Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: KAKASHII ที่ พฤศจิกายน 06, 2012, 23:04:27
-
รถคันแรกคืนเงินอืด! ไร้เจ้าภาพ ทนุศักดิ์ สั่งปิดตายโครงการ ยอมรับถังแตกไม่มีเงินโปะแล้ว
น้ำลดตอผุดโครงการคืนภาษีรถคันแรก ยอดใช้สิทธิพุ่งเกินเป้า 5 แสนค้น งบประมาณ 3 หมื่นล้านบาทไม่พอ ขณะที่การเชื่อมโยงข้อมูล กรมบัญชีกลาง - สรรพสามิต - กรมการขนส่งทางบอกไม่เรียบร้อยสูญเงิน 100 ล้านบาท ยื้อคืนเงิน 1 แสนบาทล่าช้า ทนุศักดิ์สั่งปิดตายโครงการรับถังแตกไม่มีเงินโปะแล้ว
คณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีมติเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2554 เดินหน้าโครงการคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรก และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นรมช.คลังกำกับดูแลกรมสรรพสามิตก็เร่งเดนหน้าโครงการอย่างเต็มที่ โดยจะคืนเงินภาษีโดยตรงให้กับผู้ซื้อที่เป็นเจ้าของรถยนต์ ซึ่งจะเริ่มพิจารณาจากลักฐานการจองซื้อตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 และสิ้นสุดโครงการ 31 ธันวาคม 2555
เริ่มแรกโครงการเหมือนจะไม่ได้รับการตอบรับจากประชาชนทั่วไปมากนักแต่ภายหลังเกิดมหาวาตภัยเมื่อปลายปี 2554 ทำให้คณะรัฐมนตรีมีมติเพิ่มเติมให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมเข้าร่วมโครงการนี้ได้ด้วยเช่นกัน จะทำให้โครงการนี้ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม แม้ว่าห่วงโซ่การผลิตจะได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมในครั้งนี้โดยเฉพาะผู้ผลิตรายย่อยที่ป้อนชิ้นส่วนให้กับค่ายรถยนต์รายใหญ่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแถบจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและปทุมธานีส่งผลกระทบต่อระยะเวลาการส่งมอบรถที่เข้าร่วมโครงการ
จนกระทั่งล่าสุด นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลังคนใหม่สายตรงเจ๊ด.เข้ามารับไม้ต่อโครงการรถยนต์คันแรกจากนายบุญทรงก็ได้คาดการณ์ว่า ตามมติครม. ที่ขยายเวลารับมอบรถยนต์และยื่นเอกสารหลักฐานตามมาตรการรถคันแรกออกไป 90 วันหลังรับมอบรถ เพื่อชดเชยกับระยะเวลาที่โรงงานผลิตรถยนต์และชิ้นส่วน อะไหล่รถยนต์หยุดดำเนินการเนื่องจากประสบอุทกภัยและเพื่อไม่ให้ประชาชนเสียสิทธิได้รับเงินคืนภาษีเนื่องจากได้รับการส่งมอบรถล้าช้าจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ยอมรับว่าการขยายเวลาดังกล่าวอาจส่งผลให้ยอดซื้อรถคันแรกที่เข้าโครงการพุ่งทะลุเกินกว่า 5 แสนคันและรัฐต้องคนภาษีมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท
แน่นอนว่าเส้นทางย่อมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เมื่อเป้าหมายที่วางไว้เบื้องต้นว่าจะมีปริมาณรถเข้าร่วมโครงการเพียง 5 แสนคัน แต่ยังเหลือเวลาอีกกว่า 1 ไตรมาสจะครบกำหนดสิ้นสุดโครงการ และบรรดาผู้ประกอบการต่างเข็นรถที่เข้าข่ายได้รับสิทธิตามโครงการนี้ออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้การประมาณการยอดรถที่จะเข้าร่วมโครงการพุ่งขึ้นตามไปด้วย งบประมาณที่ตั้งไว้ในเบื้องต้น 3 หมื่นล้านบาทก็ย่อมไม่เพียงพอที่จะใช้คืนเงินตามนโยบายที่รัฐบาลได้หาเสียงไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น ณ วันนี้คือการคืนเงินให้กับผู้ซื้อรถที่ล่าช้าและมีเสียงบ่นออกมา โดยที่กรมสรรพสามิต กรมบัญชีกลางและกรมการขนส่งทางบก ยังไม่สามารถเชื่อมระบบเพื่อตรวจสอบข้อมูลได้อย่างรวดเร็วเพื่อคืนเงินให้กับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งๆ ที่ตอนเริ่มต้นโครงการรัฐมนตรีบุญทรงได้บอกไว้อย่างชัดเจนว่าใช้เงินสำหรับโครงการนี้สูงถึง 100 ล้านบาทในการดำเนินการโดยไม่เกี่ยวข้องกับเงินที่คืนภาษี 3 หมื่นล้านบาทแต่อย่างใด แต่ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบจึงไม่มีการนำงบ 100 ล้านบาทมาใช้วางระบบเชื่อมต่อ 3 กรมที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การคืนเงินสะดวกและรวดเร็วขึ้น จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่าเงิน 100 ล้านบาทล่องหนไปอยู่ในกระเป๋าใคร
ขณะที่ปัญหาเรื่องการตั้งงบประมาณคืนเงินให้กับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการโดยกรมบัญชีกลางได้จ่ายเงินคืนให้กับผู้ได้รับสิทธิ์ไปแล้ว 2 งวดและที่จะจ่ายเพิ่มอีกงวด 5 พฤศจิกายน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 849 ล้านบาท จํานวน 10,987 คัน และกรมบัญชีกลางได้เสนอขอใช้งบกลางในปี 2556 เพิ่ม 1.1 หมื่นล้านบาท เพื่อนํามาใช้ในการคืนเงินในโครงการรถคันแรกเพิ่มเติม จากเดิมที่ตั้งงบประมาณไว้ในปี 2556 จํานวน 7.5 พันล้านบาทแต่ไม่เพียงพอ เนื่องจากจํานวนที่ยื่นไว้และมีสิทธิ์ได้รับเงินรวมทั้งสิ้น 1.8 หมื่นล้านบาท จากจํานวนที่ยื่นเข้าโครงการแล้วทั้งสิ้น 2.9 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 3.1 แสนคัน
งบกลางปีที่มีอยู่อย่างจำกัดและถูกโครงการประชานิยมต่างๆ ของรัฐบาลรุมทึ้งอาจไม่เพียงพอกับการจ่ายคืนสำหรับโครงการรถคันแรกหรือทำให้การจ่ายคืนล่าช้าออกไปจากเดิมซ้ำเติมกับปัญหาการตรวจสอบสิทธิ์ที่ยังไม่บูรณาการกันระหว่าง 3 กรมดังที่กล่าวมาดังกล่าว ซึ่งรมช.คลังก็ยืนยันออกมาเองว่าจะไม่ขยายเวลาออกไปอีกอย่างแน่นอน เพราะใช้เงินงบประมาณในโครงการนี้มากแล้ว หากเพิ่มอีกรัฐบาลจะถังแตกได้
สำหรับผมแล้วมันก็แค่โครงการทำลายชาติ ไม่มีผลดีต่อส่วนร่วมเลยสักนิด สงสารประเทศไทยจริง
credit : http://manager.co.th (http://manager.co.th)
-
ไม่รู้สิ ก็คิดง่ายๆภาษีมัน + กับราคารถอยู่แล้วในเมื่อคืนภาษีนั่นก็คือรัฐไม่ได้รับภาษีก็แค่นั้น จะถังแตกได้อย่างไรในเมื่อก็แค่ไม่ได้เงิน ไม่ได้เสียเงินซักหน่อย
ข่าวจากเว็บนี้ไม่ต้องอ่านก็รู้แล้วว่าเสี้ยมใส่ไข่เต็มที่
สมมุติรถราคา 8แสน ภาษีก็รวมในนั้นอยู่แล้ว 1แสน คนซื้อไป 8 แสนโดยเป็นการจ่ายค่าภาษีไปอยู่แล้ว รัฐก็แค่เอาเงินส่วนนั่นคืนไปไม่ได้เอาเนื้อตัวเองไปจ่าย ไม่ได้ขาดทุนอะไร
-
ถ้ารัฐไม่จ่ายเงินคืนตามที่สัญญาจริง ปีหน้านี่วงการรถยนต์ คงแย่แน่ ๆ เลย
-
ไม่รู้สิ ก็คิดง่ายๆภาษีมัน + กับราคารถอยู่แล้วในเมื่อคืนภาษีนั่นก็คือรัฐไม่ได้รับภาษีก็แค่นั้น จะถังแตกได้อย่างไรในเมื่อก็แค่ไม่ได้เงิน ไม่ได้เสียเงินซักหน่อย
ข่าวจากเว็บนี้ไม่ต้องอ่านก็รู้แล้วว่าเสี้ยมใส่ไข่เต็มที่
สมมุติรถราคา 8แสน ภาษีก็รวมในนั้นอยู่แล้ว 1แสน คนซื้อไป 8 แสนโดยเป็นการจ่ายค่าภาษีไปอยู่แล้ว รัฐก็แค่เอาเงินส่วนนั่นคืนไปไม่ได้เอาเนื้อตัวเองไปจ่าย ไม่ได้ขาดทุนอะไร
แล้วถ้าคิดง่ายกว่าละครับ รัฐคงเอาเงินไปใช้หรือป่าว เลยไม่มีมาคืน
ถ้ารัฐทำแบบที่คุณว่า ก้อไม่น่ามีปัญหาน่ะ
-
ไม่รู้สิ ก็คิดง่ายๆภาษีมัน + กับราคารถอยู่แล้วในเมื่อคืนภาษีนั่นก็คือรัฐไม่ได้รับภาษีก็แค่นั้น จะถังแตกได้อย่างไรในเมื่อก็แค่ไม่ได้เงิน ไม่ได้เสียเงินซักหน่อย
ข่าวจากเว็บนี้ไม่ต้องอ่านก็รู้แล้วว่าเสี้ยมใส่ไข่เต็มที่
สมมุติรถราคา 8แสน ภาษีก็รวมในนั้นอยู่แล้ว 1แสน คนซื้อไป 8 แสนโดยเป็นการจ่ายค่าภาษีไปอยู่แล้ว รัฐก็แค่เอาเงินส่วนนั่นคืนไปไม่ได้เอาเนื้อตัวเองไปจ่าย ไม่ได้ขาดทุนอะไร
มีผลกระทบแน่นอนครับในด้านการขาดดุลงบประมาณในการบริหารประเทศ ;D จำนำข้าวก็ขาดทุึนไปแล้วนะครับ 2.2 แสนล้าน/ ปี คุณคิดว่าเขาจะใช้วิธีไหนมารีดภาษีถ้าไม่ใช่ขึ้นภาษีน้ำมัน
แล้วคนที่ไม่ได้รับเงินคืน 1 แสนบาทเขาก็ต้องมาเป็นทุกข์กับค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเพราะภาษี จริงป่าว? ;D
-
จากข่าว เค้าไม่มีเงิน ก็คือเงินหายไป ส่วนจะหายไปไหนนั้นก็ต้องคิดเอาละครับ ออกมาซะขนาดนี้ ถึงจะบอกว่าแค่ไม่ได้รับภาษีแต่ก็อย่าลืมว่าเงินจากรัฐบาลเกือบทั้งหมดก็มาจากภาษีนะครับ แล้วเค้าก็เอาเงินนี้แหละไปใช้จ่ายต่างๆ ซึ่้งการใช้จ่ายนั้นถ้ามีประสิทธิภาพก็ดีไป แต่หากจะเอาลงกระเป๋ากันท่าเดียวก็ท่าจะไปไม่รอดสำหรับประเทศ
-
ประชานิยม ชัดๆ
เบื่อไหมละ 555
-
เพราะ ทุกนาทีคือภาษีของราษฏร ;D
-
รถส่วนมากที่ขายได้ก็ไม่ใช่พวกที่คืนภาษีทั้งหมดนี่ครับ คนที่ไม่ใช้สิทธิมีเยอะแยะ เรื่องประชานิยมใครก็ทำกันอยู่ที่ว่าจะจัดการอย่างไร เรื่องเงินหายนี่ใส่ไข่อยู่แล้วเงินจะไปไหนได้ รอดูความจริงตอนที่เริ่มคืนกันดีกว่า ;) ;) ;)
-
ประเทศไทย!!! แค่หายใจ..... ก็เสียเงินแล้ว ฮ่าๆๆๆ
-
ที่มา manager = สนธิ ลิ้ม
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
-
งงครับ ถังแตกได้ยังไงก็เงินที่คืนมา มันก็เงินภาษีของตัวรถที่เราชื้อมาไม่ใช่เหรอครับ ?
