Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: reyeshenry ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2012, 12:24:54
-
มองดู VolVo ตั้งราคาขายรถถูกมากแล้ว S80 เครื่อง 2.5 cc อ๊อฟชั่นความสะดวกสบาย เพียบ เทียบได้กับ BMW ซีรี่ 5 แต่ราคา S80 2.5 ล้านสำหรับเกย์มาเก็ต ราคาศูนย์ 2.9 ล้าน เปรียบเทียบกับ 3.5 ลัานบวก แต่ก็มองดูยอดขายแล้ว ทำไมผมว่า ทำไมเหมือน เข็นไม่ขึ้น คิดถึงอดีต 10 ปีก่อน มองไปทางไหนวอลโว่ ก็มีให้เห็น พอๆ กับ BM และเบนซ์ แต่ตอนนี้ หาแทบไม่เจอเลยครับ
-
ที่จริงมันก็ขายสูงขึ้นเรื่อยๆนะ ไม่ได้เท่าเดิม และที่ดูว่าขายได้น้อยเพราะเรื่องอดีตอันขมขื่น
-
1. หลายคนยังขยาดกับ850เทอร์โบที่จุกจิกสุดๆจนหลายคนยอมขายทิ้ง
2. ค่านิยมไทยก็ยังต้องเป็นเบนซ์กับBMW และ ยังซื้อรถโดยคำนึงถึงราคาขายต่อ และ หลายคนไม่ซื้อlexusเพราะราคาขายต่อไม่ดี (เอ่อ ซื้อรถมาใช้นะครับ ไม่ได้ซื้อมาขายมือสอง)
ฯลฯ
-
หนึ่งในเหตุผล ผมว่าหน้าตา+การดีไซน์ มีส่วนชัวร์
-
ประเด็นเรื่องหน้าตา หรือราคาขายต่อ ผมไม่ค่อยคำนึงเท่าไหร่
เพราะที่บ้านไม่ค่อยได้ขายต่อบ่อยๆ
สำหรับผม ผมยังไม่มั่นใจเรื่องศูนย์บริการ+ความคงทนของตัวรถโดยภาพรวม ครับ
เรื่องศูนย์แพงกว่าปกติ (แพงกว่า D-Segmentญี่ปุ่น) นี่ไม่ว่า อย่าให้แพงกว่า MERC. หรือ BMW
และให้มันจุกจิกน้อยหน่อยเป็นใช้ได้
ส่วนตัวยังไม่มีวาสนาเจอกันซักที แต่เห็นตามบอร์ดพูดๆกันแล้วก็ละเหี่ยใจ
หมดกำลังใจจะซื้อ ความฮึกเหิมที่จะกำเงิน 1,800,000 ไปจ่ายหายไปในบัดดล
พูดง่ายๆก็คือ คลับวอลโว่มีคนบ่นพอๆกับคลับฟอร์ดนั่นแหละครับ เลยไม่ได้ซื้อกันสักที
สรุป สำหรับผม เหตุผลที่ไม่ได้ถอย V50 ออกมาทั้งๆที่ชอบมาก
แล้วไปออก CAMRY HB แทน
เพราะกลัวเรื่องศูนย์/ความคงทนของรถ เท่านั้นแหละครับ
แต่พอซื้อคันใหม่ไปใช้แล้ว ก็ยังตัดใจจากวอลโว่ไม่ได้อยู่ดี
วันดีคืนดี จะแว่บไปดู V60 ซะหน่อย :P
-
ค่านิยมล้วนๆครับ ต่อให้รถดีหรือไม่ ค่านิยมมองว่า ดูดี มันก็เอาไปหักล้างส่วนต่างๆที่ไม่ดีของตัวสินค้าได้ครับ
-
ผมว่าค่านิมยมราคาขายต่อของรถในบ้านเรามันมาถึงจุดที่เริ่มไร้สาระแล้วนะ ทั้งรถบ้านรถหรูเวลาซื้อจะต้องมองหารถตลาดไว้ก่อนโดยมีข้ออ้างว่าราคาขายต่อดีเป็นคำปลอบใจตัวเอง ทั้งๆที่จริงๆแล้วหากว่าหักลบกลบหนี้จากส่วนลด โปรโมชั่น ของแถมแล้วรถไม่ตลาดไม่ได้ขายราคาน้อยกว่าสักเท่าไหร่เลยอาจจะไม่ถึงแสนเลยด้วย นี่คือกรณีของในรถบ้าน ส่วนในรถหรูที่ราคามันพุ่งสูงเพราะว่าค่าภาษีไม่ใช่เพราะคุณงามความดีของตัวรถเอง ใช้ไป4ปีเอาไปขายราคาก็หายไปแล้วเป็นล้านๆ สุดท้ายไม่มีใครเลยที่จะได้กำไรจากราคาขายต่อยกเว้นคนซื้อมือสองที่คนซื้อมือแรกโดนค่าภาษีให้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครได้กำไรอย่าที่บอกสักคน ที่ว่าราคาขายต่อดีกับเงินที่หายไปเป็นล้านๆมันสวนทางกันชัดเจนขนาดนี้ทำไมถึงยังคิดแบบนี้กันอยู่ ก็แปลกดีเหมือนกัน คนไทยซื้อของโดยที่ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้
