Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 11:38:47

หัวข้อ: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 11:38:47
ขอความคิดเห็นหน่อยครับ
คือตอนนี้ผมอายุประมาณ 28 ครับ มีเงินรายได้ต่อเดือนประมาณ 1-1.1 แสนบาท(มีเงินรายได้แน่นอน)
กำลังตัดสินใจออก Benz C200 STD ราคา 2.149 ล้านบาท แต่ผมมีเรื่องกังวลครับ
1.กลัวค่าบำรุงรักษาและค่าซ่อมแซม ความจุกจิกของเบนซ์
2.ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย เทียบกับรถญี่ปุ่นครับ จึงลังเลกับaccord
ผมไม่มีความรู้เลยครับ กลัวออกBenzแล้ว จะไม่ไหวค่าเช็คระยะ ค่าซ่อมบำรุงอะครับ
ยังไงขอความคิดเห็นด้วยนะครับ
ปล.จะดาวน์ประมาณ 1.2 ล้าน ผ่อน 5 ปี เดือนละประมาณ 1.5 หมื่นครับ
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mick ที่ สิงหาคม 10, 2012, 11:43:18
น่าจะได้นะครับ แต่โฉมนี้ไม่นานก็ตกรุ่นแล้วนะครับผม
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NONT4477 ที่ สิงหาคม 10, 2012, 12:09:22
รายได้ระดับนี้ทำไมกลัวจะไม่ไหวค่าซ่อมบำรุงล่ะครับ
 มันไม่ได้ต้องจ่ายกันทุกเดือน
แต่ถ้า จขกท. ไม่ได้ผ่อนอย่างอื่นด้วย ผมว่าเล่นตัว ELE,AV ดีกว่าไหม?
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: YF-19 ที่ สิงหาคม 10, 2012, 12:22:48
1. เบนซ์ ไม่จุกจิกครับ ถือว่าน้อยมากแล้วในรถยุโรปครับ

2. ขับสบาย แรงและขับดีกว่า accord เยอะครับ เพียงแต่คันมันเล็กกว่าครับ

ผมใช้ c200 std navi ครับ ออกมาตั้งแต่ มกรา 55 นี้เองครับ  เข้าเช็ก 10000 กม.แรกไป 5000+ บาทครับ

ไม่มีอะไรน่ากังวลครับ ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: heracrase ที่ สิงหาคม 10, 2012, 12:23:24
รถยุโรปขับดีกว่าญี่ปุ่นแน่นอนครับ ภาพลักษณ์เหนือกว่า และขายต่อมือสอง เบนซ์ก็ราคาดีสุดในกลุ่มระดับเดียวกันนะครับ

เบนซ์ก็วางใจได้ อาจจะต้องดูศูนย์ที่ชื่อเสียงดีหน่อย ประกัน3ปี แต่ส่วนมากจะเริ่มต้องซ่อมบางอย่างกันช่วงปีที่4-5ครับ

ค่าซ่อมค่อนข้างหนัก ก็แล้วแต่เคส แต่ส่วนมากซ่อมแล้วจบ ไม่ค่อยจุกจิก

ยิ่งC Classตัวนี้มันท้ายๆของอายุแล้ว ปัญหาน่าจะน้อยสุดแล้วครับ. รายได้ระดับ จขกท ไม่น่ามีปัญหาครับ

น่าจะลองดูC Classรุ่นที่อ๊อปชั่นมากกว่าSTD แล้วลองดูราคาผ่อนดูครับอาจจะมากกว่ากันนิดเดียว. 8)
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: vuthtichai ที่ สิงหาคม 10, 2012, 12:24:21
มันไม่ได้ซ่อมบำรุงน่ากลัวขนาดนั้น ครับ ถ้าผ่อนแค่ 15000 สบายๆ ครับ ใช้ สิบปี ยาวๆ ก็เสียไม่เท่าไหร่ครับ ถ้าเทียบกับความปลอดภัย และ สมรรถนะ
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: นายพรานจ๋าหมีมาแล้ว ที่ สิงหาคม 10, 2012, 12:26:47
เรื่องอะไหร่ก็ไม่ได้จุกจิกมากกว่ารถญี่ปุ่นมากเท่าไรหรอกครับ อีกอย่างมันก้ไม่ได้ซ่อมบ่อยหรือต้องเข้าศูนย์หรืออู่ทุกเดือนนิครับ

ถ้าจะออกรถออกตัวใหม่ดีกว่ามั้ยครับ เพราะตัวนี้ใกล็ตกรุ่นแล้วนะครับ อีกอย่างถ้าออกมีงบประมาณนี้น่าจะขยับไปเอาตัว ELE,AV ดีกว่า

ตัว C200 STD แทบไม่มีอะไรเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pan Paitoonpong ที่ สิงหาคม 10, 2012, 12:31:59
ถ้ายังไม่มีครอบครัว และรายได้ 1แสนตรงนั้นไม่ต้องมีภาระอื่นๆ
การเล่นรถราคา 2.149 ล้านก็ถือว่าโอเค (คนเงินเดือนห้าหมื่นซื้อรถล้านนึงก็ไม่แปลก)

ผ่อนเดือนละ 15,000 ถ้าคิดไม่ผิด แปลว่ายังมีเงินเหลืออีก 85,000 บาท
ผมขอให้หยอดกระปุกอย่างน้อยเดือนละ 5,000 เอาไว้ซ่อมรถ ซึ่งคงไม่ซ่อมทุกเดือนหรอก
แต่ช่วง 3-4 ปีหลังอาจจะมีบ้าง ถ้าทำแบบนี้ได้ก็ไม่ต้องกลัวอะไร

ถ้าคุณมีเป้าว่าต้องการขับเบนซ์ อย่ากลัว มันมีอยู่แล้ว ถ้าอยากได้รถไม่จุกจิก
เชื่อผม ไม่มีอะไร สงบกระเป๋ามากกว่ารถญี่ปุ่น 1.2-1.5ลิตรครับ ยิ่งหากจากนั้นไป
จุดที่จะให้จุกจิกก็มากเป็นเงาตามตัว ต่อให้เบนซ์ ต่อให้ BMW ต่อให้ Volvo หรือ VW มีหมดครับ
ขนาดรถยุโรปที่คนบอกว่าดูแลง่ายไม่จุกจิก ประสบการณ์ผมบอกว่าท้ายสุดมันคือรถญี่ปุ่น
เล็กๆป้ายแดงนี่ล่ะที่มีปัญหาน้อยสุดในช่วงการใช้งาน 5 ปี

ส่วนรถญี่ปุ่น D-Segment ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรนะ แต่มีจุดให้คำนึงถึงมากกว่า อย่าง Camry Hybrid
ผมเห็นคนใช้มา3ปี ก็ไม่เห็นมีอะไรจะเป็นปัญหา