:'( :'(
-
แค่คืนภาษีรถยนต์ไม่เกินแสนต่อคันยังจะถังแตก แล้วประเทศอื่นที่ภาษีรถไม่แพงบ้าเลือดแบบประเทศไทยนี่
ทำไมเขาไม่ถังแตกหนอ :D :D :D
-
รอดูคนซื้อดีกว่าครับว่าจะได้ภาษีคืนหรือป่าว ถ้าได้คืนก็จบไปแต่ถ้ามีปัญหาอะไรก็ตามแต่ทำให้ไม่ได้ค่อยมาว่ากันอีกที
-
ก็แค่ข่าวไร้สาระ
-
เวปนี้พยายามจะโจมตีอยู่แล้ว ยังไม่รู้เรื่องไรมากเลย ก็ทำเป็นข่าวซะแล้ว
ข่าวเว็ปอื่นจะดีกว่าเยอะครับ แต่เรื่องละครผมอ่านเวปนี้ครับ โดยเฉพาะแรงเงา 5555
-
ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะ
-
ขอกัดหน่อยละกัน เอาขำๆนะครับ " รถผม ภาษีตั้ง 2 ล้านกว่า เอาเงินไปหมุนไม่ทันกันหรอครับ หรือเก็บภาษีเข้ากระเป๋าแล้วทำตีมึน ไม่รู้เรื่องเงินหายไปไหนไม่รู้ :-X "
-
เว็บนี้ใส่ไข่ตลอดเลยนะครับ จริงไม่จริงเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
-
เดี๋ยวในอนาคต เจอรัฐไม่คืนภาษีรถยนต์ เก็บค่าถนนแบบประเทศอังกฤษ ขึ้นราคาน้ำมัน ขึ้นราคาทางด่วน แล้วจะหนาวว 555 ;)
-
เดี๋ยวในอนาคต เจอรัฐไม่คืนภาษีรถยนต์ เก็บค่าถนนแบบประเทศอังกฤษ ขึ้นราคาน้ำมัน ขึ้นราคาทางด่วน แล้วจะหนาวว 555 ;)
เจอแบบนี้เข้าไป สงสัยจะช็อต ;D
-
ข่าวนี้ไม่รู้ แต่เมื่อเช้าอ่านบทความเวปผู้จัดการ เรื่องที่ว่า อุบัติเหตุ คนขับรถมือใหม่ เพราะได้คืนแสนนึง แล้วยกเคสครูซมาพูดนี้ รับไม่ได้จริงๆ เพราะรถไม่เข้าเกณฑ์ และผู้เสียชีวิตก็ไม่ใช่มือใหม่ ผมว่าคนเราเพี้ยนเพราะหวังผลทางการเมือง
เรื่องคืนภาษีนี้เขาเอาเงินเราไปใช้ 1 ปี พอครบปีบอกว่าเอาเงินไปใช้แล้วไม่มีคืน
เรื่องภาษีรถ บอกว่าอยากให้ลดก็ลด ปรับปรุงโครงสร้างภาษีใหม่ เก็บภาษีน้อยลงกว่าครึ่ง แล้วเก็บภาษีป้ายเพิ่มสัก 5 เท่า 10 เท่าเลย เอาแบบคนต้องใช้รถจริงๆ ถึงซื้อ ไม่ใช่ซื้อมาจอดที่บ้าน จอดบนถนนเล่น เกะกะคนที่ต้องใช้รถจริงๆอย่างพวกภาคขนส่ง เขาก็จ่ายแพง แต่ได้ความสะดวกขึ้น อาจจะประหยัดกว่าเดิมจากค่าน้ำมันที่เผาทิ้งตอนรถติดด้วย
-
ประชานิยม กับทุนนิยม สุดท้ายก็จะลงเอยแบบอิตตาลีกับกรีซ
ในประเทศพัฒนาน้อยและให้ความสำคัญต่อต่อประชาชนน้อย
ก็เตรียมตัวกันไว้บ้างนะครับ เพราะเวลาเราโดนแบบเขา เราเจ็บกว่าเยอะมาก
-
อาาาา ผมว่ามันจะออกทะเล + มาม่าแล้วนะครับ :'(
-
แค่คืนภาษีรถยนต์ไม่เกินแสนต่อคันยังจะถังแตก แล้วประเทศอื่นที่ภาษีรถไม่แพงบ้าเลือดแบบประเทศไทยนี่
ทำไมเขาไม่ถังแตกหนอ :D :D :D
อธิบายให้ครับ
คือว่าประเทศเจริญแล้วทุกประเทศ ประชาชนเสียภาษีมากกว่าประเทศไทยทั้งนั้นครับ อย่ามองแต่ภาษีรถครับ ^^
ภาษีรถถือเป็นเรื่องเล็กมากครับ ถ้าเทียบกับภาษีอื่น เพราะรถมันไม่ได้ซื้อบ่อยๆ แต่ภาษีรายได้เสียตลอดครับ (แต่ประเทศเจริญแล้ว เสียภาษีรายได้แล้ว ชีวิตเขาดีขึ้นเยอะครับ ไม่เหมือนไทย จ่ายมันเข้าไปเหอะภาษี ถนนก็พัง สาธารณูปโภคก็ห่วย คนไทยถึงไม่อยากเสียภาษี ไม่อยากเสียตังอะไรให้รัฐไงครับ เพราะแมร่งเอาไป ประเทศก็ไม่เจริญขึ้นซักที)
-
มันไม่มีอะไรยาก หากมีเสียงข้างมากอยู่ในมือ
สรุปสุดท้าย มันก็อิลอบเดิม ประเทศไทยทุกวันนี้ก็ยังเหมือนอดีตกาล เพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบเล็กๆน้อยๆไปตามสมัย
-
ผมกลับกลัวคนที่ร่วมโครงการผ่อนไม่ไหวแล้วโดนยึดรถต่างหาก.
-
สำหรับข่าวจากค่ายนี้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านแล้วตีความให้มาก ๆ
ข่าวทุกเรื่องมักโยงไปถึงการเมือง ซึ่งเรา ๆ ท่าน ๆ รู้กันว่าเขาเป็นใคร ;D
-
ผมกลับกลัวคนที่ร่วมโครงการผ่อนไม่ไหวแล้วโดนยึดรถต่างหาก.
เยอะครับไม่ต้องห่วง
-
ข่าว จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ไม่เคยลงข่าวรัฐบาลในทางดีเป็นปกติอยู่แล้ว
มันจะถังแตกได้ยังไง เงินที่คืนก็คือ เงินที่ผู้ซื้อจ่ายไปก่อนล่วงหน้า1ปี
ทุกอย่างในโลกก็มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ไม่มีอะไรดีทั้งหมด และไม่มีอะไรเลวทั้งหมด
-
เงินเดือนสตาร์ทหมื่นต้นๆ ไม่เจียมตัวออกรถป้ายแดงผ่อนเดือน5,000กว่า คิดว่าผ่อนไหว สุดท้ายเจอค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าจอดรถ ค่าล้างรถ ไหนจะค่าบำรุงรักษารถอีก ถ้าไม่กินมาม่า คงต้องไปกินตามวัดแล้วละ เจอมากับตัว
-
เงินภาษีที่เก็บๆไปก่อน รัฐบาลก็ต้องเอาไปทำอย่างอื่นซิครับ
นโยบายการคลัง ถ้าไม่จัดสรรระหว่างกลุ่มคน (เก็บภาษีคนหนึ่ง ไปใช้่จ่ายให้กับอีกคนหนึ่ง)
ก็เป็นการจัดสรรระหว่างรุ่น (กู้เงินในอนาคตมาใช้วันนี้ แล้วให้คนอีกรุ่นมาชำระหนี้แทน)
ดังนั้น นโยบายจ่ายให้คนกลุ่มหนึ่ง ถ้าไม่ลดเงินใช้จ่ายเพื่อคนกลุ่มอื่น ก็ต้องเป็นการเอาเงินในอนาคตมาใช้ก่อน
ไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง (ใช้มองจำนำข้าวได้เหมือนกันนะครับ)
-
รถ 1 คันที่เราซื้อมาใช้งานเนี่ย ในนั้นมันมีภาษีอะไรบ้างครับ
-
ตอนออกโครงการเค้าก็มีบอกอยู่นี่ครับว่า 5 แสนคัน หรือ 3 หมื่นล้านบาท .... ถ้างบหมดก่อน คนที่ออกหลังกำหนดก็หมดสิทธิ์
รอให้โครงการนี้จบๆไปเสียที ต้องรออีกอย่างน้อย 2-3 ปี ราคารถที่เข้ากลุ่มโครงการนี้ยังค่อนข้างผันผวน และน่าเห็นใจคนที่ซื้อรถก่อนโครงการนี้ออกมา ราคาร่วงกราวไปตามๆกัน แต่หากส่งมอบรถในโครงการกันหมดแล้ว ปริมาณรถน่าจะเพิ่มขึ้นในปริมาณที่ไม่มากมายนัก หลังจากที่ปรับตัวกันได้ เราๆน่าจะใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น บนถนนที่มีอยู่อย่างจำกัดเช่นนี้ ...
-
อ่าาา จบแล้วสินะ โครงการนี้
ผมละโคตรดีใจเลย 555+ ;D
-
ดีครับ ใครยื่นก่อนได้ก่อน เงินหมดก็อดไป ส่วนตัวผมว่านโยบายนี้มันนโยบายขายชาติชัดๆ
คนได้ประโยชน์สุดท้ายกลับเป็นแบงค์ สถาบันการเงินที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยค่าต่างตอบแทนสารพัด
-
ไม่อยากจะ มาม่า แ่ต่ก็ขอนิดนึงนะ
เงินภาษีที่ได้จากภาษีรถยนต์นั้น ถ้าไม่คืนมาให้ ภาษีคันแรก (แล้วไอ้คนที่มีคันสองคันสาม หรือพวกนิติบุคคลล่ะ มันยุติธรรมแล้วเหรอ หาเงินก็หาเหมือนกัน จ่ายภาษีก็จ่าย แล้วให้แต่ไอ้คันแรกเท่านั้นเอง)
ภาษีรถยนต์ ภาษีคันแรก ถ้าไม่คืน มันก็ยังเอาไปทะนุบำรุงเรื่องถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ สะพานที่โดนน้ำท่วม ได้นะครับ
(อย่าคิดแต่ว่า "พวกมัน" จะโกง เพราะไม่ว่าอย่างไร "พวกมัน" ก็โกง แต่อย่างน้อย มันก็ยังมีเงินมาซ่อมถนน สร้างสะพานได้นะครับ)
และ
ภาษีที่ได้มา ก็จะมาใช้ "จ่ายดอกเบี้ย" ที่ไอ้รัฐบาล "ทุกๆ" รัฐบาล มันไปกู้ยืมมาจากต่างประเทศ ด้วยนะครับ
ใครที่เป็นหนี้ หรือใช้บัตรเครดิต คงทราบดีว่า พอสิ้นเดือนมันต้องจ่ายหนี้บัตรเครดิต จ่ายดอกเบี้ยพร้อมเงินต้น
ประเทศไทย "เป็นหนี้" ต่างชาติอยู่นะครับ
เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เราเสียภาษี มันควรนำมาใช้เพื่อ
"สอนให้คนตกปลา" ไม่ใช่ "แจกปลา" นะครับ
-
เรื่องสำนักข่าวใด ก็ว่ากันไป มันมีทั้งสองฝ่าย ดี เลว พอกัน
แต่ปัญหาของเรื่องนี้ตั้งแต่แรก มันคือการที่คนที่คิดเรื่องนี้ ไม่ได้มองรอบด้าน การที่ให้เงื่อนไขแบบนี้เป็นระยะเวลานานๆ มันก็คือการทำโปรโมชั่นธุรกิจ ซึ่งทำนานขนาดนี้ได้อย่างไร ถ้าไม่เตรียมตัวก่อน
เวลาคนไทยเราซื้อรถกับโครงการนี้ เงินที่จ่ายไป ไม่ได้เป็นก้อน เพราะมันต้องผ่านระบบไฟแนนซ์ก่อน เพราะ 99% ซื้อผ่อน -------พอไปถึงไฟแนนซ์เค้าก็ต้องเอาเงินต้นไปจ่ายบริษัทรถยนต์ในราคาเต็มที่รวมภาษีอยู่ใช่หรือไม่---------------เราเข้าใจว่าเงินที่เราได้คืนก็คือเงินที่เราสำรองไปก่อน ซึ่งก็จริงถ้ารัฐบาลได้เงินนั้น process ตรงนี้ไม่เคยมีใครมาชี้แจงว่าเงินที่ต้องนำมาใช้เืมื่อถึงเวลา เอามาจากตรงไหน และ จากใคร พี่ๆ เื่พื่อนๆ ท่านใดมีความรู้ หรือข้อมูล ช่วยชี้แนะด้วยครับ
เปรียบเทียบให้เห็นภาพอีกด้าน มันจะต่างอะไรกับการที่คุณซื้อบ้านซักหลัง แล้วต้องผ่อนเดือนละ 5 หมื่น เป็นเวลา 10 ปี ในขณะที่คุณเพิ่งเริ่มค้าขาย บางเดือนขายกำไรยังไม่ถึง 5 หมื่น แต่ยอดขายอาจจะได้ซัก ล้านนึง
ถ้าคุณคิดว่า เอ้า ไม่เป็นไร เงินหมุนเวียนเรามีตั้งเดือนละล้าน กะอีแค่ผ่อนบ้านเดือนละ 5 หมื่นทำไม่จะทำไม่ได้
ถ้าเอาตามตัวอย่างนี้ เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่ามันจะจบอย่างไร
นโยบายประชานิยมไม่ใช่ไม่ดี แต่คุณจัดโปรยาวขนาดนี้ คนที่ได้ประโยชน์คือ บริษัทรถยนต์ ไม่ใช่ประชาชนคนไทย
ถ้าเรื่องนี้พลิกล๊อค มันจะมีอีกห่านอีกเยอะที่ต้องเดือดร้อนกับเรื่องนี้
ปีหน้า จะมีอะไรให้เห็นอีกมาก รอดูกันครับ รถยึด บ้านโดนยึด โกง คอรัปชั่น สินบน โจรขโมย มันจะหนักขึ้นอีก เพราะคนไทยแบกภาระหนี้สินที่ไม่จำเป็นมากขึ้นตามกระแส
คนที่รับผิดชอบระดับชาติ ต้องมีความเก่งในสายงานที่รับผิดชอบ ไปเอานายแบงค์มาคุมเกษตรกร วันๆ ก็คิดแต่เรื่องดอกเบี้ย เรื่องการทำนา ทำไร่ มันจะไปรู้เรื่องอะไร
ถ้าประเทศใด ถูกต่างชาติคุมคนในชาติได้ด้วยหนี้สิน.......... มันก็ไม่ต่างจากโดนปืนจี้หัว เพราะมันเหลือแค่ยอมเป็นทาส กับ โดนยิง ก็เท่านั้น
-
เอ่อ ผมเคยรู้มาว่าเงิน 100,000 ที่คืนนี่รัฐบาลไปเก็บมาจาก car maker ค่ายต่างๆ มาไม่ใช่หรอครับ แล้วจะถังแตกได้ไง ไม่ใช่เงินตัวเองซะหน่อย หรือผมฟังมาผิดหว่า ???
