Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: P_Wut ที่ ตุลาคม 22, 2009, 16:31:38
-
เมื่อวาน ได้ไปลองขับ Mitsu Lancer EX 2.0 GT มาครับ ได้ลองขับราวๆ ครึ่งชั่วโมง
ทั้งถนนนอกเมือง / ไฮเวย์ 4 เลน แล้วก็วนในเมืองนิดหน่อย แต่ได้ผ่านถนนขรุขระมาพอสมควร
รถคันนี้ เพิ่งวิ่งมาได้แค่ 3xx กม. เท่านั้น สรุปสั้นๆ เลยละกัน เอาเฉพาะที่ผมจับความรู้สึกมาได้ชัดๆ หน่อย
1. เครื่องยนต์กับเกียร์ (น้ำมันโซฮอล 95 ปตท.)
1.1 อัตราเร่ง 0-120 กม/ชม (ทำแค่ครั้งเดียว จับจากมาตรวัดความเร็วในรถ ถนนยางมะตอยผิวเปียกเพราะฝนเพิ่งหยุด)
0-40 4.32
0-60 5.86
0-80 8.22
0-100 11.14
0-120 14.44
1.2 อัตราเร่ง 80-120 กม/ชม (ทำแค่ครั้งเดียว จับจากมาตรวัดความเร็วในรถ ถนนยางมะตอยผิวเปียกเพราะฝนเพิ่งหยุด)
80-100 4.67
80-120 8.26
อัตราเร่งที่ออกมา คิดว่า ไม่ถึงกับดีเลิศนะครับ อยู่ในเกณฑ์ของรถระดับนี้ เครื่องเบนซิน 2.0 ทั่วไป
แต่ถ้าคิดว่า มันจับคู่กับเกียร์ CVT ด้วยแล้ว อาจจะได้คะแนนน้อย / ติดลบด้วยซ้ำ (มันน่าจะดีกว่านี้)
1.3 เกียร์ CVT
ก็ตามสไตล์เกียร์ CVT นะ คือ ไม่มีสเต็ปในการเปลี่ยนเกียร์ เวลาเหยียบลงไป รอบเครื่องกับเสียงจะมาก่อน แล้วความเร็วเพิ่ม จะตามมา
ตัว Triptronic ที่เกียร์กับ Paddle Shift ผมไม่ได้สนใจนัก เพราะเวลาน้อยครับ ไม่ได้ลองจริงๆ จังๆ
แต่ที่น่าติเล็กน้อย คือ จังหวะถอนคันเร่ง หลัง Kick down (หลังจับเวลาเร่งแซงเลย 120 แล้ว) มันกระตุกแรงพอสมควร ซึ่งไม่น่าเกิด
ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไม ทำ 2 ครั้ง (จับเวลา) ก็เป็นทั้ง 2 ครั้ง
-
2. พวงมาลัย / ช่วงล่าง
พวงมาลัยค่อนข้างหนักแน่นดีครับ เวลาวิ่งในเมือง มันไม่เบาหวิว แต่ก็ไม่หนักแรงมือ
แต่เวลาวิ่งเร็ว ก็หนืดดี เหยียบไปถึง 120 ท่ามกลางถนนเปียกๆ ก็ไม่รู้สึกว่า ความมั่นใจมันน้อยลงสักนิด
รวมทั้ง พวงมาลัยคมพอสมควร แต่ตรงนี้ คิดว่า เพราะยางแก้มเตี้ย 215/45 น่าจะเป็นตัวให้ความคมในการเลี้ยว หรือเปลี่ยนเลน ซะมากกว่า
ช่วงล่าง หนึบ ไม่รู้สึกว่า มันหวิวๆ แบบ Altis 1.8 ที่เคยลอง แต่ถึงจะหนึบ และใส่ยางแก้มเตี้ย ก็ยังนุ่มนะ
เวลาวิ่งผ่านถนนขรุขระ (ถนนลาดยางที่มีรอยซ่อมทับแบบไม่เรียบร้อย) ก็ไม่ได้รู้สึกกระด้าง/สะเทือนสักเท่าไหร่เลยครับ
เป็นสิ่งที่ค่อนข้าง surprise ผมพอสมควร
** คิดว่าหลายคนอยากให้เทียบกับ Civic หรือ Altis 2.0 แต่ผมบอกไม่ได้ครับ เพราะ Civic ไม่ได้ขับนานแล้ว จำไม่ได้
ส่วน Altis 2.0 บอกตามตรงว่า ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะตอนที่ลองขับ เหมือนว่า ช่วงล่างมันไม่ค่อยแตกต่างจาก 1.8 เท่าไหร่เลย
