Headlight Magazine : community

General => User's Voice => ข้อความที่เริ่มโดย: Art130 ที่ ตุลาคม 08, 2012, 18:33:39

หัวข้อ: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Art130 ที่ ตุลาคม 08, 2012, 18:33:39
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆทุกท่าน ผมเขียนรีวิวนี้เป็นครั้งแรก หลังจากที่ตั้งใจว่าจะทำมานานแล้วแต่ยังไม่มีเวลาซักที การเขียนครั้งนี้จะเป็นการเขียนจะประสบการณ์จริงๆในการใช้รถ อาจจะไม่ตรงกับความคิดเห็นคนอื่นบ้าง มีข้อความไม่ถูกใจใครบ้าง หรือโม้เกินจริงไปบ้าง ผมก็ขออภัยไว้นะที่นี้
(http://i2.photobucket.com/albums/y45/saart31/IMG_0804xxx9.jpg)

รถที่จะทำการรีวิวในครั้งนี้คือ Toyota Corolla Altis 1.8 E 2010 Dual vvti CVT

(http://i2.photobucket.com/albums/y45/saart31/IMG_1085edXXXXXX1-1.jpg)


ก่อนจะพูดถึงรถคันนี้ ผมขอเล่าถึงประสบการณ์การใช้รถของผมก่อนนะครับ ว่าที่ผ่านมาใช้รถอะไรมาบ้าง รถที่ผ่านมือมานั้น สามารถเป็นbenchmark ในการเปรียบเทียบกับคันปัจจุบันได้

Kia Sportage 1998 (USA) คันนี้เป็นรถมือ8 สภาพเหมือนผ่านสงครามโลกมาแล้วสองครั้ง ได้มาหลังจากได้ไปขับขี่ตอนสมัยเรียนhigh school ตอนนี้ยังเลือกรถไม่เป็น โดนเค้าหลอกมาเต็มๆ  กุญแจได้มาสาม 3 ดอก ดอกแรกไว้สตาร์ทรถ ดอกที่สองไขเข้าฝั่งคนนั่ง ดอกที่สามเข้ารถด้านคนขับ การขับขี่ไม่ต้องพูดถูก เลวร้ายมาก โดยเฉพาะหน้าหนาวหิมะตก ขึ้นเนินไม่ไหว ขับเกิน20นาทีมีกลิ่นเหม็นไหม้ อัตราเร่ง0-100 รอเป็นชาติ ผมได้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนับครั้งไม่ถ้วนกับรถคันนี้ ครั้งแรกเบรคล๊อคด้านหลัง เนื่องจาก brake pad ในdrum brake ด้านหลังมันหมดสภาพ หลุดมาขัดกับตัวเบรคทำให้ล้อล๊อค ครั้งนั้นจำได้ ว่าหมุน 360องศากลางถนนhighway แล้วรอดตายได้อย่างหวุดหวิด รถคันนี้ผมสันนิฐานว่าน่าจะมีพลังงานบางอย่างสิงสถิตอยู่ครับ มีครั้งนึงเคยแกะแผงประตูมาซ่อมกลอน พบว่ามีคราบเลือดติดอยู่ด้านในฝั่งคนขับ หลอนเลยครับตอนนั้น

Toyota Yaris Sedan 2007 (USA) คันนี้เป็นคันแรกที่ซื้อมาเป็นมือหนึ่ง เนื่องจากต้องขับรถทางไกลบ่อยขึ้น ต้องการรถที่ไว้ใจได้ ไม่พังกลางทาง และปลอดภัยในระดับ แน่นอนครับ อัตราเร่งต่างกันฟ้ากับเหว ช่วงล่างก็ดีขึ้นกว่าคันแรกมาก พวงมาลัยก็คล่อง กระชับมือกว่าเยอะ ทำให้ผมไม่วิตกจริตเวลาขับรถ สุขภาพจิตดีขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรน่าจดจำ ตื่นตาตื่นใจมากนัก เว้นแต่ service ห่วยๆของช่างที่นู่น ครั้งนั้นทำให้ผมเสียเงินเสียเวลาไปเยอะ เพียงเพราะการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแล้วขันปะเก็นแน่นไปจนเกลียวพัง ทำให้น้ำมันเครื่องรั่วออกมาหมด ตอนนั้นขับไปก็ไม่รู้เรื่อง แถมพยายามสตาร์ทเครื่องแล้วไปต่อ จนได้เรื่องครับ เปลี่ยนเครื่องเลย

กลับมาไทย ก็ยังได้ใช้ Toyota เป็นVios 2009 1.5 E เหมือนตัวที่เคยใช้ ต่างที่อุปกรณ์เสริม ที่ตัดออกไปเยอะพอสมควร ไม่มี cruise control, aux, พวงมาลัย multifunction, เบาะพับได้แบบ 60:40การเก็บเสียงสู้ตัวUSไม่ได้ แถมช่วงล่างตัว US รู้สึกว่าน่าจะดีกว่าด้วยซ้ำ โช้คอัพที่นู่นหนืดกว่าพอสมควร

