Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: cloud ที่ ตุลาคม 06, 2012, 22:39:16
-
ท่านใดพอจะมีข้อมูลในการเริ่มต้นไหมครับ เงินทุนต้องใช้ประมาณเท่าไหร่ จะขอlicenseเค้าต้องทำอย่างไร ผมมีทุนประมาณ80ล้านนะครับ
ที่ดินยังไม่มี และสุดท้ายท่านอยากเห็นอะไรหรือต้องการอะไรจากดีลเลอร์ครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
-
ลงทุนธุรกิจขนาดนนี้ผมว่าน่าจะคุยกับ TMT เลย
น่าจะเห็นภาพกว่ามาถามในนี้นะครับ
-
ลงทุนธุรกิจขนาดนนี้ผมว่าน่าจะคุยกับ TMT เลย
น่าจะเห็นภาพกว่ามาถามในนี้นะครับ
กราบขอบพระคุณครับ ผมเพียงแต่ลองมาหาข้อมูลดูก่อนเผื่อจะมีข้อมูลดีๆครับ หรือมีท่านใดพอจะช่วยเหลือด้านข้อมูลก่อนไปพบTMTครับ
-
80ล้านที่ดินยังไม่มีไม่น่าพอครับ ถ้าเป็นศูนย์บริการแบบครบวงจร ต้องไปคุยกับTMTก่อนครับ ว่าทำเลที่ตั้งศูนย์เป็นยังไง คาดว่าจะเป็นศูนย์ตจว.ใช่ไหมครับ เพราะกรุงเทพฯราคานี้ไม่ได้ชัวร์ ถ้าทาง TMT ตีทำให้เป็นศูนย์ขนาดเล็ก80ล้านคงพอเพราะไม่ต้องมีส่วนซ่อมสี-ตัวถัง ส่วนถ้าโดนขนาดใหญ่เตรียมไว้100ล้านขึ้นได้เลย
-
80ล้านที่ดินยังไม่มีไม่น่าพอครับ ถ้าเป็นศูนย์บริการแบบครบวงจร ต้องไปคุยกับTMTก่อนครับ ว่าทำเลที่ตั้งศูนย์เป็นยังไง คาดว่าจะเป็นศูนย์ตจว.ใช่ไหมครับ เพราะกรุงเทพฯราคานี้ไม่ได้ชัวร์ ถ้าทาง TMT ตีทำให้เป็นศูนย์ขนาดเล็ก80ล้านคงพอเพราะไม่ต้องมีส่วนซ่อมสี-ตัวถัง ส่วนถ้าโดนขนาดใหญ่เตรียมไว้100ล้านขึ้นได้เลย
ขอบคุณมากครับนี่แหละครับข้อมูลดีดี ที่มองไว้อาจจะเป็ชานเมืองกทมนะครับต่างจวคงไม่ไหวอ้ะครับ
ครับกะทำเล็กๆและกะทำแค่สาขาเดียวเอาแบบเน้นคุณภาพไม่เน้นสาขาอ่ะครับ
ถ้า80ไม่ไหวจริงๆอาจจะขอกู้แบงค์ครับ
-
คุณจิมมี่เคยบอกว่า ต้องให้เขา(โตโยต้า) เปิดรับสมัครก่อนครับ ไม่ใช่อยู่ดีๆ นึกจะเปิดก็เปิดขอเปิดได้เลยครับ
ส่วน 80 ล้าน ไม่รวมที่ดิน ผมคิดว่ายังไงก็ไม่พอครับ แค่ที่ดินทำเลดีๆ ยังไม่พอเลยครับ
ส่วนเช่าก็แพงมากครับสำหรับทำเลคุณภาพ ทั้งเงินกินเปล่า ทั้งค่าเช่ารายเดือน
ผมคิดว่าเงิน 80 ล้าน สามารถหาธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าโชวร์รูมรถมากมายครับ
-
80ล้านที่ดินยังไม่มีไม่น่าพอครับ ถ้าเป็นศูนย์บริการแบบครบวงจร ต้องไปคุยกับTMTก่อนครับ ว่าทำเลที่ตั้งศูนย์เป็นยังไง คาดว่าจะเป็นศูนย์ตจว.ใช่ไหมครับ เพราะกรุงเทพฯราคานี้ไม่ได้ชัวร์ ถ้าทาง TMT ตีทำให้เป็นศูนย์ขนาดเล็ก80ล้านคงพอเพราะไม่ต้องมีส่วนซ่อมสี-ตัวถัง ส่วนถ้าโดนขนาดใหญ่เตรียมไว้100ล้านขึ้นได้เลย
ขอบคุณมากครับนี่แหละครับข้อมูลดีดี ที่มองไว้อาจจะเป็ชานเมืองกทมนะครับต่างจวคงไม่ไหวอ้ะครับ
ครับกะทำเล็กๆและกะทำแค่สาขาเดียวเอาแบบเน้นคุณภาพไม่เน้นสาขาอ่ะครับ
ถ้า80ไม่ไหวจริงๆอาจจะขอกู้แบงค์ครับ
ชานเมืองกรุงเทพ ผมว่าทำใจเตรียมโดนขนาดใหญ่ไว้ก่อนเลยครับ ที่ชานเมืองเดี๋ยวนี้ก็แพงอ้วกแล้วนะครับ มีคนจะขายที่ดินติดถนนราชพฤกษ์ไร่ละ40ล้าน โชว์รูมต่อให้เล็กเนื้อที่อย่างน้อยก็4ไร่ล่ะ ไปหาหุ้นส่วนมาเพิ่มก่อนง่ายกว่าครับ
-
คุณจิมมี่เคยบอกว่า ต้องให้เขา(โตโยต้า) เปิดรับสมัครก่อนครับ ไม่ใช่อยู่ดีๆ นึกจะเปิดก็เปิดขอเปิดได้เลยครับ
ส่วน 80 ล้าน ไม่รวมที่ดิน ผมคิดว่ายังไงก็ไม่พอครับ แค่ที่ดินทำเลดีๆ ยังไม่พอเลยครับ
ส่วนเช่าก็แพงมากครับสำหรับทำเลคุณภาพ ทั้งเงินกินเปล่า ทั้งค่าเช่ารายเดือน
ผมคิดว่าเงิน 80 ล้าน สามารถหาธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าโชวร์รูมรถมากมายครับ
ผมเห็นด้วยเลยว่าเงิน 80 ล้าน ทำอย่างอื่นได้อีก ( ซื้อหุ้นปันผลเล่นทอง ก้อว่ากันไป ;D )
p.s. ผมมีรุ่นน้องทำงานอยู่ที่ toyota เกี่ยวกับการเปิด showroom วิ่งออกต่างจังหวัดไปประเมินแล้วส่งกลับบริษัทแม่
