Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Pan Paitoonpong ที่ สิงหาคม 01, 2012, 00:00:08
-
http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=4140:Thailand-got-Turbo-Low-Boost-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9ATiida-1-6-%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2&catid=29:fart-a-furious&Itemid=156 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=4140:Thailand-got-Turbo-Low-Boost-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9ATiida-1-6-%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2&catid=29:fart-a-furious&Itemid=156)
คำแนะนำ: ถ้าอ่านทีเดียวไม่หมด Bookmark นะครับ มันยาว..555
มีคลิปประกอบให้นะจ๊ะ
Nissan Tiida with bolt-on turbo (http://www.youtube.com/watch?v=BEk6Fq9Ah-A#)
-
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.
รถเดิมเปิดแอร์ - 11.7 วินาที
หลังเซ็ตเทอร์โบ เปิดแอร์ - 9.1 วินาที
หลังเซ็ตเทอร์โบ ปิดแอร์ - 8.9 วินาที
แรงขึ้นเห็น ๆ เครื่อง 1.6 ทำได้ 9 วิ
แม่เจ้า
-
กำลังง่วงๆ ตื่นเลยครับ จัดหนักจริงๆครับ ขอบคุณครับท่าน สำหรับบทความดีๆมันสๆ :D :D :D :D
-
เจ๋งครับคุณแพน อ่านมันส์เหมือนเดิม ;D ;D ;D
-
ขอจ่อคิวรอ
-
Bookmark ไว้ๆ โหยหามานาน มีความต้องการแบบนี้เป๊ะๆเลย
-
สุดยอดมากๆครับ
-
อ่านจบแล้ว ดูเวลาโครตดึกเลย 8)
อ่านแล้วท้อแทนตอนเลือกเทอร์โบย่างไก่
สอบถามเพิ่มปกติถ้าเล่นเครื่องที่เซตโบฮิตๆอย่างพวก jz sr นี่ช่างน่าจะไม่ปวดหัวเท่าและจบง่ายกว่านี้ใช่ไหมครับ
-
สุดยอดมากกครับ
-
ป้าดดด เหลือบนาฬิกาดูตี4 ถ้ามีอีก10หน้าพอดีเลย เดินไปใส่บาตรแล้วลงไปออฟฟิศ ทำงานต่อเลย ;D
-
ขอบคุณครับ
เท่ห์ๆชะมัด
-
เดี๋ยวมีเวลาจะมาอ่านอย่างไวครับพี่แพน :D
-
ขอบคุณมากๆครับ รออ่านอย่างใจจดใจจ่อ หุๆ
-
สมกับการรอคอย หลังจากที่เห็นบนทวิต
แอบท้อใจแทนเหมือนกันเรื่องเจ้าควันไหล ใช่เลย เมื่อก่อนสมัยเรายังเด็กๆ พ่อเคยเอาอัลฟาจูเลียตต้า 1.6 ไปยัดโบ แล้วจ๊ะเอ๋ เจอเทอร์โบไก่ย่างเหมือนกัน แทบร้องจ๊ากกันเลยทีเดียว
อยากรู้เหมือนกันว่า ทำไมพวกแบบ BB ถ้ามันมีอาการควันไหลแล้วต้องทิ้งซากไปเลย หรือว่ามันใช้ BB ทั้งลูกเป็นแกนอ่ะฮะ?
ฟังคลิปแล้ว โอ๊วววว เสียงแบบนี้โดนใจมากมาย กำลังดีเลยครับ
-
ไม่ทำแบบทดสอบแนบท้ายแบบพี่จิมมี่ไปด้วยเลยอะครับ
ทั้ง 0-100 topspeed และอัตราสิ้นเปลือง เทียบของเก่าของใหม่
ง่วงๆ มึนๆอ่านกว่าจะถึงตอนท้ายมีสรุปให้นิน่า ;D ;D ;D ;D ;D ;D
ของพี่นี้แรงจริงอะไรจริง
-
ต้องหยุดอ่านก่อน (อ่าน step4)
เพราะกลัวกิเลสตัวเองขึ้น อ่านรถคนอื่นแรงแล้วอยากทำรถตัวเองมั่ง
โปรเจค เพิ่มความเร็วในรถผมยังคงดองไว้ก่อน รู้หมดแล้วว่าจะทำอะไรต่อ ต้องซื้ออะไร
อ่านบทความนี้กลัวใจตัวเอง คว้าบัตร ATM กดเงินไปซื้อของมาทำรถ ต้องนั่งท่องไว้
"กรุงเทพรถติดซัดไปแซงได้แค่ 2 คัน ;D "
-
อ่านจนลืมทำงานเลย..ตายละ :o :o :o
-
ขอบคุณครับ อ่านไปคร่าวๆนิดหน่อยครับ เพลินเลยครับ
-
อ่านตั้งแต่เกือบ 8 โมง ตอนนี้ยังอ่านไม่จบ ทำงานก่อนเดี่ยวมาอ่านใหม่ สนุกมากครับ
กด like ...... ให้เลย
-
น่าจะเปลี่ยนยาง หน่อย เหมือนจะใส่ยางเดิม 185-65-15 Ar10 อยู่เลยมั่ง ;D
-
เพิ่งอ่านจบ สดๆ ร้อนๆ
เทพจริงๆๆ 8)
-
สังเกตุว่างบที่ใช้ อะไหล่หลายชิ้นเป็นของดัดแปลงกับของมือ 2
สมมติว่าถ้าเป็นของมือ 1 ทั้งหมด คาดว่าจะใช้งบเยอะกว่านี้ซักเท่าไหร่ครับ?
-
ทำให้ New Focus ด้วยได้ม๊ายยย ;D อยากได้ :o
-
สังเกตุว่างบที่ใช้ อะไหล่หลายชิ้นเป็นของดัดแปลงกับของมือ 2
สมมติว่าถ้าเป็นของมือ 1 ทั้งหมด คาดว่าจะใช้งบเยอะกว่านี้ซักเท่าไหร่ครับ?
นั่นแหละครับ ค่ายรถ ถึงยังไม่กล้าเอา turbo มาขาย
ราคามันจะพุ่งขนาดไหน และยิ่งคนขับอย่างเดียวไม่ถนอม แล้วพัง จะมาโทษอีกว่า ทำรถมาขายไม่ดี
-
สังเกตุว่างบที่ใช้ อะไหล่หลายชิ้นเป็นของดัดแปลงกับของมือ 2
สมมติว่าถ้าเป็นของมือ 1 ทั้งหมด คาดว่าจะใช้งบเยอะกว่านี้ซักเท่าไหร่ครับ?
F-Con S ของใหม่ไม่มีแล้ว ต้องใช้ F-Con iS ของใหม่ราคาน่าจะ 23,000-25,000 บาท
ออยล์คูลเลอร์เกียร์ของใหม่ถ้าใช้แบบพวกมีแบรนด์สูงส่ง อาจมี 7-8 พัน แต่ถ้าของไทยชั้นดีไม่เกิน 5 พัน
บางทีก็ 3 พันกว่าๆอยู่
เทอร์โบ ของประกอบใหม่มี 15,000 อย่างต่ำๆครับ
อินเตอร์คูลเลอร์ ถ้าใช้ของ ARC อาจมีเป็นหมื่น ถ้าใช้ของจีนทำ ประมาณ 4,500-5,500
โดยรวมแล้วแพงขึ้นประมาณ 30,000 บาท ถ้าใช้ของใหม่ล้วนๆครับ
-
เจ๋งมากเลยครับ
-
นั่นแหละครับ ค่ายรถ ถึงยังไม่กล้าเอา turbo มาขาย
ราคามันจะพุ่งขนาดไหน และยิ่งคนขับอย่างเดียวไม่ถนอม แล้วพัง จะมาโทษอีกว่า ทำรถมาขายไม่ดี
ที่ไม่กล้าเพราะต้นทุนและคนที่สนใจซื้อมันทำให้ไม่น่าสนครับ แต่ต้นทุนในการทำเทอร์โบ
ในระดับโรงงานกับเราออกมาทำเอง ยังไงโรงงานก็กดได้ถูกกว่าเยอะครับ
อย่างน้อยก็ไม่ต้องมีค่ากล่อง piggyback เพราะสามารถสร้างโปรแกรมในกล่องเดิมรถโรงงานได้เลย
อย่างไรก็ตาม cost ต่อคันที่พุ่งขึ้น ไม่น่าจะต่ำกว่า 40,000 บาท..แล้วจะคิดอะไรมากกับบริษัทที่
ของบางอย่างจุ๊กจิ๊ก 100-300 บาทยังอุตส่าห์ตัดออก?
