Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: 0% ที่ มีนาคม 26, 2012, 00:15:04
-
นั่งของเพื่อนมาเมื่อวาน เทียบกับรถที่บ้านของตัวเอง
ช่วงล่างดีกว่ามาก
คือ ซับแรงสะเทือนได้ดีกว่ามาก นั่งข้างหลังตัวประกอบใน สะเทือน และ ไม่น่านั่งอย่างมาก ชวนอ๊วกด้วย
แต่ JDM เหมือนเป็นรถคนละคัน นุ่มนิ่ม น่านั่ง
ซึ่งคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเก็บเสียงทำได้ดีขึ้น รวมไปกับ การประกอบ วัสดุ และ ยาง dunlop ต้นเดือน กุมภา 2012
เบาะผ้า ลองลูบดู ก็น่าประทับใจ
ไฟหน้า bi xenon ได้สาดส่องสีขาวนวล ทั้งสูง และ ต่ำ
น่าประทับใจมาก
นี่มันรถ คนละคันกันรึเปล่า
คำถามตอนนี้คือ
1.honda รู้รึเปล่าว่ามันเป็นแบบนี้ ทำให้รถประกอบใน ดูห่วย ไปในทันที
หรือจะอ้างว่า ช่วงล่าง JDM ไม่เหมาะกับเมืองไทย ต้องช่วงล่างสะเทือน แบบประกอบไทยนี่แหละ เหมาะกับคนไทย ทั้งผิวจราจร และ นิสัยการขับขี่
2. part ช่วงล่างต่างกันไหม
อยากได้มาเปลี่ยนมาก เหมือนขับรถคนละคันเลย ผมละรำคานช่วงล่างด้านหลังมาก เหมือน เอาเหล็กแท่งเปล่าๆมาค้ำไว้ แข็งมาก ด้านหน้าก็ยวบเล็กๆ เหมือนมาจากรถคนละคันกัน
-
ไม่เคยนั่ง ไม่เคยขับ แต่ก็คิดว่าเป็นไปได้ที่มันจะดีกว่ามากๆในหลายๆด้าน ไม่งั้นคงไม่มีคนซื้อ jazz jdm คันละล้านกว่า
รถประกอบไทย คู่แข่งไม่มากเท่าใหร่ ลดต้นทุนตรงไหนได้ก็ลดหมด
-
น่าสนใจมาก ๆ ครับเรื่องนี้ ผมเห็นว่าควรผลักดันให้สาธารณชนรู้นะครับ
-
ไม่ได้ว่าอย่างนู้นอย่างนี้นะครับ ผมก็เข้าใจอยู่ว่า JDM มันน่าจะมาตรฐานสูงกว่า
ลองเช็คลมยางดูรึยังครับว่าเท่ากันมั้ย ไฟหน้าอาจจะคิดไปเอง(แต่ผมก็ว่าคงจะดีกว่าจริงๆ)
วัสดุและการประกอบน่าจะพอๆกัน ผมก็ได้นั้งและได้ขับ Jazz เกียร์ทั้งสองแบบ(คันนึงของพี่สาว อีกคันของคนรู้จัก)
มันก็ ok สำหรับผมในราคาขนาดนี้ แต่อาจจะเป็นเพราะผมยังไม่ได้เห็นได้นั่ง JDM ก็เป็นได้
-
ต้องมีคนได้ทดลองมากกว่านี้ ::)
-
แค่ผมไปลูบๆคลำๆ+ walk around ก็รู้สึกต่างแล้วนะ....
