Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ぼくは"P.P."です ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2013, 01:15:02
-
ถามอีกทีครับ55555
คราวนี้ผมจะมาบอกว่ามันยังคาใจอยู่ครับ :P
พอดีมันจะเป็นรถคันแรกของผม(แบ่งกันใช้กับแม่อยู่ดี5555)
พอดีปลายปีนี้ผม18พอดี ;D
ผมก็กะว่าจะเอาไปใช้ที่มหาลัยด้วยเลยอะครับ
พี่ๆคิดว่าเบนซิลหรือดีเซลเหมาะกว่ากันอะครับ?? ::)
ปล.วิ่งในเมืองเป็นหลักครับ ;D
-
ในเมือง 320D ;)
-
เรื่องนี้มันมีหลายปัจจัยมากครับว่าจะคุณจะเหมาะกับรุ่นไหน
ส่วนต่างดีเซลกับเบนซิน ดีเซลแพงกว่าสองแสนสองหมื่น ถ้าคิดว่าส่วนต่างของราคาค่าตัวไม่ใช่ปัญหา แรง ดึง ประหยัดโครต ไปดีเซล เรื่องความปลอดภัย ดีเซลชนยังไงก็ไม่มีวันไฟไหม้ท่วมรถเพราะน้ำมันดีเซลไม่ติดเชื้อเพลิง แต่เบนซินยังต้องลุ้น 50-50
แต่ถ้าชอบเครื่องเงียบ(ซึ่งอันที่จริงดีเซลยุคใหม่ของBMWก็ไม่ได้ดังอะไรมากมายเลยสำหรับผม) แรง ดึงน้อยกว่าดีเซลหน่อย กินน้ำมันกว่า ราคาน้ำมันต่อลิตรแพงกว่า และคิดว่าส่วนต่างสองแสนสองหมื่นคือปัญหา เสียดายเงินส่วนต่าง ไปเบนซิน ครับ
ส่วนตัวผมใช้ 320d อยู่ สำหรับผมผมจะไม่กลับไปใช้เบนซินอีกแน่นอนครับ ไม่ได้เชียร์นะ แค่พูดความจริงครับ ;D
-
320d ครับ ถ้าไม่ได้อัดหนักๆ ใจจริงผมอยากให้แม่ผมออก 320i จะตาย(เผื่อจะเอาไปกดมั่ง) แต่ด้วยความจำเป็น ความประหยัดต่างๆ เลยเอา 320d
ที่บ้านใช้ 520d อยู่ จะบอกว่า ถ้าไม่ได้เอาไปอัดลากรอบฟังเสียงเครื่องหวานๆ เอาดีเซลเถอะครับ ดีกว่าแทบทุกด้านยกเว้นเรื่องเสียง แต่ก็แค่เสียงไม่หวานเท่า ความดังภายใน ไม่มีทางรู้แน่ๆว่านั่งดีเซลอยู่ครับ เงียบมาก (คิดว่าเงียบกว่า MB นะครับ เทคโนโลยีดีเซลต้องยกให้เขานี่แหละครับ
-
น้าๆ ที่ใช้ดีเซลกันอยู่ได้กี่ km/l ครับ เอาแบบเติมเต็มถังแล้ววัดเอาอีกทีตอนเติมกลับ เพราะวัดจากเครื่องผมว่ามันคลาดเคลือนเยอะ ขอบคุณครับ
-
เท่าๆที่ทราบ ออพชั่นไม่ต่างกัน ความแรงก็ไม่ได้ต่างกันมากมาย
งั้นคงต้องอยู่ที่ความชอบแล้วล่ะครับ ว่าจะเลือกชอบแบบไหน
ว่าอยากได้ ประหยัดน้ำมันแต่ดังนิดหน่อย หรือ เครื่องยนต์เสียงหวานๆแต่กินพอประมาณ
ส่วนตัวใช้ Diesel ครับ และข้อดีที่ผมพบคือ เหยียบไปเถอะ เข็มน้ำมันไม่ค่อยกระดิกหรอก
และเวลาเติมน้ำมัน ได้ V-Power ในราคาลิตรละ 32 บาท + - !!! :o
ค่าบำรุงรักษากับราคาขายต่อ ดีเซลได้เปรียบครับ
ถ้าให้เลือกคู่นี้ผมเอาดีเซล
แต่ถ้ามี 328i ละก็ เบนซินแบบไม่ลังเลเลยครับ ;)
-
320i ครับ
เงียบกว่า ราคาถูกกว่าครับ
-
ผมก็ลังเลอยู่นาน เบนซินได้รถเลย ดีเซลรออีก 2 เดือน
แต่คิดว่าใช้นานแน่ ไม่แคร์เรื่องเสียง เลยตัดสินใจรอดีเซล
-
ส่วนต่าง 2 แสน
คุณต้องวิ่ง 2 แสนกว่ากิโล (กรณีที่ดีเซล บาทต่อกิโลเมตรถูกกว่า 1 บาท ต่อกิโลเมตร)
ถ้าเป็น E90 ระหว่าง 320i VS 320d
ผมเชียร์ดีเซลแบบไม่คิดมาก