เจ้ายอดนิยมเวลามีปัญหาขึ้นมาสิ่งที่เราจะเห็นคือคำพูดปลอบใจว่ามีปัญหากันทุกยี่ห้อแล้วจะไม่ยอมให้ใครมาพูดถึงเรื่องที่ตัวเองเจอ ถึงขั้นโกรธหน้าดำหน้าแดงเลยเชียวถ้าเอ่ยถึง แต่ซื้อคันต่อไปก็คิดถึงแต่ราคาขายต่อซื้อเจ้าตลาดเหมือนเดิม แต่ถ้ามีญาติมิตรหรือเพื่อนฝูงที่ริอาจไปใช้ยี่ห้อที่ไม่ตลาดแล้วบังเอิญเจอปัญหานิดๆหน่อยๆก็จะโมโหโทโสแทนสาปส่งโพนทะนาว่ายี่ห้อนี้มันไม่ดียังงั้นยังงี้ พร้อมประโยคเดิมๆว่า"บอกแล้วต้อง xxx yyy เท่านั้น" วอลโว่นี่ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่น่าสงสารที่ไม่ว่าจะพยายามทำตัวให้ดีขึ้นแค่ไหนปรับปรุงให้มันดีกว่าเดิมยังไงแต่คนไทยก็จะจดจำเฉพาะในความผิดพลาดในอดีตที่ผ่านมาไม่เปลี่ยนแปลง อะไรใหม่ๆที่ดีขึ้นหรือไม่ฉันไม่รับรู้ทัศนคติต่อวอลโว่จะหยุดที่10กว่าปีที่แล้วเท่านั้น :'(
-
ปากบอกขายต่อดีกว่า แต่เห็นซื้อใช้ตั้งแต่คลอดลูกยันลูกแต่ง จะไปซึนเดเระไปทำไมครับ
รถที่ชอบ ขับแล้วสุขใจ มีเงินมีความจำเป็นก็ซื้อไปดิครับ ห่วงทำไมขายต่อ ยังไงก็ขาดทุนด้านเงิน แต่ได้กำไรทางใจแทน ;D
-
ค่านิยมก็เป้นส่วนหนึ่ง
แต่การที่วอลโว่ลลดเกรดลงไปก็เป้นส่วนหนึ่ง
สังเกตว่าตั้งแต่วอลโว่มาอยู่กับฟอร์ด ก็กลายเป็นรถขับหน้าสำหรับครอบครัว ไม่ใช่พรีเมี่ยมแบรนด์เทียบเท่าบีเอ็ม/เบนซ์
วอลโว่เคยมีรถหรูอย่าง 960/S90 ที่สามารถต่อกรกับ BMW E34 ได้อย่างสนุก
รุ่นต่อมากลายเป็นรถครอบครัวอย่าง S80 ที่ดาวไซส์ลงมาแล้ว
ฉะนั้นถ้ามองว่าเป็นรถยุโรปขนาดครอบครัว ผมว่ามันก็ขายดีนะ
แต่ถ้าเอายอดขายไปเทียบกับเบนซ์/บีเอ็ม มันไม่ใช่แล้วล่ะ..
-
1. ต้องใช้เวลาและอดทนแก้ภาพเดิมๆ
2. การตลาดดีแล้วรึยัง ผมว่ามีน้อยคนนะที่รู้
3. ศูนย์บริการ อันนี้สำคัญมาก จะซื้อแต่หาศูนย์ใกล้บ้านไม่มี
ราคากับคุณภาพผมว่าไม่ด้อยกว่าใครรวมถึงการดูแลรักษา แต่มันติดนิดเดียว
จริงๆ
-
Volvo ไม่ได้ลดเกรดตัวเองลงไปนะ Chariot เขา Position ตัวเองเอาไว้แตกต่างอยู่แล้ว อย่างเดิม
และ ณ วันนี้ ศูนย์บริการก็พยามปรับตัวกันอยู่ คงต้องให้เวลากันสักหน่อยครับ
-
ผมว่าอยู่ที่ค่านิยมนั่นแหละ
ถ้าศูนย์บริการดีแคร์ลูกค้ามากๆ ราคาอะไหล่ลดลงนิดนึง คนจะเริ่มซื้อมากขึ้นเอง
เรื่องแบบนี้บางทีโปรโมทไปมันไม่ได้อะไร มันต้องให้ลูกค้าเล่ากันปากต่อปาก
ถ้าลูกค้าเก่าเขาไม่ปลื้ม จะหาลูกค้าใหม่ก็คงยาก
-
คันต่อไปของผมก็อยากได้วอลโว่นะ
รอเก็บเงินก่อน
แต่ถ้าจะเพิ่มศูนย์ให้ทั่วถึงกว่านี้ก็จะดีมาก
ตอนนี้ผมใช้ฮอนด้า มีศูนย์ใกล้ขนาดเอารถไปทิ้งไว้แล้วเดินลับมาบ้านได้
-
850 ไม่จุกจิก ตัวT-5 เครื่องดี แต่ ช่วงล่างกับเบรค ห่วยแตก
-
อยากให้ซ่อมบำรุงง่ายและถูก ซ่อมจบ ศูนย์เยอะๆ น่าจะโอเคมากๆเลย
แต่ก็อย่างว่าล่ะครับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเทคโนโลยี่ใหม่ๆเยอะขึ้น
มันก็ยากที่จะทำให้ง่ายและถูก หรือถ้าลดสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์หรือจุดเด่นจนเกินไปก็โดนอีก
อืมม เอาอย่างงี้แล้วกัน
เอาเป็นว่า " ทุกชีวิตปลอดภัยใน Volvo โครตๆ " และได้กับความผ่อนคลาย
ทั้งร่างกายและอารมณ์แบบเป็นที่สุดใน Premium Class น่าจะเหมาะกับแบรนด์นี้นะครับ..
