Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: HOMY_DEMIO ที่ มีนาคม 01, 2012, 19:13:12
-
ตลาดอีโคคาร์ปีมังกรทองสุดคึก หลังค่ายซูซูกิ เตรียม เปิดสวิฟท์ 21 มีนาคม ด้านมิตซูบิชิ ซุ่มเงียบมิราจ แต่คาดเปิดตามกำหนดแน่นอน ส่วนเจ้าตลาดนิสสันไม่หวั่นคู่แข่งเพิ่ม เดินหน้ากลยุทธ์การตลาดเต็มสูบ พร้อมเติมกำลังการผลิตเต็ม 100%
แหล่งข่าวอุตสาหกรรมรถยนต์เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่าการแข่งขันของตลาดรถเล็ก หรืออีโคคาร์ในปี 2555 คาดว่าจะดุเดือดและคึกคักสุดๆ โดยคาดการณ์กันว่าตลาดนี้จะมีตัวเลขยอดขายรวมกันกว่า 100,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่มีตัวเลขประมาณ 40,000 คัน โดยตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นเป็นผลมาจากผู้เล่นที่แต่เดิมมีเพียงนิสสัน มาร์ช,อัลเมร่า ,ฮอนด้า บริโอ้ ในปีนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอีก 2 แบรนด์คือ ซูซูกิ สวิฟท์ และมิตซูบิชิ มิราจ นอกจากนั้นแล้วการฟื้นคืนกลับมาผลิตของทั้งค่ายนิสสันและฮอนด้า ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ตลาดดังกล่าวมียอดขายรวมถึง 1 แสนคัน
โดยความเคลื่อนไหวในตลาดนี้ เริ่มกันที่ ซูซูกิ สวิฟท์ ที่มีคิวจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์โชว์วันที่ 26 มีนาคมนี้ที่เมืองทองธานี โดยค่ายซูซูกิก็ได้โหมโรงนำร่องนำรถมาให้สื่อมวลชนได้ร่วมทดสอบกันตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนจะเปิดตัวกับสื่อมวลชนกันอีกครั้งในวันที่ 21 มีนาคมที่โรงแรมดุสิตธานี และทำการเปิดตัวที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศในวันที่ 22 มีนาคม
สำหรับสวิฟท์จะประกอบที่โรงงานจังหวัดระยอง มีกำลังการผลิตในเบื้องต้น 10,000 คันต่อปี ซึ่งจะทำการผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศก่อน และจะเริ่มส่งออกไปยังอาเซียนในช่วงปลายปี โดยสวิฟท์ใหม่จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร และมีการคาดกันว่าหลังจากการเปิดตัวอย่างทางการ ลูกค้าที่มีการสั่งจองไว้ในรอบแรกอาจจะได้รับรถในเดือนเมษายน
ปัจจุบันซูซูกิมีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศประมาณ 64 แห่ง และคาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 68 แห่งทั่วประเทศ ขณะที่เป้าหมายยอดขายรถอีโคคาร์ของซูซูกิได้ตั้งไว้ที่ 66% ของยอดขายรวมทั้งหมด โดยคาดว่าจะขายได้ 15,000 คันเพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่มียอดขาย 9,600 คัน
-