-
ยังไม่ได้นั่ง แต่ก็รู้สึกเหมือนกันว่าต่าง
แต่บางส่วนก็อาจเกิดจากอคติที่มีรถประกอบในก็ได้มั้งครับ
-
ผมลองสัมผัส สั้นๆ ลองนั่ง รถของน้องคนหนึ่งแถวๆนี้ ที่เป็น Jazz JP แล้ว
(ขอไม่เรียกว่า Jazz JDM เพราะจริงๆแล้ว มันไม่ใช่รถ สเป็ก JDM หรือ
Japanesse Domestic Market แต่อย่างใด เพราะมันคือ Jazz สเป็กส่งออก
แต่ผลิตในญี่ปุ่น แค่นั้น)
ผมมองว่า ต่าง แต่ไม่ได้เยอะอย่างที่คิด
รถ Honda ประกอบในไทย กับญี่ปุ่น ผมมองว่า ต่างกันแค่
ออพชัน รอยเชื่อม และวัสดุในห้องโดยสารบางรายการ
ที่จำเป็นต้องออกแบบให้ทนความร้อนสูงกว่าในญี่ปุ่น
และต้องมีการปล่อย ไอ เทอร์โมพลาสติก ขณะจอดตากแดด
ในระดับที่เหมาะสม ด้วย
ดังนั้น แม้ว่า แผงคอนโซลของเวอร์ชันญี่ปุ่น จะน่าลูบไล้กว่า
แต่ ผมยังไม่แน่ใจว่า เอาเข้าจริงแล้ว ถ้าต้องเอารถ JP กับรถจากโรจนะ
จอดตากแดด ทิ้งไว้ ทุกวัน เป็นเวลา 2 ปี แผงหน้าปัดของใครจะเริ่มเสื่อมสภาพเร็วกว่ากัน
ดูเหมือน ยังไม่มีใครคิดถึงเรื่องนี้กันเลยแหะ
-
เหมือน,,, ท่าน จขกท. จะประทับใจ "ช่วงล่าง" Jazz ตัวนำเข้ามาก
ผมเคยลอง แต่ Jazz ตัวบ้านเรา ก็รู้สึกว่าช่วงล่างเด้งแบบไร้สาระไปหน่อย
ทำให้ อยากลองนั่ง Jazz ตัวนำเข้าขึ้นมาเลย :)
-
อย่างเคส Lexus คอนโซลเหนียว เพราะทนอากาศบ้านเราไม่ไหว
รอดูกันต่อไปครับ ว่าวัสดุนอกจะรับอากาศบ้านเราไหวมั้ย
-
ถ้าเกิดว่าเป็นอย่างที่พี่จิมมี่พูดจริง ๆ ก็ต้องลองไปดู Volkswagen Peugeot ตัวเก่า ๆ ของคนที่ชอบจอดตากแดด ว่าทำให้วัสดุมันเสื่อมเร็วกว่าจริงไหม เพราะว่าหากเทียบแค่ต้นทันทางวัสดุแล้วผมว่าก็ไม่น่าจะหนีกันมากครับ
-
Jazz ไม่น่าจะมีไฟหน้า bi xenon นะครับ
:-\ :-\ :-\
ส่วนตัว เคยไปลองนั่ง Jazz JDM ที่ญี่ปุ่น ผมก็ว่ามันเหมือนของไทยเองครับ
-
สงสัยทำไมเรียกกันว่า JDM ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่
ขอนั่งยัน ยืนยัน เลยว่า
สเป็กที่ขายเมืองไทย ไม่ใช่ สเป็กเดียวกับ ญี่ปุ่น ถึงแม้จะนำเข้าจากญี่ปุ่นก็ตาม
ฉะนั้น ก็ไม่ควรเรียกว่า JDM
ผมคิดว่าสเป็กที่เอามาขายเมืองไทย น่าจะเป็นสเป็กเดียวกับที่ส่งไปขายสิงคโปร์รึเปล่า
-
ตอนนี้ใช้ jazz japan มาได้ 1 เดือน ชอบมากแตกต่างกับ jazz thai (รุ่นปัจจุบัน) ของพี่ซึ่งช่วงล่างกระเด้งมาก และเสียง
เข้าห้องโดยสารมาก
jazz japan วัสดุดีกว่า ผมรู้สึกว่ามันเนียนกว่า แน่นกว่า และแน่นอนอ๊อฟชั่นคนละเรื่อง
ปล. อย่างกับรถคนละคันครับ
-
ถ้าไม่ขับ ผมว่ามันก็ไม่ได้ต่างกันมากนะครับ
