Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: YenChar ที่ พฤษภาคม 20, 2012, 19:59:02
-
(ขออนุญาตใช้ศัพท์วัยรุ่น ขั้นเทพ แปลว่าของดี เกรดสูงกว่ามาตราฐานครับ)
ทุกท่านคิดว่า รถใช้งานทั่วไป รอบเครื่องหมุนไม่เกิน 6 พันรอบ
หรือรถบ้านๆ ใช้งานทั่วไปไม่ได้เอาไปลงสนามอย่างจริงจัง
จำเป็นมั้ยครับ กับการที่จะต้องใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% เกรดสูงๆ
เพื่อความสบายใจ?? ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหาก็ใช้ไปเถอะ!!
เพื่อความทนทานในระยะยาว 5 แสนโลขึ้นไป กึ่งสังเคราะห์หรือเกรดธรรมดาจะส่งผลระยะยาว??
เพื่อสมรรถนะที่ดีขึ้น??
- นายเอ ใช้ Mobile1 เกรดสูง แต่ไ่ม่เคยขับเกิน 3 พันรอบเลย
- นายบี ใช้ ปตท ที่หลายๆความเห็นบอกว่าไม่ดี ไม่ได้เรื่อง แต่เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 6เดือนทันที
- นายซี ใช้สังเคราะห์ 100% แต่ลากยาว 2 ปี ค่อยเปลี่ยน
เห็นหลายๆเวปบอร์ดผู้ใช้รถถกเถียงกันมาตลอด
สงสัยว่า "จำเป็น" มากมายขนาดไหนครับ เป็นอุปทาน หรือเป็นความจริง
ปล. ต่างคน ต่างความคิด ต่างประสบการณ์ ขอคำแนะนำด้วยครับ
-
เป็นผมเลือกน้ำมันเครื่องเกรดดีๆ ครับ
-
ใช้น้ำมันเครื่องดีก็ดีครับ แต่ผมเองใช้เซมิมาตลอด เก็บตังค์ที่เหลือไว้ maintenance ดีกว่า
-
น้ำมันเครื่องที่ดีมีผลต่อการสตาร์ทหล่อลื่นในช่วงแรกมาก (ช่วงแรกของการหล่อลื่นจะทำให้เกิดการสึกหรอมาก)
ผมว่าจำเป็น(ถ้าเป็นคนรักรถ) เพราะถึงไม่ใช้ก็ยังขับได้
เป็นผมใช้น้ำมันเครื่องเกรดดีครับ
-
เลือก นายบี เปลี่ยนน้ำมันทุก 6 เดือน
ยังไงน้ำมันใหม่สะอาดกว่าน้ำมันเครื่องที่ใช้มานานๆ
-
ผมเป็นแบบนาย เอ ครับ แต่ก็แอบรอบสูงบ้างเวลาอยากเปรี้ยว 555 8) 8) 8) 8)
ส่วนตัวคิดว่าใช้ของดีไปเถอะครับ ถ้าปัจจัยมิใช่ปัญหา ;)
ปล. ของดีมันลื่นกว่าจริงน่ะ ไม่ใช่อุปทาน
-
Mobil 1 only
จริงๆแล้วผมใช้อะไรก็ได้เกรดนั้น แต่ส่วนใหญ่จะ mobil 1 0W-40/5W-30
ถ้าไม่พูดถึงเรื่องปกป้องเครื่องยนตร์ เอาแค่ตอนขับก็รู้สึกเครื่องเดินเรียบ วิ่งดีกว่าแล้ว
ผมว่าคุ้มครับ ต่างกันไม่เท่าใหร่
ถ้าครบหมื่นแล้วยังไมีมีเวลาไปเปลี่ยน ลากไปถึง 12000 ก็ยังไหวสบายๆ แต่ส่วนตัว 9000 ก็เปลี่ยนแล้ว วิ่งในเมืองรถติดไมล์ไม่ขึ้น
-
ผมใช้เซมิ ปตท. ราคา500 บาท
เปลี่ยนทุก 5000 โล
รถวิ่งดีนะครับ ไม่ได้ไปแข่งกับใคร