แต่ F30 เครื่องเบนซินเทอร์โบ ทำให้ 320i VS 320d ดูสูสีมากๆ
ณ จุดนี้ใน F30 ผมว่าน่าใช้ทั้งคู่เลยครับ
-
ตอบอีกที ผมเลือกเบนซิล เพราะถูกกว่าสองแสนครับ แค่นี้เอง พอได้มาแล้ว ขับก็งั้นๆเหมือนรถซีตรองผม เพียงแต่มีออฟชั่นเพิ่มขึ้นมามากกว่ารถซีตรอง
-
ส่วนต่างตั้งสองแสนกว่า ใช้กี่ปีถึงจะคุ้มค่าประหยัดน้ำมันครับ
เป็นผมเลือกเบนซินครับ
-
ผมเลือก 320i ครับ เพราะส่วนต่างสองแสน + ความเงียบครับ
น้ำมัน จากการคำนวนการใช้งานของผม ต้องวิ่ง 150000 โล หรือ 6 ปีสำหรับผม ถึงตอนนั้น หากยังใช้อยู่ก็ไม่เสียดายละ ขายต่อถึงตอนนั้น ผมว่าไม่ต่างหรอกครับ เบนซินกะดีเซล f30 ผมเชื่อว่าพอๆ กัน อย่าเทียบกับ e90 เลยครับ คนละเครื่องนะ
อีกอย่าง เวลาเหยียบลากยาวๆ เบนซินมันรื่นหูกว่านะ ;D
-
320i ส่วนต่างสองแสน แลกกับการจ่ายออกตอนเข้าปั๊มที่แพงกว่า
ถึงแรงดึงน้อยกว่า แต่เสียงคลานรอบต่ำของเบนซินมันให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมมากกว่าเสียงดีเซลแบบVigoครับ
-
ตกลงถ้าเหยียบหนักๆ ถนนโล่งๆ เบนซินแรงกว่ามั้ยครับ หรือว่าพอๆกันอีก แต่ถ้าในเมืองในกทม 320dคงกิน
-
ตกลงถ้าเหยียบหนักๆ ถนนโล่งๆ เบนซินแรงกว่ามั้ยครับ หรือว่าพอๆกันอีก แต่ถ้าในเมืองในกทม 320dคงกิน
เท่าที่ผมได้ลองทั้งคู่ เบนซินลากได้ยาวๆ ไม่ตก เสียงหวานเพราะ
ดีเซลกระชากแรง ดึง แต่พอรอบสูงๆ เสียงดัง หนวกหู (สำหรับผม)
แต่เจอรถติด เบนซินซดพอควร คงสู้ดีเซลไม่ได้แน่ๆ ครับ
-
ตกลงถ้าเหยียบหนักๆ ถนนโล่งๆ เบนซินแรงกว่ามั้ยครับ หรือว่าพอๆกันอีก แต่ถ้าในเมืองในกทม 320dคงกิน
เท่าที่ผมได้ลองทั้งคู่ เบนซินลากได้ยาวๆ ไม่ตก เสียงหวานเพราะ
ดีเซลกระชากแรง ดึง แต่พอรอบสูงๆ เสียงดัง หนวกหู (สำหรับผม)
แต่เจอรถติด เบนซินซดพอควร คงสู้ดีเซลไม่ได้แน่ๆ ครับ
อ่อขอบคุณครับ
-
เรื่องนี้มันมีหลายปัจจัยมากครับว่าจะคุณจะเหมาะกับรุ่นไหน
ส่วนต่างดีเซลกับเบนซิน ดีเซลแพงกว่าสองแสนสองหมื่น ถ้าคิดว่าส่วนต่างของราคาค่าตัวไม่ใช่ปัญหา แรง ดึง ประหยัดโครต ไปดีเซล เรื่องความปลอดภัย ดีเซลชนยังไงก็ไม่มีวันไฟไหม้ท่วมรถเพราะน้ำมันดีเซลไม่ติดเชื้อเพลิง แต่เบนซินยังต้องลุ้น 50-50
แต่ถ้าชอบเครื่องเงียบ(ซึ่งอันที่จริงดีเซลยุคใหม่ของBMWก็ไม่ได้ดังอะไรมากมายเลยสำหรับผม) แรง ดึงน้อยกว่าดีเซลหน่อย กินน้ำมันกว่า ราคาน้ำมันต่อลิตรแพงกว่า และคิดว่าส่วนต่างสองแสนสองหมื่นคือปัญหา เสียดายเงินส่วนต่าง ไปเบนซิน ครับ
ส่วนตัวผมใช้ 320d อยู่ สำหรับผมผมจะไม่กลับไปใช้เบนซินอีกแน่นอนครับ ไม่ได้เชียร์นะ แค่พูดความจริงครับ ;D
ถ้าดีเซลทำยังไงมันไม่ติดไฟ แล้วมันจะให้พลังงานกับรถท่านได้อย่างไร(ขำๆครับ)
ถ้าชนกันแล้วเกิดความร้อนที่เหมาะสม น้ำมันหมูก็เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเหมือนกันครับ
-
ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหาขอเชียร์320d ดีกว่าครับ ใช้ในเมืองประหยัดกว่า เวลาเข้าปั๊มเติมลิตรละ29.99มันรู้สึกดีกว่าเติมลิตรละ42.50อยู่เยอะพอสมควรนะครับ ;D
-
เป็นผมเอาดีเซล
ได้เครื่องเทคโนโลยีดีกว่า ทนกว่า ค่าน้ำมันถูกกว่า
-
เหมือนว่าจะแตกต่างกันท้ายสุดจริงๆตรงที่ดีเซลมีแรงบิดมากกว่าพอขนของหนักๆเต็มรถแล้วมีผลต่ออัราเร่งน้อยกว่าเบนซิน :)
-
เรื่องนี้มันมีหลายปัจจัยมากครับว่าจะคุณจะเหมาะกับรุ่นไหน
ส่วนต่างดีเซลกับเบนซิน ดีเซลแพงกว่าสองแสนสองหมื่น ถ้าคิดว่าส่วนต่างของราคาค่าตัวไม่ใช่ปัญหา แรง ดึง ประหยัดโครต ไปดีเซล เรื่องความปลอดภัย ดีเซลชนยังไงก็ไม่มีวันไฟไหม้ท่วมรถเพราะน้ำมันดีเซลไม่ติดเชื้อเพลิง แต่เบนซินยังต้องลุ้น 50-50
แต่ถ้าชอบเครื่องเงียบ(ซึ่งอันที่จริงดีเซลยุคใหม่ของBMWก็ไม่ได้ดังอะไรมากมายเลยสำหรับผม) แรง ดึงน้อยกว่าดีเซลหน่อย กินน้ำมันกว่า ราคาน้ำมันต่อลิตรแพงกว่า และคิดว่าส่วนต่างสองแสนสองหมื่นคือปัญหา เสียดายเงินส่วนต่าง ไปเบนซิน ครับ
ส่วนตัวผมใช้ 320d อยู่ สำหรับผมผมจะไม่กลับไปใช้เบนซินอีกแน่นอนครับ ไม่ได้เชียร์นะ แค่พูดความจริงครับ ;D
ถ้าดีเซลทำยังไงมันไม่ติดไฟ แล้วมันจะให้พลังงานกับรถท่านได้อย่างไร(ขำๆครับ)
ถ้าชนกันแล้วเกิดความร้อนที่เหมาะสม น้ำมันหมูก็เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเหมือนกันครับ
ใช่ครับ มันมีจุดที่เรียกว่า Autoignition Point หากคุณต้มน้ำมันระหว่างเบนซิลกับดีเซล ดีเซลจะติดไฟก่อนที่อุณภูมิ 210 ส่วนเบนซิลจะติดแถวๆ 240 องศา C
ข้อดีของดีเซลคือจุดแว็บไฟสูง(ภาษาไทยเรียกอะไรผมก็ไม่คุ้น...อิอิ หรือ Flash point) แถว 60-70 องศาถึงจะระเหยจนสามารถติดไฟได้
ต่างจากเบนซีนที่มันระเหยตั้งแต่ -40 กว่าองศา เจอประกายไฟเมื่อไหร่ก็พร้อมลุกทันทีด้วยประการชะนี้แล
-
เรื่องนี้มันมีหลายปัจจัยมากครับว่าจะคุณจะเหมาะกับรุ่นไหน
ส่วนต่างดีเซลกับเบนซิน ดีเซลแพงกว่าสองแสนสองหมื่น ถ้าคิดว่าส่วนต่างของราคาค่าตัวไม่ใช่ปัญหา แรง ดึง ประหยัดโครต ไปดีเซล เรื่องความปลอดภัย ดีเซลชนยังไงก็ไม่มีวันไฟไหม้ท่วมรถเพราะน้ำมันดีเซลไม่ติดเชื้อเพลิง แต่เบนซินยังต้องลุ้น 50-50
แต่ถ้าชอบเครื่องเงียบ(ซึ่งอันที่จริงดีเซลยุคใหม่ของBMWก็ไม่ได้ดังอะไรมากมายเลยสำหรับผม) แรง ดึงน้อยกว่าดีเซลหน่อย กินน้ำมันกว่า ราคาน้ำมันต่อลิตรแพงกว่า และคิดว่าส่วนต่างสองแสนสองหมื่นคือปัญหา เสียดายเงินส่วนต่าง ไปเบนซิน ครับ
ส่วนตัวผมใช้ 320d อยู่ สำหรับผมผมจะไม่กลับไปใช้เบนซินอีกแน่นอนครับ ไม่ได้เชียร์นะ แค่พูดความจริงครับ ;D
ถ้าดีเซลทำยังไงมันไม่ติดไฟ แล้วมันจะให้พลังงานกับรถท่านได้อย่างไร(ขำๆครับ)
ถ้าชนกันแล้วเกิดความร้อนที่เหมาะสม น้ำมันหมูก็เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเหมือนกันครับ
ใช่ครับ มันมีจุดที่เรียกว่า Autoignition Point หากคุณต้มน้ำมันระหว่างเบนซิลกับดีเซล ดีเซลจะติดไฟก่อนที่อุณภูมิ 210 ส่วนเบนซิลจะติดแถวๆ 240 องศา C