-
กู้กระจาย
ใช้กระจุย
โบ้ยประจำ
อาเจนฯจ๋าาาา รอไทยด้วยจ้าาาา
-
สมมุติ เอาภาษีรถ ไปใช้จ่ายส่วนอื่นก่อนหละ แล้วจะเอาเงินไหนมาคืน เฉพาะรับจำนำข้าวก็หลักแสนล้านแล้ว พอถึงเวลาคืนภาษีก็งบประมาณไม่พอ เพราะควักไปจ่ายส่วนอื่น
-
ถ้าเอาเป็นส่วนลดทันทีก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกแต่เอาไปหมุนก่อน 1 ปีนี่สิพอครบกำหนดจริงเกรงว่าจะไม่มีเงินมาจ่าย คนที่จองหลังๆต้องทำใจรับความเสี่ยงไว้บ้างนะครับ ซื้อเอาเท่าที่จะเป็นละกัน ได้คืนมาก็ถือเป็นโบนัสถ้าไม่ได้ก็ยังไงก็ต้องซื้ออยู่ดี
ส่วนตัวจองแจ๊สไว้แล้วจะได้ปลายเดือนหน้านี่แหละแต่เผอิญกำลังมีลูกอีกคนก็เลยต้องตัดสินใจใช้เจ้าเมฆสีทองอัลติสคันเก่าต่อไปแล้วรอสอยพวกผ่อนไม่ไหวนี่แหละน่าจะเยอะยิ่งถ้ารัฐถังแตกไม่มีเงินจ่ายพวกที่มาท้ายๆโครงการน่าจะยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่ ไม่ได้แช่งอะไรนะครับเพียงวิเคราะห์ความเป็นไปได้จะได้เตรียมพร้อมไว้
-
ถ้าที่มาของข่าว เป็นสายข่าวอื่น จะน่าเชื่อถือกว่านี้มากครับ
-
ผมว่า ปัญหาน่าจะมา จกการที่ รบ.ใช้จ่ายในโครงการ ประชานิยมมากไป ครับ...เลยทำให้เกิด การขาดสภาพคล่องทางการเงิน
..เมื่อ ภาษีส่วนนี้ขาดหายไปอีก ก็ ยิ่งทำให้ไม่มี เงิน จากส่วนนี้ เข้าไปช่วยลด ภาระ ค่าใช้จ่ายได้ ไงครับ ก็เลย เกิดภาวะ ถังแตก..
จะจริง หรือจะเป็นแค่ ข้ออ้าง ในการเลิก นโยบาย ก็ได้ครับ
-
ข่าวสำนักนี้ยังมีคนเชื่ออยู่หรอ จะเจ้งแหล่ไม่เจ้งแหล่อยู่แล้ว
วันก่อนผมดูทีวีของมัน เล่นบังคับคนดูให้โอนเงินให้เดือนละ 1 พันเลย
เผลอกดไปดูพอดีซวยเลย ต้องออกไปโอนเงินให้ซะแล้ว 555
รัฐบาลไม่มีทางถังแตกหรอกครับ เพราะภาษี ที่มาคืนประชาชนอย่างเรา รัฐมันได้กลับคืนส่วนนึงแน่นอนครับ
เพราะอะไรละถึงได้คืน ?? ก็เพราะบริษัทขายรถมันมีรายได้เพิ่มไงครับ
ถ้าบริษัทขายรถรายได้มากขึ้นกว่าปกติ อาจจะเสียภาษีในอีกอัตรานึงที่โหดกว่าเดิมก็ได้
เหมือนคนเงินเดือนมากเสียภาษีมาก คนเงินเดือนน้อยเสียภาษีน้อย
-
รถติดขนาดนี้ ยังทำให้คนยิ่งซื้อรถเพิ่มอีก (ผิดตั่งแต่ออกนโยบายแล้วครับ)
อันนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่เป็นการผลักปัญหาเรื่องนี้ แล้วไปเอาหน้าเรื่องอื่น
-
ขอความกรุณา เพลาๆการเมืองลงบ้างครับ
เอาข้อดีข้อเสียมาคุย ผมว่าเหมาะกับ ที่นี่มากกว่า
ที่ผมเห็น รถยนต์ 1คัน ที่ขายออกไป ไม่ใช่ค่ายรถได้อย่างเดียว แต่มันเป็นแผนการฟื้นฟู อุตสาหกรรมหลังน้ำท่วมไปด้วย ไม่ทราบว่าคิดถึงจุดนี้กันบ้างไหม
ผลิตรถ 1คัน ต้องใช้ suppyer กี่ราย ส่งชิ้นส่วน แล้ว ต้องจ้างแรงงาน แม้จะเพิ่งเกือบจะล้มละลายจากน้ำท่วม คนก็ตกงานน้อยกว่าที่ประมาณกันอีก
อันนี้ในมุมมอง engineer ที่เดินทางไป impement ระบบในโรงงาน ในนิคมหลายที่ๆน้ำท่วมนะครับ จากการคุยกับลูกค้าด้วยส่วนหนึ่ง
ฉนั้นแหล่งข่าวนี้ ขอฟังหูไว้หู และ ถ้า รมต คนนี้แค่เริ่มงานก็โวยวายแบบนี้ แสดงว่าไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน ถ้าใน 1-2เดือนทำอะไรไม่เป็น คงมีปลด เชื่อขนมกินได้เลย
คนทำงานไม่จำเป็นต้องพูดก่อนทำ
-
หลายๆคนบอกว่ารัฐไม่มีทางถังแตกแล้วรู้สึกงงๆครับ ยังจำกันได้ไหมกับวิกฤตต้มยำกุ้ง นั่นละครับถังแตก ทุกคนยังเสียภาษีอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเงินในคลังของชาติหายไปไงครับ ผมว่าถ้าไปค้นๆดูก็จะรู้เรื่องกันละ
ส่วนเรื่องเงินภาษี บริษัทรถเหมือนจะจ่ายแต่ไม่ได้จ่ายนะครับ เค้าผลักภาระมาให้ผู้ซื้อแล้ว คือ ภาษีถูกรวมไปกับราคารถแล้ว ฉะนั้นเงินที่คืนมาคือส่วนของภาษีที่เราจ่ายไปพร้อมค่ารถ
สุดท้ายมุมมองส่วนตัวผมมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีคนเก่ง เพราะต้องโดนโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆไม่ได้เข้ามาทำงานในส่วนนี้ (ที่ผ่านมาจะมีอยู่ 3 กระทรวงหลักๆที่จะนำคนที่มีความสามารถโดยที่ไม่ดูว่าเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่เข้ามาทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือก็ตามกลไกไป)
-
โปรดใช้ ตรรกะ เหตุและผลคุยกันเถอะครับ ใช้อย่าอคติ
ข้อมูลหาได้จากหลายแหล่งไม่จำเป็นจะต้องไปเบียดเบียนใครหรอกครับ เพราะมันจะก่อดราม่า
ผมดีใจนะ ที่นโยบายนี้จะจบเสียที เพราะตอนนี้ประเทศสูญเสียรายได้ที่จะนำมาพัฒนา
โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จำเป็น ขนาดงานวิจัยที่พวกผมทำให้รัฐบาลตอนนี้ก็โดนหั่นงบเป็นว่าเล่น
แนะให้ดูสัญญาณ ทั้งอัตราการว่างงาน... การลงทุนภาครัฐและอื่นๆ แนวโน้มมันมาทิศทางเดียวกัน
แทบจะทั้งโลก โดยเฉพาะประเทศที่เน้นทุนภายนอกอย่างเรา แต่ดีหน่อยประเทศเรามีปราการด่านสุดท้ายไว้รองรับ
พอชุ่มใจได้ว่ามันจะไม่เลวร้ายมาก
-
เดี๋ยวในอนาคต เจอรัฐไม่คืนภาษีรถยนต์ เก็บค่าถนนแบบประเทศอังกฤษ ขึ้นราคาน้ำมัน ขึ้นราคาทางด่วน แล้วจะหนาวว 555 ;)
เจอแบบนี้เข้าไป สงสัยจะช็อต ;D
เงียบ สงสัยจะไม่ได้คืน : D
-
ฟังแล้วเราก็เอามารวม ๆ กันก่อน
คำว่าถังแตกอาจจะสื่อว่า
รัฐมีเงินในโครงการ 3 หมื่นล้าน แต่...จำนวนรถมันกลับมากกว่าที่เงินตั้งต้นไว้
แล้วส่วนที่เหลือก็ต้องไปหามาเพิ่ม...........
แต่ตอนนี้เงินของรัฐ ที่เสียไปกับประชานิยมมหาศาล
ไม่น่าจะหามาเพิ่มได้เพราะติดลบหมดแทบทุกโครงการ (เรียกสภาวะนี้ว่า ถังแตก)
แค่จำนำข้าวก็ไปเท่าไหร่แล้วครับ
จึงเป็นเหตุให้ บางท่านอาจจะโดน หลอก ก็ว่าได้ที่จะได้เงินคืน >:(
ผมวิเคราะห์ได้แบบนี้
ถึงใครจะไม่ชอบ web นี้ แต่ก็ฟังแล้วเตรียมตัวไว้ไม่เสียหลายครับ เพราะถ้ามันเกิดอะไรขึ้น ด่าไปก็ไร้ค่านะ
อย่างรัฐบาลที่แล้วบอกจะกู้ 4 แสนล้าน ด่ากันแทบตาย (แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กู้ ดีไป)
รัฐนี้เห็นเปรย ๆ ว่าจะกู้ 2 ล้านล้าน อยู่แว้บ ๆ แต่ยังไม่นำเสนอ
ถ้าเป็นจริง ผมก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ???
