Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: GreenG ที่ ธันวาคม 20, 2011, 21:21:14
-
สำหรับผม ชอบแบบ ข้อ 1 คือกดเบาๆ ค่อยๆไล่ความเร็วไป เช่น
คันเดิม AE100 เกียร์ออโต้ 4 speed แบบ โบราณ(สาย) ผมก็จะขับรอบประมาณ 2-3000 รอบแล้วเปลี่ยน
เวลาแซงจะกดครึ่งหรือเต็มแล้วแต่จังหวะ รอบประมาณ 4-5500 รอบ
ส่วน march CVT ผมจะกดเบาๆ รอบจะอยู่ที่ไม่เกิน 1500 รอบตั้งแต่ 0-80 (แต่บางครั้งก็วิ่ง 2000 รอบ)
ช่วง 80-120 อยู่ที่ 2000 รอบ(โดยประมาณ)
เวลาแซงจะกดครึ่งหรือเต็มแล้วแต่จังหวะ รอบประมาณ 2500-4000 รอบ
อยากถามนะครับว่า ชอบขับแบบไหนกันครับ และเพราะอะไรถึงขับแบบนั้นครับ ;)
-
ขับแบบกดหนักพอประมาณเพื่อให้ความเร็วที่ต้องการแล้วผ่อนคันเร่งเพื่อรักษาความเร็วนั้นไว้ครับ (ทำแบบนี้เพราะคิดว่าเป็นวิธีนึงที่ทำให้ประหยัดน้ำมัน)
พอเห็นไฟแดงก็ยกเท้าออก ปล่อยมันไหลไป เอาเท้ามารอแป้นเบรคแทน
ส่วนตอนเร่งแซงนี่กดทะลุ5000-6000รอบทุกทีเลย เพราะผมต้องการแซงขึ้นไปให้เร็วที่สุด
เมื่อก่อนขับเกียร์ธรรมดาจะค่อยๆกดให้มันไหลขึ้นไปครับ
-
ขับแบบกดหนักพอประมาณเพื่อให้ความเร็วที่ต้องการแล้วผ่อนคันเร่งเพื่อรักษาความเร็วนั้นไว้ครับ (ทำแบบนี้เพราะคิดว่าเป็นวิธีนึงที่ทำให้ประหยัดน้ำมัน)
พอเห็นไฟแดงก็ยกเท้าออก ปล่อยมันไหลไป เอาเท้ามารอแป้นเบรคแทน
ส่วนตอนเร่งแซงนี่กดทะลุ5000-6000รอบทุกทีเลย เพราะผมต้องการแซงขึ้นไปให้เร็วที่สุด
เมื่อก่อนขับเกียร์ธรรมดาจะค่อยๆกดให้มันไหลขึ้นไปครับ
ของผมเหมือนคุณ Nont5972 เลยครับ
-
ปกติขับแบบข้อแรกครับ เพราะประหยัดไม่เปลืองน้ำมัน
แต่ถ้ารีบหรือขับรถพ่อv6(แก๊ส) แบบข้อ2ครับ เพราะแก๊สรถพ่อผมใช้แล้วเครื่องหนืดหน่วงมาก เกียร์1-2กดไปเท่าไร่ก้ไม่ไปรอบเครื่องกว่าจะขึ้นแต่ละที พอหลังจากนั้นและรอบเครื่องได้ซัก3พันรอบถึงเริ่มพุ่งครับ ขับแล้วแอบหงุดหงุิด :P
-
กดหนักครับ เพราะต้องการแรงดึง 555
เดี๋ยวหลับครับ ขับนอกเมืองค่อนข้างบ่อย
เห็นว่างก็กดเลยครับ
แต่ในเมืองปล่อยไหลมากกว่า
กลัวเบรคไม่ทัน (เจอหลายเคส)
-
แต่ก่อนชอบกดคันเร่งแรงๆครับ
แต่ตั้งแต่มาขับ Fiesta ต้องปรับนิสัยใหม่ ค่อยๆกดเบาๆ ไล่ระดับไปเรื่อยครับ จะได้ไม่ซด ไม่กระตุก ;D
-
ตบเกียร์ลง 1 จังหวะ แล้วก็กดขึ้นไป
แซงได้สบายหายห่วง ไม่ต้องมานั่งลากรอบแบบคันเก่า :D
-
แล้วแต่ความรีบเร่งกระมังครับ ผมไม่เคบจับว่า ผมเหยียบแค่ไหน
