Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: IncarRus ที่ กันยายน 30, 2011, 08:17:41
-
หลังจาก,,, รัฐบาลยืนยันนโยบาย ตามข้อกำหนดเดิม
เมื่อวานนี้,,, 29/9/54
ผู้บริการฟอร์ด,,, ขอเข้าพบนายก
ทาทา,,, เตรียมร้องกับทูตการค้าเสรีแล้ว
ยกระดับ,,, เป็นปัญหาระดับโลกแล้วครับ พี่น้อง (http://i658.photobucket.com/albums/uu306/IncarRus/75.gif)
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/auto-mobile/auto-mobile/20110930/411753/%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%97.html (http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/auto-mobile/auto-mobile/20110930/411753/%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%97.html)
-
บอกได้เลยว่า รัฐไม่มีเกณฑ์ อะไรมาเป็นหลักหรือข้ออ้างได้เลย
จะเรื่องพลังงานทางเลือกก็ไม่ใช่ เพราะมี 1.5 และ กระบะ
จะว่าผลิตในประเทศ อันนี้พูดได้ไม่เต็มปากเหมือนรถแบนด์ประเทศ
-
ยกเลิกไปเลยดีมั้ย ปัญหาเยอะเหลือเกิน
แทนที่จะเอาเวลาไปพฒนาขนส่งมวลชนให้ดีๆ ต้องมานั่งแก้ปัญหาที่เกิดจากนโยบายตัวเอง เฮ้ออ
-
ไม่รู้จะพูดยังไงดีเหมือนกันกับนโยบายสุกเอาเผากินแบบนี้
-
ผมว่าเลิกๆไปเถอะ แล้วเอาภาษีไปช่วยชาวบ้านที่โดนน้ำท่วม น่าจะได้ใจคนไทยมากกว่านะ
-
แทนที่จะเอาเวลาไปพฒนาขนส่งมวลชนให้ดีๆ
ใช่ครับ เอาเงินที่มีไปกำจัดพวกขับรถเมล์แบบเลวๆ
กับสนับสนุนการเล่นงานพวกจอดขวางรถเมล์ดีกว่า
-
กำหนดนโยบาย เหมือนของเล่น พูดไปก่อน ดีไม่ดีค่อยคิดทีหลัง
-
ดูข่าวเมื่อเช้าก่อนมาทำงาน ทาทา เอาจริงเหมือนกันนะครับ
นี่ถ้าร่วมมือกันหลายๆค่ายที่เสียประโยชน์ อาจทำให้งานเข้ากันยกใหญ่เลยแหละครับ
-
ผมกลับเฉยๆ กับปฏิกิริยาของรถทั้ง 2 ยี่ห้อนี้นะ คือเหมือนขี้แพ้ชวนตีมากกว่าจะเรียกร้องตามเหตุผล
ขยายความจุขึ้นมาเป็น 1,600 CC คิดหรือว่าคนจะซื้อ Ford ในเมื่อ Altis น่าสนใจกว่า แถมมี CNG ให้เลือกอีก แล้วจะมีใครต่อว่าอีกไหม ว่าเอื้อให้กับ Toyota ?
ส่วน Tata จะเรียกร้องเรื่องการประกอบในไทย แปลกหรือครับที่นโยบายของรัฐบาลประเทศไทย จะส่งเสริมให้เฉพาะรถที่ผลิตในประเทศไทย ถ้ารัฐบาลประเทศไทยแต่ส่งเสริมรถที่ผลิตจากที่อื่น นั่นสิครับประชาชนอย่างเราๆ ค่อยโวย
การกำหนดรถขนาด 1,500 CC หรือต่ำกว่านั่นก็เหมาะสมอยู่แล้ว คือเป็นระดับราคาสำหรับคนเริ่มต้นทำงาน เริ่มต้นมีรถคันแรกจริงๆ แต่ก็ไม่ต้องมีใครมาโวยว่าเอื้อให้กับ 2 ยี่ห้อรายใหญ่ด้วย เพราะสมประโยชน์กันเกือบทุกยี่ห้ออยู่แล้ว จริงๆ ใจผมยังอยากให้สิทธิ์พิเศษเฉพาะรถ Eco Car และ E85 ด้วยซ้ำไป เพื่อเป็นการส่งเสริมนโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อมจริงๆ
-
นโยบายสุกเอาเผากินมากๆ ทำแบบลวกๆ ไม่คิดถึงผลกระทบ เอาเงินที่จะลดไปสร้างbts ไปชานเมือง ปรับรถเมล์ ระบบขนส่งให้มันดีกว่านี้จะดีกว่า เอาเงินไปช่วยคนน้ำท่วม ระบบป้องกันดีกว่ามั๊ย
-
เหมือนขี้แพ้ชวนตี แต่จริงๆแล้วก็ไม่ยุติธรรมกับเขานิครับ
ผมว่าถ้าจะเอาจริงๆนโยบายนี้จริงๆก็เพิ่มเงื่อนไขเข้าไป
เช่นว่า ความจุ CCไม่เกิน 1600 และมิติรถโดยรวมต้องไม่มากไปกว่า??
ในกรณีที่ต้องการให้หยุดแค่ B-Segment
เพราะ ถ้ามองกันจริงๆแล้ว ราคาของ Fiesta มันก้อไม่ได้หนีไปกว่า City
หรือ Vios เท่าไหร่นิครับ?
PS. ผมไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้เรื่องรถ ผิดถูกยังไงโปรดอย่าหวดผมเลยนะครับ :P
-
Ford!
Fiesta เครื่อง 1.4 ก็มี ทำไมถึงหวังเเต่ ยอดขาย 1.6 ละครับ
-
โปรตอนไม่กล้า เพราะตัวเองทำไว้เยอะกว่า ใน มาเลย์ 555
-
เพราะตัว1.6 จะขายไม่ได้ 1ปีนะซิครับ
ถ้าเป็นผมแพงกว่า100,000 ผมก็ไม่เอาเหมือนกันนะ
-
ก่อนทำปรึกษาคนที่เขาอยู่ในวงการรถยนต์บ้างรึเปล่า
แล้วเขาจะมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไว้ทำไร เฮ้อ...