ข้อดีของดีเซลคือจุดแว็บไฟสูง(ภาษาไทยเรียกอะไรผมก็ไม่คุ้น...อิอิ หรือ Flash point) แถว 60-70 องศาถึงจะระเหยจนสามารถติดไฟได้
ต่างจากเบนซีนที่มันระเหยตั้งแต่ -40 กว่าองศา เจอประกายไฟเมื่อไหร่ก็พร้อมลุกทันทีด้วยประการชะนี้แล
จุดวาบไฟครับ ;D
พูดถึง2คันนี้
ผมชอบเบนซินมากกว่านะ ดีเซลยืนฟังข้างนอกเสียงดังมากแบบไม่นึกว่านี่คือเสียงจากเก๋งคันละ3ล้าน แต่อย่างว่าดีเซลคงประหยัดกว่าพอสมควรแถมน้ำมันถูกกกว่าด้วย
-
เพิ่งเห็นว่าเจ้าของกระทู้บอกว่าจะเอาไปใช้ที่มหาลัย ยังไงผมว่ากรณีนี้ดีเซลกินครับ ส่วนต่างตอนซื้อก็ให้เป็นธุระของคุณพ่อคุณแม่ ช่วยออกไป ตอนเติมน้ำมันเองจะได้ไม่เจ็บตัวมากครับ แล้วถ้าจบมาใช้รถระยะยาว เครื่องดีเซลยังมีแนวโน้มที่จะทนกว่าด้วยครับ
-
เพิ่งเห็นว่าเจ้าของกระทู้บอกว่าจะเอาไปใช้ที่มหาลัย ยังไงผมว่ากรณีนี้ดีเซลกินครับ ส่วนต่างตอนซื้อก็ให้เป็นธุระของคุณพ่อคุณแม่ ช่วยออกไป ตอนเติมน้ำมันเองจะได้ไม่เจ็บตัวมากครับ แล้วถ้าจบมาใช้รถระยะยาว เครื่องดีเซลยังมีแนวโน้มที่จะทนกว่าด้วยครับ
เออเนาะ...จะว่าไปก็จริงนะครับ
เพราะเวลาผมเอาไปใช้คงหาตังเติมเองแหละครับ ;D
-
ชอบเสียงเบนซิล
-
ถ้าเป็น f30 ผมเลือก 320i ครับ
ถ้าเป็น e90 ผมก็เลือก 320i เหมือนเดิม และตอนนี้ก็ยังใช้ 320i e90 อยู่ครับ
ตอนนั้นที่ไปลองกะว่าจะต้องออก 320d แน่ๆ เพราะขึ้นชื่อเรื่องประหยัดมาพร้อมๆกับความแรง แต่เชื่อมั๊ยแค่สตาร์ทรถตอนจะออกไปเทสไดร์ฟ ผมถามเซลล์ว่านี่เสียงเครื่องยนต์ปกติหรือเปล่า เค้าตอบมาว่า "ปกติค่ะ" ผมไม่เชื่อ ให้ไปลองสตาร์ทกับอีกคันนึงที่จอดในที่จอดรถ ปรากฎว่าดังเหมือนๆกับคันเทสไดร์ฟ ผมบอกเซลล์ว่า ผมไม่ลองขับแล้ว 320d เข้าไปเขียนใบจอง 320i ดีกว่า ;D
-
ถ้าเป็น f30 ผมเลือก 320i ครับ
ถ้าเป็น e90 ผมก็เลือก 320i เหมือนเดิม และตอนนี้ก็ยังใช้ 320i e90 อยู่ครับ
ตอนนั้นที่ไปลองกะว่าจะต้องออก 320d แน่ๆ เพราะขึ้นชื่อเรื่องประหยัดมาพร้อมๆกับความแรง แต่เชื่อมั๊ยแค่สตาร์ทรถตอนจะออกไปเทสไดร์ฟ ผมถามเซลล์ว่านี่เสียงเครื่องยนต์ปกติหรือเปล่า เค้าตอบมาว่า "ปกติค่ะ" ผมไม่เชื่อ ให้ไปลองสตาร์ทกับอีกคันนึงที่จอดในที่จอดรถ ปรากฎว่าดังเหมือนๆกับคันเทสไดร์ฟ ผมบอกเซลล์ว่า ผมไม่ลองขับแล้ว 320d เข้าไปเขียนใบจอง 320i ดีกว่า ;D
ถ้าไปลองขับอาจลืมเรื่องเสียงเครื่องไปได้นะครับ ;D
-
ถ้าเป็น f30 ผมเลือก 320i ครับ
ถ้าเป็น e90 ผมก็เลือก 320i เหมือนเดิม และตอนนี้ก็ยังใช้ 320i e90 อยู่ครับ
ตอนนั้นที่ไปลองกะว่าจะต้องออก 320d แน่ๆ เพราะขึ้นชื่อเรื่องประหยัดมาพร้อมๆกับความแรง แต่เชื่อมั๊ยแค่สตาร์ทรถตอนจะออกไปเทสไดร์ฟ ผมถามเซลล์ว่านี่เสียงเครื่องยนต์ปกติหรือเปล่า เค้าตอบมาว่า "ปกติค่ะ" ผมไม่เชื่อ ให้ไปลองสตาร์ทกับอีกคันนึงที่จอดในที่จอดรถ ปรากฎว่าดังเหมือนๆกับคันเทสไดร์ฟ ผมบอกเซลล์ว่า ผมไม่ลองขับแล้ว 320d เข้าไปเขียนใบจอง 320i ดีกว่า ;D