แหล่งข่าวจากวงการรถยนต์ เปิดเผยอีกว่า ตลาดอีโคคาร์ใหญ่มาก ดังนั้นผู้เล่นแต่ละแบรนด์แทบไม่ต้องแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด เพราะลูกค้าก็มีความต้องการในรถประเภทนี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าที่เป็นนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบ เป็นเฟิสต์จ๊อบเปอร์ ที่ต้องการรถยนต์ขนาดเล็กที่ประหยัดน้ำมันประหยัดราคา ประกอบกับพฤติกรรมของลูกค้าในปัจจุบันก็มองหารถที่สามารถตกแต่งในรูปแบบในสไตล์ของตนเอง ดังนั้นดีไซน์ของแบรนด์ไหนที่ถูกใจก็จะถูกเลือกไว้ในใจของลูกค้าอยู่แล้ว นอกจากนั้นแล้วก็ขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของรถยนต์แต่ละบริษัทว่าจะมีความสามารถในการผลิตได้มากน้อยแค่ไหน เพราะยิ่งผลิตมากและป้อนตลาดได้เร็วก็จะเป็นจุดได้เปรียบของค่ายนั้นๆในการแข่งขัน
-
ด้านเจ้าตลาดอีโคคาร์อย่างนิสสัน นายประพัฒน์ เชยชม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอีโคคาร์ในปีนี้จะเติบโตขึ้น โดยคาดว่าตัวเลขรวมอาจจะถึง 100,000 คัน ขณะที่การแข่งขันของแต่ละค่ายก็จะแตกต่างกันออกไป แต่ในส่วนของลูกค้าเองก็จะมีทั้งลูกค้าที่เป็นแฟนพันธุ์แท้แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง ,กลุ่มลูกค้าใหม่ที่กำลังซื้อรถคันแรกและยังไม่มีแบรนด์อยู่ในใจ และกลุ่มลูกค้าที่พร้อมจะเลือกแบรนด์ใดก็ได้ที่ถูกใจ
โดยในส่วนของนิสสันที่มี มาร์ช และ อัลเมร่า ได้เตรียมกลยุทธ์ทางการตลาด อาทิ การสื่อสารการตลาด,กิจกรรมทางการตลาดที่เคยทำก็จะทำอย่างต่อเนื่อง หรืออาจจะเห็นแคมเปญกระตุ้นการขาย ซึ่งก็ต้องดูแนวโน้มตลาดในช่วงนั้นว่าจะต้องดำเนินกลยุทธ์ใดออกไป
ปัจจุบันมาร์ช มีแบ็กออร์เดอร์ ประมาณ 6,000 คัน โดยลูกค้ารอรถเฉลี่ย 2 เดือน ขณะที่อัลเมร่า ลูกค้าต้องรอรถประมาณ 3 เดือน เนื่องจากมีแบ็กออร์เดอร์ประมาณ 10,000 คัน ขณะที่กำลังการผลิตต่อเดือนของมาร์ชจะอยู่ประมาณ 2,000 -3,000 คัน ส่วนอัลเมร่า มีกำลังการผลิตประมาณ 3,000 คันต่อเดือน
"จริงๆตามแผนงานเราต้องกลับมาผลิตได้เต็ม 100% ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม แต่เนื่องจากยังติดขัดปัญหาเรื่องผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้ยังไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตามเราจะพยายามให้กลับมา 100% และผลิตได้โดยเร็วที่สุดเพื่อป้อนความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ"
-
ขณะที่ความเคลื่อนไหวจากอีกหนึ่งค่ายที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์โชว์นี้อย่าง มิตซูบิชิ มิราจ ก็คาดว่าในต้นเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้จะทำการประชุมกับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศเกี่ยวกับรถยนต์ในรุ่นใหม่นี้ และในงานมอเตอร์โชว์ก็จะเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรถในรุ่นนี้ สำหรับมิราจ จะมาพร้อมเครื่องยนต์ 1200 ซีซี และมิตซูบิชิ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,500 คันต่อเดือน