-
นอกจากผู้ผลิตรรถยนต์แล้ว
ผมว่าเดี๋ยวเต๊นท์รถมือสองก็ออกมาประท้วงอีกเจ้าแน่ๆ
เพราะปกติรถ 1500 cc มือสองจะถูกกว่าป้ายแดงประมาณ 1,000,000 บาท บวก/ลบ
นโยบายนี้ออกมา ขาดทุนกันเป็นแถว
-
ถ้าจะเรื่องเยอะ เรื่องมากขนาดนี้ ก็เริ่มอยากจะให้ยกเลิกเหมือนกัน
เพราะแต่แรกก็รู้สึกว่าคนรายได้น้อยจริงๆ ไม่ค่อยจะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้สักเท่าไหร่
ยิ่งนับวัน ปัญหามันก็ไม่หมดซะที :(
-
นโยบาย 1500 cc ผลิตไทย มันทำให้เกิดการแบ่ง ฝ่าย คือ ฝ่ายที่ได้ประโยชน์ กับ ฝ่ายที่เสียประโยชน์ จริงๆ ผมว่า ควรได้ทุกอย่าง แต่ลด ภาษี สรรพสารมิต สูงสุด10 % ดีกว่า คืออะไร ก็แต่ แต่ ลดสูงสุดแค่ 10 เปอร์เซนต์
การยกเลิกนโยบาย ก็ทำไม่ได้อีก เพราะ สัญญา ว่าจะทำ ลองไม่ทำ คราวหน้า สอบตก
-
ผมกลับเฉยๆ กับปฏิกิริยาของรถทั้ง 2 ยี่ห้อนี้นะ คือเหมือนขี้แพ้ชวนตีมากกว่าจะเรียกร้องตามเหตุผล
ขยายความจุขึ้นมาเป็น 1,600 CC คิดหรือว่าคนจะซื้อ Ford ในเมื่อ Altis น่าสนใจกว่า แถมมี CNG ให้เลือกอีก แล้วจะมีใครต่อว่าอีกไหม ว่าเอื้อให้กับ Toyota ?
ส่วน Tata จะเรียกร้องเรื่องการประกอบในไทย แปลกหรือครับที่นโยบายของรัฐบาลประเทศไทย จะส่งเสริมให้เฉพาะรถที่ผลิตในประเทศไทย ถ้ารัฐบาลประเทศไทยแต่ส่งเสริมรถที่ผลิตจากที่อื่น นั่นสิครับประชาชนอย่างเราๆ ค่อยโวย
การกำหนดรถขนาด 1,500 CC หรือต่ำกว่านั่นก็เหมาะสมอยู่แล้ว คือเป็นระดับราคาสำหรับคนเริ่มต้นทำงาน เริ่มต้นมีรถคันแรกจริงๆ แต่ก็ไม่ต้องมีใครมาโวยว่าเอื้อให้กับ 2 ยี่ห้อรายใหญ่ด้วย เพราะสมประโยชน์กันเกือบทุกยี่ห้ออยู่แล้ว จริงๆ ใจผมยังอยากให้สิทธิ์พิเศษเฉพาะรถ Eco Car และ E85 ด้วยซ้ำไป เพื่อเป็นการส่งเสริมนโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อมจริงๆ
เห็นด้วยกับความคิดคุณvuthtichai รัฐบาลเองก็ต้องหนักแน่นกว่านี้ไม่ใช่ว่าแกว่งไปแกว่งมาตามเค้าไปหมด เข้าใจว่ารัฐบาลต้องยืดหยุ่น แต่ถ้าไม่เด็ดขาด เชื่อเถอะว่าปัญหาไม่จบง่ายๆแน่ นี่ลองเปนรัฐบาลจีนสิ เรื่องมันจะไม่มาอิหรอบนี้หรอก ไม่ใช่ว่าสนับสนุนคอมมิวนิสต์นะคับ แต่ว่าบางเรื่องเราก็ต้องเด็ดขาดบ้าง เพราะถ้าเช่นนี้ ค่ายนี้ได้ค่ายโน้นก็เอาบ้าง จะเอากลางๆก็ไม่ได้ ถ้าจะเอาหมดก็เรื่องงบประมาณไม่พออีก เฮ้อ เข้าใจคับ ก็ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะคับ
-
ของFordน่าเห็นใจครับ ส่วนของtataผมเห็นด้วยกับรัฐบาลที่ต้องเป็นรถผลิตในประเทศเท่านั้น ถ้าอยากได้ผลประโยชน์จากโครงการก็มาตั้งโรงงานในไทยสิ
โดยสรุปรัฐน่าจะปรับไปเลยว่าเป็น Bsegment ผลิตในประเทศ จะได้แฮ๊ปปี้กันทุกฝ่าย ส่วนTATAช่างเขา ;D
-
เชื่อผมไหมละ ถ้านโยบายนี้ออกมาเมื่อไหร่
คนไทยจะเป็นหนี้มากขึ้น
รัฐบาลสอนให้คนเป็นหนี้ แล้วก็ออกมาช่วยปลดหนี้ทีหลัง
แต่รัฐบาลไม่ได้สอนให้คนไทยรู้จักออมเลยซักนิดเดียว
เพราะนโยบายนี้ จะทำให้คนไทยบางกลุ่มที่ยังไม่พร้อมที่จะมีรถยนต์คันแรก
ต้องดิ้นรนหาเงินมาซื้อรถคันแรกให้ทันภายในสิ้นปีหน้า = เป็นหนี้มากขึ้น และหลังจาก
ที่ซื้อรถได้แล้ว ก็ค่อยมาหาทางปลดหนี้ทีหลัง
ดังนั้นจะโทษใครได้ละในเมื่อรัฐบาล..........(ย้อนไปอ่านย่อหน้าแรกครับ)
-
ส่วน Tata จะเรียกร้องเรื่องการประกอบในไทย แปลกหรือครับที่นโยบายของรัฐบาลประเทศไทย จะส่งเสริมให้เฉพาะรถที่ผลิตในประเทศไทย ถ้ารัฐบาลประเทศไทยแต่ส่งเสริมรถที่ผลิตจากที่อื่น นั่นสิครับประชาชนอย่างเราๆ ค่อยโวย
แปลกครับ,,, เพราะ ประเทศที่เข้าร่วม
สัญญาเขตการค้าเสรี
เค้าไม่ทำกันแบบนี้ครับ (http://www.soccersuck.com/soccer/images/smiles/onion_oh.gif)
-
Ford!
