Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: wooot ที่ มีนาคม 25, 2012, 11:16:49

หัวข้อ: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: wooot ที่ มีนาคม 25, 2012, 11:16:49
พอดีผมเห็นโบรชัวร์ prius ช่วงล่างหลังเป็นทอชั่นบีม เลยงงว่ามันทำงานยังไง แล้วมันดี หรือ แย่กว่า ต่างกับอิสระอย่างไรครับ  :-\

หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: O_o" ที่ มีนาคม 25, 2012, 13:21:46
1. Double Wishbones ชื่อบอกแล้วว่า เป็นกระดูกคู่ มันจะจับดุมล้อ แบบ 2 ก้านคู่ขนานกัน ถือเป็นเทคโนโลยีเก่า แต่ก็เป็นเทคโนโลยีที่รถสปอร์ตส่วนใหญ่ใช้กัน มี Handing ดีสุด ถือเป็นช่วงล่างในอุดมคติที่สามารถจูนได้ง่ายที่สุด รถเมกาส่วนใหญ่ก็ใช้แต่ Handing กลับเลวร้ายมากเพราะ Handing มันขึ้นกับปัจจัยอื่นด้วย ส่วนใหญ่จะอยู่ในรถที่มีขนาดพอสมควร แต่รถขนาดเล็กที่ใช้ก็เป็น Honda Civic บางรุ่นเท่านั้น
(http://upic.me/i/si/2485782636_27f53e8d9f.jpg) (http://upic.me/show/34092158)

2. MacPherson strut ผู้คิดค้นชื่อ แมคเฟอสัน จากบริษัทฟอร์ด คิดค้นได้ตั้งแต่ทศวรรษที่ 50 ถ้านึก Double Wishbones ได้ ..... แม็กเฟอร์สัน สตรัท ก็จะมีแค่แขนด้านล่าง ทำให้ประหยัดแขนด้านบนไป ช่วงล่างแบบนี้ เหมาะกับช่วงล่างด้านหน้าของรถขับหน้า (เพราะต้องการพื้นที่ด้านข้างเยอะกว่าขับหลังมาก) อย่างไรก็ดี ค่า Camber มันจะมีค่าความเพี้ยนสูง แถมเป็นช่วงล่างที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อ Handing ที่ดีที่สุด (อย่าลืมว่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย)
(http://upic.me/i/xg/insight_chassis1.jpg) (http://upic.me/show/34092197)


3. Torsion beam คานเหล็ก มันคืออะไร คำอธิบายคือ มันจะเป็นแกนเหล็กตรงๆ แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้สอยภายในห้องผู้โดยสาร โดยเฉพาะด้านหลัง โดยออกแบบให้แกนกลางมันหักวกไปยังล้อ เป็นรูปตัว U คว่ำ แล้วล้อไปอยู่ตรงปลายตัว U ทั้ง 2 ข้างแทน มันเป็นที่นิยมในรถขนาดเล็ก เพราะมันสามารถเพิ่มพ้นที่ใช้สอยด้านหลังได้เพิ่มอีก แถมยังเป็นช่วงล่างที่มีรถคาถูก และสามารถแบ่งโช็ค และสปริงออกจากกัน (หากนึกไม่ออก ลองไปดูโช๊ค และสปริงของรถอย่างแจ๊ส จะแยกกันอยู่) แกนเหล็กที่ยึดล้อทั้ง 2 ข้างด้วยกัน ทำให้มันเป็นได้แค่ กึ่ง-อิสระ เท่านั้น ระดับ handing อยู่ระดับพอใช้เท่านั้น เนื่องจากการให้ตัวของช่วงล่างได้น้อย แต่ข้อดีคือ ประหยัดค่า anti roll Bar ไปในตัว เพราะมันยึดทั้งซ้ายแล้วขวาด้วยเหล็กแกนเดียวกันอยู่แล้ว
(http://upic.me/i/py/torsion.jpg) (http://upic.me/show/34092154)