แต่น้ำมันเครื่องใสแจ๋วตลอดเวลา ;D
-
ผมใช้น้ำมันเครื่องตามที่ผู้ผลิตรถแนะนำครับ และเปลี่ยนถ่ายตามคำแนะนำครับ
-
กึ่งสังเคราะห์ เปลี่ยนบ่อยๆน่าจะโอกว่าลากยาวๆครับ
-
ผมว่าเราขับตามปกติของเรา แล้วดูสภาพตอนถ่ายน้ำมันออกมา ถ้ามันโอเค ก็ใช้เกรดนั้นอ่ะครับ
ของอย่างนี้อยู่ที่ความพอใจอ่ะครับ ผมว่ามันไม่ได้พังไวกว่ากันเป็นปีหรอกครับถ้าดูแลดีๆ
เหมือนวิตามินซี Blackmore 1000 มิลลิกรัมน่ะแหละครับ ผมกินแบบหลอดละ 50 บาท เอาตังที่เหลือไปทำอย่างอื่นดีกว่า(ถ้าต้องกิน)
-
พ่อผมใช้ ปตท. กึ่งสังเคราะ เพราะใช้รอบไม่สูงไม่เคยเกิน3พันรอบ แต่เน้นเปลี่ยนบ่อยครับ หมื่นโลก็เปลี่ยนแล้ว
-
ผมก็ขับรถบ้านๆ รอบต่ำๆ แต่ก็เลือกของแพงมาใช้เสมอ
สบายใจกว่า แล้วก็จ่ายไหวด้วย ;D
-
ผมใช้เซมิ ปตท. ราคา500 บาท
เปลี่ยนทุก 5000 โล
รถวิ่งดีนะครับ ไม่ได้ไปแข่งกับใคร
แต่น้ำมันเครื่องใสแจ๋วตลอดเวลา ;D
น้ำมันใสใช้ว่าจะดี แสดงว่าสารชะล้างไม่ดี
-
สำหรับผมเป็นนาย C ครับ ขับน้อย ใช้ของดี เคยรากถึง 2 ปีครับ D-max 3000 Di
-
ถ้าเป็น รถดีเซล มันจะมี 2 แบบนะครับ (แบบชาวบ้านรู้เรื่องรถนิดๆ หน่อยๆ เค้าดูๆ กันน่ะครับ)
แบบสำหรับรถ คอมมอนเรล และแบบปกติ (ผมก็ไม่รู้ว่ามันต่างยังไงนะครับ )
รถผม มันไม่มีคอมมอลเรล ไม่มีอะไรเลยก็ว่าได้ ถ้าเติมแบบ คอมมอลเรล รู้สึกเหมือน รถอืด แล้ว วิ่งไม่ขึ้น
แต่ ถ้าเติมแบบรถปกติ ข้างกล่องไม่ได้เขียนว่า คอมมอนเรล มันวิ่งกระฉูดครับ
เท่านั้นยังไม่พอ ถ้าเป็น เพนซอล เซลล์ ที่ไม่ใช่คอมมอลเรล แต่ราคา ขวดเล็ก (น่าจะ 1 ลิตร) เกิน 100 รถมันก็ ไม่ค่อยวิ่งอีกครับ แต่
ถ้าเติมของ ปตท ราคาถูกสุด (ไม่เกิน 100) รถวิ่งกระฉูด และ ไม่มีควันด้วยครับ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะครับ แต่ เช็คเป็นประจำ เพราะรถเกา มันกิน นมค หน่อยๆ เหมือนกันครับ ประมาณว่า 3 เดือน ต้องเติมประมาณลิตรนึง รถวิ่งวันล่ะ 50 กม ครับ
สรุปคือ ผมเติมแบบถูกสุด ยี่ห้อของ ปตท และเปลี่ยน นมค ตามระยะครับ
-
เลือกให้เหมาะกับการใช้งาน และ อายุของรถครับ
ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา ก็เลือกเกรดที่ดีที่สุด ใช้ตามกำหนด ไม่เกิน 10,000โล
แต่ถ้าวิ่งในเมืองอย่างเดียวเลย ก็น่าจะเปลี่ยนเร็วกว่านั้นหน่อย
ส่วนรถเก่าแล้ว ใช้เป็น semi. แล้วก็เปลี่ยนทุกๆ 7500โล
-