น้องบอกว่า เจ้าของ โชว์รูมกำไรต่อคัน ประมาณ 3-5 หมื่นบาท หักทุกอย่างแล้ว
ขั้นต่ำเริ่มต้น 80 ล้าน ถ้าทำเลดี รุ่งครับ อยู่ที่ทำเลล้วนๆเลย :D
-
ถ้าแบบครบวงจรนั้น
150 ล้านคงเอาอยู่ครับ
-
ลองศึกษา ดีเยี่ยมอุบลครับ เจ้าของจบ ป5 ประวัติในเน็ตเยอะ เพิ่งเปิด ศูนย์โตโยต้าเมื่อไม่นาน ตอนนี้เคลมว่าเป็นศูนย์ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ลงทุนเห็นว่ากันว่า 800 ล้าน มันก็ใหญ่จริงๆแหละ
-
คุณจิมมี่เคยบอกว่า ต้องให้เขา(โตโยต้า) เปิดรับสมัครก่อนครับ ไม่ใช่อยู่ดีๆ นึกจะเปิดก็เปิดขอเปิดได้เลยครับ
ส่วน 80 ล้าน ไม่รวมที่ดิน ผมคิดว่ายังไงก็ไม่พอครับ แค่ที่ดินทำเลดีๆ ยังไม่พอเลยครับ
ส่วนเช่าก็แพงมากครับสำหรับทำเลคุณภาพ ทั้งเงินกินเปล่า ทั้งค่าเช่ารายเดือน
ผมคิดว่าเงิน 80 ล้าน สามารถหาธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าโชวร์รูมรถมากมายครับ
ขอบคุณความเห็นมากๆครับ ใจนึงมันก็รักงานด้านรถยนต์มากๆนะครับแต่ก็พอรู้มาบ้างครับว่าคันนึงกำไรเพียงแค่หลักหมืื่นเท่านั้น
-
ไม่ค่อยทราบข้อมูลทางธุรกิจเท่าไร แต่ใจช่วยคับ
ขอให้เปนศูนย์ที่ดีบริการจิงใจ ผมจาไปใช้บริการแน่นอนคับ
-
คุณจิมมี่เคยบอกว่า ต้องให้เขา(โตโยต้า) เปิดรับสมัครก่อนครับ ไม่ใช่อยู่ดีๆ นึกจะเปิดก็เปิดขอเปิดได้เลยครับ
ส่วน 80 ล้าน ไม่รวมที่ดิน ผมคิดว่ายังไงก็ไม่พอครับ แค่ที่ดินทำเลดีๆ ยังไม่พอเลยครับ
ส่วนเช่าก็แพงมากครับสำหรับทำเลคุณภาพ ทั้งเงินกินเปล่า ทั้งค่าเช่ารายเดือน
ผมคิดว่าเงิน 80 ล้าน สามารถหาธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าโชวร์รูมรถมากมายครับ
ผมเห็นด้วยเลยว่าเงิน 80 ล้าน ทำอย่างอื่นได้อีก ( ซื้อหุ้นปันผลเล่นทอง ก้อว่ากันไป ;D )
p.s. ผมมีรุ่นน้องทำงานอยู่ที่ toyota เกี่ยวกับการเปิด showroom วิ่งออกต่างจังหวัดไปประเมินแล้วส่งกลับบริษัทแม่
น้องบอกว่า เจ้าของ โชว์รูมกำไรต่อคัน ประมาณ 3-5 หมื่นบาท หักทุกอย่างแล้ว
ขั้นต่ำเริ่มต้น 80 ล้าน ถ้าทำเลดี รุ่งครับ อยู่ที่ทำเลล้วนๆเลย :D
ตอนแรกผมก็กะว่าจะเชียร์ จขกท. ว่า ถ้าโตโยต้าเขาไม่ให้เปิด ก็ซื้อหุ้นโตโยต้ามันเลย แต่พอไปดู ROE แล้วต่ำมากถอยดีกว่า 55555555555555
แอบกระซิบดังๆ ว่า หุ้น เมอร์เซเดสกับ BMW P/E ยังต่ำ แล้วผลตอบแทนก็ใช้ได้ ถึงแม้จะมีความเสี่ยงด้านปัญหาการเงินของโลกอยู่บ้างก็ตาม
-
เปิดโชว์รูมฟอร์ดมั้ยครับ ถ้าทำดีๆผมว่าคนใช้บริการล้นศูนย์แน่ครับ ;D
ผมว่านิสสัน มาสด้า มิตซูบิชีก็น่าจะโอเคนะครับ อยู่ในช่วงเติบโตด้วย เค้าคงต้องการขยายศูนย์บริการด้วยมั้งครับ :")
-
ถ้าจะเปิดโชว์รูมตอนนี้ ผมไม่แนะนำ Toyota หรือ Honda เพราะว่า 2 ค่ายนี้ มีสาขาเยอะอยู่แล้ว
ไปแข่งด้วยลำบาก สายป่านไม่ยาว เหนื่อยแน่ๆครับ กำไรต่อคันไม่ได้เยอะนัก การทำดีลเลอร์รถเนี่ย
Suzuki ตอนนี้ น่าสนที่สุด ลงทุนไม่ได้ถึงกับเยอะมาก กำไรต่อคันอาจจะไม่เยอะ
แต่ลองนึกถึงปริมาณของรถที่จะต้องเข้าศูนย์บริการหลังจากนี้ดูครับ
นี่ยังไม่นับรถที่จะเปิดตัวต่อจากนี้จนถึง 2015 ปีละ 1 รุ่น แค่นี้ หัวกระไดโชว์รูมก็ไม่แห้งแล้วละ
ส่วน Mitsubishi ถ้าจะลงทุนทำตอนนี้ ก็น่าจะเสร็จพร้อมๆกับการเปิดตัว Mirage Sedan
ซึ่งน่าจะเรียกลูกึค้าเข้ามาได้เยอะ แล้วปี 2014 ยังมี Triton ใหม่ อีกต่างหาก ส่วน Pajero Sport ใหม่
อาจต้องรอหลังจากนั้น อิีกสัก 1-2 ปี ก็ไม่เสียหาย
Nissan เป็นดีลเลอร์ก็ได้ แต่ค่าตกแต่ง CI (Corporate Identity) พวกป้าย โลโก้ ฯลฯ จะแพงเอาเรื่อง
นี่ก็น่าสนไม่แพ้กัน เพราะโปรดักต์ที่จะตามมาหลังจากนี้ จนถึง 2015 นี่ ก็มีรวมแล้วราวๆ 8 รุ่นได้ หรือมากกว่านั้นนิดนึง
Ford ถ้าจะเป็นดีลเลอร์ ขอแนะนำให้เน้นเรื่องบยริการหลังการขาย หาช่างเก่งๆ และนิสัยดีๆมา ปั้นให้เจ๋งๆ