4. Multi-link suspension ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า มีหลายแขนจับยึด (อย่างไรก็ดี ถ้าจะเรียกมัลติลิ้งค์ ต้องมี 3 แขนขึ้นไปที่ยึดจับ) การออกแบบก็ขึ้นอยู่กับรถแต่ละยี่ห้อ เช่น BMW ใช้จับแบบ Z (3แขน) หรือ Accord ใช้กระดูกคู่ แต่เพิ่มอีก 1 แขน ก็กลายเป็นมัลติลิ้งค์ แต่ที่เด็ดกว่าคือ Audi ที่มีถึง 4 แขนไปจับ
(http://upic.me/i/35/how-multi-link-suspension-works-7804_2.jpg) (http://upic.me/show/34092375)

อย่างไรก็ดี รถสปอร์ตส่วนใหญ่ก็ยังเลือกใช้ กระดูกคู่ แบบก็มีรถสปอร์ตหลายรุ่น ใช้มัลติลิ้งค์ ระดับ Handing นั้นถือว่าเป็นระดับเดียวกัน (ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ และการออกแบบของมัลติลิ้งคื) แต่ข้อเสียของมัลติลิ้งค์ คือ ราคาที่แพงที่สุด แถมยังต้องใช้พื้นที่ว่างเยอะกว่าช่วงล่างแบบอื่น ทำให้ส่วนใหญ่มันไปอยู่ในรถขนาดกลางไปถึงใหญ่มากกว่า
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kinokuniya ที่ มีนาคม 25, 2012, 15:36:22
Suzuki Swift Eco
เป็น Torsion beam ปะครับ
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: KAKASHII ที่ มีนาคม 25, 2012, 15:40:56
Suzuki Swift Eco
เป็น Torsion beam ปะครับ

พวก Eco car จนถึง B-Seg จะ  Torsion beam หมด รวมถึง Altis Cruze
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: shando ที่ มีนาคม 25, 2012, 17:25:00
รูปดูแล้วเข้าใจง่ายมากเลย ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: YenChar ที่ มีนาคม 25, 2012, 17:40:36
ข้อดีของทอร์ชั่นบีมมี 3 ข้อครับ

1 ทนทาน ไม่จุกจิกเลย เพราะชิ้นส่วนน้อย
2 ถูก ถูกทั้งคนผลิต ถูกค่าใช้จ่ายสำหรับคนซื้อ เพราะมันเป็นแบบง่ายๆ
3 ไม่กินพื้นที่ ทำให้มีพื้นที่ในการจัดการกับห้องโดยสารและท้ายรถเพิ่มขึ้น

ช่วงล่างอิสระ คนที่นิยมการขับรถจะรื่นเริงกับมันมากๆ
เซตอัพให้เกาะถนนง่าย ทั้งนุ่ม ทั้งหนึบ ทั้งเร็ว เหมาะกับการขับขี่มากๆ
แต่กับผู้ใช้รถ"บางคน"ที่มีนิสัยที่เหมาะกับแบบคานบิดมากกว่า
รูดทางรถไฟ เจอเนินไม่เบรค เจอหลังเต่าก็ลุย หลุมไม่เคยเบา ไม่รู้จัดหยอด
พวกนี้ ใช้ได้ไม่นาน จะเริ่มหลวม เสียงรบกวนจะตามมา
ซึ่งจริงๆแบบอิสระก็ทนทานดีครับ อย่าง ซีวิคFD หรือ มิตซู Cedia ใช้กันจนปัจจุบัน ยังโอเคอยู่เลย

ส่วนตัวผม บ้านอยู่ติดทางรถไฟต้องผ่านทุกวัน ทั้งไปทั้งกลับ ในหมู่บ้านมีเนิน ทั้งสร้างเอง ทั้งหมู่บ้านสร้าง
ผมจึงไม่รังเกียจ หากต้องใช้ช่วงล่างแบบคานบิด
ปัจจุบันนี้ แคมรี่ ช่วงล่างอิสระ วิ่งมา 9 ปีแล้ว กับสภาพถนนแบบนี้ ก็ยังทนทานดีเหมือนเดิมครับ
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ มีนาคม 25, 2012, 17:47:34
ผมขอคานบิดเท่าันั้นครับ อิสระเวลาเ่ก่าไปซ่อมช่วงล่างแทนน้ำตาไหลเลย ;)

ไม่เอาอีกแล้ว :)
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NONT4477 ที่ มีนาคม 25, 2012, 18:43:41
แล้วทำไมพวก Sport car, Super car นิยมใช้ Double whisbone กันจังครับ
มันดีกว่าอิสระ Mcpherson และ Multilink ยังไง
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: chaiz ที่ มีนาคม 25, 2012, 18:53:01
ขอบคุณครับ ได้ความรู้เต็มๆ