-
เป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากใส่โบ บูสต่ำ ให้เจ้าฝาขาวหลังหักเหลือเกิน
แต่ต้องไปอัพแก๊สเป็นหัวฉีดก่อน ตอนนี้ใช้แบบดูด อิอิ
-
;) อ่านบทความแล้วสนุกครับ แต่ถ้าจะให้ทำขอยอมแพ้ดีกว่า
ส่วนตัวผมขอเป็น Turbo จากโรงงานดีกว่า ไม่มีความสามารถ
และความรู้ที่จะติดเอง :P
-
สังเกตุว่างบที่ใช้ อะไหล่หลายชิ้นเป็นของดัดแปลงกับของมือ 2
สมมติว่าถ้าเป็นของมือ 1 ทั้งหมด คาดว่าจะใช้งบเยอะกว่านี้ซักเท่าไหร่ครับ?
F-Con S ของใหม่ไม่มีแล้ว ต้องใช้ F-Con iS ของใหม่ราคาน่าจะ 23,000-25,000 บาท
ออยล์คูลเลอร์เกียร์ของใหม่ถ้าใช้แบบพวกมีแบรนด์สูงส่ง อาจมี 7-8 พัน แต่ถ้าของไทยชั้นดีไม่เกิน 5 พัน
บางทีก็ 3 พันกว่าๆอยู่
เทอร์โบ ของประกอบใหม่มี 15,000 อย่างต่ำๆครับ
อินเตอร์คูลเลอร์ ถ้าใช้ของ ARC อาจมีเป็นหมื่น ถ้าใช้ของจีนทำ ประมาณ 4,500-5,500
โดยรวมแล้วแพงขึ้นประมาณ 30,000 บาท ถ้าใช้ของใหม่ล้วนๆครับ
ขอบคุณครับ
-
ชอบคอนเซปที่วางใว้ แรงพอประมาณและเหนียวพอตัว
ส่วนตัวชอบซุปฯสำเร็จแบบญี่ปุ่นฮิตๆตอนนี้ คุณแพน
พอหาเคสสตั๊ดดี้มาให้ดูได้มั๊ย (อยากทำแจ๊สแมนนวลต้มซุป)
-
ผมอ่านจบไวครับ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็จบ ไม่เกิน
เป็นบทความแรกของแพนที่ พอลงเว็บปุ๊บ คนอ่าน แตะ 2,200 ครั้ง ในเวลายังไม่ทันข้ามวัน
แต่ก็น่าสนนะ ถ้าแพนจะมี Case Study ของ City Turbo หรือ Jazz Turbo กันบ้าง
ส่วน Vios Turbo คงไม่ต้อง เพราะเขาทำเล่นกันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองหลายคันแล้ว
แต่ถ้าจะจับยำรวมกันในบทความเดียว น่าสนเลยนะ สอนเด็กยุคใหม่ๆ ที่อยากสนุก แต่ไม่ต้องจ่ายแพง
และเลือกของฉลาดๆ ไม่โดนช่างกับพวกจูนเนอร์คนอื่นๆ มันฟันกบาลเอาเปล่าๆ
น่าเขียนเลยละแพน!
-
อาทิตย์ที่แล้วเจอกัน ก็มัวแต่เม้าท์กะดริ้งค์ เลยลืมขอแพนเปิดกระโปรงดูหอยเลย
เดี๋ยวจะออกไปดูหอยคันที่ 2 ตอนบ่ายๆนี่แหละ
-
แต่ก็น่าสนนะ ถ้าแพนจะมี Case Study ของ City Turbo หรือ Jazz Turbo กันบ้าง
ส่วน Vios Turbo คงไม่ต้อง เพราะเขาทำเล่นกันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองหลายคันแล้ว
แต่ถ้าจะจับยำรวมกันในบทความเดียว น่าสนเลยนะ สอนเด็กยุคใหม่ๆ ที่อยากสนุก แต่ไม่ต้องจ่ายแพง
และเลือกของฉลาดๆ ไม่โดนช่างกับพวกจูนเนอร์คนอื่นๆ มันฟันกบาลเอาเปล่าๆ
น่าเขียนเลยละแพน!
เอาเป็ดแดงอาบาเนโร่ของแกมาทำเลยไหมล่ะ 156 ม้าลงพื้น 5A/T บูสท์ 0.47
-
อาทิตย์ที่แล้วเจอกัน ก็มัวแต่เม้าท์กะดริ้งค์ เลยลืมขอแพนเปิดกระโปรงดูหอยเลย
เดี๋ยวจะออกไปดูหอยคันที่ 2 ตอนบ่ายๆนี่แหละ
แอร๊ย พี่ปิงจะดูหอยหนู
-
เสียอยู่อย่างเดียวช่างสมัยนี้หาที่ทำงานดีๆยาก หลายๆที่ถ้าไม่สนิทกันรู้จักกันมาก่อนก็ทำงานแบบส่งๆไปหรือไม่ก็ไม่ทำให้ ผมว่าคนที่อยากวางเทอร์โบน่ะมีเยอะ แต่ติดตรงที่หาช่างที่ไว้ใจได้ไม่เจอนี่แหละ เลยรู้จักและทำกันในวงที่ไม่กว้างขวางนัก :P ถ้าหากว่ามีใครสักคนเปิดตลาดใหม่กับอู่เน้นแนวทางวางเทอร์โบตามสั่งลูกค้า แบบไม่สนใจหวังผลความดังจากผลงานมากนักคงจะดีไม่น้อย :)
-
นั่นแหละครับ ค่ายรถ ถึงยังไม่กล้าเอา turbo มาขาย
ราคามันจะพุ่งขนาดไหน และยิ่งคนขับอย่างเดียวไม่ถนอม แล้วพัง จะมาโทษอีกว่า ทำรถมาขายไม่ดี
ที่ไม่กล้าเพราะต้นทุนและคนที่สนใจซื้อมันทำให้ไม่น่าสนครับ แต่ต้นทุนในการทำเทอร์โบ
ในระดับโรงงานกับเราออกมาทำเอง ยังไงโรงงานก็กดได้ถูกกว่าเยอะครับ
อย่างน้อยก็ไม่ต้องมีค่ากล่อง piggyback เพราะสามารถสร้างโปรแกรมในกล่องเดิมรถโรงงานได้เลย
อย่างไรก็ตาม cost ต่อคันที่พุ่งขึ้น ไม่น่าจะต่ำกว่า 40,000 บาท..แล้วจะคิดอะไรมากกับบริษัทที่
ของบางอย่างจุ๊กจิ๊ก 100-300 บาทยังอุตส่าห์ตัดออก?
เหมือนพี่ตัดพ้อใครบนฟ้าบางคนเลย
ของบ้านผม 1.8 ตัวแรก 8.6 แสน ที่ได้ไฟ Xenon ครับ ดีที่แม่ผมใช้ ท่านเลยไม่บ่นเรื่อง
วิทยุ2Din ที่อ่านได้แต่แผ่น CD เท่านั้น กับไม่มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
ยางตอนนี้ผมใช้ล้อเดิมกับ 195/60R15 ครับ Primecy LC มันนิ่มย้วยจริง รอรอบหน้าจะจัด XM2แทน
-
ติดใจตรงคำนี้มากเลยครับ "ของบางอย่างจุ๊กจิ๊ก 100-300 บาทยังอุตส่าห์ตัดออก?"