-
อันแรกออกมาช้าไป ผมออกรถคันอื่นไปก่อนแล้ว ;D เกี่ยวมั๊ยเนี่ย
จริงๆผมว่าน่าจะเกี่ยวกับค่าบริการและค่านิยมนะครับ
ในเมื่อเวลาเราบำรุงรักษาเรายังจ่ายเหมือน bww แล้วทำไมเราต้องมาซื้อ volvo ในเมื่อเพิ่งเงินสักหน่อยก็ได้ bmw คำว่าสักหน่อยของคนมีตังค์นะครับ
ผมเคยไปดูรถ volvoหลายครั้ง เวลาพูดถึงค่าบำรุงรักษาเค้าทำตัวเหมือนเรารวยมากๆๆ มีเงินก็ทิ้งได้
-
แต่ แบรนด์ เกาหลีอย่าง ฮุนได ยังทำได้ คนเริ่มใช้ เริ่มบอกต่อ ผมว่าวอลโว่ขอแค่เวลา กับพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไปคงเป็นแบรนด์ที่น่าคบ อีกแบรนด์นึงแน่นอนครับ ( V60 ผมยังอยากคบเลยครับ )
-
รถนะดีไม่แพ้คนอื่นแล้ว ขาดแต่ศูนย์บริการและค่าอะไหล่ค่าแรงทีสมเหตุผล มันขายไม่ดีเพราะมีคนเคยใช้แล้วเจอเรื่องร้ายๆจึงบอกต่อๆกันมา การจะล้างภาพแบบนั้นก็ต้องใช้เวลาและความตั้งใจจริงให้คนซื้อไปใช้แล้วไม่ผิดหวัง คำด่ามันก็จะกลายเป็นคำชม แล้วคนซื้อก็จะเพิ่มขึ้นเอง
-
คุณ 2k ตรงใจมากๆครับ
ยังไม่ทันใช้เลย จะขายซะแล้ว
-
"ปากบอกขายต่อดีกว่า แต่เห็นซื้อใช้ตั้งแต่คลอดลูกยันลูกแต่ง จะไปซึนเดเระไปทำไมครับ" ต๊ายยยยโดนใจสุดๆๆๆ ;D
ไม่ใช่ว่าเบนซ์กับBMWไม่ดีนะ มันดี แต่ในตลาดมันยังมีทางเลือกที่ตรงกับความต้องการกับคนซื้อมากกว่าเจ้าตลาดอีก แต่แนวคิดของคนไทยที่ต้องยึดติดสองยี่ห้อเท่านั้นนั่นแหละที่ผิด พอว่ามาผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าเพื่อนๆคนจีนของผมมักจะมี"รถพ่อแก่"ที่บ้านของเค้ากันคนละคัน แม้กระทั่งหลายๆคนในคลับรถต่างๆยังเผลอบอกกันมาเลยว่า"เทียบกับเบนซ์คุณพ่อ/คุณปู่ที่บ้านแล้วxxxxx yyyyyyy" แสดงว่าเบนซ์ของพวกเค้าอายุมันอยู่มาเกินสิบปีแล้ว คิดว่าคงจะไม่มีโอกาสได้ใช้สิทธิราคาขายต่อดีอีกต่อไป ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าซื้อรถที่ท่านถูกใจที่สุดคุณภาพเพียงพอกับความต้องการที่สุดนั่นแหละ ถ้าลงท้ายแล้วมันไปลงที่รถเจ้าตลาดนั่นก็ถือว่าเป็นกำไรไปก็แล้วกัน แต่หากว่ามันมาตกอยู่กับรถยี่ห้อที่มันไม่ตลาดทั้งหลายอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธมันเพียงเพราะราคาขายต่อ แล้วท่านอาจได้เจ้าคุณปู่ประดับบ้านไว้อีกคันนึงนั่นเองแล ;D
-
คงเป็นที่คุณภาพ ศูนย์บริการ ค่าบำรุงรักษา และการออกแบบรถที่ไม่ค่อยโดนใจ
ที่สำคัญที่สุด เสียงบอกต่อจากผู้ที่เคยใช้ ได้ยินมาจากคนรู้จักตั้งแต่ปี 2532 มาจนปัจจุบันที่มีคนใกล้ตัวใช้ และเคยใช้ ทำให้ผมไม่กล้าซื้อครับ
-
รู้สึกว่า Volvo ไม่มีรถเกรย์นะครับ
ณ ตอนนี้ Volvo มีเด่นที่ความปลอดภัยเชิงป้องกัน แต่เทคโนโลยีเหล่านี้ ค่ายเยอรมันก็พัฒนาตามทัน
สิ่งที่ Volvo ขาดคือ คุณค่าของแบรนด์ครับ แต่ คุณภาพ วอลโว่ ผ่านนะครับ
และสำหรับตลาดพรีเมี่ยม หรือใครสักคนที่จะซื้อรถพรีเมี่ยมไว้สักคัน ผมว่าเขาคนนั้นจะมองไปที่ เมอร์เซเดส ก่อนครับ
-
Volvo ไม่ได้ลดเกรดตัวเองลงไปนะ Chariot เขา Position ตัวเองเอาไว้แตกต่างอยู่แล้ว อย่างเดิม