หลายปีหลังๆมานี้ผมใช้แต่ HKS ครับ แต่ก็เป็นตัวล่างสุดคือ super racing มันดีมั้ยไม่รู้แต่ fd 2.0 ตอนขายไปเลข กม. อยู่ที่แสนกลางๆ ก็ยังวิ่งได้เกิน 220 ครับ
สำหรับคันใหม่นี้ผมหันมารักษ์โลกแล้วก็คงจะใช้ HKS ต่อไปครับ
มีช่วงหนึ่งเคยใช้ ปตท super syn พอใกล้หมื่นโลแล้วเหมือนจะวิ่งไม่ค่อยออกครับ แต่ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่านะครับ
-
ต้องคนแรกสิ :) แม้ส่วนใหญ่จะไม่เคยใช้งานเกินสามพันรอบแต่ใครจะรู้วันนึงอาจมีเหตให้ต้องเร่งแซงสุดๆๆจนรอบเครื่อเกือบเกินขีดสุดก็ได้ ซึ่งในเวลานั้นน้ำมันเครื่องระดับพอเพียงเปลี่ยนถี่ๆอาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้งานในรอบสูง ณ เวลานั้น :P เชื่อผมเถอะว่าคนที่รู้จักน้ำมันเครื่องระดับสูงๆนั้นไม่มีหรอกที่จะขับรถแบบช้าๆรอบต่ำไปได้ตลอด มันต้องมีสักครั้งหนึ่งในเดือนนึงบ้างล่ะที่ต้องเร่งเครื่องรอบสูงเพื่อเ่ร่งแซงบ้าง เหตุแห่งความเสื่อมสภาพขงน้ำมันเครื่องในบ้านเรานั้นไม่ใช่มาจากการใช้งานแค่อย่างเดียว ความร้อนของสภาพแวดล้อมในระหว่างที่รถติดของแดดแรงๆก็มีผลด้วย ไหนจะความสามารถในการคงสภาพการปกป้องตามชิ้นส่วนต่างๆไม่ให้เสียดสีกันมากหลังจากจอดทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วมาติดเครื่องครั้งแรกอีก ซึ่งผมไม่คิดว่าระดับพอเพียงจะสามารถทนทานยืนคณภาพได้ยาวนานเทียบเท่ากับของที่ผลิตมาเพื่อคงความหนืดในระดับเดิมเืมื่อเจอความร้อนสูงยาวนานและลดการเสียดสี น้ำมันเครื่องที่คุณภาพสูงกว่าย่อมหมายถึงการคงคุณภาพในระดับสูงสุดให้ได้ยาวนานกว่าน้ำมันเครื่อแบบพอเพียง การจะใช้จนถึงหมื่นกิโลไม่ใช่ปัญหาสำหรับมันเลย การถ่ายทิ้งที่หมื่นกิโลของมันนั้นอาจจะยังมีุคุณภาพที่สูงกว่าของปอตอทอก็ได้ :)
-
(ขออนุญาตใช้ศัพท์วัยรุ่น ขั้นเทพ แปลว่าของดี เกรดสูงกว่ามาตราฐานครับ)
ทุกท่านคิดว่า รถใช้งานทั่วไป รอบเครื่องหมุนไม่เกิน 6 พันรอบ
หรือรถบ้านๆ ใช้งานทั่วไปไม่ได้เอาไปลงสนามอย่างจริงจัง
จำเป็นมั้ยครับ กับการที่จะต้องใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% เกรดสูงๆ
เพื่อความสบายใจ?? ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหาก็ใช้ไปเถอะ!!
เพื่อความทนทานในระยะยาว 5 แสนโลขึ้นไป กึ่งสังเคราะห์หรือเกรดธรรมดาจะส่งผลระยะยาว??
เพื่อสมรรถนะที่ดีขึ้น??