3. การเก็บเสียง / ความปราณีตในการประกอบ
เสียงจากเครื่อง จากลมผ่านตัวถัง ผมว่า ปานกลาง ไม่เงียบ แต่ก็ไม่ดังมาก แต่ที่ค่อนข้างชัดหู จะเป็นเสียงยางบดถนนจากซุ้มล้อหลัง
ส่วนนึงอาจเป็นเพราะยางที่ใส่ติดรถ มันคงแนวสปอร์ต (ก็แก้มเตี้ย 45 เอง) ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าเป็น 1.8 ที่ใส่ยาง 16" จะเงียบกว่านี้แค่ไหน
ส่วนที่ผมค่อนข้างไม่ค่อยพอใจ เป็นเรื่องความปราณีตในการประกอบ ไม่ต้องไปรื้อดูอะไรมาก เอาแค่ที่เห็นได้ด้วยตา เวลานั่งขับ / นั่งแถวหลัง
รอยต่อพลาสติกแต่ละชิ้นที่ติดกัน ยังไม่ค่อยเนี้ยบเท่าไหร่ จะหารอยต่อระหว่างชิ้นที่ราบเรียบ ไม่เผยอเข้า-ออก หาเจอยากจัง
แถมคิ้วกระจกหลังด้านขวาด้านนอก ของคันที่ผมขับ มันเผยอออกมาด้วย กด/ขยับเท่าไหร่ก็ไม่หุบลงไป
-
ขอบคุณคับ จิงๆ นึกว่า 2.0 จะได้เลขออกมาสวยกว่านี้อีกซักหน่อยเนาะ หรือเพราะว่ารถยังไม่รันอิน คับ?
-
ขอบคุณมากครับ
-
ผมก็ได้ไปลองขับมาคับ ที่ดอนเมือง ลองแค่5นาทีเองง่ะ - -
เห็นเขาบอกกันว่า รุ่น 2.0 GT ประหยัดน้ำมันกว่า civic 2.0 อีกนะคับ
เพราะ 2.0 GT วิ่งความเร็ว 100 กม./ชม. รอบเครื่องยังไม่ถึง 2000ดีเลยคับ
ส่วน civic 2.0 นั้น ปาเข้าไป 2100 แหนะ
ผมไม่ชอบรุ่นนี้ก็ตรง ประตูอ่ะคับ ใช้พลาสติก ไม่ดีอ่ะคับ การประกอกไม่เนียบ จิงๆ
แล้วก็ แอร์ อ่ะ ชอบ ดิจิตอล มากกว่า ส่วนๆอื่นๆ เช่น ช่วงล่าง เบรก ถือว่าใช้ได้ดีเลยทีเดียว
ติดที่ห้องโดยสารนี่แหละคับ ออกแบบมากไม่สวยเหมือนภายนอกเลย หุหุ
-
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นที่ได้ลองขับมาครับ
ผมน่ะ ยังไม่ได้ขับเลย อยากลองเหมือนกัน แต่ไม่กล้าวิจารณ์อะไรเพราะยังไม่ได้เห็นตัวจริง
ส่วนตัวชอบรูปทรงภายนอกมากครับ แต่เฉยๆกับภายใน การประกอบนี่ต้องลองไปสังเกตดูตามที่พวกท่านบอก
กันมา แต่อาศัยจากเคยเห็นใน Lancer ตัวเก่า ผมรู้สึกว่าพลาสติกหรือการขยับของชิ้นส่วนบางส่วน หรือการเก็บงานตามช่องแอร์ ลิ้นชักเปิดปิดต่างๆ มันน่าจะดีกว่านี้หน่อย แต่อาจจะเป็นเพราะผมเรื่องมากก็ได้ครับ
-
อืดกว่าที่คิดแฮะ 8)
ถ้าแรงกว่านี้อีกนิดก็จะดีไม่ใช่น้อย ;D
-
ขอบคุณคร้าบบบพี่
-
ผมว่ารุ่นใหม่นี่ภายนอกสวยมากเลย
แต่ภายในจืดสนิท
แถมพลาสติกภายในประกอบไม่เรียบร้อยเท่าไหร่อีกอะ ( จากคันที่ได้ลองเข้านั่งเล่นนะครับ )
-
ไม่จี๊ดจ๊าดเลยนะเนี่ย....
-
คงอยากให้ประหยัดมั้งครับ เลยไม่ให้จี๊ดเท่าไหร่ ถ้าประหยัดจริงแค่นี้ก็ได้แล้วนะ น้ำมันยิ่งแพงๆอยู่
-
ผมว่าเหมือนเป็นธรรมชาติของมิตซูเลยนะ ไอ้แบบเนี้ย ตามความรู้สึกของผมนะครับ
คือทุกอย่างมักจะโอเค แต่ Interior ในรถตระกูลแลนเซอร์นี่ แต่ไหนแต่ไร ผมก็ว่ามันเฉยๆ ถึงขั้นบางรุ่นผมว่าก๊องแก๊ง
อย่าง Ecar ถ้าเทียบกับรถสมัยนั้น ผมว่ามันก็ดูไม่ค่อยน่าขับนะภายในน่ะ (แต่คอนโซลสวยดี)
ซีเดีย ก็อย่างที่ทราบๆกัน มาถึงรุ่นนี้ ก็คงจะเป็นแบบเดิม ฮ่าๆ
-
ลองถามทางตัวแทนจำหน่ายที่คุณวุฒิไปลองรถมาดูครับว่าเขาเติมน้ำมันอะไรให้
เพราะน้มันที่เติม อาจมีผลให้ตัวเลขดีขึ้นหรือแย่ลงนิดนึงได้ครับ
-
ลองถามทางตัวแทนจำหน่ายที่คุณวุฒิไปลองรถมาดูครับว่าเขาเติมน้ำมันอะไรให้
เพราะน้มันที่เติม อาจมีผลให้ตัวเลขดีขึ้นหรือแย่ลงนิดนึงได้ครับ
เขาเติมโซฮอล์95 ปตท. น่ะ เห็นเขียนไว้ก่อนรายละเอียดอัตราเร่ง
อันที่จริง 11 วิผมมองว่าไม่แย่นะ เพราะล่อเข้าไปล้อ 18นิ้ว ในบรรดาพรรคพวกตัวเท่ากัน
ไม่มีใครให้โตเท่านี้เลย ผมมองว่ามันคือความเท่ห์แลกกับการที่เครื่องต้องออกแรงหมุนล้อมากขึ้น
แม้ว่าจะใช้ระบบส่งกำลังแบบ CVT ซึ่งหลายคนมองว่าน่าจะขจัดปัญหาเรื่องล้อเล็กล้อใหญ่ไปได้
แต่เท่าที่เคยลองมา ต่อให้เป็น CVT ขนาดและน้ำหนักของล้อมีผลต่ออัตราเร่ง 0-100 ได้ราว 0.2-0.5วินาที
ไอ้ผมก็ไม่กล้าไปถอดล้อรถโชว์เขามาชั่งน้ำหนัก แต่ผมสังเกตว่าล้อที่ขนาดโตมากและจำนวนซี่มากๆ
มักจะมีน้ำหนักเยอะ ดังนั้นถ้า 11.14 วินาที ด้วยน้ำมันโซฮอล์ 95 และล้อ 18 นิ้ว เทียบกับ Civic FD 2.0 ที่จิมมี่เคยทดสอบไว้เมื่อหลายปีก่อน ใช้น้ำมัน 95เพียว ล้อ 16 นิ้ว ได้เวลาเฉลี่ย 10.38 วินาที
ยิ่ง Civic 2.0 พอไมเนอร์เชนจ์แล้วใส่ล้อขอบ 17 ผมยังไม่เคยวัดเวลาเลยว่าเท่าไหร่ แต่ถ้าให้เดาตอนนี้ ถ้าเราเอารถทั้งคู่มาจากโรงงานแล้ววัดโดยใช้น้ำมันและสถานที่เดียวกัน ผมขอเดาแบบพยายามไม่มั่วว่า 0-100 Lancer น่าจะช้ากว่าอยู่ราว 0.4 วินาที
แต่ที่แน่ๆ ไม่ต้องสืบถ้าไปเทียบกับสิงห์ไฟต้นอย่าง Focus TDCi อันนั้นต้นแรงจริงๆครับ
-
ผมว่าถ้าถนนแห้งสนิทอัตราการเร่งน่าจะดีกว่านี้ครับ
-
ที่มันช้าเพราะเกียร์ไม่ได้ทด 2.349 ไปจนถึง Redline แล้วจึงค่อยๆปรับอัตรทดให้ลดลงหรือเปล่าครับ?
Since we noticed the engine reached redline quicker in Manual mode (at 45 mph instead of 75 mph in "Drive"),
we left it there until the top of 1st gear, then switched over to Drive to complete the rest of the quarter-mile,
cutting a second from our time in Drive-only mode. (http://www.insideline.com/mitsubishi/lancer/2008/full-test-2008-mitsubishi-lancer-gts.html)
และถ้าไปเทียบกับ Civic 2.0 ผมขอเสริมคุณ Commander Cheng อีกประเด็นคือเรื่องน้ำหนักรถ
เห็นตัวเลขน้ำหนัก Lancer GT อยู่ที่ 1375 kg ขณะที่ Civic 2.0 หนัก 1290 kg ห่างกัน 85 kg
น่าจะทำให้ตัวเลขออกมาช้ากว่าพอควร
แต่ยังไงคงต้องรอผลการทดสอบที่ใช้มาตรฐานเดียวกันจากคุณ J!MMY
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ปล.FD Minor 1.8ล้อ17"ผมทดสอบ0-100km/hr(นน.120kg 2คน)ยังได้11.2sเลยครับ โซฮอล95นะครับ
-
แลนเซอร์ตัวท๊อปล้อขอบ18น่ะสิครับ คู่แข่งล้อวงเล็กกว่าทั้งนั้น น่าจะมีส่วนที่อัตราเร่งด้อยกว่าหน่อย แต่ต้องรอรีวิวคุณจิมมี่ ต้องวัดหลายๆรอบหาค่าเฉลี่ยครับ
-
..เห็นด้วยเรื่องงานประกอบครับ ผมไปดูมารู้สึกว่ายังไม่เนียนเท่าไหร่ งานหลายๆ ส่วนไม่เรียบร้อยเลยครับ (ภายในนะครับ)
หวังว่าล๊อตต่อๆ มาจะดีขึ้นนะคร๊าบบบ..
ส่วนเรื่องอัตราเร่งเนี่ย ผมก็เดาๆ ไว้เหมือนกันว่า คงอืดกว่า Civic แน่ๆ เพราะแค่เรื่องน้ำหนักรถก็มากกว่ากันร่วมๆ 100 โลแล้ว
แล้วยังมีปัจจัยอื่น เช่นเรื่องเกียร์ CVT อีก
แต่ก็ยัง ไม่มีโอกาสได้เทสต์ไดร์ว สักที ว่าเร็วๆ นี้จะไปลองสักหน่อย
แต่ผมก็เดาๆ ไว้อีกเหมือนกันว่า 1.8 ก็คงอืดกว่าซีวิคอยู่ดีแหละครับ
แต่ถึงมันมีข้อเสียให้ติเพราะไปดูมาแล้ว ก็ยังคิดจะซื้อมันอยู่ดีแฮะ...ไม่รู้ยังไง ;D ;D ;D
-
ปกติ ที่เคยลองขับคันอื่น โดยมากจะไม่รู้ว่า น้ำมันชนิดอะไรครับ
เพราะตอนได้ลอง น้ำมันมันจะมีเหลือพอ พร้อมให้ลองขับอยู่แล้ว
ถามเซลส์ ส่วนมากก็ไม่รู้ครับ
แต่คันนี้ ตอนไปลอง น้ำมันมันจะหมดถังพอดี สัญลักษณ์ไฟเตือนน้ำมันหมด ขึ้นกลางหน้าจอเลย
เซลส์เค้าก็เลยไปเอาใบเบิก ซึ่งเป็นของปั๊ม ปตท. ฝั่งตรงข้ามศูนย์
ผมเป็นคนระบุเลยว่า เติมโซฮอล 95 นะ เพราะปั๊มนี้ไม่มีเบนซิน 95
จะให้เติมเบนซิน 91 ก็คิดว่า ไม่น่าจะเหมาะ เอาออกเทนสูงสุดที่มีเติมเข้าไปนี่แหละ น่าจะดีที่สุดแล้ว
-
ตอนผมไปลองซิตี้ ใกล้หมด เค้ายังเฉยๆเลยครับ - -"
-
น่าลอง ๆ คันจริงสวยกว่าในรูปเยอะเลย