ผมมองแบบนี้อ่ะครับ
ยุคก่อน
- Mid-Size Luxuary = MB W123/W124, BMW E28/E34, Volvo 700/900, Audi 100/A6
- Mid-size Family = Peugeot 505/605, Opel Senator/Omega, Renault 21/Safrane
ยุคใหม่
- Mid-Size Luxuary = MB W211/212, BMW E60/F10, Audi A6
- Mid-size Family = Volvo S80, Peugeot 508, Opel insignia, Renault Latitude
ลองสังเกตดูจะพบว่า ทั้งวอลโว่ เปอโยต์ โอเปิ้ล และเรโนลต์ ก็หันมาใช้วิธีควบรุ่น หรือแชร์แพลทฟอร์มกับรุ่นเล็กมากขึ้น เพื่อประหยัดต้นทุน
ซึ่งวอลโว่ก็ใช้วิธีนี้เช่นกันในการผลิต S80 ดังนั้นรากเหง้าการพัฒนาของวอลโว่ในปัจจุบัน จึงไม่อาจเทียบกับพรีเมียมแบรนด์ได้ครับ
-
ลองสังเกตดูจะพบว่า ทั้งวอลโว่ เปอโยต์ โอเปิ้ล และเรโนลต์ ก็หันมาใช้วิธีควบรุ่น หรือแชร์แพลทฟอร์มกับรุ่นเล็กมากขึ้น เพื่อประหยัดต้นทุน
ซึ่งวอลโว่ก็ใช้วิธีนี้เช่นกันในการผลิต S80 ดังนั้นรากเหง้าการพัฒนาของวอลโว่ในปัจจุบัน จึงไม่อาจเทียบกับพรีเมียมแบรนด์ได้ครับ
ผมคิดว่าใช้วิธีนี้ตัดสินไม่ได้นะ โอเค Volvo S80 อาจจะแพทฟอร์มร่วมกับฟอร์ดและวอลโว่และรวมถึงแลนด์โลเว่อร์ด้วยไม่แน่ใจว่าจากัวร์ด้วยหรือเปล่า ผมว่าปัญหามันอยู่ที่ต้นทุนมากกว่าครับ ถ้าคุณใช้วิธีนี้ตัดสิน ยกตัวอย่าง เมอร์เซเดส E Class CLS Class ML Class ก็ไม่ใช่พรีเมี่ยมแบรนด์สิครับ เพราะแชร์พื้นฐานเดียวกัน
-
ช่วยกันเปิดใจอีกนิด เราจะได้มีโอกาสได้ใช้รถที่ดังๆในเมืองนอกในราคาสมเหตุสมผลกันบ้าง
แต่คุณผู้ผลิตรถก็ควรที่จะมองลูกค้าเหมือนกับตอนที่เค้ามาซื้อรถจากคุณ ในทุกครั้งที่ให้บริการด้วยนะครับ
-
ลองสังเกตดูจะพบว่า ทั้งวอลโว่ เปอโยต์ โอเปิ้ล และเรโนลต์ ก็หันมาใช้วิธีควบรุ่น หรือแชร์แพลทฟอร์มกับรุ่นเล็กมากขึ้น เพื่อประหยัดต้นทุน
ซึ่งวอลโว่ก็ใช้วิธีนี้เช่นกันในการผลิต S80 ดังนั้นรากเหง้าการพัฒนาของวอลโว่ในปัจจุบัน จึงไม่อาจเทียบกับพรีเมียมแบรนด์ได้ครับ
ผมคิดว่าใช้วิธีนี้ตัดสินไม่ได้นะ โอเค Volvo S80 อาจจะแพทฟอร์มร่วมกับฟอร์ดและวอลโว่และรวมถึงแลนด์โลเว่อร์ด้วยไม่แน่ใจว่าจากัวร์ด้วยหรือเปล่า ผมว่าปัญหามันอยู่ที่ต้นทุนมากกว่าครับ ถ้าคุณใช้วิธีนี้ตัดสิน ยกตัวอย่าง เมอร์เซเดส E Class CLS Class ML Class ก็ไม่ใช่พรีเมี่ยมแบรนด์สิครับ เพราะแชร์พื้นฐานเดียวกัน
ผมว่าผมบอกไว้ชัดเจนในกระทู้บนแล้วนะว่า "เป็นการควบรุ่น หรือแชร์แพลทฟอร์มกับรุ่นเล็ก"
แล้วกรณี E ML CLS-class มันเข้าข่ายแบบที่ผมบอกรึเปล่า
ยกตัวอย่างการควบรุ่น หรือแชร์แพลทฟอร์มกับรุ่นเล็ก
S80 แชร์พื้นฐานร่วมกับ S60 เพื่อลดต้นทุน
ส่วน E-class แชร์พื้นฐานกับ C-class รึเปล่า คำตอบคือไม่ใช่
คราวนี้เห็นรึยังว่าต้นทุนการพัฒนาของ Mid-Size Luxuary กับ Mid-size Family มันต่างกัน ผมจึงสรุปไปดังที่กล่าวมาแล้วครับ
-
งานประกอบแรกๆก็ดูสวยดี วอลโว่พอใช้ไปนานๆ เสียงกร๊อบแกร๊ป ของวัสดุภายในมันไม่เนียบเลย เทียบกะเบนซ์ ใช้นานๆก็ยังแน่นปึก
S60 ลายไม้ปลอมด้วยอ่ะ !