-
"สอนให้คนตกปลา" ไม่ใช่ "แจกปลา"
นี่คือแนวคิดที่ถูกต้องครับ เราไม่สามารถแจกเงินให้ใครคนนึงไปชั่วชีวิตได้ สำคัญที่ต้องให้เค้าหาเงินมารองรับชีวิตได้ด้วยตนเอง อดีตเจ้าพ่อวงการเหล็กรายใหญ่ของโลก andrew carnegie เองก็กล่าวไว้ยามที่เค้าบริจาคเงินก้อนสุดท้ายของเค้าให้ทางการสหรัฐ เค้าจะไม่แจกเงินการกุศลให้คนแต่เค้าจะทำให้คนสามารถหาเงินได้เอง สิ่งที่เค้าทำคือก่อตั้งห้องสมุดสาธารณะในหลายๆแห่งในสหรัฐ เพื่อสอนให้คนทำงานหาเงินได้เอง จากเงินก้อนสุดท้ายที่เค้ามีอยู่ก่อนที่จะตาย
-
ถ้า"ถังแตก" หมายถึง การขาดรายได้ เสียรายได้ที่ควรจะได้ อันนี้ผมยอมรับได้นะในความเห็นของคนเขียนข่าว แต่ใช้คำโอเวอร์ไปหน่อย ต้องตีความคำว่าถังแตกให้ดีว่าคืออะไร
ส่วนโครงการรถคันแรก ผมว่ามันก็คือการที่รัฐเอาเงินเราไปใช้ก่อน แล้วอีกปีค่อยจ่ายคืน แทนที่จะเอาไปเก็บไว้เข้ากระเป๋าเช่นตะก่อน ดังนั้นรถ10คัน ก็ได้ภาษีเข้ากระเป๋า10คันไปแล้ว แค่เอามาทยอยให้ทีหลัง คันแรกอาจจะเดือน ม.ค. คันที่2-4 เดือน ก.พ. คันที่5-7เดือน มี.ค. .... อย่างนี้เป็นต้น ก็เหมือนกับหนุมนเงินใช้นะผมว่า แต่ดันมีเกินโค้วต้าไปหน่อย กะ5แสน แต่คงเกินไปมากกว่า8แสนคันแน่ เอิกเอิก :D
แต่ถ้าถามว่าโครงการนี้ดีหรือไม่ ผมว่าไม่ดีนะ ทำให้คนฟุ่มเฟือย แต่ผมก็ใช้บริการไปแล้ว1คัน ;D
-
เพราะ ทุกนาทีคือภาษีของราษฏร ;D
ฮ่าๆๆ ;D คุ้นๆแฮะคำนี้ อิอิ
-
ดีครับ ใครยื่นก่อนได้ก่อน เงินหมดก็อดไป ส่วนตัวผมว่านโยบายนี้มันนโยบายขายชาติชัดๆ
คนได้ประโยชน์สุดท้ายกลับเป็นแบงค์ สถาบันการเงินที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยค่าต่างตอบแทนสารพัด
ไม่ดีครับ ผมจองตั้งแต่มีนา ได้รถปลายตุลา ใช้เวลารอ7เดือนกว่า กว่าจะยื่นเรื่องเสร็จอีก แต่บางคนจองสองเดือนได้รถ(ญาติผมของ พ.ค. ได้รถ ส.ค.) แล้วยื่นเรืองเสร็จก่อน เขาก็ได้เงินแต่ผมคิดก่อนทำก่อน ได้รถทีหลัง แล้วแบบนี้ผมจะไม่ได้เงินคืนงั้นเหรอ แบบนี้ผมว่าไม่ถูกครับ
ไหนๆรัฐว่าจะให้คนซื้อรถคันแรกปีนี้แล้วควรให้ครบๆทุกคนไม่ว่าจะเกินเป้าที่คาดไว้หรือไม่ เพราะมันมีเรื่องของการรอรถ เรื่องขอการจดทะเบียน เรื่องการยื่นแบบที่สรรพกรอีก ทำให้กระบวนการแต่ละคนไม่เท่ากัน
-
คิดแบบตรงไปตรงมา ถ้าเงินภาษีที่รัฐจะคืน คือเงินค่ารถที่เราจ่ายไปก่อนแล้ว ทำไมจะต้องกำหนดโควต้าครับ
ถ้าอ้างว่าเกินโควต้านั่นแปลว่า จะต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องเติมลงไปในระบบการซื้อขาย ซึ่งรัฐไม่สามารถรับความเสี่ยงได้มากกว่านั้น
หรือไม่ก็ หมุน ไม่ ทัน
-
ระวัง อย่าก่อดราม่าเรื่องการเมืองในเว็บของเรานะครับ เตือนกันแล้วเน่อ
สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ
1. ข่าวจากแหล่งไหน ก็ตาม ไม่ต้องเป็น Manager หรอกครับ ทุกเว็บ แม้แต่ Headlightmag ของเรา
คุณก็ควรจะต้องใช้วิจารณญาณก่อนเชื่อเสมอ
2. รัฐบาล ไม่ได้ถังแตก แต่ไอ้เงินที่กันสำรองไว้สำหรับโครงการนี้ มันอาจจะไม่พอ
และอาจต้องไปเบียดบังเงินภาษีประชาชนของเรา ในส่วนอื่นๆ เพิ่มเข้าไปอีก
3. ต่อให้ผมไม่ชอบแนวนโยบายกระตุ้นของ รัฐบาลชุดนี้เป็นการส่วนตัว
รวมทั้งผม และหลายๆคน ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เราต่างไม่เห็นด้วยกับการกระตุ้นวงการ
กันด้วยวิธีแบบนี้ เพราะในเวลานั้น หรือเวลานี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพา
การกระตุ้นด้วยวิธีแบบนี้ ยังมีอีกหลายภาคส่วนที่ควรจะไปกระตุ้น มากกว่าเยอะ
อีกทั้ง เป็นการใช้จ่ายเงินภาษีของเราอย่างสุรุ่ยสุร่าย ต่อให้บอกว่า คืนกับประชาชนก็ตามเถอะ
เพราะเงินเหล่านั้น ไม่ได้ไปเก็บจากบริษัทรถยนต์มาก่อนแต่อย่างใด รัฐอุ้มล้วนๆ งานนี้
แต่ กรณีนี้ ก็ต้องบอกว่า โครงการนี้ มีส่วนกระตุ้น ให้วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ ฟื้นตัวจาก
ช่วงน้ำท่วม ได้ค่อนข้างเร็วก่าที่คาดไว้จริง
4. สิ่งที่น่าเป็นห่วงต่อจากนี้คือ คนที่ออกรถไปก่อน จำนวนไม่น้อย เริ่มผ่อนไม่ไหวแล้ว
ทีนี้ ถ้าได้เงินภาษีคืนไปแล้ว จะทิ้งรถกลางคัน (หลายคนคิดแบบนี้จริงๆ ได้ยินมากับหู)
การเรียกเงินคืนภาษี ที่จ่ายให้กับประชาชนไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ.....
ต่อให้บอกว่า ยังไงก็ต้องจ่ายคืนหนะ ใช้่ ไม่เถียง แต่จะบริหารจัดการกันยังไง?
-
ขอโทษครับ
แต่นอกจากถังแตก แล้วยังห่วยแตก ด้วยครับ
เอาเงินภาษีประชาชนไปหมุนหายหมด ไร้สมองมาก
-
คนที่ซื้อรถจากนโยบายนี้ มี 6 ประเภท
1. ซื้อ เพราะต้องใช้รถจริงๆ
1.1 มีตัง
ไม่เดือดร้อน ได้ผลประโยชน์เต็มๆ ได้ใช้รถจริงๆ
1.2 ไม่มีตัง ตังน้อย
ได้ใช้รถจริงๆ ได้ใช้ประโยชน์จากนโยบายนี้เต็มๆ ค่อยๆผ่อน รัดเข็มขัด
นโยบายนี้ ออกมาเพื่อคนกลุ่มนี้จริงๆ
2. ซื้อ เพราะกำลังอยากเปลี่ยนรถ เจอนโยบายนี้ เลยรีบคว้าไว้
2.1 มีตัง
ไม่เดือดร้อน ได้สนองกิเลศตัวเองด้วย ได้รถใหม่ คุ้ม
2.2 ไม่มีตัง ตังน้อย
หาเรื่องสร้างหนี้ใหม่ หาเรื่องเป็นหนี้ ไม่จบไม่สิ้น แต่ได้สนองกิเลศ
อย่างน้อยๆก็ได้รถใหม่ มีความต้องการใช้รถอยู่แล้ว
3. ซื้อ เพราะนโยบาย ทั้งๆที่ไม่จำเป็น มีรถอยู่แล้ว หรือเดินทางแบบอื่นๆก็ได้
3.1 มีตัง
ไม่เดือดร้อน เรื่องของเค้า เค้าจะซื้อมาจอด ก็ช่างเค้า
3.2 ไม่มีตัง ตังน้อย
หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ แค่เสียดาย
อีกหน่อย ผ่อนไม่ไหว ไม่จำ้เป็นต้องใช้ ก็จะต้องขาย เพราะซื้อมาจอด ไม่ได้จำเป็นอะไร
รอสอยรถต่อจากคนพวกนี้ได้เลย
1.1 1.2 2.1 และ 3.1 คือผู้ได้ประโยชน์
2.2 กับ 3.2 คือผู้ที่เสียประโยชน์
บังเอิญว่า 2.2 กับ 3.2 มีมากกว่า แค่นั้นเอง
-
นโยบายนี้ใช้หาเสียงตั้งแต่ก่อนน้ำท่วมใช่ไหมครับ ผมไม่แน่ใจ
หากจะช่วยกระตุ้นวงการยานยนต์ ผมว่าไม่ต้องหรอก
เพราะ ค่านิยมของคนไทยก็ยังอยากมีรถเป็นของตัวเองทั้งนั้น
และผมว่า เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า
-
ขอโทษครับ
แต่นอกจากถังแตก แล้วยังห่วยแตก ด้วยครับ
เอาเงินภาษีประชาชนไปหมุนหายหมด ไร้สมองมาก
ยังไง เอาเงินภาษีประชาชนไปหมุนหายหมด โปรดอธิบาย ;) ;) ;)
-
"สอนให้คนตกปลา" ไม่ใช่ "แจกปลา"
นี่คือแนวคิดที่ถูกต้องครับ เราไม่สามารถแจกเงินให้ใครคนนึงไปชั่วชีวิตได้ สำคัญที่ต้องให้เค้าหาเงินมารองรับชีวิตได้ด้วยตนเอง อดีตเจ้าพ่อวงการเหล็กรายใหญ่ของโลก andrew carnegie เองก็กล่าวไว้ยามที่เค้าบริจาคเงินก้อนสุดท้ายของเค้าให้ทางการสหรัฐ เค้าจะไม่แจกเงินการกุศลให้คนแต่เค้าจะทำให้คนสามารถหาเงินได้เอง สิ่งที่เค้าทำคือก่อตั้งห้องสมุดสาธารณะในหลายๆแห่งในสหรัฐ เพื่อสอนให้คนทำงานหาเงินได้เอง จากเงินก้อนสุดท้ายที่เค้ามีอยู่ก่อนที่จะตาย
ถูกต้องเลยครับ เลิกแจกเอาใจลูกได้แล้วนะครับ ทุกวันนี้ลูกๆก็จะหากินเองไม่เป็นแล้ว อะไรก็โทษแต่คนอื่น ตัวเองก็รอปะงาบๆอ้าปากเป็นลูกนก รอคนมาคอรับชั่น ให้ตัวเองได้ประโยชน์ด้วย สุดท้ายผมก็ยัง ตกปลาต่อไปแม้ว่าจะไม่ได้ปลาใหญ่ แต่ก็ยังตกปลาเป็น และมีกินได้ด้วยตัวเอง
-
จัดเอกสารก็ยุ่งยาก เจ้าหน้าที่ก็ปากเสีย ยังจะเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ประชาชนเดือดร้อนกันมั้ย?ใครจะมารับผิดชอบ? ถึงเวลาก็พูดออกสื่อแต่เบื้องหลังคงไม่ต้องบอก ประชาชนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไง
-
อีกไม่เกิน 2 ปีไืทยคงไม่ต่างอะไรจาก กรีซ 55+
-
กลับมาดูกระทู้นี้อีกที ด่า(รัฐบาล)กันมันส์ เลยนะครับ
ให้ใจเย็นลงอีกหน่อย แล้วค่อยคุยกัน
-
ที่จริงถ้าคิดให้รอบกว่านี้เราสามารถทำการใหญ่ได้เลยนะครับ เอาให้เป็นประเทศผู้ส่งออกรถยนต์อันดับ 1 ของโลกซะเลย นอกจากนี้เรายังเป็นครัวโลก Thai food, Thai fruit ผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก แล้วยังเป็นผู้ส่งออกยางอันดับ 1 ของโลกอีก แล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับโลก การรักษาก็ดีอันดับต้นๆโดยเฉพาะเรื่องศัลยกรรม ถ้าทำได้เมืองไทยเราจะมีจุดเด่นหลายด้านแข่งขันชาวบ้านได้สบาย บางประเทศเค้ามีแค่อย่างเดียวแต่เค้าชูจุดเด่นก็ยืนหยัดได้สบายของเรามีจุดเด่นเยอะมากถ้าบริหารดีๆไปรุ่งแน่นอน
-
ระวัง อย่าก่อดราม่าเรื่องการเมืองในเว็บของเรานะครับ เตือนกันแล้วเน่อ
สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ
1. ข่าวจากแหล่งไหน ก็ตาม ไม่ต้องเป็น Manager หรอกครับ ทุกเว็บ แม้แต่ Headlightmag ของเรา
คุณก็ควรจะต้องใช้วิจารณญาณก่อนเชื่อเสมอ
2. รัฐบาล ไม่ได้ถังแตก แต่ไอ้เงินที่กันสำรองไว้สำหรับโครงการนี้ มันอาจจะไม่พอ
และอาจต้องไปเบียดบังเงินภาษีประชาชนของเรา ในส่วนอื่นๆ เพิ่มเข้าไปอีก
3. ต่อให้ผมไม่ชอบแนวนโยบายกระตุ้นของ รัฐบาลชุดนี้เป็นการส่วนตัว
รวมทั้งผม และหลายๆคน ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เราต่างไม่เห็นด้วยกับการกระตุ้นวงการ
กันด้วยวิธีแบบนี้ เพราะในเวลานั้น หรือเวลานี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพา
การกระตุ้นด้วยวิธีแบบนี้ ยังมีอีกหลายภาคส่วนที่ควรจะไปกระตุ้น มากกว่าเยอะ
อีกทั้ง เป็นการใช้จ่ายเงินภาษีของเราอย่างสุรุ่ยสุร่าย ต่อให้บอกว่า คืนกับประชาชนก็ตามเถอะ
เพราะเงินเหล่านั้น ไม่ได้ไปเก็บจากบริษัทรถยนต์มาก่อนแต่อย่างใด รัฐอุ้มล้วนๆ งานนี้
แต่ กรณีนี้ ก็ต้องบอกว่า โครงการนี้ มีส่วนกระตุ้น ให้วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ ฟื้นตัวจาก
ช่วงน้ำท่วม ได้ค่อนข้างเร็วก่าที่คาดไว้จริง
4. สิ่งที่น่าเป็นห่วงต่อจากนี้คือ คนที่ออกรถไปก่อน จำนวนไม่น้อย เริ่มผ่อนไม่ไหวแล้ว
ทีนี้ ถ้าได้เงินภาษีคืนไปแล้ว จะทิ้งรถกลางคัน (หลายคนคิดแบบนี้จริงๆ ได้ยินมากับหู)
การเรียกเงินคืนภาษี ที่จ่ายให้กับประชาชนไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ.....
ต่อให้บอกว่า ยังไงก็ต้องจ่ายคืนหนะ ใช้่ ไม่เถียง แต่จะบริหารจัดการกันยังไง?
บอกตรงๆ ในข้อ 3.