ผมหลากอารมณ์เวลาขับรถ นึกเหยียบก็เหยียบ พอใจก็เรื่อยๆเฉื่อยๆ
ผมมักจะกดมิดพื้นรถ ก็ต่อเมื่อเจอพวกไร้มารยาทมาจี้ตูด ซึ่งส่วนใหญ่ เป็น อุ๊บ พวกเครื่อง 3000
-
แล้วแต่สถานการณ์ดังต่อไปนี้
1. การจราจรไม่หนาแน่น ไม่รีบ >>> กดนิดเดียว ถนอมเครื่อง ประหยัดน้ำมัน ค่อยไล่เกียร์ไปเรื่อยๆ ชิดซ้าย
2. การจราจรหนาแน่น รีบแซง >>> กดให้ความเร็ว ปลอดภัยกับตัวเองและไม่กีดขวางผู้อื่น
3. รีบ มีธุระ >>> กดหมด ;D
-
ของผมแล้วแต่อารมอะ แต่ส่วนใหญ่จะค่อยๆๆเหยียบแล้วค่อยเพิ่มขึ้นๆๆไป แต่ถ้าอารมเสียหรือรีบเมื่อไร เหยียบไม่ยั้งงงง
-
ปกติขับให้คุณพ่อคุณแม่นั่งจะขับนุ่มๆชิวครับ จะมีช่วงกดหนักบ้างเวลาเร่งแซง(เพราะอยากให้ผ่านไปเร็วๆ)แล้วปล่อย
ถ้าเวลาอยู่กับแฟนนี่โดนดุบ่อยครับว่าอย่าขับรถเร็ว ก้ขับได้ไม่เร็วมากนัก มีกดหนักบ้างเวลาเร่งแซง หรือบางทีทำเวลาก้ได้ไม่เกิน 150 อ่าครับ
เวลาอยู่กับเพื่อน รถหนักครับ เล่งไม่ขึ้น 555 แต่ก้เร็วบ้างไม่เร็วบ้าง แล้วแต่สภาพการจราจรและสถานการณ์ครับ
ถ้าอยู่คนเดียวนี่ แล้วแต่ใจครับ เมื่อก่อนขับเร็วมาก เร่งได้ต้องเร่ง มีช่องให้มุดต้องมุด แต่เดี๋ยวนี้เริ่มมีสติแล้วครับ ขับช้าลงดูรถด้านหน้าด้านหลัง ไม่เร่งแซงมากนัก แต่ก้ไม่ขวางคนอื่นเขา ถ้ารู้สึกเซงรถข้างหน้าขับช้าเกินก้จะ กดหนัก อยู่พักใหญ่ครับ (แซงไปแต่ไม่จี้หรือบีบแตรใส่) แล้วก้กลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิมครับ :D
-
เลือกทางสายกลาง ก็กดปานกลางค่อนไปทางสบายๆครับ
-
เดี๋ยวนี้ขับชิวๆจนชินแล้วครับ 80-110 เลนกลางสลับขวา ใครขอทางก็หลบให้
จะไม่กดเต็มตีนเว้นแต่เจอไอ้พวกรถควายๆที่ติดCNG บางคัน มาปาดหน้า หรือ ออกมาขวางแบบหน้าเกลียด
-
กดเกินครึ่งครับ เพราะว่าถนนแถวบ้านผมรถมาค่อนข้างเร็ว
แล้วก็พอออกจากปากซอยปุ๊บ ถนนจากสองเลนเหลือเลนเดียว เลยต้องรีบเข้าให้ทัน
และที่สำคัญเลยครับ NEOอืดมากกกกกก
-
เมื่อก่อนเต็มตีน เดี๋ยวนี้เบาๆช้าๆหน่อย สงสารแม่+น้ำมันแพง ;D
-
ปกติผมขับแบบ1นะ ยกเว้นติดไฟแดงแล้วออกตัวคันแรกจะกดคันเร่งลึกหน่อยรถคันหลังๆจะได้ตามมาได้ไวๆ เบื่อพวกอยู่คันแรกแล้วออกตัวช้าๆมากเลยกว่าคันหลังๆจะตามไปได้นี่อย่างนาน
-
จะไม่กดเต็มตีนเว้นแต่เจอไอ้พวกรถควายๆที่ติดCNG บางคัน มาปาดหน้า หรือ ออกมาขวางแบบหน้าเกลียด
จริงด้วยครับ สำหรับผมคงต้องตอบว่า drive pleasantly unless provoked แต่ทำไมต้องไปด่ารถที่ติด CNG เขาด้วยล่ะครับ?