แบบนี้ ใน Trailblazer ที่บอกว่า ช่วงล่าง อิสระ 5 link coil spring นี่ก็มีแขนมาจับ 5 แขนเลยเหรอครับ เยอะจัด
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NONT4477 ที่ มีนาคม 25, 2012, 18:54:29
ขอบคุณครับ ได้ความรู้เต็มๆ

แบบนี้ ใน Trailblazer ที่บอกว่า ช่วงล่าง อิสระ 5 link coil spring นี่ก็มีแขนมาจับ 5 แขนเลยเหรอครับ เยอะจัด
ถูกต้องนะคร้าาาบ ;D

อย่าง Camry ใช้ Dual link ก็คือมี2แขน
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: O_o" ที่ มีนาคม 25, 2012, 19:07:06
แบบนี้ ใน Trailblazer ที่บอกว่า ช่วงล่าง อิสระ 5 link coil spring นี่ก็มีแขนมาจับ 5 แขนเลยเหรอครับ เยอะจัด
ช่วงล่าง อิสระ 5 link coil spring
ซ่อมช่วงล่างที คงมีค่าใช้จ่ายเยอะพอสมควร ถ้าใช้แบบแหนบรถกระบะ คงไม่เจ็บตัวหนักเท่าไร ถ้่าอยากได้ช่วงล่างดีๆต้องมีค่าเลี้ยงดู ;D ;D
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: wooot ที่ มีนาคม 25, 2012, 19:11:19
ข้อดีของทอร์ชั่นบีมมี 3 ข้อครับ

1 ทนทาน ไม่จุกจิกเลย เพราะชิ้นส่วนน้อย
2 ถูก ถูกทั้งคนผลิต ถูกค่าใช้จ่ายสำหรับคนซื้อ เพราะมันเป็นแบบง่ายๆ
3 ไม่กินพื้นที่ ทำให้มีพื้นที่ในการจัดการกับห้องโดยสารและท้ายรถเพิ่มขึ้น

ช่วงล่างอิสระ คนที่นิยมการขับรถจะรื่นเริงกับมันมากๆ
เซตอัพให้เกาะถนนง่าย ทั้งนุ่ม ทั้งหนึบ ทั้งเร็ว เหมาะกับการขับขี่มากๆ
แต่กับผู้ใช้รถ"บางคน"ที่มีนิสัยที่เหมาะกับแบบคานบิดมากกว่า
รูดทางรถไฟ เจอเนินไม่เบรค เจอหลังเต่าก็ลุย หลุมไม่เคยเบา ไม่รู้จัดหยอด
พวกนี้ ใช้ได้ไม่นาน จะเริ่มหลวม เสียงรบกวนจะตามมา
ซึ่งจริงๆแบบอิสระก็ทนทานดีครับ อย่าง ซีวิคFD หรือ มิตซู Cedia ใช้กันจนปัจจุบัน ยังโอเคอยู่เลย

ส่วนตัวผม บ้านอยู่ติดทางรถไฟต้องผ่านทุกวัน ทั้งไปทั้งกลับ ในหมู่บ้านมีเนิน ทั้งสร้างเอง ทั้งหมู่บ้านสร้าง
ผมจึงไม่รังเกียจ หากต้องใช้ช่วงล่างแบบคานบิด
ปัจจุบันนี้ แคมรี่ ช่วงล่างอิสระ วิ่งมา 9 ปีแล้ว กับสภาพถนนแบบนี้ ก็ยังทนทานดีเหมือนเดิมครับ

ขอบคุณมากครับ ทั้งวิชาการและประสบการณ์เลยครับ
1. Double Wishbones ชื่อบอกแล้วว่า เป็นกระดูกคู่ มันจะจับดุมล้อ แบบ 2 ก้านคู่ขนานกัน ถือเป็นเทคโนโลยีเก่า แต่ก็เป็นเทคโนโลยีที่รถสปอร์ตส่วนใหญ่ใช้กัน มี Handing ดีสุด ถือเป็นช่วงล่างในอุดมคติที่สามารถจูนได้ง่ายที่สุด รถเมกาส่วนใหญ่ก็ใช้แต่ Handing กลับเลวร้ายมากเพราะ Handing มันขึ้นกับปัจจัยอื่นด้วย ส่วนใหญ่จะอยู่ในรถที่มีขนาดพอสมควร แต่รถขนาดเล็กที่ใช้ก็เป็น Honda Civic บางรุ่นเท่านั้น
(http://upic.me/i/si/2485782636_27f53e8d9f.jpg) (http://upic.me/show/34092158)