ถ้าคุณกลัวเรื่องการซ่อมบำรุง ต้องถามก่อน กลัวอะไร..กลัวเสียเวลาเข้าศูนย์ หรือกลัวเสียเงิน
หรือทั้งสองอย่าง ถ้าทั้งสองอย่าง ก็ต้องถามว่าทำไมถึงเล่นเบนซ์..ถ้าเป็นเพราะชีวิตนี้
มีฝันอยากขับเบนซ์ คำตอบจะกี่คำตอบมันก็จบที่เบนซ์ตัวนี้ไม่ว่าจะจุกจิกหรือไม่ก็ตาม

เว้นแต่ว่าถ้าไม่ซีเรียสว่าต้องเป็นเบนซ์ แต่อยากให้ดูหรูดูดีหน่อยก็ลองพวก Camry Hybrid
ตัวล่างสุดแล้วมาทำเครื่องเสียงเองก็ได้ ส่วนต่างที่คุณเซฟได้จากการไม่ซื้อเบนซ์น่ะเหลือ
4 แสนกว่าๆ ต่อให้ Camry จะจุกจิก เงินจำนวนนี้ก็เก็บไว้ให้คุณซ่อมได้นานก็แล้วกัน

หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ChiLun ที่ สิงหาคม 10, 2012, 12:35:51
c ตอนนี้ไม่คุ้มแล้วครับยิ่งจะใช้ผ่อน5ปี แต่ถ้าซีรี่3ออกตอนนี้โอเคนะครับ

เรื่องผ่อนต้องคิดถึงภาระอื่นๆที่มีอยู่แล้วและอาจมีเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: HYDE-- ที่ สิงหาคม 10, 2012, 12:37:34
ออกเบ้นป้ายแดง ยังไงก็ไม่จุกจิกแน่ๆครับ แต่ค่าซ่อมบำรุง ก็ต้องแพงกว่ารถญี่ปุ่น
รายได้ตั้งขนาดนี้ กับ C200 std ไหวแน่นอนครับ ไม่ต้องห่วง แต่ขึ้นกะว่าอยากเหลือเงินทำอย่างอื่นเท่าไหร่มากกว่า

ถ้าเทียบกะ แอคคอด ก็จะได้รถที่ แคบกว่าค่อนข้างเยอะ แต่เบาะนั้งสบายกว่าครับ ขับก็สบายกว่า แรงกว่า นุ่มกว่า หนึบกว่า ภาพลักษณ์ดีกว่า

หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: vuthtichai ที่ สิงหาคม 10, 2012, 12:48:58
ถ้ามอง c200 std ลองเพิ่มอีกหน่อยไปเล่น c220 cdi ไหมครับ เครื่องดีเซล ประหยัดใช้ยาว ค่าซ่อมบำรุงน้อยกว่า ( นิดหน่อย ) เรื่องค่าซ่อมบำรุงอย่าไปกลัวครับ เปลี่ยนแล้วหาย ส่วนมากรถญี่ปุ่นเวลาเข้าศูนย์ ช่วง 4 - 5 ปีเค้าก็เปลี่ยนเหมือนกันไม่ซ่อม ค่าใช้จ่ายต่างกันประมาณ 1 - 2 เท่า ( ผมว่ารับได้กับคุณภาพ )
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 13:11:52
ขอขอบคุณทุกๆคนครับ ขอบคุณคำแนะนำดีๆ ช่วยในการตัดสินใจได้เยอะเลย  ;D
ตื่นเต้นด้วยครับที่พี่ Commander Cheng ให้เกียรติมาตอบด้วย
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: heracrase ที่ สิงหาคม 10, 2012, 13:27:14
ได้รถแล้วเอามาโชว์ตัวหน่อยนะครับ 8)
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: apiwattu67 ที่ สิงหาคม 10, 2012, 13:58:37
ผมว่าเล่น 320d F30 น่าจะคุ้มกว่านะครับ
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: 7777777 ที่ สิงหาคม 10, 2012, 14:10:00
อยากถามว่า เป็นคนใช้รถนานไหมครับ (เช่นก่ะขับห้าปีขาย ซื้อใหม่ หรือก่ะลากใช้งานยาวเลยครับ 10ปี+)

อีกอย่าง งานที่ทำ... คิดว่าจำเป็นต้องขับรถหรูเพื่อภาพลักษณ์ของบริษัท หรือ งานที่ทำด้วยไหมครับ (มีเงื่อนไขอื่นอีกหรือเปล่า ว่าต้องขับรถหรู)?



ส่วนตัว.... ผมเปลี่ยนรถทุก4-5ปี หรือประมาณ 100,000 km +/- เนื่องจากไม่ชอบมาดูแลรถเก่าๆ มันจุกจิกและวุ่นวาย ง่ายๆคือไม่มีเวลาพอครับ

งานที่ผมทำ... พอขับรถหรู ก็กลายเป็นโดนแขวะ ทั้งจากหลายๆด้าน รวมไปถึงลูกค้า (ว่ากำไรเยอะดิ เลยขับหรู, ลดราคาเลย.... เป็นงั้นไป)


ปัจจุบัน วันธรรมดาขับรถธรรมดาๆ (ญี่ปุ่น) รถยุโรปเป็นของคุณแม่ (ลูกขับให้) ใช้ตอนเสาร์-อาทิตย์ หรือ ออกงานเท่านั้น เพราะรำคาญพวกชอบแขวะ  

แต่ยังไงรถยุโรปมันเหนือกว่ารถญี่ปุ่นจริงๆ ทั้งภาพลักษณ์ (ในเมืองไทย), ฟิลลิ่งต่างๆ, และเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ


หวังว่าคงช่วยได้ไม่มากก็น้อยครับ



p.s. ความรู้สึกที่แย่สุดๆๆๆๆๆตอนขับรถยุโรปคือ เคยโดนด่านเรียก ผมเปิดกระจกนิดนึงก่ะถามว่าอะไรหว่า หัวปิงปองพูดกันใหญ่ว่า "เบนซ์เว่ยๆๆๆ" และโบกให้จอด
 :-\ :-\ :-\
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: patzahut ที่ สิงหาคม 10, 2012, 14:11:55
จากที่เห็นรายได้  ซื้อ Class ไหวครับ  เว้นแต่จะเก็บเงินไปลงทุนด้านอื่นซะมากกว่า(ต่างคนต่างความคิดเนอะ)

แต่ถ้าอยากได้ Benz ก็ซื้อได้ครับ ไม่ได้เกินตัว     ได้รถที่ตัวเองชอบ เวลาขับมันสุขกว่านะ
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Odrecranon ที่ สิงหาคม 10, 2012, 14:24:41
ต่างคนต่างความคิดนะครับ

ผมเอาไปลงทุนให้ได้กำไร แล้วเอากำไรส่วนนั้นมาซื้อรถ
รถราคา 2 ล้านกว่า ดอกเบี้ย 5 ปี เยอะนะครับ 6 หลัก แน่นอน นอกจาก ฟรีดอกเบี้ย