555 อย่างเช่น กระจกที่อยู่ในแผงบังแดด ให้มาข้างเดียว มันจะตัดออกทำไม มันจะกี่สิบบาทเอง
(แล้วเซลล์ ก็มาเนียนว่า เค้าวิจัยว่า คนขับเป็นผู้ ญ เยอะ คะ รุ่นนี้ เลยทำมาให้คนขับส่อง ไ่ม่รู้วิจัยที่ไหน แถวบ้านผม ผู้ชายขับ ญ นั่งข้าง ส่องซะมากน่ะกระจกอ่ะ)
ไม่เข้าใจค่ายรถ เลยจริงๆ สิ เห้อ
-
บทความดีมากๆเลยครับ ได้วามรู้เพียบ เพราะผมไม่รู้เรื่องเทอร์โบเลย
ทำเอาอยากจับน้องดอกส้มสีทอง ที่ใช้อยู่
ขยับเกียร์จาก 5 ไป 6 จังหวะ คลัตช์ทองแดง
ลงหอย จูนม้าซัก 130-150 ตัวลงพื้น 0-100
เร็วขึ้นกว่าที่ทำไว้ 1-1.5 วิ กินน้ำมันเท่าๆ Fabia RS
แต่นั่นก็คงอีกยาว แบบว่าตังไม่มี ;D
ขอวัดดวงกับบัญชีฝากไม่ประจำก่อนว่าครบปีจะขึ้นมาเท่าไหร่
-
เรื่องเทอร์โบควันไหล หากพี่แพนอนุญาติเดี๋ยวผมทำธุระเสร็จจะมาเหลาๆ ให้ฟังจาก ปสก.ส่วนตัวที่เจอเทอร์โบควันไหล8ลูกติด ;D
(http://i185.photobucket.com/albums/x104/popdemonic/IMG_3504resized.jpg)
-
เป็นรถที่ผมกับแฟนกำลังตัดสินใจว่าจะซื้อดีไหม ในอีก 7-8 ปีข้างหน้า
-
อย่าว่าแต่ราคา 100-300 เลยครับ
ลดราคาได้ 10 บาทก็ดีใจจะแย่แล้ว
เวลาเค้าคิดมูลค่าเค้าจะเอาตัวเลขประมาณการของทั้งปีมาคูณเข้าไป
สมมติผลิตปีละแสนคัน ลดได้คันละ 100 บาท ปีนึง ก็ 10 ล้านแล้ว
โรงงานผมลด 6-7 สตางค์ก็ยังทำกัน แต่ปีๆนึงโรงงานผมผลิตเกือบๆ 2 ล้านเครื่อง
-
Tida คันนี้ เอาพอมันส์
แต่ Civic คันนั้น เล่นซะฟรีทิ้งเต็มเลย ;D
-
ผมชอบคอนเซ็ปของรถคันนี้มากครับ ลงตัวมากๆเลย
-
เรื่องเทอร์โบควันไหล หากพี่แพนอนุญาติเดี๋ยวผมทำธุระเสร็จจะมาเหลาๆ ให้ฟังจาก ปสก.ส่วนตัวที่เจอเทอร์โบควันไหล8ลูกติด ;D
(http://i185.photobucket.com/albums/x104/popdemonic/IMG_3504resized.jpg)
HaHa มาดิ มาดิ
-
พีแพนแล้วจะมีการเปลียนแม็กหรีอเปล่าคับผมมว่าTiidaต้องใส่ขอบ17แน่ๆคับ
-
สนุกมากครับพี่แพน
อ่านแล้วได้ความรู้ใหม่ๆเพียบ อยากให้เขียนเรื่องการแต่งรถแบบนี้ออกมาอีก
คนที่รักรถและชอบการแต่งรถอ่านแล้วมีความสุขครับ
-
space wagon 2.4 ออโต้ บ้านๆ พอทำได้ไหมครับ พี่แพน บูสอ่อนๆเอา
-
เรื่องเทอร์โบควันไหล หากพี่แพนอนุญาติเดี๋ยวผมทำธุระเสร็จจะมาเหลาๆ ให้ฟังจาก ปสก.ส่วนตัวที่เจอเทอร์โบควันไหล8ลูกติด ;D
(http://i185.photobucket.com/albums/x104/popdemonic/IMG_3504resized.jpg)
ชอบใจก็ตรงค้อนปอนด์นี่แหละ ;D
-
space wagon 2.4 ออโต้ บ้านๆ พอทำได้ไหมครับ พี่แพน บูสอ่อนๆเอา
ต้องดูก่อนครับว่าระบบสั่งการจ่ายน้ำมันมีการบล็อคหรือมีอะไรที่จะเป็นอุปสรรคต่อการเซ็ทเทอร์โบหรือไม่
ถ้ามีเงินสักพันกว่าๆ อาจลองขึ้นไดโน่ก่อน วิ่งเอาแรงม้าสแตนดาร์ด จากนั้นก็ลองชักปลั๊กออกซิเจนเซนเซอร์
ออกแล้ววัดอีกครั้ง หากระบบต่างๆทำงานได้ปกติ เช่นไม่มีการจ่ายน้ำมันบาง วาล์วแปรผันทำงานได้ปกติ
ก็มีสิทธิ์เซ็ทได้สูง
สำหรับ Space wagon เกียร์ไม่ใช่ CVT น่าจะรับแรงบิดได้มากพอควร ตัวรถยาว สามารถใส่หม้อพักเก็บเสียง
ได้ยาว ถ้าทำบูสท์ 0.4 บาร์ ใช้น้ำมันเครื่องดี มีออยล์คูลเลอร์เกียร์ ใส่หม้อพักไส้ตรงใบกลาง
หม้อใบท้ายเป็นไส้เยื้อง ให้คนนั่งหลังไม่รำคาญเสียง น่าจะทำกำลังได้เหมือนเอาเครื่อง 3.0 ลิตร NA มาวาง
หรือดีกว่านั้นครับ แต่ทำใจเรื่องกินน้ำมันนะครับ ของเดิมกินใช้ได้อยู่ พอทำไปแล้ว กดบูสท์มาเพลินบ่อย
อาจกินกว่าเดิม 10-20%
เครื่อง 2.4 ลิตรรอบไม่สูง ใช้เทอร์โบ TD04L จาก Impreza 2.5 ได้ ใช้ T28 BallBearing ของ SR20DET S15
เกียร์ธรรมดาได้ หรือถ้าชอบเดินทางไกลที่รอบสูงบ่อย และไม่ชอบให้ติดบูสท์ไวนัก TD05 ของ Evo IV,V,VI
ก็ใช้ได้ครับ
-
ขอบคุณครับสำหรับบทความ อ่านแล้วเข้าใจง่ายดีครับ ;D
-
เรื่องเทอร์โบนี่ผมเจ็บปวดมาเยอะจนทุกวันนี้อยากจะเอาเทอร์โบไปทำโคมไฟประดับบ้านเสียยิ่งกระไร
เดี๋ยวก่อนจะเหลาๆ ขออารัมภบทเรื่องเทอร์โบซักหน่อย เอาเป็นว่าเหมือนเราให้ฟังสนุกๆขำๆ พิมพ์กันสดๆ
เท่าที่ จะพอจำได้แล้วกัน เรื่องสเป็ค เรื่องตัวเลขเป๊ะๆอย่าคาดหวังนะครับ ผมพิมพ์ออกมาจากความจำในสมอง ถ่าย
ทอดลงหัตถ์ระรัวเลยนะครับ เทอร์โบเนี่ย หรือที่คนชอบเรียกว่า หอยพิษ จริงๆแล้วจะบอกว่าเจ้าเทอร์โบหรือหอยพิษเนี่ย
ยามที่หล่อนประเภทตัวดีๆ เป็นหอยที่อยู่ในกรอบในร่องกับรอยเนี่ยใครก็อยากจะมีหอยไว้ในครอบครอง คราวนี้
เวลาที่หล่อนงอแง ขึ้นบางครั้งมันก็สมชื่อ หอย(เป็น)พิษ จริงๆครับ เพราะนอกจากค่าซ่อมราคาค่างวดที่มันแพงแสนแพงแล้ว
บางครั้งยังต้องมานั่งทอยหัว ก้อยอีกว่า ซ่อมออกมาแล้วหอยมันจะไม่ทำพิษใส่เจ้าของรถอีก จริงๆแล้วเทอร์โบ
หลักการของมัน คร่าวๆคือเป็นการเอาสิ่งปฎิกูลที่มันกำลังจะถูกถีบหัวส่ง ออกไปจากท้ายรถ
นำมันกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งกลับกลายเป็นว่าเทอร์โบมันกลับเอาสิ่งปฎิกูลคือไอเสียมาสร้างคุณอนันต์ให้
กับวงการรถยนต์เลยทีเดียว ทุกวันนี้เปิดฝากระโปรงทุกครั้งเมื่อมองไปที่เจ้าหอยหรือเทอร์โบ ผมก็จะนึก
ถึงคุณงามความดีของหล่อนเสมอๆครับ
เทอร์โบในสากลโลก หลักๆทุกวันนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ
1. เทอร์โบ แบบบู้ชชิ่ง หรือ ใช้Journal Bearing
(http://www.airpowersystems.com/350z/turbo/floating_metal_bearings.gif)
เทอร์โบประเภทนี้มีมานานมากแล้วครับ เทอร์โบปรเภทนี้ เขาว่ากันว่า
เป็นเทอร์โบที่มีความทนทานสูง สามารถซ่อมบำรุงได้ง่าย เมื่อยามหล่อนเจ็บไข้ได้ป่วย
ส่วนประกอบหลักๆ ของเทอร์โบชนิดนี้นั้นจะมี ส่วนประกอยคร่าวๆดังนี้
โข่งหน้า(Compressor Housing) ,โข่ง หลัง(Exhaust Housing), เสื้อกลาง(Cartridge)
อวัยวะภายในของเสื้อกลางนั้น หลักๆจะประกอบไป ด้วย ซีลกันน้ำมันที่ ใบเทอร์ไบน์หรือใบฝั่งไอเสียนั่นแหละ(Turbine wheel)
กันรุน(Thrust Bearing), บู้ชทองเหลือง บู้ชประคองแกน(Thrust Collar), ซีลกันน้ำมันตัวหน้า หรือฝั่งใบคอมเพรซเซอร์หรือใบฝั่ง
ไอดีนั่นเอง(compressor wheel) ส่วนตัวอื่นปลีกย่อยนั้นไม่ค่อยมีผลมากนัก
2. เทอร์โบแบบBall Bearing หรือแบบลูกปืน ภาษาชาวบ้านเขาเรียกกัน
(https://encrypted-tbn1.google.com/images?q=tbn:ANd9GcRs3Gx2pDAOwLom1aGS-KKGZJey-SIqE-dCF831lXaKo8YLK209wA)
เทอร์โบลักษณะนี้ จะมีส่วนประกอบที่เหมือนกับ แบบที่1 แทบทุกทุกประการ ส่วนจุดที่แตกต่าง
ชัดๆคือ เจ้าตัวบู้ชประคอง หรือ Thrust collar มันมาแบบไฮโซคือ เป็นคล้ายตลับลูกปืนเล็กๆ ใครเคยเปลี่ยน
ลูกปืนล้อจักรยาน น่าจะนึกออกลักษณะคล้ายๆกัน ข้อดีของเจ้าเทอร์โบแบบBall Bearing นั้น คือมันลื่นกว่าแบบที่ 1
นั่นเอง มันเกิดless friction ทำให้มันสามารถติดบูสต์ได้เร็วขึ้น เจอไอเสียนิดหน่อย พาลจะปั่นจะหมุนอย่างเดียว แต่ข้อเสีย
ของมันคือ มีหลายๆคนบอกว่า เจ้าแบบนี้ มันไม่ค่อยทนทาน นานปีดีดัก แถมเวลาเสียหาย มันไม่สามารถที่จะซ่อมแซมได้ ถึงแม้ว่า
ปัจจุบันจะมีคนออกมาโฆษณาว่าเจ้าตัวเสื้อกลาง(Cartridge)มันสามารถ ซ่อมได้แล้ว มีRebuild Kits ออกมา แต่ใน
ความเห็นของผมเองเจ้า เสื้อกลางแบบCHRA ผมว่ามันไม่คุ้มจะซ่อม เพราะราคาค่าซ่อมมันก็ไม่ได้ถูกสตางค์เสียด้วยมีหลักหมื่นขึ้น
ในขณะที่เทอร์โบ ติดเครื่องรถในบางรุ่น ยกตัวอย่างเช่นSR20 เป็นBall Bearing ซึ่งผมว่าหากเกิดความเสียขึ้นมา โละทิ้งหามือสอง
ถือเสียว่าเล่นเกมส์วัดดวงไปเลยน่าจะคุ้มกว่า เจ้าของต้นตำรับ ถ้าความจำผมยังไม่เลอะเลือน Garrett น่าจะเป็นเจ้าแรกที่มีเทอร์โบ
ประเภทนี้ออกมา จะอยู่ใน อนุกรม GT-series ทั้งหลายแหล่ สนนราคามือ1 อย่างตัวเล็กเช่นGT28RS หรือเป็นที่เรียกติดปากกันว่า
Disco Potato สนนราคาก็ต้องมีครึ่งแสน แล้วแต่ลูกเล่นว่าคุณพี่อยากจะได้แบบไหน เช่นโข่งหน้า แบบ Anti Surge ,Bell mouth
ในส่วนตรงไหน ผมไม่ขอลงลึกนะครับ(ขี้เกียจอธิบาย) เอาเป็นว่าเจ้าอาการturbo surge เนี่ย หากรุนแรงมากๆ เทอร์โบจะวอดวาย
ก่อนวัยอันควร วิธีแก้ไขมีได้หลายวิธีครับ การแก้ไขที่ง่ายที่สุดเช่น การจัดboost profile ใหม่ ไม่ให้มันกระปรี้กระเปร่า เกินไปก็ช่วยได้
ครับ
หลักการทำงานของเทอร์โบ
ผมจะพยายามอธิบายให้มันง่ายที่สุดนะครับ ยิ่งทฎษฎียิ่งเยอะอ่านไปพาลปวดตับเสียเปล่าๆ
เทอร์โบเนี่ยมันทำงานเหมือนกังหันลม สองอัน เชื่อมต่อกันด้วยแกนAxle ตรงกลาง เจ้าแกนเนี้ย หรือ
เอาง่ายก็แกนเทอร์โบเนี่ยจะเป็นตัวส่งต่อกำลัง ระหว่าง ไอเสีย(เรียกว่าHotside)และ ฝั่งไอดี(เรียกว่าColdside)
ด้านไอเสีย กังหันมันจะโดนถีบให้ปั่นโดยไอเสียที่มันกำลังจะออกไปสร้างสภาวะให้โลกร้อนมากขึ้น เมื่อ
แกนเกิดการเคลื่อนตัวในขณะเดียว กังหันอีกฝั่ง ก็จะหมุนในทิศทางกลับกัน คือฝั่งหนึ่งพ่นไอเสียออกไป
อีกฝั่งก็ทำหน้าที่หมุนเพื่อดูดเอาไอดีหรืออากาศที่ยังไม่ผ่านการเผาไหม้ ให้เข้าไปผสมกับละอองน้ำมัน
ที่ฉีดออกมาจากหัวฉีดให้เข้าไปในห้องเผาไหม้(combustion chamber) เมื่อเรามีน้ำมันแล้ว อากาศก็มีแล้ว
กระบวนการสันดาปจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อมี ไฟ ซึ่งจะต้องมีจังหวะจะโคนที่ถูกต้อง นั่นก็คือองศาไฟ นั่นเอง
หัวเทียน จุด ใช้เวลา ณ จุดหนึ่ง ในการระเบิด เกิดเป็นflame front ลามไปเผาไหม้ อากาศที่มีน้ำมันผสม
ระเบิดตู้ม ถีบลูกสูบ ลง เข้าจังหวะ ดูด อัด ระเบิด คาย เปลี่ยนสถานะเป็นพลังงานกลในที่สุด เอาแค่นี้แล้วกัน
เดี๋ยวจะยาวไปกันใหญ่ ;D
การเลือกใช้เทอร์โบ สเป็คหรือคุณสมบัติของเทอร์โบนั้น จริงๆจะมีการคำนวณ จาก
ขนาดของยอดใบ และฐานใบ เรียกว่า Inducer กับ Exducer เทอร์โบ1ลูก จะมีค่าตัวนี้ทั้งหมด
