Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: tonine ที่ พฤศจิกายน 13, 2011, 01:14:59
-
toyota exier ปี 96 ไฟ o/d off มันติดที่หน้าปัตครับ มันคืออะไร มีผลเสียอะไรมั้ย
แล้วจะปิดมันยังไงครับ
-
O/D
Overdrive นี่ครับ
ลองหาดูว่ามีปุ่มนี้ที่ด้ามเกียร์ไหม (คลำๆ ดูปุ่มเอานั่นละ) ถ้ามีก็ลองกด ดูว่าจะหายไหม ถ้าหายก็จบครับ
Overdrive Off เป็นปุ่มปิดการทำงานเกียร์ Overdrive เพื่อให้มันล็อคอยู่ที่เกียร์ 3 ไม่ให้ขึ้นไปเกียร์ 4 ใช้เฉพาะเวลาต้องการกำลังมากๆ ครับ เช่นเร่งแซง
การกด OD Off ค้างไว้ จะเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุครับ
-
O/D
Overdrive นี่ครับ
ลองหาดูว่ามีปุ่มนี้ที่ด้ามเกียร์ไหม (คลำๆ ดูปุ่มเอานั่นละ) ถ้ามีก็ลองกด ดูว่าจะหายไหม ถ้าหายก็จบครับ
Overdrive Off เป็นปุ่มปิดการทำงานเกียร์ Overdrive เพื่อให้มันล็อคอยู่ที่เกียร์ 3 ไม่ให้ขึ้นไปเกียร์ 4 ใช้เฉพาะเวลาต้องการกำลังมากๆ ครับ เช่นเร่งแซง
การกด OD Off ค้างไว้ จะเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุครับ
ขอบคุณท่าน YIM มากครับ เดี๋ยวจะลองไปคลำๆดู
-
เกียร์มีอยู่สองปุ่ม
ปุ่มโต Shift Lock เอาไว้เพื่อขยับคันเกียร์ไปในตำแหน่งต้องห้าม เช่น P, R, L
ส่วนปุ่มเล็ก Overdrive มีเอาไว้เปิดปิดการทำงานของเกียร์ 4 เมื่ออยู่ตำแหน่ง D
อ่านคู่มือด้วยนะครับ
-
มันก็จะไม่ยอมตัดขึ้นเกียร์ 4 ให้ครับ มันจะคาอยู่ที่เกียร์ 3 รอบมันก็จะสูง ทำให้กินน้ำมัน
ปกติจะใช้เวลาเร่งแซงครับ ปุ่มมันจะอยู่บนคันเกียร์ หรือไม่ก็ใกล้ๆนั่นแหล่ะ
-
ปุ่มนี้ผมกดเล่นตั้งแต่เด็กๆ แน่ะ -__- แต่รถของเจ้าของกระทู้ ปุ่มอาจจะซ่อนอยู่ดูยากก็ได้ครับ
-
เกียร์มีอยู่สองปุ่ม
ปุ่มโต Shift Lock เอาไว้เพื่อขยับคันเกียร์ไปในตำแหน่งต้องห้าม เช่น P, R, L
ส่วนปุ่มเล็ก Overdrive มีเอาไว้เปิดปิดการทำงานของเกียร์ 4 เมื่ออยู่ตำแหน่ง D
อ่านคู่มือด้วยนะครับ
พอดีว่าผมไม่มีคู่มือครับ เลยไม่รู้จะทำยังไงต่อ :P
ขอบคุณทุกท่านที่ให้คำแนะนำครับ
-
หาเจอรึยังครับ??