Fiesta เครื่อง 1.4 ก็มี ทำไมถึงหวังเเต่ ยอดขาย 1.6 ละครับ
เพราะ
เห็นแล้วเซงแทน
ผู้ใหญ่ในบ้านเราไม่มีวิสัยทัศน์ด้านอุตาสาหกรรมรถยนต์เอาเสียเลย ทั้งที่ไทยเราเป็นฐานผลิตอันดับต้นๆของโลก
ยอด Fiesta ตกอย่างไม่ต้องสงใส
เพราะ 1.6 คือยอดขาย 70-80%
ฟอร์ดคงต้องมีโปรโมชั่นอะไรออกมางัดเร็วๆนี้แน่
-
เป็นนโยบายที่ฉลาดของ รบ.นี้ครับ ทุนนิยมสุดโต่งเลยทีเดียวเรื่องการลดราคา มันเป็นจิตวิทยาการค้าขายเลยล่ะ ผู้ผลิตจะได้ได้มากกว่าปกติอย่างล้นหลามเนื่องมาจากการลดราคาถึง 100000 บาท ใครที่ปกติแล้ว 50/50 จะมีตังซื้อรถได้หรือไม่ได้ ก็อาจจะต้องทำทุกอย่างซื้อรถตามนโยบายนี้ให้ได้ก่อน ก่อนที่มันอาจจะหมดช่วงไป การกุ้หนี้ยืมสิน ก็จะ บราๆๆๆๆ ..... ผมมองว่าจะมีปัญหาเรื่องหนี้สิน และการยึดรถคืนจะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว...
-
ford มาลงทุนในไทยแล้วก็น่าจะให้เขาหน่อยนะครับ เค้ามาลงทุนในประเทศ สร้างงานและการจ้างแรงงานในประเทศแล้ว เราไม่น่าจะทอดทิ้งเค้านะครับ ต่อไปจะไม่มีใครกล้ามาลงทุนเอานะครับ ใครบอกว่า fiesta 1.6 ยอดขายน้อยกว่า altis 1.6 ผมไม่เถียงครับเรื่องนี้ แต่ผมว่าก็มีคนอีกไม่น้อยที่จะซื้อfiesta 1.6 เหมือนกัน เรื่องนี้ผมว่าน่าจะคุยกันหลายๆฝ่ายนะครับก่อนจะออกนโยบายมาไม่ใช่ออกนโยบายเพื่อ"ทำตามสัญญา"แล้วจะได้บอกในสมัยหน้าว่า"นี่ไงข้าทำตามสัญญาแล้ว" ผมแนะนำให้คุยกันก่อน คนเราคุยดีๆกันก็คุยกันรู้เรื่องครับ หรือไม่ก็ถ้าเป็นปัญหามากก็ "ยกเลิกซะ" แล้วเอาเงินในส่วนนี้ไปพัฒนาขนส่งมวลชนภายในประเทศเช่น รถไฟ ถนน เพราะรถไฟทุกวันนี้ยังล้าหลังมากก ถนนก็เต็มไปด้วยหลุมบ่อเล็กและขยายถนนเพื่อรองรับการขนส่งในอนาคตด้วยนะครับ ;D
-
เรื่องนี้เป็น มหากาพย์ ฟอร์มยักษ์แน่นอน คอยดู เด่ะ นี่ยังไม่รวม เต็นรถมือ2นะเนี่ย จริงๆแล้วก็สงสัยอยู่ว่า...
....แล้วถ้าคนซื้อรถมือ2เป็นรถคันแรกล่ะครับ น่าจะได้สิทธิ์ด้วยหรือเปล่าอยากรู้จริงๆเลย ครับ ใครรู้ช่วยตอบทีนะครับ..ขอบคุณครับ.. :-\
....ส่วนตัวไม่เห็นด้วยเลยนโยบายนี้ 100,000 ทั้งประเทศ มันก็หลายหมื่นล้าน ทำรถไฟความเร็งสูง ยังดีกว่าอีก คนจะได้ใช้บริการ เยอะๆ
....การใช้น้ำมันจะได้ลดลง ลดการขาดดุลการค้าจากการนำเข้าน้ำมัน ได้อีก .... ดีจะตายไปอย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าที่ทำอยู่ตอนนี้..