-
ผมคิดว่าการตลาดของ Volvo ยังไมาถูก promote เท่าที่ควรมั้งครับ แต่ตอนนี้ Volvo ก้เร่งพัฒนาเรื่องโน้นเรื่องนี้น่าดูเลยหละ
อีกเหตุผมอาจจะเป็นที่ตัวบุคคลเองเนี่ยหละครับ คนไทยเราส่วนใหญ่ผมว่าติดแบรนด์นะ อยากได้รถ premium ซักคันหรอ ไปเลย BMW MB หรือไม่ก้เคยได้ยินมาว่า Volvo รถไม่ดี หนัก กินน้ำมัน อะไหร่แพง โน่นนี่นั่น ก้เลยไม่หันไปมอง แต่หารู้ไหมว่าเดี๋ยวนี้เค้าก้ได้พัฒนาขึ้นมาแล้ว ไม่ได้เป็นอย่างที่เคยได้ยินกันอีกต่อไป รถระดับความปลอดภัยขนาดนี้ คุณได้ความปลอดภัยที่ BMW MB ไม่ได้ให้ แต่ก้ยังคิดติดเรื่องราคาขอายต่อ เรื่องอะไหร่ เรื่องอะไรก้ตามที่คุณคิดกับ Volvo แต่คุณไม่ได้คิดว่า BMW MB ก้เป็นเหมือนกันหนะแหละ ขายต่อราคาตกฮวบ อะไหร่แพง และเรื่องอื่นๆอีก
บ้านผมก้เคยจะออก XC60 มาให้เหมือนกันครับ แต่ตอนนั้นไม่มีรถต้องรอประมาณ 3-4 เดือน แต่ที่บ้านต้องใช้รถ ก้เลยไปออกเป็น Teana แทนครับ
-
คำว่า Mid-size Family คืออะไร หมายถึงรถขนาดเท่ากันแต่เน้นครอบครัวไม่เน้นหรูหราเหรอครับ
ผมว่าไม่น่าใช่นะ ตอนนี้เรากำลังคุยปนกันระหว่าง ตำแหน่งทางการตลาด และ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ปัจจุบัน S80 ก็ยังมีตำแหน่งทางการตลาดเทียบเท่ากับ E-Class และ Series 5 นะครับ
เพียงแต่จับตลาดคนละรูปแบบเท่านั้นเอง E-Class มีคุณค่ายึดถือที่ตัวแบรนด์อยู่แล้ว
Series 5 ก็หนีไปลุยเรื่องเทคโนโลยีอัดแน่นเต็มคันเพื่อสมรรถนะและการขับขี่
S80 ไปแนวครอบครัวกว่าก็จริง แต่ความหรูหราและอุปกรณ์ที่ใส่มาก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก
ถ้าเราคุยปนกันระหว่างสองประเด็น พอมองให้กว้างขึ้นก็จะเจอปัญหาอีกครับ
อย่างถ้ามี Mid-size Luxury และ Family แล้วรถอย่าง Camry Hybrid, Teana, Accord อยู่ตรงไหน
สำหรับผม ผมคิดว่ามันสับสนกว่าเดิมครับ
-
อาจจะเป็นเพราะศุนย์บริการครับ
อาจจะาศูนย์บริการยาก คนเรยไม่ค่อยนิยมเล่นครับ
-
นอกจากศูนย์บริการที่น่าหวาดผวาแล้ว
ผมว่าตัวรถของวอลโว่เองก็ยังไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่
ถ้าถามว่าคุณจ่ายเงินแพงกว่าเพื่อซื้อรถยุโรปแล้วคุณคาดหวังอะไรบ้าง
เครื่องแรง ช่วงล่างเกาะถนน ภาพลักษณ์ รูปลักษณ์ภายนอกภายใน bla bla bla
ทุกวันนี้ที่วอลโว่มีดีก็แค่สวย นั่งสบาย ส่วนอื่นๆนั้นก็ดูเป็นรองไปหมด
ช่วงล่างก็ยวบยาบ ไม่ต้องเทียบกะ benz bmw ดีไม่ดี mitsu ford mazda ยังจะขับดีกว่า
เครื่องเทอร์โบตัวเลขแรงม้าก็สวยดี แต่ขับจริงแล้วก็ไปไม่ค่อยไหวแถมยังกินน้ำมันซะ
ความจิงผมว่าตลาดที่วอลโว่น่าจะไปได้ดีคือกลุ่ม wagon crossover เพราะวอลโว่ทำออกมาน่าใช้ดีแถมคู่แข่งแทบก็ไม่มี
xc60 xc70 xc90 v60 v70 อยากให้เอามาขายให้ครบๆ
แฟนพันธุ์แท้วอลโว่ที่รออยู่ก็เยอะ ลูกค้าใหม่ที่อยากได้รถอเนกประสงค์ก็มีไม่น้อย น่าจะขายได้ดี
-
ลองสังเกตดูจะพบว่า ทั้งวอลโว่ เปอโยต์ โอเปิ้ล และเรโนลต์ ก็หันมาใช้วิธีควบรุ่น หรือแชร์แพลทฟอร์มกับรุ่นเล็กมากขึ้น เพื่อประหยัดต้นทุน
ซึ่งวอลโว่ก็ใช้วิธีนี้เช่นกันในการผลิต S80 ดังนั้นรากเหง้าการพัฒนาของวอลโว่ในปัจจุบัน จึงไม่อาจเทียบกับพรีเมียมแบรนด์ได้ครับ
ผมคิดว่าใช้วิธีนี้ตัดสินไม่ได้นะ โอเค Volvo S80 อาจจะแพทฟอร์มร่วมกับฟอร์ดและวอลโว่และรวมถึงแลนด์โลเว่อร์ด้วยไม่แน่ใจว่าจากัวร์ด้วยหรือเปล่า ผมว่าปัญหามันอยู่ที่ต้นทุนมากกว่าครับ ถ้าคุณใช้วิธีนี้ตัดสิน ยกตัวอย่าง เมอร์เซเดส E Class CLS Class ML Class ก็ไม่ใช่พรีเมี่ยมแบรนด์สิครับ เพราะแชร์พื้นฐานเดียวกัน