ถ้าไปลองขับอาจลืมเรื่องเสียงเครื่องไปได้นะครับ ;D
อะถูกต้องเลยครับแฟนผมก็หลงมาแล้ว หลังจากได้ลอง e90 320d เป็นรถที่คุณเธอบอกว่าถ้ามั่นคงเมื่อไหร่ จัดแน่สำหรับดีเซลของซีรี่ 3
-
เลือกง่ายๆ ขับเยอะ เลือก320d ขับน้อยเลือก 320i จบแค่นั้น ดีเซลพอเก่าแล้วเสียงดังน่ารำคาญแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องด้วย
รถพวกนี้ถ้าซื้อไปเป็นรถที่แพงที่สุดในบ้าน(ส่วนมากขับ เสาร์อาทิตย์)จะขับน้อย 5 ปีไม่ถึงแสนโล
-
เลือกง่ายๆ ขับเยอะ เลือก320d ขับน้อยเลือก 320i จบแค่นั้น ดีเซลพอเก่าแล้วเสียงดังน่ารำคาญแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องด้วย
รถพวกนี้ถ้าซื้อไปเป็นรถที่แพงที่สุดในบ้าน(ส่วนมากขับ เสาร์อาทิตย์)จะขับน้อย 5 ปีไม่ถึงแสนโล
ก็ไม่นะครับ ผมซื้อให้แฟนใช้ ก็ใช่ทุกคน รับส่งลูก ไปประชุม เข้าเมืองบ้าง แต่ไม่มีวันไหนไม่สตาร์ทรถ ปีนึงก็ 25000-30000 โล ยังกังวลนิดหน่อย BSI ไม่เกิน 4 ปีแน่ๆ หุหุ แต่ใจมันรักครับ พอหาอู่นอกได้ หากเข้าใจมัน BMW ก็ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม ส่วนที่เอา 320i เพราะเสียงเครื่องจริงๆ ครับ พอลองแล้ว ชอบเบนซินมากกว่า
ผมเองชอบ BMW มานานแล้ว ไม่ได้ซื้อ เพราะคิดเสมอว่า รอมั่นคง รอมีเงิน สุดท้าย วนเวียนกับรถญี่ปุ่นไปแล้ว 4-5 คัน เลยงงๆ กับตัวเอง ตั้งลำใหม่ ดาวน์ได้ ดาวน์เลย เพราะหาเงินผ่อนได้อยู่แล้ว อยู่ที่เราจะเอาเงินไปใช้อะไร ผ่อนเยอะกว่ารถญี่ปุ่นเท่าตัว แต่ได้ BMW มา ตามใจฝัน คุ้มมากมาย อิอิ
-
เลือกง่ายๆ ขับเยอะ เลือก320d ขับน้อยเลือก 320i จบแค่นั้น ดีเซลพอเก่าแล้วเสียงดังน่ารำคาญแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องด้วย
รถพวกนี้ถ้าซื้อไปเป็นรถที่แพงที่สุดในบ้าน(ส่วนมากขับ เสาร์อาทิตย์)จะขับน้อย 5 ปีไม่ถึงแสนโล
ก็ไม่นะครับ ผมซื้อให้แฟนใช้ ก็ใช่ทุกคน รับส่งลูก ไปประชุม เข้าเมืองบ้าง แต่ไม่มีวันไหนไม่สตาร์ทรถ ปีนึงก็ 25000-30000 โล ยังกังวลนิดหน่อย BSI ไม่เกิน 4 ปีแน่ๆ หุหุ แต่ใจมันรักครับ พอหาอู่นอกได้ หากเข้าใจมัน BMW ก็ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม ส่วนที่เอา 320i เพราะเสียงเครื่องจริงๆ ครับ พอลองแล้ว ชอบเบนซินมากกว่า
ผมเองชอบ BMW มานานแล้ว ไม่ได้ซื้อ เพราะคิดเสมอว่า รอมั่นคง รอมีเงิน สุดท้าย วนเวียนกับรถญี่ปุ่นไปแล้ว 4-5 คัน เลยงงๆ กับตัวเอง ตั้งลำใหม่ ดาวน์ได้ ดาวน์เลย เพราะหาเงินผ่อนได้อยู่แล้ว อยู่ที่เราจะเอาเงินไปใช้อะไร ผ่อนเยอะกว่ารถญี่ปุ่นเท่าตัว แต่ได้ BMW มา ตามใจฝัน คุ้มมากมาย อิอิ
ผมคิดว่าส่วนตัวผมน่าจะใช้ปีละไม่น่าจะถึง30000โลนะครับ
ดีไม่ดีแค่20000โลเองมั้งครับ
ปล.รุ่นsportนี่มันมี paddle shiftป่าวอะครับ??