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=109903:-55-&catid=134:than-auto-&Itemid=452 (http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=109903:-55-&catid=134:than-auto-&Itemid=452)
-
ประหยัดและไม่แพง คือ จุดขายของ Eco car ;)
-
ฟอร์ดขอเอี่ยวด้วยได้ไหม คึกคักดี
-
ฟอร์ดขอเอี่ยวด้วยได้ไหม คึกคักดี
Ford ไม่ได้ยื่นเข้าสิทธิ์อีโคคาร์ครับ
-
ผมชอบอ่ะ มันส์ว่ะ ปล่อยให้พี่โต มองค้อนตาขวาง ที่ไม่มีส่วนแบ่งในตลาดปีนี้ได้ทัน
ส่วนพี่ฮอน ก็ประมาณว่ากลับไปเลียแผลใจซ่อมโรงงานตัวเอง เพราะบริโอ มันเหมือนหลุดวงโคจรเอามากๆๆๆๆๆๆ
ถ้าไม่มีการแก้ไขเรื่องราคาให้ถูกลง หรือเพิ่มออพชั่นที่ควรจะมีให้มากขึ้น รวมไปถึงปรับปรุงข้อเสียที่โดนเล่นงานมาโดยตลอด(ที่ปัดน้ำฝนหลัง หรือเรื่องการลดต้นทุนแบบน่าเกลียดไปนิด) ยังไงถ้าได้ยอดขายเกินเดือนละ 500 ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว
ส่วนนิสสัน ผมว่าเดือนละ 3,000-4,000 สบายๆ
สวิฟท์ เดือนละ 2,000 น่าจะไม่ยาก(ถ้าผลิดทันตามความต้องการนะครับ)
และมิตซู ไม่น่าจะได้เกิน 1,0000 -2,000 แต่ถ้าเกิน 2,000 ได้นี่ผมว่าต้องอยู่ที่ส่วนลดของแถมที่ล่อใจ มากกว่าตัวรถ
-
คนที่ยังไม่มีแบรนด์ในดวงใจ ได้เลือกกันตาเหลือกเหงือกแห้งแน่ ;D
-
บริโอ้ ผมว่า "ตายทั้งเป็น" กู่ไม่กลับแน่นอนแล้ว แม้แต่จะทำ big minorchange ก็จะเรียกลูกค้าได้ แต่ไม่มากอย่างที่จะเป็น
ส่วนนิสสันจะลอยลำในตลาดนี้แน่นอน เพราะลำพังมาร์ชเองก็ยังกั๊กอะไรไว้อีกเยอะให้ใส่ได้เรื่อยๆ และกลายเป็นชื่อแรกเมื่อคนนึกถึงอีโคคาร์ไปแล้ว
ด้านอัลเมร่าก็ขายดีกว่าที่คิดมาก และ back order ก็ประมาณตามเนื้อข่าวเลยครับ อันนี้คุยกับพี่ที่ทำงานในนิสสันมาครับ
ปล L12f สวย เฉี่ยว หรู ครบทุกอารมณ์มาก เค้าบอกมาแค่นี้ แหะๆ
-
ปีละ 10,000 คัน (ผลิตได้เดือนละไม่ถึงพันคัน)
เดาไว้เลยว่าพอเดือน 7 เดือน 8 จะมีคนออกมาโวยวายเพราะส่งรถได้ไม่ทัน และภาพลักษณ์จะติดลบเรืองการส่งมอบแบบที่มิตซูกำลังเป็นอยู่ตอนนี้...
-
บริโอ้ ผมว่า "ตายทั้งเป็น" กู่ไม่กลับแน่นอนแล้ว แม้แต่จะทำ big minorchange ก็จะเรียกลูกค้าได้ แต่ไม่มากอย่างที่จะเป็น
ส่วนนิสสันจะลอยลำในตลาดนี้แน่นอน เพราะลำพังมาร์ชเองก็ยังกั๊กอะไรไว้อีกเยอะให้ใส่ได้เรื่อยๆ และกลายเป็นชื่อแรกเมื่อคนนึกถึงอีโคคาร์ไปแล้ว
ด้านอัลเมร่าก็ขายดีกว่าที่คิดมาก และ back order ก็ประมาณตามเนื้อข่าวเลยครับ อันนี้คุยกับพี่ที่ทำงานในนิสสันมาครับ
ปล L12f สวย เฉี่ยว หรู ครบทุกอารมณ์มาก เค้าบอกมาแค่นี้ แหะๆ
อิอิ แล้วภายใน L12F เขาบอกว่าเป็นไงล่ะ
-
บริโอ้ น่าสงสาร สงครามยังไม่จบแต่นับเป็นศพที่ 1
-
บริโอ้ ผมว่า "ตายทั้งเป็น" กู่ไม่กลับแน่นอนแล้ว แม้แต่จะทำ big minorchange ก็จะเรียกลูกค้าได้ แต่ไม่มากอย่างที่จะเป็น