ผมว่าผมบอกไว้ชัดเจนในกระทู้บนแล้วนะว่า "เป็นการควบรุ่น หรือแชร์แพลทฟอร์มกับรุ่นเล็ก"
แล้วกรณี E ML CLS-class มันเข้าข่ายแบบที่ผมบอกรึเปล่า
ยกตัวอย่างการควบรุ่น หรือแชร์แพลทฟอร์มกับรุ่นเล็ก
S80 แชร์พื้นฐานร่วมกับ S60 เพื่อลดต้นทุน
ส่วน E-class แชร์พื้นฐานกับ C-class รึเปล่า คำตอบคือไม่ใช่
คราวนี้เห็นรึยังว่าต้นทุนการพัฒนาของ Mid-Size Luxuary กับ Mid-size Family มันต่างกัน ผมจึงสรุปไปดังที่กล่าวมาแล้วครับ
ถ้าพูดถึงตำแหน่งของสินค้าแล้ว E Class มีต่ำแหน่งกว่า CLS Class ครับ
และ S80 ก็ไม่ได้ไปใช้พื้นฐานร่วมกับ S60 นะครับ แต่ S60 หนะไปใช้พื้นฐานร่วมกับ S80 ครับ เข้าใจความหมายนะครับ
และผมก็ยังยืนยังว่า Volvo เป็นพรีเมี่ยมแบนรด์ครับ ดูแค่การเลือกใช้วัสดุ การประกอบก็ต่างกับตลาดแมสอย่างชัดเจนแล้วครับ
*ตามความเข้าใจของผมคือ คือ Mid-size Family ที่คุณกล่าวถึงคือตลาดแมสนะครับ จะได้เข้าใจตรงกันนะครับ
-
คำว่า Mid-size Family คืออะไร หมายถึงรถขนาดเท่ากันแต่เน้นครอบครัวไม่เน้นหรูหราเหรอครับ
ผมว่าไม่น่าใช่นะ ตอนนี้เรากำลังคุยปนกันระหว่าง ตำแหน่งทางการตลาด และ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ปัจจุบัน S80 ก็ยังมีตำแหน่งทางการตลาดเทียบเท่ากับ E-Class และ Series 5 นะครับ
เพียงแต่จับตลาดคนละรูปแบบเท่านั้นเอง E-Class มีคุณค่ายึดถือที่ตัวแบรนด์อยู่แล้ว
Series 5 ก็หนีไปลุยเรื่องเทคโนโลยีอัดแน่นเต็มคันเพื่อสมรรถนะและการขับขี่
S80 ไปแนวครอบครัวกว่าก็จริง แต่ความหรูหราและอุปกรณ์ที่ใส่มาก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก
ถ้าเราคุยปนกันระหว่างสองประเด็น พอมองให้กว้างขึ้นก็จะเจอปัญหาอีกครับ
อย่างถ้ามี Mid-size Luxury และ Family แล้วรถอย่าง Camry Hybrid, Teana, Accord อยู่ตรงไหน
สำหรับผม ผมคิดว่ามันสับสนกว่าเดิมครับ
Camry Teana Accord 6 Mondeo Malibu ก็จัดอยู่ในหมวด Mid-size Family เดียวกับ S80 น่ะแหละครับ เพียงแต่ที่โตกับฮอนราคาถูก เพราะมันประกอบใน
ผมแอบหวังว่า ConceptYOU ตัวใหม่ที่ทรงดูเรโทร อาจจะช่วยสร้างคุณค่าให้แบรนด์นี้ได้บ้าง..
-
ผมคิดว่า เราไม่สามารถเอา Volvo ไปเทียบกับรถหรูจากเยอรมันได้ เพราะในแง่การตลาดแล้ว Volvo ยังเป็นแค่ Semi-Luxury เท่านั้น (เหมือนกับ Audi/Autounion ก่อนปลายยุค 90 นั่นละ) เพราะรถล่างสุดของแบรนด์ (440/460/S40) ยังอาจไม่ถึงขั้นเรียกว่าเป็น luxury car ได้ และยังไม่มีตัวใหญ่เอาไว้ฟัดกับ S, A8, 7-Series
ดังนั้น Volvo น่าจะเป็นแบรนด์ที่ขายความแปลก ความเฉพาะมากกว่าที่จะเน้นตลาดหลักรถหรูครับ
S80 ในการวางตลาดบางประเทศน่าจะอยู่ใกล้ๆ 5-series แล้วครับ
และการเป็นรถขับหน้า มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรด้วย เพราะหลายๆ ท่านที่ยึดติดกับแบรนด์ Audi อย่าลืมว่า Auto Union หลังสงครามโลก เริ่มต้นจากรถขับหน้า เครื่องวางตามยาว 2 จังหวะครับ เช่น DKW F102, Audi F103 (อันนี้ 4 จังหวะ พัฒนามาจาก F102)
รถพวกนี้ คือบรรพบุรุษของทั้ง 80/A4 และ VW Passat ครับ
รถขับหน้าอย่าง Volvo, Audi หรือแม้แต่ Acura สามารถพัฒนาต่อยอดเป็นรถหรูได้ครับ สิ่งสำคัญไม่ใช่รูปแบบของงานวิศวกรรม สิ่งสำคัญคือวิสัยทัศน์ทางการตลาดครับ
ส่วน Saab แต่เดิมก็ไม่ใช่รถหรู เน้นแปลกครับ แต่พอ GM เอาไป ดันไปฝันว่า มันจะกลายเป็นแบรนด์ยุโรปสุดหรู คู่กับ Mercedes, BMW ได้ แต่มันผิด concept เลยไปไม่รอดครับ
เสริมนิดครับ Skoda Superb ตัวปัจจุบัน ใช้ platform ที่ดัดแปลงมาจาก A5 (PQ35) ของ VW Golf, Scirocco, Audi A3 (และ Skoda Octavia) ครับ ไม่ได้มาจาก Passat ตรงๆ เหมือนโฉมแรก