-
320i ใช่ว่าจะเงียบนะครับ เสียงในรถดังพอกัน นอกรถก็เงียบกว่านิดเดียว altis เงียบกว่า
แต่ ที่ผมเลือกเเละเชียร์ 320i เพราะ ความต่อเนื่องของการส่งกำลังที่นุ่มนวลเเละต่อเนื่องกว่าไม่มารุนเเรงแต่หมดไว
โดยเฉพาะ eco pro ขับในเมืองได้นุ่มนวลมากครับ นอกเมืองขับ comfort
จริงๆอยากเชียร์ 328i ครับ เพราะ 320i option โล้นมากแต่ผมต้องใช้รถเลยเลือกคันที่ออกได้เลย :)
-
320i ใช่ว่าจะเงียบนะครับ เสียงในรถดังพอกัน นอกรถก็เงียบกว่านิดเดียว altis เงียบกว่า
แต่ ที่ผมเลือกเเละเชียร์ 320i เพราะ ความต่อเนื่องของการส่งกำลังที่นุ่มนวลเเละต่อเนื่องกว่าไม่มารุนเเรงแต่หมดไว
โดยเฉพาะ eco pro ขับในเมืองได้นุ่มนวลมากครับ นอกเมืองขับ comfort
จริงๆอยากเชียร์ 328i ครับ เพราะ 320i option โล้นมากแต่ผมต้องใช้รถเลยเลือกคันที่ออกได้เลย :)
เติมเต็มถังได้กี่โล/ลิตรครับ
-
320d ครับ เหนือกว่าทุกด้าน
แรงกว่า ดึงกว่า ทนกว่า
ด้านความประหยัด ลองคำนวนดีดี นะครับ
ส่วนต่าง 2.2 แสน
- 320d คุณ JIMMY test ได้ 20 กิโลเมตร ต่อ ลิตร
ถ้าใช้ในเมือง ใช้ในชีวิตประจำทั่วไป ผมให้ 13 กิโล ต่อ ลิตร
ถ้าเดือนนึงสมมติว่าใช้รถประมาณ 2,000 กิโลเมตร ใช้น้ำมัน 2,000 / 13 = 154 ลิตร x 30 บาท
ค่าน้ำมันเดือนละ 4,620 บาท
- 320i คุณ JIMMY ยังไม่ได้ test แต่ผมว่าคงอยู่ราวๆ 15 กิโลเมตรต่อลิตร
ถ้าใช้ในเมือง คงได้ประมาณ 9-10 กิโลเมตรต่อลิตร
ถ้าเดือนนึงใช้รถ 2,000 กิโลเมตร ใช้น้ำมัน 2,000 / 9 = 222 ลิตร x40 (โซฮอล์ 95)
ค่าน้ำมันเดือนละ 8,880 บาท
ส่วนต่างเดือนละ 4,260 บาท ตกปีละ 51,120 บาท
สรุปว่า ดีเซลประหยัดค่าน้ำมันกว่าเบนซิลปีละ 5 หมื่นกว่าบาท
ใช้รถ 4 ปี ก็เจ๊ากันแล้วครับ
แต่คุณอย่าลืมว่าเวลาขายต่อ ราคา 320d จะแข็งกว่าเยอะครับ
ลองนึกภาพตาม สมมติ 5 ปีข้างหน้า
320d F30 รถ 5 ปี วิ่ง 100,000 กิโล ขาย 1.5 ล้าน
320i F30 รถ 5 ปี วิ่ง 100,000 กิโล ขาย 1.35 ล้าน
เป็นคุณ คุณจะซื้อคันไหน ?