-
รถมือสอง ผมคิดว่า ไม่น่าเอาเข้านโยบายครับ เพราะมีการต่อรองราคา จะทำให้ราคามันมั่วมากๆ
ส่วนเรื่องนโยบาย ผมคิดว่า รัฐบาลน่าจะมีการศึกษาตลาดรถยนต์ในปัจจุบันให้ละเอียดกว่านี้ จะมายกเลิกนโยบาย คงไม่ทันแล้วครับ โดนด่าแน่ๆ
ผมคิดว่ารัฐบาลกำลังกำหนดขอบเขดรถที่เข้าข่ายคือ รถ Eco car, B-segment, และ รถกระบะ สำหรับคนต่างจังหวัด ถูกใหมครับ
ซึ่งในตลาดรถ B-segment ในปัจจุบัน มีรถบางรุ่นที่เป็นเครื่อง 1.6 เพราะฉะนั้น ก็ควรจะขยายเป็น 1.6 ครับ เพราะรถ B-segment เครื่อง 1.6 ก็ไม่ได้ซดน้ำมันมากกว่า 1.4 หรือ 1.5
การขยายขอบเขตเป็น 1600cc ก็จะทำให้รถ C-segment รุ่นล่างๆ เข้าข่ายไปด้วย ซึ่งส่วนตัว ผมมองว่า มันก็ดูสมเหตุสมผลดี
และอีกอย่าง รถที่เข้าข่าย ควรจะเป็นรถที่ผลิตในประเทศเท่านั้นครับ อันนี้เห็นด้วย เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรฐกิจอีกทางหนึ่งครับ
-
น่าเอามาช่วยมอเตอร์ไซค์ ดีกว่าคนจนทั้งนั้น เพื่อนรถหายผ่อนมา3ปีดอกสุดโหด คันใหม่ผ่อนอีก3ปี รถ 40000กว่า จนไหมละ ใช่มอไซค์ขนของไปขายตามตลาด
มีปัญญาซื้อรถเติมน้ำมันก็ไม่ค่อยจนแล้วละ
ไม่ถูกจุด บ้านเขาใช่รถคันเป็น10ล้านเลยมองรถคันไม่เกินล้านและบ้านไม่เกิน5ล้านเป็นคนจน :'(
สรุปคนจนเมืองไทยคือ มีรถคันละล้านและบ้าน5ล้านคือคนจน ตามเขาบอก
-
มันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เงินสะพัด ให้ประชาชนส่วนมากออกมาจับจ่ายใช้สอย
คนที่จะซื้อต้องคิดแล้วล่ะว่าตนเองพอไหวหรือเปล่า ไม่ใช่เห็นได้ภาษีคืนก็หลับหูหลับตาซื้อ
มันก็คงไม่ใข่ มันอาจจะมีแต่ก็คงเป็นส่วนน้อยที่ซื้อไปแล้วผ่อนไม่ได้ ผ่อนไม่ไหว ผมคิดว่า
เป็นเรื่องที่ดีที่มีการคืนภาษีรถยนตร์คันแรก แต่มันจะไม่ดีสำหรับคนที่เคยซื้อรถมาแล้วเท่านั้น
สำหรับค่ายรถที่ไม่ได้เข้าโครงการคุณต้องกลับไปคิดล่ะว่าที่ผ่านมาคุณทำอะไรให้ประเทศบ้าง
คุณสียภาษีคืนให้รัฐเท่าไหร่แต่ล่ะปี ทำไมฮอนด้า โตโยต้า นิสสัน อีซูสุ ถึงได้รับอานิสงนี้มากกว่า
ค่ายอื่นๆ ลองไปทำการบ้านมา อนาคตไม่แน่อาจมีอีกทีนี้ไม่จำกัดอะไรเลย แค่ราคาไม่เกินล้าน
อย่างเดียวพอ
-
มันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เงินสะพัด ให้ประชาชนส่วนมากออกมาจับจ่ายใช้สอย
คนที่จะซื้อต้องคิดแล้วล่ะว่าตนเองพอไหวหรือเปล่า ไม่ใช่เห็นได้ภาษีคืนก็หลับหูหลับตาซื้อ
มันก็คงไม่ใข่ มันอาจจะมีแต่ก็คงเป็นส่วนน้อยที่ซื้อไปแล้วผ่อนไม่ได้ ผ่อนไม่ไหว ผมคิดว่า
เป็นเรื่องที่ดีที่มีการคืนภาษีรถยนตร์คันแรก แต่มันจะไม่ดีสำหรับคนที่เคยซื้อรถมาแล้วเท่านั้น
สำหรับค่ายรถที่ไม่ได้เข้าโครงการคุณต้องกลับไปคิดล่ะว่าที่ผ่านมาคุณทำอะไรให้ประเทศบ้าง
คุณสียภาษีคืนให้รัฐเท่าไหร่แต่ล่ะปี ทำไมฮอนด้า โตโยต้า นิสสัน อีซูสุ ถึงได้รับอานิสงนี้มากกว่า
ค่ายอื่นๆ ลองไปทำการบ้านมา อนาคตไม่แน่อาจมีอีกทีนี้ไม่จำกัดอะไรเลย แค่ราคาไม่เกินล้าน
อย่างเดียวพอ
ผมคิดว่า
ตอนนี้,,, ตลาดรถยนต์บ้านเรา กำลังโตอย่างที่ความจะเป็นอยู่แล้วครับ
ไม่ได้มีปัญหาอะไร ดังนั้นไม่ต้องการ การกระตุ้นใดๆ ทั้งสิ้น
มาทำแบบนี้ ทำให้โครงสร้างของตลาดบิดเบือน มีการได้เปรียบเสียเปรียบ
ทั้งยังผิดข้อกำหนด "เขตการค้าเสรี" ที่เราได้ไปทำสัญญาไว้
ผมเข้าใจ,,, ประเด็นทำเพื่อชาตินะ แต่ถ้าจะหลับหู หลับตา ทำเพื่อชาติ
แล้วมันขัดกฎหมาย ขัดข้อบังคับ มันก็ไม่ไหวกระมังครับ (http://www.soccersuck.com/soccer/images/smiles/onion_sorry.gif)
-
ในความคิดผม ผมว่าฟอร์ดคงเช็งมากกว่า เพราะเมื่อก่อนมาชวนฟอร์ดลงทุนสร้างโรงงานกี่หมื่นล้าน แต่ตอนนี้ดันมาทำนโยบายหักหลังกัน ผมว่าน่าเกลียดมาก ส่วนคำว่าขี้แพ้ชวนตีนี่ จะใช้กับโตโยต้าที่ไม่เห็นด้วยกับโครงสร้างภาษีใหม่ที่อยู่ระหว่างจัดทำได้ไหมครับ