-
ที่แน่ๆ วอลโว่ S80 สีดำ
สำหรับผมแล้ว มันสวยมากกก
ผมมองว่าวอลโว่ก็เป็นรถระดับพรีเมี่ยมคันนึงเลยนะ
ถ้าพูดกันถึงความเป็นรถล้วนๆ ไม่มองที่ปัจจัยอื่นๆ
วอลโว่ นั่งสบาย หรูหรา ปลอดภัย วัสดุดี เครื่องเสียงยอดเยี่ยม
ถึงแม้การขับขี่จะสู้ไม่ได้ แต่จะมีซักกี่คนที่เค้นสมรรถนะมันออกมาทั้งหมด
มีซักกี่คน ที่เหยียบกันเต็มๆ สาดโค้งกันจนถึงลิมิตจริงๆ ถึงมีก็เป็นคนส่วนน้อย
ผมเชื่อว่าตลาดรถทุกวันนี้ ยังมีความคิดที่ว่า ความนุ่ม = หรู อยู่ดีนั่นล่ะครับ
ซึ่ง วอลโว่ ให้ได้ครบ ถ้าเอารถวัดกับรถจริงๆแล้วล่ะก็ วอลโว่ก็ไม่น้อยหน้าใครหรอกครับ
แต่พอมองด้านอื่นๆเข้ามาเกี่ยวบ้าง
ศูนย์บริการ ประสบการณ์(กรรมเก่าๆ ที่วอลโว่เคยทำไว้) มันไม่อาจลบล้างได้เลยจริงๆ
หลายๆคนคงเจอปัญหากับตัวเก่ามาก แล้วหันไปมองเจ้าอื่นแทน
แทนที่จะดึงลูกค้าเดิมไว้ ลูกค้าเดิมหาย ลูกค้าใหม่ไม่มี
ถึงรถจะดีขนาดไหน ราคารถถูกขนาดไหน แต่รถมันไม่ได้ซื้อครั้งเดียวแล้วจบ
มันต้องดูแล ซ่อม เปลี่ยน ฝากผีฝากไข้
แล้ว ถ้าซื้อมาแล้วซ่อมไม่จบ ไม่สบายใจ จะใช้ทำไม
-
ถ้า Volvo สามารถ แสดงในคนทราบถึงจุดยืนตนเอง เหมือน Mazda ได้
จะเป็นจุดเปลี่ยน เพราะคนรับรู้แบรนมาสด้าว่า ต้องขับสนุก(Zoom Zoom)
ส่วนVolvo คุณก็มีอยู่แล้ว (ชีวิตปลอดภัยในวอลโว้). แค่เอามาสื่อให้ทุกคนรู้ใหม่เท่านั้นเอง
(มาสด้าเคยอยู่ในจุดเดียวกับ วอลโวในเรื่องศูนย์ ราคาอะไหล่ ราคาขายต่อ คุณภาพรถ)
-
เพราะอยู่ในประเทศไทย
ใช้รถญี่ปุ่นเกรดกลางๆ ในราคารถยุโรปตัวท๊อป (ราคาเมืองนอก) ช้ำใจเสมอมา
ผมชอบนะ รถวอลโว่ แต่ถ้าจะให้ซื้อ ยังไม่ซื้อครับ กลัวเรื่องจุกจิกและซ่อมไม่จบ เมื่อได้อายุสัก 5 ปี
อย่าว่าแต่ เบนซ์ หรือ บีเอ็มเลย พอพ้น 5 ปี หรือหมดประกัน ซ่อมทีมีหนาว อย่าให้ได้รื่อคอนโซลเชียว เละเทะ :P
รถเกรดนี้ ราคานี้ สวยๆ เจ๋งๆ กว่า volvo มีเยอะ ส่วนใหญ่ก็ไม่น่าจะใช้เกิน 5 ปี ก็เทิร์นเอาคันใหม่แล้ว ล่ะ(คนชอบรถนะ)
สำหรับคนที่คิดจะซื้อใช้จนเกษียนเลยนี่ ต้องรถญี่ปุ่นมีขายในประเทศโลด
-
เริ่มต้นจากราคารถในบ้านเรามันสูงมาก เมื่อเทียบกับค่าครองชีพ
คนส่วนใหญ่ซื้อรถคันหนึ่ง ต้องผ่อนกันนานถึงจะหมด ไหนสมัยนี้รถก็ไม่ได้ทนทานเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผ่อนหมด รถก็เริ่มมีปัญหาต้องซ่อมละ คนก็อยากจะขายแล้ว
ที่กล่าวมา จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้รถ ที่ซื้อง่าย ขายคล่อง เป็นที่นิยมกันมากมาย
ซึ่งถ้าเราพูดถึงรถยุโรป คงหนีไม่พ้น Benz ครับ สำหรับ BMW เด่นมากเรื่องเครื่องและช่วงล่างที่นำหน้า ยี้ห้ออื่นๆ และมีจุดขายชัดเจน
แต่สำหรับ volvo ยังเรียกว่าอยู่ตามหลัง 2 เจ้าตลาดรถยุโรปที่กล่าวมา ทั้งเรื่อง เครื่องยนต์ และ การขับขี่ แต่ สิ่งที่ได้คือราคาที่คุ้มกว่า และ รถ size ใหญ่กว่าในราคาที่เท่ากัน
แต่ถ้าย้อนมองในเรื่องราคาขายต่อแล้ว ก็อาจจะทำให้คนส่วนหนึ่งซึ่งมากกว่าครึ่ง มองกลับไปหา 2 ยี้ห้อแรก หรือ มองไปที่ รถญี่ปุ่น ขนาดใหญ่ มากกว่า
ในความคิดผมเอง ถ้า volvo อยากให้กลุ่มคนกลับมามอง และ เลือกมากขึ้น อาจจะต้องขายรถ segment ที่คู่แข่งไม่ขาย หรือ ขายแต่แพง อย่าง V50, V60 ที่มีขายแล้ว และกำลังเปิดตัว
แต่ เครื่องยนต์ ต้องให้ดีกว่าคู่แข่งด้วย อย่าง V50 ถ้าเอาดีเซลมาลง หรือ V60 มีตัวดีเซลให้เลือก ในราคาที่ต่ำกว่าเจ้าตลาด เครื่อง เบนซิน คือจุดหนึ่งที่น่าจะทำให้คนที่ใช้แล้วไม่อยากขายต่อ เพราะ ประหยัด และ ไม่จุกจิกครับ (ที่คิดอาจจะผิดก็ได้นะครับ แค่ share ความคิดนะครับ)
-
การออกแบบภายนอกล้วนๆเลย