2. MacPherson strut ผู้คิดค้นชื่อ แมคเฟอสัน จากบริษัทฟอร์ด คิดค้นได้ตั้งแต่ทศวรรษที่ 50 ถ้านึก Double Wishbones ได้ ..... แม็กเฟอร์สัน สตรัท ก็จะมีแค่แขนด้านล่าง ทำให้ประหยัดแขนด้านบนไป ช่วงล่างแบบนี้ เหมาะกับช่วงล่างด้านหน้าของรถขับหน้า (เพราะต้องการพื้นที่ด้านข้างเยอะกว่าขับหลังมาก) อย่างไรก็ดี ค่า Camber มันจะมีค่าความเพี้ยนสูง แถมเป็นช่วงล่างที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อ Handing ที่ดีที่สุด (อย่าลืมว่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย)
(http://upic.me/i/xg/insight_chassis1.jpg) (http://upic.me/show/34092197)


3. Torsion beam คานเหล็ก มันคืออะไร คำอธิบายคือ มันจะเป็นแกนเหล็กตรงๆ แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้สอยภายในห้องผู้โดยสาร โดยเฉพาะด้านหลัง โดยออกแบบให้แกนกลางมันหักวกไปยังล้อ เป็นรูปตัว U คว่ำ แล้วล้อไปอยู่ตรงปลายตัว U ทั้ง 2 ข้างแทน มันเป็นที่นิยมในรถขนาดเล็ก เพราะมันสามารถเพิ่มพ้นที่ใช้สอยด้านหลังได้เพิ่มอีก แถมยังเป็นช่วงล่างที่มีรถคาถูก และสามารถแบ่งโช็ค และสปริงออกจากกัน (หากนึกไม่ออก ลองไปดูโช๊ค และสปริงของรถอย่างแจ๊ส จะแยกกันอยู่) แกนเหล็กที่ยึดล้อทั้ง 2 ข้างด้วยกัน ทำให้มันเป็นได้แค่ กึ่ง-อิสระ เท่านั้น ระดับ handing อยู่ระดับพอใช้เท่านั้น เนื่องจากการให้ตัวของช่วงล่างได้น้อย แต่ข้อดีคือ ประหยัดค่า anti roll Bar ไปในตัว เพราะมันยึดทั้งซ้ายแล้วขวาด้วยเหล็กแกนเดียวกันอยู่แล้ว
(http://upic.me/i/py/torsion.jpg) (http://upic.me/show/34092154)

4. Multi-link suspension ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า มีหลายแขนจับยึด (อย่างไรก็ดี ถ้าจะเรียกมัลติลิ้งค์ ต้องมี 3 แขนขึ้นไปที่ยึดจับ) การออกแบบก็ขึ้นอยู่กับรถแต่ละยี่ห้อ เช่น BMW ใช้จับแบบ Z (3แขน) หรือ Accord ใช้กระดูกคู่ แต่เพิ่มอีก 1 แขน ก็กลายเป็นมัลติลิ้งค์ แต่ที่เด็ดกว่าคือ Audi ที่มีถึง 4 แขนไปจับ
(http://upic.me/i/35/how-multi-link-suspension-works-7804_2.jpg) (http://upic.me/show/34092375)

อย่างไรก็ดี รถสปอร์ตส่วนใหญ่ก็ยังเลือกใช้ กระดูกคู่ แบบก็มีรถสปอร์ตหลายรุ่น ใช้มัลติลิ้งค์ ระดับ Handing นั้นถือว่าเป็นระดับเดียวกัน (ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ และการออกแบบของมัลติลิ้งคื) แต่ข้อเสียของมัลติลิ้งค์ คือ ราคาที่แพงที่สุด แถมยังต้องใช้พื้นที่ว่างเยอะกว่าช่วงล่างแบบอื่น ทำให้ส่วนใหญ่มันไปอยู่ในรถขนาดกลางไปถึงใหญ่มากกว่า
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 25, 2012, 20:15:51
พอดีผมเห็นโบรชัวร์ prius ช่วงล่างหลังเป็นทอชั่นบีม เลยงงว่ามันทำงานยังไง แล้วมันดี หรือ แย่กว่า ต่างกับอิสระอย่างไรครับ  :-\