http://www.manager.co.th/mgrweekly/viewnews.aspx?NewsID=9540000060959 (http://www.manager.co.th/mgrweekly/viewnews.aspx?NewsID=9540000060959)
ส่วนเรื่องขยายเป็นเครื่อง 1.6 แล้วจะซื้ออะไร ผมว่ามันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นของฟอร์ดน่าจะอยู่ที่ความเท่าเทียมกันของนโยบายที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคมากกว่า
ส่วนหลักเกณฑ์ผมคิดว่าแย่นะ กับเงื่อนไขที่ให้คนที่ซื้อต้องอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี ทำไมไม่เป็น 25 ละ อายุ 21 บางคนยังเรียนไม่จบเลย คนที่ทำงานมาแล้ว 2-3 ปี มันจะมองตัวเองออกว่ารายได้ตอนนี้ รายได้ในอนาคต(กรณีจัดไฟแนนซ์) ไหวไหม
-
มันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เงินสะพัด ให้ประชาชนส่วนมากออกมาจับจ่ายใช้สอย
คนที่จะซื้อต้องคิดแล้วล่ะว่าตนเองพอไหวหรือเปล่า ไม่ใช่เห็นได้ภาษีคืนก็หลับหูหลับตาซื้อ
มันก็คงไม่ใข่ มันอาจจะมีแต่ก็คงเป็นส่วนน้อยที่ซื้อไปแล้วผ่อนไม่ได้ ผ่อนไม่ไหว ผมคิดว่า
เป็นเรื่องที่ดีที่มีการคืนภาษีรถยนตร์คันแรก แต่มันจะไม่ดีสำหรับคนที่เคยซื้อรถมาแล้วเท่านั้น
สำหรับค่ายรถที่ไม่ได้เข้าโครงการคุณต้องกลับไปคิดล่ะว่าที่ผ่านมาคุณทำอะไรให้ประเทศบ้าง
คุณสียภาษีคืนให้รัฐเท่าไหร่แต่ล่ะปี ทำไมฮอนด้า โตโยต้า นิสสัน อีซูสุ ถึงได้รับอานิสงนี้มากกว่า
ค่ายอื่นๆ ลองไปทำการบ้านมา อนาคตไม่แน่อาจมีอีกทีนี้ไม่จำกัดอะไรเลย แค่ราคาไม่เกินล้าน
อย่างเดียวพอ
หวัดดีครับ สมาชิกใหม่
" สำหรับค่ายรถที่ไม่ได้เข้าโครงการคุณต้องกลับไปคิดล่ะว่าที่ผ่านมาคุณทำอะไรให้ประเทศบ้าง
คุณสียภาษีคืนให้รัฐเท่าไหร่แต่ล่ะปี ทำไมฮอนด้า โตโยต้า นิสสัน อีซูสุ ถึงได้รับอานิสงนี้มากกว่า
ค่ายอื่นๆ ลองไปทำการบ้านมา"
แสดงว่าค่ายที่เข้าข่ายเป็นการตอบแทนจากประเทศหรือเปล่าครับ ?
-
เหมือนขี้แพ้ชวนตี แต่จริงๆแล้วก็ไม่ยุติธรรมกับเขานิครับ
ผมว่าถ้าจะเอาจริงๆนโยบายนี้จริงๆก็เพิ่มเงื่อนไขเข้าไป
เช่นว่า ความจุ CCไม่เกิน 1600 และมิติรถโดยรวมต้องไม่มากไปกว่า??
ในกรณีที่ต้องการให้หยุดแค่ B-Segment
เพราะ ถ้ามองกันจริงๆแล้ว ราคาของ Fiesta มันก้อไม่ได้หนีไปกว่า City
หรือ Vios เท่าไหร่นิครับ?
PS. ผมไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้เรื่องรถ ผิดถูกยังไงโปรดอย่าหวดผมเลยนะครับ :P
ผมเห็นว่า ฟอร์ดเค้าควรจะได้ในสิ่งที่เค้าควรได้ครับ
เพราะไม่มีที่ไหนหรอกที่วัดขนาดรถด้วย ซีซี อีกอย่าง ฟอร์ดก็ลงทุนเต็มที่ในไทย ส่งของดีๆมาให้ใช้หวังแจ้งเกิด
แล้วก็กำลังไปได้ดี แต่วันนึงความฝันเค้าฟังทลาย เพราะรัฐบาล คนที่ชวนเค้ามาลงทุน แบบนี้เค้าก็สมควรแล้วนิครับ
จริงๆแล้ว จำกัดราคาเลยง่ายกว่ามั้ย ไม่เกินเจ็ดแสนบาท จบ อย่าบอกว่า วีออส ซิติี้ รุ่นท๊อปราคาเกินนะครับ
เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องจำเป็น เป็นสิ่งฟุ่มเฟือย อุปกรณ์ความปลอดภัยก็เท่าๆกัน ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ว่าจะไม่ลดโลกร้อน
-
สำหรับค่ายรถที่ไม่ได้เข้าโครงการคุณต้องกลับไปคิดล่ะว่าที่ผ่านมาคุณทำอะไรให้ประเทศบ้าง
คุณสียภาษีคืนให้รัฐเท่าไหร่แต่ล่ะปี ทำไมฮอนด้า โตโยต้า นิสสัน อีซูสุ ถึงได้รับอานิสงนี้มากกว่า
ค่ายอื่นๆ ลองไปทำการบ้านมา อนาคตไม่แน่อาจมีอีกทีนี้ไม่จำกัดอะไรเลย แค่ราคาไม่เกินล้าน
อย่างเดียวพอ
ถ้าภาษีที่เป็นตัวเงินคงน้อยกว่าเพราะยอดขายน้อยกว่า แต่ถ้าคิดเป็นพิกัดภาษีก็เสียเท่ากันครับ น้องจะเข้าใจไหมเนี่ย
-
แค่ระบุบว่าวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท เท่านี้ ผมว่าทุกอย่างน่าจะลงตัวที่สุดแล้ว
เพราะสุดท้ายการผ่อนมันก็ตามตัวอัตราเดิม แค่ได้ภาษีคืนตาม % ของรถ
