน่อยนะ แค่นี้รถก้เต็มถนนแล้ว เอาเงินภาษีส่วนนี้ไปทำเรื่องระบบขนส่งมวลชลหรืออย่างอื่นที่มันเป็นประโยชน์กว่านี้ไม่ดีกว่าหรอ
นั่นมันในกรุงเทพ คนที่เขาจำเป็นต้องใช้รถ อยู่ต่างจังหวัดก็มีเยอะครับ
+1 คับ
ต้องคิดให้กว้างคับเรื่องแบบนี้ จะยึดที่กรุงเทพอย่างเดียวไม่ได้คับ ต่างจังหวัดคนที่ไม่มีรถใช้ก็เยอะนะ
-
เข้ามาอ่านกระทู้เรื่องนี้แล้วเพลียทุกที 555
-
งานนี้คน รวย เจ้าของเต้๊นส์รถมือสอง หาคนสวมสิทธิ์ ซื้อกระจาย
เขาเลยต้องห้ามขายในระยะเวลา 5 ปี แล้วไม่ได้คืนเป็นก้อนทีเดียวไงครับ
ผมว่าก็แฟร์ดี ถ้าควบคุมได้
-
คือถ้ารัฐบาลจริงใจ น่าจะทำเป็นโยบายระยะยาวมากกว่าครับ
นอกนั้นโอเค ไม่มีปัญหาอะไร ผมคิดว่าเหมาะสมครับ
-
ดูไปก้ไร้สาระไปหน่อยนะ แค่นี้รถก้เต็มถนนแล้ว เอาเงินภาษีส่วนนี้ไปทำเรื่องระบบขนส่งมวลชลหรืออย่างอื่นที่มันเป็นประโยชน์กว่านี้ไม่ดีกว่าหรอ
นั่นมันในกรุงเทพ คนที่เขาจำเป็นต้องใช้รถ อยู่ต่างจังหวัดก็มีเยอะครับ
+1 คับ
ต้องคิดให้กว้างคับเรื่องแบบนี้ จะยึดที่กรุงเทพอย่างเดียวไม่ได้คับ ต่างจังหวัดคนที่ไม่มีรถใช้ก็เยอะนะ
ถ้าอย่างนั้นก้ให้เฉพาะรถกระบะ หรือบังคับจดทะเบียนต่างจังหวัดดีกว่าครับ ในกทม.รถเยอะจะแย่แ้ล้ว
แต่ถ้ามีจริง ผมก้จะซื้อนะ ไม่ได้อยากได้ส่วนลด แต่อยากให้รัฐบาลรู้ว่านโยบายของคุณมันมีผลเสียอะไรบ้าง
เหมือนตอนลดเบนซินอะ เติมเข้าไปเยอะๆจนรัฐบาลต้องเพิ่มส่วนต่างเบนซินกับโซฮอล ;D
-
ทำไมถึงไปคิดว่า รถในกทม.เยอะแล้ว ไม่อยากให้คนอื่นซื้อรถ กลัวตัวเองเจอรถติดมากกว่าเดิม ล่ะครับ??
เรื่องนโยบาย ผมไม่มีความเห็นครับ แต่ความเห็นที่อยากให้คนใช้รถน้อยๆตัวเองจะได้ใช้รถสบาย ผมว่ามันไม่เหมาะสมครับ ใจกว้างๆกันหน่อยเถอะครับ คนนั่งรถเมล์เขาก็ร้อน ถ้ามีโอกาส เขาจะขับรถนั่งสบายๆในรถตัวเองบ้าง ทำไมคนที่มีเงินซื้ัอรถอยู่แล้ว ต้องไปกีดกันคนกลุ่มนี้กันล่ะครับ
คนไทยด้วยกัน สามัคคีกันไว้ดีกว่าครับ ^^
-
ทำไมนะ คนไทยถึงชอบด่า..ชอบตำหนิคนอื่นอยู่ร่ำไป ทำไมเราชอบมองสิ่งต่างๆนอกตัวเราเป็นตัวแปรซะหมด
ทำไมเราไม่ให้ตัวเราเป็นตัวแปรซะเองล่ะ...