-
เบาๆตามการจราจรไม่เค้นคันเร่ง เบาที่สุดเท่าที่รถจะเร่งได้ แต่ห้ามมาอยู่คันแรกสุดไฟแดงนะ กดสุดเกือบตลอด
-
ชอบกดแล้วปล่อย แล้วก็กดใหม่ เพราะเสียง Turbo มันหวานได้ใจ ;D
-
อยู่ต่างจังหวัด นานๆๆๆจะได้ขับรถ เลยเหยียบให้มันไปเลย 55
ยิ่งเจอไฟแดง การได้พุ่งออกไปแล้วได้มุดไปเป็นคันแรก ถือเป็นอะไรที่ท้าทาย (แต่อย่าทำบ่อยมันไม่ดี อิอิ)
-
แล้วแต่อารมณ์ และความรีบครับ
ไม่รึบก็ไปเรื่อย รีบก็กระทืบ
-
ปกติก็ค่อยๆกดแหล่ะครับ เพราะผมตระหนักดีว่า เวลาออกตัวแรงๆ มันกินน้ำมันเยอะมากจริงๆ
สังเกตจากมาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองแบบ real time ที่อยู่ตรงหน้า
แต่ในบางอารม มันก็รีบ หรืือไม่ก็ืลืม ก็เลยเล่นออกตัวพุ่งนำคันนหน้าไปเลย
ถ้ารีบมาก ก็ลากเกียร์ 1 ยัน 4-6 พันรอบเลยทีเดียว
ถ้าขับคันที่ใช้แก๊ส ก็มักจะออกตัวแรง เพราะ ไม่ค่อยเสียดายแก๊ส -0-
-
ถ้าขับวีออส เหยียบเต็มๆทีนเลยครับ ราวๆ 70-80%
เพราะ สนุก เบา กระฉับกระเฉงดี ไม่เปลืองน้ำมันด้วย
ยิ่งออกมอเตอร์เวย์ กด 90-100% ไปเลย แต่พอเข็มถึง 120 ก็ถอน ขับติ๋มๆแล้วล่ะ
ยิ่งขับนอกเมือง กดให้ตาย ยังไงก็กิน 12 โลลิตรขึ้นไป กดๆไปเหอะ
แต่ถ้าขับรถใหญ่ๆ อย่างแคมรี่ อย่างE36 จะเหยียบแค่ 30-40%
เพราะรถมันพุ่งดี แรงบิดดีอยู่แล้ว
อีกอย่าง ต้องขับติ๋มๆ เพราะถ้ากดหนัก เข้าโหมดซิ่งเมื่อไหร่ ซดน้ำมันฮวบๆ
คุณป้าผมขับมาร์ช เมื่อก่อนขับแอคคอด G7
เด๋วนี้ ป้าแกเป็นขาซิ่งเลย กดเต็มๆ
แกหัวเราะชอบใจ แกบอกว่าเหยียบมิดทุกวัน ก็ประหยัดกว่าเจ้าคันเดิม ฮ่าๆ
-
ถ้าขับ cityจะเต็มเท้าเกือบทุกครั้ง(เมื่อความเร็วเกิน20แอบถนอมเกียร์ไว้นิดๆ)เพราะคันนี้ใช้แก๊ส อืดหน่อยๆแต่ประหยัดจริง!(80-120ประมาณ14วิ :oในโหมดแก็ส)
ส่วนFD ครึงเท้าพอ รอบก็กวาดซะ3000-4000แล้วพอๆถอนๆเกินนั้นเสียงดังไปและอาจจะโดนว่าง่ายๆเสียได้ ;D
ส่วนมากจะกดตามจังหวะการจราจรซะมากกว่าครับเพราะบ้างทีเราเจอเหตุไม่เหมือนกันซะทุกครั้ง บ้างทีต้องออกจากซอยไปเข้าขวาสุด ก็ต้องมีโหมดโหดบ้างตามจังหวะ ครับ
-