4ค่า เพราะเรามีกังหัน 2อัน คือ turbine wheel และ compressor wheel
(http://euro.lexusownersclub.com/gallery/albums/misc/tech102.gif)
จากรูปสีน้ำเงินคือ ด้านไอดี สีแดงคือด้านไอเสีย ค่าต่างๆพวกนี้ จะมาคำนวณออกมาเป็นค่า
A/R ออกมา พวกนี้จะเป็นสเป็คบอกว่า เทอร์โบ ลูกนั้นๆ ปั่นม้าได้เท่าไหร่ มีลักษณะการติดบูสต์เยี่ยงไร
คือมันจะเป็นตัวบ่งบอกคาแรคเตอร์ได้นระดับหนึ่งเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆเราไม่สามรถเอาค่าตรงนี้
มาเป็นBenchmark ในการเลือกใช้แบบเอาแน่เอานอนไม่ได้เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย
ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเทอร์โบ เช่น ขนาดของเครื่องยนต์ จำนวนลูกสูบ ท่อไอเสีย
องศาไฟ พวกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของเทอร์โบล้วนแล้วทั้งนั้นครับ
อย่าลืมว่า รถจะแรง รถจะวิ่ง นอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วยังมี ปัจจัยอย่างอื่นอีกเยอะเชียว
ใครที่คิดจะรื้อเทอร์โบซ่อมเอง หากไม่กลัว หรือมีเทอร์โบสำรองแบบผมเป็นกุรุสๆแบบผมเอาเลยครับ ของผม
เนี่ยมันเริ่มจากมีที่มาที่ไปตั้งแต่สมัยกระโน้น เริ่มจากเทอร์โบเนี่ยมันเริ่มมีปัญหา ที่มีคำติดปากที่เรียกว่าควันไหล
จริงๆแล้ว หากมีอาการเริ่มแรก มันจะไม่ค่อยรู้สึกอะไร โดยเฉพาะพวกรถดีเซลเพราะมันผสมปนเปไปกับควันดำปี้ดปี๋
ยิ่งพวกกระบะสมัยนี้ ยกหัวฉีด ดันราง เหยียบออกจากท้ายซอย จนหัวรถโผล่ออกไปปากซอย ควันท้ายซอยยังไม่หมด
เลยด้วยซ้ำไปครับ แต่อย่างไรก็ตาม เทอร์โบระหว่างรถดีเซลเองนั้นหากมาพินิจพิเคราะห์กันจริงๆ
เราจะรู้ว่าเทอร์โบมันถูกออกแบบ มาให้ใช้งานต่างกันเพราะ? รถเบนซินจะมีการใช้งานในรอบที่สูงกว่า
นั่นหมายความว่า การสึกหรอของชิ้นส่วนในอุปกรณ์ต่างๆนั้นมันย่อม วิ่งตามมาเป็นเงาตามตัว
ในขณะที่รถดีเซลนั้นใช้ในรอบที่ต่ำกว่า เทอร์โบจึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าเสียส่วนใหญ่
ทั้งนี้ทั้งนั้ สิ่งที่ผมยกตัวอย่างขึ้นมา ผมอ้างอิงจากรถสแตนดาร์ด จากโรงงานทั้งคู่โดยที่มีการใช้งานปกติ
มีการถอด ใส่และดูแลกรองอกาศอย่างถูกต้อง คุณจะเห็นว่าเทอร์โบรถเบนซินโดยมากมักจะมีปัญหาก่อน
รถดีเซลครับ ระบบการทำงานภายในของเทอร์โบอย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นแล้ว แน่นอนว่าเจ้าตัวเทอร์โบเองนั้น
ต้องทนแบกรับภาระ ทั้งแรงดัน ความร้อน เพราะฉะนั้นระบบการหล่อเย็น และหล่อลื่นเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด
หากระบบระบายความร้อน หรือ ระบบหล่อลื่น ขาดช่วงไปแค่เสี้ยววินาทีในช่วงที่
มีการเรียกสมรรถนะ เทอร์โบสามารถขาดใจตายได้ในเสี้ยววินาทีเลยครับ โดยปกติ เทอร์โบทั่วไปนั้น
จะมีอยู่2แบบคือ มีทั้งระบายความร้อนด้วยน้ำโดยน้ำจะผ่านเข้าไปในระหว่างผนังของตัวเสื้อเทอร์โบ
และในขณะที่จะมีอีกพอร์ท ให้น้ำมันเครื่องเข้าไปเลี้ยง แกนเทอร์โบ เพื่อหล่อลื่นและระบายความร้อนในขณะเดียวกัน
ใครนึกไม่ออก ให้นึกถึงระบบ การทำงานของเครื่องยนต์ครับ เหมือนกันเปี๊ยบ น้ำไหลผ่านระหว่างผนังในเสื้อสูบ
พัดพาเอาความร้อน น้ำมันเครื่องหล่อลื่น ไม่ให้เกิดการสึกหรอในระยะเวลาอันสั้น(premature wear) หรือ
เทอร์โบบางรุ่นก็จะมีเฉพาะพอร์ทน้ำมันเครื่อง ซึ่งต้องการแค่น้ำมันเครื่องไปเลี้ยงแกนและระบายความร้อนพอ
ผมเคยเห็นช่างบางคนมีความมักง่าย คือเทอร์โบบางลูกนั้น ตามapplication
มันจำเป็นจะต้องต่อท่อน้ำเลี้ยงเอาไว้ แต่ช่างบางคนมักจะโอ้อวดเก่งกว่าวิศวกร โดยมักจะบอกกับลูกค้าว่า
โถ พี่ไม่ต้องต่อหรอก ไม่จำเป็น แค่ต่อท่อน้ำมันก็เหลือๆแล้ว 3วัน7วัน มันคงไม่พัง แต่ถ้า3เดือน7เดือน มันไม่แน่ครับ
อีก2รูที่เหลือ มันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงครับ เสียบๆต่อๆมันให้ครบๆเถิด เหมือนเราห้อยพระเครื่องเด่นเรื่องแคล้วคลาด
ยิงเข้าไม่เข้าไม่รู้แต่ห้อยอยู่ แล้วสบายใจ
สาเหตุของการเสียหายของเทอร์โบ โดยหลักๆแล้ว มักจะมาจากการที่ผู้ขับขี่ละเลย
และใช้งานเทอร์โบอย่างไม่ถูกวิธีอย่างที่ผมบอกไปว่า เรื่องความร้อน และระบบหล่อลื่นเป็นตัวแปรสำคัญ
ในการที่เทอร์โบจะใช้งานได้ยาวนาน หรือเสียหายในระยะเวลาอันสั้นๆ โดยปกติอุณหภูมิของเทอร์โบเองมีมากถึง
1000C เลยทีเดียว ระบบการระบายความร้อนและระบบหล่อลื่นทุกอย่างของเทอร์โบ ล้วนแล้วแต่พึ่งกุศลบุญจาก
เครื่องยนต์ทั้งนั้น นั่นก็คือปั๊มน้ำมันเครื่อง และปั๊มน้ำ เมื่อไหร่ก็ตามที่ อุปกรณทั้ง2ตัวบกพร่อง หรือ
ไม่มีการลดความร้อนของเทอร์โบ ก่อนที่จะดับเครื่อง บ่อยๆเข้า ชิ้นส่วนภายในเทอร์โบเอง