ปัจจุบันมี Mazda 2 1.5 Spirit 2011 ใช้ควบคู่กันไปอีก1คันครับ

(http://i2.photobucket.com/albums/y45/saart31/IMG_1083edxxxx2.jpg)

กลับมาพูดถึงคันปัจจุบัน Altis 1.8 E 2010 ตอนนั้นมีตัวเลือกมากมายอยู่ในใจ ไม่มียี่ห้อ Toyota อยู่ในหัวแม้แต่นิดเดียว เพราะไม่ชอบการขับขี่ หน้าตา อุปกรณ์ ความสบายในการนั่งโดยสาร ความต้องการในตอนนั้นคือ อยากได้รถที่ใหญ่ขึ้น นิ่งขึ้น ไม่ปวดหลังเวลาขับทางไกล ตัวเลือกแรกคือ Mazda 3 แต่ด้วยความที่ครอบครัวคัดค้าน คนรอบข้างไม่สนับสนุน กินน้ำมัน อะไหล่แพง ไม่ทนบ้าง เครื่องไม่ดีบ้าง เหมือนท่องจำกันเป็นสูตรคูร ผมจึงต้องจำใจตัดทิ้งไป Lancer Ex 1.8 จึงเป็นอีกตัวเลือกนึงที่ข้ามไปทันที เนื่องจากสถาณการณ์ลูกลอยในเวลานั้นยังไม่น่าไว้วางใจ BMW E46 ตอบได้ทุกความต้องการ ชอบที่สุดในบรรดารถที่เคยลองมา เป็นรถในฝันจริงๆ แต่กลัวการบำรุงรักษาบวกกับเข็ดแล้วกับรถมือสองเลยตัดทิ้ง ผมเลยเลือกจอง Honda Civic FD e as เนื่องจากได้ขายรถคันเก่าไปแล้ว จึงต้องรีบรับรถใหม่ ผมจึงเลือกศูนย์บริการที่สัญญาว่าจะได้รถภายในเดือนนึงหลังจอง เวลาผ่านไปเดือนนึง ผมจึงโทรเข้าไปเช็ค เซลล์ก็บอก รถมาแล้ว กำลังติดเซนเซอร์ ของแถม รับรถได้ภายใน3วัน จนเป็นอาทิตย์ผ่านไป โทรไปก็มีอยู่มุขเดียว รถมาแล้ว รออีกวันนึง กำลังติดฟิล์ม ทำให้ผมขอยกเลิก และไปจองAltis แทนในที่สุด ซึ่งปัจจุบัน ผมก็ยังไม่ได้เงินจองคืนจากศูนย์นั้นเลย แถมเมื่อก.ค. 2012 ที่ผ่านมาก็ยังโดนศูนย์ honda อีกที่นึงใช้มุขเดิมกับรถ civic fb รวมทั้งสิ้น hondaติดเงินจองรถผมอยู่ 10,000นะจ๊ะ แต่ไม่เป็นไรครับ เข้าใจว่าชอบให้ผ่อน พอจะซื้อสด เลยไม่อยากขายให้

(http://i2.photobucket.com/albums/y45/saart31/IMG_1561.jpg)

(http://i2.photobucket.com/albums/y45/saart31/IMG_1540.jpg)

(http://i2.photobucket.com/albums/y45/saart31/IMG_1539.jpg)
ยืดยาวไปหน่อย เข้าเรื่องเลยละกัน พอหลังจากได้รถaltis มา ผมก็พบว่า ชิบ-าย (ไม่ได้ลองรถเลย เพราะตอนนั้นสถานการณ์มันบังคับแล้ว) มันไม่ได้ขับดีขึ้นไปกว่า vios คันเก่าซักเท่าไหร่เลยนะ จริงอยู่มันคันใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น แต่การอาการปวดหลัง เกร็ง ตูดขมิบเวลาเข้าโค้งมันยังอยู่ครบ ทำให้ผมสงสัยว่า เวลาToyota เค้าผลิตรถยนต์ เค้าเคยลองนั่งขับรถตัวเองนานๆมั้ย ซึ่งอาการปวดหลังน่าจะมาจากเบาะรองขาที่สั้นมาก พนักพิงไม่กระชับตัว ที่รองตูดแหงนขึ้นทำมุมสูงเกิน ทำให้ภาระน้ำหนักทั้งหมดไปลงที่หลังส่วนล่าง ผมพบว่าอาการนี้เกิดขึ้นในรถToyota ทุกรุ่นของที่บ้าน คือ Vios 2009, Camry 2005 นอกจากเบาะที่นั่งไม่สบายแล้ว ที่วางแขนและระยะพวงมาลัยก็ยังมีปัญหาสำหรับผมอีก ผมสูง 182 หนัก 82 ไม่สามารถวางแขนบนที่พักแขนเลยได้สักข้าง การเดินทางไกลนั้นเมื่อยแขนมากครับ ไหนจะต้องนั่งจับพวงมาลัยที่มันพยศอีก ที่วางเท้าซ้ายสำหรับเกียร์ออโต้นั้นไม่มีเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนชาวบ้านเขาครับ ให้มาเป็นติ่งๆ โผล่มานิดนึง ไม่รู้ว่าออกแบบมาให้คนขาซ้ายด้วนรึเปล่า เพราะผมไม่รู้จะเอาไปวางที่ไหนจริงๆ จึงต้องงอไปตลอดทาง สรุปท่านั่งขับขี่ที่สบายนั้น ต้องมีสรีระแบบลิงชิมแพนซีครับ ขางอๆ หลังค่อมๆ แขนยาวๆหน่อยนะ สบายยยยยยยย
(http://i2.photobucket.com/albums/y45/saart31/Chimp_bw.gif)