แอบรู้สึกว่าคุณเต้ตั้งกระทู้นี้มาถามผมรึเปล่าเนี่ย
;D
ตอบ แล้วแต่สถานการณ์และรถที่ขับครับ
โปรทีเจ เกียร์หนึ่ง กด 40-50% ตลอด หลายครั้งกด 100%
เพราะรอบมันกวาดเร็ว และเสียงเครื่องมันเร้าให้กดต่อเหลือเกิน
นอกเหนือจากนั้นก็กด 50-60% เพื่อเลี้ยงรอบให้เสียงเพราะเพราะ
แต่ไม่ได้กดแบบกระทืบพรวดเดียวหมด ใช้ไล่คันเร่งแต่ไล่เร็ว(มาก)
กาแลนท์ 2.0 GTi เกียร์ธรรมดาเหมือนกัน กดมากสุดก็ 70%
เพราะรถมันเก่าแล้ว ถนอมไว้หน่อย แต่ส่วนใหญ่ก็กดคันเร่งระดับ 30-40% ตลอด
ถึงแม้จะเก่า แต่เครื่องก็ยังเรียกร้องให้เติมคันเร่งอยู่ดี
มาสด้า 3 2.0 เกียร์ออโต้ เกียร์หนึ่งกดลึกตลอด เพราะอยากให้ออกตัวไว
ส่วนพอความเร็วขึ้นไปแล้ว ก็กดในระดับก่อนจะถึงจุดคิกดาวน์ในเวลาปกติ (ซึ่งก็ลึก)
และบ่อยครั้งที่กดหมด 100% เพราะเป็นรถที่ทำความเร็วได้ไม่ไวนัก
Civic 2.0 ES คันนี้ถ้าสถานการณ์แค่เลียเลียก็ความเร็วพุ่งปรู๊ดแล้ว
แต่พอจะเรียกอัตราเร่งจริงจัง กด 70-80% เพราะมันมักไม่ค่อยพุ่ง
-
แบบแรกครับ ค่อยๆออกตัวเหยียบแบบไล่ความเร็วเปลี่ยนเกียร์ประมาณ 3000 รอบ ต่อให้เร่งแซงก็ไม่เกิน 4000 รอบ แต่ไม่ได้ขับช้าขวางใครนะครับ เท้าผมเร็ว ออกตัวเนี่ยใส่เกียร์รอแล้วดึงเบรครอไว้ ถ้าเป็นทางขึ้นเนินล่ะแจ๋วเลย ขับไม่เกิน 110-120 สงสารรถครับกลัวมันพัง ผมขับมาเป็นปีแทบไม่เสียอะไร แต่ช่วงเดือนก่อนๆเพื่อนหนีน้ำท่วมมาพักด้วยเลยเอารถให้เพื่อนใช้ เสียบ่อยซะงั้นเดี๋ยวเบรค น้ำมันพาวเวอร์ ตัวดึงกระโปรงหลัง ดีนะที่เป็นเกียร์ธรรมดาเลยทนหน่อย
อ๋อ เพื่อนซี้เลยครับ มันบอกว่าถ้าจะเปลี่ยนคันใหม่ให้มาถามมันก่อนติดใจคันนี้ ราคาไม่แพง อะไหล่ถูก หาง่าย ที่ทำงานอยู่แถวกิ่งแก้วใกล้เชียงกงก็ยิ่งหาอะไหล่ง่าย แต่ผมไม่ขายหรอก ลักษณะนี้น่าจะไปขับกระบะดีกว่ามั้ง
-
ตอบถูกทุกข้อได้มั้ยครับ ;D
ถ้าไม่รีบ อารมณ์ดี ไม่หงุดหงิดอะไรมา ก็จะขับแบบ เนิบๆ ค่อยๆไล่ความเร็ว
แต่ถ้า รีบ หงุดหงิดเรื่องส่วนตัว หรือหงุดหงิด การขับรถของเพื่อนร่วมถนน ก็จะกดๆหนี พอพ้นแล้ว ก็จะขับเรียบร้อยตามเดิม