ถ้าเป็นเต๊นท์ เต๊นท์จะจับคันไหน ?
ถ้าเราเป็นคนขาย คุณคิดว่าคันไหน ขายออกก่อนกัน ?
ลองดูราคามือสอง 320d E90 ซักปี 07-09 ครับ ราคามือสองมันพอๆ กับ 325i หรือ 330i เลยครับ
ทั้งๆ ที่ราคาป้ายแดง 325i/330i เกิน 3 ล้าน
ไม่ต้องเทียบกับ 320i เลย 320ise ป้ายแดงก็ 2.5 ล้านนะครับ ตอนนี้มือสอง ขายไม่ถึงล้าน
320D ยังอยู่ที่ล้านกลางๆ
ปล. ยกเว้นว่า 5 ปีข้างหน้า ราคาน้ำมันดีเซลจะลอยตัวสูงขึ้นมาเท่ากับ เบนซิลครับ
ดังนั้นเหตุผลเดียวที่คุณจะซื้อ 320i ก็คือ คุณรับไม่ได้กับเสียงเครื่องดีเซล
คุณแอนตี้เครื่องดีเซล ว่ามันไม่ควรมาอยู่ในรถเก๋ง
ขับไปไหนมาไหน มีแต่คนคิดว่ากะบะ รับไม่ได้จริงๆ
ถ้าคุณเป็นคนประเภทนี้ ถึงควรเลือก 320i ครับ
-
ในเมืองเป็นหลัก ไป 320d ดีกว่ามั้ยครับ
จริงๆผมชอบ 320i มากกว่านะ เบนซินไม่กระโชกโฮกฮาก แต่ลากได้เรื่อยๆ
ไม่เหมือนดีเซลดึงมาดึงมา แต่ไม่สุด แต่ถ้าให้เลือกจริงๆไป 320d แน่นอน
ประหยัดกว่า น้ำมันถูกกว่า แรงก็พอๆกันแหละผมว่านะ แม้ว่าค่าตัวจะแพงกว่า
ในอนาคตราคาตกน้อยกว่า เป็นที่ต้องการของตลาดมือ2 มากกว่า
ไอเรื่องหาว่าเอาเครื่องกระบะมาใส่ป่าว ผมไม่แคร์นะ เพราะยังไงมันก็คือ BMW
และผมไม่ซีเพราะเค้าไม่ได้มาช่วยเราซื้อ ไม่ได้มาช่วยเราเติมน้ำมันนิ จริงไหม
ถ้าจะไปเบนซินอย่างไม่ลังเล 328i คือคำตอบ ครับ อิๆ ;D ;D ;D
ขอให้น้องได้รถที่น้องต้องการนะ เลือกดีๆตัดสินใจดีๆ โชคดีครับ
-
เลือกง่ายๆ ขับเยอะ เลือก320d ขับน้อยเลือก 320i จบแค่นั้น ดีเซลพอเก่าแล้วเสียงดังน่ารำคาญแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องด้วย
รถพวกนี้ถ้าซื้อไปเป็นรถที่แพงที่สุดในบ้าน(ส่วนมากขับ เสาร์อาทิตย์)จะขับน้อย 5 ปีไม่ถึงแสนโล
ก็ไม่นะครับ ผมซื้อให้แฟนใช้ ก็ใช่ทุกคน รับส่งลูก ไปประชุม เข้าเมืองบ้าง แต่ไม่มีวันไหนไม่สตาร์ทรถ ปีนึงก็ 25000-30000 โล ยังกังวลนิดหน่อย BSI ไม่เกิน 4 ปีแน่ๆ หุหุ แต่ใจมันรักครับ พอหาอู่นอกได้ หากเข้าใจมัน BMW ก็ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม ส่วนที่เอา 320i เพราะเสียงเครื่องจริงๆ ครับ พอลองแล้ว ชอบเบนซินมากกว่า
ผมเองชอบ BMW มานานแล้ว ไม่ได้ซื้อ เพราะคิดเสมอว่า รอมั่นคง รอมีเงิน สุดท้าย วนเวียนกับรถญี่ปุ่นไปแล้ว 4-5 คัน เลยงงๆ กับตัวเอง ตั้งลำใหม่ ดาวน์ได้ ดาวน์เลย เพราะหาเงินผ่อนได้อยู่แล้ว อยู่ที่เราจะเอาเงินไปใช้อะไร ผ่อนเยอะกว่ารถญี่ปุ่นเท่าตัว แต่ได้ BMW มา ตามใจฝัน คุ้มมากมาย อิอิ
ผมคิดว่าส่วนตัวผมน่าจะใช้ปีละไม่น่าจะถึง30000โลนะครับ
ดีไม่ดีแค่20000โลเองมั้งครับ
ปล.รุ่นsportนี่มันมี paddle shiftป่าวอะครับ??