(http://i2.photobucket.com/albums/y45/saart31/IMG_0754xxx8.jpg)

วัสดุภายในยังไม่ดี เบาะหนังสังเคราะห์สีเบจอ่อน เบาะหลังยังพับแบบ60/40ไม่ได้ ซึ่งเสี่ยวมากในความคิดผม ถ้าอยากได้เบาะสีดำจากAltis ต้องรอออกตัว TRD หรือขยับขึ้นไปเล่นตัว2.0 ซึ่งเป็นรู้กันว่าอะไรที่Toyotaจับมารมดำ จะมีราคาแพงขึ้นไปอีก สัมผัสของหนังนั้นค่อนไปทางแข็ง เพิ่มความไม่สบายในการนั่งเข้าไปอีกฮ่วย วัสดุต่างๆ บ่งบอกถึงความพิถีพิถันในการลดต้นทุนมาจากโรงงาน มีบอร์ดแห่งอนาคต(ฟิวเจอร์บอร์ด)เป็นแผ่นที่ปิดท้ายรถ สายไฟระโยงระยางในกระโปรงท้ายถ้าไม่อยากเห็น DIY ที่ปิดเองด้วยงบ 300บาท  การประกอบภายในวิ่งๆไปมีเสียงออดแอดอยู่บ้าง แก้ได้โดยถอดชิ้นส่วนต่างๆออกมาแล้วยัดเทป3mกันกระแทกเข้าไป กันชนหน้าด้านนอกห้อยต่องแต่งทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร แก้ได้โดยใช้บาทางัดข้างใต้แล้วใช้มือยันกันชนเข้าไปที่เดิม หน้ากระจังด้านล่างมีหลุดบ้างเวลาวิ่งบนบูรพาวิถีแล้วเจอลมแรงๆ ครั้งนึงลมแรงมากพัดผ้าขี้ริ้วจากรถกระบะคันหน้าเข้ามากระแทกกันชน ทำให้ผมต้องขับกลับบ้านพร้อมกลับผ้าขี้ริ้วและกระจังหน้าผลุบเข้าไปอยู่ด้านใน จนต้องรื้อแล้วใส่กลับไปใหม่แบบทำไปขำไป


(http://i2.photobucket.com/albums/y45/saart31/IMG_0746.jpg)
การขับขี่ด้วยความเร็ว รถยังมีความเป็นToyota อยู่ครบ ยิ่งเวลาขับบนถนนบูรพาวิถี จะพบได้ว่ารถมันอยากจะบิน ดิ้นซ้ายดิ้นขวา แต่รู้สึกได้ว่ายังหนักแน่นกว่า  vios คันเก่าอยู่พอสมควรด้วยขนาดแล้วน้ำหนักตัวที่มากกว่า พวงมาลัยคือหนึ่งในเรื่องที่น่าหนักใจ เพราะมันจะทำให้คุณเหนื่อยล้าได้ง่ายๆ การเกร็งแขนจับพวงมาลัย มีสมาธิตลอดเวลาจึงจำเป็นอย่างมาก เดินทางไกลเกิน2 ชั่วโมง ถ้าเลือกได้ผมคงไม่อยากเอามันไปเท่าไหร่

(http://i2.photobucket.com/albums/y45/saart31/IMG_0748.jpg)
หลังจากที่หาข้อมูล ผมจึงตัดสินใจลอง ใส่ล้อ 215/45/17 กับ springs Tein H-Tech สีทอง ค้ำโช้ค Summit โดยหวังว่ารถมันจะนิ่งขึ้น อาการโยนตัวลดลง ไว้ใจได้มากขึ้น
ผลที่ได้ก็ดีขึ้นครับ เวลาโดนลมก็โอเค ส่ายน้อยลง เข้าโค้งได้ดีขึ้น แต่ยังไม่สุด เพราะจังหวะขึ้นลงเนิน ยังเป๋ น่าหวาดเสียว กระเด้งกระดอน อาการพวงมาลัย วอกแวก เบา แถมไม่แม่นยังอยู่ครบ จึงตัดสินใจทดลองสตรัทปรับเกลียว ผมได้ลองsilver's ซึ่งเด้งมหาประลัย แต่ขับมันส์มาก ปรับดีๆก็น่าจะขับสบายขึ้น แต่อาการเสียงดัง สปริงเคลื่อนที่จนครูดกับกระบอก เข้าไปแก้ 5 ครั้งไม่จบ ผมจึงจำเป็นต้องถอดคืนร้านเค้าไป ซึ่งต้องยอมรับว่าบริการดี และ เป็นธรรมกับลูกค้าครับ

