Headlight Magazine : community
General => User's Voice => ข้อความที่เริ่มโดย: BestHuafoo ที่ กรกฎาคม 21, 2012, 12:10:36
-
EPIC User's Review
2011 Honda Jazz S MT: Beyond "The Best sub-compact in class" with manual gearbox
-------------------------------------------------------
ในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 นี้ รถถือเป็น 1 ในปัจจัยที่หลายคนต้องการ เพราะมันสะดวกสบาย
ตากแอร์เย็นฉ่ำ มีความเป็นส่วนตัว และนับวันจำนวนผู้ใช้รถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่าถ้าคนเราจะซื้อรถมาใช้ซักคัน ต้องไม่พ้นระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ
เพราะมันช่วยให้สบาย ไม่ปวดเมื่อยเมื่อต้องพบเจอสภาพจราจรติดขัด
อีกทั้งยังมีออฟชั่น เกรดเลเวลให้เลือกสรรค์มากมายว่าจะเอาแค่ตัวพื้นๆ
อุปกรณ์พอเพียง หรือตัวท็อปที่มีครบทุกอย่างไม่ว่าจะ DVD เนวิเกเตอร์
ปุ่มปรับวิทยุ ชุดแต่งรอบคัน ล้อแม็กซ์ลายเก๋ๆ และเกียร์อัตโนมัติในปัจจุบัน
มีความทนทานขึ้น มีเทคโนโลยีที่ไฮเทคขึ้น รูปแบบการส่งกำลังที่หลากหลาย
ไม่ว่าจะอัตราทดต่อเนื่องหรือแบบคลัชต์คู่ เล่นเกียร์ได้ และต่อยอดขั้นเกียร์ได้เป็นหลัก 10 จังหวะ
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีกลุ่มคนอยู่อีกบางส่วนที่แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน
เขาเหล่านั้นก็ยังยินดีที่จะขับรถเกียร์ธรรมดาต่อไป เพราะมันได้ความ
สนุกเร้าใจมากกว่า ถ่ายทอดความมันส์ระหว่างเท้าผู้ขับขี่ลงไปที่ล้อได้ดีกว่า
(http://upic.me/i/lx/img_2412.jpg)
-
หลังจากที่ Honda Fit/Jazz รุ่นเดิม ประสบความสำเร็จอย่างสูงไปทั่วโลก ทางฮอนด้าญี่ปุ่น
ก็ริเริ่มการพัฒนา ปรับโฉม ให้มีรูปลักษณ์โดดเด่นขึ้น และเปิดตัว All new Honda Fit รหัสตัวถัง GE6-9 ในช่วงปลายปี 2007
และด้วย Honda Jazz ในไทย ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายไม่แพ้กัน จึงไม่รอช้าสั่งรุ่นท็อป 4WD มา 2 คัน
เพื่อศึกษาแถมมีให้สื่อมวลชนได้ขับ ซึ่งครั้งนึงเคยมีผู้ใหญ่ใจดีชวนไปลงทะเบียนเพื่อลองขับครั้งนึง
แต่ด้วยมันเป็นรุ่นขับ 4 ล้อ จึงไม่สามารถตัดสินในด้านสมรรถนะได้เต็มปาก
เพราะมีน้ำหนัก ตัวรถมากกว่าและทำอัตราเร่งได้เชื่องช้า
(อาจบทความมินิ Honda Fit ขับ 4 ได้ที่นี่
http://www.hondajazz-club.com/smf/index.php?topic=42582.msg670648#msg670648 (http://www.hondajazz-club.com/smf/index.php?topic=42582.msg670648#msg670648))
(http://i212.photobucket.com/albums/cc307/HJC_highway/Jazz2008/DSC04073Custom.jpg)
-
จนกระทั่งได้เปิดไลน์เต็มตัวในมอเตอร์โชว์เดือนเมษาปี 2551 นั้น ได้รับความสนใจจากหลายฝ่ายและ
กวาดยอดจองไปมากมาย ต่อมาในปี 2552 มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยโดยการเพิ่มสีเหลืองซึ่งเป็น
สียอดนิยมจากต่างประเทศเข้าไป แล้วตัดสีแดงทิ้ง(นึกถึงตอนแจ็สเหลืองปี 49 ตอนช่วงพันธมิตรเลยแฮะ
ฮอนด้าต้องรีบปาดเหงื่อบอกลุกค้าว่า นู๋ไม่ได้มีนัยยะใดๆทั้งนั้น แค่มันอังเอิ๊ญ บังเอิญจริงๆ)
โดยในช่วงปี 52-53 นี้มีรถคู่แข่งเพิ่มมาอีก 2 เจ้าคือ Mazda 2 และ Ford Fiesta ซึ่งมีจุดขายเรื่องการขับขี่
ออฟชั่นที่ดีกว่าหลายเท่าตัว โดยหวังเข้ามาเขย่าตลาดของแจ็ส ในช่วงที่อยู่ในสภาพคงตัว
ทำให้ฮอนด้าต้องปรับเปลี่ยนไมเนอร์เชนจ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 เพื่อกระตุ้นยอดขาย
และรับมือกับรถ B-segment ทั้งแบบมาตรฐาน และ Eco car
เจ้าอื่นๆ ที่กำลังแห่เข้ามาขย่มตลาดรถตัวถังสั้นขนาดเล็ก
หนำซ้ำผลจากการที่มีการเปลี่ยนแปลงขั้วรัฐบาลในเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม 2554
ทำให้เกิดนโยบายรถคันแรก คืนภาษีไม่เกิน 1แสนบาท สร้างความยุ่งเหยิงแก่อุตสาหกรรมรถยนต์นั่งเข้าไปใหญ่
ซึ่งนโยบายนี้จะเป็นการขายความฝันหรือเปล่าก็ไม่รู้ต้องรอดูอีกที
(http://upic.me/i/q7/0img_2415.jpg)
-
แต่ปี 2554 นั้นไม่รู้เป็นปีชงของฮอนด้าหรืออย่างไร เกิดแผ่นดินไหวและซึนามิในประเทศญี่ปุ่น
เมื่อเดือนมีนาคม ทำให้โรงงานฮอนด้า และเหล่าโรงงาน Supplier อะไหล่รถยนต์หลายเจ้าซัดไปกับน้ำ
ไม่มีอะไหล่มากพอสำหรับการผลิตรถยนต์ ทำให้ต้องจองรถนาน 4-5 เดือนกันเลยทีเดียว
ซ้ำร้ายเดือนกันยา-ตุลาคม ปีเดียวกัน เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ถล่มพื้นที่ภาคกลาง และน้ำเข้าทำลาย
นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ส่งผลให้โรงงาน ชิ้นส่วน เครื่องมือ รถที่ประกอบเสร็จแล้ว
และยังไม่เสร็จหลายพันคัน จมไปกับน้ำ จนต้องหยุดสายการผลิตร่วม 5-6เดือน
หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ฮอนด้าก็ได้รับการลดหย่อนเรื่องภาษีรถนำเข้า
ทำให้มี Honda Jazz รุ่นสั่งประกอบนำเข้าจากญี่ปุ่นมาวางขายควบกับตัวประกอบไทย
ที่เปิดโรงงานได้อีกครั้งในเดือนมีนาคม ปี 2555
(http://image.ohozaa.com/i/5b2/Rl1y.JPG)
-
เหตุที่ได้คันนี้ มีแค่ 2 เหตุผลหลักคือ
1. แม่จะเกษียณอายุจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง มาพร้อมกับบำเหน็จก้อนใหญ่ซึ่งมากพอให้แกกิน
ดอกเบี้ยจากการสหกรณ์ของบริษัทได้ยันวันสุดท้ายของชีวิตโดยเงินต้นไม่หดหาย
เลยจัดหนักทิ้งท้ายก่อนเกษียณ ด้วยการถอย Toyota Prius ให้น้องสาวไปใช้ (แต่ไม่ยักกะขับเท่าไหร่)
ตามด้วยรถแจ็สน้ำเงินของผมซึ่งมีเหตุต้องปลดประจำการเร็วกว่าปกติ
2. นโยบายรถคันแรกที่ประกาศออกมา ทำให้ที่บ้านตาลุกวาว เลยทำให้ Jazz ส้มคันนี้ เป็นการจองรถในชื่อผม
ไปโดยปริยาย เพราะเมื่อมาพิจารณาค่าใช้จ่ายแล้ว คันที่ขายไป 340,000 บวกกับเงิน 250,000 เป็น 590,000 บาท
แล้วรอรับ 1 แสนบาทในปลายปี 2555 เท่ากับว่า ใช้เงินในการซื้อรถคันนี้เพียง 150,000 บาทนั่นเอง
ที่สำคัญ การใช้สิทธิรถคันแรกของผม เกิดจากการขายคันเก่าไปโปะเอาคันใหม่ ไม่ได้เป็นการ
เพิ่มปริมาณรถบนถนนจนไปกระทบเพื่อนร่วมทาง และไม่ได้ทำให้ไฟแนนท์เดือดร้อน
เพราะไม่ยอมผ่อนรถต่อ อย่างที่เริ่มจะมีข่าวบ้างแล้ว
(http://upic.me/i/hz/img_2400.jpg)
-
Honda Jazz 2011/12 มีให้เลือก 4 รุ่น แบ่งเป็นกันชน 2 แบบ โดยกันชนสปอร์ต
จะมีเฉพาะรุ่นท็อป SV เท่านั้น ส่วนรุ่นอื่นจะเป็นแบบธรรมดา โดยรุ่นนี้ยกเลิกสีเหลือง
แล้วแทนด้วยสีส้มบิลเลี่ยนเข้าไป
(ปี 51 เปิดตัวสีแดง ปี 52 เปลี่ยนมาสีเหลือง พอเข้า 54 เป็นสีส้ม
ฮอนด้านี่ท่าจะอาร์ตนะ สงสัยแอบเชียร์กีฬาสีอยู่พักนึง
พอเจอหลากหลายเหตุการณ์ ตูเลยขอเป็นกลางดีกว่า 5555+)
คันที่นำมารีวิวนี้เป็นรุ่นมาตรฐาน S MT รุ่นเกียร์ธรรมดา และเป็นรถที่ใช้เองทุกวันนี้
(http://upic.me/i/p0/img_2408.jpg)
รุปทรงภายนอกมีการปรับเปลี่ยนในส่วนกันชนหน้า-หลังใหม่ เพิ่มมุมแหลมบริเวณชายล่างทำให้ดู
ไม่โล้นจนเกินไป กระจังหน้าสีดำลากยาวไปจรดไฟหน้าทั้งฝั่งซ้าย-ขวา กรอบไฟหน้าเพิ่มมุมโค้งในส่วนด้าน
ข้างเข้าไปชวนให้ดูนึกถึงตัวถัง GD ตัวก่อน ระบบส่องสว่างยังคงเป็นมัลติรีเฟล็กเตอร์เหมือนเดิม
สำหรับไฟตัดหมอกมีเฉพาะในรุ่นท็อป สำหรับ 3 รุ่นล่างต้องซื้อแยกเอาเอง
โป่งล้อมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อให้รถดูใหญ่และบึกบึนขึ้น ลงตัวขึ้น
การลากเส้นสายตัวถังดูมีเหลี่ยมสันมากขึ้น ดุดันขึ้นเมื่อเทียบกับโมเดลปี 03-07
(http://upic.me/i/sq/img_2405.jpg)
-
พูดถึงการวางตำแหน่งฝาประโปรงหน้านั้นน่าจะถูกใจคนที่ชอบทำฝาดำไม่ก็ฝาลายคาร์บอน
เพราะฮอนด้ายังคงดึงชายฝากระโปรงเป็นรูปโค้งเว้าลงล่างให้มาบรรจบกับกระจังหน้ารถ
ทำให้การตบแต่งฝาลายดังกล่าวดูสวยงามและกลมกลืน รวมถึงคันอื่นๆในค่ายไม่ว่าจะ
ซีวิค แอคคอร์ด ซิตี้ แม้แต่บริโอ้ก็ตาม ผิดกับหลายๆ เจ้า ที่เริ่มใช้การรวมกระจังหน้าเข้ากับชุดกันชน
และทำให้เกิดช่องว่างระหว่างชายฝากระโปรงและส่วนกระจังรับลมด้านหน้า
เมื่อแต่งฝาดำแล้ว แลดูขาดๆ เกินๆ ไม่สวยลงตัวเท่าที่ควร
(http://upic.me/i/nz/img_2473.jpg)
-
(http://upic.me/i/ev/img_2498.jpg)
ด้านกันชนหลังเพิ่มส่วนของไฟสะท้อนไปที่บริเวณบั้นท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3
และชุดไฟหลังเปลี่ยนมาใช้แบบ LED มีการจัดเรียงตำแหน่งเหมือนรุ่น GD ปี 2003
ไม่มีผิด ปรับไปปรับมาสุดท้ายก็ Back to Basic ซะอย่างงั้น
(http://upic.me/i/wq/img_2396.jpg)
มือจับประตูแบบงัดขึ้นอาจจะไม่ถูกใจหลายๆคนมากนัก เพราะเดี๋ยวนี้หันมา Grip Type กันเกือบหมดแล้ว
แต่ผมกลับเห็นด้านตรงกันข้ามว่า หากใช้แบบ Grip Type มันจะไม่เข้ากับการลากเส้นบนตัวถัง
ซึ่งมันไปลากตัดกับตำแหน่งที่จับประตูพอดี เลยทำให้ฮอนด้ายังคงยึดที่จับแบบเดิมนี้อยู่
ที่สำคัญมันออกแบบมาได้สวย เรียบง่าย เข้ากับรถเป็นอย่างดี
อีกเหตุผลนึงก็น่าจะมาจาการที่ฮอนด้า มักชอบทำรถมาให้เอื้อประโยชน์แก่กลุ่ม After Market
ไม่ก็พวกค่ายแต่ง สำนักแต่งรถชื่อดังๆในญี่ปุ่นและอเมริกาอยู่เสมอ ในกรณีนี้ ก็มีบริษัท
Modulo ซึ่งผลิต ที่จับประตูลายโครเมียม กับคาร์บอน
มาวางขายในหมวด Accessories ของเว็บไซค์ในเครือ Honda.co.th
-
ฝาถังน้ำมันชั้นนอก เปิดปิดไม่ยุ่งยาก แค่เอานิ้วกดลงไปให้มีเสียงแก๊ก เพื่อให้ฝามันเผยอออกมา
สมัยเปิดตัวใหม่ๆ ปี 51 มีเรื่องฮาๆ จากผู้ใช้หลายคนว่าเด็กปั๊มงงกันเป็นแถวว่าทำไมลูกค้าไม่เปิดฝาให้
มาตอนนี้ แค่เอารถไปเทียบหัวจ่าย เด็กปั๊มรู้งานทันทีโดยไม่ต้องบอก
(http://upic.me/i/1t/img_2418.jpg)
(http://upic.me/i/0a/img_2419.jpg)
มิติตัวถังของรถนั้น ในรุ่น S กับ V ยาว 3,900 มิลลิเมตร(SV 3,930) กว้าง 1,695 มิลลิเมตร และสุง 1,525 มิลลิเมตร
ตัวบอดี้รถยาวขึ้นจากเดิมเล็กน้อย ฐานล้อเพิ่มขึ้นเป็น 2,500 มิลลิเมตร
แพลตฟอร์มของ Jazz 2008-2011 ยังคงยึดโครงสร้างจากตัวก่อนหน้าอยู่
มีจุดเปลี่ยนก็คือในเรื่องมิติรูปทรงภายนอก และภายใน และปรับปรุงสมรรถนะเครื่องยนต์
น้ำหนักตัวรถ สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดาจะอยู่ที่ 1,060 กิโลกรัม
รุ่นเกียร์อัตโนมัติ 1,095 กิโลกรัม และมาตรฐาน V 1,100 กิโลกรัม ส่วนรุ่นท็อป SV 1,115 กิโลกรัม
(http://upic.me/i/bi/img_2402.jpg)
-
(http://upic.me/i/eb/img_2399.jpg)
สำหรับรุ่น S จะใช้ล้อกระทะ 15x5.5 นิ้ว รุ่น V เป็นอัลลอยด์ 15x5.5 นิ้วลายใหม่
จับกับยาง Goodyear GT3 ขนาด 175/65 R15
และ SV ใช้ 16x6 นิ้ว ลายเดิม กับยาง Goodyear NCT5 185/55 R16
เรื่องยางติดรถผมคงไม่ติมากเท่าไหร่ แต่ข้องใจการใช้ขนาดล้อที่แคบลงไปมาก
ทำให้ยากแก่การหายางที่เหมาะสมกับตัวรถ หากจะใส่ยางที่หน้ากว้างขึ้น แน่นอนว่า
เหล่า ค.คนรักรถทั้งหลายอาจไม่ปลื้มกับแก้มยางที่ป่องออกมาแลดูเหมือนรถยางแบน