อยู่ด้วยกันให้ยาวๆ แค่นี้ ก็สบายครับ เพราะ Ford จะด้อยในเรื่องนี้
งบเริ่มต้น ถ้ามีที่ดินอยู่แล้ว ก็ดีครับ แต่ถ้าต้องไปเซ้ง ต้องไปมีธุรกรรมอะไรกับที่ดินนั่น
ก็ต้องเจรจากันครับ
เบื้องต้น แต่ละแบรนด์ที่พูดถึงมานี้ ต้องมีงบเริ่มต้น รวมทั้ง เงินสำหรับตัดรถมาจอดโชว์ และขาย อย่างน้อยๆ 20 คันแรก
น่าจะมี ตั้งแต่ 20 - 100 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับขนาดของโชว์รูม และศูนย์บริการของคุณ ซึ่งมันก็จะขึ้นอยู่กับขนาดที่ดินอีกด้วยครับ
-
เครือญาติผมเคยคิดจะรวมทุนกัน แบ่งที่ดินแปลงใหญ่มาเปิดโชว์รูม+ศูนย์บริการ มีที่ดินแล้วด้วย พื่นที่ที่ไม่มีศูนย์ไกล้เคียงอย่างน้อยๆ 45 กิโลเมตร รอบเคียง
แต่สุดท้ายโดนดีลเลอร์ใหญ่แห่งภาคใต้ตัดหน้าไปก่อน ทุนนั้นเลยกลายเป็นรังนกไปแทน
-
ก่อนจะคิดทำโชว์รูม
ผมแนะนำ ลองทำ Business Plan ก่อนครับ
1. คนรู้จักผม (ตอนนี้เปิดโชว์รูมTaTaอยู่) เขาใช้ Business Plan ยื่นเรื่องที่TaTa แข่งกับเจ้าใหญ่อีก 3 รายเพื่อที่จะเปิดโชว์รูม
ดังนั้น คุณต้องทำ BP ไว้ก่อน เพื่อนำเสนอ แผนของตัวเอง วิธีการเอาธุรกิจให้รอด ถ้ามีอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น และอื่นๆอีกมากมาย
2. BP ใช้ยื่นกู้แบงค์ เวลาฉุกเฉินได้ด้วย เวลาเกิดปัญหาขึ้น โดยเฉพาะ TMT ที่เป็น Red Ocean
3. (ข้อนี้ผมเป็นมาก่อน ผมเลยบอกไว้เพื่อเตือนสติ) คนที่กำลังคิดทำธุรกิจส่วนใหญ่ มองแต่ข้อดี มองไม่ค่อยเห็นปัญหา Business Plan ช่วยท่านได้ และคุณต้องนำ ข้อกังขาหลายๆข้อที่ เพื่อนๆญาติๆของคุณบอกมา มาลงในBusiness Plan เพื่อเขียนแนวทางแก้ไขปัญหา ถ้าคุณไม่ทำ หรือคิดว่ามันไม่ได้เป็นปัญหา นั่นหมายถึงคุณละเลยวิธีการแก้ไข และนั่นจะเป็นปัญหาในอนาคตที่แก้ยากมาก (ผมเจอมาแล้ว) -- อาบน้ำร้อนมาก่อน, ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด, ผู้ใหญ่ทัก (เป็นเรื่องจริงครับ)
ก่อนที่จะทำธุรกิจใดๆ คุณ"ต้อง"ทำแผนธุรกิจ"ขึ้นมาก่อน จากนั้น นำไปให้พวกBank (แผนก Medium SMEs ขึ้นไป) อ่านดู ให้เขาช่วยวิเคราะห์ดูว่า กู้ได้เท่าไหร่ และจะผ่านหรือไม่ ถ้าผ่าน และกู้ได้มาก แสดงว่าแผนธุรกิจ คุณเจ๋งพอควร ถ้าแบงค์แนะนำให้ปรับปรุง เชื่อเขาเถอะครับ
80ล้าน ไม่รวมที่ดิน สำหรับศูนย์บริการ -- เอาไม่อยู่นะครับ ถ้าเป็น Brand ดัง
แค่ปั๊มน้ำมันมาตรฐาน-ปั๊มเล็กไม่รวมที่ดิน ค่าลงทุนก็ 10 ล้านเข้าไปแล้ว ยังไม่รวมสต็อคน้ำมัน
ทำแผนธุรกิจก่อนครับ แล้วจะไม่ลำบากเหมือนผมภายหลัง
-
ผมก็อยากทำโชว์รูมมาก แต่ทำไงได้หล่ะ มีอยู่แค่20ล้าน
-
ก่อนจะคิดทำโชว์รูม
ผมแนะนำ ลองทำ Business Plan ก่อนครับ
1. คนรู้จักผม (ตอนนี้เปิดโชว์รูมTaTaอยู่) เขาใช้ Business Plan ยื่นเรื่องที่TaTa แข่งกับเจ้าใหญ่อีก 3 รายเพื่อที่จะเปิดโชว์รูม
ดังนั้น คุณต้องทำ BP ไว้ก่อน เพื่อนำเสนอ แผนของตัวเอง วิธีการเอาธุรกิจให้รอด ถ้ามีอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น และอื่นๆอีกมากมาย
2. BP ใช้ยื่นกู้แบงค์ เวลาฉุกเฉินได้ด้วย เวลาเกิดปัญหาขึ้น โดยเฉพาะ TMT ที่เป็น Red Ocean
3. (ข้อนี้ผมเป็นมาก่อน ผมเลยบอกไว้เพื่อเตือนสติ) คนที่กำลังคิดทำธุรกิจส่วนใหญ่ มองแต่ข้อดี มองไม่ค่อยเห็นปัญหา Business Plan ช่วยท่านได้ และคุณต้องนำ ข้อกังขาหลายๆข้อที่ เพื่อนๆญาติๆของคุณบอกมา มาลงในBusiness Plan เพื่อเขียนแนวทางแก้ไขปัญหา ถ้าคุณไม่ทำ หรือคิดว่ามันไม่ได้เป็นปัญหา นั่นหมายถึงคุณละเลยวิธีการแก้ไข และนั่นจะเป็นปัญหาในอนาคตที่แก้ยากมาก (ผมเจอมาแล้ว) -- อาบน้ำร้อนมาก่อน, ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด, ผู้ใหญ่ทัก (เป็นเรื่องจริงครับ)