ก็จะเสียหายชำรุดได้ในระยะเวลาอันสั้นครับ เพราะฉะนั้นเราถึงมักได้ยินเสมอๆว่า ให้ปล่อยให้เครื่องเดินเบา
ทิ้งไว้สักพักหลังจากที่ขับรถมาเป็นระยะเวลานานๆหรือเดินทางไกลหรือ มีการขับขี่แบบรุนแรง เพราะความร้อนที่สะสม
กับตัวเทอร์โบต้องมีการลดอุณหภูมิลงมา ลองจินตนาการเอาว่า ในขณะที่คุณดับเครื่องหลังจากขับมาเป็นระยะเวลา
นานๆ ในขณะที่ดับเครื่องน้ำมันเครื่องและน้ำหม้อย้ำจะหยุดการหมุนเวียน เพราะฉะนั้นการระบายถ่ายเทความร้อนจะหยุดทันที
ความร้อนสะสมพวกนี้จะไปทำให้ น้ำมันเครื่องซึ่งหล่อลื่นและค้างอยู่ในแกนกลางเทอร์โบก็ความร้อนสูงจนถึง
จุดที่มันกลายเป็นตะกรันคราบเหนียวๆเกาะอยู่ตามแกน ตามบู้ช ตามซีลของเทอร์โบ พวกนี้จะเปนคราบไปเกาะตามแกน
หนักเข้าก็ไหม้เป็นก้อนแข็งๆ ซีลเทอร์โบเองนั้น ปกติจะทำงานโดยลักษณะที่เรียกว่าDynamic seal คือ
มันจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากมีการเคลื่อนที่ หรือแกนเทอร์โบหมุนนั่นเอง
พวกคราบพวกนี้จะไป เกาะตามขอบของซีลเทอร์โบ(ring land) ทำให้ซีลเทอร์โบไม่สามรถขยายตัวได้เต็มที่
ทำให้มีน้ำมันเครื่องเล็ดลอผ่านซีลและเผาออกมาเป็นควัน เรียกว่า "ควันไหล"นั่นเอง ในระยะแรกๆนั้น จะไม่สังเกต
เห็นควันออกมามากเท่าไหร่ จนเมื่อระยะสุดท้ายหาก ซีลเทอร์โบสูญเสียสภาวะการยืดตัว ที่เรียกว่า แหวนตาย
(http://i185.photobucket.com/albums/x104/popdemonic/IMG_3554resized.jpg)
(จากรูปจะสังเกตเห็นว่าปากแหวนของซ๊ลเทอร์โบห่างไม่เท่ากัน นี่คืออาการของแหวนตายครับ)
(http://i185.photobucket.com/albums/x104/popdemonic/IMG_3546resized.jpg)
(เสื้อกลางหากสึกหรอกต้อง ทำการHoning ให้อยู่ในสภาพดังเดิมครับ)
(http://i185.photobucket.com/albums/x104/popdemonic/IMG_3539resized.jpg)
(แหวนซีลเทอร์โบชัดๆ)
เมื่อนั้น น้ำมันเครื่องก็จะเล็ดลอดผ่านออกมาได้มากขึ้นๆๆ จนในที่สุด ก็ต้องรื้อเอาเทอร์โบมาซ่อมแซม
"ควันไหล อย่าปักใจเชื่อว่าเทอร์โบเสียหายเสมอไป" หลายๆครั้ง ที่เรามักพบว่า
โดยแท้จริงๆ สาเหตุของควันไหลไม่ได้เกิดมาจากตัวเทอร์โบเองก็มีให้พบเห้นมากครับ
ตัวเครื่องยนต์เองก็สามารถทำให้ เกิดอาการ ควันไหลได้เช่นกัน ตรงนี้ผมขออนุญาตขยายความ
จากบทความของพี่แพน จากเรื่องท่อไหลคืนน้ำมันเครื่องจากเทอร์โบ หากท่อเส้นนี้ตันหรือมีขนาดเล็กจนไม่
สามารถที่จะระบายน้ำมันเครื่องออกมาทัน แรงดันน้ำมันเครื่องขนาด60อนด์ก็สามรถที่จะดันเอาน้ำมันเครื่อง
ทะลักผ่านซีลเทอร์โบออกมาได้เช่นกัน หรือในรถยนต์ที่มีระบบเทอร์โบชาร์จ หากเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ สูญเสีย
กำลังอัดหรือ ที่เราเรียกว่าเครื่องหลวม โดยปกติแล้ว ในอ่างน้ำมันเครื่องเรา จะสามรถมีกำลังอัดรั่วผ่านทางร่องแหวน
ลูกสูบได้ในจำนวนหนึ่ง โดยปกติแล้ว แรงดันที่รั่วไหลออกมาจาก จากทั้งฝาสูบ และอ่างน้ำมันเครื่อง ซึ่งปกติ มันจะแรง
กำลังอัดรั่วออกมาแล้วในรถยนต์ทุกคัน มาก น้อย หรือแม้กระทั่งรถใหม่ป้ายแดงเอง ในระบบของรถยนต์จะมีวิธีระบาย
แรงดันตัวนี้ผ่าน ระบบPCV (Positive Crankcase Ventilation system) ซึ่ง หากเครื่องยนต์มีอาการสูญเสียกำลังอัดมาก
จะเกินขีดความสามารถที่ระบบPCV จะระบายออกได้กำลังอัดส่วนหนึ่งจะค้างอยู่ในอ่างน้ำมันเครื่องและกลายเป็นแรงดัน
ซึ่งไปส่งผลให้ น้ำมันเครื่องที่ไหลคืนมาจากเทอร์โบ ไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้ ไปดันน้ำมันเครื่องรั่วซึมผ่านซีลเทอร์โบได้เช่นกันครับ
คร่าวๆ สาเหตุของควันไหล,การทำงาน,การใช้งานของเทอร์โบอย่างถูกวิธีก็จะมีเท่านี้ จริงๆอยากจะร่ายยาวๆไปเรื่อยๆ
แต่เพิ่งรู้ว่าการจะเขียนบทความอะไรสักอันนี่มันยากชะมัด ยากจริงๆครับ
-
;D ;D ธิดาเเต่งๆก็โหดดีนะเนี่ย วางรูปแบบห้องเครื่องคล้ายคุณเเพนเรย ไม่ทราบ รู้จักกันมั้ย
-
สุดยอดครับ ขอบคุณครับ :D
-
อ่านจบ
นั่งอยู่หน้าจอ ยุบ หนอ พอง หนอ
-
เห็นคุณแพนเคยบอกไว้ว่า แจ๊ซ ซิตี้ จับเซ็ตโบเนียนๆเลย
เตรียมงบไว้ 6-7 หมื่น
ไหงทิด้าจบเกินแสนล่ะครับ
มีแพลนว่าจะเอา Eco car มาวางโบด้วยนะเนี่ย :-[
-
นั่นแหละครับ ค่ายรถ ถึงยังไม่กล้าเอา turbo มาขาย
ราคามันจะพุ่งขนาดไหน และยิ่งคนขับอย่างเดียวไม่ถนอม แล้วพัง จะมาโทษอีกว่า ทำรถมาขายไม่ดี
ที่ไม่กล้าเพราะต้นทุนและคนที่สนใจซื้อมันทำให้ไม่น่าสนครับ แต่ต้นทุนในการทำเทอร์โบ
ในระดับโรงงานกับเราออกมาทำเอง ยังไงโรงงานก็กดได้ถูกกว่าเยอะครับ
อย่างน้อยก็ไม่ต้องมีค่ากล่อง piggyback เพราะสามารถสร้างโปรแกรมในกล่องเดิมรถโรงงานได้เลย
อย่างไรก็ตาม cost ต่อคันที่พุ่งขึ้น ไม่น่าจะต่ำกว่า 40,000 บาท..แล้วจะคิดอะไรมากกับบริษัทที่
ของบางอย่างจุ๊กจิ๊ก 100-300 บาทยังอุตส่าห์ตัดออก?