สำหรับผู้ใช้รุ่น S และ V สามารถเลือกติดตั้งชุดแต่ง Modulo แท้จากฮอนด้า เป็น
Package รวมทั้ง 3 ชิ้นจะอยู่ที่ 25,000 บาท ไม่รวมภาษี แต่ผมไม่ใส่ เพราะไม่ชอบ
มันดูเทอะทะขาดความคล่องแคล่วมากเกินไป
ส่วนล้อแม็กซ์ 7 ก้าน ขนาด 16x6 นิ้วจะอยู่ที่ประมาณ 15,900 บาท
แต่แนะนำให้ฝากร้านข้างนอกที่ดีลกับศูนย์เข้าไปสั่งให้จะได้มาในราคาที่ต่ำกว่านี้เล็กน้อย
(http://image.ohozaa.com/i/350/sAcEgl.jpg)
-
ทันทีที่เซ็นเอกสารรับรถเสร็จ เซลล์จะเดินมาพร้อม กุญแจ 3 ดอก ประกอบด้วยกุญแจรีโมท 1 ดอก
กุญแจ Wave Key กัดลาย H โครเมียม 1 ดอก และแบบกัดลาย H ธรรมดา 2 ด้าน อีก 1 ดอก
ทั้ง 3 ดอก มีการฝังชิฟ Immobilizer ให้เรียบร้อย ฉะนั้น
การเข้าออกรถ จึงได้ทั้งการกดรีโมท หรือวิธีดั้งเดิมหรือการไขกุญแจที่ประตูฝั่งคนขับเพียงด้านเดียว
(http://image.ohozaa.com/i/b9d/ipxByX.jpg)
แม้แต่เวลาล็อครถ ไม่ว่าจะกดรีโมท ไขกุญแจ หรือกระทั้งใช้วิธีเอามือง้างที่จับประตูด้านนอก
แล้วกดเซ็นทรัลล็อคด้านในให้ล็อคทั้ง 5 บาน ตามด้วยการปิดประตู ไฟสถานะ Immobilizer
ก็ยังทำงาน หากมีการบุกรุกเข้ารถโดยไม่ใช้รีโมทหรือกุญแจไข แตรรถจะดังลั่น ตามมาตรฐานกันขโมยเดิมๆ
จากโรงงานผู้ผลิตทั่วไป
ด้านระบบกุญแจนี้น่าเสียดายที่ฮอนด้ายังตามหลังชาวบ้านเรื่องระบบกุญแจรีโมทแบบสมาร์ทเอ็นทรี
เพราะไม่มีเทคโนโลยีนี้กับไลน์ตัวท็อปในแตละรุ่นของตัวเอง แม้แต่แอคคอร์ทตัวท็อปก็ตามที
อย่างน้อยก็ควรมีในรุ่น SV บ้างซึ่งจะทำให้รถดูสมราคาและพอฟัดพอเหวี่ยงกับโตโยต้ายาริส, วีออส
ฟอร์ดเฟียสต้ามากขึ้น หรือทำเป็นดอกกุญแจพับเก็บได้ แบบ Accord, New Civic
เพื่อจะได้ไม่เกะกะเมื่อใส่กระเป๋ากางเกง
(ณ วันที่เขียนบทความเกี่ยวกับกุญแจ Civic ตัวถัง FB ยังไม่มา)
สำหรับระบบ Immobilizer นั้น ปลอดภัยมากแค่ไหน ผมตอบได้แค่ว่า
ซื้อรถตลาดมาขับ ควรมีการล็อครถอย่างน้อย 2 ชั้นขึ้นไป แม้จะไม่ได้ป้องกันการโจรกรรมได้ 100%
แต่ก็ถ่วงเวลามากพอให้คนมาเห็น ไม่ก็ทำให้เหล่าหัวขโมย
ขี้เกียจมานั่งเสียเวลากับรถที่มีตัวล็อคบ้าบอคอแตกหลายชั้นแน่ๆครับ ไม่คุ้มที่จะเสี่ยง
การสตาร์ทรถใช้การเสียบกุญแจบิดที่คอพวงมาลัยเหมือนรถทั่วๆไป โดยรถต้องอยู่ในเกียร์ว่างเท่านั้น
หรือควรเหยียบคลัตช์ให้สุดแล้วสตาร์ทรถ พร้อมโยกคันเกียร์ ซ้าย-ขวาเพื่อเช็คว่ายังอยู่ในเกียร์ว่าง
ก่อนถอนคลัตช์ออกมา อันเป็นสิ่งที่ควรยึดถือปฏิบัติสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ระบบขับเคลื่อนเกียร์ธรรมดาทุกคน
สำหรับ Jazz MT คันนี้ น่าเสียดายที่ระบบไม่ตัดสตาร์ทหากคันเกียร์ยังคาอยู่ในตำแหน่งขับเคลื่อน
เพราะโตโยต้ารุ่นใหม่ๆ มีรวมถึงรถเกียร์ธรรมดาในต่างประเทศ
เพื่อป้องกันรถพุ่งเข้าหากำแพงบ้านโดยไม่ได้ตั้งใจ
-
(http://upic.me/i/eq/img_2463.jpg)
การเข้าออกทั้งประตูหน้าและหลัง ยังคงทำได้ง่าย ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงอายุไหน
ส่วนสูง น้ำหนักเท่าไหร่ก็ช่าง(ที่พิกัดไม่เกิน 190Cm และ 120kg)
มุดเข้าไปหัวไม่ชนเสาบน บานประตูเปิดกว้างได้เกือบๆ 90 องศา
ตำแหน่งที่นั่ง ไม่ต่างจากตัวเก่านัก ด้านเบาะฝั่งคนขับเฉพาะในรุ่น S
จะไม่มีช่องเสียบหนังสือด้านหลังกับคันชักสำหรับปรับสูง-ต่ำมาให้
แต่จากการเซ็ตที่นั่งแล้ว ทำมาได้ค่อนข้างรับกับทุกความสูงของผู้ขับขี่
ตัววัสดุทำเบาะดูนุ่มน่าสัมผัสกว่าโมเดลตัวเก่าซึ่งแข็งกระด้างกว่านี้ นั่งสบายขึ้น
และการบุผ้าไว้ที่แผงพลาสติกที่ประตูนั้นช่วยกลบความก้องแก๊งของวัสดุได้ดีทีเดียว
(http://upic.me/i/kt/img_2466.jpg)
วัสดุที่ใช้หุ้มเบาะในรุ่น S เป็นผ้าสีดำตัดฟ้า พื้นผิวบริเวณสีดำนี้ทำมาแบบสากๆมือ
ซึ่งผมชอบมาก เพราะมันช่วยผมเอาหลังไปถูไถๆ เวลาคันได้บ่อยครั้ง
จุดวางแขนที่ประตูยังคงทำมาได้ดี ไม่สูงไม่ตำเกินไป
น่าอนิจจาไม่มีเท้าแขนซ้ายคนขับให้ในรุ่นล่างลงมา มีเฉพาะใน SV เท่านั้น
เข็มขัดนิรภัยเป็นแบบ ELR 3 จุด สามารถปรับสูง-ต่ำได้
-
(http://upic.me/i/39/img_2456.jpg)
ด้านหลังยังคงสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้โดยสารที่มากด้วยอคติกับรถเล็กๆได้เป็นอย่างดี
แม้จะเลื่อนเบาะหน้ามาไกลสุด ก็ยังเหลือ Leg Room พอสำหรับการเปลี่ยนอิริยาบถตามใจชอบ
ไม่ว่าจะไขว่ห้าง เกาไข่ นั่งสมาธิ ชันเข่าขึ้นมาตัดเล็บเท้าก็ตามที
(http://upic.me/i/lu/img2144.jpg)
(http://upic.me/i/ss/img2122.jpg)
-
พนักพิงหลังสามารถเอนลงได้ 1 ระดับ ลดความชันเพื่อเพิ่มความสบายระหว่างการโดยสาร
พนักรองศรีษะสามารถเก็บลงหรือดึงขึ้นมาได้
ส่วนพื้นที่เหนือหัวยังพอมีที่เหลือให้เกาหัวหารังแคเล่นได้เพียบ
(http://upic.me/i/h3/img_2433.jpg)
เข็มขัดELR 3 จุด สำหรับคนนั่งหลังมีให้สำหรับ 2 คน และมีเข็มขัด ELR ตรงกลาง 2 จุด สำหรับวางเบาะเด็กได้อีก
แต่เสียตรงที่ไม่มีช่องให้เอาหัวต่อตัวเมียหลบเข้าไปด้านใน ต้องวางทิ้งไว้ดื้อๆ แบบนั้น
สำหรับการโดยสารนั้น ด้านหลังนั่ง 3 คนก็พออัดๆ กันไปได้ แต่ต้องไม่ไกลเกินสำหรับคนนั่งเบาะกลาง
ถ้าคิดจะขนบ้าระห่ำ เจ้าแจ็สคันนี้สามารถพับเบาะยัดผู้ใหญ่ไซส์กลางๆ ได้ตั้งแต่ 7-10 คนสบายๆ
แต่นั่นคือการนั่งระยะทางสั้นนะ วิ่งทางยาวตายลูกเดียว
(http://upic.me/i/bf/img_2457.jpg)
-
(http://upic.me/i/lj/img_2423.jpg)
พื้นที่ห้องสัมภาระขนาด 380ลิตร มากพอสำหรับการขนใส่สัมภาระสำหรับ
4-5 คนเดินทางออกต่างจังหวัดได้สบายๆ หรือจะแบกกระเป๋าใบใหญ่ๆ
ซัก 2-3 ใบ ขับไปส่งเพื่อนที่สนามบินก็ยังทำได้
เบาะนั่งของ Honda Jazz ซึ่งฮอนด้าเรียกในแค็ทตาล็อคว่า Ultra Seat
สามารถแยกพับได้ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยต่างๆ ในแง่การขนสินค้ากึ่งๆ เชิงพาณิชย์
หรือจะตั้งวงเล่นไพ่ ไม่ก็เอาไปแทนที่หลับที่นอนกรณี "กลับดึกแล้วเมียไม่ให้เข้าบ้าน"
หรืออะไรที่มันมากกว่านั้น ถ้าคุณชื่นชอบการเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อเพิ่มความพิสดารแห่งกามราคะ ::)
วิธีพับครั้งนี้ง่ายกว่าเดิม แค่หุบพนักศรีษะลง
แล้วดึงสลักที่ข้างเบาะลงมาทั้งอย่างนั้นเลย ก็จะได้พื้นที่อย่างในภาพ
(http://upic.me/i/8s/img_2458.jpg)
เมื่อพับเบาะลง ความยาวในห้องสัมภาระเพิ่มขึ้นเป็น 1,720 มิลิเมตร ใกล้เคียงรถกระบะ 4 ประตูค่อนข้างมาก
ด้านข้างห้องสัมภาระสังเกตดีๆ มีขอไว้สำหรับเกี่ยวถุงกับข้าวได้
-
จุดเด่นของ Honda Jazz ทั้งเก่าและใหม่
ที่คู่แข่งหลายเจ้าทำไม่ค่อยได้คือการพับเบาะให้พื้นมันออกมาในลักษณะ Completely Flat
คือเรียบตลอดทั้งแนว ทำให้การวางวัตถุขนาดใหญ่ๆ ยาวๆ ทำได้ไม่มีปัญหา
นอกจากนี้ยังสามารเลือกพับได้ตามความต้องการของผู้ใช้ ดังแสดงในภาพ
(http://upic.me/i/n9/img_2459.jpg)
(http://upic.me/i/9q/img_2462.jpg)
(http://upic.me/i/ko/0img_3384.jpg)
(http://upic.me/i/z6/img_3386.jpg)
(http://upic.me/i/so/img_0200.jpg)
-
และเมื่อเทียบกับ HatchBack คู่แข่งเจ้าต่างๆแล้ว Jazz
ยังถือว่ามีห้องสัมภาระตอนไม่พับเบาะกว้างที่สุดในกลุ่มอยุ่ดี
(http://upic.me/i/u9/0img_2424.jpg)
เมื่อยกพื้นห้องสัมภาระขึ้นมาจะพบห้องเก็บยางอะไหล่พร้อมชุดแม่แรง
เป็นล้อกระทะขนาด 15นิ้ว ขนาดยางชนิดเดียวกันกับ
ยาง 15 ติดรถ ในรุ่น S และ V
-
(http://upic.me/i/1f/img_2427.jpg)
ห้องโดยสารภายใน หันมาใช้โทนสีดำสนิท ทั้งแผงประตู คอนโซลหน้า กลาง
แผงประตูบุกับผ้าสีเดียวกันกับเบาะนั่ง และพื้นที่บางส่วนบนแดชบอร์ด ใช้โทนสีเท่าอ่อนตัดอีกทีนึง
การลากเส้นต่างๆบนแผงแดชบอร์ดดูมีความสวยงามน่ามองขึ้น
สำหรับวัสดุที่ใช้ก็ ภาพรวมดูดีขึ้นกว่าคันเก่า แต่ก็ตามราคารถ เพราะต้องคำนึงเรื่องต้นทุน ให้เหมาะสม
โดยหันมาใช้เทคนิคการกัดลายเพื่อหลอกความรู้สึกผู้โดยสารแทน
เรื่องเกรดวัสดุผมไม่ซีเรียสเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับมาตรฐานการประกอบภายในซึ่งยังไม่ดีเท่าที่ควร
บางชิ้นส่วนมีช่องไฟให้เห็นมากเกินไป เผยอบ้าง อะไรบ้าง และหนักสุดก็คือไอเศษพลาสติกอะไรก็ไม่รู้
คาอยู่ตรงใต้กระจกดึงไม่ออกอีก ต้องคาไว้อย่างนั้น
-
(http://upic.me/i/ul/img_2439.jpg)
ขึ้นมาที่เพดาน ม่านบังแดดคู่หน้าเฉพาะรุ่น S จะไม่มีกระจกแต่งหน้าสำหรับคนนั่งซ้ายให้
ถ้าตัวท็อปมีทั้ง 2 ฝั่ง พร้อมไฟอ่านแผนที่
การออกแบบแฝงควบคุม เลย์เอ้าท์ต่างๆ ง่ายต่อการเข้าถึง แผงวิทยุ แอร์ อยู่ในตำแหน่งใกล้ไม้ใกล้มือ
ทำให้นึกถึงเจ้า Civic Dimension ขึ้นมาทันที
(http://upic.me/i/w0/img_2470.jpg)
ด้านการจัดวางพื้นที่ประโยชน์ใช้สอยได้ดีขึ้นกว่าคันเก่า โดยได้ทำการตัดช่องใส่ของ
จุกจิกบริเวณหัวเข่าออกไป ทดแทนด้วยช่องเก็บของแยก 2 จุด บน-ล่างแทน ซึ่งก็มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก
และมีช่องวางแก้วน้ำกับขวดน้ำทำกันมาแบบสะใจถึง 10 จุด ประกอบบริเวณคันเกียร์ 2 จุดตามมาตรฐาน
หลังเบรคมือ 2 จุดแบบคันเก่า บริเวณช่องลมแอร์ทั้ง 2 ฝั่ง และ 4 จุดที่เหลือกระจายอยู่ตามแผงประตู
(http://upic.me/i/x8/img_2485.jpg)
(http://upic.me/i/cn/img_2484.jpg)
(http://upic.me/i/pm/img_2455.jpg)
(http://upic.me/i/6y/0img_2488.jpg)
(http://upic.me/i/bw/img_2454.jpg)
-
นอกจากนี้ช่องใส่ของเล็กของน้อยเต็มไปหมด
อย่างตรงข้างเบรคมือมีช่องสำหรับวางโทรศัพท์มือถิอได้ แต่ได้แค่พวกโนเกียบ้านๆ นะ
ไอโฟน แอนดรอยโฟนเครื่องใหญ่ๆทั้งหลายอย่าได้หวัง ไปอยู่ตรงเหนือคันเกียร์เอาก็แล้วกัน ;)
และอีก 1 จุดที่เจ๋งเลยคือ มีช่องเก็บของลับมาให้ที่ใต้เบาะนั่งหลังฝั่งซ้ายเสียด้วย
น่าจะไว้เก็บของที่ไม่อยากให้ใครมาเห็นอย่างปืน ไอแพ็ด(กรณีขี้เกียจถือลงไปด้วย)
หรือพวกอุปกรณ์ First Aid ต่างๆ ก็เข้าท่า
(http://upic.me/i/ff/img_2461.jpg)
-
(http://upic.me/i/62/img_2449.jpg)
พวงมาลัย 3 ก้านที่ดูรูปทรงเหมือนกางเกงในแบบ จีสตริง ด้านหน้า
ขนาดกำลังพอเหมาะมือ วงไม่เล็กไม่ใหญ่เกิน จุดวางนิ้วโป้งอยุ่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
สามารถปรับระดับได้ถึง 4 ทิศทาง สูง-ต่ำ ใกล้-ไกล ซึ่งถูกใจคอรถเกียร์ธรรมดาอย่างผมมาก
เนื่องจากผมเป็นคนมีช่วงแขนยาว แต่ช่วงขาสั้น
จึงมีปัญหากับรถเกียร์ธรรมดาที่ระยะแป้นคลัตช์ลึกมากๆ
เวลาเหยียบสุดแล้วขาจะตึง พอปรับที่นั่งเข้าไปใกล้ๆแล้ว
ช่วงตัวก็อยู่ใกล้พวงมาลัยมากเกินไปอีก ทำให้สาวพวงมาลัยยาก
พอคันนี้แบบว่า "กด Like" เลยครับ ผมสามารถเลื่อนเบาะให้เหยียบคลัตช์ได้แบบพอดีๆ
และดันพวงมาลัยออกไปไกลสุด ให้สาวได้ง่ายขึ้น
Sound ของแตรรถคันนี้มาในอารมณ์เดียวกันกับ Honda Wave คือบีบให้ตายยังไง รถใหญ่ๆ ที่เตรียมกลับรถหรือออกจากซอย
ก็ยังพร้อมที่จะตัดหน้าคุณโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แม้ว่าคุณจะวิ่งตรงมาเป็น 100 กม./ชม.