- นายเอ ใช้ Mobile1 เกรดสูง แต่ไ่ม่เคยขับเกิน 3 พันรอบเลย
- นายบี ใช้ ปตท ที่หลายๆความเห็นบอกว่าไม่ดี ไม่ได้เรื่อง แต่เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 6เดือนทันที
- นายซี ใช้สังเคราะห์ 100% แต่ลากยาว 2 ปี ค่อยเปลี่ยน
เห็นหลายๆเวปบอร์ดผู้ใช้รถถกเถียงกันมาตลอด
สงสัยว่า "จำเป็น" มากมายขนาดไหนครับ เป็นอุปทาน หรือเป็นความจริง
ปล. ต่างคน ต่างความคิด ต่างประสบการณ์ ขอคำแนะนำด้วยครับ
ของผมใช้แก๊ซด้วย วิ่งอาทิตย์ละ400โล
ใช้ชองเชลล์ราคาสองพัน เปลี่ยนทุก6เดือน
ถ้าใช้pttขวดเทาๆ ก็สามเดือน เคยลาก6-7เดือนปรากฎว่าหนืดเหนียวถึงขัึ้้นเอาที่ดูดๆไม่ออกเลย
ถ้าคุณจขกทใช้ไม่เยอะ ก็ใช้อะไรที่มันดีหน่อย ปีนึงก็ถ่ายทิ้งได้แล้วครับ ผมสงสารรถ
-
ผมใช้ ปตท สังเคราะห์แท้ 100% เปลี่ยนทุกๆ 10000 โล เข้าศูนย์ Bosch ถูกมากๆ ปตทสังเคราะห์+ไส้กรองbosch แค่ 999 บาทเอง
-
น่าจะข้อ 1 ครับ
แต่ก็ไม่ได้ใช้แบบเทพๆ อย่าง motul ครับ ไม่ mobil 1 ก็ sunoco ;D
-
ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็นครับ ^^
ใครมีเพิ่มเติม เชิญนะครับ
-
ของผม ใช้ PTT Semi 3-4 เดือนเปลี่ยนที
วิ่งก็ประมาณ 7พันโล แป๊ปๆก็เปลี่ยนแล้วครับ
ตอนนี้ 180,000 โลแล้ว
เลยไม่ได้ใช้ของดีอะไรมากมาย
เคยใช้ของเชลล์ สังเคราะห์100% PTTสังเคราะห์ 100%
ความรู้สึกไม่ต่างเลยอะครับ
-
ผมเปลี่ยนจากกึ่งฯ เป็น สังเคราะห์แท้100%
ปล่อยไหลได้ไกลขึ้นโดยไม่เหยียบคันเร่ง
ประหยัดน้ำมันขึ้น 1 กิโลลิตร
หลังจากนั้นใช้สังเคราะห์แท้มาตลอด
ปัจจุบันติด lpg ใช้ shell helix ultra + V power ครับ
ผมเปลี่ยนที่ 10000-12000 กม
เท่าที่ลองใช้นะครับ ลองตัว สูงสุด ทุกตัว
mobil1 =6 แกลลอน
valvoline=2
ptt = 10 กว่า จำไม่ได้
eneos = 2
shell =5
สรุป จบที่ shell ครับ ถูกใจสุด
-
(ขออนุญาตใช้ศัพท์วัยรุ่น ขั้นเทพ แปลว่าของดี เกรดสูงกว่ามาตราฐานครับ)
ทุกท่านคิดว่า รถใช้งานทั่วไป รอบเครื่องหมุนไม่เกิน 6 พันรอบ
หรือรถบ้านๆ ใช้งานทั่วไปไม่ได้เอาไปลงสนามอย่างจริงจัง
จำเป็นมั้ยครับ กับการที่จะต้องใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% เกรดสูงๆ
เพื่อความสบายใจ?? ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหาก็ใช้ไปเถอะ!!
เพื่อความทนทานในระยะยาว 5 แสนโลขึ้นไป กึ่งสังเคราะห์หรือเกรดธรรมดาจะส่งผลระยะยาว??
เพื่อสมรรถนะที่ดีขึ้น??
- นายเอ ใช้ Mobile1 เกรดสูง แต่ไ่ม่เคยขับเกิน 3 พันรอบเลย
- นายบี ใช้ ปตท ที่หลายๆความเห็นบอกว่าไม่ดี ไม่ได้เรื่อง แต่เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 6เดือนทันที
- นายซี ใช้สังเคราะห์ 100% แต่ลากยาว 2 ปี ค่อยเปลี่ยน
เห็นหลายๆเวปบอร์ดผู้ใช้รถถกเถียงกันมาตลอด
สงสัยว่า "จำเป็น" มากมายขนาดไหนครับ เป็นอุปทาน หรือเป็นความจริง
ปล. ต่างคน ต่างความคิด ต่างประสบการณ์ ขอคำแนะนำด้วยครับ
ของผมใช้แก๊ซด้วย วิ่งอาทิตย์ละ400โล
ใช้ชองเชลล์ราคาสองพัน เปลี่ยนทุก6เดือน
ถ้าใช้pttขวดเทาๆ ก็สามเดือน เคยลาก6-7เดือนปรากฎว่าหนืดเหนียวถึงขัึ้้นเอาที่ดูดๆไม่ออกเลย
ถ้าคุณจขกทใช้ไม่เยอะ ก็ใช้อะไรที่มันดีหน่อย ปีนึงก็ถ่ายทิ้งได้แล้วครับ ผมสงสารรถ
รถที่บ้านผมใช้ NGV วิ่งวันละ 180-200โล/วัน ตก 900-1000 โลต่ออาทิตย์
ใช้ แต่ปตท.NGV เพราะเปลี่ยนบ่อยมาก ที่10000โล เหตุผลเพราะถูกตังค์
ยังไม่เคยเจอที่ว่าหนืดเหนียวจนต้องดูดออก แถมรถที่ใช้ก็ city zx วีเทค
เกียร์ MT บ้านๆวิ่งมา 2แสนกว่าโลแล้วครับ
-
เป็นผมจะใช้เกรดดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เพราะน้ำมันเครื่องมันปกป้องเครื่องยนต์ตั้งแต่สตาร์ทจริงๆ
และถ้าใช้น้อยอย่างไงก็ต้องเปลี่ยนทุกๆปี
เพราะน้ำมันเครื่องเมื่อโดยอากาศแล้วจะเสื่อมคุณภาพแล้วครับ
เคยได้ยินว่าถ้าเปิดฝาน้ำมันเครื่องแล้วไม่ได้ใช้เกินปีแล้วก็ไม่ควรนำมาใช้งาน
ส่วนเรื่องลากยาว 2 ปี เป็นผมครบ 1 ปีเปลี่ยนดีกว่าึครับ
-
สองหมื่นโลเปลี่ยนที ครับ เกรด api sn full syn จะ sea30 sae40 เปลี่ยนได้หมด ใช้ปตท บางจาก elf เดียวจะลอง valvoline อีกซัก ยี่ห้อ
mobi 1แพงเกิน ;D
-
ของผมใช้ ปตท. Performa Super- Synthetic SAE 0W-40 ทุกคันครับ นี่ห้ออื่นไม่เคยลองเลยครับ ติดใจของแถมของ ปตท.ครับ
March กับ Almare วิ่งน้อยมากก็ใช้ตัวเนี้แหละครับ แต่มันจะเหลือ 1 ลิตรเสมอ จริงๆก็ก็เสียดายแต่ก็ต้องทิ้งไปครับ
แถวบ้านผม ปตท. Performa Super- Synthetic SAE 0W-40 ขายราคาไม่ถึง 1300 แล้วก็ได้ของแถม บาททีได้โทรศัพท์มือถือ บางทีได้กระทะไฟฟ้า บางทีได้กระบอกน้ำ
บางทีได้บัตรเติมน้ำมัน 500 บาท ก็ลบราคาไป เหมือนซื้อ น้ำมันสังเคราะห์ 100 % 4 ลิตร ในราคา 7xx ครับ แต่ผมใช้จริง 3 ลิตร
แต่ผมวิ่งครบ 10000 กิโลก็เปลี่ยนนะครับ หรือ ครบ 6 เดือนไม่ถึง 1 หมื่นกิโลก็เอาไปเปลี่ยนเลย แต่น้ำมันตัวนี้ถ้าจำไม่ผิดสามารถใช้ได้ถึง 15000 กิโล
ก็หิ้วน้ำมันไปที่ศูนย์แล้วบอกว่าเอาน้ำมันเครื่องมาเอง ทางศูนย์ก็จะบริการเปลี่ยนถ่ายให้ เสียค่าอะไหร่และค่าบริการบางอย่างครับ
เคยถาม น้ำมันเครื่อง สังเคราะห์ 100% ของศูนย์ ลิตรละ 400 ก็ไม่เคยได้ตัดสินใจเปลี่ยนครับ
-
รถทุกคันในบ้านผมล้วนเป็นน้ำมันเครื่องทั่วไปตามศูนย์ ซึ่งต่อให้เท้าหนักแต่ไม่หนักจริง ผมว่าไม่มีปัญหา
แต่กับรถที่ตัวเองใช้ ผมเลือกน้ำมันสังเคราะห์ อย่างสมัยมี Legacy ผมใช้ Sunoco Brill
4 ลิตร 2,300-2,500 บาท ส่วน NX ใช้ Castrol EDGE ครับ