ถ้ายังไม่เจอ ก็ดูนี่เลยครับ ไปเอามาจากเว็บขายรถมือสอง ตรงรุ่นเป๊ะ Corona Exsior ปี 96-98 ก่อนเชนจ์ เป็นรุ่นย่อย 2.0 SE.G
(http://i1197.photobucket.com/albums/aa428/JimmyClassic/12105EO01018.jpg)
ใต้ปุ่มที่กดเปลี่ยนเกียร์ จะมีปุ่ม O/D เวลากด ไฟที่ว่า มันจะติด ดับ สลับกันไปครับ
ถ้าไฟ O/D Off ติดบนหน้าปัทม์ รถจะแรงขึ้น(ในช่วงความเร็ว 70 ขึ้นไป) แต่ซดน้ำมันมากขึ้นครึ่งเท่าตัวครับ
(มันมีประโยชน์เวลาขับรถออกต่างจังหวัด บางจังหวะที่เจอถนนวิ่ง 2 เลน สวนกันคนละเลน เหมือนวิ่งในซอย
แต่ความเร็วสูงกว่าในซอยมาก ถ้าวิ่งไปเจอสิบล้อต้วมเตี้ยมข้างหน้าความเร็ว 70 จะตามต้อยๆ อีกเดือนนึงคงถึง เราต้องแซงขวาออกไป
แล้วรีบปาดกลับ ในจังหวะที่รถอีกเลนก็วิ่งสวนมาตรงหน้า ต้องเร่งเครื่องให้ไวที่สุด ก็ให้กดคันเร่งมิด แต่บางครั้งเรากดไม่ลึกพอ (เกียร์ไม่คิกดาวน์) อาจจะด้วยอะไรก็ตาม
ถ้ากดปุ่ม O/D ก็จะช่วยเรียกเรี่ยวแรงมันออกมาเพิ่มครับ พอปาดกลับเสร็จก็กดปุ่มกลับสภาพเดิม)
ถ้าไม่เคยรู้จักปุ่มนี้ขอเดาว่าคงมือไปโดนเอาน่ะครับ รีบกดปุ่มกลับก่อนกระเป๋าแฟบนะครับ
-
เดี๋ยวนะครับ ผมขอแก้ไขความเข้าใจให้ถูกต้องนิดนึงเถิดครับ
ปุ่ม O/D ไม่ได้มีเอาไว้ทำให้รถแรงขึ้นนะครับ มันไม่ใช่ปุ่มโหมด Power แบบที่รถยี่ห้ออื่นหรือรุ่นใหม่ใหม่เค้ามีกัน
มันเป็นเพียงแค่ปุ่มเปิดและปิดการทำงานของ "เกียร์ 4" เท่านั้น ดังนั้น ถ้ารถคุณไม่ได้ใช้เกียร์ 4 อยู่ กดไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซึ่งต่างกับปุ่ม Power ที่ไปสั่งให้เกียร์ตอบสนองต่อคันเร่งไวขึ้น ลากเกียร์ยาวขึ้นนานขึ้น เพื่อเรียกพละกำลังจากเครื่องยนต์
ผมเห็นหลายท่านเวลาขับเกียร์ออโต้ พอออกจากด่านจ่ายเงิน ออกจากไฟแดง บางทีอยากแรงหน่อยก็กด O/D Off
แล้วเร่งขึ้นไป พอความเร็วขึ้นไปได้หน่อย สัก 60 กม./ชม. ก็รีบกดให้เป็น O/D On (ไฟบนหน้าปัดดับ) ตามปกติ
แบบนี้มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ ไม่เกี่ยวกันเลยแม้แต่น้อย รถออกจากไฟแดงไล่เกียร์ 1-2-3-4 ตามปกติ
ถ้าคุณกดคันเร่งลึกพอ และยังไม่ถึง 60 กม./ชม.ยังไงมันก็ไม่ได้เข้าเกียร์ 4 อยู่แล้วครับ
คำว่า Overdrive มันมีที่มาที่ไป อันที่จริงมันหมายถึงอัตราทดเกียร์ที่ "ต่ำกว่า 1"
ถ้าไปกางสเปครถแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นดู กวาดสายตาไปที่อัตราทดเกียร์ จะเห็นว่าเกียร์ท้ายท้ายในรถทุกคัน
จะมีอัตราทดที่ต่ำกว่า 1 ซึ่งเหมาะเอาไว้เดินทางไกล รอบเครื่องยนต์จะต่ำ ประหยัด และสึกหรอน้อยกว่า
แต่เกียร์ที่มีอัตราทดต่ำกว่า 1 มันมักจะไม่มีแรงเอาไว้เร่งแซง เอาง่ายง่ายว่ามันเอาไว้ใช้รักษาระดับความเร็วเฉยเฉย
รถเกียร์อัตโนมัติเมื่อก่อน ส่วนใหญ่เกียร์ 3 จะอัตราทดประมาณ 1.000 และเกียร์ 4 ต่ำกว่านั้น ถึงเรียกเกียร์ 4 ว่า Overdrive
ถ้าในสมัยปัจจุบันที่เป็น 5 เกียร์ ก็จะกลายเป็น Overdrive แทน หรือบางรุ่นที่เครื่องยนต์มีกำลังพอ ก็มี Overdrive สองเกียร์ด้วยซ้ำไป
-
พอดีเลยผมมีเรื่องสงใสครับ
แล้วการใช้งานปุ่ม O/D มันจำเป็นมากมั้ยครับ หลายๆคนว่าเอาไว้แซง ปรกติเวลาเราจะแซง พอกดคันเร่งไปถึงจุดเปลี่ยนเกีย หรือ กดคันเร่งสุด มันก็เปลี่ยน ให้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ
หรือมันเอาไว้สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการกดคันเร่งสุด
-
หาเจอรึยังครับ??