เรื่องวัสดุ ผมว่ามันก็ไม่ได้ดีอะไรมากทั้งคู่นั่นแหละครับ
อันนี้ไปดูมาที่ฮอนด้า รัตนาธิเบศร์นะครับ เพราะเค้าจอดคู่กัน
ทำให้ได้ดูเทียบกัน แต่เรื่องการขับขี่ ไม่เคยขับครับ แหะๆ
-
คนล่ะคันจริงๆ
คันนี้คงจบที่สปริงโหลด H Tech ซักชุด
ทำเครื่องเสียงเพิ่มหน่อย พร้อม แด็ม หลังคา กับพื้น ครับ
-
เดี๋ยวเรามารอดู ประกอบไทยรอบนี้กันดีกว่าครับ ว่าการที่ honda ต้องติดตั้งระบบเครื่องจักรใหม่ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง กับ jazz ไทยบ้าง ;D
-
คนล่ะคันจริงๆ
คันนี้คงจบที่สปริงโหลด H Tech ซักชุด
ทำเครื่องเสียงเพิ่มหน่อย พร้อม แด็ม หลังคา กับพื้น ครับ
เจ้าของรถมาบอกเอง ดีครับ รถภายในประเทศจะได้ดีขึ้นมากๆ ส่วนเรื่องความร้อน beatle ก็ต้องทำใหม่ตอน 4-6 ปีกันทุกคัน ทนความร้อนไม่ไหว
-
มาตอบในฐานะเจ้าของรถ Honda Jazz ที่ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ (เบื่อคำนี้อะ) ขอเรียกว่า dealer ละกัน
เป็นรุ่นพิเศษ(ตัวนำเข้าจากญี่ปุ่น จะเรียกอะไรก็แล้วแต่สะดวก) เพื่อชดเชย บลาๆๆๆ อย่างที่เข้าใจกัน
และขอมาตอบแทนสำหรับเจ้าของเก่า Honda Jazz ปี 2009 ที่เพิ่งขายไปก่อนจะได้ตัวนี้มาด้วยเช่นกันคับ
ถ้าจะเปรียบเทียบ ตัวประกอบไทย กับ ประกอบนอกแล้ว "ส่วนตัว" คิดว่า
1. อุปกรณ์ที่เพิ่มเติมขึ้นมา เช่น ไฟหน้า HID + ไฟสูง (จะเรียก Bi-xenon หรือไม่ ก็แล้วจะแต่ละกันคับ , แอร์ auto, etc. ได้มาในราคานี้ก็คุ้มแล้วแหละ
2. เครื่องยนต์และเกียร์ ผมว่า ก็เหมือนกัน ไม่แตกต่าง เพราะตั้งแต่เห็นครั้งแรกที่โชว์รูมก็เห็นแล้วแหละว่า ไมล์มันสุดที่ 220km ไม่ใช่ 180km ก็คิดแล้วแหละว่าน่าจะเป็นตัวประกอบญี่ปุ่นเพื่อส่งออกนอก ไม่ใช่เพื่อขายในญี่ปุ่น
3. ส่วนตัวที่อยากจะลองจริงๆคือ ยาง เพราะ ยางที่ให้มานั้นเป็นยาง Dunlop SP Sport 2030 ผลิด 0712 (ยางมันใหม่เว่อร์จนงงว่า เอายางมาใส่เองทีหลังอะป่าวเนี่ย) และ "ส่วนตัวคิดว่า" นี่คือ main key ของความรู้สึกที่นุ่มสบาย แตกต่างจากตัวประกอบไทย เพราะผมก็ขับตัว 2009 ตั้งแต่ป้ายแดง จนยางมันหมดสภาพกันไปข้างนึงเลย และสัมผัสได้ถึงช่วงล่างอัน ขอไม่พูด ของตัวประกอบไทย .. มันกระด้างจริง แต่มันกระด้างมาให้เรารับรู้ในห้องโดยสารอย่างเยอะ
ผมจะขับไปซักระยะ และจะลองสังเกตุดูว่ามันมีความแตกต่างในจุดอื่นๆอีกมั๊ยคับ
ถ้ามันเป็นที่ยางอย่างเดียว ไม่นับวัสดุอื่นๆ ผมว่าคนที่ขับตัวประกอบไทย ลองเปลี่ยนยางดูอาจจะช่วยได้ แต่ก็ขอไม่คอนเฟิร์มเพราะรถมันยังใหม่เกิน ขอใช้เวลากับมันอีกหน่อยนะครับ