รถแพง ก็ผ่อนแพง รถถูกก็ผ่อนถูก ประชาชนเค้าก็มีสิทธิ์เลือก แต่ทางที่ดีที่สุด
คือล้มเลิกนโยบายไปเลย แล้วออกมาพูดขอโทษ แต่คงช้าไปแล้ว เพราะนโยบาย
ได้ถูกเสนอไปเรียบร้อยแล้ว
-
แค่ระบุบว่าวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท เท่านี้ ผมว่าทุกอย่างน่าจะลงตัวที่สุดแล้ว
เพราะสุดท้ายการผ่อนมันก็ตามตัวอัตราเดิม แค่ได้ภาษีคืนตาม % ของรถ
รถแพง ก็ผ่อนแพง รถถูกก็ผ่อนถูก ประชาชนเค้าก็มีสิทธิ์เลือก แต่ทางที่ดีที่สุด
คือล้มเลิกนโยบายไปเลย แล้วออกมาพูดขอโทษ แต่คงช้าไปแล้ว เพราะนโยบาย
ได้ถูกเสนอไปเรียบร้อยแล้ว
เห็นด้วยตรงไม่จำกัด cc เนี่ยแหละ อยากได้คะแนนเลือกตั้งคืนจริงๆ
-
ผมว่าทางที่ดีน่ะ ยกเลิกไปน่ะดีที่สุด เอาเงินไปทำประโยชน์อย่างอื่นไม่ดีกว่าหรอ ทั้งระบบขนส่งมวลชน น้ำท่วม เห็นนโยบายนี้แล้วดูไร้สาระจริงๆ แถมส่งเสริมให้คนเป็นหนี้ สิ้นเปลืองพลังงาน ก่อมลพิษเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทีนี้แหละ รถยึดไฟแนนซ์ก้จะเยอะขึ้นล่ะ เดวตอนนั้นแหละ เผื่อผมจะไปสอยeco car ถูกๆซักคันไว้สำรองใช้ที่บ้านซะหน่อย ;D ;D ;D
-
เห็นด้วยเลยครับ น่าจะไปเน้นเรื่องคมนาคมมากกว่า แต่ตอนนี้คงเลิกไม่ได้แล้วมั้งครับ
มันเลยจุดมานานแล้ว มีคนเข้าซื้อไปแล้ว และรออีกเป็นหลายหมื่นคน
น่าจะปัญหาตามอีกเพียบ
-
ขอบคุณครับ
-
ส่วนหลักเกณฑ์ผมคิดว่าแย่นะ กับเงื่อนไขที่ให้คนที่ซื้อต้องอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี ทำไมไม่เป็น 25 ละ อายุ 21 บางคนยังเรียนไม่จบเลย คนที่ทำงานมาแล้ว 2-3 ปี มันจะมองตัวเองออกว่ารายได้ตอนนี้ รายได้ในอนาคต(กรณีจัดไฟแนนซ์) ไหวไหม
อันนี้ขอนิดนึง มันจิ๊ดดดด
ผมจบตรีตอนอายุ 20 ครับ ส่วนรุ่นน้องผมอีกคนกำลังจะจบตรี ซึ่งน้องเขาอายุ 19 เท่านั้น
ตอบแบบเอาตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ดีนะครับ อาจจะถูกที่บางคนอายุ 21 ยังเรียนไม่จบ แต่คนที่จบก่อน และทำงานอยู่ก่อนแ้ล้ว ก็มีอยู่มากมายเหมือนกัน
-
ส่วนหลักเกณฑ์ผมคิดว่าแย่นะ กับเงื่อนไขที่ให้คนที่ซื้อต้องอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี ทำไมไม่เป็น 25 ละ อายุ 21 บางคนยังเรียนไม่จบเลย คนที่ทำงานมาแล้ว 2-3 ปี มันจะมองตัวเองออกว่ารายได้ตอนนี้ รายได้ในอนาคต(กรณีจัดไฟแนนซ์) ไหวไหม
อันนี้ขอนิดนึง มันจิ๊ดดดด
ผมจบตรีตอนอายุ 20 ครับ ส่วนรุ่นน้องผมอีกคนกำลังจะจบตรี ซึ่งน้องเขาอายุ 19 เท่านั้น
ตอบแบบเอาตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ดีนะครับ อาจจะถูกที่บางคนอายุ 21 ยังเรียนไม่จบ แต่คนที่จบก่อน และทำงานอยู่ก่อนแ้ล้ว ก็มีอยู่มากมายเหมือนกัน
ก่อนอื่นขอโทษคุณ oslan นะครับที่ทำให้จี๊ด คงเป็นเพราะผมเขียนไม่ละเอียดนั่นเอง
ที่ผมอยากให้คนซื้ออายุ 25+ ก็เพราะว่าเขาทำงานมาบ้างแล้ว อย่างน้อยก็ 2-3 ปี มีประสบการณ์ มีวุฒิภาวะ มีรายได้เลี้ยงดูตัวเองมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งการจะเพิ่มภาระโดยการผ่อนรถ รวมทั้งการบำรุงดูแลรักษารถ จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนพอสมควรทีเดียว ผมไม่ได้จะดูถูกดูแคลนใคร เพียงแต่ผมไม่อยากเห็นคนที่เพิ่งจะจบปริญญา ต้องมาเป็นภาระของผู้ปกครองอีก โดยคนกลุ่มนี้ผมคิดว่าเป็นคนกลุ่มใหญ่ ในกรณีที่คุณ oslan ได้เล่าให้ฟัง (แม้จะไม่ละเอียด) แต่ผมเดาว่า ทำงานไปเรียนไป ใช่ไหมครับ คนแบบคุณและรุ่นน้องของคุณ คงไม่ใช่นักศึกษากลุ่มใหญ่ใช่ไหมครับ ดังนั้น ผมจึงยกตัวอย่างเฉพาะกลุ่มใหญ่เท่านั้น ซึ้งถ้าผมถามคุณว่า ถ้าตอนคุณอายุ 21 หรือรุ่นน้องคุณอายุ 21 ในช่วงที่นโยบายยังมีผลบังคับใช้ ซึ่งเป็นนักศึกษาที่เรียนไปทำงานไป และเพิ่งจะเรียนจบ จะซื้อรถคันแรกเลยไหมครับ?