อย่างน้อยเอาเฉพาะกลุ่ม ชนชนใน HLM เรานี่ล่ะ.. วิถีแห่ลความพอดี..เดินทางสายกลาง
เราซื้อได้..โดยไม่เดือดร้อนตัวเอง ไม่เดือดร้อนคนอื่นและสำนึกถึงความรับผิดชอบ ไม่โลภมาก
ส่วนนโยบายมันก็เป็นแค่สิ่งสมมติขึ้นมาทั้งนั้น เราแน่ใจหรือครับว่ามันจะทำให้คุณภาพชีวิตเราดีขึ้นจริง หากเราฟุ่มเฟือย
ไม่เชื่อ...คุณลองดูสิครับ ว่าชนกลุ่มไหนเป็นหนี้มากที่สุดและทำให้เกิดหนี้เสียมากที่สุด
กลุ่มที่มีความรู้ มีเงินเดือน มีรถหรูๆ มีบ้านสวยๆ กลุ่มข้าราชการ หรือว่ากลุ่มเกษตรกร ?
สำหรับนโยบายนี้ผมคิดอย่างนี้ครับ
ข้อดี..
1. ให้โอกาสคนที่อยากมีรถคันแรกด้วยน้ำพักน้ำแรง บรรเทาความเดือดร้อนระดับหนึ่ง
2. ยอดการผลิตรถเพิ่มขึ้น การจ้างงานเพิ่มขึ้น การแข่งขันทางเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น โอกาสที่จะได้รถดีๆก็มีมากขึ้น
3. วงจรการใช้รถเร็วขึ้น (รถเก่าๆ เศษเหล็ก จะน้อยลง)
ข้อเสีย
1. ปริมาณรถในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดรถติดมากขึ้น มลภาวะเพิ่มขึ้น
2. วิกฤติพลังงาน
3. เกิดหนี้ในระบบเพิ่มมากขึ้น อาจส่งผลใก้เกิดหนี้เสีย
ทีนี้ลองมาดูกันว่า เราจะหาทางออกหรือจัดการกับข้อเสียได้อย่างไร
1. วิศกรรมการจราจรและการจัดการ
2. Flex. Fule or Eco car
3. ดอกเบี้ยต่ำ-เงินดาวส์สูง , ดอกเบี้ยสูงมาก-เงินดาวส์ต่ำ พูดง่ายๆคือคนที่จะซื้อรถจะต้องรู้จักออมว่างั้นเหอะ
ไม่ต้องจำกัดเวลาว่าจะต้องถอยรถช่วงปี 55 หรอก... ถึงปี 60 เลย
ทุกปัญหามีทางออกครับ
สำคัญคือ การเปิดรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นก่อน
เราเอง.. ก็ต้องแสดงความคิดเห็นในทางสร้างสรรค์ ดีกว่าแสดงความคิดเพื่อทำลายยยยยยยยยย
:D :D
-
ความเห็นผมนะ
1. คนต่างจังหวัดที่ระบบขนส่งมวลชนไม่ดีเท่ากทม.ปัจจุบัน บ้านอยู่กระจัดกระจาย รถเมล์ไม่มี สองแถวไม่สะดวก รถไฟฟ้าไม่มี ฯลฯ จะได้ประโยชน์ในแง่ความสะดวกในการใช้ชีวิตและประกอบอาชีพครับ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรใช้ขนสินค้า พนักงาน ข้าราชการ อาชีพส่วนตัว ที่ต้องเดินทางไปทำงานไกลๆ ถ้ากลัวรถจะล้นถนนก็จำกัดเฉพาะทะเบียนตจว.ก็ได้ แต่ก็ไม่ค่อยดีในแง่ความยุติธรรม ทุกคนในทุกจังหวัดควรจะได้รับสิทธินี้อย่างเท่าเทียมกันโดยหลักการ
2. ผมไม่อยู่ข้างที่อคติต่อ "วัตถุนิยม" แต่ผมเชื่อใน ทุนนิยม เสรีนิยม และบริโภคนิยม บนพื้นฐานที่ว่าเชื่อในวิจารณญาณและการตัดสินใจของแต่ละคนที่มีเงื่อนไขในชีวิตไม่เหมือนกัน ในความเห็นผมวัตถุนิยมเป็นเรื่องธรรมดาและไม่ใช่เรื่องเสียหาย
3. นโยบายนี้น่าจะกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ดีระดับหนึ่ง เพิ่มยอดผลิตและยอดขายรถยนต์ได้ ทำให้คนสามารถเลือกที่จะใช้รถในวันไหนหรือเลือกไม่ใช้รถในวันไหนได้มากขึ้น หากกังวลเรื่องจราจรติดขัด หลายคนจะสะดวกในการใช้ชีวิตมากขึ้นบ้างขณะที่ในการไปทำงานอาจเลือกใช้ระบบขนส่งมวลชนที่มีอยู่ได้ ตจว.ที่ระบบขนส่งมวลชนยังไม่ดีหรือแทบไม่มีก็คงไม่มีปัญหาถึงขนาดจราจรรถติดเป็นตังเมเหมือนในกทม.