มาพูดถึงสิ่งไม่ประทับใจกันมั่ง
1. วิทยุแบบ 2 DIN... มันจะใช้ยากไปไหนเนี่ย ปกติไม่ได้เป็นคนเล่นเครื่องเสียงอะไรมากมาย เอาแบบติดรถจากโรงงานก็พอ พร้อมฟังชั่นการใช้งานแบบ USER FRIENDLY จะดีมากๆ... แต่ไอ้ Front ของ Pioneer ตัวนี้มันช่างใช้ยาก และเป็นหน้าจอ Touchscreen จะทำอะไรก็ต้องเอื้อมมือไปกดตลอดเว.. ถึงแม้มีรีโมทมาให้ และถามหน่อย ขับรถนะคับ ไมได้นั่งอยู่บ้าน จะคิดว่าให้คนขับรถมานั่งถือรีโมทแล้วมาจ้องดูรีโมทเพื่อมาเปลี่ยนฟังชั่นนะหลอ.... (ใช้อะไรคิด) เพราะผมใช้ตัว SV'2009 มีปุ่ม multi function บนพวงมาลัย มันใช้งานสะดวกสบายมาก พอไม่มีมาให้ คราวนี้แหละต้องมาหาติดเอง ก็แอบเซงนิดๆ แต่ไม่เป็นไร ติดเพิ่มได้ก็โอเคคับ
ณ ตอนนี้ขับมา 1 อาทิตย์ ก็ยังเจอสิ่งไม่ประทับใจ 1 อย่าง เพราะอย่างอื่นๆ ก็ชินชาเฉยๆจากตัวที่เคยขับมาก่อนอยู่แล้วเพราะมันก็ เหมือนๆกัน แต่นั้นแหละครับ เรื่องการเก็บเสียง และเสียงช่วงล่างที่เข้ามาภายในห้องโดยสารเนี่ย มันน้อยกว่าตัวประกอบไทยจริง
ดังนั้นถ้าจะให้บอกว่า ถ้าคิดจะถอยแจ๊สอยู่แล้ว ไม่ต้องรอลังเล ตัวประกอบในไทยหรอกครับ ถ้าสามารถเพิ่มงบอีกไม่กี่หมื่นบาท อยากจะแนะนำให้จัดตัวนำเข้าตัวนี้ไปได้เลย ส่วนจะเลือก ล๊อต1 หรือ ล๊อต 2 ก็แล้วแต่ชอบเลยครับ
-
ผมได้ lot 1 วิทยุแบบโมดูล ไม่มีปัญหาเครื่องเสียงและมีปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย
-
มาตอบเรื่องยาง ครับ
มีส่วนครับ ยางนี้ หนึบ นิ่มกว่ายางTH ครับ
แต่สำหรับผมที่เปลี่ยนล้อก่อนออกศูนย์ แล้วขับดูแล้ว โช้ค สปริง บูท ช่วยให้รู้ดีมากครับ
ด้านหลังไม่ดีด เลย จังหวะยุบ แบบผู้ดีๆม่เป็นม้าดีดกระโหลก
ปแลัเซนเซอร์ที่ผมเคยบอกไว้ผมว่าน่าจะเป็นVSC ครับ หรือถ้าไม่ใช้ก็ใกล้เคียง
-
ยืนยันอีกเสียงครับว่า เป็นรถที่น่าซื้อมาก ช่วงล่าง การซับแรงสั่นสะเทือน การเก็บเสียง แตกต่างจากตัวไทย อาจจะมีผลมาจากยางส่วนนึง ส่วนตัวชอบมากครับ ปัจจุบันใช้ Jazz ge mc sv ทันทีที่เปลี่ยนมาขับรถตัวเอง รู้สึกตึงตังกว่าชัดเจน
-
จากที่ลองใช้ ไม่เคยนั่งหลังเลยเพราะต้องเป็นคนขับ คันขาวของแม่ กะคันส้มของน้า
แต่จากคำบอกของคนที่นั่งหลังบอกว่า มันเด้งน้อยกว่าตัวใน มันเก็บเสียงดีกว่า อันนี้น่าจะเป็นเพราะยาง ตัว JP เป็นยาง made in japan ส่วนตัว sv made in thailand เดียวมีตังจะเอาไปเปลี่ยน gr90 ให้แม่ แล้วลองดูอีกที
ความปราณี ผ้าหุ้มหลังคา ดูดีกว่าเยอะ คอนโซนผผงหน้าปัดดูเผินๆๆ มันเหมือนกัน แต่ ตรงตะเข็บลอยต่อมันแนบชิดติดกันกว่า