-
แล้วแต่สถานการณ์ครับสำหรับผม
สถานการณ์ปกติ ไม่รีบร้อน ---> ค่อยๆกดไปครับ ผมไม่ใช่คนที่ขับรถแบบออกตัวแรงๆ ไปแบบเรื่อยๆมากกว่าครับ
สถานการณ์ปกติ มีคนนั่งด้วย ---> ผมจะกดเบากว่าเดิมอีกครับ ค่อยๆเลื่อนไปอย่างช้าๆ นุ่มนวลมาก (โดยเฉพาะถ้าแม่นั่งด้วย - -")
รีบร้อนมาก ---> สั้นๆครับ "เหยียบจมมิดติดเหล็กรถ"
รถติดแต่รถยังขยับได้บ้าง ---> เวลารถติดผมมักจะไม่ชอบค้างอยู่เลนเดียวครับ เลนไหนว่างผมก็เปลี่ยนไปเลนนั้น เวลาเปลี่ยนเลนเวลารถติดต้องกดหนักหน่อยครับ อาศัยความรวดเร็ว
-
ค่อยๆไปครับ และผมไม่เคยคิกดาวเลยมั้ง ถ้ามีก้น้อยมาก
เพราะเส้นทางที่ใช้มันยาวแต่ไม่มาก ครับ ผมก็ขับไปเรื่อยตอนรับบัตรหรือจ่ายเงินค่าทางด่วน
ส่วนมากที่จ่ายพร้อมกันเค้าก็พรุ้งปรูดออกไปก่อนผมไกลเลย
แต่ผมก็ไม่ได้แข่งกับเค้า ก็ค่อยๆไล่ความเร็วไปเรื่อย เรื่อย เรื่อย ได้ 140 ผมก็กดครูซ
แล้วก็อยู่ขวาเลย คอยมองกระจกหลังบ่อยๆ ถ้ามีรถแรงมา ผมก็หลบให้ถ้าโล่งมากๆผมก็วิ่งกลาง
ผมก็จะแซงหลายๆคนในนี้ที่ออกตัวแรงแต่วิ่งไม่เกิน 120 ^^
แต่ถ้าโจทย์นี้เป็นเดินทางไปตจว โซนอีสาน กดหมด100 เปอร์ครับตั้งแต่ออกตัว เพราะ ขับ ตจว
มันไม่ชิวเอาเสียเลย
-
ตอนยุบริษัทเก่า มีค่าน้ำมันให้ กดกระจายครับ บริษัทใหม่ไม่มีค่าน้ำมันให้ ผมเลี้ยงสุดๆครับ 5555
-
ไม่รีบ ก็ shift ที่ 2500-3000 รีบก็ 3500-4000 แซง ธรรมดา 4500 แซงฉุกเฉิน 5000-6200
-
2 กิโลแรกขับช้า ๆ ครับเพื่อลดอัตราการสึกหรอครับ พอเกิน 2 กมก็ค่อย ๆ ไต่ระดับความเร็ว (กดช้า ๆ) ในตัวเมืองขับไม่เกิน 80 กม.ต่อชม. ยิ่งตอนรถติดก็ค่อย ๆ คลานช้า ๆ ถ้าขับต่างจังหวัดก็จะไปช้า ๆ ชิดซ้ายสักสองกิโลเมตร แล้วค่อยไต่ระดับความเร็วตามความโล่งของถนน ไม่เกิน 150 กม.ต่อชม. แล้วชิดซ้าย ถ้าขับผ่านชุมชนหรือโรงเรียนก็จะลดความเร็ว จะกดครึ่งก็ต่อเมื่อจะแทรงหรือ 3ใน4 ต่อเมื่อแทรงรถที่ติดยาวหลาย ๆ คัน (ถนน 2 เลน) ทั้งหมดก็เพื่อยืดอายุเกียร์ cvt ที่ไม่ชอบการขับกระชากครับ :)
-
ค่อยๆไปเรื่อยๆ รถมันเก่าแล้วววว(เจียมตัว)ครับ..