แต่ต้องศึกษาให้ดีก่อนลงทุน เพราะถ้าเสีย ก็ เสียเยอะเหมือนกัน

แต่ถ้าใจรักจริง ๆ จะซื้อ ระดับคุณ ผมว่าไม่เป็นปัญหาหรอกครับ
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: idolking ที่ สิงหาคม 10, 2012, 15:04:22
ปสก ส่วนตัวครับ  ซื้อ x3  2.7m รายได้ 150k

ผมว่าเงินเดือนระดับนี้ผ่อน สบายๆครับ

รถใหม่ๆ ไม่ค่อยจุกจิกหรอกครับ ฟีลลิ่งการขับก็ ต่างกันเยอะครับ

มักจะได้ ที่จอดดีๆ บ่อยๆด้วยนะครับ

 
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Devil13 ที่ สิงหาคม 10, 2012, 15:30:09
ถ้ายังไม่มีครอบครัว และรายได้ 1แสนตรงนั้นไม่ต้องมีภาระอื่นๆ
การเล่นรถราคา 2.149 ล้านก็ถือว่าโอเค (คนเงินเดือนห้าหมื่นซื้อรถล้านนึงก็ไม่แปลก)

ผ่อนเดือนละ 15,000 ถ้าคิดไม่ผิด แปลว่ายังมีเงินเหลืออีก 85,000 บาท
ผมขอให้หยอดกระปุกอย่างน้อยเดือนละ 5,000 เอาไว้ซ่อมรถ ซึ่งคงไม่ซ่อมทุกเดือนหรอก
แต่ช่วง 3-4 ปีหลังอาจจะมีบ้าง ถ้าทำแบบนี้ได้ก็ไม่ต้องกลัวอะไร

ถ้าคุณมีเป้าว่าต้องการขับเบนซ์ อย่ากลัว มันมีอยู่แล้ว ถ้าอยากได้รถไม่จุกจิก
เชื่อผม ไม่มีอะไร สงบกระเป๋ามากกว่ารถญี่ปุ่น 1.2-1.5ลิตรครับ ยิ่งหากจากนั้นไป
จุดที่จะให้จุกจิกก็มากเป็นเงาตามตัว ต่อให้เบนซ์ ต่อให้ BMW ต่อให้ Volvo หรือ VW มีหมดครับ
ขนาดรถยุโรปที่คนบอกว่าดูแลง่ายไม่จุกจิก ประสบการณ์ผมบอกว่าท้ายสุดมันคือรถญี่ปุ่น
เล็กๆป้ายแดงนี่ล่ะที่มีปัญหาน้อยสุดในช่วงการใช้งาน 5 ปี

ส่วนรถญี่ปุ่น D-Segment ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรนะ แต่มีจุดให้คำนึงถึงมากกว่า อย่าง Camry Hybrid
ผมเห็นคนใช้มา3ปี ก็ไม่เห็นมีอะไรจะเป็นปัญหา

ถ้าคุณกลัวเรื่องการซ่อมบำรุง ต้องถามก่อน กลัวอะไร..กลัวเสียเวลาเข้าศูนย์ หรือกลัวเสียเงิน
หรือทั้งสองอย่าง ถ้าทั้งสองอย่าง ก็ต้องถามว่าทำไมถึงเล่นเบนซ์..ถ้าเป็นเพราะชีวิตนี้
มีฝันอยากขับเบนซ์ คำตอบจะกี่คำตอบมันก็จบที่เบนซ์ตัวนี้ไม่ว่าจะจุกจิกหรือไม่ก็ตาม

เว้นแต่ว่าถ้าไม่ซีเรียสว่าต้องเป็นเบนซ์ แต่อยากให้ดูหรูดูดีหน่อยก็ลองพวก Camry Hybrid
ตัวล่างสุดแล้วมาทำเครื่องเสียงเองก็ได้ ส่วนต่างที่คุณเซฟได้จากการไม่ซื้อเบนซ์น่ะเหลือ
4 แสนกว่าๆ ต่อให้ Camry จะจุกจิก เงินจำนวนนี้ก็เก็บไว้ให้คุณซ่อมได้นานก็แล้วกัน



คุณแพนพูดเป็นสัจธรรมเลย
สมัยก่อนผมก็อยากได้ รถยุโรป กะว่าจะหามือ2 สภาพดีเอาไว้ขี่โก้ๆ
แต่พอไปเล่น Big Bike  มือ 2 มา 1ปี ก็เห็นธาตุแท้
ขี่รถบ้านๆ ที่เค้าขี่กันเกลื่อนเมืองนี้แหละ ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว  ;D
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: wanarat7777 ที่ สิงหาคม 10, 2012, 16:06:49
รายได้พอๆกันครับ ผมก็มองพวก GTI ใว้เหมือนกัน แต่พอมาดูรายการใช้จ่ายที่บางอย่างต้องทำใว้เผื่ออนาคต เช่นประกันต่างๆนาๆที่ต้องทำใว้เผื่อพ่อแม่ ประกันชีวิต ทุกรูปแบบ ประกันบ้าน ประกันรถที่แพงกว่า ผมเริ่มมานั่งคิดและว่าชักจะไม่คุ้ม เพราะ รถขับในไทย ผมขับรถ 5 กม.จากออฟฟิสกลับบ้าน ผ่านหน้าราม ผมโดนมอไซค์เฉี่ยว ทั้งท้ายรถ กระจก และชนตูดแบบไม่มีรอย ไปสามดอก รถติดหนึ่ง ชม. แต่ผมปั่นจักรยานช้าๆกลับบ้าน อุปกรณ์ป้องกันครบเท่าที่ทำได้พร้อมผ้ากรองอากาศนิดหน่อย ใช้เวลา 20 นาที ผมเปลี่ยนใจมามอง CX5 หรือ Focus แทนเพราะความปลอดภัยก็ไม่ต่างกันเกิน 30% แค่ไม่ได้ตัวตนที่เราอยากได้ แล้วก็ได้ลดรายจ่าย หลายๆอย่างกับเงินที่เราจะต้องเสียไปกับรถยนต์ ที่โอกาศเกิดอุบัติเหตุสูงในไทย ถนนก็แย่ ผมว่ามองรถที่ประกอบหรือผลิตในไทย แม้ศูนย์จะห่วยก็ยังมีศูนย์ดีกว่าไปหวังกับรถที่แทบไม่มีศูนย์ แต่ก็นั่นแหละครับ ถ้าเงินเหลือ ผมยอมเสีย 2.6 ล้านกับ GTI แน่นอน ;D
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Panda_GuY ที่ สิงหาคม 10, 2012, 16:57:25
รถญี่ปุ่นขับขี่ดีครับ แต่รถยุโรปขับขี่ดีกว่า แต่ผมแนะนำรถญี่ปุ่นครับ รถป้ายแดงสมัยนี้สมรถภาพก็เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว เพียงแต่เลือกซีซีขนาดรถให้เหมาะกับการใช้งานของเราก็พอ รถญี่ปุ่นราคาประหยัดกว่า คุ้มค่ากว่า (แค่ภาษีนำเข้าก็แพงเวอร์) ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า ประกันก็จ่ายน้อยกว่า ที่สำคัญที่สุดเลยคือความสบายใจครับ เวลาไปทำธุระจอดรถที่ไหนก็ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ แต่ยังไงๆรถเมืองไทยก็แพงเกินจริงไม่ว่ายี่ห้ออะไรก็ตาม.

หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: virapols ที่ สิงหาคม 10, 2012, 18:25:31
ผมกลับมองว่ารายได้จขกท  ไม่ได้มากถึงขนาดจำเป็นต้องออกเบนซ์ราคาสองล้าน
สมัยนี้เงินรายได้แสนบาทไม่ได้มากเลยน่ะครับ
อาจเป็นเพราะผมเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน ตอนนั้นรายได้แสนกว่า ๆ แล้วออก C class W203
บอกตรง ๆ ว่าไม่ได้ใช้มันอย่างคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป โดนค่าซ่อมปีหลัง ๆ กับค่าประกันหนักพอสมควร หลัง ๆ คิดเสียดายเงินผ่อนต่อเดือน คิดแล้วไม่น่าเลย
สุดท้ายเลยขายไป ใช้ได้ เจ็ดปี
ตอนนี้รายได้มากกว่านั้นมาก แต่ขับแคมรี่ สบายใจมากครับ ใช้สามปีแล้วคิดจะเปลียนเป็น new teana ขับแบบลุยได้เลยไม่ต้องถนอมมาก
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: beerrl ที่ สิงหาคม 10, 2012, 19:33:51
มองที่วัตถุประสงค์การใช้งานเป็นหลักครับ
ผมว่าเรื่องค่าบำรุงรักษาไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับรถใหม่ และ รายได้เท่านี้ครับ
รถ Benz ดีครับ ดูดี ภาพลักษณ์ดี รายคาขายต่อดี ช่วงล่าง การขับขี่ดี แต่ บางที อาจจะไม่เหมาะกับหน้าที่การงานแต่ละคน และ การขับขี่บางประเภท

หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: H3T ที่ สิงหาคม 10, 2012, 20:37:20
 ขอแนะนำแบบง่ายๆนะครับ
 1. อยากได้ Benz เพื่ออะไร ตอบให้ได้ก่อนนะครับ
      - สมรรถนะ ความปลอดภัย
      - ภาพลักษณ์ในกลุ่ม รวมถึงสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่
      - ชอบ อยากได้เป็นรางวัลของตัวเองที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง
 2. รายได้ที่บอกว่ามั่นคง
      - รับราชการ รัฐวิสาหกิจ
      - มีธุรกิจเป็นของตัวเอง บริหารเอง ประเภทอะไร ( ไม่ต้องบอกก็ได้ครับ ) รายได้ประจำปีหลังหักภาษีเท่าไหร่
      - มีกิจการของตัวเอง มีหุ้นส่วนในบริษัทหรือองค์กร
      - อาชีพเฉพาะทาง เช่น หมอ อัยการ เภสัช
      - มีรายได้จากค่าเช่า ประเภทรายเดือน ทุกประเภท
      - มีรายได้จากสวนยาง สวนปาล์ม
 3. วางแผนอนาคตระยะใกล้ๆ ไม่เกิน 3-5 ปีนี้อย่างไร
      น่าจะแนวนี้นะ อายุ 28 ยังโสด ขอใช้ชีวิตโสดให้พอก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่

 ตอบตัวเองได้แล้ว ก็ลุยโลดครับ
 ดู C200 ก็โอเค แต่อยากจะให้ลองเพิ่มตัวเลือกเป็น C220 CDI ด้วยนะครับ ไปลองขับก่อน ชอบไม่ชอบยังไงค่อยตัดสินใจอีกทีครับ

  ขอให้สนุกกับรถใหม่ครับผม

 
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NinaDaddy ที่ สิงหาคม 10, 2012, 20:39:03
ผมเห็นด้วยอย่างมากกับการเลือกซื้อรถให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ของการใช้งานจริง
อายุขนาดนี้ยังจำเป็นต้องวางแผนทางการเงินในระยะยาวด้วยนะครับ
ถ้าเป็นผมคงจะอดใจไว้ก่อน แล้วเลือกรถราคาล้านต้นๆใช้ไปซัก 5-6 ปีก่อนครับ  :)
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 20:52:32
น่าจะได้นะครับ แต่โฉมนี้ไม่นานก็ตกรุ่นแล้วนะครับผม
อ๋อ พอดีไม่ทราบเลยครับ ว่าโฉมใหม่จะมาเมื่อไหร่ แต่คิดว่าถ้าเป็นโฉมใกล้ตกรุ่น น่าจะแก้ไขปัญหาทุกอย่างไปพอสมควร
ขอบคุณมากๆที่ตอบกระทู้ผม
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 20:56:01
ผมเห็นด้วยอย่างมากกับการเลือกซื้อรถให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ของการใช้งานจริง
อายุขนาดนี้ยังจำเป็นต้องวางแผนทางการเงินในระยะยาวด้วยนะครับ
ถ้าเป็นผมคงจะอดใจไว้ก่อน แล้วเลือกรถราคาล้านต้นๆใช้ไปซัก 5-6 ปีก่อนครับ  :)

ครับ คุณNinaDaddy ผมก็คิดไม่ตกเหมือนกันครับ กลัวจะเอาเงินไปจมกับรถมากเกินไป ขอบคุณมากครับที่ช่วยแนะนำ
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 21:03:32
ขอแนะนำแบบง่ายๆนะครับ
 1. อยากได้ Benz เพื่ออะไร ตอบให้ได้ก่อนนะครับ
      - สมรรถนะ ความปลอดภัย
      - ภาพลักษณ์ในกลุ่ม รวมถึงสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่
      - ชอบ อยากได้เป็นรางวัลของตัวเองที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง
 2. รายได้ที่บอกว่ามั่นคง
      - รับราชการ รัฐวิสาหกิจ
      - มีธุรกิจเป็นของตัวเอง บริหารเอง ประเภทอะไร ( ไม่ต้องบอกก็ได้ครับ ) รายได้ประจำปีหลังหักภาษีเท่าไหร่
      - มีกิจการของตัวเอง มีหุ้นส่วนในบริษัทหรือองค์กร
      - อาชีพเฉพาะทาง เช่น หมอ อัยการ เภสัช
      - มีรายได้จากค่าเช่า ประเภทรายเดือน ทุกประเภท
      - มีรายได้จากสวนยาง สวนปาล์ม
 3. วางแผนอนาคตระยะใกล้ๆ ไม่เกิน 3-5 ปีนี้อย่างไร
      น่าจะแนวนี้นะ อายุ 28 ยังโสด ขอใช้ชีวิตโสดให้พอก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่