ก่อนที่จะทำธุรกิจใดๆ คุณ"ต้อง"ทำแผนธุรกิจ"ขึ้นมาก่อน จากนั้น นำไปให้พวกBank (แผนก Medium SMEs ขึ้นไป) อ่านดู ให้เขาช่วยวิเคราะห์ดูว่า กู้ได้เท่าไหร่ และจะผ่านหรือไม่ ถ้าผ่าน และกู้ได้มาก แสดงว่าแผนธุรกิจ คุณเจ๋งพอควร ถ้าแบงค์แนะนำให้ปรับปรุง เชื่อเขาเถอะครับ
80ล้าน ไม่รวมที่ดิน สำหรับศูนย์บริการ -- เอาไม่อยู่นะครับ ถ้าเป็น Brand ดัง
แค่ปั๊มน้ำมันมาตรฐาน-ปั๊มเล็กไม่รวมที่ดิน ค่าลงทุนก็ 10 ล้านเข้าไปแล้ว ยังไม่รวมสต็อคน้ำมัน
ทำแผนธุรกิจก่อนครับ แล้วจะไม่ลำบากเหมือนผมภายหลัง
อันนี้แหละครับ แ่ก่นหลักเลยหล่ะครับ
เพราะอะไร เพราะคนรุ่นบุกเบิก เค้าต้องเริ่มทุกอย่างจาก 0 ครับ บางเรื่องอยากทำแต่ไม่มีเงิน ต้องคิด คิด และก็คิด หลายชั้น กลับไปกลับมา ความรอบคอบและมองเห็นปัญหาจากทุกด้านก็มีมากกว่า
ต่างจากคนรุ่นใหม่ ที่มีทุนมารอ เพรียบพร้อมแล้ว จึงมองแต่ทางที่จะนำเงินนั้น ไปต่อเงิน สร้างกำไร แต่เพียงด้านเดียว
เพราะไม่ต้องคำนึงมากนักว่า ถ้าพลาดจะต้องเจอกับอะไรบ้างถ้าพลาด
ที่คนรุ่นเก่าๆ พูดกันแหละครับว่า เล็งผลเลิศ คือมองแต่ว่า 100 ล้านที่มี จะทำเงินให้ได้กี่เปอร์เซนต์ แล้วก็โยนลงไป
ผมไม่ได้ว่าหรือถือวิสาสะอะไรนะครับ ผมก็ไม่มีเงินอะไรขนาดนั้น
แต่ผมได้ทำงาน คลุกคลี กับคนทั้งสองลักษณะรุ่นนี้มาเป็นสิบปี มันเห็นตำตาครับ
คิดซะว่าเป็นมุมมองที่ต่างไปอีกด้านนะครับ
-
ทำไมถึงอยากทำโชว์รูมโตโยต้า ? มีเหตุผลอื่นใดประกอบหรือไม่ครับ คืออยากฟังมุมมองของเจ้าของกระทู้ครับ
ส่วนโตโยต้าดีเยี่ยม ผมรู้จักอยู่ครับเคยดีลกันเรื่องที่ดินสร้างโชว์รูม
ผมว่า 80 ล้านไม่พอนะครับ สำหรับโชว์รูมดีๆ เงินระดับนี้เอาไปทำอย่างอื่นที่ทำกำไรได้เยอะพอๆกันนะ
เช่นธุรกิจอสังหาฯ ทำเลดีใช้พื้นที่น้อยกว่า ก็ได้กำไรตอบแทนใกล้เคียงกัน และเพิ่มมูลค่าได้ในอนาคต
ก็ยังสามารถทำได้ เป็นต้น
-
ไม่ค่อยทราบข้อมูลทางธุรกิจเท่าไร แต่ใจช่วยคับ
ขอให้เปนศูนย์ที่ดีบริการจิงใจ ผมจาไปใช้บริการแน่นอนคับ
ขอบคุณจากใจจริงครับ
-
คุณจิมมี่เคยบอกว่า ต้องให้เขา(โตโยต้า) เปิดรับสมัครก่อนครับ ไม่ใช่อยู่ดีๆ นึกจะเปิดก็เปิดขอเปิดได้เลยครับ
ส่วน 80 ล้าน ไม่รวมที่ดิน ผมคิดว่ายังไงก็ไม่พอครับ แค่ที่ดินทำเลดีๆ ยังไม่พอเลยครับ
ส่วนเช่าก็แพงมากครับสำหรับทำเลคุณภาพ ทั้งเงินกินเปล่า ทั้งค่าเช่ารายเดือน
ผมคิดว่าเงิน 80 ล้าน สามารถหาธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าโชวร์รูมรถมากมายครับ
ผมเห็นด้วยเลยว่าเงิน 80 ล้าน ทำอย่างอื่นได้อีก ( ซื้อหุ้นปันผลเล่นทอง ก้อว่ากันไป ;D )
p.s. ผมมีรุ่นน้องทำงานอยู่ที่ toyota เกี่ยวกับการเปิด showroom วิ่งออกต่างจังหวัดไปประเมินแล้วส่งกลับบริษัทแม่
น้องบอกว่า เจ้าของ โชว์รูมกำไรต่อคัน ประมาณ 3-5 หมื่นบาท หักทุกอย่างแล้ว
ขั้นต่ำเริ่มต้น 80 ล้าน ถ้าทำเลดี รุ่งครับ อยู่ที่ทำเลล้วนๆเลย :D
ตอนแรกผมก็กะว่าจะเชียร์ จขกท. ว่า ถ้าโตโยต้าเขาไม่ให้เปิด ก็ซื้อหุ้นโตโยต้ามันเลย แต่พอไปดู ROE แล้วต่ำมากถอยดีกว่า 55555555555555
แอบกระซิบดังๆ ว่า หุ้น เมอร์เซเดสกับ BMW P/E ยังต่ำ แล้วผลตอบแทนก็ใช้ได้ ถึงแม้จะมีความเสี่ยงด้านปัญหาการเงินของโลกอยู่บ้างก็ตาม
ผมเห็นกระทู้ในหมวดcls mania ชวนไปซื้อหุ้นเดมเลอร์ครับน่าสนใจมากนะครับนั่น
-
ถ้าจะเปิดโชว์รูมตอนนี้ ผมไม่แนะนำ Toyota หรือ Honda เพราะว่า 2 ค่ายนี้ มีสาขาเยอะอยู่แล้ว
ไปแข่งด้วยลำบาก สายป่านไม่ยาว เหนื่อยแน่ๆครับ กำไรต่อคันไม่ได้เยอะนัก การทำดีลเลอร์รถเนี่ย
Suzuki ตอนนี้ น่าสนที่สุด ลงทุนไม่ได้ถึงกับเยอะมาก กำไรต่อคันอาจจะไม่เยอะ
แต่ลองนึกถึงปริมาณของรถที่จะต้องเข้าศูนย์บริการหลังจากนี้ดูครับ