ถ้ายังไม่เจอ ก็ดูนี่เลยครับ ไปเอามาจากเว็บขายรถมือสอง ตรงรุ่นเป๊ะ Corona Exsior ปี 96-98 ก่อนเชนจ์ เป็นรุ่นย่อย 2.0 SE.G
(http://i1197.photobucket.com/albums/aa428/JimmyClassic/12105EO01018.jpg)
ใต้ปุ่มที่กดเปลี่ยนเกียร์ จะมีปุ่ม O/D เวลากด ไฟที่ว่า มันจะติด ดับ สลับกันไปครับ
ถ้าไฟ O/D Off ติดบนหน้าปัทม์ รถจะแรงขึ้น(ในช่วงความเร็ว 70 ขึ้นไป) แต่ซดน้ำมันมากขึ้นครึ่งเท่าตัวครับ
(มันมีประโยชน์เวลาขับรถออกต่างจังหวัด บางจังหวะที่เจอถนนวิ่ง 2 เลน สวนกันคนละเลน เหมือนวิ่งในซอย
แต่ความเร็วสูงกว่าในซอยมาก ถ้าวิ่งไปเจอสิบล้อต้วมเตี้ยมข้างหน้าความเร็ว 70 จะตามต้อยๆ อีกเดือนนึงคงถึง เราต้องแซงขวาออกไป
แล้วรีบปาดกลับ ในจังหวะที่รถอีกเลนก็วิ่งสวนมาตรงหน้า ต้องเร่งเครื่องให้ไวที่สุด ก็ให้กดคันเร่งมิด แต่บางครั้งเรากดไม่ลึกพอ (เกียร์ไม่คิกดาวน์) อาจจะด้วยอะไรก็ตาม
ถ้ากดปุ่ม O/D ก็จะช่วยเรียกเรี่ยวแรงมันออกมาเพิ่มครับ พอปาดกลับเสร็จก็กดปุ่มกลับสภาพเดิม)
ถ้าไม่เคยรู้จักปุ่มนี้ขอเดาว่าคงมือไปโดนเอาน่ะครับ รีบกดปุ่มกลับก่อนกระเป๋าแฟบนะครับ
ชัดเจนแบบนี้หาเจอแน่นอนครับท่าน
ปกติใช้แต่คิดดาวอย่างเดียวเลยไม่รู้จัก O/D
ปล รถติดแก๊สอยู่กระเป๋าคงยังไม่แฟ่บ ;D
-
เดี๋ยวนะครับ ผมขอแก้ไขความเข้าใจให้ถูกต้องนิดนึงเถิดครับ
ปุ่ม O/D ไม่ได้มีเอาไว้ทำให้รถแรงขึ้นนะครับ มันไม่ใช่ปุ่มโหมด Power แบบที่รถยี่ห้ออื่นหรือรุ่นใหม่ใหม่เค้ามีกัน
มันเป็นเพียงแค่ปุ่มเปิดและปิดการทำงานของ "เกียร์ 4" เท่านั้น ดังนั้น ถ้ารถคุณไม่ได้ใช้เกียร์ 4 อยู่ กดไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซึ่งต่างกับปุ่ม Power ที่ไปสั่งให้เกียร์ตอบสนองต่อคันเร่งไวขึ้น ลากเกียร์ยาวขึ้นนานขึ้น เพื่อเรียกพละกำลังจากเครื่องยนต์
ผมเห็นหลายท่านเวลาขับเกียร์ออโต้ พอออกจากด่านจ่ายเงิน ออกจากไฟแดง บางทีอยากแรงหน่อยก็กด O/D Off
แล้วเร่งขึ้นไป พอความเร็วขึ้นไปได้หน่อย สัก 60 กม./ชม. ก็รีบกดให้เป็น O/D On (ไฟบนหน้าปัดดับ) ตามปกติ