 ตอบตัวเองได้แล้ว ก็ลุยโลดครับ
 ดู C200 ก็โอเค แต่อยากจะให้ลองเพิ่มตัวเลือกเป็น C220 CDI ด้วยนะครับ ไปลองขับก่อน ชอบไม่ชอบยังไงค่อยตัดสินใจอีกทีครับ

  ขอให้สนุกกับรถใหม่ครับผม

 
ขอบคุณมากครับที่ช่วยตอบกระทู้ผม C220 CDI ยังไม่เคยลองครับ จะลองขับดูนะครับ
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 21:08:16
มองที่วัตถุประสงค์การใช้งานเป็นหลักครับ
ผมว่าเรื่องค่าบำรุงรักษาไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับรถใหม่ และ รายได้เท่านี้ครับ
รถ Benz ดีครับ ดูดี ภาพลักษณ์ดี รายคาขายต่อดี ช่วงล่าง การขับขี่ดี แต่ บางที อาจจะไม่เหมาะกับหน้าที่การงานแต่ละคน และ การขับขี่บางประเภท


ขอบคุณครับที่ตอบกระทู้ผม เป็นอย่างที่คุณbeerrlบอกครับ รถดูดี ภาพลักษณ์ดีฯแต่บางทีมันจะเหมาะกับหน้าที่การงานผมหรือเปล่า? ;)
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 21:11:13
ผมกลับมองว่ารายได้จขกท  ไม่ได้มากถึงขนาดจำเป็นต้องออกเบนซ์ราคาสองล้าน
สมัยนี้เงินรายได้แสนบาทไม่ได้มากเลยน่ะครับ
อาจเป็นเพราะผมเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน ตอนนั้นรายได้แสนกว่า ๆ แล้วออก C class W203
บอกตรง ๆ ว่าไม่ได้ใช้มันอย่างคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป โดนค่าซ่อมปีหลัง ๆ กับค่าประกันหนักพอสมควร หลัง ๆ คิดเสียดายเงินผ่อนต่อเดือน คิดแล้วไม่น่าเลย
สุดท้ายเลยขายไป ใช้ได้ เจ็ดปี
ตอนนี้รายได้มากกว่านั้นมาก แต่ขับแคมรี่ สบายใจมากครับ ใช้สามปีแล้วคิดจะเปลียนเป็น new teana ขับแบบลุยได้เลยไม่ต้องถนอมมาก
ครับพี่ เพราะผมกลัวเหมํอนกัน กลัวจะเอาเงินไปจม และค่าต่างๆนานา เห็นพี่โพสต์มาเตือนสติอย่างงี้ ผมคงต้องเอาไปคิดให้หนัก ขอบคุณมากๆครับพี่
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 21:13:52
รถญี่ปุ่นขับขี่ดีครับ แต่รถยุโรปขับขี่ดีกว่า แต่ผมแนะนำรถญี่ปุ่นครับ รถป้ายแดงสมัยนี้สมรถภาพก็เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว เพียงแต่เลือกซีซีขนาดรถให้เหมาะกับการใช้งานของเราก็พอ รถญี่ปุ่นราคาประหยัดกว่า คุ้มค่ากว่า (แค่ภาษีนำเข้าก็แพงเวอร์) ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า ประกันก็จ่ายน้อยกว่า ที่สำคัญที่สุดเลยคือความสบายใจครับ เวลาไปทำธุระจอดรถที่ไหนก็ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ แต่ยังไงๆรถเมืองไทยก็แพงเกินจริงไม่ว่ายี่ห้ออะไรก็ตาม.


ครับ คิดอีกแบบก็ความสบายใจและเงินที่เสียไปกับรถ รถญี่ปุ่นก็เป็นทางเลือกที่ดีเลยครับ ขอบคุณมบกๆครับ ที่มาตอบกระทู้
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 21:19:43
รายได้พอๆกันครับ ผมก็มองพวก GTI ใว้เหมือนกัน แต่พอมาดูรายการใช้จ่ายที่บางอย่างต้องทำใว้เผื่ออนาคต เช่นประกันต่างๆนาๆที่ต้องทำใว้เผื่อพ่อแม่ ประกันชีวิต ทุกรูปแบบ ประกันบ้าน ประกันรถที่แพงกว่า ผมเริ่มมานั่งคิดและว่าชักจะไม่คุ้ม เพราะ รถขับในไทย ผมขับรถ 5 กม.จากออฟฟิสกลับบ้าน ผ่านหน้าราม ผมโดนมอไซค์เฉี่ยว ทั้งท้ายรถ กระจก และชนตูดแบบไม่มีรอย ไปสามดอก รถติดหนึ่ง ชม. แต่ผมปั่นจักรยานช้าๆกลับบ้าน อุปกรณ์ป้องกันครบเท่าที่ทำได้พร้อมผ้ากรองอากาศนิดหน่อย ใช้เวลา 20 นาที ผมเปลี่ยนใจมามอง CX5 หรือ Focus แทนเพราะความปลอดภัยก็ไม่ต่างกันเกิน 30% แค่ไม่ได้ตัวตนที่เราอยากได้ แล้วก็ได้ลดรายจ่าย หลายๆอย่างกับเงินที่เราจะต้องเสียไปกับรถยนต์ ที่โอกาศเกิดอุบัติเหตุสูงในไทย ถนนก็แย่ ผมว่ามองรถที่ประกอบหรือผลิตในไทย แม้ศูนย์จะห่วยก็ยังมีศูนย์ดีกว่าไปหวังกับรถที่แทบไม่มีศูนย์ แต่ก็นั่นแหละครับ ถ้าเงินเหลือ ผมยอมเสีย 2.6 ล้านกับ GTI แน่นอน ;D
ความคิดก็คล้ายๆกันครับ CX-5ผมก็เคยมองๆไว้ครับ เสียดายเงินเหมือนกันครับที่หมดไปกับเบนซ์ ผมคงต้องกลับไปคิดให้มากๆแล้ว ขอบคุณนะครับที่มาตอบกระทู้
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 21:22:18
ปสก ส่วนตัวครับ  ซื้อ x3  2.7m รายได้ 150k

ผมว่าเงินเดือนระดับนี้ผ่อน สบายๆครับ

รถใหม่ๆ ไม่ค่อยจุกจิกหรอกครับ ฟีลลิ่งการขับก็ ต่างกันเยอะครับ

มักจะได้ ที่จอดดีๆ บ่อยๆด้วยนะครับ

 