อันนี้ทำให้เศรฐกิจฟื้นไปเหมือนก่อนน้ำท่วมได้เร็วกว่าที่คิด อย่างน้อยการจ้างงานก็ยังมีอยู่ ในหลายๆ โรงงานที่เข้าไป ก็สามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ฉนั้น ข้อนี้ถึงกับเป็นข้อดี แอบแฝงของโครงการนี้ไป
แต่อีกจุดที่ทำให้คนซื้อรถมากขึ้นเพราะ รถที่จมน้ำจนซ่อมไม่ได้ก็เลยต้องออกใหม่ พอดี มีคนรู้จักใช้ชื่อ พ่อแม่ซื้อ เพราะของตัวเองน้ำท่วม ก็มีครับ
ส่วน ข้อ 4 ถ้ามันจะคิดอย่างนั้นโดยไม่ห่วงอนาคตของตัวเอง ก็ต้องปล่อยเข้าไป ไฟแนน ก็จะตามจัดการเอง ขอบอกได้แค่ว่า ไม่ส่งนอกจากยึด แล้ว ยังตามไล่เบี้ย เงินส่วนต่าง จากราคารถ จากลูกหนี้อีก
ถึงเวลานั้นก็ เฮ้อ
-
แหะๆ ผมก็ไม่ได้เชียร์ทางรัฐมากนักครับ
ขอไม่แสดงความคิดเห็นต่อครับ แต่เคารพความคิดทุกท่านนะครับ
-
หลายๆคนบอกว่ารัฐไม่มีทางถังแตกแล้วรู้สึกงงๆครับ ยังจำกันได้ไหมกับวิกฤตต้มยำกุ้ง นั่นละครับถังแตก ทุกคนยังเสียภาษีอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเงินในคลังของชาติหายไปไงครับ ผมว่าถ้าไปค้นๆดูก็จะรู้เรื่องกันละ
ส่วนเรื่องเงินภาษี บริษัทรถเหมือนจะจ่ายแต่ไม่ได้จ่ายนะครับ เค้าผลักภาระมาให้ผู้ซื้อแล้ว คือ ภาษีถูกรวมไปกับราคารถแล้ว ฉะนั้นเงินที่คืนมาคือส่วนของภาษีที่เราจ่ายไปพร้อมค่ารถ
สุดท้ายมุมมองส่วนตัวผมมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีคนเก่ง เพราะต้องโดนโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆไม่ได้เข้ามาทำงานในส่วนนี้ (ที่ผ่านมาจะมีอยู่ 3 กระทรวงหลักๆที่จะนำคนที่มีความสามารถโดยที่ไม่ดูว่าเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่เข้ามาทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือก็ตามกลไกไป)
วิกฤตต้มยำกุ้งสถานการณ์คนละเรื่องกับตอนนี้เลยครับ มันเอามาเทียบไม่ได้หรอก
-
หลายๆคนบอกว่ารัฐไม่มีทางถังแตกแล้วรู้สึกงงๆครับ ยังจำกันได้ไหมกับวิกฤตต้มยำกุ้ง นั่นละครับถังแตก ทุกคนยังเสียภาษีอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเงินในคลังของชาติหายไปไงครับ ผมว่าถ้าไปค้นๆดูก็จะรู้เรื่องกันละ
ส่วนเรื่องเงินภาษี บริษัทรถเหมือนจะจ่ายแต่ไม่ได้จ่ายนะครับ เค้าผลักภาระมาให้ผู้ซื้อแล้ว คือ ภาษีถูกรวมไปกับราคารถแล้ว ฉะนั้นเงินที่คืนมาคือส่วนของภาษีที่เราจ่ายไปพร้อมค่ารถ
สุดท้ายมุมมองส่วนตัวผมมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีคนเก่ง เพราะต้องโดนโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆไม่ได้เข้ามาทำงานในส่วนนี้ (ที่ผ่านมาจะมีอยู่ 3 กระทรวงหลักๆที่จะนำคนที่มีความสามารถโดยที่ไม่ดูว่าเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่เข้ามาทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือก็ตามกลไกไป)
วิกฤตต้มยำกุ้งสถานการณ์คนละเรื่องกับตอนนี้เลยครับ มันเอามาเทียบไม่ได้หรอก
ไม่ใช่ 40 ครับแต่เป็นกรีัซ เลยละครับ ต้นแบบที่ใช้ประชมนิยมอย่างหนัก ;D
-
กระทู้นี้ กะลัง จะกลายเป็น มาม่า ไปแล้ว..ใจเย็นๆ เด้อ พี่น้อง คับ...
-
สรุป แปลว่า รถบนถนนในอนาคตนี้กำลังจะน้อยลงแล้วใช่มั้ยครับจากปัจจัยหลายๆอย่างของโครงการณ์ถังแตก
หรือว่าไม่เกี่ยวกันยังไงมันก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆไม่หยุดแบบนี้
ถ้ารถน้อยลงอัตราเฉลี่ยน้ำมันผมจะได้ดีขึ้นเรื่อยๆ :D
-
หลายๆคนบอกว่ารัฐไม่มีทางถังแตกแล้วรู้สึกงงๆครับ ยังจำกันได้ไหมกับวิกฤตต้มยำกุ้ง นั่นละครับถังแตก ทุกคนยังเสียภาษีอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเงินในคลังของชาติหายไปไงครับ ผมว่าถ้าไปค้นๆดูก็จะรู้เรื่องกันละ
ส่วนเรื่องเงินภาษี บริษัทรถเหมือนจะจ่ายแต่ไม่ได้จ่ายนะครับ เค้าผลักภาระมาให้ผู้ซื้อแล้ว คือ ภาษีถูกรวมไปกับราคารถแล้ว ฉะนั้นเงินที่คืนมาคือส่วนของภาษีที่เราจ่ายไปพร้อมค่ารถ
สุดท้ายมุมมองส่วนตัวผมมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีคนเก่ง เพราะต้องโดนโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆไม่ได้เข้ามาทำงานในส่วนนี้ (ที่ผ่านมาจะมีอยู่ 3 กระทรวงหลักๆที่จะนำคนที่มีความสามารถโดยที่ไม่ดูว่าเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่เข้ามาทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือก็ตามกลไกไป)
วิกฤตต้มยำกุ้งสถานการณ์คนละเรื่องกับตอนนี้เลยครับ มันเอามาเทียบไม่ได้หรอก
ไม่ใช่ 40 ครับแต่เป็นกรีัซ เลยละครับ ต้นแบบที่ใช้ประชมนิยมอย่างหนัก ;D
ไม่เหมือนกรีซอีกเหมือนกันครับ อันนั้นเงินไหลออกนอกประเทศมากกว่าเข้าประเทศมานานแล้ว
ตั้งแต่ก่อนก่อตั้ง Euro zone อีกนะครับ มันใช้เวลาเป็น 10ปี กว่าปัญหาจะลุกลามจนแก้ไม่ได้
จะมาบอกว่าโครงการรถคันแรก จะทำให้ไปถึงจุดนั้นเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะเงินไม่ได้ไหลออกนอกประเทศ
-
ที่มา manager = สนธิ ลิ้ม
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ตามนั้นเลยครับ ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ค่ายนี้เขาเน้นโจมตีรัฐบาลแบบไม่ค่อยมีมูลเท่าไหร่นัก(เอาไว้ขายบรรดาสาวกของเขา) ถ้าเป็นเรื่องจริงเดี๋ยวคงได้เป็นข่าวดังแน่ครับ
-
หลายๆคนบอกว่ารัฐไม่มีทางถังแตกแล้วรู้สึกงงๆครับ ยังจำกันได้ไหมกับวิกฤตต้มยำกุ้ง นั่นละครับถังแตก ทุกคนยังเสียภาษีอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเงินในคลังของชาติหายไปไงครับ ผมว่าถ้าไปค้นๆดูก็จะรู้เรื่องกันละ
ส่วนเรื่องเงินภาษี บริษัทรถเหมือนจะจ่ายแต่ไม่ได้จ่ายนะครับ เค้าผลักภาระมาให้ผู้ซื้อแล้ว คือ ภาษีถูกรวมไปกับราคารถแล้ว ฉะนั้นเงินที่คืนมาคือส่วนของภาษีที่เราจ่ายไปพร้อมค่ารถ
สุดท้ายมุมมองส่วนตัวผมมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีคนเก่ง เพราะต้องโดนโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆไม่ได้เข้ามาทำงานในส่วนนี้ (ที่ผ่านมาจะมีอยู่ 3 กระทรวงหลักๆที่จะนำคนที่มีความสามารถโดยที่ไม่ดูว่าเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่เข้ามาทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือก็ตามกลไกไป)
วิกฤตต้มยำกุ้งสถานการณ์คนละเรื่องกับตอนนี้เลยครับ มันเอามาเทียบไม่ได้หรอก
ไม่ใช่ 40 ครับแต่เป็นกรีัซ เลยละครับ ต้นแบบที่ใช้ประชมนิยมอย่างหนัก ;D
ไม่เหมือนกรีซอีกเหมือนกันครับ อันนั้นเงินไหลออกนอกประเทศมากกว่าเข้าประเทศมานานแล้ว
ตั้งแต่ก่อนก่อตั้ง Euro zone อีกนะครับ มันใช้เวลาเป็น 10ปี กว่าปัญหาจะลุกลามจนแก้ไม่ได้
จะมาบอกว่าโครงการรถคันแรก จะทำให้ไปถึงจุดนั้นเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะเงินไม่ได้ไหลออกนอกประเทศ
- โครงการรถคันแรกยังไงก็เงินไหลครับ กำไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วก็ส่งกลับไปบริษัทแม่อยู่ดี มาอยู่บ้านนอกแบบผมแล้วจะซึ้งว่าถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นกรีซได้ แถวรีสอร์ตผมวัยรุ่นอยู่เฉยๆไม่ทำงานกัน พ่อ-แม่ก็ไม่ว่าอะไรจะเดี๋ยวรัฐก็เงินออกมาให้กู้ กู้ไปแล้วก็ไม่ส่ง เงินใหม่ก็กู้อีก ปล่อยไปแบบนี้อีกไม่นานก็ล่มจมล่ะครับ
- สถานการณ์ตอนนี้คือรัฐรายรับไม่พอรายจ่ายเยอะมาก มีทั้งนโยบายรถคันแรก,บ้านหลังแรก แถมด้วยลดภาษีนิติบุคคลจาก30%เหลือ23% ภาษีที่ควรจะเข้ารัฐหายไปบานเบิก
-
- โครงการรถคันแรกยังไงก็เงินไหลครับ กำไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วก็ส่งกลับไปบริษัทแม่อยู่ดี มาอยู่บ้านนอกแบบผมแล้วจะซึ้งว่าถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นกรีซได้ แถวรีสอร์ตผมวัยรุ่นอยู่เฉยๆไม่ทำงานกัน พ่อ-แม่ก็ไม่ว่าอะไรจะเดี๋ยวรัฐก็เงินออกมาให้กู้ กู้ไปแล้วก็ไม่ส่ง เงินใหม่ก็กู้อีก ปล่อยไปแบบนี้อีกไม่นานก็ล่มจมล่ะครับ
- สถานการณ์ตอนนี้คือรัฐรายรับไม่พอรายจ่ายเยอะมาก มีทั้งนโยบายรถคันแรก,บ้านหลังแรก แถมด้วยลดภาษีนิติบุคคลจาก30%เหลือ23% ภาษีที่ควรจะเข้ารัฐหายไปบานเบิก
นั่นแหละเรื่องจริง
-
แทนที่จะปรับฐานภาษีให้รถยนต์ราคาถูกลง
ประชาชนซื้อได้ง่ายขึ้น หรือได้ของดีในราคาเดิม(เก๋งเล็กดีเซล ไรแบบนี้)
ภาษีไม่ลด ประชาชนซื้อได้ง่ายขึ้น ค่ายรถขายได้หลายรุ่น ไม่ใช่แค่กระบะกับรถ 1.5 อย่างเดียว
น่าจะWin Win กว่าตั้งเยอะ
-
ถ้าไม่ได้คืนนี้ผมแย่แน่ๆ
-
ที่มา manager = สนธิ ลิ้ม
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ตามนั้นเลยครับ ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ค่ายนี้เขาเน้นโจมตีรัฐบาลแบบไม่ค่อยมีมูลเท่าไหร่นัก(เอาไว้ขายบรรดาสาวกของเขา) ถ้าเป็นเรื่องจริงเดี๋ยวคงได้เป็นข่าวดังแน่ครับ
จริงหรอ ไม่มีมูลหรอแต่เท่าที่ดูข้อมูลก็มีเยอะแยะไม่เหมือนสาวกอีกช่องปิดแต่ข่าว เต้าแต่ข่าว ;D
-
ผมรอโครงการ ตู้เย็นตู้เเรก อยู่ครับ :D :D
-
ผมรอโครงการ ตู้เย็นตู้เเรก อยู่ครับ :D :D
น่าจะเป็น โครงการควายตัวแรก ไว้ให้เราเอาไปฝึกเลี้ยงและใช้งานบ้างนะครับ
-
ผมมีแผนจะถอยรถเล็กๆซักคันเอาไว้วิ่งไปตลาด ไปจตุจักรชลบุรี
ผมว่าจะรอประมาณกลางปีหน้า คงมีอีโคคาร์มือสองวิ่งไม่ถึงหมื่นโลให้เลือกเยอะแน่ๆ
-
อย่าเพิ่งเชื่อครับ ทางที่ดีก่อนที่จะเชื่ออะไรกับข่าวจากเวปนี้ผมว่าลองหาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือหลายๆแหล่งจะดีกว่ามั้บครับ เพราะเวบไซต์นี้มีความเป็นธรรมหรือไม่ ความเป็นกลางมีหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการติดตามข้อมูลข่าวสารครับเพราะถ้าข้อมูลผิดจะทำให้เราคิดอะไรผิดๆนะครับ
(http://)
-
เทคนิคการหาเสียง :D :D
-
เพลียกับประชานิยม และ ชอบความเห็นที่บอกเรื่องสอนหาปลาครับ คือ concept เลย
ส่วนที่บอกว่าประเทศยังไงเงินก็ไม่หมด ผมว่าอีกไม่นานหรอก งบประมาณขาดดุลทุกปี ก็เหมือนคนที่ต้องกู้เขามากินทุกปี ดอกเบี้ยก็ท่วมหัวแล้ว แทนที่จะประหยัด ดันมาฟุ่มเฟือย
ส่วนที่บอกเงินไม่ไหลออกนอกประเทศแต่ผมก็เห็นว่าขาดดุลการค้าอยู่ตลอดๆหรือผมเข้าใจอะไรผิด?