แบบนี้มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ ไม่เกี่ยวกันเลยแม้แต่น้อย รถออกจากไฟแดงไล่เกียร์ 1-2-3-4 ตามปกติ
ถ้าคุณกดคันเร่งลึกพอ และยังไม่ถึง 60 กม./ชม.ยังไงมันก็ไม่ได้เข้าเกียร์ 4 อยู่แล้วครับ
คำว่า Overdrive มันมีที่มาที่ไป อันที่จริงมันหมายถึงอัตราทดเกียร์ที่ "ต่ำกว่า 1"
ถ้าไปกางสเปครถแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นดู กวาดสายตาไปที่อัตราทดเกียร์ จะเห็นว่าเกียร์ท้ายท้ายในรถทุกคัน
จะมีอัตราทดที่ต่ำกว่า 1 ซึ่งเหมาะเอาไว้เดินทางไกล รอบเครื่องยนต์จะต่ำ ประหยัด และสึกหรอน้อยกว่า
แต่เกียร์ที่มีอัตราทดต่ำกว่า 1 มันมักจะไม่มีแรงเอาไว้เร่งแซง เอาง่ายง่ายว่ามันเอาไว้ใช้รักษาระดับความเร็วเฉยเฉย
รถเกียร์อัตโนมัติเมื่อก่อน ส่วนใหญ่เกียร์ 3 จะอัตราทดประมาณ 1.000 และเกียร์ 4 ต่ำกว่านั้น ถึงเรียกเกียร์ 4 ว่า Overdrive
ถ้าในสมัยปัจจุบันที่เป็น 5 เกียร์ ก็จะกลายเป็น Overdrive แทน หรือบางรุ่นที่เครื่องยนต์มีกำลังพอ ก็มี Overdrive สองเกียร์ด้วยซ้ำไป
แฮ่ๆ ขอบคุณครับ ;D ;D ;D ตามนั้น
แต่เท่าที่ทราบ รถบางรุ่น เกียร์สุดท้ายยังมีอัตราทดสูงกว่า 1 ครับ
เช่น Camry ACV30 มี 4 เกียร์ เกียร์สุดท้ายทดรอบ 1.020
ACV40 เฉพาะ 2.0 ก็ยกอัตราทดเกียร์ทั้ง 4 มาจากรุ่น 30 แคมรี่ 2.0 รุ่นปัจจุบันจึงมีเกียร์ 4 ทดรอบ 1.020
ไม่มีเกียร์ที่เป็น O/D แบบนี้คงเป็นสาเหตุที่พี่จิมทดสอบอัตราสิ้นเปลืองได้มโหฬาร เพราะวิ่ง 110 คงที่
แบบนี้ เขาก็ต้องเลี่ยงบาลีเป็นคำว่า D3 แทน แบบนี้ถูกป่ะครับ
-
เล่นยันเฟืองท้ายไปซะ 3.12 ก็ไม่แปลกหรอกครับที่เกียร์สุดท้ายจะทดเกิน 1.000
รถสมัยก่อนเฟืองท้ายจัดกว่านี้เยอะครับ ส่วนหนึ่งก็เพราะกำลังเครื่องยนต์ที่ไม่เหมือนสมัยนี้ด้วย
เค้ามักจะอนุโลมเรียกไปว่า Overdrive แหละครับ เกียร์สุดท้ายน่ะ มันผันไปตามยุคครับ
รถเกียร์ธรรมดาเมื่อก่อน ยังมีปุ่มโอเวอร์ไดร์ฟเลยนะเออ แต่ผมจำไม่ได้ว่ารุ่นอะไร ตลกดีครับ