เบาะผ้าลายเดียวกัน แต่ ความนิ่มของผ้าผิดกัน ตัว jp นิ่มกว่า มีตัวลองข้างใน เป็น 2 ชั้น ตัวในเบาะผ้าเหมือนกันแต่กระด้างกว่าไม่มีใส้ในลอง ไปดูใกล้ๆๆจะเห็นของของเนื้อผ้าที่เป็นฉลุจะมีสันๆๆขึ้นมานิด นั่งนิ่มกว่า
กระบะท้าย เปิดตัวที่จะเอายางอะไหล่ มีโฟมลองแบ่งเป็ฯล๊อกๆๆก่อนถึงยางอะไหล่ ต้องเปิดอีกชั้นดูดีมีราคา
ตัวในเปิดปุบเจอยางเลย โฟมหายไปไหน
ราคาต่างกัน 715000 กับ 747000 ต่างกัน 32,000 บาท แค่ไฟหน้า ไปถามราคาเชียงกงของเก่า ก็ 25,000 แล้วยังไม่มีเซนเซอร์ปรัลระดับไฟออโตตรงโชคอัพ ซ้ายหน้าหลังอีก ติดตั้งก็คง 30,000 กํ๊บของยูส แอร์ออโต ทั้งระบบ คงต้องมี 15,000 อัพ เพราะต้องเดินท่อฮีตเตอร์ เปลี่ยนตู้แอร์ใหม่ให้มีระบบฮีตเตอร์ และที่สำคัญ แอร์แบค คงต้องมีเงินอีกสักกี่หมื่น ตีไปตัวละ 2 หมื่น อีก 4ตัว ก็ราวๆๆ เกือบแสน
(http://i1179.photobucket.com/albums/x391/nathaphong1/photo-1.jpg)
-
ตอบในฐานะคนใช้ JP และคลุกคลี กะ SV บ้านเรา
เก็บเสียงเครื่องยนต์ได้ดีกว่า
เก็บเสียงมอเตอร์ไซค์ได้ดีกว่า (นิดหน่อย)
ซับแรงสะเืืทือนได้ใกล้เคียงกันผมว่าน่าจะมีผลมาจากการเซ็ทช่วงล่าง และวัสดุหุ้มเบาะ นุ่มกว่า เลย นุ่มตูด!
พลาสติกทุกจุด นุ่มนิ่มกว่า กดตรงไหนก็บุ๋ม ><! (ซึ่งไม่รู้จะเป็นผลดีในอนาคตไหม?)
ยางเงียบกว่า!
มอเตอร์ปัดน้ำฝน+ยางปัดหน้า เงียบ....สนิท
อารมณ์ในการจับพวงมาลัยหุ้มหนัง(ส่วนตัวนิดนึง) รู้สึกประทับใจกว่า
เสียงมอเตอร์สตาร์ต(อันไม่เป็นเอกลักษณ์ เหมือน Honda ไทย)
... ;D
แต่อื่นๆ มันก็คือ JAZZ ล่ะครับ อย่าคิดมาก เอา Option ที่ได้เพิ่มมาก็คุ้มแระ
-
ลองนึกถึงความหลัง ตอนที่ได้ Jazz ไทยมาใหม่ๆ ป้ายแดง แล้วหรือยัง ว่าเป็นอย่างไร
หรือ
เอา Jazz ไทยเก่าๆ 2-3 ปี มาเทียบกับ Jazz ญี่ปุ่นใหม่ป้ายแดง
ความแตกต่างไม่น่าจะต่างกันขนาดนั้นมั้ง..!
แต่ที่ต่างชัด คือ Option ข้อนี้ต่างแน่ๆ
ใช้แต่ความรู้สึกของคนวัด มันไม่สามารถวัดได้เลย
แค่ชับรถคันเดิมของเรา ตอนเที่ยงแดดเปรี้ยงๆ จะออกไปทานอาหารเที่ยง
กับขับรถคันเดิมของเรา ตอนหกโมงเย็น สบายๆ จะออกไปทานอาหารเย็น
ยังรู้สึกแตกต่างยังกับขับคนละคันเลย จริงๆนะ
-
อาจจะขัดกับความรู้สึกหลายๆท่าน ผมมีประสบการณ์แย่ๆกับเจ้ายาง sp 2030 มาอ่ะ
-
พี่ผมเปลี่ยนใช้ยาง yoko รุ่น top (japan) รุ่นที่เน้นความนุ่มเงียบ ใส่ใน jazz thai ผลคือเสียงก็ยังเข้าห้องโดยสารอยู่ ไม่หาย
สุดท้ายต้องไปแดมป์ประตู ก็ช่วยขึ้นได้มาหน่อย