ชุดที่สองจึงตัดใจซื้อ tein super street ซะเลย แพงแต่น่าจะจบ คราวนี้ก็จัดเต็ม ใส่rigid collarsเข้าไปเพิ่ม ขับได้มันส์ขึ้น จัดเต็มทุกโค้งจนเสียนิสัย มีความสุขในการขับรถมากขึ้น แต่ความสบายก็หายไปเยอะครับ แน่นอนมันกระด้างมากขึ้น ดีดเด้งๆบ้างถ้าปรับอ่อนก่อน แข็งเกินก็กระแทกอีก ตับไตใส้พุงเดือดร้อน ครั้งนึงพ่อเคยนั่งกระบะVigoแล้วลงมานั้งรถผมต่อทันทียังบ่น บอกว่าvigo นุ่มกว่าเยอะ ขอกลับไปนั่งvigoได้มั้ย ผมปรับแข็งอยู่นานหลายเดือน ทำให้อาการปวดหลังมันกำเริบ จึงต้องเพลาๆความมันส์ลงมาบ้าง แถมต้องเสียเงินไปหาหมอ chiropractor เพื่อรักษาอาการปวดหลังอีก เข็ดเลยครับ ตอนนี้จึงต้องเดินทางสายกลาง ไม่ห่วงแต่ความสนุขอย่างเดียว

หลังจากบรรยายสรรพคุณไปมาก จุดที่มันยังแก้ไม่ได้เหมือนเดิมก็คือ พวงมาลัยไร้ความรู้สึก เวลาหมุนเหมือนมันจะรออยู่1วิ ก่อนจะเลี้ยวตาม อารมณ์มันเหมือน "เฮ้ยมึงรอกูแปบนะ เด๋วกูขอคิดก่อน" บั่นทอนความสนุกในการขับขี่ลงไปเยอะ ผมเข้าใจว่า  Altis เป็นรถที่ทำมาเพื่อครอบครับ ให้ใช้ได้ยาวๆ มีอะไหล่รองรับ เป็นยานพาหนะพาคนทุกคนไปถึงที่หมาย แต่อยากขอความกรุณา Toyotaว่า คราวหน้าใส่ใจในตัวสินค้าของพวกคุณหน่อยนะ รถแบบนี้ไม่จำเป็นต้องหน้าเบื่อ ไร้สีสัน ต้นทุนและความสามารถที่มี บริษัทคุณทำได้สบายๆอยู่แล้ว เข้าใจว่าทำเพื่อความต้องการของตลาดส่วนใหญ่ สงสัยเหมือนกันทำไมคนส่วนใหญ่ถึงชอบนะ ให้การขับขี่มันแย่แค่ไหนก็ยังมีคนซื้อ รวมถึงผม ;D จุดนี้ทำให้โดยรวม ผมยังไม่พอใจในการขับขี่ของรถคันนี้ แต่ก็แลกมาด้วย แอร์เย็นๆของศูนย์บริการ ความรวดเร็วในการซ่อมบำรุง ความสบายใจของคนรอบข้าง และศูนย์บริการที่มีสาขาเยอะเหมือน7 Eleven

ข้อเสียผมก็ดันร่ายมาซะยาว แต่เดี๋ยวจะหาว่ามานั่งดาToyotaซะหมด ข้อดีของรถคันนี้ก็มีครับ แถมมันดีมากๆด้วย นั่นก็คืออัตราเร่ง และความประหยัด เรื่องอัตราเร่งผมไม่สามารถพูดเป็นตัวเลขได้ แต่บอกได้ว่าทันใจ สบายมากๆ เวลาแซงสิบล้อ ถนนสองเลนต่างจังหวัด ไม่เคยต้องลุ้นครับ เพราะมันไหลได้ต่อเนื่อง และไม่ต้องเผื่อเยอะเหมือนคันอื่นๆที่เคยขับมา ความประหยัด ผมทำการทดลองด้วย แก๊สโซฮอล 95ได้่ระยะทาง 564.7 กม. ยังเหลือน้ำมันอยู่อีก1ขีด ไฟเตือนยังไม่ขึ้น เติมกลับเข้าไป 40.371ลิตร เฉลี่ยได้ 13.99 กม./ลิตร ความเร็วเฉลี่ย120-140บ้าง เจอรถติดบ้าง รวมๆแล้วถือว่าน่าพอใจสำหรับผมมากครับ ขับดีๆ ตั้งใจให้ประหยัด ทำได้ 15-16 กม./ลิตรก็ไม่ใช่เรื่องยากครับ ความสะดวกสบายในการซ่อมบำรุงง่ายมาก รื้อเองก็ง่าย อะไหล่เพียบ เข้าศูนย์เปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่Toyota กรุงไทย รามอินทรา กม.9 ใช้เวลาแค่ชั่วโมงนึงก็เสร็จ ในขณะที่ศูนย์mazda บางครั้งต้องทิ้งรถไว้แล้วรอเป็นวัน ขับไปไหนเพื่อนเยอะ อุ่นใจได้ว่าเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

(http://i2.photobucket.com/albums/y45/saart31/DSC_0171xxx6.jpg)

สุดท้ายผมขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้ ในฐานะที่เป็นลูกค้าToyotaมาหลายรุ่น ผมไม่ได้มีเจตนาจะว่าร้ายหรือลำเอียงเข้าข้างแบรนด์อื่นแต่อย่างได้ ถ้าสิ่งที่เขียนไปไม่เหมาะสม หรือ ไม่สุภาพ ขออภัยไว้นะที่นี้ครับ
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: sundown55 ที่ ตุลาคม 08, 2012, 19:26:44
สวยครับ ชอบแอร์ altis มากๆ เคยนั่งตัวก่อน ของญาติ แอร์เย็นมาก ;D
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: NineKlao ที่ ตุลาคม 08, 2012, 19:35:36
 ;D เขียนสนุกดีครับ มีเหน็บกันบ้างก็ไม่เป็นไร

เราซื้อรถไว้ใช้ ไม่ได้ไว้โชว์ใครนี่ครับ

ถ้าคันใหม่ ก็เลือกที่ถูกใจ น่ะครับ (ซื้อรถอย่าใจร้อนครับ)  ;D
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: promt ที่ ตุลาคม 08, 2012, 19:57:07
ฮ่า ฮ่า

กัดได้สนุก มีหยิกแกมหยอก มีรูปลิงประกอบด้วย

คารมเยี่ยมครับ

ผมก็เกือบจะเสร็จโตโยต้าอัลติสเหมือนกัน แต่เทียบกับคู่แข่งแล้วมันแคบกว่า เลยขอบาย
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Tan Int ที่ ตุลาคม 08, 2012, 20:07:03

ผมก็ใช้ Altis แต่เป็น 1.6E CNG ที่ถูกกว่ารุ่นนี้ 1 หมื่นบาท(คนถึงได้หนีไปเล่น 1.8E มากกว่าไงละ)
เทียบๆ แล้ว แน่นอน 1.8 กินขาดทุกเรื่อง แต่ที่ยอมเลือก CNG เพราะใช้รถเยอะมากกกกกกกกกกกกก.... ไม่อยากจ่ายค่าน้ำมัน
(ตอนนี้ขับมา 11 เดือน ไปแล้ว 35,5xx km ครับ)

ยอมรับว่าช่วงล่างโหวงๆไปนิด บางทีขับ 100 แซงสิบล้อ เบี่ยงออกเลนขวา ผมละเกร็งเลย เหวี่ยงมากเดี๋ยวแม่ด่าให้  :)
ทุกวันนี้ ถ้าขับให้แม่ แทบไม่กล้าแซงใคร เหตุเพราะผมหักพวงมาลัยโหด(ขับไม่แข็งเท่าไหร่)

ขอบคุณรีวิวนะครับ
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Art130 ที่ ตุลาคม 08, 2012, 20:35:01
แอร์เย็นจริงๆครับ ปรับ28ร้อนสุดยังหนาวเลย

ขอบคุณทุกท่านนะครับ


ผมก็ใช้ Altis แต่เป็น 1.6E CNG ที่ถูกกว่ารุ่นนี้ 1 หมื่นบาท(คนถึงได้หนีไปเล่น 1.8E มากกว่าไงละ)
เทียบๆ แล้ว แน่นอน 1.8 กินขาดทุกเรื่อง แต่ที่ยอมเลือก CNG เพราะใช้รถเยอะมากกกกกกกกกกกกก.... ไม่อยากจ่ายค่าน้ำมัน
(ตอนนี้ขับมา 11 เดือน ไปแล้ว 35,5xx km ครับ)

ยอมรับว่าช่วงล่างโหวงๆไปนิด บางทีขับ 100 แซงสิบล้อ เบี่ยงออกเลนขวา ผมละเกร็งเลย เหวี่ยงมากเดี๋ยวแม่ด่าให้  :)
ทุกวันนี้ ถ้าขับให้แม่ แทบไม่กล้าแซงใคร เหตุเพราะผมหักพวงมาลัยโหด(ขับไม่แข็งเท่าไหร่)

ขอบคุณรีวิวนะครับ

สิบล้อก็แปลกครับ เวลาเราวิ่งไปใกล้ๆ เค้าจะชอบยื่นมากระแซ เหมือนอยากเข้าใกล้ เรื่องพวงมาลัย ส่วนตัวผมไม่ค่อยเปลี่ยนเลนเร็วๆเหมือนกันครับ มันเสียว เพราะมันตอบสนองช้า เลยหักเยอะเกินไปบ้างบางทีจนเลย
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Teamkk ที่ ตุลาคม 08, 2012, 20:40:58
ผมเคยใช้ ปี 02 เป็นรถที่ขับดีทั้งในเมือง ทั้งทางไกล ใช้มา 9 ปี วันนี้ยังคิดถึงอยู่เลยครับ
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Junior22 ที่ ตุลาคม 08, 2012, 21:12:49
Fb ที่เวลาเข้าโค้งแล้วร่อน พอเจอ altis แล้วร่อนทั้งทางตรงทางโค้งเลย อยากให้มี tein ของ fbจัง
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: cvmatic ที่ ตุลาคม 08, 2012, 21:21:59
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: AMG GT ที่ ตุลาคม 08, 2012, 22:56:58
พี่ สาว ใช้ตัว 1.6 G ตัวก่อน minor  ครับ  ออกตัวนี้ ไม่นึกเลยว่า  นี้มันเครื่อง 1.6  เหรอเพราะ  มันไม่อืดเลย
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: SiiN ที่ ตุลาคม 08, 2012, 23:14:11
แอร์เย็นจริงๆครับ เคยนั่ง Altis 1.8 G ก่อน Minor Change ปรับ 27 องศา พัดลมแอร์สองขีด นั่งตัวสั่นขนลุกเลยครับ ฮ่าฮ่า  ;D
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: YF-19 ที่ ตุลาคม 09, 2012, 00:54:40
รีวิวมันส์มากครับ ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: menglovekai ที่ ตุลาคม 09, 2012, 08:23:54
อ่านแล้วสนุกดีครับ   :)  เห็นด้วยๆ
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: streetballza ที่ ตุลาคม 09, 2012, 08:50:06
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ผมก็ใช้ตัวนี้อยู่ แอร์เย็นมากกกกกกก เปิด 28 นี่เหมือน23-24 ของรถบางคัน จะเย็นไปไหน 555  ;D
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: MN ที่ ตุลาคม 09, 2012, 09:46:44
เป็นรีวิว ที่อ่านแล้วมีอมยิ้มในหลายๆข้อความ  มีสไตล์การเล่าที่มีเสน่ห์ดีคับ

ผมเห็นด้วยเวลาขับโตต้า ต้องมีสมาธิ สูง ฮ่าๆ 

เบาะแข็งไปไหน 555+ แต่ก็รักนะ เพราะัขับได้ทุกวันไม่ค่อยงอแง
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: NONT4477 ที่ ตุลาคม 10, 2012, 00:09:05
เห็นด้วยในหลายเรื่องครับ
เบาะนั่งไม่สบายเลย
ผมขับนานๆไม่ปวดหลังนะ แต่เมื่อยขาขวามาก
ที่วางแขนประตูก็ไม่รู้เขาเอาสมองส่วนไหนคิด วางไม่ได้เลย ต้องเอาเบาะลงสุดถึงจะพอวางได้
เบาะหลัง โอเค(ไม่นับที่วางแขนและ leg room) ตัวเบาะนั่งสบายกว่า Sylphy อีก
ส่วนเบาะแข็ง ผมแนะนำให้ไปลองนั่ง Cruze LTZ ดูนะครับ เหอๆ
ช่วงล่างผมไม่ตินะ เพราะให้การทรงตัวดีกว่า Altis รุ่นเก่ามาก ดีกว่า Vios ด้วย
แต่ไปเจอพรรคพวกที่เค้ามาแนวสปอร์ต เลยสู้เค้าไม่ได้
แต่มันทนมือทนเท้าดี ไม่มีจุกจิกเลย เจ้าอัลติสเนี่ย

ผมก็ใช้ Altis แต่เป็น 1.6E CNG ที่ถูกกว่ารุ่นนี้ 1 หมื่นบาท(คนถึงได้หนีไปเล่น 1.8E มากกว่าไงละ)
เทียบๆ แล้ว แน่นอน 1.8 กินขาดทุกเรื่อง แต่ที่ยอมเลือก CNG เพราะใช้รถเยอะมากกกกกกกกกกกกก.... ไม่อยากจ่ายค่าน้ำมัน
(ตอนนี้ขับมา 11 เดือน ไปแล้ว 35,5xx km ครับ)

ยอมรับว่าช่วงล่างโหวงๆไปนิด บางทีขับ 100 แซงสิบล้อ เบี่ยงออกเลนขวา ผมละเกร็งเลย เหวี่ยงมากเดี๋ยวแม่ด่าให้  :)
ทุกวันนี้ ถ้าขับให้แม่ แทบไม่กล้าแซงใคร เหตุเพราะผมหักพวงมาลัยโหด(ขับไม่แข็งเท่าไหร่)

ขอบคุณรีวิวนะครับ
ใช้รถเยอะมากเลยครับ รถผมปี 10 ยังไม่ 3หมื่นเลย
เข้าใจแล้วว่าทำไมเลือก CNG ใช้แบบนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก
ถ้าเป็นรุ่นธรรมดาใช้น้ำมัน เอาค่าใช้จ่าย 3บาท/กม. คูณ 35,5xx ดู
ร้องจ๊ากเลย
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Art130 ที่ ตุลาคม 10, 2012, 09:31:17
เรื่องเบาะผมว่าตัวโฟมรองเบาะมันนุ่มแล้ว แต่หนังมันควรจะนุ่มได้กว่านี้ครับ คือส่วนสัมผัสบางส่วนเป็นหนังแท้บ้างก็จะดีมาก ที่รองขาสั้นๆก็ทำให้เมื่อยครับ

หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Paul sa ที่ ตุลาคม 10, 2012, 10:10:54
แบบเดียวกับ จขกท เลย จอง civic แต่รอรถไม่ได้เพราะปล่อยรถคันเดิมไปแล้ว ขอให้เซลล์ Honda ลัดคิวหรือตัดรถให้ก่อนก็ไม่ได้ ต้องไปออก Altis 1.8E รุ่นนี้เหมือนกันวันเดียวได้รถเลย ก่อนนี้ใช้ Altis ตัวเดิมอยู่ ตัวใหม่นี้การขับขี่ดีขึ้นกว่าเดิมจริงแต่ก็ยังไม่ใช่ คือมันนุ่ม แต่กระโดดเด้งเวลาเจอลูกระนาด มันแปลกๆ น่าจะเป็นเพราะสปริงแข็งขึ้นแต่โช๊คยังไม่หนืดพอ เวลาเด้งก็เด้งไปเลย ไม่รู้ว่าตกลงเป็นรถเน้นนุ่มหรือแข็ง งง !! เวลาขึ้นสะพานก็เหมือนลอยไปเลยพอลงพื้นก็เหมือนกับไถๆ ไป เปลี่ยนเลนก็โยนตัวไม่มั่นใจ เบาะก็เป็นอย่างที่ว่านั่งไม่สบายเอาเสียเลยพับเผื่อย..ซิ สรุปว่าผิดหวังและรู้แล้วว่ารุ่นนี้ยังเหมาะกับการขับไม่เกิน 80 กม./ชม. คือเน้นใช้งานในเมือง เน้นไม่ใช้ความเร็วนั่นเอง Toyota มีอย่างเดียวที่ดีคือมีอะไหล่แท้/เทียบ ข้างนอกที่หาง่าย และราคาไม่แพง ซึ่งเหมาะกับคนไม่ชอบเข้าศูนย์ มีความสุขกับการดูแลรถเอง หรือใช้รถเยอะ แต่ไม่เหมาะสำหรับคนชอบขับรถ ถึงแม้ว่าคนนั้นจะขับไม่เร็ว แต่ในชิวิตคุณก็ต้องมีหลายๆ ครั้งแหละที่อยากซิ่งบ้าง อยากมันส์ อยากสนุกบ้าง ขอตอบโจทย์ตรงนี้บ้างได้ปะพี่โต
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: gunz13096 ที่ ตุลาคม 10, 2012, 10:11:17
ทำเพื่อแท็กซี่โดยเฉพาะ เฮ้ออ
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: NONT4477 ที่ ตุลาคม 10, 2012, 16:41:09
จะว่าไปผมก็เลือกนางรองมาใช้
นางเอกตอนนั้นคือ FD แต่นางมีโรคประจำตัวเยอะไปหน่อย
และความรับผิดชอบของผู้ผลิตก็ไม่ชัดเจน
เลยมาจบกับ Altis นี่แหละ ขับไม่สนุก ขับไม่มัน ได้แต่ขับไปเรื่อยๆครับ
แบบว่ามีไว้ขับจาก A ไป B แค่นั้น
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Pasakorndvm ที่ ตุลาคม 11, 2012, 13:34:31
ถ้าตัว MC 10 เครื่อง 1.8 น่าใช้ครับ แรงและประหยัด ผมขับ 120-140 ได้ 14 กม./ลิตร แซงสิบล้อสบายใจ  แต่ option ห่วยแตก
     เวลาหิ้วของพะรุงพะรัง อยากกลับไปกระทืบพนักงานโตโยต้ามาก ๆ เอิ่มข้าพเจ้าจะต้องเปิดประตูคนขับ ดึงสลักเปิดกระโปรงหลัง
หรือไม่ก็ กดรีโมทเปิดรถและเอากุญแจเสียบกระโปรงท้าย บิด ค่อยเปิดเอาของลงได้ ถ้าทำช้า ๆ อ่าวรถล็อคเสียแล้ว ต้องกดรีโมทใหม่
     อีกปัญหา นาฬิกาในรถ (1.8E MC10) มันรวมอยู่กับดูค่าต่าง ๆ เช่น อัตราการใช้เชื้อเพลิง ระยะทางที่วิ่งต่อไปได้ ฯลฯ เอิ่ม ถ้าอยากดูเวลา
ก็ต้องไม่ดูอย่างอื่น
     ที่เจอเหมือนกันและเซ็งสุด ๆ เบาะนั่งและที่วางแขนเหมาะสำหรับลิง ผมเป็นคนแขนไม่ยาว แต่ขายาว มีปัญหามาก ๆ ต้องงอเข่า เพื่อให้
แขนถึงพวงมาลัย ยิ่งถ้าอยากวางแขน ต้องขยับเบาะเข้าใกล้พวงมาลัย ยิ่งงอเข่าเข้าไปใหญ่
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: scotch_fillet ที่ ตุลาคม 11, 2012, 14:16:36
รีวิวมันมากครับ ถ้าไม่มีย่อหน้าสุดท้ายนี้ Toyota เตรียมขึ้นเมรุกันได้เลย  ;D
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: keng. ที่ ตุลาคม 12, 2012, 13:36:18
อ่านเพลินเลยครับ สำหรับรีวิวนี้
เอาความจริงมาเขียนแบบนี้ผมชอบอ่านครับ
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Nookkiez ที่ ตุลาคม 12, 2012, 16:47:03
 มีบอร์ดแห่งอนาคต(ฟิวเจอร์บอร์ด) เจอประโยคนี้เข้าไป ฮาพรั่งพรูเลยทีเดียวเชียว
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ ตุลาคม 14, 2012, 23:51:15
ขอบคุณครับ

ในบรรดาไม่เกิน 1M

ผมขอ Altis 1.8 LPG มากกว่าคันไหนๆ

ถึงจะชอบ M3 EX Ranger Cruze

ก็จะเลือกเจ้าตัวนี้
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: sidlv ที่ ตุลาคม 15, 2012, 14:40:55
Fb ที่เวลาเข้าโค้งแล้วร่อน พอเจอ altis แล้วร่อนทั้งทางตรงทางโค้งเลย อยากให้มี tein ของ fbจัง

ใกล้มาแล้วครับ จัด SS เลยครับ แล้วมารีวิวหน่อยก็จะเป็นพระคุณครับ  ;D
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: sidlv ที่ ตุลาคม 15, 2012, 14:49:59
รีวิว ที่อ่านสนุกครับ แต่สั้นไปนิดครับ อยากอ่านต่อครับ

ก่อนหน้า civic fd ผมใช้ soluna vios มาก่อน  โชคดีชะมัด ที่เลิกคบกับพี่โต  ;D
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: KIK_BOSE ที่ ตุลาคม 20, 2012, 11:32:44
เครื่องเสียงก็ค่อนข้างดีเลยหละครับตัว เปลี่ยนเล็กน้อยเนี่ย
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: MC Stradale ที่ ตุลาคม 21, 2012, 11:37:50
ชอบภาพที่สองอ่าครับ ถ้ามันเป็นภาพ motion น่าจะเหมือนกับกำลัง drift อยู่
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: tataerakh ที่ พฤศจิกายน 08, 2012, 21:58:00
ไม่ได้ใช้ altis รุ่นนะครับ แต่ใช้ altis รุ่นก่อนหน้านี้ ใช้มา 10 ปีจนถึงทุกวันนี้ ข้อเสียอย่างเดียวที่เจอคือ เวลาขับเร็ว (เกิน 140) จะรู้สึกไม่เกาะถนน นอกนั้นแทบจะไม่มีข้อเสียเลย ถึงแม้ดีไซน์จะสวยสู้ฮอนด้าไม่ได้ แต่คุณสมบัติอย่างอื่นกินขาดทุกอย่าง เครื่องยนต์ 1.8 ใช้มา 10 ปี ไม่เคยแพ้ซีวิครุ่นไหนมาก่อน ช่วงล่างจะแพ้ก็แค่ความเร็วสูง ความทนทานไม่ต้องพูดถึง ใช้มา 10 ปี ไม่เคยต้องเปลี่ยนหรือซ่อมใหญ่เลยซักครั้ง เรื่องแอร์ขอบอกว่ากินขาด ตั้งไว้ 28 องศามา 10 ปีไม่เคยเปลี่ยน เย็นทุกสภาพอากาศ ศูนย์บริการถึงแม้ไม่ได้บริการดีเท่าพนักงานธนาคาร แต่ก็ดีที่สุดกว่ายี่ห้ออื่นที่เคยได้ยินมา สรุป ใช้มา 10 ปีไม่เคยผิดหวังอะไรกับรถรุ่นนี้เลย
หัวข้อ: Re: กระทู้รีวิวToyota Altis 1.8 E dual vvti ของคนขี้บ่น
เริ่มหัวข้อโดย: kengmania ที่ พฤศจิกายน 09, 2012, 17:30:03
เขียนได้เร้าใจดีจริงๆ
คงได้ลีลาบันดาลใจซ่อนอยู่จาก Kia คันนั้นเป็นแน่แท้  ;D

well done