X3 สวยดีครับ คันนี้ผมก็ชอบ ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PM_SW ที่ สิงหาคม 10, 2012, 21:29:02
 ผมว่าเบนซ์ก็โอเคนะครับ มีเงินทั้งทีใช้รถยุโรปดีกว่าคับ ขับไปไหนก็ดูดีผมคิดว่าเบนซ์ก็ไม่ได้จุกจิกอะไร รถยุโรปเลือกแล้วไม่ผิดหวังคับ ผมเองแต่ก่อนก็ใช้รถญี่ปุ่นแต่พอซื้อมาใช้AUDIแล้วผมรักในคุณภาพของรถยุโรปเลยคับ  ;D
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 21:30:33
ต่างคนต่างความคิดนะครับ

ผมเอาไปลงทุนให้ได้กำไร แล้วเอากำไรส่วนนั้นมาซื้อรถ
รถราคา 2 ล้านกว่า ดอกเบี้ย 5 ปี เยอะนะครับ 6 หลัก แน่นอน นอกจาก ฟรีดอกเบี้ย

แต่ต้องศึกษาให้ดีก่อนลงทุน เพราะถ้าเสีย ก็ เสียเยอะเหมือนกัน

แต่ถ้าใจรักจริง ๆ จะซื้อ ระดับคุณ ผมว่าไม่เป็นปัญหาหรอกครับ
ครับผม ผมคงต้องศึกษาให้ดีจริงๆครับ ขอบคุณนะครับที่ตอบกระทู้
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 21:33:17
ผมว่าเบนซ์ก็โอเคนะครับ มีเงินทั้งทีใช้รถยุโรปดีกว่าคับ ขับไปไหนก็ดูดีผมคิดว่าเบนซ์ก็ไม่ได้จุกจิกอะไร รถยุโรปเลือกแล้วไม่ผิดหวังคับ ผมเองแต่ก่อนก็ใช้รถญี่ปุ่นแต่พอซื้อมาใช้AUDIแล้วผมรักในคุณภาพของรถยุโรปเลยคับ  ;D
ต่างกันมากไหมครับ คือผมไม่เคยมีรถยุโรปมาก่อน พอเค้าไปอ่านปัญหาในคลับMercedesmania คิดไม่ตกเลยครับ
แต่รถAudiในรูปสวยมากเลยครับ :o
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 21:37:25
รายได้ระดับนี้ทำไมกลัวจะไม่ไหวค่าซ่อมบำรุงล่ะครับ
 มันไม่ได้ต้องจ่ายกันทุกเดือน
แต่ถ้า จขกท. ไม่ได้ผ่อนอย่างอื่นด้วย ผมว่าเล่นตัว ELE,AV ดีกว่าไหม?
คงเอาแค่C200 std พอละครับ ได้เป็นเจ้าของถือว่าบุญแล้วครับ แต่เห็นพี่ที่รู้จักกัน ขับตัวAVมันสวยและดีจริงๆครับ ขอบคุณนะครับที่มาตอบกระทู้
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 21:39:30
1. เบนซ์ ไม่จุกจิกครับ ถือว่าน้อยมากแล้วในรถยุโรปครับ

2. ขับสบาย แรงและขับดีกว่า accord เยอะครับ เพียงแต่คันมันเล็กกว่าครับ

ผมใช้ c200 std navi ครับ ออกมาตั้งแต่ มกรา 55 นี้เองครับ  เข้าเช็ก 10000 กม.แรกไป 5000+ บาทครับ

ไม่มีอะไรน่ากังวลครับ ;D ;D ;D
ยินดีด้วยนะครับ ผมก็หวังจะได้ขับเหมือนกัน แต่คงต้องศึกษามากๆหน่อย ขอบคุณนะครับสำหรับข้อมูล
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 21:42:06
รถยุโรปขับดีกว่าญี่ปุ่นแน่นอนครับ ภาพลักษณ์เหนือกว่า และขายต่อมือสอง เบนซ์ก็ราคาดีสุดในกลุ่มระดับเดียวกันนะครับ

เบนซ์ก็วางใจได้ อาจจะต้องดูศูนย์ที่ชื่อเสียงดีหน่อย ประกัน3ปี แต่ส่วนมากจะเริ่มต้องซ่อมบางอย่างกันช่วงปีที่4-5ครับ

ค่าซ่อมค่อนข้างหนัก ก็แล้วแต่เคส แต่ส่วนมากซ่อมแล้วจบ ไม่ค่อยจุกจิก

ยิ่งC Classตัวนี้มันท้ายๆของอายุแล้ว ปัญหาน่าจะน้อยสุดแล้วครับ. รายได้ระดับ จขกท ไม่น่ามีปัญหาครับ

น่าจะลองดูC Classรุ่นที่อ๊อปชั่นมากกว่าSTD แล้วลองดูราคาผ่อนดูครับอาจจะมากกว่ากันนิดเดียว. 8)
ก็คิดว่ารุ่นท้ายๆน่าจะแก้ไขdefectมามากพอสมควร และจะลองไปดูOptionเทียบกับราคารถครับ ขอบคีณครับที่ตอบกระทู้
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tomtiam ที่ สิงหาคม 10, 2012, 21:44:29
เรื่องอะไหร่ก็ไม่ได้จุกจิกมากกว่ารถญี่ปุ่นมากเท่าไรหรอกครับ อีกอย่างมันก้ไม่ได้ซ่อมบ่อยหรือต้องเข้าศูนย์หรืออู่ทุกเดือนนิครับ

ถ้าจะออกรถออกตัวใหม่ดีกว่ามั้ยครับ เพราะตัวนี้ใกล็ตกรุ่นแล้วนะครับ อีกอย่างถ้าออกมีงบประมาณนี้น่าจะขยับไปเอาตัว ELE,AV ดีกว่า

ตัว C200 STD แทบไม่มีอะไรเลยนะครับ
อ๋อ คิดว่ารุ่นท้ายๆน่าจะไม่ค่อยมีปัญหา จึงคิดอยากได้รุ่นนี้นะครับ แต่ก็จริงๆครับรุ่นstdแทบไม่มีอะไรเลย
ขอบคุณครับที่ตอบกระทู้
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: oonup ที่ สิงหาคม 10, 2012, 22:39:56
เป็นแบบเดียวกันกับผมเลยครับ ตอนแรกออก Mazda 3 ตัว 2.0 ขับมา 4-5 ปี เพิ่งขายทิ้งไป (ขาดทุนเกือบ 50% ได้) แล้วเปลี่ยนมาใช้ตัว C200 STD + Command เมื่อ 5-6 เดือนที่แล้วครับ ที่ตัดสินใจซื้อ Benz (ตอนแรกเกือบจะเอาพวก Camry Hybrid/ Teana V6) เพราะ
1. อยากได้รถที่มีสมรรถนะ ระบบความปลอดภัยสูง
2. เครื่องยนต์ดีมีคุณภาพและประหยัดน้ำมัน (กว่า Mazda 3 2.0)
3. ราคาไม่แรงจนเกินไปนัก