นี่ยังไม่นับรถที่จะเปิดตัวต่อจากนี้จนถึง 2015 ปีละ 1 รุ่น แค่นี้ หัวกระไดโชว์รูมก็ไม่แห้งแล้วละ
ส่วน Mitsubishi ถ้าจะลงทุนทำตอนนี้ ก็น่าจะเสร็จพร้อมๆกับการเปิดตัว Mirage Sedan
ซึ่งน่าจะเรียกลูกึค้าเข้ามาได้เยอะ แล้วปี 2014 ยังมี Triton ใหม่ อีกต่างหาก ส่วน Pajero Sport ใหม่
อาจต้องรอหลังจากนั้น อิีกสัก 1-2 ปี ก็ไม่เสียหาย
Nissan เป็นดีลเลอร์ก็ได้ แต่ค่าตกแต่ง CI (Corporate Identity) พวกป้าย โลโก้ ฯลฯ จะแพงเอาเรื่อง
นี่ก็น่าสนไม่แพ้กัน เพราะโปรดักต์ที่จะตามมาหลังจากนี้ จนถึง 2015 นี่ ก็มีรวมแล้วราวๆ 8 รุ่นได้ หรือมากกว่านั้นนิดนึง
Ford ถ้าจะเป็นดีลเลอร์ ขอแนะนำให้เน้นเรื่องบยริการหลังการขาย หาช่างเก่งๆ และนิสัยดีๆมา ปั้นให้เจ๋งๆ
อยู่ด้วยกันให้ยาวๆ แค่นี้ ก็สบายครับ เพราะ Ford จะด้อยในเรื่องนี้
งบเริ่มต้น ถ้ามีที่ดินอยู่แล้ว ก็ดีครับ แต่ถ้าต้องไปเซ้ง ต้องไปมีธุรกรรมอะไรกับที่ดินนั่น
ก็ต้องเจรจากันครับ
เบื้องต้น แต่ละแบรนด์ที่พูดถึงมานี้ ต้องมีงบเริ่มต้น รวมทั้ง เงินสำหรับตัดรถมาจอดโชว์ และขาย อย่างน้อยๆ 20 คันแรก
น่าจะมี ตั้งแต่ 20 - 100 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับขนาดของโชว์รูม และศูนย์บริการของคุณ ซึ่งมันก็จะขึ้นอยู่กับขนาดที่ดินอีกด้วยครับ
กราบขอบพระคุณพี่จิมมี่นะครับ ผมว่าผมคิดไม่ผิดที่เข้ามาถามในนี้
อยากจะถามพี่จิมมี่แบบนี้ครับถ้าเป็นพี่จิมมี่ พี่จะเอาค่ายไหนครับ
คือที่ผมเลือกตโตโยต้าเพราะผมเริ่มจากทำงานที่นี่รู้จักเซลรู้จักผู้จัดการเพื่อนฝูงก็พอมีครับเลยเลือกที่เราถนัดครับ
-
ก่อนจะคิดทำโชว์รูม
ผมแนะนำ ลองทำ Business Plan ก่อนครับ
1. คนรู้จักผม (ตอนนี้เปิดโชว์รูมTaTaอยู่) เขาใช้ Business Plan ยื่นเรื่องที่TaTa แข่งกับเจ้าใหญ่อีก 3 รายเพื่อที่จะเปิดโชว์รูม
ดังนั้น คุณต้องทำ BP ไว้ก่อน เพื่อนำเสนอ แผนของตัวเอง วิธีการเอาธุรกิจให้รอด ถ้ามีอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น และอื่นๆอีกมากมาย
2. BP ใช้ยื่นกู้แบงค์ เวลาฉุกเฉินได้ด้วย เวลาเกิดปัญหาขึ้น โดยเฉพาะ TMT ที่เป็น Red Ocean
3. (ข้อนี้ผมเป็นมาก่อน ผมเลยบอกไว้เพื่อเตือนสติ) คนที่กำลังคิดทำธุรกิจส่วนใหญ่ มองแต่ข้อดี มองไม่ค่อยเห็นปัญหา Business Plan ช่วยท่านได้ และคุณต้องนำ ข้อกังขาหลายๆข้อที่ เพื่อนๆญาติๆของคุณบอกมา มาลงในBusiness Plan เพื่อเขียนแนวทางแก้ไขปัญหา ถ้าคุณไม่ทำ หรือคิดว่ามันไม่ได้เป็นปัญหา นั่นหมายถึงคุณละเลยวิธีการแก้ไข และนั่นจะเป็นปัญหาในอนาคตที่แก้ยากมาก (ผมเจอมาแล้ว) -- อาบน้ำร้อนมาก่อน, ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด, ผู้ใหญ่ทัก (เป็นเรื่องจริงครับ)
ก่อนที่จะทำธุรกิจใดๆ คุณ"ต้อง"ทำแผนธุรกิจ"ขึ้นมาก่อน จากนั้น นำไปให้พวกBank (แผนก Medium SMEs ขึ้นไป) อ่านดู ให้เขาช่วยวิเคราะห์ดูว่า กู้ได้เท่าไหร่ และจะผ่านหรือไม่ ถ้าผ่าน และกู้ได้มาก แสดงว่าแผนธุรกิจ คุณเจ๋งพอควร ถ้าแบงค์แนะนำให้ปรับปรุง เชื่อเขาเถอะครับ
80ล้าน ไม่รวมที่ดิน สำหรับศูนย์บริการ -- เอาไม่อยู่นะครับ ถ้าเป็น Brand ดัง
แค่ปั๊มน้ำมันมาตรฐาน-ปั๊มเล็กไม่รวมที่ดิน ค่าลงทุนก็ 10 ล้านเข้าไปแล้ว ยังไม่รวมสต็อคน้ำมัน
ทำแผนธุรกิจก่อนครับ แล้วจะไม่ลำบากเหมือนผมภายหลัง
คำตอบนี้ช่างมีคุณค่าสำหรับผมจริงๆครับ
-
ผมก็อยากทำโชว์รูมมาก แต่ทำไงได้หล่ะ มีอยู่แค่20ล้าน
กู้ครับเอาใจช่วยครับผม พ่อผมสมัยก่อนไม่มีตังสักบาทอาศัยกู้แบ้งค์มาทำเอาผ่านไปยี่สิบกว่าปีกว่าจะเท่าทุน เหน็ดเหนื่อยมากๆครับ
-
ก่อนจะคิดทำโชว์รูม
ผมแนะนำ ลองทำ Business Plan ก่อนครับ
1. คนรู้จักผม (ตอนนี้เปิดโชว์รูมTaTaอยู่) เขาใช้ Business Plan ยื่นเรื่องที่TaTa แข่งกับเจ้าใหญ่อีก 3 รายเพื่อที่จะเปิดโชว์รูม