-
แอบรู้สึกว่าคุณเต้ตั้งกระทู้นี้มาถามผมรึเปล่าเนี่ย
;D
ตอบ แล้วแต่สถานการณ์และรถที่ขับครับ
โปรทีเจ เกียร์หนึ่ง กด 40-50% ตลอด หลายครั้งกด 100%
เพราะรอบมันกวาดเร็ว และเสียงเครื่องมันเร้าให้กดต่อเหลือเกิน
นอกเหนือจากนั้นก็กด 50-60% เพื่อเลี้ยงรอบให้เสียงเพราะเพราะ
แต่ไม่ได้กดแบบกระทืบพรวดเดียวหมด ใช้ไล่คันเร่งแต่ไล่เร็ว(มาก)
กาแลนท์ 2.0 GTi เกียร์ธรรมดาเหมือนกัน กดมากสุดก็ 70%
เพราะรถมันเก่าแล้ว ถนอมไว้หน่อย แต่ส่วนใหญ่ก็กดคันเร่งระดับ 30-40% ตลอด
ถึงแม้จะเก่า แต่เครื่องก็ยังเรียกร้องให้เติมคันเร่งอยู่ดี
มาสด้า 3 2.0 เกียร์ออโต้ เกียร์หนึ่งกดลึกตลอด เพราะอยากให้ออกตัวไว
ส่วนพอความเร็วขึ้นไปแล้ว ก็กดในระดับก่อนจะถึงจุดคิกดาวน์ในเวลาปกติ (ซึ่งก็ลึก)
และบ่อยครั้งที่กดหมด 100% เพราะเป็นรถที่ทำความเร็วได้ไม่ไวนัก
Civic 2.0 ES คันนี้ถ้าสถานการณ์แค่เลียเลียก็ความเร็วพุ่งปรู๊ดแล้ว
แต่พอจะเรียกอัตราเร่งจริงจัง กด 70-80% เพราะมันมักไม่ค่อยพุ่ง
ได้แนวคิดมาจากกระทู้ก่อนหน้าที่คุณเนยตอบครับ เลยลองเอามาถามเพื่อนๆ ดูว่าขับกันยังไง
ผมว่าน่าคิด คันเร่งมันมีผล หลอกความรู้สึกได้ครับ ;)
-
ค่อยๆ กดครับ เพราะต้องการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ให้ได้มากที่สุด (Hybrid) แต่โดยส่วนใหญ่ก้อตามสภาพการจราจรเป็นหลักครับ ถ้ารถเยอะก้ออาจจะต้องกดหนักนิดนึง แต่ถ้ารถไม่เยอะก้อจะเค้นพลังงานจากแบตเตอรี่นี่แหละครับ
-
แต่ผมก็ไม่ได้แข่งกับเค้า ก็ค่อยๆไล่ความเร็วไปเรื่อย เรื่อย เรื่อย ได้ 140 ผมก็กดครูซ
แล้วก็อยู่ขวาเลย คอยมองกระจกหลังบ่อยๆ ถ้ามีรถแรงมา ผมก็หลบให้ถ้าโล่งมากๆผมก็วิ่งกลาง
140 ก็อยู่เลนกลางเถอะครับถ้าเป็นไปได้ เป็นผมผมก็ทำอย่างนั้น พอเจอคันหน้าแล้วเราเร็วกว่าค่อยขวาแซงไป
-
กดมากหรือน้อยไม่รู้ รู้แค่เวลาอารมณ์ปกติไม่เคยเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเกิน 2,500 เลยครับ
กลัวเปลืองน้ำมัน ;D
แต่ถ้าได้ไปสนาม ก็อีกเรื่อง ตรงไหนกดมิดได้ ก็ติดเหล็กเหมือนกันครับ :D
-
แล้วแต่อารมณ์ สถานะการณ์ และ รถที่ขับครับ
แต่ส่วนใหญ่รถเบ็นซินผมจะเปลี่ยนเกียร์ที่ช่วง 3000 รอบครับ
Diesel ก็จะอยู่ที่ 2200 รอบ