(http://image.ohozaa.com/i/8ac/oRLXR.JPG)
สวิตช์กระจกไฟฟ้ามีให้ทั้ง 4 บาน AUTO เฉพาะฝั่งคนขับ One touch ทั้งขาลงและขึ้น
เซ็นทรัลล็อคในรุ่น V กับ SV จะมีปุ่ม เซ็นทรัลล็อคไว้ให้ในตำแหน่งเดียวกับแผงควบคุมกระจกไฟฟ้า
ส่วนรุ่น S จะควบคุมผ่านกลอนประตูฝั่งคนขับเท่านั้น
ส่วนกระจกมองข้างเป็นพับด้วยมือ ปรับไฟฟ้า ไม่มีไฟเลี้ยวที่กระจก โดยไฟเลี้ยวจะไปติดตั้งที่แก้มข้างแทน
-
(http://upic.me/i/h8/img_2489.jpg)
ชุดแผงมาตรวัดแบบ 3 เบ้าแยกส่วนออกจากกันเหมือนรุ่นที่แล้ว
ตรงกลางเป็นวัดความเร็ว ด้านซ้ายวัดรอบ และขวาเป็นเกจ์วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง
และไฟตำแหน่งเกียร์ สัญญานเตือนต่างๆ จะกระจายอยู่ตามมาตรวัด
ไม่มีเข็มวัดอุณหภูมิน้ำเช่นเคย มีแต่ไฟเตือนเครื่องร้อน เครื่องเย็นแทน
หน้าปัดต่างๆนั้น ยังคงใช้ไฟโทนสีส้ม เข็มสีแดง ซึ่งอ่านง่าย ไม่ลายตา
รวมถึงสีของจอสถานะบนวิทยุจากเดิมเป็นจอดำอักษรขาว ก็กลายเป็นสีส้มเหมือนกัน
หน้าปัดสามารถเพิ่มลดความสว่างได้ เมื่อต้องเปิดไฟหน้า มี 6 ระดับ
ผมลดไประดับ 5 เพื่อไม่ให้แยงตาขณะขับกลางคืน
จอแสดงผลเปลี่ยนดุได้ 4 แบบ ระยะทางทั้งหมด >>> ระยะทางแบบ Trip >>>
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยตลอดทั้ง Trip (ค่าจะเป็น0 ทุกครั้งที่รีเซ็ตโหมด Trip ) >>>
ระยะทางที่วิ่งได้จนกว่าน้ำมันจะหมด
(http://upic.me/i/tb/img_2291.jpg)
และแถบมิเตอร์วัดอัตราสิ้นเปลืองแบบ Real-Time ที่อยู่แถวบนจะวิ่งเข้าวิ่งออกตามการขับขี่ของเรา
ถ้ากดหนัก ก็จะหดลงไปต่ำสุด แต่ถ้าถอนคันเร่งหรือเบรก มันจะขึ้นไปสูงสุด ทำให้ผมชอบไอเจ้า
Meter ตัวนี้มากๆ เวลาขับที่ความเร็วสูง ลงสะพานแล้วถอนคันเร่ง ฮี่ๆๆๆๆ
-
ส่วนถ้าใครก็ตามที่เป็นพวกบ้าขับ Eco Drive แล้วต้องการจะขับเจ้าแจ็สคันนี้โดยไม่อยากอารมณ์เสีย
อย่าได้ไปกดดูโหมด AVG เด็ดขาด คุณจะเซ็งทุกครั้งที่เลขอัตราสิ้นเปลือง ลดลงไปที่ละนิดๆ เมื่อติดไฟแดง
(http://upic.me/i/5t/0img_2974.jpg)
อันนี้แอบซน ผมเปิดดูไฟสถานะทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในแผงหน้าปัด ซึ่งมีแอบซ่อนฟังชั่นเทพไว้หมด
ไม่ว่าจะ ไฟ Cruise Control ไฟสถานะ Eco ซึ่งขอบอกนิดนึงว่า Jazz โมเดลปี 08-10 ก่อนไมเนอร์เชนจ์
มีโปรแกรม Cruise Control เขียนไว้ใน ECU เรียบร้อย ซึ่งก็มีร้านประดับยนต์หลายเจ้า
รับทำอยู่ ใครอยากได้ความสบายขณะเดินทางไกล
ก็ลองไปสอบถามดูครับ ติดได้ทั้งเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา
แต่รุ่นเกียร์ธรรมดา จะหาช่างรับติดยากนิดนึง เนื่องจากราคาสูงกว่า
เพราะต้องมี สวิตช์คลัตช์ เพื่อตัดระบบCruise Control ด้วยการเหยียบแป้นคลัตซ์
แต่สำหรับตัว ไมเนอร์ ใครอยากติดตั้ง ก็อดนะครับ ไม่มีโปรแกรมนี้เขียนใน ECU ตัวปัจจุบันแล้ว
ต้องรอดูว่าจะมีช่างที่เก่งพอหรือเปล่าที่สามารถลงโปรแกรมเพิ่มได้หรือไม่
ถ้าใครอยากขำๆ หรือชอบลองของ กับการตั้งค่าต่างๆใน ECU
ช่อง OBD II รอท่านอยู่ที่ใต้แผงคอนโซลฝั่งคนขับเหนือแป้นเหยียบ หึหึหึหึ
(http://upic.me/i/ai/img_2475.jpg)
(โปรดสังเกตุว่า แกนหมุนพวงมาลัย เปลือยได้แบบน่าเกลียดมากๆ) :P
ส่วนไฟ Eco ที่ซ่อนอยู่นั้น เอ่อ... ช่างมันเถอะ ไม่ต้องมีให้ใช้กันน่ะดีแล้ว
จริงๆนะ ปวดหัวกับพวกขับรักษ์โลกแล้วกั๊กขวาอย่างแรง โดยเฉพาะเหล่าป้าๆ
ที่ชอบเอาคางไปถูพวงมาลัยทั้งหลาย กับ พวกแหลไลน์, วอทแอฟขณะขับขี่โดยที่ตาไม่มองถนนกัน
นอกจากนี้ก้านปัดน้ำฝนด้านหน้าก็มีแบบหน่วงเวลามาให้ เพียงแต่ตั้งความถี่ในการปัดไม่ได้เท่านั้นเอง
และยังคงมีใบปัดหลัง 1 จังหวะพร้อมท่อฉีดน้ำล้างมาให้เช่นกัน
-
(http://upic.me/i/ch/img_2450.jpg)
เครื่องเสียงที่ใช้เป็นฟร้อนท์แบบโมดูล ฝังไปกับแผงคอนโซล พร้อมลำโพง 4 จุด
งวดนี้ใจดี มีให้ทั้ง 4 รุ่น ก็เลยมีเสียงแอบบ่นเล็กๆจากคนที่ชอบดัดแปลง
เครื่องเสียงมาพอสมควร เพราะมันถอดแล้ว ขายยากกว่าตัว 2-Din ตัว08
แถมต้องหาหน้ากาก 2Din มาใส่เพื่อจะฝังจอ DVD ซึ่งฮอนด้า ก็ใจดีอีก
มีหน้ากากเบิกเป็นพาร์ทไปใส่กับวิทยุ 2DIN ได้ ราคาประมาณ 2,500 บาท
(แหม ขายของเก่งนะเนี่ยเรา -*-)
ด้านคุณภาพเสียง ค่อนข้างแห้ง ไร้อารมณ์ แม้จะปรับเบสกับแหลมให้เต็มเหนี่ยวแล้ว
ไม่ว่าจะเพลงร็อค เพลงฮิปฮอบ ป็อบ อคูชติก ออเครสตร้า ก็หาความไพเราะไม่เจอ
หรือให้เปิดแนวผับตื้ดๆ ก็ไม่ชวนให้ลุกขึ้นมาเต้นแร้งเต้นกาจนเป็นที่น่าอับอาย
ต่อผู้มาพบเห็นว่า แมร่งลูกใครวะ ดิ้นเพื่อชาติอยู่ในรถเนี่ย
แต่บนความแย่ของเสียง กลับมีข้อดีหลายข้อ
ไม่ว่าจะรองรับทั้ง FM/AM CD MP3 AUX เร่งเสียงตามความดังในห้องโดยสาร
แถมมีช่องต่อ USB ซึ่งรองรับได้หมดไม่ว่าจะ ไอพ็อด ไอโฟน เครื่องเล่น MP3
โทรศัพท์มือถือทุกระบบปฏิบัติการ แม้แต่เสียบ USB Flashdrive ก็ยังเล่นได้
เพียงแต่ถ้าคุณโหลด mp3 เถื่อนๆ มา มันอาจจะขึ้น No info เท่านั้นเอง
(http://upic.me/i/nc/img_2297.jpg)
สำหรับรุ่น S จะไม่มีปุ่มมัลติฟังชั่นมาให้ มีเฉพาะรุ่น V SV แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะ
การจัดวางอุปกรณ์นั้นง่ายต่อการเอื้อมมือไปกด ปุ่มไฟฉุกเฉิน ก็อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเช่นกัน
การค้นเพลงจากโฟลเดอร์ก็ไม่ยุ่งยาก ปุ่มควบตรงกลางชวนให้นึกถึงระบบ
ไดร์ฟๆทั้งหลายในรถยุโรปเป็นยิ่งนัก
ระบบปรับอากาศ เป็นแบบบิดหมุน ตามมาตรฐานรถระดับนี้ จัดวางไว้ใกล้มือซ้ายคนขับอย่างมาก
และจัดปุ่ม A/C ไล่ฝ้า ตัวปรับการไหลเวียนอากาศ ซึ่งผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญน้อยที่สุด
ไปที่ใต้วิทยุแทน ความเย็นอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ แต่ถ้าหากจอดกลางแจ้ง ก็จะระบายความร้อนนานกว่า
รถอื่นๆมากหน่อย เพราะกระจกบานใหญ่และลาดทำมุมป้านรับแสงแดดระดับ 35-38 องศาเซลเซียส
อันเป็นอุณหภูมิที่เย็นที่สุดของสยามประเทศในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม ไปเต็มๆ
ด้านการกระจายแรงลม กลับทำได้แย่กว่ารุ่นเก่า
แอร์ที่มาจากช่อง บขส. ด้านซ้าย-ขวา ไม่ค่อยแรงเท่าที่ควรนัก
-
ความลับแจ็สอีกอย่างนึงก็คือ สามารถใช้วิทยุเพื่อดูค่า Speedometer จริงได้
เพียงแค่สตาร์ทรถ ปิดวิทยุ กดเลข 1 กับ 6 ค้างไว้ กดเปิดวิทยุ พอขึ้นตัวหนังสือ
Diag ก็กด 5 เพื่อให้มันเป็นจอแสดงผลความเร็วจริงได้
(http://upic.me/i/5g/img_2282.jpg)
(http://upic.me/i/ac/0img_2283.jpg)
(http://upic.me/i/lh/img_2285.jpg)
-
พักชมสิ่งที่น่าสนใจซักครู่ครับ :)
โฆษณาเก่า จำได้กันไหมเอ่ย (http://www.youtube.com/watch?v=DUpvB0Y6Izc#)
สิงห์คะนองนา (http://www.youtube.com/watch?v=EwgXqEGGmyw#)
BlackCat - Miniseries (http://www.youtube.com/watch?v=d_wQkYYq9AU#)
-
มาถึงช่วงลงถนนบ้างละ ;D
(http://upic.me/i/sv/img_2305.jpg)
ด้านทัศนะวิสัย ด้านหน้า ทำได้ดีเช่นเคย มีมุมมองกึ่งๆพาโนรามิควิว
เห็นภาพแนวกว้างได้ดี ถึงจะมองไม่เห็นฝากระโปรงหน้า
แต่สำหรับคนอย่างผมที่เคยขับตัวเก่ามาก่อน จึงคุ้นเคยกับคันนี้ได้ไม่ยาก
(http://upic.me/i/7e/img_2308.jpg)
(http://upic.me/i/uq/img220.jpg)
เสา A แม้ได้รับการแก้ไขให้มีขนาดเล็กลง แต่ผมก็ยังรู้สึกว่า
บดบังรถจักรยานยนต์ที่สวนมาในทางโค้งอยู่ดี
ทำให้ต้องระวังมากหน่อยเสา A ด้านซ้าย ไม่บดบังมากจนเกินไป
เมื่อเลี้ยวกลับรถหรือออกเลี้ยวขวาจากซอย
-
(http://upic.me/i/fa/img_2311.jpg)
(http://upic.me/i/yz/img_2309.jpg)
กระจกมองข้างมีขนาดใหญ่ขึ้น มองเห็นรถที่อยู่เลนถัดๆไปได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
มุมมองกว้างขึ้นจนสามารถเห็นแนวล้อหลังได้โดยไม่ต้องปรับมุมกระจกเมื่อ
ต้องเข้าจอดริมฟุตบาตบนทางราบ
(http://upic.me/i/yf/img219.jpg)
เสา B ทำได้ดีขึ้น บังรถได้น้อยลง
(http://upic.me/i/lk/img_2307.jpg)
ทัศนะวิสัยด้านหลังมองเห็นรถที่ขับตามมาได้อย่างชัดเจน
กระจกมองหลังมองเห็นกระจกหลังได้หมดทั้งบาน
-
(http://upic.me/i/40/img217.jpg)
เสา C กับ D ยังคงบดบังเมื่อถอยรถอยู่บ้าง แต่คงไม่เป็นปัญหากับผมนัก
เนื่องจากผมเป็นคนชอบถอยรถโดยการใช้กระจกมองหลังกับกระจกมอง
ข้างช่วยเป็นหลัก และเป็นคนไม่ชอบถอยหลังแบบโชว์พาว ขับถอยแบบกระโชกโฮกฮาก
ทำให้ไม่พลาดไปโดนคนหรือวัตถุสิ่งกีดขวางต่างๆที่วางอยู่แถวนั้น
-
วงเลี้ยวของรถที่แคบถึง 4.9 เมตร ช่วยให้การเลี้ยวกลับรถเป็นเรื่องหมูๆ
โดยเฉพาะถนนที่มีเกาะกลางแคบๆ เช่น ถนนติวานนท์ ถนนพหลโยธินช่วงสะพานควาย
อารีย์ สนามเป้า แม้แต่การลักไก่ บน ถ. พระราม 6 ซึ่งไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
แต่ผมจำเป็นต้องทำ เพราะเวลากลับบ้าน ออกมาจากซอยที่ใช้จอดรถทุกวัน
ตำรวจตั้งกรวยไม่ให้เลี้ยวขวาเลยต้องขับเลยไปนิดก่อนอาศัยจังหวะรถเลนสวนโล่งเพื่อกลับรถ
รวมถึง การกลับรถในที่แคบ หรือในซอยก็ยังพอทำได้
หากซอยไม่แคบเกินไป โยกเกียร์ 1 กับเกียร์ R ซัก 2-3 ทีก็ได้แล้ว
:)
-
(http://upic.me/i/tu/img_2476.jpg)
ด้านสมรรถนะ
Honda Jazz 2011 ยังคงใช้เครื่องยนต์บล็อค L เหมือนเดิม
โดยรุ่น L นั้นมีการซอยหลายขนาดความจุไปผลิตขาย
ในหลายประเทศ แต่สำหรับในไทย ฮอนด้าเลือกใช้เครื่องที่แรงสุดในกลุ่ม
คือ L15A7 ขนาด 4 สูบ 16 วาล์ว แคมเดี่ยว SOHC
ขนาดความจุ 1,497 ซีซี
เส้นผ่านศูนย์กลางกระบอกสูบ x ช่วงชัก 73 x 89.4 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 10.4: 1
ยกช่องรับลมมาอยู่สูงขึ้น ทำให้ลุยน้ำได้ไม่มีปัญหาแบบตัวเก่า
ปรับเปลี่ยนมาใช้ลิ้นเร่งแบบไฟฟ้า Drive-by-Wire
และใช้ระบบยกกระเดื่องวาล์วแบบ i-VTEC เข้าไป
ชิ้นส่วนต่างๆ ปรับปรุงความทนทานมากขึ้น
ทำให้ได้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 6600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 14.8 กิโลกรัม/เมตร (145 นิวตันเมตร) ที่ 4800รอบ/นาที
รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงออกเทน 91 และน้ำมันผสมเอทานอลปริมาณไม่เกิน 20% (E20)
กลายเป็นรถพิกัด 1500 ซีซี ที่แรงม้ามากที่สุดในไทยไปโดยปริยาย
-
ขุมพลัง i-VTEC ใหม่นี้ ฮอนด้าหันมาใช้ระบบส่งกำลังแบบ
อัตโนมัติ 5 จังหวะแทนที่เกียร์ CVT ในตัวเก่า
อัตราทดเกียร์ดังนี้
เกียร์ 1 2.995
เกียร์ 2 1.678
เกียร์ 3 1.066
เกียร์ 4 0.760
เกียร์ 5 0.551
เกียร์ถอยหลัง 1.956
เฟืองท้าย 4.562
ในรุ่น SV จะเพิ่มฟังชั่น Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ได้เองบนพวงมาลัย
(http://i212.photobucket.com/albums/cc307/HJC_highway/Jazz2008/DSC04051Custom.jpg)
สำหรับผู้ต้องการความแรงแบบดิบๆ คงต้องลงมาคบหาตัวล่างสุดในรุ่น S MT เท่านั้น
จับคู่กับเกียร์ธรรมดาซิงโครเมทเดินหน้า 5 จังหวะ ถอยหลัง 1 จังหวะ
มีอัตราทดดังนี้
เกียร์ 1 3.461
เกียร์ 2 1.869
เกียร์ 3 1.313
เกียร์ 4 1.054
เกียร์ 5 0.868
เกียร์ถอยหลัง 3.307
เฟืองท้าย 4.294
(http://upic.me/i/c1/img_0151.jpg)
เนื่องจาก ชุดส่งกำลังของเกียร์ธรรมดา มีกลไกไม่ซับซ้อนมากนัก
เลยทำให้พื้นที่บริเวณเสื้อเกียร์ดูโล่งขึ้น
และน้ำหนักรถเบาลงไปถึง 35 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับรุ่น S AT
(http://upic.me/i/10/img_2479.jpg)
-
เห็นอัตราทดแล้ว พอกางสเปครถของรถฮอนด้าย้อนกลับไป อัตราทดเกียร์ 1 2
มันเท่ากับกับตัว Dimension เป๊ะ รวมไปถึง เกียร์ 1 กับ 2 ใน Honda Brio
เพียงแต่ทั้ง 3 คันมีอัตราทดในช่วงเกียร์สูง กับ เฟืองท้ายที่เหลื่อมล้ำกันไม่มาก
ก็เลยสันนิษฐานว่า ใช้เกียร์ลูกเดียวกันหรือเปล่า ฝากเซียนฮอนด้าก็ช่วยบอกหน่อยละกันครับ
ด้านอัตราทด JAZZ เซ็ตมาค่อนข้างจัดจ้านกันตั้งแต่เกียร์ 1 ถึงเกียร์ 4 โดยทิ้งเกียร์ 5 ให้
Overdrive เพื่อประหยัดน้ำมัน ในการวิ่งแช่ทางยาวนิ่งๆ อยู่เกียร์เดียว
แล้วมันจะประหยัดไหมหว่า ต้องมาดูกัน
รอบเดินเบาของรุ่นเกียร์ธรรมดาจะอยู่ที่ประมาณ 650 รอบบวกลบ
และขึ้นมา 700-800 รอบเมื่อคอมแอร์ทำงาน
รอบเครื่องยนต์ ณ เกียร์สูงสุด
80 @ 2500rpm
100@ 3100rpm
110@ 3400 rpm
-
ครั้งนี้ ไหนๆ ก็เป็นรถตัวเองแล้วนิ จัดตัวเลขสมรรถนะกันซักหน่อยว่าจะเร็ว และแรงไปได้ซักแค่ไหน
เป็นการทดสอบอย่างไม่เป็นทางการโดยผมขอถือวิสาสะ ยืมมาตรฐานเว็บไซด์ Headlightmag.com
มาเป็นโมเดลในการทดสอบอัตราเร่ง
เผอิญได้เพื่อนซี้คนนึง สมัยม.ปลาย มาเป็นพยานนั่งข้างๆ ช่วยจับเวลา โดยผมหนัก 90 กิโล เพื่อน 65
รวมกันได้ 150 กว่าๆ ใช้น้ำมันคาร์เท็ค เท็ครอน 95 เพียวๆ เปิดแอร์ตลอดการทดสอบ
การทดลองนี้เกิดขึ้นเพราะความคับข้องใจเป็นการส่วนตัวครับ เพราะได้ยินเกียรติศักดิ์มานานในกลุ่มคน
ที่ชอบแต่งรถ ว่าฮอนด้า เป็นค่ายที่ ทำรถบ้านเกียร์ธรรมดาแล้วขับสนุก ขับมัน แต่... ผมกลับไม่ยักเห็นฮอนด้า
เอารถเกียร์ธรรมดา มาเป็นเดโม ให้สื่อมวลชนซักรายได้ลองเลยซักครั้ง
ครั้งนี้ได้มาอยู่ในมือ ก็เลยเกิดความอยากนี้ขึ้นมา
ได้ตัวเลขดังนี้ (ค่าเป็นวินาที)
(http://image.ohozaa.com/i/6e3/839iTd.JPG)
-
ผลเทสเสริมอื่นๆ
-วงแหวนรอบนอกตะวันออก 0-100 แบบปิดแอร์วิ่ง ประมาณ 9.7 - 9.8 วินาที
-อุดรรัถยา 80 ครึ่งคันเร่ง ที่เกียร์ 5 ได้ 93-94 กิโลเมตร/ชั่วโมง
-อุดรรัถยา ออกสตาร์ทห่างจากจุดเก็บเงิน ประมาณ 300 เมตร ไปถึงเกือบเนินสะพาน
ได้ 175 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ลิ้งไปดูที่ยูทูปเอานะครับ ไม่ขอเอามาลงเนื่องจากไม่เหมาะสม เดี๋ยวเป็นการเอาไปทำตามขึ้นมา
ขออภัยที่ปล่อยให้รอบตัด เพราะดันเอากล้องไปพันเทปวางที่เหนือแตร
เลยบังแผงหน้าปัด มองไม่เห็นรอบเครื่องยนต์
>>>คลิก (http://youtu.be/NUNoG9IgbV8)<<<
จำเรื่องวิทยุที่ผมเขียนไว้ก่อนหน้าได้ไหมครับ ที่ว่ามันดูค่าความเร็วได้ ก่อนที่มาทดสอบ
ผมเอาไปเช็คดู ปรากฎว่า เข็มชี้ที่ 100 จอบนวิทยุแจ้งว่า 95 ผมจึงบอกให้เพื่อกดหยุดนาฬิกา
เมื่อความเร็วเกิน 100 ไปหน่อยนึง โดยให้กดหยุดตอนมันชี้ที่ 105 เพื่อให้ตัวเลขไม่ดูเวอร์เกินจริงไป
แต่ความเร็วสูงสุดในแต่ละเกียร์ผมยึดตามเข็มเอา ไม่ได้คำนวนมาเป็นความเร็วจริง
จึงไม่ขอการันตีเด็ดขาดว่าคันนี้ ลากเกียร์ 2 ได้ถึง 100
ความเร็วสูงสุด ขอแปะโป้งไว้ก่อนที่ 185 เพราะตอนนั้นมัวแต่ดูความเร็ว แล้วรีบถอน ก่อน จนลืมดูตัวเลขรอบเครื่อง
มีโอกาสจะเอามา Edit ให้ดูกัน จริงๆ น่าจะยังไปต่อได้อีก แต่เส้นทางเริ่มไม่อำนวย จึงต้องถอนเสียก่อน :-\
-
จากที่ได้ไปลองกันมากับเพื่อน ก็เป็นไปตามที่คาดไว้คือไม่ว่ายังไง เกียร์ธรรมดา
ก็ยังคงเรียกสมรรถนะของรถได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่าเกียร์อัตโนมัติอยู่วันยันค่ำ
(ที่ว่ามานี้คือพวกรถบ้านทั้งหลาย กับรถซิ่งในสนามระดับโปรทั่วๆไปนะ
ในกรณีนี้ขอยกเว้น แค่เกียร์อัตโนมัติบางจำพวก เช่น Dual Clutch, PDK )
ทันทีที่ออกตัว แรงดึงของรถฉุดคนขับไปติดอยู่กับเบาะ ตัวรถกระชากออกไปอย่างรวดเร็ว
ล้อฟรีบ้างพอประมาณ เนื่องจากใช้รอบ 4 พันในการออกตัว
ใช้เวลาไม่นานมันก็พาผมไปแตะ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ในเวลาประมาณ 30 วิ และยังพอไหลต่อได้เรื่อยๆ
ก่อนเริ่มหมดแรงที่ประมาณ 170
ส่วนหนึ่งที่แผ่วปลายก็คงมาจากการใช้ท่อพักปลายที่ดูแล้วน่าจะเป็นแบบไส้ย้อน
ซึ่งเหมาะกับการไปอยู่ในรถเกียร์อัตโนมัติที่ต้องการอัตราเร่งช่วงต้นมากกว่า แต่ถึงมาอยู่ในเกียร์ธรรมดา
ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แค่อาจจะรู้สึกรำคาญเสียงท่อที่ดังแผดๆ แห้งๆ ไม่ชวนฟังเหมือนท่อซิ่งโทนทุ้มๆทั้งหลาย
-
สำหรับสมรรถนะเครื่องยนต์ของ Honda Jazz ตัวนี้ เพียงพอแล้วกับการใช้งานทั่วๆ ไป
ยิ่งจับคู่กับเกียร์ธรรมดาเข้าไปแล้ว ความสนุก เร้าใจ ยิ่งเพิ่มขึ้น ออกตัวพุ่ง จนคนนั่งเหวอกันทั้งคัน
การวิ่งทางไกล เพียงแค่ตบเกียร์ลงมา 1-2 จังหวะ จากนั้นก็กดคันเร่ง แซงรถบรรทุกได้แบบไม่ต้องลุ้น
และก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าเครื่องแคมเดี่ยวของฮอนด้าก็ยังเสียวได้ไม่แพ้แคมคู่ทั้งหลาย
นอกจากอัตราเร่งที่ทันใจวัยรุ่นแล้ว การเซ็ตระยะเกียร์และแป้นคลัตช์ก็ยังทำมาได้ดีทีเดียว
เกียร์มีระยะชิฟที่สั้นพอประมาณ(เป็นรอง Honda Brio นิดหน่อย) เข้าง่าย
โดยเฉพาะอัตราทดช่วงเกียร์ 2-3-4 ซึ่งชิดกันมาก เหมาะแก่การมุดไปมุดมาใน
เมืองกรุงช่วงสายๆ บ่ายๆ คันเกียร์อยู่ใกล้ไม้ใกล้มือ ไม่ต้องยื่นแขนออกไปไกลมาก
แป้นคลัตช์น้ำหนักกำลังดี ไม่เบาหรือแข็งไป เป็นแป้นคลัตช์ที่เป็นมิตรกับเท้าผมที่สุดแล้ว
ทำให้รื่นรมย์ ไม่เกิดอาการปวดเมื่อยตลอดการขับขี่ในเมือง ตัวคลัตช์นั้นจับค่อนข้างไว
ถอนออกมาได้นิดนึง รถก็เริ่มออกอาการสั่นๆเล็กน้อย พร้อมให้เหยียบคันเร่งเพื่อเคลื่อนที่ในทันที
จุดนี้คนที่พึ่งมาขับใหม่ๆ อาจเผลอเบาดับได้
-
คลิปตัวอย่างระยะเข้าเกียร์ เผอิญถนนที่ขับกลับบ้าน เหียกมาก
ใช้ขายึด GPS ราคาถุกๆไม่ถึงร้อย ถ่ายด้วยสมาร์ทโฟนบ้านๆ Go Pro ไม่มี เอา Go Noob แทนไปก่อน ;D
(อย่าวิจารณ์คนขับเลย เผอิญไม่ได้ขับรถดีอะไรขนาดนั้น)
Honda Jazz Shift-Range (http://www.youtube.com/watch?v=2ALAvrBQMPQ#ws)
ส่วนคันเร่งแบบไฟฟ้า ยังติด Lag นิดๆ แต่ก็ถือว่าทำได้ดีกว่าสมัยแรกๆ
กดแล้วทันใจ อันนี้ไม่รู้ว่า การที่ ECU ไม่ต้องประมวลผลในส่วนของ
ระบบเกียร์ ทำให้ลด Process ในการคำนวนต่างๆ เพื่อคำนวนแค่น้ำหนักกด
ที่แป้นคันเร่งลูกเดียว เลยสั่งเปิดลิ้นปีกผีเสื้อได้ไวขึ้นหรือไม่
จุดเด่นของเกียร์ธรรมดาอีกอย่างหนึ่งก็คือกำลังในการฉุดลาก ไม่ว่าผมจะขับคนเดียวหรือ
นั่งกันมา 4 คน มีของพะรุงพะรังท้ายรถ มันก็พร้อมจะถวายชีวิตให้คุณในการทะยาน
ความเร็วขึ้นไปอย่างทันอกทันใจ ตรงข้ามกับเกียร์อัตโนมัติที่พอนั่งกันเยอะๆ
ออกอาการห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที
มาพูดถึงข้อเสียของเกียร์กันหน่อย ปัญหาอย่างนึงก็คือ นิสัยเกียร์เป็นแบบท่านเสมา
คือ ยามออกศึกรบกับพม่ารามัน ลากเครื่องไปที่รอบสูงๆ
ตบเกียร์ไวเป็นลิงแบบรถในสนามแข่ง รถไหลไปได้อย่างรวดเร็ว
และสมูท ไม่สะดุด ไม่แพง เอาอยู่ และไม่คิดไปเอง 555
แต่พอยามสงบศึกอยู่กินกับแม่หญิงเรไร ขับเรื่อยๆ เวลาต่อเกียร์จาก 1 ไป 2
ให้มันได้จังหวะดีๆ นั้น ต้องเล็งให้แม่นพอสมควร เป็นเฉพาะเกียร์นี้เกียร์เดียว
เวลาออกตัวปุ๊บ ความเร็วขึ้นไปได้พอเหมาะ ตบเข้าเกียร์สอง ถ้าถอนคลัตช์ไว
รถจะมีอาการดึงหนักอย่างรุนแรง และถ้าถอนคลัตช์ช้าไป รถก็จะเกิดอาการรอบห้อย
รถสะดุดเล็กน้อย ทำให้เกิดความไม่ต้องเนื่องในการขับขี่ เสียจังหวะและเสียอารมณ์ทุกครั้ง
ซึ่งชาวแจ็สเคยเรียกอาการนี้ว่า สับสองห้อย ไม่รู้จะห้อยอะไรได้ขนาดนั้น
ปัญหาในส่วนนี้น่าจะมาจากการ lag ของตัวคันเร่ง และลิ้นเร่ง แต่กลับไม่พบในเกียร์ 3-4-5
แล้วก็เมื่อใช้ความเร็วต่ำๆ ที่เกียร์ 1 โดยไม่เอาเท้าเลี้ยงคลัตช์
บางครั้งรถจะมีอาการ วูบ วาบ วูบ วาบ เหมือนแรงบิด มาๆ หายๆ
-
(http://upic.me/i/7f/img_2411.jpg)
(http://upic.me/i/wa/img_2950.jpg)
ด้านระบบกันสะเทือนก็เป็นไปตามมาตรฐานรถซับคอมแพ็คทั่วๆไป ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท
และด้านหลังใช้คานบิดแบบ ทอร์ชั่นบีม และยังคงใช้การวางถังน้ำมันไว้ใต้เบาะคู่หน้าเหมือนเดิม
ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในได้เยอะขึ้น โดยรวมนั้นกับถนนเรียบ ถนนลาดยางไม่มีปัญหา
รอยต่อบนทางด่วนมีตึงตังบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าร่องระบายน้ำตามซอกซอย เนินลูกระนาด
ค่อนข้างกระเทือนมาถึงพวงมาลัยและก้นผู้ขับขี่เอาเรื่องอยู่
ผมให้แม่นั่งหลังแล้วถามว่านั่งสบายไหม แกบอกกลับมาแบบกวนๆ ว่า อ้อ นั่งสบาย แบบว่าคนบ้านนี้ตูดด้าน
โอ้ยย!!! ถูกใจคำพูดแม่จริงๆโว้ย อยากเอา Quote นี้ไปแขวะคนที่ชอบดูถูก
ช่วงล่างคานบิดชะมัด (แต่อย่าดีกว่า เดี๋ยวตูจะไม่ปลอดภัย)
แต่ถึงแกจะตอบมาแบบนี้ แต่ผมก็มองว่า มันยังเด้งดึ๋งมากเกินไป
โดยเฉพาะผมซึ่งบ้านอยู่เขตดอนเมือง ผ่านทางรถไฟที แทบอยากจะร้องจ๊าก
กับเสียง ปึงๆ ปังๆๆ ที่ผ่านขึ้นคานบิดเข้ามาถึงแก้วหูชั้นในแบบไม่น่าให้อภัย
-
การมุดหรือเปลี่ยนเลนไปมาในช่วงความเร็ว 60-80 ทำได้พอประมาณ ไม่หวาดเสียวจนเกินไป
การทรงตัวดีขึ้นกว่าโมเดลก่อนพอสมควร ทางโค้งตามวงแหวนบนทางด่วน การเล่นแรงๆ
ที่ความเร็วเกินกว่า 80 กิโลเมตร อาการหน้าดื้อจะเริ่มออก ท้ายเกิดการโยนตัวอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนหนึ่งมาจากยาง GT3 ซึ่งมีหน้าแคบ แก้มหนา การเบียดของโครงสร้างยางจึงมากกว่ายางแก้มเตี้ย
และตัวยางนั้นก็ไม่ได้ช่วยยึดเกาะเท่าไหร่นัก ทำหน้าที่ยางติดรถได้ดีจริงๆ(ประชด)
ความนิ่งของรถในความเร็วเดินทาง ทำได้ค่อนข้างดี แต่เมื่อไต่ไปได้ระดับ 140 ขึ้นไป
ยมบาลคนเดิมที่ผมพูดไว้ในแจ็สตัว 2005 จะมาพาคุณไปใกล้ชิดคำว่านรกกับสวรรค์ได้อีกครั้งหนึ่ง
ทางแก้ที่พอทำได้คือ เปลี่ยนล้อที่กว้างขึ้น ใช้ยางหน้ากว้าง 195
เพิ่มสปริงโหลด หากงบมีน้อย แต่ถ้างบมีมาก แนะนำ
ให้เปลี่ยนโช้คสตรัทที่ปรับระดับสูง-ต่ำ ตั้งค่าความอ่อน-แข็งได้
แต่ก็ไม่ควรปรับให้กระด้างจนเกินไป เว้นเสียแต่รับได้กับการเซ็ตให้แข็งทั้งคัน
จนกลายเป็นน้องๆกระบะยุค 90
พวงมาลัยไฟฟ้า EPS งวดนี้ มีความหนืด ระยะฟรี ที่กำลังดี มั่นใจขึ้นเมื่อขับบนย่าน
ความเร็ว 90+ รวมถึงการเปลี่ยนเลนไปมาตามท้องถนนในเมือง บนความเร็วสูงปล่อยมือออกก็ยังนิ่ง
และดีกว่าตัวเก่าซึ่งไวเกินและเบาโหวงขนาดนิ้วก้อยก็ควงได้
การเก็บเสียงในช่วงความเร็วต่ำ เงียบพอใช้ได้ มีเสียงท่อแมงกะไซค์ เสียงท่อรถบรรทุกดังเข้ามาบ้าง
แต่เสียงเครื่องยนต์ช่วงเกียร์ต่ำที่เข้าห้องโดยสารนี่มันช่างสะใจดีจริงๆ เพราะอย่างน้อยต้องมี
2500-3000 รอบ ถึงจะเปลี่ยนเกียร์ขึ้นไป ไม่เหมือนเกียร์อัตโนมัติที่เสียงเครื่องจะเป็น
มิตรต่อหูมากกว่า ถ้าใครชินชากับการขับเกียร์อัตโนมัติมานาน
เมื่อหันมาขับเกียร์ธรรมดา อาจจะรับไม่ได้กับเสียงเครื่องที่คำรามเข้า
ห้องโดยสารมากกว่าปกติแน่นอน อันนี้ก็ต้องค่อยๆปรับตัวกันไป
เวลาคลานต่ำในพื้นที่ตลาดคนพลุกพล่านเดินเกะกะ ต้องคอยเลี้ยงคลัชต์และ
เร่งส่งไม่ให้เครื่องดับ บางจังหวะก็กดคันเร่งแรงไป ทำให้บางคนคิดว่าเบิ้ล
เครื่องกวนตีนใส่ แต่อย่างว่า เวลาคนเราเห็นรถเก๋งมักถูกเหมาว่าเป็นเกียร์ออโต้ทุกครั้งไป
การเดินทางไกล ที่ความเร็ว 110 ขึ้นไป เสียงลม เสียงยาง
เริ่มเข้ามาทำลายบรรยากาศในห้องโดยสาร แถมตัววิทยุก็เร่งเสียงแข่ง
กับเสียงเครื่องยนต์อีก มากัน 4 ทิศเลยวุ้ย -*-
ส่วนหลังคาเมื่อโดนฝนตกหนักๆใส่ มีเสียงดังน้อยลงกว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย
-
ระบบความปลอดภัยต่างๆ อันนี้ขอแสดงความนับถือแก่ฮอนด้าประเทศไทย และ
แสดงความยินดีแก่ลูกค้าที่ซื้อ Jazz ตั้งแต่เดือน กุมภา ปี 2555 ขึ้นมา
เพราะทุกรุ่น ติตตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
(ถ้าใครออกรุ่น JP จะได้ถุงลม 6 ใบ)
อันนี้ถือเป็นเรื่องดีเพราะจากที่ผมขับรถมา 7-8 ปี อุบัติเหตุยอดนิยมที่ผมเจอ
บ่อยที่สุดบนถนนเมืองไทย คือ การชนท้าย
เนื่องจากนิสัยการขับขี่คนไทยจะไม่ค่อยเว้นระยะห่างจากคันหน้า
และชอบขับจี้ตูดกันอย่างบ้าระห่ำ โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ทำให้เวลามีเหตุขึ้นมา ไม่มีระยะมากพอสำหรับการเบรกหรือเปลี่ยนเลนหนี
แสดงให้เห็นว่าฮอนด้าเริ่มเอาใจใส่ความปลอดภัยของลูกค้าขึ้นมาบ้างล่ะนะ
แล้วก็ใครที่ชอบตกแต่งเกจ์วัดต่างๆ ของน่ารักๆ หรือ พระค่งพระเครื่อง
บริเวณแดชบอร์ด พยายามหลีกเลี่ยงไว้จะดีที่สุด เพราะถุงลมเวลาเด้งขึ้นมา มันจะเกิดขึ้นไวมาก
และสิ่งของที่ติดตั้งอยู่ จะกระเด็นไปเข้าหน้าผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บไปตามๆกัน
(http://upic.me/i/u1/img_0110.jpg)
นอกจากนี้ก็ยังคงติดตั้งดิสก์เบรกให้ทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบเบรก ABS และตัวกระจายแรงเบรก EBD มาให้
โดยตัดระบบเสริมแรงเบรค BA ทิ้งไป หลายคนก็สงสัยว่า เอาออกแล้วจะเบรกแย่ลงไหม
ผมก็เลยได้ลองระบบ ABS ของแจ็สคันนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ เรื่องมีอยู่ว่าวันหนึ่งผมขับเรื่อยๆ
ไปตามทางด่วนขั้นที่ 1 ตามหลังโซลูน่าด้วยความเร็ว 80 ที่เกียร์ 5 ทิ้งห่างประมาณ 5-6
ช่วงคันรถ ซักพักคันหน้าเบรกโดยไม่มีสาเหตุ ผมเห็นท่าไม่ดี กระทืบแป้นเบรคเต็มตีน ABS
ทำงานทันที ปุ๊กๆๆๆๆๆๆ เสียงจับปล่อยของตัวเบรกสะเทือนมาถึงปลายเท้า ความเร็วตกลง
อย่างรวดเร็วจนสัญญาณไฟแบ็ตขึ้นเป็นตัวบ่งบอกว่ารถกำลังจะดับ
จึงเริ่มเหยียบคลัตช์ และรถก็หยุดสนิทโดยห่างจากโซลูน่าคันนั้น