เหมือนพี่ตัดพ้อใครบนฟ้าบางคนเลย
ของบ้านผม 1.8 ตัวแรก 8.6 แสน ที่ได้ไฟ Xenon ครับ ดีที่แม่ผมใช้ ท่านเลยไม่บ่นเรื่อง
วิทยุ2Din ที่อ่านได้แต่แผ่น CD เท่านั้น กับไม่มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
ยางตอนนี้ผมใช้ล้อเดิมกับ 195/60R15 ครับ Primecy LC มันนิ่มย้วยจริง รอรอบหน้าจะจัด XM2แทน
รู้สึกว่า "โดน" กันหลายบริษัทนะครับงานนี้
แต่ผมว่า ที่พาดพิง คำว่า ชิ้นละสามร้อย พี่แพนหมายถึง ฝาปิดเครื่อง หรือวิทยุMP3 รึป่าวครับ
ผมเห็นด้วยครับ เพราะใช้ทีด้าเหมือนกัน รู้สึกนิสัยกั๊กของนี่ไม่รู้เอามาจากไหน โดยเฉพาะกับซิลฟี่ ซึ่งไม่ทราบชะตากรรม
และแว่วๆตามแหล่งข่าวว่า คงกั๊กไม่เบา ที่เป็นตามสเปกที่หลุดออกมาก ทำให้เกิดความรู้สึก "เซ็งเป็ด"มากถึงมากที่สุด
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะครับพี่แพน อ่านแล้วชอบมากครับ
-
;D ;D ธิดาเเต่งๆก็โหดดีนะเนี่ย วางรูปแบบห้องเครื่องคล้ายคุณเเพนเรย ไม่ทราบ รู้จักกันมั้ย
รู้จักดีเลยแหละครับ
คันนั้นของตาโอ๊ตที่ผมพูดถึงในบทความไงครับ เพิ่งจูนเสร็จที่สไตรเดอร์
เมื่อสองวันก่อนนี้เอง
สเป็คคันนี้จะโหดกว่ารถผมไปอีกขั้นเพราะเทอร์โบโตกว่า บูสท์หนักกว่าและจูนเติม E85
ม้าลงพื้นตอนนี้ไม่รู้เท่าไหร่ แต่ตอนปรับบูสท์ 0.6บาร์ เห็นว่าทะลุ 180ตัวลงพื้น
แรงบิดทะลุ 27ก.ก.ม. ..นั่นถ้าแปลเป็นม้าโบรชัวร์ ก็ประมาณ 2JZ-GE 3.0ลิตรเลยแหละ
ยังไม่ได้ลองขับว่าเป็นยังไง แต่แรงหายห่วงแน่นอน
เห็นคุณแพนเคยบอกไว้ว่า แจ๊ซ ซิตี้ จับเซ็ตโบเนียนๆเลย
เตรียมงบไว้ 6-7 หมื่น
ไหงทิด้าจบเกินแสนล่ะครับ
มีแพลนว่าจะเอา Eco car มาวางโบด้วยนะเนี่ย :-[
1. ในงบ 1.02แสนของผมมีการรวมมิเตอร์ชุดราคา 16,500 เอาไว้ด้วย ซึ่งปกติ Jazz/City ราคาเซ็ตโบไม่รวม
ค่ามิเตอร์ครับ ถ้ารวมก็เขยิบมาเฉียดแสนเหมือนกัน
2. Jazz GE/City ไม่มีท่อร่วมไอเสีย มันหล่อรวมเป็นชิ้นเดียวกับฝาสูบเลย จึงประหยัดค่าสร้างเฮดเดอร์ไป
เพราะแค่ทำตัวอแดปเตอร์เอาเทอร์โบแปะลงไปเลย ตรงนี้เซฟเงินได้เป็นหมื่นนะครับ
-
สนุกดีครับได้อ่านรถแต่งบ้าง
ใช้อะไรวัดอัตราเร่งน่ะครับ VBOX หรือกามินครับ ผมหาอยากได้เหมือนกัน
-
คันสีน้ำเงินรถน้องชาย ก็ได้ไอเดียจากแพนไปพอสมควร แต่ทำคนละที่ คนละสำนัก คอนเซปเดียวกัน
หลังจากที่ผมได้ทดลองขับรถทั้งสองคน ทั้งรถแพน และรถโอ๊ต คาแลคเตอร์ทั้งสองคันแตกต่างกันพอสมควร
รถแพนคอนดิชั่นค่อนน้อยกว่า เทอร์โบเล็ก ทุกอย่างเล็ก(ไม่สมตัวแม่มเลย) บูสต์ติดไว ขับในเมืองสนุก กดเป็นมาๆ
เป็นรถบ้านแอบแรงจริงๆ สำหรับคนชอบทอร์ค คันนี้ถือว่าเป็นรถที่ขับง่าย ชิล แอบซิ่งได้ อีกอย่างล้อยางมีส่วนมาก
เพราะรถแพนใส่ล้อเดิมขอบ 15 ก็ทำให้พอบูสต์มามันไปได้เร็ว
รถโอ๊ตคอนดิชั่นจัดหนักกว่า เทอร์โบใหญ่กว่าหน่อย ท่อทางคล้ายๆกัน ท่อไอเสียโล่งกว่า เติม E85 อีก ทำมาเป็นรถซิ่งเต็มๆ
ล้อ 18....มันใส่ล้อ 18 คันนี้จะติดบูสต์ช้ากว่ารถแพน แต่พอติดบูสต์จะดึงยาวๆ ถึง 6000 รอบเลย เหมาะสำหรับคนที่ชอบซิ่งๆ
ชอบลากรอบ คาแลคเตอร์จะเหมาะมาก แต่ที่ต้องระวังคือเกียร์ เพราะมีอาการสลิปให้เห็นเหมือนกัน
รถโอ๊ต วัดที่สไตเดอร์ ม้าลงพื้น 180 กว่าตัว ทอร์ค 27 ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับรถเครื่องพันหก ไส้เดิมแปะเทอร์โบ
ถ้าถามผมว่า หลังจากที่ได้ลองขับทั้งสองคัน ผมชอบคันไหนมากกว่ากัน ผมตอบลำบากเพราะทั้งสองคัน มันเหมือน
รถคันแรกคือนางฟ้า รถอีกคันคือซาตาน มันดีเด่นคนละแบบ
สุดท้ายแล้ว ผมรัก หมูของผมมากที่สุดนะฮ๊าฟฟฟฟ 5 5 5
-
Captiva 2.4 Ecotec พอจะทำได้ไหมครับ แรงไม่ค่อยจะมีเลย :D ถ้าทำได้เดี๋ยวรออีก2ปีให้หมดประกัน แล้วค่อยจัดหนัก ;D
-
กิเลสยกขบวนมาเลยครับพี่
ฝาแฝดโปเตเจ้เก่าๆ (Ford laser) ของผม อยากได้หอยจริงๆ อิอิ
แค่ FS-ZE ยังไม่มีปัญญาไปลง >:(
-
ถ้า Laser เป็น 1.6 อยู่แล้ว เซ็ทเทอร์โบไปเถอะครับ
น่าจะแรงกว่า วิ่งดีกว่า มาไวกว่า และประหยัดพอพอกับ FS-ZE
FS-ZE มันชักยาวครับ อาศัยรอบยาวยาว เซ็ทโบแล้วไม่ค่อยจะทน
-
quote:
"จะเอาแบบตอนถอนคันเร่งให้มีเสียงปุ้งปั้ง ท่อมีไฟออกมั้ย เดี๋ยวจัดให้"
ไอ้หอย..ไม่เอา! รถบ้านสุภาพเรียบร้อยห้ามมีปุ้งปั้ง เดี๋ยวแม่เอาไปขับตกใจว้ายกันพอดีเว้ย
unquote:
ฮาดีครับตรงนี้ ;D ;D ;D ยังตรงตาม requirement ที่ตั้งเอาไว้ตอนแรก
-
ขอบคุณคุณแพนมากครับ :
อ่านประสบการณ์ Tiida TURBO แล้วมันส์มากครับ
ได้ประโยชน์ตั้งแต่การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนกันเลยทีเดียว
จะโมดิฟายต้องเจอปัญหา เจออุปสรรค อะไรกันบ้าง
และผลลัพท์ออกมาเป็นเช่นไร
ใช้ตังค์ประมาณเท่าไร?