หลายคนคงหายสงสัย ว่าทำไมเวลานั่ง prius คนนั่งหลัง ทรมานตูดมากๆ

คงมีแค่ TOYOTA นี่ละมั่ง ที่รถคาคาเป็นล้านยังจะมาใช้ คานบิด
ซึ่ง การทำงานมันไม่ได้บิดเลย
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: baeyongcai ที่ มีนาคม 25, 2012, 20:50:09
พอดีผมเห็นโบรชัวร์ prius ช่วงล่างหลังเป็นทอชั่นบีม เลยงงว่ามันทำงานยังไง แล้วมันดี หรือ แย่กว่า ต่างกับอิสระอย่างไรครับ  :-\

หลายคนคงหายสงสัย ว่าทำไมเวลานั่ง prius คนนั่งหลัง ทรมานตูดมากๆ

คงมีแค่ TOYOTA นี่ละมั่ง ที่รถคาคาเป็นล้านยังจะมาใช้ คานบิด
ซึ่ง การทำงานมันไม่ได้บิดเลย


จะพูดแบบนั้นก็เกินไป ...
ในสมัย เชฟฟิโร่ A32 , A33  รถราคาเป็นล้านเหมือนกัน ช่วงล่างก็เป็น ทอร์ชั่นบีม นี่แหละ
นั่งหลังสบายกว่า แคมรี่ ในยุคเดียวกันอีกน้ะครับ :D
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: TTL ที่ มีนาคม 25, 2012, 21:11:54
พอดีผมเห็นโบรชัวร์ prius ช่วงล่างหลังเป็นทอชั่นบีม เลยงงว่ามันทำงานยังไง แล้วมันดี หรือ แย่กว่า ต่างกับอิสระอย่างไรครับ  :-\

หลายคนคงหายสงสัย ว่าทำไมเวลานั่ง prius คนนั่งหลัง ทรมานตูดมากๆ

คงมีแค่ TOYOTA นี่ละมั่ง ที่รถคาคาเป็นล้านยังจะมาใช้ คานบิด
ซึ่ง การทำงานมันไม่ได้บิดเลย

ผมใช้A33ก็เป็นTorsion beam  ครับ ไม่จุกจิกครับช่วงล่างหน้า แต่ว่าจะติดอาการเวลาลงหลุมจะเสียงกองๆดังๆหน่อย แล้วก็เวลาขับเร็วๆแล้วเปลียนเลย
บางครั้ง จะรู้สึกโยนๆ เล็กๆให้รู้สึกเหมือนกันครับ ....ผมว่าถึงจะเป็นคานบิด แต่ว่ามันก็อยู่ที่การเซ็ตของแต่หละยี่ห้อว่าจะให้ออกมาลักษณะไหน
แต่แบบว่าA33ก็ ออกมาแนวนุ่มก็นะ ต้องยอมรับกับอาการโยนบ้าง แต่ก็สบายเวลาขับชิวๆครับ
จะพูดแบบนั้นก็เกินไป ...
ในสมัย เชฟฟิโร่ A32 , A33  รถราคาเป็นล้านเหมือนกัน ช่วงล่างก็เป็น ทอร์ชั่นบีม นี่แหละ
นั่งหลังสบายกว่า แคมรี่ ในยุคเดียวกันอีกน้ะครับ :D

หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 25, 2012, 21:23:52
พอดีผมเห็นโบรชัวร์ prius ช่วงล่างหลังเป็นทอชั่นบีม เลยงงว่ามันทำงานยังไง แล้วมันดี หรือ แย่กว่า ต่างกับอิสระอย่างไรครับ  :-\

หลายคนคงหายสงสัย ว่าทำไมเวลานั่ง prius คนนั่งหลัง ทรมานตูดมากๆ

คงมีแค่ TOYOTA นี่ละมั่ง ที่รถคาคาเป็นล้านยังจะมาใช้ คานบิด
ซึ่ง การทำงานมันไม่ได้บิดเลย