ส่วนนิสสันจะลอยลำในตลาดนี้แน่นอน เพราะลำพังมาร์ชเองก็ยังกั๊กอะไรไว้อีกเยอะให้ใส่ได้เรื่อยๆ และกลายเป็นชื่อแรกเมื่อคนนึกถึงอีโคคาร์ไปแล้ว
ด้านอัลเมร่าก็ขายดีกว่าที่คิดมาก และ back order ก็ประมาณตามเนื้อข่าวเลยครับ อันนี้คุยกับพี่ที่ทำงานในนิสสันมาครับ
ปล L12f สวย เฉี่ยว หรู ครบทุกอารมณ์มาก เค้าบอกมาแค่นี้ แหะๆ
อิอิ แล้วภายใน L12F เขาบอกว่าเป็นไงล่ะ
ภายในท่านว่า เห็นแบบ มืดๆ แต่ว่าแผงประตูเป็นพลาสติกใสแบบเจ้าจุกด้วยแหละครับ
แล้วก็ตัวรถใหญ่มาก ความยาว เทียน่าลบฟุตนึงครับ :)
-
นี่แผงข้างประตู juke ครับ
พลาสติกใสนี่อยู่ไหนเอ่ย
(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/Worldsnewcar/Nissan_Juke/2010_02_11_Nissan_Juke_10.jpg)
ผมว่าไฮไลต์น่าจะเป็นแผงหน้าปัดนะครับ
-
นี่แผงข้างประตู juke ครับ
พลาสติกใสนี่อยู่ไหนเอ่ย
(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/Worldsnewcar/Nissan_Juke/2010_02_11_Nissan_Juke_10.jpg)
ผมว่าไฮไลต์น่าจะเป็นแผงหน้าปัดนะครับ
ผมเข้าใจว่า ท่านน่าจะหมายถึงพลาสติกสีๆแบบจุกมากกว่า แต่ผมก็มาบอก คำต่อคำ ครับ คือตอนฟังเสร็จ ผมก็งงๆแหะ มันจะใสๆเลยหรือ
-
แล้วข้างใน l12f จะสีอะไรนะน่าจะเทา ๆ ครับ
-
L12F อีกพักใหญ่ กว่าจะได้วิ่งเล่น รอกันไปก่อนเถอะ
-
สำหรับตลาดอีโก้ คาร์ ผมว่านะ
มาร์ช+อัลเมร่า ขายดีสุด
สวิฟท์ สวยที่สุด ฟิลลิ่ง+การขับขี่ก็น่าจะดีสุด
มิราจ อาจจะให้ออปชั่นมาเยอะสุด(มั้งนะ) เพราะดูแล้ว design มันไม่เตะตาเอาซะเลย ดูบ้านๆ ธรรมดาๆ คงต้องอาศัยอัดออปชั่น+ของแถม
บริโอ อันนี้ แป๊กสุดแน่นอน
-
หน้าปัด สวยนะครับ
สีภายในมี 2 สีครับ
-
นิสสันลอยลำในตลาดอีโค่คาร์ แค่ยอดจองรอรับรถก็ถล่มทลายแล้ว
สวิฟ สวย ดี ใหญ่ดี น่าจะมีคนชอบมากขึ้นกว่าเดิม มันขายได้แน่แต่ผลิตอกมาน้อยไปนิด
มิราจ คือภาพลวงตามี่หน้าผิดหวัง ตอนแรกรูปร่างว่าไม่สวยตามรถต้นแบบแล้ว พอมาไทย เรื่อง1.2 ก็ไม่ประหยัดเท่า1.0 อย่างที่ผมหวัง
ผมคิดว่า มิตซูบิชิ อาจจะไม่รุ่งอย่างหวัง ยอดไม่น่าเกิน 1500 คันต่อเดือน เว้นแต่คนรอนิสสันไม่ไหว อะนะ
-
เป็นนิมิตรหมายอันดี :) การแข่งขันกันเข้มข้นและผู้นำในตลาดกลุ่มที่กำลังร้อนแรงก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สองยี่ห้อ ค่ายรองๆก็มีแรงฮึดสู้มีความหวังว่าตัวเองก็อาจพลิกผันมากลายเป็นอันดับหนึ่งได้ กล้าที่จะใส่ออฟชั่นลงทุนการตลาดมากขึ้น คนไทยก็กล้าที่จะเปิดรับยี่ห้อรองๆกระจายยอดขายให้ทั่วถึงกันได้ ในอนาคตเราคงจะมีทางเลือกรุ่นของรถที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิมจากการแตกรังผึ้งนี้ คนไทยกล้าซื้อมากขึ้นค่ายรถก็กล้าเปิดตลาดมากขึ้น..............หนุ่มสาวเอยยยยยพวกเธอจงเสพย์อีโคคาร์!!!! ;D
-
อยากเห็นตอนออกมา แข่งกันครบทุกค่าย จริง ๆ จะรอดูผู้ชนะ...ว่าเป็นใคร
;D ;D ;D