-
คำว่า Mid-size Family คืออะไร หมายถึงรถขนาดเท่ากันแต่เน้นครอบครัวไม่เน้นหรูหราเหรอครับ
ผมว่าไม่น่าใช่นะ ตอนนี้เรากำลังคุยปนกันระหว่าง ตำแหน่งทางการตลาด และ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ปัจจุบัน S80 ก็ยังมีตำแหน่งทางการตลาดเทียบเท่ากับ E-Class และ Series 5 นะครับ
เพียงแต่จับตลาดคนละรูปแบบเท่านั้นเอง E-Class มีคุณค่ายึดถือที่ตัวแบรนด์อยู่แล้ว
Series 5 ก็หนีไปลุยเรื่องเทคโนโลยีอัดแน่นเต็มคันเพื่อสมรรถนะและการขับขี่
S80 ไปแนวครอบครัวกว่าก็จริง แต่ความหรูหราและอุปกรณ์ที่ใส่มาก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก
ถ้าเราคุยปนกันระหว่างสองประเด็น พอมองให้กว้างขึ้นก็จะเจอปัญหาอีกครับ
อย่างถ้ามี Mid-size Luxury และ Family แล้วรถอย่าง Camry Hybrid, Teana, Accord อยู่ตรงไหน
สำหรับผม ผมคิดว่ามันสับสนกว่าเดิมครับ
เห็นด้วยครับ
-
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่ได้ขึเนกับราคาขายอย่างเดียวครับ
ราคาซื้อถูกกว่า แต่ราคาขายแทบไม่เหลือ ค่าใช้จ่ายอาจแพงกว่าหรือพอๆกัน
อีกอย่างไปลองขับยังไงมันก็สู้ BM Benz ไม่ได้อะครับ ตกแต่งก็สู้ไม่ได้เลย
ในเมืองนอกก็เป็นเกรดรองลงมา
ถ้าตลาดดลกขายดี คนนิยมคง ไม่เป็นของจีนเหมือนตอนนี้หรอกครับ
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
-
ผมได้ขับ Volvo จริงจังมาแค่รุ่นเดียว คือ S40 2.4
ผมบอกได้เลยนะครับ ว่าคุณภาพการขับขี่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่า BMW 328xi เลย
แต่รถมันทำมาคนละบุคลิกกัน จะเอาไปเทียบความรู้สึกโดยตรงมันคงไม่ได้
ความมั่นใจในการขับขี่ทางไกล การทรงตัวเวลาเข้าโค้ง การควบคุม chassis
แทบไม่ต่างจาก 328xi เลย เพียงแต่ทำออกมาคนละบุคลิก 328xi มาแนว BMW
ต้อง Sport ต้องขับแล้วรู้สึกว่ามัน High-Performance อยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่ Volvo ขับทีไรผ่อนคลายเมื่อนั้น เบาะนั่งสบายมาก ไม่รู้จะสบายไปไหน
เครื่องเสียงดีกว่า BMW Business CD เวลาขับแล้วฟังสบายหู เดินทางไกลไกลไม่เครียด
การเก็บเสียงผมคิดว่าดีกว่าด้วย ช่วงล่างก็ซับแรงสะเทือนดีกว่า แต่เวลาเข้าโค้งก็ยังมั่นใจได้
และผมเชื่อว่าถ้าใครได้สัมผัสเบาะของ S80 แล้วจะเข้าใจว่ามันนุ่มสบายขนาดไหน
ถ้าให้เปรียบเปรยกับรถญี่ปุ่น ผมมองว่า S40 ก็อารมณ์ Lancer EX ตอนนี้ นุ่มหนึบแบบกำลังดี
ส่วน 328xi ก็แล้วแต่ครับ จะเทียบกับ Impreza หรือว่ามาสด้า 3 ตัวก่อนที่มีความดิบแข็งในตัว
-
เปิดใจสิครับ.. ;)
ผมใช้มาตั้งแต่ 460 อันนี้ยมรับเลยว่าจุกจิกจริง
แล้วก็มาใช้ 850 N/A ไม่ปรู๊ดปร๊าด แต่ขับทางไกลรู้สึกมั่นใจ สบาย และปลอดภัยมาก
แล้วก็มาใช้ 40 2.0T เฟรดแอนด์จอร์จ มันแรงมาก คล่องตัว นุ่มนวล แต่เสียงเครื่องดังไปหน่อย
2 รุ่นหลังนี่ ไม่เห็นจุกจิกเลยง่า...
-
ผมว่าเน้นคำตอบไปเชิงวิชาการไปก็ปวดหัวครับ คนไทยซื้อรถยุโรปแค่ไม่กี่เหตุผลหรอก
1.เอาหรู ไปเิบนซ์ ไม่รู้หรอกว่ามันดียังไงแต่ขับแล้วคนอื่นมองว่ากูหรู
2.เอาตามใจ ไปบีเอ็ม
3.เอาส่วนลด+ของแถมเยอะๆ ที่ไหนให้เยอะก็ไปที่นั่น
4.ขายต่อได้ราคาดี โดยไม่ได้มองว่าซื้อมาแพงกว่าแค่ไหน
อื่นๆ มากมาย
-
ผมว่าเน้นคำตอบไปเชิงวิชาการไปก็ปวดหัวครับ คนไทยซื้อรถยุโรปแค่ไม่กี่เหตุผลหรอก
1.เอาหรู ไปเิบนซ์ ไม่รู้หรอกว่ามันดียังไงแต่ขับแล้วคนอื่นมองว่ากูหรู
2.เอาตามใจ ไปบีเอ็ม
3.เอาส่วนลด+ของแถมเยอะๆ ที่ไหนให้เยอะก็ไปที่นั่น
4.ขายต่อได้ราคาดี โดยไม่ได้มองว่าซื้อมาแพงกว่าแค่ไหน
อื่นๆ มากมาย
ถูกใจความเห็นนี้มาก