-
ข่าวนี้น่าสนใจครับ...แต่ไม่ใส่ใจ เพราะผมได้เงิน 1 แสน โอนเข้าธนาคาร จากกรมบัญชีกลางแล้ว ;D
-
หลายๆคนบอกว่ารัฐไม่มีทางถังแตกแล้วรู้สึกงงๆครับ ยังจำกันได้ไหมกับวิกฤตต้มยำกุ้ง นั่นละครับถังแตก ทุกคนยังเสียภาษีอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเงินในคลังของชาติหายไปไงครับ ผมว่าถ้าไปค้นๆดูก็จะรู้เรื่องกันละ
ส่วนเรื่องเงินภาษี บริษัทรถเหมือนจะจ่ายแต่ไม่ได้จ่ายนะครับ เค้าผลักภาระมาให้ผู้ซื้อแล้ว คือ ภาษีถูกรวมไปกับราคารถแล้ว ฉะนั้นเงินที่คืนมาคือส่วนของภาษีที่เราจ่ายไปพร้อมค่ารถ
สุดท้ายมุมมองส่วนตัวผมมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีคนเก่ง เพราะต้องโดนโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆไม่ได้เข้ามาทำงานในส่วนนี้ (ที่ผ่านมาจะมีอยู่ 3 กระทรวงหลักๆที่จะนำคนที่มีความสามารถโดยที่ไม่ดูว่าเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่เข้ามาทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือก็ตามกลไกไป)
วิกฤตต้มยำกุ้งสถานการณ์คนละเรื่องกับตอนนี้เลยครับ มันเอามาเทียบไม่ได้หรอก
ไม่ใช่ 40 ครับแต่เป็นกรีัซ เลยละครับ ต้นแบบที่ใช้ประชมนิยมอย่างหนัก ;D
ไม่เหมือนกรีซอีกเหมือนกันครับ อันนั้นเงินไหลออกนอกประเทศมากกว่าเข้าประเทศมานานแล้ว
ตั้งแต่ก่อนก่อตั้ง Euro zone อีกนะครับ มันใช้เวลาเป็น 10ปี กว่าปัญหาจะลุกลามจนแก้ไม่ได้
จะมาบอกว่าโครงการรถคันแรก จะทำให้ไปถึงจุดนั้นเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะเงินไม่ได้ไหลออกนอกประเทศ
มันก็คล้ายๆกันนั้นแหละ กู้มาเยอะๆทุกปี จนเป็นหนี้พันตัวเอง แนวทางคล้ายกันเปะ แค่ กรีซมีผลจากการเปลี่ยนมาใช้สกุล euro และพยายามผลักให้ค่าเงินตัวเองแข็งขึ้นแต่ไม่ดูเศรษฐกิจตัวเอง
-
- โครงการรถคันแรกยังไงก็เงินไหลครับ กำไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วก็ส่งกลับไปบริษัทแม่อยู่ดี มาอยู่บ้านนอกแบบผมแล้วจะซึ้งว่าถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นกรีซได้ แถวรีสอร์ตผมวัยรุ่นอยู่เฉยๆไม่ทำงานกัน พ่อ-แม่ก็ไม่ว่าอะไรจะเดี๋ยวรัฐก็เงินออกมาให้กู้ กู้ไปแล้วก็ไม่ส่ง เงินใหม่ก็กู้อีก ปล่อยไปแบบนี้อีกไม่นานก็ล่มจมล่ะครับ
- สถานการณ์ตอนนี้คือรัฐรายรับไม่พอรายจ่ายเยอะมาก มีทั้งนโยบายรถคันแรก,บ้านหลังแรก แถมด้วยลดภาษีนิติบุคคลจาก30%เหลือ23% ภาษีที่ควรจะเข้ารัฐหายไปบานเบิก
นั่นแหละเรื่องจริง
ผมก็คิดงี้เหมือนกันนะ
จากโครงการประชานิยมต่างๆของรัฐแล้ว รายรับหายไปพอสมควรแต่รายจ่าย+สร้างหนี้เยอะขึ้น
มันทำให้ประเทศสุ่มเสี่ยงอยู่เหมือนกัน แย่
-
กลายเป็นกระทู้ดราม่าการเมืองกันไปซะแล้ว อ่านข่าวแล้วดูดีๆซิครับ ไอ้ที่ว่าถังแตกหมายถึงโครงการมันไม่มีตังไม่ใช่รัฐหมดตัง คราวนี้ก็อยู่ที่ว่าจะเอาตังจากไหนมาทดแทนหรือว่าจะชักดาบ ทุกวันนี้รัฐเอาเงินมาใช้กับโครงการประชานิยมเยอะจนเกินจำเป็นเพียงเพราะโครงการแบบนี้คนบางกลุ่มบอกว่ามันคือผลงาน แต่สำหรับผมมันคือหายนะ ไอ้โครงการรถคนแรกนี่ไม่เคยเห็นด้วยเลย 3หมื่นล้านเอาไปสร้างระบบขนส่งดีๆจะดีกว่าทำแบบนี้ส่งผลกระทบอีกเยอะแยะ
-
ผมว่าประชานิยมไม่เหมาะกับคนไทยอย่างยิ่ง
-
หลายๆคนบอกว่ารัฐไม่มีทางถังแตกแล้วรู้สึกงงๆครับ ยังจำกันได้ไหมกับวิกฤตต้มยำกุ้ง นั่นละครับถังแตก ทุกคนยังเสียภาษีอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเงินในคลังของชาติหายไปไงครับ ผมว่าถ้าไปค้นๆดูก็จะรู้เรื่องกันละ
ส่วนเรื่องเงินภาษี บริษัทรถเหมือนจะจ่ายแต่ไม่ได้จ่ายนะครับ เค้าผลักภาระมาให้ผู้ซื้อแล้ว คือ ภาษีถูกรวมไปกับราคารถแล้ว ฉะนั้นเงินที่คืนมาคือส่วนของภาษีที่เราจ่ายไปพร้อมค่ารถ
สุดท้ายมุมมองส่วนตัวผมมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีคนเก่ง เพราะต้องโดนโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆไม่ได้เข้ามาทำงานในส่วนนี้ (ที่ผ่านมาจะมีอยู่ 3 กระทรวงหลักๆที่จะนำคนที่มีความสามารถโดยที่ไม่ดูว่าเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่เข้ามาทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือก็ตามกลไกไป)
วิกฤตต้มยำกุ้งสถานการณ์คนละเรื่องกับตอนนี้เลยครับ มันเอามาเทียบไม่ได้หรอก
ไม่ใช่ 40 ครับแต่เป็นกรีัซ เลยละครับ ต้นแบบที่ใช้ประชมนิยมอย่างหนัก ;D
ไม่เหมือนกรีซอีกเหมือนกันครับ อันนั้นเงินไหลออกนอกประเทศมากกว่าเข้าประเทศมานานแล้ว
ตั้งแต่ก่อนก่อตั้ง Euro zone อีกนะครับ มันใช้เวลาเป็น 10ปี กว่าปัญหาจะลุกลามจนแก้ไม่ได้
จะมาบอกว่าโครงการรถคันแรก จะทำให้ไปถึงจุดนั้นเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะเงินไม่ได้ไหลออกนอกประเทศ
- โครงการรถคันแรกยังไงก็เงินไหลครับ กำไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วก็ส่งกลับไปบริษัทแม่อยู่ดี มาอยู่บ้านนอกแบบผมแล้วจะซึ้งว่าถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นกรีซได้ แถวรีสอร์ตผมวัยรุ่นอยู่เฉยๆไม่ทำงานกัน พ่อ-แม่ก็ไม่ว่าอะไรจะเดี๋ยวรัฐก็เงินออกมาให้กู้ กู้ไปแล้วก็ไม่ส่ง เงินใหม่ก็กู้อีก ปล่อยไปแบบนี้อีกไม่นานก็ล่มจมล่ะครับ
- สถานการณ์ตอนนี้คือรัฐรายรับไม่พอรายจ่ายเยอะมาก มีทั้งนโยบายรถคันแรก,บ้านหลังแรก แถมด้วยลดภาษีนิติบุคคลจาก30%เหลือ23% ภาษีที่ควรจะเข้ารัฐหายไปบานเบิก
ผมว่าจะไม่เขียนแล้วนะแต่ ไม่อยากให้คนอื่นๆ กังวลกับโครงการนี้จนเกินเหตุนะครับ แล้วไปเทียบกับวิกฤตต่างๆ มันเป็นคนละเรื่องเลยนะ
ไม่เถียงครับว่ายังไงบริษัทแม่ของพวกธุรกิจต่างชาติมันต้องได้เงินอยู่แล้ว แต่!! งงไหมครับ ว่าทำไมประเทศเรายังอยู่ได้
ทั้งๆที่ รถก็ต่างชาติ หรือพวกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือ ก็ทำไม่เป็น ซื้อต่างชาติทั้งนั้น แล้วประเทศเราถึงไม่เสียดุลการค้า
ก็เพราะเรา มีรายได้จากการส่งออกมหาศาลครับ รายได้รองลงมาคือท่องเที่ยว ใช่ครับประเทศเรามีของดีไปขายประเทศอื่น
อีกอย่างบริษัทขายรถต้องเสียภาษีอย่างอื่นให้รัฐบาลอีกเยอะครับ ขายได้มากก็เสียมากครับ
ไม่ต้องห่วงเลยว่า รัฐบาลจะไม่ได้เงินภาษี กฏหมายมันดักไว้หมดแล้วครับ
สถาณการณ์มันแตกต่างจากกรีซโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่แค่กรีซพวกประเทศยุโรปทั้งหมดที่มีปัญหาตอนนี้ คือธุรกิจของประเทศยุโรปไม่สามารถแข่งกับเอเซียได้
จริงๆปัญหามันเริ่มมานานเป็น 10 ปีแล้ว ทางยุโรปทราบดีว่าทวีปของตัวเองกำลังแย่เลยแก้ปัญหาแบบขอไปที โดยการตั้ง Euro zone
เพื่อเปลี่ยนไปใช้ค่าเงินใหม่เพื่อตรึงเศรษฐกิจไว้ อย่างน้อยก็ได้เป็น 10 ปี จนถึงทุกวันนี้ปัญหามันเริ่มชัดขึ้นมา เพราะมันไม่ได้รับการแก้ไขตั้งแต่แรก
-
ใจลึกๆ ผมไม่อยากให้มีครับ ให้มันเป็นไปตามกลไกตลาดดีกว่าครับ
-
ประเทศไทยตอนนี้กับสมัยต้มยำกุ้ง 1997 คนละเรื่องกันเลยครับประเทศเราหลังจากสถานการณ์ครั้งนั้นทำให้ค่าเงินบาทเราอ่อนค่าลงไปมาก แต่ผลดีคือเราได้ประโยชน์จากการส่งออกมากขึ้นครับ หลังวิกฤตต้มยำกุ้งการส่งออกได้เกินดุลการนำเข้ามาโดยตลอด ทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศปัจจุบันถ้าจำไม่ผิดมีอยู่เกือบ 2แสนล้านเหรียญซึ่งมากเป็นอันดับต้นๆของโลก ปัจจุบันการขยายตัวเศรษฐกิจของเราก็ขยายตัวได้ต่อเนื่องถึงแม้ปีนี้จะขยายตัวได้ต่ำกว่าเป้าแต่รัฐบาลก็อัดฉีดให้ขยายตัว หนึ่งในนั้นคือการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศครับรายได้ของประเทศนอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเพื่อเก็บภาษีเพิ่มมากขึิึ้น คือการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนจากรัฐบาล
ลองดูการวิเคราะห์จากทางต่างประเทศดูบ้างมั้ยครับว่าเค้ามองเศรษฐกิจเราว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะพวกสถาบันทั้งหลายนี้ตรวจตราดูเศรษฐกิจของทุกประเทศในโลกนี้ตลอดเวลา ยังไม่เห็นมีตำเตือนมาประเทศไทยใดๆ ออกมาเลยว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะเกิดวิกฤต แต่กลับกันเห็นมีแต่คำชมครับว่าเศรษฐกิจเราพื้นฐานแข็งแกร่ง ต่างกับสมัยก่อนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งอย่างมาก
ตอนนี้เศรษฐกิจอเมริกามีปัญหา ยุโรปก็มีปัญหา จีนก็ส่งออกได้น้อยลงเพราะประเทศพวกนี้มีปัญหา ตอนนี้ทั่วโลกมองมาที่ South East Asia ครับเพราะไม่ไว้ใจเศรษฐกิจยุโรปกับอเมริกา รวมถึงญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยดีด้วย
ประเทศไทยตอนนี้เป็นโอกาสทองเลยครับ เพราะเราเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ ใครๆก็อยากมาลงทุนที่เราครับ แล้วประเทศเราจะมีวิกฤตได้อย่างไรเป็นไปไม่ได้เลยครับ