น้ำมันเครื่องสำหรับคนตีนหนักควรใช้เทพขนาดไหน คุณก็ลองดูราคาน้ำมันเครื่องเทียบกับ
ราคาเครื่องดูสิครับ ง่ายๆ ถ้าคุณใช้ 1JZ-GTE แต่เติมน้ำมันเครื่องลิตรละ 1,000 บาท
เปลี่ยนถ่าย 5 ครั้งก็ซื้อเครื่องใหม่ได้แล้ว..จะใช้เทพขนาดนั้นทำไมในเมื่อสังเคราะห์เกรด
4 ลิตร 2,000 บาทบวกลบมันก็รองรับได้เยอะมากแล้ว
คนที่อยากรู้เรื่องน้ำมันเครื่องดีๆ ผมแนะนำนะครับ หา Oil Press กับ Oil Temp มาใส่รถ
จะช่วยให้เรารู้อะไรได้อีกมาก แต่ต่อให้รู้มากแค่ไหน กับ NA 100 ม้าต่อลิตร..Turbo 100 ม้าต่อลิตร
ผมใช้น้ำมันประเภท 4 ลิตรสองพันบวกลบ แค่นั้นก็พอแล้วครับ
-
ถ้าเงินถึงไม่มีปัญหา จัดสังเคราะห์แท้ 100% โลด
ผมขับรถแบบใช้รอบเกิน 3000 น้อยมาก
ส่วนตัวใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ของศูนย์มาโดยตลอด จนกระทั่งหลังติดแก๊ส ตัดสินใจเปลี่ยนไปเป็น Mobil1 0W40 แล้ว ความรู้สึกของผมก็เปลี่ยนไปทันที
เพราะสังเคราะห์มันลื่น เสียงเครื่องเบากว่าเห็นๆครับ ผมยอมจ่ายเพิ่มครับ
เคยลองกลับไปใช้กึ่งสังเคราะห์ของศูนย์อีกครั้ง ก็ไม่ประทับใจ ทนวิ่งได้ 8000 ก.ม. แล้วก็ถ่ายทิ้งทันที
-
น้ำมันเครื่องสมัยนี้ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ ดังนั้นจึงไม่ค่อยพบปัญหาเครื่องยนต์หลวมจากการใชังานกันสักเท่าใดแล้วหากเปลี่ยนถ่ายน้ำมันตามกำหนดและขับแบบปรกติตามที่ควรจะเป็นคือขับใช้รอบเครื่องไม่สูงนั่นแหละ ดังนั้นผมว่าไม่จำเป็นครับเพราะรถพังแล้วเครื่องยังสภาพดีอยู่เลย แต่ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหาก็จัดสังเคราะห์โลด มันดีกว่าอยู่แล้วครับ กลับกันสมัยนี้เกียร์ออโตเริ่มเสียง่ายมากขึ้น แถมซ่อมแพงอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นใส่ใจน้ำมันของเกียร์ออโตด้วยนะครับ
-
ผมรักรถครับ
แต่รักเงินในกระเป๋ามากกว่า
ชาว Prius เปลี่ยนสังเคราะห์กันยกบอร์ด ผมแหกด่าน กึ่งสังเคราะห์อยู่คนเดียว 5555+ ::)
-
ผมเลือก
นายบี ใช้ ปตท. สังเคราะห์ 100 >> เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 6 เดือน หรือประมาณ 8000 กม.
แถม บัตรเติมน้ำมัน 500 บาท ประหยัดได้อีก
-
เกินความจำเป็นครับ ผมเลือกนาย B ครับ กับการใช้งานบ้านๆในแบบของผมนะ
ถ้ารถใช้งานจริงๆ เอาตัวถูกสุดที่เป็นเกรดรวม หรือ multi-grade เลยครับ คือไม่ใช่ตัว semi-syn
เคยคุยกับพี่ที่ทำงานสายนี้มา เค้าบอกว่า semi คือเกรดที่ผู้ขายกำไรที่สุด เนื่องจากเอาน้ำมันเกรดรวม(เกรดต่ำสุด) มาใส่ additive แล้วขายเป็นเกรด semi-syn
ส่วนพวก syn 100% จะเป็นพืนฐานน้ำมันที่สูงกว่า (base ดีกว่า)
ส่วนพวกที่ดีสุดคือใช้ ester base