4. ตอนนี้ยังคงรอดูรายละเอียดว่าจะรัดกุมแค่ไหนในเรื่องสวมสิทธิ์และวิธีการคืนเงินให้ ที่จำต้องได้จริงๆมีอิมแพ็คพอสมควร และมาตรการรองรับอื่นๆที่จะตามมาจากนโยบายนี้
-
ทำไมถึงไปคิดว่า รถในกทม.เยอะแล้ว ไม่อยากให้คนอื่นซื้อรถ กลัวตัวเองเจอรถติดมากกว่าเดิม ล่ะครับ??
เรื่องนโยบาย ผมไม่มีความเห็นครับ แต่ความเห็นที่อยากให้คนใช้รถน้อยๆตัวเองจะได้ใช้รถสบาย ผมว่ามันไม่เหมาะสมครับ ใจกว้างๆกันหน่อยเถอะครับ คนนั่งรถเมล์เขาก็ร้อน ถ้ามีโอกาส เขาจะขับรถนั่งสบายๆในรถตัวเองบ้าง ทำไมคนที่มีเงินซื้ัอรถอยู่แล้ว ต้องไปกีดกันคนกลุ่มนี้กันล่ะครับ
คนไทยด้วยกัน สามัคคีกันไว้ดีกว่าครับ ^^
ผมกลับมองว่า ราคาของ Eco Car ตัวล่างสุด ก็ถือเป็นการส่งเสริมให้คนมีรถในระดับหนึ่งแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอางบประมาณไปทำนโยบายที่ให้ผลแบบเดียวกันซ้ำซ้อนอีก
อีกอย่าง ผมมองว่าภาษีถูกลดหย่อนไป มันสามารถเอาไปสร้างระบบขนส่งมวลชนเพิ่มเติมได้ ไม่มากก็น้อย อีกอย่าง ถึงจะลดหย่อนภาษี แต่คนที่มีปัญญามีรถจริงๆ ก็ยังไม่เยอะอยู่ดี รถคันละ 400000 ต้องดาวน์สัก 100000 แล้วผ่อนเดือนละ 5000-6000 แน่ๆ ก็แสดงว่าคนที่จะซื้อรถได้ ต้องมีรายได้เดือนละ 12000-13000 ขึ้นไป ไม่งั้นไม่มีปัญญาผ่อนแน่ ซึ่งคนที่มีรายได้ขนาดนี้ มันก็ไม่ได้จนอะไรมากมาย และก็ไม่ได้มีจำนวนเยอะมากมายด้วยเหมือนกัน
ผมเลยคิดว่า ถ้าเอาภาษีส่วนที่ลดหย่อน ไปพัฒนาขนส่งมวลชน มันน่าจะตอบโจทย์ในระยะยาวอยู่ดี
ส่วนเรื่องจะรถติด หรือไม่ติด มันไม่เกี่ยวเท่าไหร่ เพราะคนทีจำเป็นต้องใช้รถ ก็ต้องซื้อรถอยู่ดี จะเป็นมือหนึ่ง มือสองก็ว่าไป
การสกัดการเพิ่มจำนวนรถที่ดี ไม่ใช่การเพิ่มราคารถหรืออะไรแบบนั้นหรอก ผมว่าน่าจะออกกฎหมายให้การสอบใบขับขี่ เข้มงวดกว่านี้จะดีกว่าด้วย จะได้ไม่มีพวกที่ไม่เคยเห็นหนังสือคู่มือจราจร อยู่บนถนนเพิ่มขึ้น