ถ้าลองดูค่าเงินบาทตอนนี้ขึ้นมาแข็งค่าอยู่ที่ 30.5บาท ต่อดอลล่า ซึ่งเกิดจากการที่เงินทุนนอกประเทศ (บางคนเรียกhot money หมายถึงเงินร้อนซึ่งจะเข้ามาเก็งกำไรรระยะสั้นๆแล้วถอนเงินออกนอกประเทศ) ถึงแม้เงินพวกนี้จะสู้พวก FDI หรือการลงทุนโดยตรงไม่ได้แต่เงินพวกนี้ก็เป็นหลักฐานที่บอกเราได้ว่าตอนนี้เมืองนอกกำลังโยกเงินมาไว้ที่เอเชียแทนแล้วครับ
ขอย้ำอีกทีนะครับว่าประเทศไทยตอนนี้ห่างไกลจากคำว่าวิกฤตมากครับ
-
ผมว่าถ้าคืนภาษีให้เฉพาะ เครื่องยนต์ที่ไม่เกิน 1300 ซีซี เพื่ออย่างน้อย รถพวกนี้ก็ประหยัดน้ำมันกว่าจริงๆ ถ้าได้คืนภาษีแบบไม่มีปัญหาจริงๆ ผมว่าก็ดีสำหรับคนงบน้อย ผมซื้อให้ภรรยา ผมซื้อเอารุ่นราคาไม่แพงไม่ใช่ตัวท๊อป หรือรองท๊อป เพื่อให้ประหยัดงบและประหยัดน้ำมัน ส่วนใครจะวิเคราะห์ยังไงหรือจะกระทบอะไร บางทีเรารู้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ หลายคนก็จำเป็นต้องมีรถ และอาจจะเป็นโชคดี(หรืเปล่า ที่ซื้อช่วงนี้ถ้าได้คืนจริงนะ)
ผมว่าน่าจะคืนภาษี ตอนที่เงินดาวน์ + ค่างวด ครบตามจำนวนราคาของรถที่ไม่รวมภาษี หลังจากนั้นค่อยคืน ด้วยวิธี คืนทุกงวด
หรือ ก็คืนทุกงวดที่จ่ายไปเลย จะได้ไม่มีปัญหา
นานาจิตตัง :) :)
-
หลายๆคนบอกว่ารัฐไม่มีทางถังแตกแล้วรู้สึกงงๆครับ ยังจำกันได้ไหมกับวิกฤตต้มยำกุ้ง นั่นละครับถังแตก ทุกคนยังเสียภาษีอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเงินในคลังของชาติหายไปไงครับ ผมว่าถ้าไปค้นๆดูก็จะรู้เรื่องกันละ
ส่วนเรื่องเงินภาษี บริษัทรถเหมือนจะจ่ายแต่ไม่ได้จ่ายนะครับ เค้าผลักภาระมาให้ผู้ซื้อแล้ว คือ ภาษีถูกรวมไปกับราคารถแล้ว ฉะนั้นเงินที่คืนมาคือส่วนของภาษีที่เราจ่ายไปพร้อมค่ารถ
สุดท้ายมุมมองส่วนตัวผมมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีคนเก่ง เพราะต้องโดนโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆไม่ได้เข้ามาทำงานในส่วนนี้ (ที่ผ่านมาจะมีอยู่ 3 กระทรวงหลักๆที่จะนำคนที่มีความสามารถโดยที่ไม่ดูว่าเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่เข้ามาทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือก็ตามกลไกไป)
วิกฤตต้มยำกุ้งสถานการณ์คนละเรื่องกับตอนนี้เลยครับ มันเอามาเทียบไม่ได้หรอก
ไม่ใช่ 40 ครับแต่เป็นกรีัซ เลยละครับ ต้นแบบที่ใช้ประชมนิยมอย่างหนัก ;D
ไม่เหมือนกรีซอีกเหมือนกันครับ อันนั้นเงินไหลออกนอกประเทศมากกว่าเข้าประเทศมานานแล้ว
ตั้งแต่ก่อนก่อตั้ง Euro zone อีกนะครับ มันใช้เวลาเป็น 10ปี กว่าปัญหาจะลุกลามจนแก้ไม่ได้
จะมาบอกว่าโครงการรถคันแรก จะทำให้ไปถึงจุดนั้นเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะเงินไม่ได้ไหลออกนอกประเทศ
- โครงการรถคันแรกยังไงก็เงินไหลครับ กำไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วก็ส่งกลับไปบริษัทแม่อยู่ดี มาอยู่บ้านนอกแบบผมแล้วจะซึ้งว่าถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นกรีซได้ แถวรีสอร์ตผมวัยรุ่นอยู่เฉยๆไม่ทำงานกัน พ่อ-แม่ก็ไม่ว่าอะไรจะเดี๋ยวรัฐก็เงินออกมาให้กู้ กู้ไปแล้วก็ไม่ส่ง เงินใหม่ก็กู้อีก ปล่อยไปแบบนี้อีกไม่นานก็ล่มจมล่ะครับ
- สถานการณ์ตอนนี้คือรัฐรายรับไม่พอรายจ่ายเยอะมาก มีทั้งนโยบายรถคันแรก,บ้านหลังแรก แถมด้วยลดภาษีนิติบุคคลจาก30%เหลือ23% ภาษีที่ควรจะเข้ารัฐหายไปบานเบิก
ผมว่าจะไม่เขียนแล้วนะแต่ ไม่อยากให้คนอื่นๆ กังวลกับโครงการนี้จนเกินเหตุนะครับ แล้วไปเทียบกับวิกฤตต่างๆ มันเป็นคนละเรื่องเลยนะ
ไม่เถียงครับว่ายังไงบริษัทแม่ของพวกธุรกิจต่างชาติมันต้องได้เงินอยู่แล้ว แต่!! งงไหมครับ ว่าทำไมประเทศเรายังอยู่ได้
ทั้งๆที่ รถก็ต่างชาติ หรือพวกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือ ก็ทำไม่เป็น ซื้อต่างชาติทั้งนั้น แล้วประเทศเราถึงไม่เสียดุลการค้า
ก็เพราะเรา มีรายได้จากการส่งออกมหาศาลครับ รายได้รองลงมาคือท่องเที่ยว ใช่ครับประเทศเรามีของดีไปขายประเทศอื่น
อีกอย่างบริษัทขายรถต้องเสียภาษีอย่างอื่นให้รัฐบาลอีกเยอะครับ ขายได้มากก็เสียมากครับ
ไม่ต้องห่วงเลยว่า รัฐบาลจะไม่ได้เงินภาษี กฏหมายมันดักไว้หมดแล้วครับ
สถาณการณ์มันแตกต่างจากกรีซโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่แค่กรีซพวกประเทศยุโรปทั้งหมดที่มีปัญหาตอนนี้ คือธุรกิจของประเทศยุโรปไม่สามารถแข่งกับเอเซียได้
จริงๆปัญหามันเริ่มมานานเป็น 10 ปีแล้ว ทางยุโรปทราบดีว่าทวีปของตัวเองกำลังแย่เลยแก้ปัญหาแบบขอไปที โดยการตั้ง Euro zone
เพื่อเปลี่ยนไปใช้ค่าเงินใหม่เพื่อตรึงเศรษฐกิจไว้ อย่างน้อยก็ได้เป็น 10 ปี จนถึงทุกวันนี้ปัญหามันเริ่มชัดขึ้นมา เพราะมันไม่ได้รับการแก้ไขตั้งแต่แรก
ผลดูจากกราฟรู้สึกว่าเราเสียดุลการค้านะครับ หรือว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า เพราะ ไม่ได้จบการเงินมาครับ
http://www2.ops3.moc.go.th/ (http://www2.ops3.moc.go.th/)
-
หลายๆคนบอกว่ารัฐไม่มีทางถังแตกแล้วรู้สึกงงๆครับ ยังจำกันได้ไหมกับวิกฤตต้มยำกุ้ง นั่นละครับถังแตก ทุกคนยังเสียภาษีอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเงินในคลังของชาติหายไปไงครับ ผมว่าถ้าไปค้นๆดูก็จะรู้เรื่องกันละ
ส่วนเรื่องเงินภาษี บริษัทรถเหมือนจะจ่ายแต่ไม่ได้จ่ายนะครับ เค้าผลักภาระมาให้ผู้ซื้อแล้ว คือ ภาษีถูกรวมไปกับราคารถแล้ว ฉะนั้นเงินที่คืนมาคือส่วนของภาษีที่เราจ่ายไปพร้อมค่ารถ
สุดท้ายมุมมองส่วนตัวผมมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีคนเก่ง เพราะต้องโดนโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆไม่ได้เข้ามาทำงานในส่วนนี้ (ที่ผ่านมาจะมีอยู่ 3 กระทรวงหลักๆที่จะนำคนที่มีความสามารถโดยที่ไม่ดูว่าเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่เข้ามาทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศ ส่วนที่เหลือก็ตามกลไกไป)
วิกฤตต้มยำกุ้งสถานการณ์คนละเรื่องกับตอนนี้เลยครับ มันเอามาเทียบไม่ได้หรอก
ไม่ใช่ 40 ครับแต่เป็นกรีัซ เลยละครับ ต้นแบบที่ใช้ประชมนิยมอย่างหนัก ;D
ไม่เหมือนกรีซอีกเหมือนกันครับ อันนั้นเงินไหลออกนอกประเทศมากกว่าเข้าประเทศมานานแล้ว
ตั้งแต่ก่อนก่อตั้ง Euro zone อีกนะครับ มันใช้เวลาเป็น 10ปี กว่าปัญหาจะลุกลามจนแก้ไม่ได้
จะมาบอกว่าโครงการรถคันแรก จะทำให้ไปถึงจุดนั้นเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะเงินไม่ได้ไหลออกนอกประเทศ
- โครงการรถคันแรกยังไงก็เงินไหลครับ กำไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วก็ส่งกลับไปบริษัทแม่อยู่ดี มาอยู่บ้านนอกแบบผมแล้วจะซึ้งว่าถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นกรีซได้ แถวรีสอร์ตผมวัยรุ่นอยู่เฉยๆไม่ทำงานกัน พ่อ-แม่ก็ไม่ว่าอะไรจะเดี๋ยวรัฐก็เงินออกมาให้กู้ กู้ไปแล้วก็ไม่ส่ง เงินใหม่ก็กู้อีก ปล่อยไปแบบนี้อีกไม่นานก็ล่มจมล่ะครับ
- สถานการณ์ตอนนี้คือรัฐรายรับไม่พอรายจ่ายเยอะมาก มีทั้งนโยบายรถคันแรก,บ้านหลังแรก แถมด้วยลดภาษีนิติบุคคลจาก30%เหลือ23% ภาษีที่ควรจะเข้ารัฐหายไปบานเบิก
ผมว่าจะไม่เขียนแล้วนะแต่ ไม่อยากให้คนอื่นๆ กังวลกับโครงการนี้จนเกินเหตุนะครับ แล้วไปเทียบกับวิกฤตต่างๆ มันเป็นคนละเรื่องเลยนะ
ไม่เถียงครับว่ายังไงบริษัทแม่ของพวกธุรกิจต่างชาติมันต้องได้เงินอยู่แล้ว แต่!! งงไหมครับ ว่าทำไมประเทศเรายังอยู่ได้
ทั้งๆที่ รถก็ต่างชาติ หรือพวกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือ ก็ทำไม่เป็น ซื้อต่างชาติทั้งนั้น แล้วประเทศเราถึงไม่เสียดุลการค้า
ก็เพราะเรา มีรายได้จากการส่งออกมหาศาลครับ รายได้รองลงมาคือท่องเที่ยว ใช่ครับประเทศเรามีของดีไปขายประเทศอื่น
อีกอย่างบริษัทขายรถต้องเสียภาษีอย่างอื่นให้รัฐบาลอีกเยอะครับ ขายได้มากก็เสียมากครับ
ไม่ต้องห่วงเลยว่า รัฐบาลจะไม่ได้เงินภาษี กฏหมายมันดักไว้หมดแล้วครับ
สถาณการณ์มันแตกต่างจากกรีซโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่แค่กรีซพวกประเทศยุโรปทั้งหมดที่มีปัญหาตอนนี้ คือธุรกิจของประเทศยุโรปไม่สามารถแข่งกับเอเซียได้
จริงๆปัญหามันเริ่มมานานเป็น 10 ปีแล้ว ทางยุโรปทราบดีว่าทวีปของตัวเองกำลังแย่เลยแก้ปัญหาแบบขอไปที โดยการตั้ง Euro zone
เพื่อเปลี่ยนไปใช้ค่าเงินใหม่เพื่อตรึงเศรษฐกิจไว้ อย่างน้อยก็ได้เป็น 10 ปี จนถึงทุกวันนี้ปัญหามันเริ่มชัดขึ้นมา เพราะมันไม่ได้รับการแก้ไขตั้งแต่แรก
ผลดูจากกราฟรู้สึกว่าเราเสียดุลการค้านะครับ หรือว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า เพราะ ไม่ได้จบการเงินมาครับ
http://www2.ops3.moc.go.th/ (http://www2.ops3.moc.go.th/)
เราเริ่มจะเสียดุลการค้าหลังจากน้ำท่วมนะครับ เนื่องจากต้องสั่งซื้อเครื่องจักรเข้ามาใหม่เพื่อทดแทนของเก่าที่น้ำท่วมเสียหายครับ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด
-
ยังดีที่เห็นที่มาของข่าวก่อน ไม่งั้นคงเสร็จ! ;D
-
อ่านกระทู้นี้แล้วชัดเลยครับ ลบกระทู้ทิ้งดีกว่าจะได้ลืมๆกันไปว่าใครซัพพอร์ทใคร ใครอยู่ฝ่ายไหน คราวหลังจะได้ไม่มีปัญหากัน ::)
-
ผมใช้ตรรกะง่ายๆ ครับ
ภาษีคือสิ่งที่เราต้องจ่ายรัฐ
ถ้าหากรัฐไม่จัดเก็บภาษี ก็แปลว่ารัฐไม่ได้เสียเงิน แต่ไม่ได้เงินก็เท่านั้นครับ
งั้นถ้ารัฐสามารถหาเงินส่วนอื่นมาทำให้เกินดุลได้ ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาครับ
มันไม่สำคัญว่ารัฐจะใช้เงินอัดฉีดกับประชาชนในรูปแบบไหน ผมว่ามันสำคัญว่ารัฐรักษาดุลบัญชีได้หรือเปล่ามากกว่าครับ
-
นึกว่าจะจบแล้วกระทู้นี้ แต่อ่านแล้วอดตอบไม่ได้
เวลาพูดถึงต่างประเทศเขา กรุณาอย่าพูดความจริงแค่ครึ่งเดียวครับ ผมขออธิบายสั้นๆ ตามประสาผู้ที่ไม่ได้จบสายนี้มาโดยตรง(วิศวกรรม+MBA)
จริงที่ว่าปัญหายูโรโซนนั้นมันยืดเยื้อมาตั้งแต่สมัยก่อนและหลังฟองสบู่แตก
หลังจากการที่ยูโรโซนตกลงใช้สกุลเงินร่วมกัน ก็เกิดการกระตุ้นเศรษกิจอย่างหนัก
เงินนี่ยืมกันเป็นว่าเล่นเพื่อเอาไปกระตุ้นเศรษฐกิจตามกระแสทุนนิยมให้ประชาชน
จับจ่ายใช้สอยมากๆ แรกๆ ก็ดีอยู่หรอก มันช่วยรักษาเสถียรภาพทางการเงิน
ของพวกยูโรโซนทานอำนาจประเทศยักษ์ใหญ่ระดับโลก แต่ว่าแต่ละประเทศมีระบบ
การคลังเป็นของตัวเอง ขนาดเศรษฐกิจของแต่ละประเทศส่งผลโดยตรงกับประโยชน์ที่ประเทศ
นั้นจะได้รับจากสกุลเงินยูโร ดังนั้น ทุกประเทศ จึงดำเนินการอย่างหนักทั้งกู้ยืมเงินจากเพื่อนสมาชิก
ประเทศที่เงินมากก็ให้ยืม เงินน้อยก็ไปกู้ บางครั้งก็ไม่สนว่าประเทศตัวเองจะใช้จ่ายแบบขาดดุล
ทางการค้าแก่ประเทศอื่น(กรีซ) ทั้งปัญหาที่ตรึงเครียดกับตุรกีขณะนั้น และปัญหาภายในประเทศที่ต้องการ
ผลักดันแนวคิดพวกขวาจัดให้หมดไป การทุ่มงบให้ภาคเอกชนอย่างธนาคารต่างๆ ในประเทศเพื่อปกปิด
จำนวนเงินที่ตนได้ทำการกู้ยืมไว้ เพื่อให้สามารถกู้ยืมเงินเอามาใช้ทำตัวเลขเศรษฐกิจของตนเอง
ขอให้ตัวเลขเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนก็กู้ยืม จับจ่ายใช้สอยมากๆ
พอกู้กันมากๆ หนี้สินครัวเรือนก็พุ่ง เพราะนโยบายที่ทำให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากๆ(ประชานิยม) เพื่อรัฐจะได้มีรายได้
หนี้สาธารณะก็พุ่งเพราะไปยืมเขามา ทั้งออกพันธบัตรให้ต่างชาติและอื่นๆ จนหนี้สินล้นพ้นตัว
เกินกว่านี้ ถ้าชำระพร้อมดอกเบี้ยแล้ว จะไม่มีเงินใช้จ่ายในประเทศ(ถังแตก) จะไม่จ่ายก็ไม่ได้
เพราะมีผลต่อเครดิตส์ของประเทศ และส่งผลต่อประเทศผู้ให้ยืมด้วยเป็นลูกโซ่ยาวไปทั่วโลกแน่
จนต้องมาตกลงกันว่าถ้าจะให้ยืม กรีซจะต้องรัดเข็มขัดนะ... อย่าฟุ้งเฟ้อ เพื่อลดรายจ่ายรัฐ และเพิ่มรายได้รัฐ
ประชาชนซวยสิครับ พวกรวยๆ ไม่ได้โบนัส ภาษีถูกเก็บแพงขึ้น ประชาชนต้องทำงานหนักขึ้นและนานขึ้น
ทั้งต่อวันและอายุเกษียณงาน เงินบำนาญ พวกข้าราชการเงินเยอะก็ไม่ได้ พวกได้น้อยก็โดนลด บลาๆๆๆ
สาเหตุมันมาจากากรกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการให้ภาคครัวเรือนใช้จ่ายเยอะๆ เพื่อรัฐจะได้มีเงินเยอะๆ
เอาไปใช้จ่ายในภาคเอกชนเยอะๆ ตัวเลขเศรฐกิจเยอะๆ ก็ไปกู้ยืมเงินมาเยอะๆ เพื่อกระตุ้นภาคเอกชนเยอะๆ
ยืมไปยืมมา ไม่มีเงินจ่ายคืน เพราะ ทั้งขาดดุลการค้า ทั้งหนี้สินครัวเรือนพุ่งจึงลดการจับจ่ายใช้สอย
ผนวกผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกซึ่งเกิดจากสหรัฐ มันก็มาถึงจุดอิ่มตัว สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเหตุทั้งนั้น
พอเห็นภาพไหมครับ ผมก็ไม่รู้ว่าที่ไหนดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจลักษณะนี้บ้าง ให้ภาคครัวเรือนใช้จ่ายเยอะๆ
ทั้งลดราคาสินค้าบางชนิดให้คนจับจ่ายใช้สอย ทั้งรัฐซื้อสินค้าบางชนิดแพงขึ้น เหมือนเอาเงินไปให้ประชาชนให้จับจ่ายใช้สอย
สุดท้ายพอเงินไม่พอ ก็จะไปขอกู้ยืม แล้วก็เอามาทุ่มแบบเดิมอีกเป็นวงจร จนเต็มเพดาน สุดท้ายประชาชนซวย
รับกรรมมารับภาระรัดเข็มขัด
มันคงยังไม่เกิดขึ้นกับประเทศไทยครับ เพราะประเทศเราสอนให้ประชาชนตกปลา ไม่ใช่เอาปลาไปแจก :-\
-
เข้ามาเก็บความรู้ครับ
-
กระตุ้นเศรษฐกิจภายในมันก็ดีครับ
ถ้าเรายังเน้นส่งออก ให้ได้คงดุลไปได้
แต่อย่าลิมนะครับว่า สินค้าส่งออกเบอร์ 1 ของเรา ตอนนี้มีปัญหาครับ
ก็มาจาก ประชานิยมอีกชิ้นคือ 15,000 บาทครับ
ราคามันสูงเกินกว่า บางประเทศจะรับได้ หลุดวงเบอร์ 1 ผู้ส่งออกข้าวไปเรียบร้อย
ยิ่งอินเดียมาส่งออกได้เยอะอีก จบเห่....
จนถึงสิ้นเดือน ตุลาคม แล้วสต๊อกข้าวยังส่งออกไม่ใกล้เป้าเลย
และข้าวนาปีกำลังจะออกมาอีก ต้องหาเงินมาซื้อหรือจำนำกันอีกรอยแล้ว
น่าหนักใจการคลังของเราอยู่เหมือนกัน
-
ว่าแล้วน่ะแหละ
-
เห็นตัวเลขตอบกระทู้เกินร้อย ต้องกลับมาอีกรอบ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ
บ้านนี้ดีนะครับ เป็นแหล่งรวมสหสาขาวิชา ทั้งวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ นิติศาสตร์ วิทยาศาสตร์
ถ้าบ้านเมืองเราเป็นอย่างนี้ก็ดีสิครับ ทุกศาสตร์ร่วมมือกันในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างจริงจัง ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อมจริงๆ
กลับมาที่เรื่องรถคันแรก ล่าสุดโพลสำนักอะไรสักอย่าง ยกย่องให้กรุงเทพ เป็นเมืองที่รถติดที่สุดในโลก และมีสถิติใหม่มาบอกอีกว่ากรุงเทพมีรถมากกว่า capacity ของถนน 5 เท่า น่าชื่นใจนะครับ อิอิ
เห็นด้วยกับการส่งเสริมให้ใช้ขนส่งสาธารณ แต่ลองเหลียวมามองระบบขนส่งสาธารณะบ้าง ยกตัวอย่างต่างจังหวัดนะครับ
- หาดใหญ่- ชุมพร รถไฟ กำหนดรถเข้า 18.00 น มาจริง 20.00 น (หลายท่านบอกว่ามันเป็นมาตั้งกะปีมะโว้แล้ว) เป็นรถนอนที่นอนไม่ได้ เพราะรางเป็นคลื่น ใครนึกไม่ออกลองนึกถึงเส้นวิภาวดี เลนขวาสุดตั้งแต่แยกลาดพร้าวไปดอนเมืองนั่นละครับ
- ระยอง-กรุงเทพ รถปรับอากาศชั้นสอง (ดันขึ้นผิดเอง) ออกจากระยอง 12.00 น ถึงกรุงเทพ 18.30 น จะนั่งรถตู้ก็กลัวใจคนขับ รถปรับอากาศชั้นหนึ่งก็เต็มซะแล้ว
- กรุงเทพ ท่านที่อยู่กรุงเทพคงเข้าใจดี
ระบบขนส่งดีๆมีเยอะนะครับ แต่ยังไม่พอ เช่น รถไฟฟ้า รถปรับอากาศ พบว่าแน่นตลอด โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน ของดีคนก็สนับสนุนนะครับ ทำเยอะๆเถอะ เราน่าจะจริงจังกับระบบขนส่งสาธารณะกันซักทีนะครับ หากต้องการจะควบคุมจำนวนรถยนต์ โดยไม่ต้องไปส่งเสริมการเป็นหนี้เพื่อจะได้มีรถไว้ใช้เอง
-
ดูเหมือนคน กทม. หลายท่านจะค่นข้างมีปัญหากับนโยบายรัฐบาลนะครับ :D
-
ขอแจมด้วยคน ...อิอิ
เรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจ อันนี้ ผมยอมรับครับว่าได้ผลอย่างมากมาย ... โดยตรงกับตัวเอง.... โรงงานผมโดนน้ำท่วม ปิดตัวไป ผมตกงาน ....
ผมตัดสินใจเปิดบริษัทฯ ผลิตเครื่องจักรเกี่ยวกับยานยนต์ ... เชื่อไหม 7 เดือน ..... ชีวิตเปลี่ยนเลย .....
เอาล่ะนอกเรื่อง ทีนี้เข้าเรื่องบ้าง
เรื่องยึดรถ ที่ใครๆพูดถึง ....
การยื่นเอกสารคืนภาษี "จะต้องมีใบยอมสระสิทธิ์การขายรถ ภายใน 5 ปี ด้วยนะครับ"
คือ ใบเอกสารที่ทางไฟแนนท์ กับ ผู้เช่าซื้อเซ็นท์สัญญาตกลงกัน ว่า 5 ปีนี้ รถคันนี้จะถูกขาย หรือเปลี่ยนมือมิได้
พูดง่ายๆ ถ้าใครผ่อนไม่ไหว .... ไฟแนนท์ ก็ยึดไม่ได้ เพราะยึดไป ก็ไปขายเปลี่ยนคนเช่าซื้อไม่ได้ ดังนั้น ไฟแนนท์จะคะยั้นคะยอให้คุณต้องผ่อนมัน จนกว่าจะครบ 5 ปี
ลองวิเคราะดูครับว่า ใครซวย .... ประชาชนคนที่ผ่อนไม่ไหว ยิ้มหวานล่ะทีนี้ .... ลองไม่ต้องส่ง 4 ปีแรก ไฟแนนท์ก็ยึดไม่ได้ ไปผ่อนโน่น ปี ที่ 5 ยังได้เลย
-
แค่คืนภาษีรถยนต์ไม่เกินแสนต่อคันยังจะถังแตก แล้วประเทศอื่นที่ภาษีรถไม่แพงบ้าเลือดแบบประเทศไทยนี่
ทำไมเขาไม่ถังแตกหนอ :D :D :D
อธิบายให้ครับ
คือว่าประเทศเจริญแล้วทุกประเทศ ประชาชนเสียภาษีมากกว่าประเทศไทยทั้งนั้นครับ อย่ามองแต่ภาษีรถครับ ^^
ภาษีรถถือเป็นเรื่องเล็กมากครับ ถ้าเทียบกับภาษีอื่น เพราะรถมันไม่ได้ซื้อบ่อยๆ แต่ภาษีรายได้เสียตลอดครับ (แต่ประเทศเจริญแล้ว เสียภาษีรายได้แล้ว ชีวิตเขาดีขึ้นเยอะครับ ไม่เหมือนไทย จ่ายมันเข้าไปเหอะภาษี ถนนก็พัง สาธารณูปโภคก็ห่วย คนไทยถึงไม่อยากเสียภาษี ไม่อยากเสียตังอะไรให้รัฐไงครับ เพราะแมร่งเอาไป ประเทศก็ไม่เจริญขึ้นซักที)
จริงครับ แต่ผมมองว่าจะมาทุ่มเก็บภาษีรถบ้าเลือดอะไรขนาดนี้ มันไม่สมราคาไม่สมเหตุสมผลครับ
สินค้าอะไร ที่ผู้บริโภคซื้อก็ควรให้คนซื้อได้จ่ายในราคาที่เป็นธรรมเหมาะสมกับคุณภาพของสินค้าครับ
อย่างนี้อีกหน่อยสินค้าอย่างอื่นจะเก็บภาษีบ้าเลือดแบบรถยนต์อีกเราก็ไม่ต้องคัดค้านเหมือนกรณีรถเหรอครับ
เพราะจะอ้างว่ายังมีอย่างอื่นอีกที่เก็บภาษีน้อยกว่าต่างประเทศ
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะครับ