Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก ที่ ธันวาคม 17, 2012, 00:53:00
-
มาช่วยกันวิเคราะห์ทีครับ เพื่อนๆคิดว่ามันเป็นเพราะอะไร คนอเมริกันถึงนิยมรถญี่ปุ่นและรถอเมริกัน มากกว่ารถยุโรป อย่างแคมรี่ แอคคอร์ด ซีวิค ขายดีมากๆในอเมริกา
ในทางกลับกันรถญี่ปุ่นเหล่านี้กลับขายแทบไม่ได้เลยในยุโรป
วิธีคิดของฝรั่ง2ทวีปนี้มันต่างกันตรงไหน ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องของชาตินิยมแน่ๆว่าคนทวีปยุโรปต้องซื้อรถยุโรป และคนอเมริกันก็จะต้องแอนตี้รถยุโรป ผมว่าไม่ใช่ประเด็นนี้แน่ๆ
ส่วนเรื่องความเจริญ ทั้งฝรั่งอเมริกา และฝรั่งเชื้อชาติยุโรป ก็ถือว่าเจริญแล้วทั้งคู่ เรื่องเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารไม่ต้องเป็นห่วง พวกนี้เขาเหนือกว่าเราอีก
ทำไมรถสัญชาติญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าตลาดแห่งทวีปเอเชีย และ ทวีปอเมริกา ไม่สามารถเจาะตลาดยุโรปเพื่อทำยอดขายให้เหนือโฟล์กกรุ๊ป ,บีเอ็ม,เมอเซเดส ได้
และทำไมรถสัญชาติเยอรมันที่ได้ชื่อว่ามีคุณภาพสูงสุดในโลก ถึงไม่สามารถครองตลาดอเมริกาแทนรถญี่ปุ่นได้ เรื่องเงินในกระเป๋าของคนอเมริกาไม่ใช่ปัญหาแน่นอน เพราะคนชาตินี้ถือว่ามีการบริโภคสินค้าทีคิดเป็นมูลค่ามหาศาลที่สุดในโลก มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ1ของโลก ยุโรปก็ไม่อาจเทียบได้ แต่ทำไมคนอเมริกันกลับเลือกใช้รถโตโยต้า-ฮอนด้าแทนที่จะใช้เมอเซเดส-บีเอ็ม
อย่างคนไทยนี่ผมว่าที่รถญี่ปุ่นขายดีกว่าเพราะราคาล้วนๆ คนไทยมีรายได้น้อยเกินไป ตามราคาสินค้าไม่ทัน ถ้าบ้านในพอจะมีฐานะที่จะซื้อเบนซ์ได้ ก็ซื้อกันทั้งนั้น ยกเว้นบางครอบครัวที่รวยแต่อาจจะใช้จ่ายประหยัดก็มี แต่อเมริกาคนที่ซื้อเบนซ์ได้ส่วนมากกลับเลือกใช้รถญี่ปุ่น จะว่าคนอเมริกันชอบใช้ของห่วยก็ไม่ใช้ เพราะสินค้าอย่างอื่นที่่ขายดี ก็มักเป็นของพรีเมี่ยมทั้งนั้น
-
รถยุโรปในตลาดอเมริกาส่วนใหญ่จะไปเน้นในตลาด luxury car ครับ ซึ่งยอดขายดีกว่ารถอเมริกันในตลาดนั้น อย่างเบ็นซ์ Audi BMW ขายได้มากกว่า คาดิลแล็ค หรือ ลินคอร์น ซึ่งเป็นรถหรูค่ายหลักจากอเมริกา ส่วนรถญี่ปุ่นระดับนี้ก็มีแต่ Lexus ที่ยอดขายสูสีกันครับ
ในตลาดรถบ้าน รถยุโรปส่วนมากไปถึงแล้วจะติดตราเป็นรถอเมริกัน
ส่วนราคานั้นบอกได้ว่าแตกต่างกว่าที่คิดครับ เพราะรถยนต์ luxury ที่ขายในอเมริกาตั้งราคามาไม่แพงกว่ารถตลาดมากนัก แต่นั่นไม่รวมอ็อฟชั่นอะไรเลย
ยกตัวอย่าง BMW ซีรี่ส์ 3 อาจเริ่มที่ $35,000 กับ Camry ตัวท็อปที่ $30,000 ราคาซื้อบีเอ็มจริงๆ อาจจะ 45,000-50,000 ในขณะที่ Camry ก็ได้ครบราคานั้นเลย
อีกอย่างตลาดอเมริกาเน้นรถใหญ่เครื่องเบนซินครับ ซึ่งต่างกับตลาดยุโรป
ส่วนรถญี่ปุ่นทำไมขายสู้รถยุโรปในตลาดยุโรปไม่ได้ อันนี้ผมขอออกความเห็นมีเรื่องชาตินิยมบวกกับราคารถยุโรปที่พอๆกันกับรถญี่ปุ่นครับ
-
รถญี่ปุ่นขายไม่ดีในยุโรปเพราะรัฐบาลที่นั่นไม่สนับสนุนมากนักภาษีรถญี่ปุ่นเลยแพง ราคารถญี่ปุ่นกับรถยุโรปราคาใกล้เคียงกัน ยังไงก็ต้องเลือกรถยุโรป
รถยุโรปขายสู้รถญี่ปุ่นในอเมริกาไม่ได้เพราะราคารถญี่ปุ่นถูกกว่า ส่วนคนอเมริกาเวลาเดินทางจะเดินทางไกลเลยต้องการรถคันใหญ่ๆเครื่องใหญ่ๆในการขับข้ามรัฐ รถอเมริกาเลยขายดี
-
คนมะกันเปลี่ยนความคิดมาหารถที่ดูแลรักษาง่ายๆครับ พังก็ขายทิ้งหรือซ่อมเองได้ไม่ยาก นอกนั้นจะเป็นพวกที่หัวเก่าหน่อยที่ยึดติดแบรนด์อย่าง GM ,Ford พวกแบรนด์ยุโรปเลยเข้ามายากแต่ปัจจุบันก็เข้าไปได้แล้ว
-
ขอตอบเน้นที่อเมริกานะครับ เพราะเคยไปแลกเปลี่ยนมา พอจะเห็นการใช้ชีวิตของคนที่โน่นครับ
- อย่างแรกครับ ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นแพงมากครับ มีเงินพอซื้อรถแต่มีเงินพอจ่ายภาษี ค่ากินอยู่ ค่าอะไรต่างๆ รึเปล่า ค่าดูแลรักษารถ อย่างเช่น น้ำมันเครื่อง ใส้กรอง อะไรต่างๆ บางทีรถเสียยังหาทางซ่อมเองเลยครับ สู้ค่าแรงที่สูงมากๆไม่ไหว รถญี่ปุ่นดูแลง่าย ไม่ยุ่งยากเหมือนรถยุโรปครับ คนอเมริกันเลยสนใจรถยุโรปน้อยกว่า เงินออกรถมันน้อยมาก เทียบกับค่า ภาษี ประกัน และ ค่าดูแลรักษาครับ ประมาณว่า ถ้าไม่รวยจริงเข้าอู่ได้ตลอด เงินเก็บมากๆเค้าก็ไม่ซื้อครับ ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ได้รวยขนาดนั้นครับ การกินอยู่อาจจะดีก็จริง แต่ถ้าเทียบกับพวก GDP แล้วก็ถือว่าไม่รวยครับ ออกบ้านๆซะส่วนใหญ่
- อย่างที่สอง คนอเมริกันจะมีนิสัย ไม่ค่อยละเอียดอ่อน(สังเกตได้เลย รถประกอบในอเมริกา QC จะไม่ค่อยดี) ประมาณว่า คุณภาพเป็นยังไงก็ช่าง ตูขอใหญ่ไว้ก่อน รถอเมริกัน พวกกระบะใหญ่ๆ SUV ยักษ์ๆ นี่ยิ่งเท่ห์ครับ ขับข้ามเมือง ข้ามรัฐ ขึ้น highway เลนใหญ่ ถนนใหญ่ วิ่งสบาย คันใหญ่มั่นใจกว่า น้ำมันราคาไม่แพงเทียบกับค่าครองชีพ ฉะนั้น เครื่องก็ขอใหญ่ๆเหมือนกัน รถยุโรปไม่ได้มีรถขนาดนี้มากนัก ยกเว้น Range Rover Q7 GL อะไรพวกนั้น(ขนาด X5 XC90 ยังถือว่าเป็นแค่ mid-size เลยครับ) ตรงนี้รถอเมริกันได้ไปครับ
- อย่างที่สาม คนอเมริกันไม่ได้ใช้รถเพื่อแสดงถึงฐานะ ไม่ยึดติดแบรนด์ครับ ใช้รถเหมือนของใช้ ไม่ใช่ของโชว์ ต้องการรถที่ใช้งาน รถญึ่ปุ่นเอง รถอเมริกันเอง ได้เปรียบเพราะราคาสมเหตุสมผล ใช้แล้วขายทิ้งได้ไม่เสียดาย
- อย่างที่สี่ ถ้าเทียบเฉพาะตลาดที่รถยุโรปเป็นที่รู้จัก คือพวก premium จะเห็นได้ว่า BMW และ Audi ขายดีกว่า Lexus Acura Lincoln Cadillac พวกนั้นครับ อย่างที่บอกว่า อเมริกันเป็นคนไม่ละเอียด รถหรูพวก Cadillac Lincoln บางทีจะได้แต่รูปลักษณ์ วัสดุ แต่พวกงานประกอบนี่ พอๆกับรถตลาดเลยครับ
-อย่างที่ห้า ถึงมีเงิน แต่ ราคาก็ต่างกันเยอะอยู่ อย่างที่ท่านข้างบนบอกไว้ Camry ประมาณ $30000 กว่าๆ ก็ได้ออพชั่นจัดเต็ม ในขณะที่ series 3 เริ่มต้นที่ $30000 กว่าๆ แต่ออพชั่นแทบจะไม่มี สั่งเพิ่มไปๆมา ราคา $50000 ไม่รู้ตัว
สรุป ถึงจะมีเงินซื้อ แต่คนอเมริกันส่วนใหญ่เค้าไม่ได้ต้องการ แบรนด์ ความหรูหรา premium อะไร ชอบของใหญ่ๆ ออพชั้นเยอะ งานประกอบแย่หน่อยก็ไม่เป็นไร ขอวิ่งได้เป็นพอ แล้วเค้าจะจ่ายเงินที่เท่ากัน ได้รถญี่ปุ่น ใหญ่ๆ ออพชั่นเต็ม ไปเอา รถยุโรป เล็กกว่า ออพชั่นน้อยกว่าทำไมล่ะครับ
ปล. ที่ไปอยู่มาครับ ค่าอาหาร และ พวกค่าดูแลรักษาสุขภาพสำคัญมากๆครับ ส่วนใหญ่จะเก็บเงินไว้ใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าพวกนี้มากกว่า ค่าแรงแพงมากๆ เติมลมไนโตรเจนก็อาจจะเป็นพัน(บาท)ได้ :o
ยาวไปหน่อยแต่อยากเขียนให้ละเอียด แต่อาจจะไม่ค่อยเห็นภาพเพราะผมอยู่วิศวะ ไม่ได้เรียนเกียวกับการเงิน เศรฐกิจเลยไม่รู้จะเขียนอธิบายยังไงครับ :D
-
ขอตอบเน้นที่อเมริกานะครับ เพราะเคยไปแลกเปลี่ยนมา พอจะเห็นการใช้ชีวิตของคนที่โน่นครับ
- อย่างแรกครับ ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นแพงมากครับ มีเงินพอซื้อรถแต่มีเงินพอจ่ายภาษี ค่ากินอยู่ ค่าอะไรต่างๆ รึเปล่า ค่าดูแลรักษารถ อย่างเช่น น้ำมันเครื่อง ใส้กรอง อะไรต่างๆ บางทีรถเสียยังหาทางซ่อมเองเลยครับ สู้ค่าแรงที่สูงมากๆไม่ไหว รถญี่ปุ่นดูแลง่าย ไม่ยุ่งยากเหมือนรถยุโรปครับ คนอเมริกันเลยสนใจรถยุโรปน้อยกว่า เงินออกรถมันน้อยมาก เทียบกับค่า ภาษี ประกัน และ ค่าดูแลรักษาครับ ประมาณว่า ถ้าไม่รวยจริงเข้าอู่ได้ตลอด เงินเก็บมากๆเค้าก็ไม่ซื้อครับ ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ได้รวยขนาดนั้นครับ การกินอยู่อาจจะดีก็จริง แต่ถ้าเทียบกับพวก GDP แล้วก็ถือว่าไม่รวยครับ ออกบ้านๆซะส่วนใหญ่
- อย่างที่สอง คนอเมริกันจะมีนิสัย ไม่ค่อยละเอียดอ่อน(สังเกตได้เลย รถประกอบในอเมริกา QC จะไม่ค่อยดี) ประมาณว่า คุณภาพเป็นยังไงก็ช่าง ตูขอใหญ่ไว้ก่อน รถอเมริกัน พวกกระบะใหญ่ๆ SUV ยักษ์ๆ นี่ยิ่งเท่ห์ครับ ขับข้ามเมือง ข้ามรัฐ ขึ้น highway เลนใหญ่ ถนนใหญ่ วิ่งสบาย คันใหญ่มั่นใจกว่า น้ำมันราคาไม่แพงเทียบกับค่าครองชีพ ฉะนั้น เครื่องก็ขอใหญ่ๆเหมือนกัน รถยุโรปไม่ได้มีรถขนาดนี้มากนัก ยกเว้น Range Rover Q7 GL อะไรพวกนั้น(ขนาด X5 XC90 ยังถือว่าเป็นแค่ mid-size เลยครับ) ตรงนี้รถอเมริกันได้ไปครับ
- อย่างที่สาม คนอเมริกันไม่ได้ใช้รถเพื่อแสดงถึงฐานะ ไม่ยึดติดแบรนด์ครับ ใช้รถเหมือนของใช้ ไม่ใช่ของโชว์ ต้องการรถที่ใช้งาน รถญึ่ปุ่นเอง รถอเมริกันเอง ได้เปรียบเพราะราคาสมเหตุสมผล ใช้แล้วขายทิ้งได้ไม่เสียดาย
- อย่างที่สี่ ถ้าเทียบเฉพาะตลาดที่รถยุโรปเป็นที่รู้จัก คือพวก premium จะเห็นได้ว่า BMW และ Audi ขายดีกว่า Lexus Acura Lincoln Cadillac พวกนั้นครับ อย่างที่บอกว่า อเมริกันเป็นคนไม่ละเอียด รถหรูพวก Cadillac Lincoln บางทีจะได้แต่รูปลักษณ์ วัสดุ แต่พวกงานประกอบนี่ พอๆกับรถตลาดเลยครับ
-อย่างที่ห้า ถึงมีเงิน แต่ ราคาก็ต่างกันเยอะอยู่ อย่างที่ท่านข้างบนบอกไว้ Camry ประมาณ $30000 กว่าๆ ก็ได้ออพชั่นจัดเต็ม ในขณะที่ series 3 เริ่มต้นที่ $30000 กว่าๆ แต่ออพชั่นแทบจะไม่มี สั่งเพิ่มไปๆมา ราคา $50000 ไม่รู้ตัว
สรุป ถึงจะมีเงินซื้อ แต่คนอเมริกันส่วนใหญ่เค้าไม่ได้ต้องการ แบรนด์ ความหรูหรา premium อะไร ชอบของใหญ่ๆ ออพชั้นเยอะ งานประกอบแย่หน่อยก็ไม่เป็นไร ขอวิ่งได้เป็นพอ แล้วเค้าจะจ่ายเงินที่เท่ากัน ได้รถญี่ปุ่น ใหญ่ๆ ออพชั่นเต็ม ไปเอา รถยุโรป เล็กกว่า ออพชั่นน้อยกว่าทำไมล่ะครับ
ปล. ที่ไปอยู่มาครับ ค่าอาหาร และ พวกค่าดูแลรักษาสุขภาพสำคัญมากๆครับ ส่วนใหญ่จะเก็บเงินไว้ใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าพวกนี้มากกว่า ค่าแรงแพงมากๆ เติมลมไนโตรเจนก็อาจจะเป็นพัน(บาท)ได้ :o
ยาวไปหน่อยแต่อยากเขียนให้ละเอียด แต่อาจจะไม่ค่อยเห็นภาพเพราะผมอยู่วิศวะ ไม่ได้เรียนเกียวกับการเงิน เศรฐกิจเลยไม่รู้จะเขียนอธิบายยังไงครับ :D
ตัวจริงเลยครับ
ผมเห็นด้วยนะที่ฝรั่งเค้าไม่ยึดถือแบรนด์เท่าไหร่เลย
ไม่เหมือนพี่ไทยเรา
-
คนเมกันซื้อรถที่เหตุผล ใหญ่ ยาว ทน ถึก ถูก
ยุโรปซื้อรถที่อารมณ์
ต้องหรู สวย ดูดี มีดีไซน์
-
ยังงัยรถยุโรบมันก้อ ดีที่สุด แพงสุด และซ่อมแพงสุดสินะ 55 แต่มันก้อเหนือกว่ารถอเมกันจริงๆ 8)
-
สั้น ๆ ได้ใจความ "รสนิยม" ครับ ;D
-
บางทีเคยเห็นคนอเมริกัน เขาคอมเมนต์ว่า
พวก VW ไม่ Reliable ก็ไม่รู้อคติไหมนะ
-
เวลาซื้อรถที่อเมริกา เค้าจะดูความน่าเชื่อถือของตัวรถ กับ ปัญหาต่าง ๆ พบว่าตามสถิติของบริษัทประกันต่างๆ
รถยุโรปจะมีอัตราการเคลม มากกว่า ญี่ปุ่น และมักพบเป็นจากระบบไฟฟ้า และ ระบบขับเคลื่อน
และการเข้าเคลมแต่ละครั้งก็มีค่าใช้จ่ายแฝงอยู่ด้วย และจะมีการบันทึกอย่างละเอียด ว่ารถมีปัญหาอย่างไร ซึ่งส่งผลต่อราคาขายต่อในอนาคตอีก
-
ได้ความรู้ครับ :)
-
ผมเคยมีเพื่อนเป็น America ครับ
เค้าเรียนอยู่ อายุเท่าผมเลย 17 ปี......เค้าคิดจะซื้อรถคันแรก....ไปๆ มาๆ ก็มาจบที่ Genesis Coupe ครับ
ทั้งๆ ที่ตอนแรกมองทั้ง 911 Boxter M3 มือ 2 GTR มองไว้เยอะมากครับ
สรุป จบที่ Genesis coupe เพราะว่า ราคารถไม่แพงมาก ค่าบำรุงรักษาถูก อะไหล่เยอะ ได้ประกันเยอะ....แค่นี้เองล่ะครับ
เหตุผลของเค้า ถึงแม้ว่า Genesis งานประกอบจะไม่ดีเท่าที่กล่าวมาก็ตาม.....
ผมถามต่อไปว่า ทำไมไม่เอารถที่เป็นสัญชาติ อเมริกันบ้าง เค้าบอกว่า รถอเมริกัน ซดน้ำมัน.....แค่นี้เองครับ
ที่ไม่เอารถญี่ปุ่น เพราะ ดีไซน์ไม่สวย :)
-
อ้างจาก: Parinceo ที่ วันนี้ เวลา 03:03:48
- อย่างที่สอง คนอเมริกันจะมีนิสัย ไม่ค่อยละเอียดอ่อน(สังเกตได้เลย รถประกอบในอเมริกา QC จะไม่ค่อยดี) ประมาณว่า คุณภาพเป็นยังไงก็ช่าง ตูขอใหญ่ไว้ก่อน รถอเมริกัน พวกกระบะใหญ่ๆ SUV ยักษ์ๆ นี่ยิ่งเท่ห์ครับ ขับข้ามเมือง ข้ามรัฐ ขึ้น highway เลนใหญ่ ถนนใหญ่ วิ่งสบาย คันใหญ่มั่นใจกว่า น้ำมันราคาไม่แพงเทียบกับค่าครองชีพ ฉะนั้น เครื่องก็ขอใหญ่ๆเหมือนกัน รถยุโรปไม่ได้มีรถขนาดนี้มากนัก ยกเว้น Range Rover Q7 GL อะไรพวกนั้น(ขนาด X5 XC90 ยังถือว่าเป็นแค่ mid-size เลยครับ) ตรงนี้รถอเมริกันได้ไปครับ
ตัวอย่าง ขนมไทย คนไทยจะซื้อที่สวย และอร่อย ถึงแม้จะเป็นร้านเดียวกัน ถ้าเป็นพี่กัน เขาจะดูที่จำนวนและน้ำหนักเลย คือจะกินขนมอันนี้เหมือนกันแต่จะเอาที่ถูกหรือได้เยอะกว่าเลย ไม่สนการตกแต่งเลย ไม่ให้เงินส่วนเกินกับความสวยงามเลย หุหุ