อายุผมก้อไล่เลี่ยกับคุณเลยครับ รายได้ก็พอๆกัน ประมาณ 6 หลักต้นๆครับ สรุปหลังจากเปลี่ยนมา 6 เดือน
1. ความรู้สึกในการขับมัน ต่างกันมากถึงมากจริงๆครับ ผมไม่ได้หมายถึงตัวยี่ห้อนะ ผมหมายถึง การขับขี่ การควบคุม ความมั่นใจ และความสุขในการขับรถ
2. เหล็กของรถมันต่างกันจริงๆครับ แค่ประตู ลองไป เปิด/ปิด ประตู C200 STD แล้ว เปรียบเทียบความรู้สึกตอนเปิด/ปิด ประตู Mazda 3 หรือ รถญี่ปุ่นอื่นๆ ดูครับ
3. ค่าประกันชั้นหนึ่งซ่อมศูนย์ Benz อยู่ที่ราวๆ 39,XXX (รวม พรบ ครับ) ถือว่าไม่แพงนะครับ เทียบกับตอนออก Mazda 3 ใหม่ ผมก็จ่ายราวๆ 25,000 ได้ แถมถ้าขับดีปีต่อไปลดค่าประกันไป 15 - 20% ครับ
4. ค่าน้ำมันถูกกว่าตอนใช้ Mazda 3 เพราะ เติม E20 ได้ ขับทางไกลประหยัดมากๆ 13-14km/ltr สบายๆครับ แต่ถ้าในเมืองอาจจะต้องทำใจ ประมาณ 8-10km/ltr แต่มันก็ไม่ได้ต่างจากตอนขับ Mazda 3 เท่าไหร่นัก
5. ค่าดูแลรักษา ตอนนี้ยังไม่ได้เสียค่าอะไรเพิ่มเติมนอกจากน้ำมัน แต่ตัวรถก็มีรับประกัน 3 ปี หลังจากนั้นก็ อู่นอกดีๆ ซ่อมเต็มไปหมดครับ ญี่ปุ่นก็ใช่ว่าจะไม่จุกจิก น้อง 3 ของผมก็เข้าอู่ทีหมดไปหลายหมื่นเหมือนกันครับ (ขนาดอู่นอกราคากันเอง)
6. ตัว EL/AV ตอนแรกก็ดูๆไว้ครับ แต่คิดว่าอุปกรณ์ที่เพิ่มเติมเข้ามา มันไม่ได้จำเป็น มันแค่อำนวยความสะดวกสะบาย ซึ่งผมยอมลำบาก เลื่อนที่นั่งเองเล็กน้อย, กระจบพับมือ จริงๆ ตัวนี้ พับกับไม่พับ มันไม่ได้ต่างกันเลยครับ ไฟหน้า Halogen ผมว่ามันอาจจะไม่สวย แต่ว่าทนและถูกกว่า Xenon ระยะยาวครับ (ที่สำคัญเห็นชัดกว่าด้วยตอนกลางคืน/ฝนตก) Sensor หลังไม่มี Mazda 3 ก็ไม่มียังขับมา 4 ปีไม่ชนได้ แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ ที่ทำให้เลือก C200 ยังอยู่ครบครับ ไม่ว่าจะเป็น 184 HP, Gear 7 Speed, ระบบ ESP, Turbo, อัตราเร่ง, Cruise Control แค่นี้แหละครับ ที่ผมต้องการจริงๆ
7. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ของ Mazda 3 อยู่ที่ราวๆ 3-4,000 ต่อครั้งครับ ส่วน C200 STD อยู่ที่ราวๆ 5,XXX ครับ ราคาต่างกัน 1,000 แต่ความมั่นใจ มันต่างกันเกิน 1,000 ครับ
8. ขอดีที่พบพิเศษคือ มี % หาที่จอดรถได้เร็วขึ้น เพราะ รปภ จะให้สิทธิ์พิเศษแก่รถตราดาวหรือยุโรปค่ายอื่นๆ

สรุปง่ายๆ ตอนนี้ ผม Happy ที่เปลี่ยนรถครับ แล้วถ้ากลับไปเลือกอีกครั้งได้ตอนนี้ ผมก็ยังยืนยันที่จะเลือกแบบเดิมครับ 2.1 ล้านไม่แพงเลยสำหรับคุณภาพที่รถคันนี้สามารถเสนอให้คุณ (ผมอาจจะมีอคติอยู่บ้าง + เห่อรถใหม่อยู่ โปรดอภัยครับ ^^") ถ้าอยากทราบอะไรเพิ่มเติมก็ถามได้นะครับ ขอบคุณมากครับ : )
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: choomodify ที่ สิงหาคม 10, 2012, 23:36:27
ถ้าไม่นับเรื่องซ่อมบำรุง รถยุโรป เหนือกว่า ญี่ปุ่น ทุกด้านจริงๆครับ
ใครได้ลองแล้ว เหมือนคนติดยาต้องเสพไปเรื่อยๆๆ  5 5 5
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PuM ที่ สิงหาคม 10, 2012, 23:51:21
ถ้าอยากได้เบนซ์ เงินถึง ก็จัดไปเลยครับ อีกหน่อย แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ภาระจะเยอะขึ้น อาจจะไม่ได้ซื้อ
เป็นผมจะเพิ่มค่างวด ผ่อน 3 ปีจบไปเลย เหลือๆครับ
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Action ที่ สิงหาคม 10, 2012, 23:51:56
สำหรับผม ไม่จำเป็นต้องออกรถหรูแบบเร่งด่วนครับ เอาแค่ D-Segment ก็พอแล้ว เอาไปอายุเยอะกว่านี้ก่อนค่อยหารถคันที่ 2 ไว้ขับเล่น

ตอนนั้นเงินทองท่าน จขกท. คงเหลือเฟือให้พอแก่การถลุงน้ำมันเล่นแล้วเป็นแน่แท้... แต่สำหรับตอนนี้ผมว่า camry hybrid ก็พอแก่เหตุแล้ว ;D
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MystogaN ที่ สิงหาคม 11, 2012, 01:15:07
ซื้อได้ครับ ตัวคนเดียว เดือนละ 15000 นี่ ไม่ถึง 20% ของเงินเดือนเลยคับ .... ใจถึง ก็ไปถึงครับ ;)
หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: justfineday ที่ สิงหาคม 11, 2012, 06:51:26
อยากให้รอ model change ค่ะ เพราะ c เริ่มจะปลาย model แล้ว ตัว standard ตัดออฟชั่นไปเยอะนะคะ 2014 ก็น่าจะเห็นตัวใหม่แล้ว หรืรอดู a class อาจจะเหมาะกับวัยรุ่นนะคะ ตอนนี้ก็เก็บเงินรอไปก่อน เผื่ิอรุ่นใหม่ออกจะได้ขยับขึ้นไปตัว el หรือ av แถมตอนนั้นรายได้คงเยอะขึ้นอีกด้วย อ่อ แล้วอาจจะต้องคิดเรื่องภาษีนิดนึงนะคะ ถ้าเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษี จะเข้าฐาน30% แล้ว สิ่งที่ตามมาคือจะเสียดายแล้วโหมลงทุนพวกลดหย่อน ทั้งประกัน ltf rmf ไปๆ มาๆ เงินจะหายไปลงตรงนั้นเยอะพอสมควรเลย