ตอนแรกผมก็ใช้ semi กับรถบ้าน พอได้ฟังก็ลองไปใช้เกรดถูกสุด ถามว่ารู้สึกไหม ก็พอรู้สึกนะครับว่าลื่นน้อยลง (ถึงแม้ว่าเพิ่งเปลี่ยนใหม่ๆ คือเหมือนมันไม่ลื่นเท่า semi) แต่ถามว่าพังไหม ใช้ไปสองแสนกว่าโล ก่อนจะขาย ก็ไม่พังนะครับ
ส่วนที่พวกใช้รถ turbo บอกว่า ยี่ห้อนี้ ดีไม่ดี ส่วนมากจะดูจากใช้แล้วพังไหม
เวลาซัดๆ oil press, oil temp ยี่ห้อนี้ ยี่ห้อนั้น เป็นเท่าไหร่ อุณหภูมิขึ้นแล้วลงเร็วไหม แรงดันตกไหม ฯลฯ คือดูจากเกจ์วัดเอา และรถ turbo มักรอบจัด แรงม้าเยอะ โดนลากรอบประจำ ความร้อนสะสมเยอะ มันเลยเห็นผลเร็วและชัดครับ
เคยใส่น้ำมันที่พวกรถแข่งชอบใช้ แต่เรามาใส่รถขับในเมือง บางตัวผมก็ไม่ค่อยชอบครับ เพราะมันต้องอุ่นเครื่องซักพัก ถึงจะรู้สึกว่าลื่น
รถ start แล้วดับบ่อยๆ ในเมือง VS รถแข่งที่มีการ warm ก่อน แล้วออกไปแข่งกัน แทบไม่ดับเครื่อง แล้วถ่ายทิ้งหลังแข่งเสร็จ (นับจริงๆใช้แค่ไม่กี่วันก็กันถ่ายทิ้งเลย) ดีเค้า ดีเราย่อมไม่เหมือนกัน เพราะใช้งานต่างกัน
ดังนั้นความจำเป็นของแต่ละคนก็ต่างกันตามลักษณะการใช้และนิสัยการขับรถ
บางคนขับเครื่อง 1500 แทบไม่เคยลากเกิน 5000 รอบ อีกคนลากตลอดประมาณว่าขับแรลลี่อยู่
น้ำมันเครื่องก็ควรจะใช้คนละตัวอ่ะครับ
-
(ขออนุญาตใช้ศัพท์วัยรุ่น ขั้นเทพ แปลว่าของดี เกรดสูงกว่ามาตราฐานครับ)
ทุกท่านคิดว่า รถใช้งานทั่วไป รอบเครื่องหมุนไม่เกิน 6 พันรอบ
หรือรถบ้านๆ ใช้งานทั่วไปไม่ได้เอาไปลงสนามอย่างจริงจัง
จำเป็นมั้ยครับ กับการที่จะต้องใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% เกรดสูงๆ
เพื่อความสบายใจ?? ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหาก็ใช้ไปเถอะ!!
เพื่อความทนทานในระยะยาว 5 แสนโลขึ้นไป กึ่งสังเคราะห์หรือเกรดธรรมดาจะส่งผลระยะยาว??
เพื่อสมรรถนะที่ดีขึ้น??
- นายเอ ใช้ Mobile1 เกรดสูง แต่ไ่ม่เคยขับเกิน 3 พันรอบเลย
- นายบี ใช้ ปตท ที่หลายๆความเห็นบอกว่าไม่ดี ไม่ได้เรื่อง แต่เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 6เดือนทันที
- นายซี ใช้สังเคราะห์ 100% แต่ลากยาว 2 ปี ค่อยเปลี่ยน
เห็นหลายๆเวปบอร์ดผู้ใช้รถถกเถียงกันมาตลอด
สงสัยว่า "จำเป็น" มากมายขนาดไหนครับ เป็นอุปทาน หรือเป็นความจริง
ปล. ต่างคน ต่างความคิด ต่างประสบการณ์ ขอคำแนะนำด้วยครับ
ถ้าเสียสตางค์เอง ผมใช้ ปตท กึ่งสังเคราะห์ ซื้อ 1 แกลลอน แถมฟรี 1 ลิตร เป็นประจำ หมืน กิโล เปลี่ยนที หรือเปลี่ยนทุก 1 ปี (ที่บ้านมีรถหลายคัน)
ถ้าได้ฟรี หรือมีสปอนเซอร์ ผมยอมตามสปอนเซอร์ ครับ
-
เลือก นายเอ กับ นาย บี ครับ
นายเอนี่เปลี่ยนให้พี่ +พ่อเวลาขับ
ส่วนนายบีนี่ตัวผมเองเลย ใช้มาหลายแล้ว Shell, castrol Edge ,PTT racing, Mobil
นายซี นานเกิ๊น
-
มาอึ้งกะน้ำมันเครื้่องเหนียวจนต้องดูดออก !!