ผมใช้A33ก็เป็นTorsion beam  ครับ ไม่จุกจิกครับช่วงล่างหน้า แต่ว่าจะติดอาการเวลาลงหลุมจะเสียงกองๆดังๆหน่อย แล้วก็เวลาขับเร็วๆแล้วเปลียนเลย
บางครั้ง จะรู้สึกโยนๆ เล็กๆให้รู้สึกเหมือนกันครับ ....ผมว่าถึงจะเป็นคานบิด แต่ว่ามันก็อยู่ที่การเซ็ตของแต่หละยี่ห้อว่าจะให้ออกมาลักษณะไหน
แต่แบบว่าA33ก็ ออกมาแนวนุ่มก็นะ ต้องยอมรับกับอาการโยนบ้าง แต่ก็สบายเวลาขับชิวๆครับ
จะพูดแบบนั้นก็เกินไป ...
ในสมัย เชฟฟิโร่ A32 , A33  รถราคาเป็นล้านเหมือนกัน ช่วงล่างก็เป็น ทอร์ชั่นบีม นี่แหละ
นั่งหลังสบายกว่า แคมรี่ ในยุคเดียวกันอีกน้ะครับ :D


ผมก็คิดเช่นนั้นนะจะอยู่ที่การออกแบบด้วยละครับ
ทุกวันนี้ ครูชก็ยังเป็นคานบิดอยู่ เช่นกัน

ว่าแต่ยุคนั้น แคมรี่เป็นอิสระหรือยังไม่แน่ใจเพราะ ขนาดพรีอุสสมัยนนี้ยัง งก อยู่เลย
หรืออาจจะเป็นเพราะพื้นที่จำกัด เลยวาง มัลติลิ้งที่ด้านหลังไม่ได้ไม่แน่ใจ
เพราะมัลติลิ้งที่แน่ๆมัรเปลืองพื้นที่มากๆ
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: นครอัญมณี ที่ มีนาคม 26, 2012, 00:33:44
อย่าไปคิดมาก เรื่องชื่อ ที่เรียกขาน สงสัยใน การทำงานของมัน

เพราะมันไม่ได้ บ่งบอกถึง สมรรถนะที่ชัดเจน ว่าอะไรดีกว่าอะไร

ช่วงล่างคานแข็ง นั่งนุ่มสบาย สมรรถนะดีกว่า ช่วงล่างอิสระ เยอะแยะหลายยี่ห้อ หลายรุ่นไป
ช่วงล่างอิสระ นั่งนุ่มสบาย สมรรถนะดีกว่า ช่วงล่างคานแข็ง เยอะแยะหลายยี่ห้อ หลายรุ่นไป
ช่วงล่างอิสระ คันนี้ ทำไม สมรรถนะไม่เหมือน ช่วงล่างอิสระ ในรถอีกหลายรุ่นล่ะ

ที่วัดไม่ได้นี้ เพราะว่า มันมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีกมากมาย ครับ


สรุป
ให้ดูภาพรวมของทั้งคัน จะตัดสินใจได้ดีกว่า
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: chamanow88 ที่ มีนาคม 26, 2012, 08:21:27
1. Double Wishbones ชื่อบอกแล้วว่า เป็นกระดูกคู่ มันจะจับดุมล้อ แบบ 2 ก้านคู่ขนานกัน ถือเป็นเทคโนโลยีเก่า แต่ก็เป็นเทคโนโลยีที่รถสปอร์ตส่วนใหญ่ใช้กัน มี Handing ดีสุด ถือเป็นช่วงล่างในอุดมคติที่สามารถจูนได้ง่ายที่สุด รถเมกาส่วนใหญ่ก็ใช้แต่ Handing กลับเลวร้ายมากเพราะ Handing มันขึ้นกับปัจจัยอื่นด้วย ส่วนใหญ่จะอยู่ในรถที่มีขนาดพอสมควร แต่รถขนาดเล็กที่ใช้ก็เป็น Honda Civic บางรุ่นเท่านั้น
(http://upic.me/i/si/2485782636_27f53e8d9f.jpg) (http://upic.me/show/34092158)