ดังนั้น คุณต้องทำ BP ไว้ก่อน เพื่อนำเสนอ แผนของตัวเอง วิธีการเอาธุรกิจให้รอด ถ้ามีอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น และอื่นๆอีกมากมาย
2. BP ใช้ยื่นกู้แบงค์ เวลาฉุกเฉินได้ด้วย เวลาเกิดปัญหาขึ้น โดยเฉพาะ TMT ที่เป็น Red Ocean
3. (ข้อนี้ผมเป็นมาก่อน ผมเลยบอกไว้เพื่อเตือนสติ) คนที่กำลังคิดทำธุรกิจส่วนใหญ่ มองแต่ข้อดี มองไม่ค่อยเห็นปัญหา Business Plan ช่วยท่านได้ และคุณต้องนำ ข้อกังขาหลายๆข้อที่ เพื่อนๆญาติๆของคุณบอกมา มาลงในBusiness Plan เพื่อเขียนแนวทางแก้ไขปัญหา ถ้าคุณไม่ทำ หรือคิดว่ามันไม่ได้เป็นปัญหา นั่นหมายถึงคุณละเลยวิธีการแก้ไข และนั่นจะเป็นปัญหาในอนาคตที่แก้ยากมาก (ผมเจอมาแล้ว) -- อาบน้ำร้อนมาก่อน, ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด, ผู้ใหญ่ทัก (เป็นเรื่องจริงครับ)
ก่อนที่จะทำธุรกิจใดๆ คุณ"ต้อง"ทำแผนธุรกิจ"ขึ้นมาก่อน จากนั้น นำไปให้พวกBank (แผนก Medium SMEs ขึ้นไป) อ่านดู ให้เขาช่วยวิเคราะห์ดูว่า กู้ได้เท่าไหร่ และจะผ่านหรือไม่ ถ้าผ่าน และกู้ได้มาก แสดงว่าแผนธุรกิจ คุณเจ๋งพอควร ถ้าแบงค์แนะนำให้ปรับปรุง เชื่อเขาเถอะครับ
80ล้าน ไม่รวมที่ดิน สำหรับศูนย์บริการ -- เอาไม่อยู่นะครับ ถ้าเป็น Brand ดัง
แค่ปั๊มน้ำมันมาตรฐาน-ปั๊มเล็กไม่รวมที่ดิน ค่าลงทุนก็ 10 ล้านเข้าไปแล้ว ยังไม่รวมสต็อคน้ำมัน
ทำแผนธุรกิจก่อนครับ แล้วจะไม่ลำบากเหมือนผมภายหลัง
อันนี้แหละครับ แ่ก่นหลักเลยหล่ะครับ
เพราะอะไร เพราะคนรุ่นบุกเบิก เค้าต้องเริ่มทุกอย่างจาก 0 ครับ บางเรื่องอยากทำแต่ไม่มีเงิน ต้องคิด คิด และก็คิด หลายชั้น กลับไปกลับมา ความรอบคอบและมองเห็นปัญหาจากทุกด้านก็มีมากกว่า
ต่างจากคนรุ่นใหม่ ที่มีทุนมารอ เพรียบพร้อมแล้ว จึงมองแต่ทางที่จะนำเงินนั้น ไปต่อเงิน สร้างกำไร แต่เพียงด้านเดียว
เพราะไม่ต้องคำนึงมากนักว่า ถ้าพลาดจะต้องเจอกับอะไรบ้างถ้าพลาด
ที่คนรุ่นเก่าๆ พูดกันแหละครับว่า เล็งผลเลิศ คือมองแต่ว่า 100 ล้านที่มี จะทำเงินให้ได้กี่เปอร์เซนต์ แล้วก็โยนลงไป
ผมไม่ได้ว่าหรือถือวิสาสะอะไรนะครับ ผมก็ไม่มีเงินอะไรขนาดนั้น
แต่ผมได้ทำงาน คลุกคลี กับคนทั้งสองลักษณะรุ่นนี้มาเป็นสิบปี มันเห็นตำตาครับ
คิดซะว่าเป็นมุมมองที่ต่างไปอีกด้านนะครับ
ผมไม่ได้โกรธอะไรครับ จะขอบคุณด้วยซ้ำที่เข้ามาให้ความรู้และทำให้รอบคอบมากขึ้นครับ
-
ทำไมถึงอยากทำโชว์รูมโตโยต้า ? มีเหตุผลอื่นใดประกอบหรือไม่ครับ คืออยากฟังมุมมองของเจ้าของกระทู้ครับ
ส่วนโตโยต้าดีเยี่ยม ผมรู้จักอยู่ครับเคยดีลกันเรื่องที่ดินสร้างโชว์รูม
ผมว่า 80 ล้านไม่พอนะครับ สำหรับโชว์รูมดีๆ เงินระดับนี้เอาไปทำอย่างอื่นที่ทำกำไรได้เยอะพอๆกันนะ
เช่นธุรกิจอสังหาฯ ทำเลดีใช้พื้นที่น้อยกว่า ก็ได้กำไรตอบแทนใกล้เคียงกัน และเพิ่มมูลค่าได้ในอนาคต
ก็ยังสามารถทำได้ เป็นต้น
กราบขอบพระคุณนะครับกับความคิดเห็นดีดี คืออย่างนี้ครับผมเคยทำงานที่โตโยต้า รู้จักเซล รู้จักผู้จัดการ รู้วิชามารของเซล
มันเป็นสิ่งที่ผมถนัดครับ ก็เลยเลือกยี่ห่อนี้เพราะผมคิดว่าจะทำธุรกิจอะไรควรทำธุรกิจที่เราถนัดและอีกอย่างคือผมมีใจรักงานด้านรถยนต์ครับ
-
ชั่วโมงนี้ถ้ามีเงิน 80ล้าน ผมคงไม่มอง Toyota เพราะมีเยอะมากแล้ว
ผมจะหันกลับไปมองแบรนอย่าง su เพราะตอนนี้ swift นี่กำลังแรง
และในช่วงอีกประมาณ 2 ปี ผมว่าค่ายนี้คงเกิดดังเป็นพลุแตก
เท่าที่ผมทราบ จากเพื่อนผมที่เป็นเจ้าของศูนย์ toyota ในงบขั้นต่ำที่ 100 ครับ
เพราะไหนจะวางมัดจำ ค่าทำโชว์รูม ค่าที่ดิน และรถขั้นต่ำอีกประมาณ 20 คัน
สำคัญคือสถานที่ หากทำเลไม่ดี มันจะมีปัญหาในอนาคต
ลองศึกษาดูดี ๆ ก่อนครับ อย่ารีบร้อน เดี๋ยวจะเจ็บตัวฟรี ๆ ;D
-
ผมไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะยังเยาว์วัย
ยังไงก็ขอให้โชคดี และ คิดมากๆนะครับ
-
แนะนำว่า Ford เลยครับ
ถ้าบริการดี ช่างทำงานเก็บรายละเอียดดี ความรู้ดี พนักงานต้อนรับให้บริการดี
มีความรับผิดชอบต่อลูกค้าดี และที่สำคัญดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผมว่า
ศูนย์บริการคุณจะเต็มไปด้วย ลูกค้า จากประสบการณ์ตรง ณ ปัจจุบันนี้
ผมยังไม่เคยเจอศูนยบริการไหนที่ดีพร้อมจริงๆ สักทีเลย ที่สำคัญ Ford ไม่เคย
ให้ความสำคัญต่อศูนย์บริการอย่างเป็นจริงเป็นจังเลย ถ้าคุณรักที่จะทำงานด้านบริการ
คุณมาทำ Ford คุณจะผลิกวงการงานด้านบริการของ Ford ดีขึ้น ถึงตอนนั้น ศูนย์คุณจะมีลูกค้า
เยอะจนทำให้รับงานไม่ทันแน่นอน และ 1 ในนั้นอาจมีผมอยู่ในลูกค้าคุณก็เป็นได้ ไม่ว่าจะศูนย์
จะอยู่ไกลแค่ไหน ถ้าดีจริงไม่จำเป็นต้องทำเลดี ลองถามเพื่อนๆ ที่ใช้ Ford อยู่ซิครับ ทุกวันนี้
แค่ได้ยินว่าศูนย์ไหนบริการดี ก็แห่ไปใช้กันที่นั้น จริงไหมครับ
-
ลองดูครับท่าน จขกท ทุกอย่างเริ่มต้นที่ความคิด จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ครับ
ท่านเจ้าของกระทู้มีเงินเยอะขนาดนี้ผมว่าครอบครัวต้องมีทั้งความรู้ ประสบการณ์ ไม่น้อยแน่นอน
และการที่มาถามในนี้เวบแห่งนี้ ข้อมูลทุกอย่างเป็นประโยชน์ทั้งนั้นครับ ยิ่งธุรกิจที่ต้องลงทุนเยอะขนาดนี้ ยิ่งต้องการข้อมูลรอบด้าน
ผมเองก็เพิ่งเริ่มทำธุรกิจที่โปรเจคท้าทายเหมือนกันครับ ผมก็จะเลือกทำในสิ่งที่ชอบด้วย และผลตอบแทนที่คุ้มค่าแหละครับ
ดูจากผลตอบแทนทำโตโยต้า น่าจะรวยนะครับ ถ้าผลกำไรซักเดือนละ 3 ล้าน จากเงินลงทุน 80 ล้าน ผมว่า โคตรคุ้ม 10 ปีก็ สบายๆเลยครับ
ยังไงก็ขอให้ได้ข้อมูลที่ดีประกอบการตัดสินใจ และประสบความสำเร็จนะครับถ้ามีโอกาสได้ทำจริงๆครับ
-
จริงๆแล้ว ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ลองถามเจ้าของโชว์รูม แต่ละค่าย ค่ายละ 3 ราย
ถึงความใส่ใจของ บริษัทต้นสังกัด ต่อพวกเขาด้วย
อันนี้ก็เรื่องสำคัญนะ
-
ผมแนะนำ ขายรถทีเป็น Eco car พวก มิตซู ซูซูกิ ดีกว่าครับ
ส่วนพี่โต มันเยอะจริง เราเบื่อที่ไหนก็ไปเข้าอีกที่ได้สบายสุดๆ เลย
-
คุณจิมมี่เคยบอกว่า ต้องให้เขา(โตโยต้า) เปิดรับสมัครก่อนครับ ไม่ใช่อยู่ดีๆ นึกจะเปิดก็เปิดขอเปิดได้เลยครับ
ส่วน 80 ล้าน ไม่รวมที่ดิน ผมคิดว่ายังไงก็ไม่พอครับ แค่ที่ดินทำเลดีๆ ยังไม่พอเลยครับ
ส่วนเช่าก็แพงมากครับสำหรับทำเลคุณภาพ ทั้งเงินกินเปล่า ทั้งค่าเช่ารายเดือน
ผมคิดว่าเงิน 80 ล้าน สามารถหาธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าโชวร์รูมรถมากมายครับ
ผมเห็นด้วยเลยว่าเงิน 80 ล้าน ทำอย่างอื่นได้อีก ( ซื้อหุ้นปันผลเล่นทอง ก้อว่ากันไป ;D )
p.s. ผมมีรุ่นน้องทำงานอยู่ที่ toyota เกี่ยวกับการเปิด showroom วิ่งออกต่างจังหวัดไปประเมินแล้วส่งกลับบริษัทแม่
น้องบอกว่า เจ้าของ โชว์รูมกำไรต่อคัน ประมาณ 3-5 หมื่นบาท หักทุกอย่างแล้ว
ขั้นต่ำเริ่มต้น 80 ล้าน ถ้าทำเลดี รุ่งครับ อยู่ที่ทำเลล้วนๆเลย :D
ตอนแรกผมก็กะว่าจะเชียร์ จขกท. ว่า ถ้าโตโยต้าเขาไม่ให้เปิด ก็ซื้อหุ้นโตโยต้ามันเลย แต่พอไปดู ROE แล้วต่ำมากถอยดีกว่า 55555555555555
แอบกระซิบดังๆ ว่า หุ้น เมอร์เซเดสกับ BMW P/E ยังต่ำ แล้วผลตอบแทนก็ใช้ได้ ถึงแม้จะมีความเสี่ยงด้านปัญหาการเงินของโลกอยู่บ้างก็ตาม
ผมเห็นกระทู้ในหมวดcls mania ชวนไปซื้อหุ้นเดมเลอร์ครับน่าสนใจมากนะครับนั่น
ที่ CLS Mania มีคนคิดเหมือนผมด้วยอ๋อครับ :)
แต่ราคาหุ้นใน EU รวมถึง US น่าสนใจมากครับ หุ้นที่เป็นแบรนด์ระดับโลก หลายๆ ตัว ราคาถูกกว่าหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทยซะอีก
ถ้าจะลงทุนในตลาดทุนจริงๆ ผมแนะนำว่าต้องเงินเย็น และต้องศึกษารายล่ะเอียดของบริษัทที่เราต้องการให้มากๆ ครับ
และถ้าลงทุนเกิน 300,000$ ควรทำประกันความเสื่ยงด้านค่าเงินไว้ด้วยครับ
สุดท้าย ทำในธุรกิจที่คุณอยากทำมันจริงๆ ครับ เราจะทำมันได้ดีที่สุด ขอให้โชคดีครับ :)
-
ขอให้เปิดได้ดั่งใจหวังนะครับ และให้เป็นดีลเลอร์ที่เป็นที่พึ่งที่ดี สำหรับของลูกค้าของคุณให้ได้นะครับ เป็นกำลังใจให้
-
ผมว่าธุรกิจDealerรถยนต์ มันค่อนข้างเหมาะกับคนเงินเหลือๆมากกว่านะครับ คือมันมีธุรกิจที่มันทำเงินได้มากกว่านี้ในทุนพอๆกัน แล้วก็ความมั่นคงพอๆกัน จริงๆอยากให้ไปในแนวผลิต(ทั้งสินค้าและบริการ)เองมากกว่าครับ เพราะแบบนี้มันขึ้นกับบริษัทแม่ตลอดเลยครับ มันคุมหัวเรือเองไม่ได้อะครับ
ถ้าอยากสร้างจริงๆอย่าเอาToyotaเลยครับ คือมันเยอะมาก ต้องสร้างจุดเด่นครับ ผมว่าFordน่าจะดีนะครับ ต้องบริการดีๆครับ ข้อเสียคือลูกค้าส่วนมากขยาดไปแล้ว ;D ;D
-
อ่อ....ที่จริงเขาเคยทำงานให้โตโยต้านี่เอง พยายามศึกษาโชว์รูมเพื่อนบ้านระแวกใกล้เคียงทำเลที่จะเปิดด้วยนะครับ
ว่าเป็นของใคร แล้วคุยได้มั๊ย เพราะโชว์รูมหลายๆที่ ก็คอนเนคกัน เพราะบางทีก็ต้องอาศัยกันและกันพอสมควร
เวลารถขาด หรือรถเกินโควต้า
-
ขนาดเจ๊เกียวมีเงินระดับหมื่นล้าน ยังไปขอเปิดจาก TMT ไม่ได้เลยครับ แกขั้นเปิดโชว์รูมรถได้เกือบทุกค่าย ยกเว้น Toyota นิแหละครับที่แกเอาไม่ได้
-
ผมว่า Suzuki กับ Mazda น่าสนใจกว่านะครับ ค่ายใหญ่ไม่ค่อยสนใจดีลเลอร์เล๊กๆนะครับ
-
อีกเรื่องนึงนะครับ ลองไปคุยๆ กับเจ้าของดีลเลอร์ดู
ไม่มีใครอยากทำศูนย์บริการนักหรอกครับ
เราๆท่านๆ อาจมองว่า โอเคนะ รายได้ดีจัง แต่ลองหาข้อมูลดูครับ
ไม่ว่าพี่โต อี เช อะไรก็ตาม
ถ้าขายแต่รถได้ ไม่ต้องโดนบังคับทำศูนย์บริการ
เชื่อได้ครับว่า เกิน 90% เป็นอย่างนั้น
-
ถ้าท่านชอบงานด้านรถยนต์จริงๆ นอกจากการเป็นดีลเลอร์รถแล้ว ผมบอกทางเลือกให้อีกสักหน่อยครับ
1. ศูนย์บริการแบบค็อกพิท ,บี-ควิ๊ก ที่เปลี่ยนยาง ทำช่วงล่าง
2. คาร์แคร์ พร้อมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
3. ศูนย์ซ่อมรถอิสระ (ไม่ใช่อู่รถนะ) ทำให้เป็นมาตรฐาน อาทิ Bosch เป็นต้น
4. อู่ หรือศูนย์บริการทั่วๆไป
5. พวกเฉพาะทาง เช่น สำนักแต่งรถ โมดิฟาย เป็นต้น
ประมาณนี้ครับ สิ่งเหล่านี้เป็นงานเกี่ยวกับรถยนต์ แต่ไม่ได้ขายรถยนต์เป็นคันๆครับ
อ้อ ถ้าชอบดีลเลอร์ขายรถ ลองดูพวก
1. รถใหญ่ เช่น Hino Fuso Volvo ^^
2. รถมือสอง ทำให้ได้มาตรฐานคล้าย Toyota Sure อะไรประมาณนี้ครับ
เอาใจช่วยครับ
-
ไม่รู้ว่าตรีเพชร อีซูซุเป็นยังไง
แต่รู้ว่าปริมาณรถบนท้องถนนช่างเยอะเหลือเกิน
อีกทั้ง ยอดขายแต่ละเดือน สูงอยู่ไม่น้อย
ลองดูเป็นอีกทางเลือกแล้วกันครับ
-
ขายฟอร์ดควบมาสด้าเลยครับ ;) ;) ;) แบบนี้มีหลายที่เลยในไทยหาช่างดีๆไว้เยอะๆ เชื่อว่าชาวฟอร์ดจะแห่ไปที่นั่น ;D ;D ;D
-
ถ้าท่านชอบงานด้านรถยนต์จริงๆ นอกจากการเป็นดีลเลอร์รถแล้ว ผมบอกทางเลือกให้อีกสักหน่อยครับ
1. ศูนย์บริการแบบค็อกพิท ,บี-ควิ๊ก ที่เปลี่ยนยาง ทำช่วงล่าง
2. คาร์แคร์ พร้อมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
3. ศูนย์ซ่อมรถอิสระ (ไม่ใช่อู่รถนะ) ทำให้เป็นมาตรฐาน อาทิ Bosch เป็นต้น
4. อู่ หรือศูนย์บริการทั่วๆไป
5. พวกเฉพาะทาง เช่น สำนักแต่งรถ โมดิฟาย เป็นต้น
ประมาณนี้ครับ สิ่งเหล่านี้เป็นงานเกี่ยวกับรถยนต์ แต่ไม่ได้ขายรถยนต์เป็นคันๆครับ
อ้อ ถ้าชอบดีลเลอร์ขายรถ ลองดูพวก
1. รถใหญ่ เช่น Hino Fuso Volvo ^^
2. รถมือสอง ทำให้ได้มาตรฐานคล้าย Toyota Sure อะไรประมาณนี้ครับ
เอาใจช่วยครับ
เข้าท่าๆ คล้ายๆ ศูนย์ทางเลือก รับรถได้ทุกค่ายก็ดีนะครับ สิ่งสำคัญคือ เรื่องการบริหาร "คน" มากกว่า