ทำให้มองเห็นภาพชัดเจนขึ้นมากครับ
จากประสบการณ์จริงๆ ซึ่งถ่ายทอดได้มันส์ตึ๊ง ลุ้นสุดๆ สไตล์คุณแพนครับ
ชอบอย่างนึงนะครับที่ช่างสมัยนี้
UPDATE การทำงานผ่าน FACEBOOK ด้วย ส่วนตัวผมว่าเจ๋งมากนะครับ
แล้วในที่สุดงานนี้ก็สำเร็จได้ด้วยดี
มีรถทอร์คดีสมใจ ใช้งานดี (เข้าบ้านตอนดึกๆสบาย555)
ขอบคุณคุณแพนอีกครั้งครับ
@คุณ popdemonic :
ขอบคุณมากครับ
สำหรับเรื่องราว
หอย(พิษ)และการทำงานของเทอร์โบ
ข้อควรระมัดระวังและอาการ "ขาดใจ" ของเทอร์โบ
อ่านเข้าใจง่ายได้ความรู้เพียบๆๆ ครับ
-
พวกซุ่มขอแอบมา(คอม)เม้นต์นะครับ
ได้ประสบการณ์แนว ค.คนทำรถอีกครั้ง
ความเจ็บปวดบนความสนุกสนาน(รึป่าว) แต่เป็นประสบการณ์ (บางครั้ง)ที่มีเงินก็หาไม่ได้ 5555
พอดีหอยน้อยๆของผมก็เพิ่งพังเพราะความสัพเพร่าของช่างด้วย ทำให้ได้เรียนรู้เพิ่มเติมอีกแระ ง่ะ 555
กำลังมองหาเรื่องเกจน์วัดเหมือนกันเลยครับ ได้ประโยชน์มากมาย
สุดท้าย....ชอบมากครับท่านบทความ...ถ่ายทอดมาได้สนุกเช่นเคย มันส์เจ๋งมาก
สุดท้ายเทอร์โบ จงเจริญ 555
ปล.ขอบคุณท่านที่เขียนเรื่องโบด้วย ติดตามโพสต์ท่านตลอด
ปล2 อยากให้พูดถึง fuel pump หน่อยนะครับ...แอบ้ป็นห่วงค้าบผมท่านแพน ^ ^
-
ขอบคุณคร้าบบบ
นึกว่าจะได้อ่านช่วงต้นปีหน้าซะอีกเพราะพี่แพนชอบปล่อยthe fastตอนต้นปี อิอิ
คราวนี้รถของพี่แพนเองก็เขียนหมดแล้วซิครับ ฉบับหน้าหวยจะไปออกที่รถของใครหว่า
หรือว่าจะมีเซอร์ไพร์แต่งรถตัวเองแบบทีด้านี่อีก
รอลุ้นครับ ;D
-
ประเทศไทยได้ยอดคัมภีร์เทอร์โบออกสู่ยุทธจักรอีกหนึ่งเล่ม
แฟ้มบุคคลขอปรบมือให้
-
คุณ Popdemonic นี่เป็นเซียนเทอร์โบของจริงครับ
ขนาดเพื่อนผมยังชมเลยว่าไม่ธรรมดา รื้อทำเอง หานู่นนี่มาศึกษาเองได้
ผมว่าอย่างนี้ไปทำ S6 มาตามที่วางแผนไว้เสร็จ เดี๋ยวมาเขียนลงคอลัมน์กันไหม
เพราะประสบการณ์ตรงอย่างนี้ล่ะเขียนมันส์
อาร์ต:
Set up ในรถโอ๊ตน่ะคิดเผื่อเขาไว้แล้ว มีเกียร์สำรอง แต่งรถได้ตามสบาย
ไม่มีอะไรต้องคำนึงถึงมาก มันก็จะสามารถดันแรงได้มากแบบนี้ และที่จริงเราเชื่อว่า
มันยังสามารถดันไปได้มากกว่านี้อีกถ้าไม่ใช่เพราะเกียร์
นับว่าโอ๊ตมันโชคดีที่ได้ TF035 มาใช้ในสภาพที่ดีและราคาถูกเพราะว่าทุกวันนี้
หายากมาก หาได้ก็เล่นราคากันแพง ฟังโอ๊ตอธิบาย Requirement เสร็จก็สรุปให้เลยว่า
TF035 เหมาะที่สุดสำหรับโอ๊ต เพราะถ้าอนาคตจับลงเกียร์ธรรมดา ก็ขันแรงต่อได้
อาจจะเล่นสัก 220 ตัวที่ล้อ เทอร์โบตัวนี้ก็จะรับได้ แต่ถ้าให้โอ๊ตใช้ TB2569 แบบเรา
มันจะตันอยู่ที่ 170 ตัวที่ล้อ ไปต่อจากนั้นไม่ดีแล้ว
จากที่ได้ขับมาทั้ง2 คันคงเห็นแล้วว่าแม้แต่เครื่องยนต์เดียวกัน พอเลือก Set up
ที่ต่างกันแค่ 2-3 อย่างก็ทำให้ได้รถที่คาแรคเตอร์ไม่เหมือนกัน ถึงย้ำตลอดว่า
การเลือกของต้องถูกสเป็คการใช้งาน มันถึงจะดี บางคนเลือกของผิดสเป็ค
แล้วไปคาดหวังเอาว่าจูนเนอร์จะแก้ทุกอย่างได้หมด มันก็ไม่ใช่
อย่างหมูของอาร์ต ใช้ TD04 ก็จะเหมาะกับคนที่ชอบช่วงกำลังกว้าง เรียกแล้วมา
แล้วพอมาก็คุมอยู่ ไม่ใช่มาแล้วดึงไม่รู้เรื่อง อย่างนี้เป็นต้น
-
คุณ Popdemonic นี่เป็นเซียนเทอร์โบของจริงครับ
ขนาดเพื่อนผมยังชมเลยว่าไม่ธรรมดา รื้อทำเอง หานู่นนี่มาศึกษาเองได้
ผมว่าอย่างนี้ไปทำ S6 มาตามที่วางแผนไว้เสร็จ เดี๋ยวมาเขียนลงคอลัมน์กันไหม
เพราะประสบการณ์ตรงอย่างนี้ล่ะเขียนมันส์
อาร์ต:
Set up ในรถโอ๊ตน่ะคิดเผื่อเขาไว้แล้ว มีเกียร์สำรอง แต่งรถได้ตามสบาย
ไม่มีอะไรต้องคำนึงถึงมาก มันก็จะสามารถดันแรงได้มากแบบนี้ และที่จริงเราเชื่อว่า
มันยังสามารถดันไปได้มากกว่านี้อีกถ้าไม่ใช่เพราะเกียร์
นับว่าโอ๊ตมันโชคดีที่ได้ TF035 มาใช้ในสภาพที่ดีและราคาถูกเพราะว่าทุกวันนี้
หายากมาก หาได้ก็เล่นราคากันแพง ฟังโอ๊ตอธิบาย Requirement เสร็จก็สรุปให้เลยว่า
TF035 เหมาะที่สุดสำหรับโอ๊ต เพราะถ้าอนาคตจับลงเกียร์ธรรมดา ก็ขันแรงต่อได้
อาจจะเล่นสัก 220 ตัวที่ล้อ เทอร์โบตัวนี้ก็จะรับได้ แต่ถ้าให้โอ๊ตใช้ TB2569 แบบเรา
มันจะตันอยู่ที่ 170 ตัวที่ล้อ ไปต่อจากนั้นไม่ดีแล้ว
จากที่ได้ขับมาทั้ง2 คันคงเห็นแล้วว่าแม้แต่เครื่องยนต์เดียวกัน พอเลือก Set up
ที่ต่างกันแค่ 2-3 อย่างก็ทำให้ได้รถที่คาแรคเตอร์ไม่เหมือนกัน ถึงย้ำตลอดว่า
การเลือกของต้องถูกสเป็คการใช้งาน มันถึงจะดี บางคนเลือกของผิดสเป็ค
แล้วไปคาดหวังเอาว่าจูนเนอร์จะแก้ทุกอย่างได้หมด มันก็ไม่ใช่
อย่างหมูของอาร์ต ใช้ TD04 ก็จะเหมาะกับคนที่ชอบช่วงกำลังกว้าง เรียกแล้วมา
แล้วพอมาก็คุมอยู่ ไม่ใช่มาแล้วดึงไม่รู้เรื่อง อย่างนี้เป็นต้น
พอลองรถไอ้โอ๊ต บอกกับน้องเลยว่า ให้ไม่เกิน 5 เดือนเกียร์พังแน่ๆ เพราะวันที่ลอง ช่วงบูสต์มาเต็มแล้วเปลี่ยนเกียร์
ยังมีลื่นเลย น่ากลัวอยู่ แต่ถ้าได้เกียร์ธรรมดาชน ศักยภาพ เครื่องตัวนี้ น่ากลัวใช้ได้เลย ไปได้เยอะอยู่ ถ้าลดล้อเหลือขอบ 17
น่าจะขับดีกว่านี้ ส่วนของแพนเราว่าขับดีอยู่แล้ว เซฟๆ ด้วย น่าจะเหมาะกับรถที่ใช้งานทุกวันมากกว่า
ส่วนหมูตอนนี้พอใจดีอยู่แล้วนะ เพราะเจ้าของเดิม รีแฟลชที่ A Motor มา ใส่ ECUTEK มา ไม่อยากไปยุ่ง ปวดกระโหลก
เพราะให้คนอื่นแก้ไม่ได้ ต้องกลับไปที่เดิมอย่างเดียว เลยพอไว้แค่นี้ ทำให้สมบูรณ์ ขับสนุกมาก ตอนนี้บูสต์ประมาณบาร์สอง
แรงม้าแรงบิดไม่รู้นะ แต่ถ้าเทียบกับรถโอ๊ต ทอร์ค 27 หมูเราดึงหนักกว่ามาก เอาไว้รถสมบูรณ์ก่อน ว่าจะไปวัดแรงม้าซักหน่อย
เก็บไว้เป็นข้อมูล ว่าจะเอารถไปให้ลองๆ ดันเสือกหล่นโรงจอดรถซะงั้น ยับทั้งหน้าทั้งหลัง....
รอทำสีเสร็จเรียบร้อย กับเก็บสภาพเสร็จค่อยว่ากันครับ
-
ขอถามพี่แพนหน่อยครับ สมมุติถ้าพี่ใช้ 1.8 อยู่ พี่แพนจะนำไปผูกโบแบบนี้รึเปล่าครับ :D