2. MacPherson strut ผู้คิดค้นชื่อ แมคเฟอสัน จากบริษัทฟอร์ด คิดค้นได้ตั้งแต่ทศวรรษที่ 50 ถ้านึก Double Wishbones ได้ ..... แม็กเฟอร์สัน สตรัท ก็จะมีแค่แขนด้านล่าง ทำให้ประหยัดแขนด้านบนไป ช่วงล่างแบบนี้ เหมาะกับช่วงล่างด้านหน้าของรถขับหน้า (เพราะต้องการพื้นที่ด้านข้างเยอะกว่าขับหลังมาก) อย่างไรก็ดี ค่า Camber มันจะมีค่าความเพี้ยนสูง แถมเป็นช่วงล่างที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อ Handing ที่ดีที่สุด (อย่าลืมว่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย)
(http://upic.me/i/xg/insight_chassis1.jpg) (http://upic.me/show/34092197)


3. Torsion beam คานเหล็ก มันคืออะไร คำอธิบายคือ มันจะเป็นแกนเหล็กตรงๆ แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้สอยภายในห้องผู้โดยสาร โดยเฉพาะด้านหลัง โดยออกแบบให้แกนกลางมันหักวกไปยังล้อ เป็นรูปตัว U คว่ำ แล้วล้อไปอยู่ตรงปลายตัว U ทั้ง 2 ข้างแทน มันเป็นที่นิยมในรถขนาดเล็ก เพราะมันสามารถเพิ่มพ้นที่ใช้สอยด้านหลังได้เพิ่มอีก แถมยังเป็นช่วงล่างที่มีรถคาถูก และสามารถแบ่งโช็ค และสปริงออกจากกัน (หากนึกไม่ออก ลองไปดูโช๊ค และสปริงของรถอย่างแจ๊ส จะแยกกันอยู่) แกนเหล็กที่ยึดล้อทั้ง 2 ข้างด้วยกัน ทำให้มันเป็นได้แค่ กึ่ง-อิสระ เท่านั้น ระดับ handing อยู่ระดับพอใช้เท่านั้น เนื่องจากการให้ตัวของช่วงล่างได้น้อย แต่ข้อดีคือ ประหยัดค่า anti roll Bar ไปในตัว เพราะมันยึดทั้งซ้ายแล้วขวาด้วยเหล็กแกนเดียวกันอยู่แล้ว
(http://upic.me/i/py/torsion.jpg) (http://upic.me/show/34092154)

4. Multi-link suspension ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า มีหลายแขนจับยึด (อย่างไรก็ดี ถ้าจะเรียกมัลติลิ้งค์ ต้องมี 3 แขนขึ้นไปที่ยึดจับ) การออกแบบก็ขึ้นอยู่กับรถแต่ละยี่ห้อ เช่น BMW ใช้จับแบบ Z (3แขน) หรือ Accord ใช้กระดูกคู่ แต่เพิ่มอีก 1 แขน ก็กลายเป็นมัลติลิ้งค์ แต่ที่เด็ดกว่าคือ Audi ที่มีถึง 4 แขนไปจับ
(http://upic.me/i/35/how-multi-link-suspension-works-7804_2.jpg) (http://upic.me/show/34092375)

อย่างไรก็ดี รถสปอร์ตส่วนใหญ่ก็ยังเลือกใช้ กระดูกคู่ แบบก็มีรถสปอร์ตหลายรุ่น ใช้มัลติลิ้งค์ ระดับ Handing นั้นถือว่าเป็นระดับเดียวกัน (ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ และการออกแบบของมัลติลิ้งคื) แต่ข้อเสียของมัลติลิ้งค์ คือ ราคาที่แพงที่สุด แถมยังต้องใช้พื้นที่ว่างเยอะกว่าช่วงล่างแบบอื่น ทำให้ส่วนใหญ่มันไปอยู่ในรถขนาดกลางไปถึงใหญ่มากกว่า

ขอบคุณครับผมก็อ่านแล้วได้ความรู้ไปด้วย
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MAXIMUS CRUZE ที่ มีนาคม 28, 2012, 16:16:51
ขอบคุณมากครับผม++++ ;D
หัวข้อ: Re: ช่วงล่างแบบทอชั่นบีม ต่างกับแบบอิสระยังไงครับ
เริ่มหัวข้อโดย: archian ที่ เมษายน 12, 2014, 10:07:27
กำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่ หาในอากู ยังกลับมาบ้านหลังเก่าที่ให้ความรู้ได้เข้าใจที่สุดอยู่ดี  อิอิอิอิ