ที่ผมแสดงความคิดอย่างนั้นไป เพราะในกรณีผม ที่จบ ม.6 พ่อแม่จะให้เรียน ม.กรุงเทพ แต่ผมเลือกไปเรียนรามฯ เอง เพียงแค่เพราะว่าไม่อยากเป็นภาระพ่อมากๆ (ครอบครัวผมไม่ได้รวย) เรียนรามฯ ค่อนข้างว่าง แต่ขี้เกียจ Parttime ไม่ค่อยได้ทำเลย ทำแต่งานบ้าน (ซักผ้า รีดผ้า ถูบ้าน ล้างรถ) อย่างน้อยผมก็ลดภาระทางการเงินที่พ่อต้องมีต่อผม และก็ลดภาระงานบ้านของแม่ด้วย และผมใช้ตรงนี้เป็นที่ตั้งในการแสดงความคิดเห็นไงครับ แม้ผมจะไม่ได้ทำงานไปเรียนไป แต่ก็ไม่ฟุ่มเฟือยเกินเหตุจนเป็นภาระทางบ้านนะครับ
คุณอ่านจบแล้วจี๊ด จากนั้นก้อต่อยผมเลย ผมก็เจ็บและจี๊ดเป็นนะครับ น่าจะถามกันก่อน
แก้ไข : พิมพ์ผิดครับ
-
นโยบายมันออกมาแล้ว ก็คงต้องทำต่อไปละครับ
เรื่องเขตการค้าเสรี ผมเฉยๆ เพราะมาเลย์ก็ยังกีดกันรถ inter brand อยู่เหมือนกัน
ส่วนเรื่อง 1600 ผมว่า มันเกินความจำเป็นของรถคันแรกไปแล้วละ จริงๆ มันควรจะให้เฉพาะ Eco Car กับ กระบะตอนครึ่งด้วยซ้ำ จะไปให้พวกสองตอนได้สิทธิทำไม มีแต่พวกคนรวยในหมู่บ้านใช้ทั้งนั้น เฮ้อ
สรุปก็ได้แต่ เฮ้อ
-
ก็ได้เห็นความคิดเห็นบางคนที่บอกว่า ยกเลิกโครงการนี้สู้เอาเงินขยายรถไฟฟ้าดีกว่า บ้างก็บอกว่าเอาเงิน
ไปสร้างรถไฟความเร็วสุงดีกกว่า ไปพัฒนาระบบคมนาคมดีกว่า บ้างก็บอกว่าไปช่วยน้ำท่วมเถอะ
ที่แต่ละความเห็นที่พูดๆมาผมก็เห็นด้วยและเป็นความคิดที่ดีนะครับ แล้วผมก็เชื่อว่าทางรัฐบาลก็คิดเช่นเดียวกัน เพียงแต่
รัฐบาลเค้าคิดแบบองค์รวมแล้วทำมันไปพร้อมๆกัน แต่คนบางคนมองเป็นจุดๆไปทำให้การมองภาพต่างกันไป
เลยเกิดความไม่เข้าใจกันครับ เรื่องพัฒนาคมนาคม ส้รางรถไฟฟ้าอะไรพวกนี้รัฐบาลทำแน่ครับ
เพียงแต่ยังไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้ต้องเน้นไปที่กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะเศรษฐกิจยุโรปกะเมกา
มันกำลังแย่ ส่งผลให้ภาคส่งออกแย่ตามไปด้วยที่นี้ แล้วจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจยังไงล่ะคำตอบของัฐบาลก็คือ ก็หันมากระตุ้น
เศรษฐกิจภายในประเทศแทนไงล่ะ ต้องคิดว่าทำังไงก็ได้ให้คนไทยใช้จ่ายเงินให้มากขึ้นเพื่อให้เงินมันหมุนเวินในระบบมากขึ้น
พูดง่ายๆคือ ทำยังไงให้คนไทยเอาเงินออมออกมาใช้จ่ายซื้อของ ให้คนไทยใช้เครดิต(เงินในอนาคต)ออกมาซื้อของ
ให้คนไทยกู้เงินจากสถาบันการเงินออกมาซื้อของ ก็โดยออกรถคันแรกนี่แหละแล้วก้อีกหลายๆโครงการที่จะตามมา
อย่างบัตรเครดิตชาวนา บ้านหลังแรก ถ้ามัวแต่ไปสร้างรถไฟฟ้า พัฒนาระบบคมนาคมซึ่งพวกนี้เป็นแผนการในอนาคต
ถ้าไม่ทำปัจจุบันก่อนผมว่ารัฐบาลอาจอยู่ไม่ถึงวันนั้น เพราะจะโดนประชาชนว่าบริหารประเทศไม่เป็น
ปล. ผมไม่ได้เชียร์หรือเป็นพวกรัฐบาลนะครับ และก็ไม่ได้อยากพูดเรื่องการเมืองในwebนี้เลย
แต่บังเอิญมันเกี่ยวเนื่องกันน่ะครับ ก็เลยบอกเล่าให้ฟังกันก็เท่านั้นครับ^^
-
ก่อนอื่นขอโทษคุณ oslan นะครับที่ทำให้จี๊ด คงเป็นเพราะผมเขียนไม่ละเอียดนั่นเอง
ที่ผมอยากให้คนซื้ออายุ 25+ ก็เพราะว่าเขาทำงานมาบ้างแล้ว อย่างน้อยก็ 2-3 ปี มีประสบการณ์ มีวุฒิภาวะ มีรายได้เลี้ยงดูตัวเองมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งการจะเพิ่มภาระโดยการผ่อนรถ รวมทั้งการบำรุงดูแลรักษารถ จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนพอสมควรทีเดียว ผมไม่ได้จะดูถูกดูแคลนใคร เพียงแต่ผมไม่อยากเห็นคนที่เพิ่งจะจบปริญญา ต้องมาเป็นภาระของผู้ปกครองอีก โดยคนกลุ่มนี้ผมคิดว่าเป็นคนกลุ่มใหญ่ ในกรณีที่คุณ oslan ได้เล่าให้ฟัง (แม้จะไม่ละเอียด) แต่ผมเดาว่า ทำงานไปเรียนไป ใช่ไหมครับ คนแบบคุณและรุ่นน้องของคุณ คงไม่ใช่นักศึกษากลุ่มใหญ่ใช่ไหมครับ ดังนั้น ผมจึงยกตัวอย่างเฉพาะกลุ่มใหญ่เท่านั้น ซึ้งถ้าผมถามคุณว่า ถ้าตอนคุณอายุ 21 หรือรุ่นน้องคุณอายุ 21 ในช่วงที่นโยบายยังมีผลบังคับใช้ ซึ่งเป็นนักศึกษาที่เรียนไปทำงานไป และเพิ่งจะเรียนจบ จะซื้อรถคันแรกเลยไหมครับ?