ยังไงขอให้มีความสุขกับรถใหม่ค่ะ



หัวข้อ: Re: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Monn ที่ กันยายน 24, 2012, 21:40:12
เป็นแบบเดียวกันกับผมเลยครับ ตอนแรกออก Mazda 3 ตัว 2.0 ขับมา 4-5 ปี เพิ่งขายทิ้งไป (ขาดทุนเกือบ 50% ได้) แล้วเปลี่ยนมาใช้ตัว C200 STD + Command เมื่อ 5-6 เดือนที่แล้วครับ ที่ตัดสินใจซื้อ Benz (ตอนแรกเกือบจะเอาพวก Camry Hybrid/ Teana V6) เพราะ
1. อยากได้รถที่มีสมรรถนะ ระบบความปลอดภัยสูง
2. เครื่องยนต์ดีมีคุณภาพและประหยัดน้ำมัน (กว่า Mazda 3 2.0)
3. ราคาไม่แรงจนเกินไปนัก

อายุผมก้อไล่เลี่ยกับคุณเลยครับ รายได้ก็พอๆกัน ประมาณ 6 หลักต้นๆครับ สรุปหลังจากเปลี่ยนมา 6 เดือน
1. ความรู้สึกในการขับมัน ต่างกันมากถึงมากจริงๆครับ ผมไม่ได้หมายถึงตัวยี่ห้อนะ ผมหมายถึง การขับขี่ การควบคุม ความมั่นใจ และความสุขในการขับรถ
2. เหล็กของรถมันต่างกันจริงๆครับ แค่ประตู ลองไป เปิด/ปิด ประตู C200 STD แล้ว เปรียบเทียบความรู้สึกตอนเปิด/ปิด ประตู Mazda 3 หรือ รถญี่ปุ่นอื่นๆ ดูครับ
3. ค่าประกันชั้นหนึ่งซ่อมศูนย์ Benz อยู่ที่ราวๆ 39,XXX (รวม พรบ ครับ) ถือว่าไม่แพงนะครับ เทียบกับตอนออก Mazda 3 ใหม่ ผมก็จ่ายราวๆ 25,000 ได้ แถมถ้าขับดีปีต่อไปลดค่าประกันไป 15 - 20% ครับ
4. ค่าน้ำมันถูกกว่าตอนใช้ Mazda 3 เพราะ เติม E20 ได้ ขับทางไกลประหยัดมากๆ 13-14km/ltr สบายๆครับ แต่ถ้าในเมืองอาจจะต้องทำใจ ประมาณ 8-10km/ltr แต่มันก็ไม่ได้ต่างจากตอนขับ Mazda 3 เท่าไหร่นัก
5. ค่าดูแลรักษา ตอนนี้ยังไม่ได้เสียค่าอะไรเพิ่มเติมนอกจากน้ำมัน แต่ตัวรถก็มีรับประกัน 3 ปี หลังจากนั้นก็ อู่นอกดีๆ ซ่อมเต็มไปหมดครับ ญี่ปุ่นก็ใช่ว่าจะไม่จุกจิก น้อง 3 ของผมก็เข้าอู่ทีหมดไปหลายหมื่นเหมือนกันครับ (ขนาดอู่นอกราคากันเอง)
6. ตัว EL/AV ตอนแรกก็ดูๆไว้ครับ แต่คิดว่าอุปกรณ์ที่เพิ่มเติมเข้ามา มันไม่ได้จำเป็น มันแค่อำนวยความสะดวกสะบาย ซึ่งผมยอมลำบาก เลื่อนที่นั่งเองเล็กน้อย, กระจบพับมือ จริงๆ ตัวนี้ พับกับไม่พับ มันไม่ได้ต่างกันเลยครับ ไฟหน้า Halogen ผมว่ามันอาจจะไม่สวย แต่ว่าทนและถูกกว่า Xenon ระยะยาวครับ (ที่สำคัญเห็นชัดกว่าด้วยตอนกลางคืน/ฝนตก) Sensor หลังไม่มี Mazda 3 ก็ไม่มียังขับมา 4 ปีไม่ชนได้ แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ ที่ทำให้เลือก C200 ยังอยู่ครบครับ ไม่ว่าจะเป็น 184 HP, Gear 7 Speed, ระบบ ESP, Turbo, อัตราเร่ง, Cruise Control แค่นี้แหละครับ ที่ผมต้องการจริงๆ
7. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ของ Mazda 3 อยู่ที่ราวๆ 3-4,000 ต่อครั้งครับ ส่วน C200 STD อยู่ที่ราวๆ 5,XXX ครับ ราคาต่างกัน 1,000 แต่ความมั่นใจ มันต่างกันเกิน 1,000 ครับ
8. ขอดีที่พบพิเศษคือ มี % หาที่จอดรถได้เร็วขึ้น เพราะ รปภ จะให้สิทธิ์พิเศษแก่รถตราดาวหรือยุโรปค่ายอื่นๆ

สรุปง่ายๆ ตอนนี้ ผม Happy ที่เปลี่ยนรถครับ แล้วถ้ากลับไปเลือกอีกครั้งได้ตอนนี้ ผมก็ยังยืนยันที่จะเลือกแบบเดิมครับ 2.1 ล้านไม่แพงเลยสำหรับคุณภาพที่รถคันนี้สามารถเสนอให้คุณ (ผมอาจจะมีอคติอยู่บ้าง + เห่อรถใหม่อยู่ โปรดอภัยครับ ^^") ถ้าอยากทราบอะไรเพิ่มเติมก็ถามได้นะครับ ขอบคุณมากครับ : )


เห็นด้วยทั้งหมดครับ ผมเองก็ศีกษารุ่นนี้อยู่ ไม่ได้ดูเรื่องยี่ห้อมากนัก ผมชอบ bm มากกว่าอีก แต่รถยุโรป ราคานี้ หายากแล้วนะ โดยเฉพาะ benz ที่สำคัญ ผมกางดู spec แล้ว พวกความปลอดภัยอยู่ครบ แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว พวก option จุกจิก มาติดเพิ่มเองได้ ใช้ๆ ไปอาจจะไม่จำเป็นก็ได้  คำนวนแล้ว คุ้มมาก ที่สำคัญ อย่างที่ จขกท บอกครับ รุ่นสุดท้าย หากเล่นรถยุโรปจะรู้ มันแก้ไขมาหมดแล้วครับ ความจุกจิกจะน้อยลงไปตาม  เคยมีประสบการณ์ครับ