เพียงไม่กี่ฟุต ซึ่งผลก็ทำผลงานได้ค่อยข้างดีแม้ไม่มี BA มาช่วย
"หรือ อาจจะมี BA อยู่แล้ว แต่ผู้ผลิตไม่ได้แจ้งไว้ในใบรายการก็เป็นได้"
ด้านการใช้งานในชีวิตประจำวัน แป้นเบรกค่อนข้างตามเท้าพอสมควร
แต่พอกดได้จุดนึงก็ถึงจานเบรกทันที จากนั้นก็ต้องเพิ่มแรงเหยียบเพื่อให้ความเร็วรถตกไวขึ้น
ว่ากันด้วยแป้นเหยียบก็มีให้ติอีกนิดหน่อยคือ แป้นคลัตช์วางเลเอ้าท์ได้พอดี
แต่แป้นเบรกกับคันเร่งนี่ถึงจะบอกว่าแก้แล้ว แต่ผมก็รู้สึกว่ายังเอาไว้ตรงโซนกลางๆ
เหมือนเดิม ไม่เยื้องขวาจัดๆ แบบรถโตโยต้า แล้วตัวแป้นไม่รู้จะทำมาเล็กไปไหนไม่ทราบครับ
เอาไว้ให้เด็กประถมขับรถหรือไงเนี่ยท่าน อยากให้ฮอนด้า และบริษัทรถญี่ปุ่นหลายยี่ห้อเลย
ไปดูรถยุโรปบ้าง ว่าแป้นเบรกเหยียบใหญ่สะใจแค่ไหน ไม่ว่าจะทั้งเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา
(http://upic.me/i/8r/img_2491.jpg)
-
ตัวถังนิรภัย G-CON และชิ้นส่วนคานเหล็กด้านหน้าที่ช่วยดูดซับแรงกระแทกเมื่อถูกชน
มีการออกแบบชิ้นส่วนตัวถังบริเวณด้านหน้ารถให้มีน้ำหนักเบา เพื่อลดการบาดเจ็บกรณีชนคนเดินไปมาบนถนน
ตัวรถผ่านการทดสอบการชนตามมาตรฐาน EURONCAP ด้วยคะแนน 5 ดาว เมื่อปี 2009
(http://upic.me/i/he/euncaphondajazz_01.jpg)
เซนเซอร์กะระยะ 4 จุด เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น (เฉพาะตัวประกอบไทย)
การตรวจจับของเซ็นเซอร์นั้นมีความแม่นยำกว่าเซนเซอร์ราคาพันต้นๆ ที่แถมมากับเซลล์อยุ่หลายขุม
(http://upic.me/i/jf/img_2417.jpg)
-
การทดลองหาอัตราสิ้นเปลือง
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่อดไม่ได้ที่จะขอลอง เพราะเป็นคนที่ซื้อรถแล้วแคร์อัตราสิ้นเปลืองอยู่พอสมควร
โดยขอใช้มาตรฐาน Headlightmag อีกเหมือนกันคือ วิ่ง 110 เปิดแอร์ แต่ครั้งนี้นั่งคนเดียวแทน
ไม่มีเพื่อนร่วมทาง แต่ถ้ามองอีกมุมนึง วันที่เทสอัตราสิ้นเปลืองซึ่งทำหลังตอนเทสอัตราเร่งอยู่หลายเดือน
เลขไมล์วิ่งไปแล้ว 9พันกว่ากิโล ซึ่งน้ำมันเครื่องเริ่มศูนย์เสียคุณสมบัติในการหล่อลื่น
ไปมากสมควรแก่การเปลี่ยนถ่าย เป็นได้สูงว่าอาจจะกินน้ำมันขึ้นมาอีกนิดหน่อย
แถมตอนที่ทำอัตราสิ้นเปลือง ก็เป็นล้อ 16 นิ้ว ยาง 205/50
ซึ่งคำนวนค่า Oversize มาแล้วกับยาง 175/65 R15 ว่า ต่างกันแค่ 0.5%
หวังว่าคงได้ผลลัพธ์ไม่ต่างจากการนั่ง 2 คน
อนึ่ง รถ 1 คันนั้น ไม่ว่าจะแบกน้ำหนักกี่กิโลก็ตาม แต่ถ้าคุณใช้ความเร็วคงที่ 100-120
วิ่งทางยาวๆ แบบลำปาง เชียงใหม่ พักทุก 250-300 กม. เท้านิ่งพอ
ออกตัวนิ่มๆ ไม่กระโชกโฮกฮาก ก็ได้อัตราสิ้นเปลืองไม่ต่างกัน
บวกลบไม่เกิน 2 กิโลเมตรต่อลิตร ที่กล้าเขียนแบบนี้เพราะเคย
กับแจ็สคันเก่า วิ่ง 100-110 เปิดแอร์ นั่ง 4 มีสัมภาระ ไปเชียงใหม่ ได้ 18 กิโลเมตร/ลิตร มาแล้ว
-
(http://upic.me/i/0w/img_3458.jpg)
เพื่อไม่ให้ผิดพลาด จึงเริ่มเติมเบนซิน 95 นำร่องมาก่อน 2 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่ามีน้ำมัน 95 100% เต็ม
รอจังหวะคืนวันศุกร์หลังเลิกงาน ไปเติมน้ำมันที่ปั๊ม Caltex พหลโยธิน Lunch Time ตั้งไว้ 3 ทุ่ม
เติมแค่หัวจ่ายตัดเป็นพอแล้วยกออก เพราะถังน้ำมัน Honda Jazz อยู่กลางรถ ท่อทางเดินยาวเฟ้ย คำนวนยาก
แล้วผมเองเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่นักรีวิวรถ คงไม่ขอเขย่ารถแน่นอน
(แต่ถ้าวันไหนเข้าปั๊มนี้แล้วเจอพี่จิมมี่ขย่มรถอยู่ก็ยินดีที่จะขอแจมนะ) ;D
เซ็ต Trip เป็น 0 ออกจากปั๊ม เข้าซอยอารีย์ ไปออกกระทรวงการคลัง
-
หลังจากขึ้นทางด่วน ก็ขับตามๆ ชาวบ้านไปที่ 80-90
จนถึงด่านประชานุกูล ซึ่งเป็นด่านเก็บเงินผ่านเมืองที่ไม่สมควรให้มีอยู่บนโลก
เพราะสร้างปัญหาการจราจรอย่างมากในตอนเช้า และตอนเย็น
รวมถึงการที่เก็บเงินแค่ 10 บาท ด่านขาออกจากเมือง เป็นอะไรที่ดูงี่เง่าไปหน่อย
หลังจากมาถึงเมืองทองธานี ถนนก็เริ่มโล่งพอให้บรรเลงเพลง 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้รอบเครื่องเท่านี้
(http://image.ohozaa.com/i/92d/aQjdHk.JPG)
110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้รอบเครื่องเท่านี้
(http://image.ohozaa.com/i/9ff/i35tXq.JPG)
ขับไปจนถึงด่านบางประอิน
แล้ววนกลับมาที่เดิม ขับ 110 ไปเรื่อยๆจนไปลงด่านสนามเป้า กลับมาที่ปั๊มเดิม
หัวจ่ายเดิม คนเติมก็คุณลุงคนนี้เหมือนเดิม
(http://upic.me/i/e1/img_3465.jpg)
-
(http://image.ohozaa.com/i/0e7/v2Ee5F.JPG)
ระยะทางที่วิ่งไป 91.3 กิโลเมตร
เติมไปได้ซักพัก หัวจ่ายตัดที่ 4.31 ลิตร ? เฮ้ย! มันน้อยแปลกๆแฮะ
จ่ายตังเรียบร้อย แล้วเอามาคำนวนดู
(http://image.ohozaa.com/i/9dd/tOqQJS.JPG)
21.18 กิโลเมตร/ลิตร มันจะเพี้ยนอะไรได้ขนาดน้านนน!!!!
เป็นไปตามคาดว่า ตัวเลข เพี้ยนแน่ๆ แต่นี้มันคาดเคลื่อนไปเยอะ
ครั้นจะทำอีกรอบก็จะเสียตังมากเกินเลยต้องยกเลิกกันไป
(http://image.ohozaa.com/i/669/PFbv9a.JPG)
แต่พอกดดู AVG มันได้ 17.7 Km/l
ซึ่งถ้าจะยึดตัวเลขนี้ ก็อาจจะเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างแอบ Make Sense พอสมควร เพราะ
1. การใช้งานตามปกติ เวลาเข้าปั๊มทีไร วัดอัตราลิ้นเปลืองออกมา
บวกลบไม่เกิน 1กิโลเมตร/ลิตรเสมอ เช่น สัปดาห์นี้ AVG ขึ้น 13.7 Km/l เติมกลับ วัดได้ 13.4 Km/l
พอมาอีกสัปดาห์ AVG ขึ้น 13.8 เติมกลับวัดได้ 14.1 สลับกันไปมาอยู่แบบนี้เป็นประจำ
2. หลายเสียงของคนที่ใช้ Jazz เกียร์ธรรมดา วิ่งต่างจังหวัด ความเร็ว 100-120
ได้ตัวเลขย่าน 17-18 กิโลเมตรต่อลิตร กันหลายคนอยู่ ในขณะที่เกียร์อัตโนมัติ
ใช้รอบเครื่องต่ำกว่าตั้งเป็นพันรอบ ยังทำตัวเลขได้เต็มที่แค่ 16 กลางๆ
3.ก่อนหน้านี้ 3 เดือน ผมเอา Jazz ไปไหว้พระวัดโสธร ขับกลับมาวิ่งในเมืองอีกนิดหน่อย วัดได้ 16.0 กิโลเมตรต่อลิตร
จากนั้นอีก 1 สัปดาห์ เอารถไปวิหารแดง นั่ง 3 คน ขนมะยงชิดเต็มคัน น้ำหนักร่วม 1,500 กิโล
ขับจากวิหารแดง สระบุรี อกกวงแหวนไปสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเอามะยงชิดไปขาย
เหยียบ 110-120 ตลอดทาง วัดได้ 15.2 กิโลเมตรต่อลิตร
โดยทั้ง 2 ทริปที่กล่าวมานี้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็น แก็สโซฮอลล์ 95 E10 ด้วยซ้ำ
เมื่อเอาตัวเลขไม่เป็นทางการที่ทำไว้มาเทียบดู ก็น่าจะสมเหตุสมผลอยู่บ้าง แม้จะไม่ 100% ก็ตามที
อย่างน้อยการเดินทางไกลที่ความเร็วไม่เกินกฏหมายกำหนด น่าจะทำได้ 16-17 กิโลเมตรต่อลิตรได้สบายๆ
(http://image.ohozaa.com/i/909/9BNzmQ.JPG)
-
สำหรับในเมือง น้ำมัน 1 ถัง วิ่งได้เท่าไหร่กัน??? ???
ที่เห็นในภาพนี้เป็นน้ำมันแก็สโซฮอลล์ 91 ถ่ายไว้เมื่อหลายเดือนก่อน
เติมเต็มถัง วิ่งใช้งานเรื่อยเปื่อยในกรุงเทพ รถติดบ้างประปลาย
ส่วนใหญ่จะเป็นการคลานต่ำๆ ในชั่วโมงเร่งด่วนบนถนนวิภาวดี
มีเกรียนแตกบ้างในบางลีลาหากเจอรถที่ขับแบบกวนส้นเท้า
วิ่งไปจนเข็มขึ้นไฟแดงได้เท่านี้
(http://upic.me/i/hu/0img_0189.jpg)
ตอนที่เข้าปั๊ม เติมกลับไป ได้ 28 ลิตรกว่าๆ ซึ่งถังน้ำมัน Jazz มี 42 ลิตร
นั่นหมายความว่า ผมมีเหลืออีกประมาณ 10-12 ลิตร ในถัง เพราะลูกลอยแจ็สมีปัญหาอย่างนึงคือ
เข็มน้ำมันจะตกค่อนข้างไวมาก และถ้ามีปริมาณน้ำมันเติมกลับน้อยกว่า 10 ลิตร
ลูกลอยจะไม่ค่อยขึ้นเข็มวัดให้ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ผมไม่กล้า
เทสอัตราสิ้นเปลืองรอบ 2 เพราะกลัวเติมกลับแล้วล้น
สรุปก็คือ ผมสามารถขับเล่นในกรุงเทพได้ 400-420 กิโลเมตร และเหลือให้
วิ่งช่วงขึ้นไฟแดงอีกประมาณ 80-90 กิโลเมตร
หรือผมสามารถขับเรื่อยๆ 90-110 ลากยาวถึงจังหวัดลำปาง
โดยแค่แวะพักปั๊มข้างทาง ดื่มน้ำปัสสวะซัก 2-3 นาทีก็พอ
ไม่ต้องขับไปตรงจุดบริการน้ำมันเชื้อเพลิงแต่อย่างใด
ถือว่าประหยัดอยู่ไม่ใช่น้อย สำหรับ Honda Jazz เกียร์ธรรมดาคันนี้ :)
คุณจะเชื่อตัวเลขต่างๆ ที่ผมเขียนขึ้นมาหรือไม่ อันนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณเอง
-
อ๊ะ! อันนี้ผมแถมให้ เนื่องจากมีผู้ใช้ Jazz ตัวถัง GE หลายคนอยากรู้อยากลอง ไปเติม E85
โดยไม่พ่วงกล่อง FLEX -Fuel ที่ขายตามท้องตลาด แล้วไม่พบปัญหาในการใช้งาน
ผมก็เลยเอาบ้าง เหตุที่กล้าเติมเพราะมีสมาชิกบอร์ด Honda Jazz ท่านหนึ่งมีข้อมูล
ค่อนข้างแน่น เกี่ยวกับตัวโปรแกรม ECU ใน Jazz และถังน้ำมัน
ท่อทางเดินต่างๆที่น่าจะใช้วัสดุประเภทเดียวกันกับตัวที่ผลิตขายในบราซิล
ซึ่งประเทศเขามี E85 E100 ให้ใช้กันเป็นมาตรฐาน
ที่สำคัญ ปั๊มที่ขาย E85 ดันอยู่ระหว่างทางไปที่ทำงานพอดิบพอดี
(http://upic.me/i/oj/img_0227.jpg)
โดยผมเริ่มจากแหย่ทีละ 300 บาทก่อน ผสมกับ E10 ให้รถคุ้นน้ำมัน
ทันทีที่ออกจากปั๊ม ตลอดทางกลับบ้าน ไม่พบอาการสะดุดหรือปัญหาใดๆ
แล้วจากนั้น 3-4 วัน ค่อยเริ่มไปเติมเต็มถัง จากที่พบคือ
-อัตราเร่งหายไปพอสมควร บ่อยครั้งที่รู้สึกไม่ทันใจ
-กินน้ำมันค่อนข้างมาก เฉลี่ย 9-10 กิโลเมตรต่อลิตร จากเดิมที่เคยทำได้ย่าน 13-14 กิโลเมตรต่อลิตรในเมือง
-ไอเสียมีกลิ่นแอลกอฮอลล์ฉุนมากเมื่อเดินไปหลังรถ
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือค่าใช้จ่ายครับ จากเดิมค่านั้นเดือนละ 3600-3800
เหลือเดือนละ 2000-2200 บาท ในพริบตา
ส่วนผลเสียอย่างรุนแรงก็คือ ผมอ้วนขึ้น จากการที่มีตังเหลือเยอะ
เลยแรดไปร้านแมคโดนัลด์ตรงข้ามราชภัฎพระนคร
สั่งมัฟฟินมากินกับกาแฟร้อนๆ แทบทุกสัปดาห์ ไม่ได้ช่วยอะไรเล้ย ;D
เติมใช้งานมาได้ 3 เดือน ก็ต้องกลับมาโซฮอลล์ 95 ดังเดิม
ด้วยเหตุผลเดียวคือ ในบางอารมณ์มันไม่ทันตรีนผม เท่านั้นเอง 555+
ว่ากันง่ายๆคือ Honda Jazz เติม E85 ได้ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าหวังให้ได้เรี่ยวแรงเท่าน้ำมันเบนซิน
คงต้องจูนกล่องลูกเดียว ระยะยาวมีผลเสียกับท่อทางเดิน
ระบบปั๊มเชื้อเพลิงหรือไม่ อันนี้ผมไม่การันตี ต้องไปลองเองดูครับ ;)
-
(http://image.ohozaa.com/i/eb9/AgQimg.jpg)
สรุป
เมื่อสมการ 2 ตัวนี้มาเจอกัน
ซับคอมแพคดีที่สุดในตลาด + เกียร์ธรรมดา = ก็คงหารถที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วในพิกัดเดียวกัน ::)
Honda Jazz ยังคงรักษาคุณงามความดีใน Jazz ตัวแรก ที่ยังคอยส่งกลิ่นโชยมาถึงรุ่นี้ไว้ได้อยู่
เป็นรถขนาดซับคอมแพ็คท์ที่ครองใจมหาชนอยู่ทุกเพศทุกวัย มีขนาดกะทัดรัดกำลังดี
ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย ประโยชน์ใช้สอยมากล้น เหมาะสำหรับขับใช้งานในเมือง
แม้แต่ออกเดินทางไกล ม้า 120 ตัวในคอกขนาด 1.5 ลิตร ก็ยังมีเรี่ยวแรงมากพอให้คุณเร่งแซง
ได้แบบไม่เหนื่อย ยิ่งเป็นเกียร์ธรรมดาด้วยแล้ว อู้ว! สยิวอย่าบอกใคร
และยังเป็นรถที่ถูกใจนักแต่งรถและสำนักแต่งทั้งหลาย เข็น Part กับ Accessories
ต่างๆ มาให้ขาซิ่งเสียตังกันจนไส้แห้งแดกมาม่าทุกปลายเดือน :P
-
สำหรับ Jazz เกรด S MT คันนี้ ถือเป็นอีกคันที่สวนกระแสตลาดรถเก๋งเกียร์ธรรมดาในระยะ 7-8 ปีให้หลังมานี้
โดยยัดออฟชั่นที่จำเป็นต่อการใช้งานทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเซ็นทรัลล็อค กระจกไฟฟ้า วิทยุแบบโมดูล ช่องเสียบ AUX
และพวกเบรก ABS ถุงลมนิรภัย ก็ยังใส่มาให้ 2 ลูก มีก็แค่บางอย่างที่ขาดๆ เกินๆ เช่น ไม่มีกระจกแต่งหน้าคนนั่ง
ซองเสียบหนังสือหลังเบาะคนขับหายไป ไม่มีเท้าแขน ไม่มีปุ่มปรับวิทยุ ล้อกระทะ
แต่ก็ยังมี After market มาขายให้เกลื่อน หาซื้อมาติดเพิ่มได้
เพราะฐานลูกค้าเกียร์ธรรมดา นอกจากเป็นคนต่างจังหวัดแล้ว น่าจะเป็นวัยรุ่นชาย
อายุ 18-25 หรือคนอายุ 25-35 ที่คึกคะนอง ชื่นชอบการขับรถเกียร์ธรรมดาเป็นทุนเดิม
อยากได้รถเล็กๆ ที่มีอัตราเร่งทันใจ มาใช้งานทั่วไป หรือเอามาแต่งซิ่ง ทำช่วงล่างเอง
ใส่ล้อแม็กซ์ ใส่ท่อ ชุดแอโร่พาร์ทรอบคัน ไปจนถึงดัดแปลงสภาพเครื่อง
ทั้งแบบ N/A หรือจับวางเทอร์โบเพิ่มแรงม้า ไม่ก็ยกเครื่องใหญ่ๆ ม้าตัวโตๆ มาวางไปเลย
ทั้งคันนี้ ขอยกแค่ข้อเสียก็พอซึ่งมีไม่กี่ข้อ
1. ช่วงล่าง ยังซับแรงสะเทือนได้ไม่ดีพอ และไม่เกาะถนนมากนักเมื่อหักโค้งแรงๆ
ซึ่งก็รู้กันอยู่ว่าฮอนด้า ไม่เก่งเรื่องช่วงล่าง แต่ของแบบนี้มันก็ต้องลบล้างได้บ้างแหล่ะน่า
ขนาดโตโยต้าเพื่อนร่วมสถาบันเทคโนโลยีด้านการร่อน
ยังทำได้ดิบได้ดีมาแล้วกับโตโยต้า พรีอุสเลย
2. การประกอบภายนอก ดีแล้ว แต่ภายในบางจุด รู้สึกเหมือน