น่ากลัวจัง ดีนะเราไม่เคยเป็น :D
-
ของผมใช้ ปตท. Performa Super- Synthetic SAE 0W-40 ทุกคันครับ นี่ห้ออื่นไม่เคยลองเลยครับ ติดใจของแถมของ ปตท.ครับ
March กับ Almare วิ่งน้อยมากก็ใช้ตัวเนี้แหละครับ แต่มันจะเหลือ 1 ลิตรเสมอ จริงๆก็ก็เสียดายแต่ก็ต้องทิ้งไปครับ
แถวบ้านผม ปตท. Performa Super- Synthetic SAE 0W-40 ขายราคาไม่ถึง 1300 แล้วก็ได้ของแถม บาททีได้โทรศัพท์มือถือ บางทีได้กระทะไฟฟ้า บางทีได้กระบอกน้ำ
บางทีได้บัตรเติมน้ำมัน 500 บาท ก็ลบราคาไป เหมือนซื้อ น้ำมันสังเคราะห์ 100 % 4 ลิตร ในราคา 7xx ครับ แต่ผมใช้จริง 3 ลิตร
แต่ผมวิ่งครบ 10000 กิโลก็เปลี่ยนนะครับ หรือ ครบ 6 เดือนไม่ถึง 1 หมื่นกิโลก็เอาไปเปลี่ยนเลย แต่น้ำมันตัวนี้ถ้าจำไม่ผิดสามารถใช้ได้ถึง 15000 กิโล
ก็หิ้วน้ำมันไปที่ศูนย์แล้วบอกว่าเอาน้ำมันเครื่องมาเอง ทางศูนย์ก็จะบริการเปลี่ยนถ่ายให้ เสียค่าอะไหร่และค่าบริการบางอย่างครับ
เคยถาม น้ำมันเครื่อง สังเคราะห์ 100% ของศูนย์ ลิตรละ 400 ก็ไม่เคยได้ตัดสินใจเปลี่ยนครับ
แล้วจะทิ้งทำไมครับ 1 ลิตรที่เหลือ
-
เป็นผมจะใช้เกรดดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เพราะน้ำมันเครื่องมันปกป้องเครื่องยนต์ตั้งแต่สตาร์ทจริงๆ
และถ้าใช้น้อยอย่างไงก็ต้องเปลี่ยนทุกๆปี
เพราะน้ำมันเครื่องเมื่อโดยอากาศแล้วจะเสื่อมคุณภาพแล้วครับ
เคยได้ยินว่าถ้าเปิดฝาน้ำมันเครื่องแล้วไม่ได้ใช้เกินปีแล้วก็ไม่ควรนำมาใช้งาน
ส่วนเรื่องลากยาว 2 ปี เป็นผมครบ 1 ปีเปลี่ยนดีกว่าึครับ
แต่ถ้าอยู่ในเครื่อง มันจะมีความร้อนสูงช่วยไหลความชื้นครับ
-
ผมเลือกสังเคราะห์เกรดราคาไม่เกิน2พัน
ถามว่าคุ้มมั๊ย ผมว่าคุ้มนะ ขับดูก็เห็นความแตกต่างว่ามันไม่ดรอปเวลาใกล้ๆต้องถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว
-
ถ้าใช้งานรอบแค่นั้นจริงๆ นานๆจะเหยียบกันสุดๆสักที
น้ำมันกึ่งสังเคราะห์ธรรมดาๆ (จากยี่้ห้อที่เชื่อใจได้)
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ
-
สำหรับผมเลือก
shell helix ultra ลากเกินหมื่นยังเฉยๆ
Mobil 1 รอบไหล เร่งดี ทันใจ
PTT ขอบาย อืดตั้งแต่ 3พันโลแรก
-
ตอนนี้ผมลองใช้เทียบ อยู่ 2 ยี่ห้อครับ
PTT Super Di - Synthetic SAE 0W-40 API SM ราคา 1350 บาท + 1 ลิตร อีก 350 บาท ได้บัตรเติมน้ำมัน 500 บาท
กับ Mobil 1 Synthetic 0-40 API SN ราคา 1700 + 1 ลิตร อีก 450 บาท ได้เสื้อ 1 ตัว
เครื่องยนต์ ขนาด 2.2 Litre NA 200 HP ใช้น้ำมันเครื่อง 4.5 ลิตร มีเกจวัด Oil Press, Oil Temp, Water Temp
ตอนนี้ลองใช้ Mobil 1 อยู่ครับ เดี๊ยวมา Review ให้ฟังกัน ;D
-
แต่ก่อนใช้ PTT ตัว supersyn มาหลายแกลลอน พอมาลองใช้ Castrol Edge กับ Mobil1 กระป๋องทอง ลืมPTTไปเลยครับ เสียงเครื่องเงียบ อัตราเร่งที่ดีขึ้นนิดหน่อย และการปกป้องเมื่อสตาร์ทเครื่องทำให้สึกหรอน้อยลง ผมว่าคุ้มครับ จ่ายเพิ่มประมาณ 1,000 บาทต่อ6เดือน คุ้มครับคุ้ม....