ที่ผมแสดงความคิดอย่างนั้นไป เพราะในกรณีผม ที่จบ ม.6 พ่อแม่จะให้เรียน ม.กรุงเทพ แต่ผมเลือกไปเรียนรามฯ เอง เพียงแค่เพราะว่าไม่อยากเป็นภาระพ่อมากๆ (ครอบครัวผมไม่ได้รวย) เรียนรามฯ ค่อนข้างว่าง แต่ขี้เกียจ Parttime ไม่ค่อยได้ทำเลย ทำแต่งานบ้าน (ซักผ้า รีดผ้า ถูบ้าน ล้างรถ) อย่างน้อยผมก็ลดภาระทางการเงินที่พ่อต้องมีต่อผม และก็ลดภาระงานบ้านของแม่ด้วย และผมใช้ตรงนี้เป็นที่ตั้งในการแสดงความคิดเห็นไงครับ แม้ผมจะไม่ได้ทำงานไปเรียนไป แต่ก็ไม่ฟุ่มเฟือยเกินเหตุจนเป็นภาระทางบ้านนะครับ
คุณอ่านจบแล้วจี๊ด จากนั้นก้อต่อยผมเลย ผมก็เจ็บและจี๊ดเป็นนะครับ น่าจะถามกันก่อน
แก้ไข : พิมพ์ผิดครับ
ผมขออภัยเช่นกันนะครับ ตอบใช้อารมณ์มากไปนิด
ผมมองว่าในปัจจุบันและต่อไปในอนาคต เด็กจะยิ่งจบไวขึ้นเรื่อยๆ ครับ
จากสังคมที่ผมคุ้นเคย เด็กรุ่นใหม่หลายๆ คน เรียนเทียบกันเยอะมาก (เอาแค่รุ่นน้องในกลุ่มก็เป็นสิบ และฟังจากที่พวกนี้เขาคุยกัน น่าจะมีอีกเยอะด้วย)
ผมไม่เถียงนะครับ ว่าส่วนมากไม่ใช่ และในกลุ่มแบบนี้เป็นส่วนน้อย แต่ส่วนน้อยก็คนนะครับ ถ้าส่วนน้อยสามารถดูแลรับผิดชอบเองได้ ก็ไม่น่าจะไปตัดโอกาสเหมือนกัน
ส่วนที่ทำให้ผมจิ๊ด เพราะผมไม่ชอบการที่ตัดสินคนจากอายุครับ อายุกำหนดได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าจะใช้ในกรณีนี้ผมว่าไม่เหมาะ
ถ้าอายุ 21 กับ 25 ใครจะมีวุฒิภาวะมากกว่า ข้อนี้ผมว่ามันต้องมองแล้วเปรียบเทียบเป็นตัวบุคคลแล้วครับ
ถ้าอายุ 15 กับ 25 แบบนี้ อันนี้โอเคครับ ต่างกันเยอะแน่ๆ ในเรื่องของวุฒิภาวะต่างๆ
ที่สำคัญเรื่องพวกนี้มันไม่ตายตัว บางคนอายุน้อยวุฒิภาวะสูง แต่บางคนแก่แล้วแต่ .... ก็มี ผมแค่พูดคร่าวๆ นะครับ
ส่วนในเรื่องของถ้าอายุ 21 จะซื้อรถไหม เรื่องพวกนี้มันไม่ตายตัวเช่นกัน บางคนพร้อม บางคนไม่พร้อม ปัจจัยมันมีเยอะนะครับ และมันเป็นเรื่องของโอกาสด้วย โอกาสที่จะซื้อของที่ต้องการ/จำเป็น ได้ถูกกว่าเดิมถึง 1 แสนบาท
สมมุติถามว่า ผมซื้อไหมในตอนเพิ่งจบ (เรื่องจริงอดหมดสิทธิ์ไปแล้ว = ='') ผมซื้อนะครับ เพราะเป็นโอกาสที่จะได้ของราคาถูกกว่าเดิม 1 แสน
บางคนไม่พร้อมด้วยตัวเอง ครอบครัวมีก็อาจจะให้พ่อแม่ช่วย หรืออาจจะมีวิธีอื่นๆ อะไรก็ว่ากันไป เพราะมันเป็นโอกาสครับ แถมเป็นระยะสั้นด้วย
อธิบายยาวเหยียด หวังว่าคงเข้าใจผมนะครับ ส่วนในเรื่องที่พิมพ์ให้ไม่พอใจ ผมขออภัยอีกครั้งครับ
-
ทุกอย่างมันต้องมีกฎกติกาครับ เอาเรื่องอารมณ์ ความรู้สึก วุฒิภาวะมาวัดกันลำบากครับ หลายๆอย่างก็เลยจำเป็นต้องกำหนดที่อายุแทนเพราะมันวัดได้ง่ายอายุถึงก็มีสิทธิ ไม่ถึงก็หมดสิทธิ ไม่งั้นยุ่งเหยิง
-
อธิบายยาวเหยียด หวังว่าคงเข้าใจผมนะครับ ส่วนในเรื่องที่พิมพ์ให้ไม่พอใจ ผมขออภัยอีกครั้งครับ
ยินดีและเช่นกันครับ คุณ Oslan ^^v