โตโยต้า อวันซ่า ขึ้นเรือมาจากโรงงานในอินโดนิเซีย
3. คันเร่งไฟฟ้าติด Lag แบบนี้ ถ้าอยู่ในรถเกียร์อัตโนมัติ คงไม่โกรธกัน
แต่มาอยู่กับเกียร์ธรรมดา ตูจะฆ่าเมิง แล้วก็อาการสับ 2 ห้อย ถ้าแก้ได้จะดีมาก
4. ทุกครั้งที่คอมแอร์ทำงาน ไฟหน้าต้องตก เป็นอีกอาการสามัญของรถฮอนด้า
ทุกรุ่น ฝากให้ปรับปรุงด้วยครับ(ถ้าฮอนด้าเขาเข้ามาอ่านนะ) :P
(http://image.ohozaa.com/i/cfb/JFBwDu.jpg)
-
แล้วถ้าหากคุณไม่ชอบ Honda Jazz :( แต่อยากได้คันอื่นที่เป็นเกียร์ธรรมดาล่ะ ก็มี
1. Toyota Vios E MT 580,000
B-segment พื้นฐาน ที่มียอดขายนำหน้าทุกเจ้า ชนิดไม่มีใครตามทัน ต่อให้เอายอดขาย Jazz กับ City
มารวมกัน 2 คันก็แพ้หมดรูป แม้ปัจจุบันยอดขายแผ่วลงไป แต่ด้วยนโยบายรถคันแรก
ทำให้เหล่าคนที่รอรถนานๆ ไม่ไหว เริ่มถอยตัวนี้มาขับกัน ตัวรถไม่ได้มีจุดเด่นในด้านการขับขี่
แต่ประโยชน์ใช้สอยอยู่ในเกณฑ์ดี ออฟชั่นกลางๆ ไม่หรูหรามากสำหรับรุ่น E ไม่มีถุงลมนิรภัย
ซึ่งอาจจะถูกใจคนต่างจังหวัดหัวโบราณ และศูนย์บริการหาง่ายเหมือนเซเว่น
หลังการขายดี อะไหล่เทียบเคียงข้างนอกเพียบ เหมาะกับการลากใช้ยาว 10-15 ปีขึ้นไป
ตามสไตล์โตโยต้า
2. Toyota Yaris E MT 609,000 บาท
ลูกพี่ลูกน้อง Vios แต่ยอดขายแป๊ก ต้องเข็นสารพัดแคมเปญออกมาจูงใจลูกค้ากัน
ตัวรถนั้นแทบหาความดีงามไม่เจอ ทั้งตั้งราคามาสูง ช่วงล่างติดแข็งมากไป
คันเร่งตอบสนองช้า เบาะนั่งไม่สบาย ห้องสัมภาระอันน้อยนิด
แต่มีจุดเด่นที่เครื่อง VVT-i ซึ่งย้ำแค้นคอ VTEC มาหลายคัน
และเป็นเจ้าแรกที่มีถุงลมนิรภัยคู่หน้าในรุ่นเกียร์ธรรมดาวางขาย
มีชุดแต่งของแต่งเทพๆ มารองรับไม่แพ้ Jazz
(ขออภัยที่ด่าแรงเพราะเคยจับมา 2-3 ครั้งแล้วไม่ประทับใจเป็นการส่วนตัว)
3. Honda City S MT 559,000 บาท
ลูกพี่ลูกน้อง Honda Jazz สำหรับคนที่ไม่ชอบรถท้ายตัด มีจุดเด่นเรื่องห้องโดยสารที่
กว้างขวางสู้รถใหญ่ๆได้หลายคัน มีออฟชั่นอยู่ในเกณฑ์ดี และเพิ่มถุงลมนิรภัยให้ทุกรุ่นแล้ว
เกียร์ธรรมดาได้ฟิลลิ่งเดียวกับ Jazz มีแค่การเซ็ตอัตราทดเกียร์ 3 4 5 อาจจะจัดน้อยกว่านิดหน่อย
ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ได้การทรงตัวและความเร็วปลายที่ไหลดีขึ้น เนื่องจากเป็นตัวถังซีดาน
4. Mazda 2 Groove MT sedan / hatchback 550,000 บาท
รถที่คุณจิมมี่ Headlightmag ยกให้เป็นรถเกียร์ธรรมดาที่ขับสนุกที่สุดในตลาด
มีจุดเด่นเรื่องช่วงล่าง บุคลิกติดสปอร์ต พวงมาลัยตอบสนองทันใจ ออฟชั่นไม่
น้อยหน้าชาวบ้าน มีเสียตรงแค่เครื่องยนต์ตอนปลายแผ่วไปบ้าง
มีให้เลือกที่จะเท่แหวกแนวซาดิสม์ 5 ประตู แบบเป้ อารักษ์
ไม่ก็หล่อลากธรณี(นี่นี้ใครครอง) 4 ประตู แบบณเดช คุกิมิยะไปเลย
5. Ford Fiesta MT 549,000
แอบเสียดายเล็กๆที่ มีให้เลือกแค่รุ่นเดียว แถมมีเฉพาะตัวถังซีดานเครื่อง 1.4 ลิตรเท่านั้น
แต่ก็รู้สึกสะใจนิดนึงที่ถ้าไม่มีนโยบายรถคันแรก คงไม่ได้เห็นเครื่อง 1.5 จากฟอร์ดแน่ๆ
เครื่อง 1400 ซีซี ที่ทำผลงานได้แย่กับเกียร์อัตโนมัติ พอจับเกียร์ธรรมดาเข้าไป
เป็นรถที่ดูน่าใช้ขึ้นมาทันที และก็มีช่วงล่าง การขับขี่ที่ดีเยี่ยมเหนือคู่แข่ง
ออฟชั่นก็ใกล้ๆกันกับมาสด้า 2 เป็นอีกตัวเลือกสำหรับคนอยาก Feel the Difference.
ทั้งสมรรถนะของรถ ...และศูนย์บริการ ::)
6. Chevrolet Aveo / Sonic MT
เคาะราคามาแล้วเรียบร้อยที่ 588,000 กับ 601,000 รถกำลังเปิดตัวในไม่ช้า ข้อมูลยังไม่มี
ต้องรอดูซักพักว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์จะออกมาในรูปแบบไหน แต่ที่ทราบคือ
ออฟชั่นพอๆกันกับคู่แข่งใน Segment แต่เป็นรองแค่บางอย่าง และมีถุงลมเฉพาะตัวบน
ส่วนเครื่องนั้น เขายืนยันว่าเปลี่ยนใหม่ แต่ก็แอบอยากเห็น 1.4 Turbocharge
อยู่เหมือนกัน คงต้องนอนฝันเปียกกันต่อไป :'(
นอกจากนี้ ก็ยังมีเกียร์ธรรมดาให้คุณเลือกอีกมากทั้ง Sub B-segment Eco Car ตัวจี๊ดจ๊าดทั้งหลาย
และ C-segment บางเจ้าที่พยายามขยับออฟชั่นให้ดูน่าซื้อขึ้น ไม่เล่นสองมาตรฐานแบบเมื่อ 7-8 ปีก่อน ;D
-
ถึงแม้เทคโนโลยีของเกียร์อัตโนมัติดูจะเจิดจรัสแสงและพัฒนาไปได้ไกลกว่ามาก
แต่ผู้ผลิตหลายเจ้า ก็ยังไม่ลืมที่จะติดตั้งระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดาในรถระดับที่ทุกคนซื้อไหว
จนล่าสุดมีคนคิดจะวางเกียร์แบบนี้ในรถพลังงานไฟฟ้า(EV) จนได้
ขนาดบางประเทศ เช่น สหรัฐ ซึ่งกว่าร้อยละ 90
ของคนในประเทศนิยมขับเกียร์อัตโนมัติ แต่กางแคทตาล็อครถที่ขายมาก็ยังมีเกียร์ธรรมดาให้เลือกเล่น
แถมออฟชั่นพอๆ กัน ไม่มีกั๊ก ผิดกับในไทยที่ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย พยายามจะเอาออกไปทีละนิด
ทีละหน่อย จนลามมาถึงรถระดับ C-Segment
แต่พอมาปีนี้รู้สึกดีที่เห็น Ford เอา Focus เกียร์ธรรมดา กลับมาทำตลาดอีกรอบ
แม้กระทั่ง Hyundai Elantra ก็ทำออกมาเหมือนกัน
ทั้งๆที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะมีฐานลูกค้ากลุ่มนี้ได้เลยสำหรับรถแดนกิมจิ
เหลือก็แต่ มิซซู กับ มาสด้า จะกล้าเอา Lancer กับ 3
ยุคถัดไปกลับมาลุยในสมรภูมินี้อีกรอบไหม
ส่วนตัวยังอยากให้ผู้ผลิตทุกเจ้า เก็บรุ่นเกียร์ธรรมดาเอาไว้อย่างน้อย 1 รุ่นย่อย
ในรถต่ำกว่า C-car ลงมา ออฟชั่นพอถูไถ ในราคาที่เหมาะสม และควรมีถุงลมคู่หน้าเป็นอย่างต่ำ
เพราะยังไงก็น่าจะยังมีคนกลุ่มน้อยๆ ที่ตีนหนัก
และปฏิเสธความสะดวกสบายทุกรูปแบบ กำเงินรอซื้ออยู่แน่นอน
(http://upic.me/i/rb/img_2447.jpg)
-
สำหรับ Honda Jazz ในยุคถัดไป ผมคงไม่ขออะไรมากนอกจาก
รักษาความเป็น Fit/Jazz แบบนี้เอาไว้
-Fit ที่แปลว่า พอดิบพอดี กำลังดี เหมาะสม ไม่เวิ่นเว้อ(แต่รีวิวเนี้ย แม่มโคตรเวิ้นเว่อเกินคำว่า Fit เลยให้ตายเถอะ)
-Jazz ที่เป็นทำนองเพลงถือกำเนิดในรัฐนิวออลีน สหรัฐอเมริกา มีจังหวะไพเราะสนุกสนาน
ฟังแล้วลื่นหู เหมือนกับอีกหนึ่งความหมายที่แปลว่า ความมีชีวิตชีวา
ซึ่งทั้ง 2 คำที่แยกใช้ในแต่ละภูมิภาคมันดันไปตรงกับบุคลิกรถคันนี้
ความเป็นรถที่ใช้งานง่าย การจัดวางอุปกรณ์ที่ Uses Friendly ประโยชน์ใช้สอยมากมาย
ขับง่าย ขับสนุก เครื่องยนต์กระฉับกระเฉง รูปลักษณ์ภายนอกที่ดึงดูดคนทุกเพศทุกวัย
รู้สึกดีเมื่อพา เพื่อน/แฟน ขึ้นรถแล้วไปแรดได้ ไม่ต้องกลัวโดนมองว่าเป็นรถโหล รถตลาด
ทั้งคันรถเกือบจะดีหมดแล้ว เพียงแต่ขอให้มีช่วงล่างที่ตึงตังน้อยลง ขับขี่มั่นใจขึ้นกว่านี้
และก็ว่าด้วยเรื่องเครื่องยนต์ ยุคนี้ 2012 แล้ว ถึงจะไม่มองเรื่องเครื่องเบนซินขนาดเล็ก
พร้อมเทอร์โบชาร์จ แต่ได้ยินมาว่า Accord 2013 ใช้เครื่องหัวฉีดตรงเข้าห้องเผาไหม้
ก็ขอให้มีเครื่องยนต์แบบนี้มาถึงตลาดไทยในเร็ววัน
หวังว่าฮอนด้าคงจะไม่ลากขายเครื่องบล็อค L ยาวแบบมหากาพย์ K20A นะ
ส่วนเกียร์อัตโนมัตินั้นอยากให้เอา CVT กลับมาวางเหมือนเดิม เพราะผมแฮบปี้กับ
เกียร์ลูกนี้มากกว่าสำหรับรถเล็กที่เน้นความต่อเนื่องในการขับไปมาในเมือง
ประหยัดน้ำมันในการคลานรอบต่ำๆ ช่วงเย็นเวลาเลิกงาน
-
และสุดท้าย หนูขอเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะได้อ๊ะป่าวเพ่!!!!
แบบว่า เผื่อมีหลุดมาเชียงกง แล้วผมเงินถึง จะสับลงแทนที่
เกียร์ลูกเดิมมันซะเลย ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆๆๆ
เอ้า!!! แถมท้ายนิดนึง ฮอนด้าครับ บริโอ้ยังมี MT มาให้เทส ทำไมรถในยุคถัดๆไปท่านจะไม่ลอง
จัด Jazz City Civic MT มาเป็นเดโมให้สิอมวลชนบ้างคร้าบ ท่านมีไพ่ แจ็ค ควีน คิง สิบ เอซ
อยู่พร้อมกันทั้ง 5 ใบในมือ ทำไมถึงหมอบโดยไม่เล่นต่อครับ
ช่างน่าเสียดายเป็นอย่างมากจริงๆ ขอบอก >:(
ที่เขียนมาเนี่ย สงสัยจะพูดไปสองไพเบี้ย เพราะคนใน Honda
เขาคงไม่มาอ่านหรอก แต่ขอสนอง NEED นิสนึง(ทำหน้าชั่วร้าย) ::)
(http://image.ohozaa.com/i/eef/AyUtZf.jpg)
ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านกันครับ :)
หากข้อมูลใดผิดพลาด หรือ รูปแบบการนำเสนอ รีวิวอาจจะมีแพทเทิร์นเหมือน
ของทางเว็บมากเกินไปแล้วไม่ถูกใจทีมงานและสมาชิกท่านไหน
ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย :(
หมดอันนี้ก็คงไม่มีรีวิวยาวๆ เขียนแล้วครับ ถ้ามีก็เป็นรถยืมจากญาติๆ
เพื่อนฝูงมาขับ แล้วทำบทความสั้นๆ แบบ ซิวิคไดเมนชั่น หรือ ไมตี้เอ็กซ์ ในหน้าเก่าๆ
สงวนลิขสิทธิ์ภาพถ่ายทุกชนิด
หากนำไปเผยแพร่ กรุณาลงเครดิตหรือลิ้งค์มาต้นฉบับด้วย
-
บทความที่เกี่ยวข้อง
ทดลองขับ Honda Jazz 2008-2009 by J!MMY
http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=673:-honda-jazz-2009-15-i-vtec-5at-&catid=63:b-segment-1300-1500-cc&Itemid=74 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=673:-honda-jazz-2009-15-i-vtec-5at-&catid=63:b-segment-1300-1500-cc&Itemid=74)
Review Honda Jazz CBU by NineKlao
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,20295.0.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,20295.0.html)
รวมมิตร Users Review & Voice ที่เคยเขียนไว้
2011 Toyota Prius TRD Spotivo
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,14867.0.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,14867.0.html)
2003 Honda Civic Dimension
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,17026.0.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,17026.0.html)
1980s Mercedes Benz E300 replace engine with Toyota 1JZ--GE
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,18357.0.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,18357.0.html)
1994 Toyota Hilux mighty-X
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,19409.0.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,19409.0.html)
2005 Honda Jazz i-DSI
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,22913.0.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,22913.0.html)
-
ขอบคุณครับ รีวิวได้มันส์มาก จาก ม.รังสิต เช่นเคย
ส่วนตัวเคยคิดเปลี่ยนจาก jazz idsi เป็นรุ่นนี้ แต่เมียถามว่า ถ้าเปลี่ยนจาก jazz GD เป็น GE ขับคันเก่าประหยัดกว่า
เออจริงแฮะ เลยอดซื้อรุ่นนี้
เคยขับของเพื่อนบ้าน ประทับใจในเรื่องความนุ่มนวลที่ดีกว่า GD อัตราเร่งดีกว่าเยอะ
-
ปาดได้แล้วใช่มั้ยครับ ;D
อ่านจบแล้ว ^ ^
ขอบคุณมากครับ :)
รีวิวได้ละเอียดสุดๆ ราวกับได้อ่านของคุณจิมมี่เลยครับ 8)
ผมชอบกระโปรงหน้าแบบฮอนด้าเหมือนกัน....มันสุดดี
-
epic จริงๆครับ ;D
ขอบคุณที่ทำมาให้ดูกัน
-
รีวิวได้สุดยอดมากเลยครับ ;D
ขอถามหน่อยครับว่าเท่าที่ผมเห็นมา MTเนี่ยเวลาขับแล้วรอบเครื่องจะสูงกว่าATค่อนข้างเยอะพอสมควรเลย มันจะทำให้เครื่องสึกหรอเร็วกว่าATมั้ยอ่ะครับ ถ้าเทียบกันในระยะยาว
อีกอย่างนึงก็คือ แล้วทำไมMTถึงประหยัดกว่าATทั้งๆที่รอบสูงกว่า จะว่าAT lossเยอะกว่าก็ไม่น่าจะแตกต่างกันขนาดนั้น :-\
-
รีวิวได้สุดยอดมากเลยครับ ;D
ขอถามหน่อยครับว่าเท่าที่ผมเห็นมา MTเนี่ยเวลาขับแล้วรอบเครื่องจะสูงกว่าATค่อนข้างเยอะพอสมควรเลย มันจะทำให้เครื่องสึกหรอเร็วกว่าATมั้ยอ่ะครับ ถ้าเทียบกันในระยะยาว
อีกอย่างนึงก็คือ แล้วทำไมMTถึงประหยัดกว่าATทั้งๆที่รอบสูงกว่า จะว่าAT lossเยอะกว่าก็ไม่น่าจะแตกต่างกันขนาดนั้น :-\
รอบสูงกว่า ไม่เคยมีผลขนาดนั้นหรอกครับ
แต่ความประหยัดนี่ มันยังเป็นเรื่องมิติพิศวงที่ยังหาคำตอบไม่ค่อยได้อยู่ทุกวันนี้
ขนาดเทสตามสถาบัน AT ได้ค่าสิ้นเปลืองดีกว่า MT แต่พอใช้งานจริง กลับให้ผลตรงกันข้ามซะงั้น
-
ขอบคุณครับ รีวิวได้สนุกมากๆเลย :D
-
:Dอย่กรู้เวลาก่รจองรุ่นนี้ว่านาน แค่ไหนครับ
:D
-
ขอบคุณครับ ;)
-
:Dอย่กรู้เวลาก่รจองรุ่นนี้ว่านาน แค่ไหนครับ
:D
ถ้าไม่ใช่ช่วงรถเปิดตัวใหม่ ประมาณ 1 เดือน
ช่วงนั้นจองเดือนมิถุนา พอนโยบายออก ก็รีบไปขอเปลี่ยนแปลงใบจอง
ได้รถเดือนต้นเดือนตุลาคม ขับมาได้ 2 สัปดาห์ เอาขึ้นที่สูงเลยครับ หนีน้ำ :P
เกียร์ธรรมดา รอนานกว่า อัตโนมัติพอสมควร เคยได้ยินมาอีกทีว่า
โรงงานจะรับออเดอร์ใบจองครั้งละมากๆ แล้วสั่งผลิตเป็นล็อตๆ ไป
-
อ่านเพลินเลยครับ
ขอบคุณครับ
-
ถามสั้นๆๆแต่ช่วยตอบยาวๆๆนะครับ
Prius กะ Jazz ความรู้สึกในการขับ ช่วงล่าง ต่างกันมากหรือเปล่าครับ?
เพราะรถคันต่อไปของผมผมมองๆๆJazz Gen3อยู่ครับ
เพราะผมพลาดJazzมา2คันแล้ว
ปี 07 ผมออกYaris เพราะ Jazz Gen1ปีนั้นเก่ามากแล้ว แถม Japanก็เปิดตัวใหม่Gen2 เลยซื้อ Jazzไม่ลง
และYaris G ที่ผมซื้อมันลด70,000บาท แถมพับเบาะเรียบแต่ไม่กว้างเท่า Jazz
ปี 11 ผมออกPrius เพราะ ดันไปบ้า Hybrid เลยมองข้ามJazz ไปเลย
++++ทั้งที่การออกรถผมทั้ง2ครั้ง แอบดู Jazz ทุกครั้งเลย+++ ผมบอกกะตัวเองเลยว่า Gen3 จะไม่ให้พลาดแน่ๆๆ
-
ขอบคุณครับ อ่านสนุกมากเลยทำเอาอยากกลับไปขับเกียร์ธรรมดาอีกครั้ง ขับทางไกลนี่มันส์จริงๆ แต่ต้องคิดตอนขับในเมืองรถติดแล้วปวดเข่าบวกกับให้แฟนขับได้ด้วยก็เลยต้องจัดเกียร์ออโต้มา
-
เกียร์ธรรมดาของ Honda มันขับได้สนุกมากๆ :D
ขอบคุณสำหรับสุดยอดรีวิวครับ
ผมขับมาแต่ฝาแฝด Jazz ได้แก่ City S M/T
หลังจากใช้ชีวิตอยูกับ Sunny Neo GL M/T มา6ปี รู้สึกระอากับความเมื่อยและอาการเจ็บของหัวเข่าซ้าย
มันเจ็บชัดเจนมาก ในช่วงสอบ กพ. ที่ จ.เชียงใหม่
จนต้องขอหม่าม้าซื้อรถ A/T โดยฉับพลัน
จนกระทั่งได้ขับ City M/T ของพี่เขย
มันทำให้ผมรู้สึกอยากกับไปขับรถ M/T อีกครั้ง!! กับรถ Honda
(อารมณ์เดียวกับ 14 อีกครั้งนั่นหล่ะ!! แต่ไม่เคยคิดจะกลับไปขับ Sunny Neo M/T นะ)
Honda M/Tอีกรุ่นที่เคยขับเล่นคือ Civic FD E M/T รุ่นหายากปี2006
ได้ขับทางไกล เชียงใหม่-ลำปาง มันสุดยอด แต่พอมาคลานในเมือง เจ็บเข่าเหมือนกัน เพราะเจ้ารถคันนั้นไมล์ปาเข้าไป 150000แล้ว
แต่ยังใช้ชุดคลัตซ์ติดรถชุดเดิมซึ่งไม่เคยเปลี่ยน
อย่างไรก็ตามขอบคุณสำหรับรีวิวอีกครั้ง ;D
-
อ่านแล้วทำให้นึกถึงรถคันเก่า
ข้อเสียของรถรุ่นนี้คิดเหมือนกันครับ
แต่ที่ผมเคยใช้ มันไม่ค่อยประหยัดน้ำมันเท่าไหร่นะ
-
รีวิวสนุกมากครับ ทีทริคเล็กๆน้อยๆแถมด้วย :D
-
ขอบคุณมากครับ
รีวิวนี้ เจ๋งมาก
Best ถ้าวันไหนว่าง และพี่ไม่ว่าง เอารถไปทำรีวิวแทนพี่ได้แล้วนะเนี่ย
เป๊ะมาก!
ถือเป็นรีวิวที่ผม การันตี ให้ครับว่า เป็นรีวิวที่ดี และเชื่อถือได้ อีกรายการหนึ่งในปีนี้
-
มีตัวแทนพี่จิมแล้ว ดีครับพี่จิมจะได้ไม่เหนื่อยมาก รีวิวได้เยี่ยมที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา และเป็น User voice ที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปี
-
ขออภัยที่เข้ามาตอบช้านะครับ
เผอิญไปสอบคุรุสภามา รีบเบิ่งรถไปศูนย์สอบที่เพชรเกษมแต่เช้า
แถมวันนี้รู้สึกว่าตัวเองขับรถได้จังไรมาก
เลยไปดับร้อนในกาย ที่สระว่ายน้ำ ม.เกษตร จึงกลับมาช้า :P
ถามสั้นๆๆแต่ช่วยตอบยาวๆๆนะครับ
Prius กะ Jazz ความรู้สึกในการขับ ช่วงล่าง ต่างกันมากหรือเปล่าครับ?
เพราะรถคันต่อไปของผมผมมองๆๆJazz Gen3อยู่ครับ
เพราะผมพลาดJazzมา2คันแล้ว
ปี 07 ผมออกYaris เพราะ Jazz Gen1ปีนั้นเก่ามากแล้ว แถม Japanก็เปิดตัวใหม่Gen2 เลยซื้อ Jazzไม่ลง
และYaris G ที่ผมซื้อมันลด70,000บาท แถมพับเบาะเรียบแต่ไม่กว้างเท่า Jazz
ปี 11 ผมออกPrius เพราะ ดันไปบ้า Hybrid เลยมองข้ามJazz ไปเลย
++++ทั้งที่การออกรถผมทั้ง2ครั้ง แอบดู Jazz ทุกครั้งเลย+++ ผมบอกกะตัวเองเลยว่า Gen3 จะไม่ให้พลาดแน่ๆๆ
ในฐานะผมที่เคยขับทั้ง Prius Jazz และ Yaris
ถ้าคุณหมออยู่กับยาริสได้ ก็อยู่กับ Jazz ได้ไม่ยาก
ความตึงตังในระดับพอๆ กัน แต่ Jazz ภาษีตรงนี้ดีกว่าหน่อย
ส่วน Prius ถึงจะเป็นคานบิด แต่ก็เป็นคานบิดที่เซ็ตมาได้ดี
ทั้งการดูดซับแรงกระเทือน การทรงตัว ถ้าเอารถโตโยต้าในอดีตมาวัดด้วยแล้ว มันเกินคาดมาก
Honda Jazz กับครอบครัว สามพ่อแม่ลูก พอได้ ไม่อึกอัด เหลือด้วยซ้ำไป
แต่การที่จะมาเล่นอีกรอบ พี่ต้องเอาความรู้สึกสมัยตอนอยู่กับยาริสมาใช้
เพื่อดูเชิงว่าจะรับได้กับความตึงตังที่เพิ่มขึ้นจาก Prius ได้ไหม
ขอบคุณมากครับ
รีวิวนี้ เจ๋งมาก
Best ถ้าวันไหนว่าง และพี่ไม่ว่าง เอารถไปทำรีวิวแทนพี่ได้แล้วนะเนี่ย
เป๊ะมาก!
ถือเป็นรีวิวที่ผม การันตี ให้ครับว่า เป็นรีวิวที่ดี และเชื่อถือได้ อีกรายการหนึ่งในปีนี้
ยินดีครับพี่
ขอบคุณที่เข้ามาติชมครับ :)
-
;D อ่านแล้วเพลินครับ ขนาดตัววเองก็ใช้ Jazz อยู่
-
เยี่ยมไปเลยครับ นั่งอ่านจนจบ
จขกททำให้ผมอยากขับรถเกียร์ธรรมดาขึ้นมามาก ตัวนี้เปลี่ยนล้อก็สวยแล้ว งามมากๆครับ
-
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกัน ;D
ว่าแล้วต้องเผลอทำรูปตกไปจนได้
แก้ไข ความเห็นที่ 46 ครับ
น้ำมัน 1 ถัง วิ่งในเมืองไปได้เท่าไหร่กัน
(http://i124.photobucket.com/albums/p37/Firewars/Honda%20Jazz%202011/IMG_0188-1.jpg)
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,23097.msg354839.html#msg354839 (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,23097.msg354839.html#msg354839)
-
ขอบคุณมากครับ
รีวิวนี้ เจ๋งมาก
Best ถ้าวันไหนว่าง และพี่ไม่ว่าง เอารถไปทำรีวิวแทนพี่ได้แล้วนะเนี่ย
เป๊ะมาก!
ถือเป็นรีวิวที่ผม การันตี ให้ครับว่า เป็นรีวิวที่ดี และเชื่อถือได้ อีกรายการหนึ่งในปีนี้
เห็นด้วยเลยครับพี่จิมมี่ จะได้ทำให้หลายรายการที่มีผู้คนสนใจเยอะๆได้อ่านกันเร็วๆขึ้นด้วย รึเป็นแบบมินิรีวิวกันก่อนเรียกน้ำย่อยก็ได้ รถคันเดียวกันแต่รีวิวกันคนละคนก็ให้ความรู้สึกแตกต่างกันได้ ของพี่จิมมี่ก็ถือเป็นอาหารหลัก ของท่านอื่นก็เป็นของหวานผลไดม้ช่วยเติมเต็มให้อาหารมื้อนั้นสมบูรณ์มากขึ้น
-
ขอบใจนะ้น้องชายสำหรับความตั้งใจนำเสนอบทความนี้
คนสมัยนี้ไม่ค่อยจะมีใครสนใจรถเกียร์ธรรมดาแล้วเพราะ
ค่อนข้างรักความสบาย นี่คือตัวอย่างของการรู้จักคิดและ
วิเคราะห์หาเหตุและผล แล้วเราจะรู้ว่าเหตุใดชาวยุโรป
ถึงยังคงนิยมชมชอบการขับรถเกียร์ธรรมดาอยู่อีกจำนวนมาก
-
รีวิวได้ สุดยอดมากๆครับ
เก่งจริงๆครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวสุดยอดครับ
WOW WOW WOW :D
-
ขอบคุณมากครับ
เป็นรีวิว ที่อ่านสนุกและเพลินดีจริงๆ
Jazz ยังเป็นรถขวัญใจมหาชน คนรักท้ายตัดเสมอครับ
แต่ท่าน จขกท.ใช้ชีวิตในเมืองแท้ๆยัง ใช้ M/T แสดงว่า
เป็นคนรักการขับรถ เพื่อความบันเทิง อย่างแท้จริงเลยนะเนี่ย
-
ขอบคุณมากครับ
เป็นรีวิว ที่อ่านสนุกและเพลินดีจริงๆ
Jazz ยังเป็นรถขวัญใจมหาชน คนรักท้ายตัดเสมอครับ
แต่ท่าน จขกท.ใช้ชีวิตในเมืองแท้ๆยัง ใช้ M/T แสดงว่า
เป็นคนรักการขับรถ เพื่อความบันเทิง อย่างแท้จริงเลยนะเนี่ย
ผมยินดีที่จะเมื่อยขาอีก 10-20% แต่แลกมากับความสุขที่เพิ่มขึ้นอีก 150-200% ครับ
อันที่จริง ก็พอมีวิธีหลบเลี่ยงไม่ให้มันเมื่อยจนเกิดเหตุได้อยู่ อย่างเวลาไหลเอื่อยๆ ตามคันหน้า
ผมจะถอนคลัตช์ออกหมด แล้วปล่อยให้ลิ้นปีกไฟฟ้า ทำหน้าที่เปิดอากาศของมันไป
-
ขอบคุณครับ อ่านเพลินดีจริงๆ ;D
-
เข้ามาหาข้อมูล Jazz MT ครับ
เพราะโมโหที่ Swift MT กำลังจะโดนตัด ABS และ EBD
-
เข้ามาหาข้อมูล Jazz MT ครับ
เพราะโมโหที่ Swift MT กำลังจะโดนตัด ABS และ EBD
ใจเย็นๆ ครับ อย่าพึ่งรีบร้อนถอนจอง
รออีกซักพัก เดี๋ยวรถก็มาแล้ว
และผมไม่ค่อยเชื่อถือข้อมูลเซลล์หรอกครับว่ามันตัด 2 ตัวนี้ทิ้งทั้งๆ
ที่ในเกียร์อัตโนมัติ มีครบทุกรุ่น
-
กำลังสนใจจะออกเป็นรุ่นนี้เหมือนกันครับ Review ช่วยตัดสินใจเยอะๆมากๆเลย ขอบคุณมากครับ
ว่าแต่เพื่อนๆมีศูนย์แนะนำบ้างไหมครับว่าออกที่ไหนดีครับ
-
ขอบคุณมากๆครับ ยาวสะใจ เพิ่งอ่านจบ อ่านตั้งแต่เมื่อคืน มาต่อคืนนี้ อิอิ
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวน่ะครับ กำลังอยากอ่านพอดี ยาวกว่าที่คิด แต่อ่านเพลินรวดเดียวจบ :o
อยากใช้ชีวิตกับรถ MT ขับมันส์แบบนี้บ้าง อิจฉา ;D
-
บทความเสริม
แฉให้ฟัง หลังเข้าศุนย์ พระนครฮอนด้า เกษตรตัดใหม่
รถของเรานั้น นอกจากต้องใช้งานมันอย่างคุ้มค่าแล้ว ก็ควรต้องดูแลมันด้วย
และแน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เก่งเรื่องการดูแล
รักษารถ ต่อให้เป็นเรื่องพื้นฐาน ที่ทางเว็บพยายามทำเทป
มาให้ชาวโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คได้รับรู้กัน
อย่างการเช็คลมยาง ยกแม่แรง เปลี่ยนยาง ดูน้ำดับน้ำต่างๆ
แต่ถึงจะไม่รู้เรื่องรถเลย คุณก็ยังมี บริการหลังการขายจากศูนย์บริการมาตรฐานอยู่ดี
เพราะมันทำให้ได้บันทึกข้อมูลการรับบริการเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการซื้อขายมือ 2 ในอนาคตได้
แม้ราคาค่าแรงช่างในปัจจุบันจะสูงเกินเหตุไปบ้าง
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ทุกศูนย์บริการที่จะดีเสมอไป
เฉกเช่นที่ผมจะหยิบยกศูนย์บริการแห่งหนึ่ง มาให้ชมกัน
-
ผมได้นำรถ Honda Jazz เข้ารับบริการที่ ศุนย์ พระนครฮอนด้าออโตโมบิล สาขาเกษตรตัดใหม่
เมื่อวันเสาร์ที่ 28 ก.ค. 2555 โดยโทรนัดล่วงหน้าแต่วันอังคารที่ 24 ก.ค. เพราะเชื่อว่า
การที่โทรนัด จะช่วยให้รถเสร็จไวขึ้น เนื่องจากสมัยก่อน ยังเป็นนักศึกษา และชอบลงทะเบียน
เรียนแบบอัดคาบเรียนเข้าไปในวันเดียวกันเยอะๆ
จะได้มีวันพักผ่อนต่อสัปดาห์ มากกว่าคนอื่น จึงชอบขับเข้าศูนย์ไปแบบ Walk-in
ทำให้ต้องนั่งรอกันยาวตั้งแต่เช้ายันบ่ายสอง บ่ายสาม
ก็ประเมิน ระยะ10,000 โลไว้ที่ไม่เกิน 1 ชม แบบ Fast Tech
เข้าเวลา 10.00 แล้วเสร็จประมาณ 11.00น.
เหตุผลในการเลือกศูนย์บริการนี้ ลองของเฉยๆครับ ผมเป็นคนตระเวนหา
ศูนย์บริการในรัศมีไม่ไกลเกิน 30 กิโลเมตร ไปเรื่อย เจอดีบ้าง แย่บ้างปนกันไป
บางที่แรกๆ ดี ผ่านไปซักพักเริ่มมีสับขาหลอกเรื่องอะไหล่
ถ้าต้องให้คะแนนที่ผ่านๆ มา ก็ให้ที่ ไม่ 8 ก็ 9 จากเต็ม 10
พอวันเสาร์ ขับเข้าไป รับรถ เช็คความเรียบร้อย เข้าขั้นตอนประเมินราคา โดน First Impression ก่อนเลย
พี่ คือตอนนี้รถเยอะมาก ต้องรับบ่ายสองนะครับ
อ้าว ไหนว่าฟาสเทค เสร็จ 11 โมงไง แถมนัดล่วงหน้าตั้งหลายวัน
ทำไมระยะเวลาถึงไม่ต่างจากการมาเข้าแบบ Walk-in เลย รถผมถูกปนคิว
ไปกับรถที่เข้ามาโดยไม่นัดล่วงหน้าไปโดยปริยาย เริ่มมีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย >:( >:( >:(
-
เข้าสู่การประเมินแจ้งราคา ประกอบด้วย
-ค่าแรง ฟรี
-น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ 0W-20 3.4 ลิตร 884 บาท
-แหวนรอง 12 บาท
-ค่าน้ำยาล้างหัวฉีด 900 กว่าๆ
-สลับยาง ถ่วงล้อฟรี
-รวมประมาณ 1800 กว่าบาทได้
ผมเคยปริ๊นตาราง 10000 โล มาดู มีแค่ น้ำมันเครื่องอย่างเดียว
จึงสั่งให้ตัดน้ำยาล้างหัวฉีดทิ้งทันที เป็นค่าใช้จ่ายเสริมที่หลอกได้เฉพาะ
คนไม่รู้เรื่องรถเท่านั้นแหล่ะ ลำพังเจอแก็สโซฮอลล์ E20 หัวฉีด
ก็โล่งจนไม่ต้องไปล้างแล้ว
จากนั้น ผมบอกให้เพิ่มกรองน้ำมันเครื่อง 224 บาท เข้าไปแทน
แต่ก็ยังไม่วาย คิดค่าแรงเปลี่ยนกรองอีก 88 บาท -*-
ก่อนเข้าศูนย์ ผมได้กระทำการอย่างหนึ่ง ที่แอบดูเหมือนเป็นการดูถูกจรรยาบรรณช่างไปหน่อย
แต่ก็ทำไปแล้ว เนื่องจากผมไม่เห็นรถตัวเองตอนโดนขึ้นเขียง ด้วยความระแวงจึงทำแบบนี้
(http://upic.me/i/rc/img229.jpg)
(http://upic.me/i/le/img232.jpg)
-เอาเมจิกถาวรไปมาร์คไว้ที่กรองน้ำมันเครื่อง ล้อแม๊กซ์ด้านใน
-เอาก้านวัดน้ำมันเครื่องก่อนถ่ายมาหยดลงบนกระดาษขาวเพื่อเทียบสีกับตัวเปลี่ยน
รอบหน้าอาจจะเปลี่ยนเป็น แต้มสีทาบ้าน ที่กรองน้ำมันเครื่องแทน เพื่อความมั่นใจ
เพราะเมจิกยังหาน้ำมันก๊าด มาลบได้อยู่
การพูดจาของเจ้าหน้าที่ กลางๆ อยู่ในระดับภาษาพูดทั่วไป มารยาทดีใช้ได้
ไม่ได้ถึงขั้นสุภาพเว่อร์ หรือห้วนๆ ไม่น่าฟังจนเกินไป
ระหว่างนั่งรอ สิ่งอำนวยความสะดวกภายใน ประกอบด้วย
1. Wi-Fi ของศูนย์ ขอรหัสที่แคชเชียร์
2. Internet Cafe 3 เครื่อง เล่นฟรี
3. มุมพักผ่อน ตู้หนังสือนิตยสาร หนังสือพิมพ์รายวัน
4. ทีวีจอยักษ์ พร้อมเคเบิ้ล TrueVision
5. บูทของทานเล่น ซึ่งถูกใจสุดๆ มีทั้ง กาแฟ น้ำหวาน ลูกชิ้นเสียบไม้(มีเวฟให้อุ่น)
บะหมี่ถ้วย ขนมปังปิ้ง และป็อปคอร์นรสสาหร่าย มีเติมตลอดไม่ขาดสาย
เหล่า Facilities ที่จัดสรรค์มาให้นี้ ถือว่าช่วยให้ผ่อนคลายได้บ้าง
เนื่องจากรอบๆ ศูนย์ นอกจากไม่มีแหล่งบันเทิงเช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าสะดวกซื้อแล้ว
มีรถเมล์ผ่านสายเดียว และมาทุกครึ่งชั่วโมง
ด้วยความโมโหที่ถูก late ยันบ่ายสอง จึงทำการยึดบริเวณโต๊ะคอมไว้ 1 โต๊ะ
พร้อมด้วยขนมนมเนยจำนวนมาก นั่งกินไปเล่นเน็ตไปสบายใจเฉิบ
-
จนกระทั่งถึงเวลารถเสร็จ ก็ถึงขั้นตอนค่าใช้จ่าย
น้ำมันเครื่อง 0W-20 จากเดิมถ่าย 3.4 เป็น 3.6 ลิตร 936 บาท
แหวนรองน็อตถ่ายขนาด 11 มิลลิเมตร 12 บาท
ไส้กรอง 224 บาท
ค่าแรงไส้กรอง 88 บาท
สลับยาง ตั้งศูนย์ฟรี
รวม 1,260 บวกภาษี 7% จบลงที่ 1,348 บาท
หลังจากมุดใต้รถ
น้ำมันเครื่อง เปลี่ยนจริง
ไส้กรอง เปลี่ยนจริง ล้อก็สลับจริง
แถมจากการขับปล่อยมือที่ความเร็วประมาณ 80
ตั้งศูนย์แม่นยำกว่าร้านยางอีก(ฮา) เพราะก่อนหน้านี้ ผมเอารถไปใส่สปริงโหลดมา
ว่าด้วยเจ้าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ 0W-20 ตัวนี้ อัตราเร่งลื่นไหลดีเลยทีเดียว น้ำมันใสหนืดกลางๆกำลังดี
เหมาะสำหรับรถใหม่ ขับแบบ Everyday Use ใช้ได้ทั้งสภาพเมืองจราจรติดขัด หรือออกต่างจังหวัดเป็นประจำ
แต่ไม่ได้เป็นคนตีนหนัก เน้นใช้ความเร็วคงที่ แค่บู๊เต็มคันเร่งบ้างเป็นบางกรณีเท่านั้น
ถ้าใครใช้รถฮอนด้า เลขวิ่งยังไม่ขึ้นหลักแสน แล้วนึกไม่ออกว่าจะเอาตัวไหน
อย่าไปคิดให้เยี่ยวเหนียว เอาตัวนี้แหล่ะครับ ง่ายสุดสำหรับทุกคน
สำหรับใครที่รถเก่า วิ่งได้เลขหมื่นปลายๆ หรือทะลุหลักแสนไปแล้ว
ทางศูนย์ยังมี 5W-30 ลิตรละ 190 ขายอยู่นะครับ
ส่วนถ้าใครคิดว่า ชีวิตนี้ต้องสังเคราะห์เท่านั้น เอาเป็นว่าถ้าการเปลี่ยนถ่าย
ของท่านไม่กระทบเงินในกระเป๋าตัวเองและ ผู้อื่น ก็ใช้ไปเถอะ เพราะยังไงซะ
การถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลากำหนด มันก็ดีสำหรับเครื่องยนต์แน่นอน
แต่สำหรับผม กึ่งสังเคราะห์ พอแล้ว
สรุปแล้วสำหรับที่นี่
มารยาทพนักงาน ดี สุภาพ แต่งกายสะอาดสะอ้าน ช่างแต่งตัวรัดกุม
ใส่ถุงมือ รองเท้าหุ้มส้น มีความ Safety สูง
สิ่งอำนวยความสะดวก ก็ดีใช้ได้ ครบครัน ฆ่าเวลาได้เยอะ
ค่าใช้จ่าย ถ้ายังไม่รวมค่าแรง ถือว่าถูกเลยแหล่ะสำหรับรถญี่ปุ่น แต่เมื่อพ้นช่วงฟรี แล้วคิดชั่วโมงละ 400 ค่าเซอร์วิส 40 บาท
เป็น 440 ล่ะก็ โหดใช่ย่อย อนาคตยังไม่แน่ใจว่าจะเอายังไงดี หากค่าแรงยังสูงอย่างนี้อยู่
อาจจะพิจารณาหาซื้อแม่แรงแบบตะเข้ แล้วยกรถเพื่อเปลี่ยนถ่ายเองเลยดีกว่า
แต่นั้นก็ต้องแลกมาด้วยการไม่ได้ลายเซ็นต์และการบันทึกข้อมูลจากศูนย์บริการ
"ส่วนที่ติมากที่สุดคือ ระยะเวลาในการรับบริการ ยาวนานมากเกินไป
การโทรนัดล่วงหน้าไม่ได้ช่วยให้ได้รถเร็วขึ้นแต่อย่างใดเลย
เพราะตอนที่เอา Toyota Prius ไปเช็ค 10000 โล ศูนย์ที่ไปเข้า รถเยอะกว่ามาก
แถมเนื้อที่ก็น้อยกว่า แต่พอตัดเวลาพักกินข้าวของช่างออกไป เบ็ดเสร็จ เอารถเข้าศูนย์แค่ 2 ชั่วโมงเอง
สิ่งที่พบในศูนย์โตโยต้าครั้งนั้นคือแม้รถเยอะ ก็ยังสามารถจำแนกได้ว่า ลูกค้าคนไหน
ใครจองล่วงหน้า ก็ได้เช็คตามคิว ใครมาโดยไม่นัด ก็ต้องไปรออยู่อีกโซนนึง โดยทิ้งรถเป็นวัน"
ล่าสุดฝ่ายบริการโทรมาสอบถาม ก็ได้ทำการติติงไปเรื่อง
การจัดเวลาไป แต่ไม่รู้ว่าจะถูกนำไปแก้ไขในอนาคตไหม
สุดท้ายรวมๆ สำหรับศูนย์นี้ เต็ม 10 ให้ 7.5 ครับ หัก 2.5 คะแนนเรื่องเวลา
แต่อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่เจอแบบผมก็เป็นได้ บางคนเข้าศูนย์นี้ ได้รับการบริการชนิดปูพรมแดง
ในขณะที่อีกคนเข้าศูนย์เดียวกันกับคนแรก แต่ดันซวยเจอพนักงานมารยาทแย่ หรือเอารถไปทำแล้วไม่สมบูรณ์ก็มีเหมือนกัน
แต่รวมๆเฉลี่ยกันแล้วมารยาท การบริการ การวิเคราะห์อาการ ยังอยู่ในเกณฑ์หัวแถวเมื่อเทียบกับดีลเลอร์หลายๆเจ้า
มีที่โผล่แย่ๆ ถึงขั้นขึ้นบัญชีหนังหมากันประมาณ 3-4 แห่ง ซึ่งยังถือว่าน้อย พอหลบเลี่ยงได้
ก็เลยทำให้ลูกค้าฮอนด้าหลายคนที่ไม่สันทัดหรือมีความรู้เรื่องรถก็ตาม
ยินดีที่จะเข้ารับบริการกับศูนย์แม้ค่าแรงจะมหาโหดถึง 440 บาทต่อชั่วโมง
และด้วยค่าแรงที่สูงเกินเหตุนี้ ก็ทำให้มีบ้าง ที่ลุกค้าบางรายยอมทนเสียตังจนครบอายุรับประกัน 3 ปี
แล้วโบกมือลาศูนย์ฮอนด้าไปทำข้างนอกแทน
บางคนยังไม่ทันถึงหมื่นโลเปลี่ยนข้างนอกก็มี(อันนี้ส่วนมากจะลูกค้าบ้ารถหน่อยๆ)
ยังไงก็ขอให้ปรับปรุงเรื่องค่าแรงนิดนึง ส่วนตัวที่ 300-350 บาทยังถือว่ารับได้สำหรับผม
สุดท้าย เหตุที่ผมสามารถควมคุมค่าใช้จ่ายรถคันนี้ได้ เพราะได้เว็บนี้ช่วยเหลือครับ
http://www.honda.co.th/owner/main.php?m=periodical (http://www.honda.co.th/owner/main.php?m=periodical)
มีบอกหมด ที่ระยะทางเท่านี้ เช็คอะไรบ้าง อยากให้ตัดหรือเพิ่มอะไรเราก็ไปบอกช่างอีกทีนึง
และนี่คือสิ่งที่บริษัทรถหลายๆเจ้ายังไม่ยอมทำกันซักที เท่าที่ดูตอนนี้ มีแค่ Honda กับ Ford
เท่านั้นที่มีตารางเช็คระยะให้ศึกษาก่อนเข้ารับบริการ
อ่อ แล้วก็เท่าที่ดูมา มีเพียง HONDA เจ้าเดียวเท่านั้นที่ขายน้ำมันเครื่องแบบใช้ถังใหญ่ 200 ลิตร
เปลี่ยนถ่ายตามปริมาณจริง
เจ้าอื่นยังคงใช้การเบิกน้ำมันเป็นแกลลอนๆ อยู่ ถ้าเหลือ ก็เอาไปทำอะไรไม่ได้
แต่ถ้าขาดไปอีก 0.1-0.2 ลิตร ก็ต้องจ่ายสำหรับซื้อกระป๋องเล็ก 1 ลิตรเพิ่ม
ก่อนหน้านี้ โตโยต้า พรีอุส ที่บ้านผม เครื่อง 1.8 เปลี่ยนถ่าย 4.2 ลิตร
ใช้แบบกึ่งสังเคราะห์ 4 ลิตร ขนาด 800 บาท กับ 1 ลิตร 210 บาท
เท่ากับว่า ผมต้องเสียเงินไป 157.5 บาท ไปฟรีๆ และทางศูนย์ ไม่ส่งกระป๋องน้ำมันที่เหลือมาให้
ผมก็ลองจินตนาการภาพเอาว่า มีพรีอุส 5 คันเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกัน
เปลี่ยนถ่าย 4.2 ลิตร โดยทั้ง 5 คัน ต้องจ่ายคนละ 210 บาท สำหรับการซื้อน้ำมันเครื่องเพิ่ม 1 ลิตร
แต่ศูนย์อาจใช้วิธีลักไก่คือ เก็บเงินลูกค้าทั้ง 5 คน รวมเป็น 1050 บาท
และเบิกมาแค่ขนาด 1 ลิตร กระป๋องเดียว แบ่งจ่ายคันละ 200ซีซี ก็เติมได้ครบถ้วนหน้าทุกคันพอดี
ฟันกำไรเข้ากระเป๋าไป 787.5 บาท สบายๆ
ที่เขียนมานื้ ยอมรับว่างกและหวาดระแวงศูนย์บริการ ณ ปัจจุบันนี้ แต่ผมเป็นลูกค้าของท่าน
ผมมีสิทธิ์ที่จะระมัดระวังตัวและป้องกันการศูนย์เสียค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็นครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกัน :)
-
Honda ศูนย์บริการเป็นทุกแห่งหรือเปล่าไม่แน่ใจนะครับ กับการยัดเยียดพวกน้ำยาล้างหัวฉีด น้ำยาล้างเครื่องยนต์ประมาณนี้ แล้วทำให้ลูกค้าต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 2 พันจากราคาปกติ (แต่ ศูนย์ HOnda คลองสาม คลองหลวง ที่ผมเข้าเช็คระยะ 2 หมื่นโล ไม่มียัดเยียดของพวกนี้ครับ )
-
Honda ศูนย์บริการเป็นทุกแห่งหรือเปล่าไม่แน่ใจนะครับ กับการยัดเยียดพวกน้ำยาล้างหัวฉีด น้ำยาล้างเครื่องยนต์ประมาณนี้ แล้วทำให้ลูกค้าต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 2 พันจากราคาปกติ (แต่ ศูนย์ HOnda คลองสาม คลองหลวง ที่ผมเข้าเช็คระยะ 2 หมื่นโล ไม่มียัดเยียดของพวกนี้ครับ )
นาทีนี้ สำหรับศูนย์ฮอนด้า มีไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ล่ะครับ ที่ทำแบบนี้
ใครหลบได้ก้หลบครับ หากไม่จำเป็น
-
ตอนผมเช็คหมื่นโลสั่งเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องด้วยไม่เสียค่าแรงนะ ผมเข้าที่ฮอนด้ารัตนาธิเบศน์ นัดคิวล่วงหน้าแต่ไม่ได้จอง fast tech ถ่ายนำมันเครื่องอย่างเดียวไม่เกิน2ชม. พร้อมล้างทำความสะอาดทั้งภายนอกภายในเรียบร้อยด้วย
-
เป็นเหมือนผมเลย ขนาดโทรไปนัดเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาเข้ารับบริการนี่ก็ยังช้าอยู่ดี - -"
สำหรับศูนย์นี้ (สาขาเกษตรตัดใหม่) ผมให้แค่ 5 เต็ม 10 เนื่องจากเจอปัญหาหลายอย่างกับช่างที่ทำงานไม่ละเอียดเท่าที่ควรครับ
นอกนั้นผมให้ดีเยี่ยมเลย :)
-
ตอนผมเช็คหมื่นโลสั่งเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องด้วยไม่เสียค่าแรงนะ ผมเข้าที่ฮอนด้ารัตนาธิเบศน์ นัดคิวล่วงหน้าแต่ไม่ได้จอง fast tech ถ่ายนำมันเครื่องอย่างเดียวไม่เกิน2ชม. พร้อมล้างทำความสะอาดทั้งภายนอกภายในเรียบร้อยด้วย
แต่ละดีลเลอร์มีนโยบายในการบริการแตกต่างกันไปครับ
อย่างสาขาเกษตรตัดใหม่ จับเปลี่ยนตามตาราง
แต่ถ้าบางสาขา เช่น ตรงข้ามฟิวเจอร์ปาร์ค
จับเปลี่ยนถ่ายพ่วงไส้กรอง ทุกหมื่นโล ไม่บวกค่าแรงเพิ่ม
-
เป็นรีวิวที่ยอดเยี่ยมมากครับ การใช้ภาษาชวนติดตามน่าอ่าน อะไรที่อยากรู้ใส่มาให้ครบ รูปก็ชัดเจนไม่เล็กไม่ใหญ่ไป ชอบมากๆครับ ขอบคุณที่สละเวลาทำมาให้อ่าน ผมว่า web นี้มีคนรักรถที่เป็นนักเขียนเก่งๆ หลายๆคนนะครับ ส่วนเรื่องอุปกรณ์ความปลอดภัยผมเห้นด้วยว่าเกียร์ธรรมดา ขอให้อย่างน้อยมา abs ebd ถุงลมมาให้บ้าง นี่เห็นบางรุ่นตัดออกเกลี้ยงเลย เช่นตอนนี้ผมดูๆรถ 1200 เกียร์ธรรมดา ชอบรูปร่าง march แต่ไม่มี ABS mirage ไม่ชอบรูปร่างเท่าไหร่มี ABS ให้ ส่วน brio ผ่านครับไม่ชอบ
-
อิอิ ;D
-
;D
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ รีวิวได้ดีเหมือนเดิม :D
ขอถามนิดนึงครับ modulo 16 + ยาง ราคาประมาณเท่าไหร่ครับ
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ รีวิวได้ดีเหมือนเดิม :D
ขอถามนิดนึงครับ modulo 16 + ยาง ราคาประมาณเท่าไหร่ครับ
ล้อ วงละ 3700 รวม 4 วง +VAT อยู่ที่ 15,900
ผมหาสั่งร้านข้างนอกแทน ได้มาชุดละ 14,000
ยางใส่ร้านแถวรังสิตคลอง 3 Marshal MU11 205/50 R16 เส้นละ 2,200
ยางสำหรับล้อ 16x6 นิ้ว หายาก และมีแต่พวกยางประหยัดน้ำมัน เลยไปคบหายางเกาหลีแทน
-
Jazz s/mt มีเซนเซอร์ถอย4จุด มาจากศูนย์เลยเหรอครับ
ทำไม city s/mt มันไม่มีดิสหลังเหมือน Jazz มั้งหว่าาาา
สนใจอย่างแรงงงงงงง!!! Jazz s/mt 8) 8)
-
เป็นรีวิวที่ดีมากๆเลยครับ แถมได้เห็นฉากหลังสวยๆในมหาลัยด้วย (ผมศิษย์เก่ามรส.เหมือนกัน ไม่ได้เข้ามหาลัยหลายปีแล้ว อิอิ)
ส่วนตัวเล็ง GE ไว้เหมือนกัน แต่กว่าจะได้ซื้อจริงคงอีก 2-3 ปี (ตอนนั้น Jazz/Fit Gen3 อาจจะออกแล้ว) ผมมองว่าเป็นรถที่อะไรหลายๆอย่างเหมาะสมที่สุดในกลุ่มนี้แล้ว (ความเห็นส่วนตัว)
ขอถามเพิ่มเป็นความรู้อีกนิดนึง รุ่นที่ผมเล็งเป็น SV (ใช่รุ่นย่อยนี้รึเปล่าหว่า? ที่มี Paddle Shift น่ะครับ) และคิดไว้คร่าวๆว่าหากได้มาคงจับใส่ Cruise Control เพิ่ม แต่ขอถามเพิ่มว่ามันสามารถจับใส่ได้เลยมั้ยครับ? รวมถึงพวกก้านคุมที่ปัดน้ำฝนแบบมีหน่วงเวลา เห็นของสเป็คญี่ปุ่นมีแต่ไทยไม่มี อันนี้สามารถจับใส่ได้เลยมั้ยครับ?
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
-
ขอบคุณครับ