ไม่มีครับ
-
เพิ่มเติมครับ ดีเซลทนกว่า ด้วยวัสดุ เนื่องด้วยการจุดระเบิดโดยแรงอัด จึงจำเป็นต้องใช้วัสดุที่ทนกว่าทำให้ต้นทุนในการผลิดสูงขึ้นไปด้วย ยิ่งถ้าระยะยาวน่าใช้มากขึ้นครับ
-
ในเมืองเป็นหลัก ไป 320d ดีกว่ามั้ยครับ
จริงๆผมชอบ 320i มากกว่านะ เบนซินไม่กระโชกโฮกฮาก แต่ลากได้เรื่อยๆ
ไม่เหมือนดีเซลดึงมาดึงมา แต่ไม่สุด แต่ถ้าให้เลือกจริงๆไป 320d แน่นอน
ประหยัดกว่า น้ำมันถูกกว่า แรงก็พอๆกันแหละผมว่านะ แม้ว่าค่าตัวจะแพงกว่า
ในอนาคตราคาตกน้อยกว่า เป็นที่ต้องการของตลาดมือ2 มากกว่า
ไอเรื่องหาว่าเอาเครื่องกระบะมาใส่ป่าว ผมไม่แคร์นะ เพราะยังไงมันก็คือ BMW
และผมไม่ซีเพราะเค้าไม่ได้มาช่วยเราซื้อ ไม่ได้มาช่วยเราเติมน้ำมันนิ จริงไหม
ถ้าจะไปเบนซินอย่างไม่ลังเล 328i คือคำตอบ ครับ อิๆ ;D ;D ;D
ขอให้น้องได้รถที่น้องต้องการนะ เลือกดีๆตัดสินใจดีๆ โชคดีครับ
แล้ว328iนี่มันเข้าเมื่อไหร่หรอครับ :-\
เห็นว่าได้optionเพิ่มมาเยอะเลยนิครับ
-
สำหรับผมคิดต่างเล็กน้อยครับ
รถเก๋งผมให้เครื่องเบนซินชนะครับ
สำหรับเรื่องภาพลักษณ์ ด้วย. ขับรถราคา 3 ล้าน
อย่าให้พวกคนงานหัวเราะเวลาขับผ่านเลยครับ
-
ในเมืองเป็นหลัก ไป 320d ดีกว่ามั้ยครับ
จริงๆผมชอบ 320i มากกว่านะ เบนซินไม่กระโชกโฮกฮาก แต่ลากได้เรื่อยๆ
ไม่เหมือนดีเซลดึงมาดึงมา แต่ไม่สุด แต่ถ้าให้เลือกจริงๆไป 320d แน่นอน
ประหยัดกว่า น้ำมันถูกกว่า แรงก็พอๆกันแหละผมว่านะ แม้ว่าค่าตัวจะแพงกว่า
ในอนาคตราคาตกน้อยกว่า เป็นที่ต้องการของตลาดมือ2 มากกว่า
ไอเรื่องหาว่าเอาเครื่องกระบะมาใส่ป่าว ผมไม่แคร์นะ เพราะยังไงมันก็คือ BMW
และผมไม่ซีเพราะเค้าไม่ได้มาช่วยเราซื้อ ไม่ได้มาช่วยเราเติมน้ำมันนิ จริงไหม
ถ้าจะไปเบนซินอย่างไม่ลังเล 328i คือคำตอบ ครับ อิๆ ;D ;D ;D
ขอให้น้องได้รถที่น้องต้องการนะ เลือกดีๆตัดสินใจดีๆ โชคดีครับ
แล้ว328iนี่มันเข้าเมื่อไหร่หรอครับ :-\
เห็นว่าได้optionเพิ่มมาเยอะเลยนิครับ
เห็น มีคนในเว็บเราจองไปแล้วนะครับ สำหรับ 328i
น้องลองถามเซลดูเลย จัด 328i ไปเลยครับ
-
320i ใช่ว่าจะเงียบนะครับ เสียงในรถดังพอกัน นอกรถก็เงียบกว่านิดเดียว altis เงียบกว่า
แต่ ที่ผมเลือกเเละเชียร์ 320i เพราะ ความต่อเนื่องของการส่งกำลังที่นุ่มนวลเเละต่อเนื่องกว่าไม่มารุนเเรงแต่หมดไว
โดยเฉพาะ eco pro ขับในเมืองได้นุ่มนวลมากครับ นอกเมืองขับ comfort
จริงๆอยากเชียร์ 328i ครับ เพราะ 320i option โล้นมากแต่ผมต้องใช้รถเลยเลือกคันที่ออกได้เลย :)
เติมเต็มถังได้กี่โล/ลิตรครับ
โหมด comfort ตลอดเวลา ผมขับได้ ประมาณ 12 เเละ เกิอบ 17 กิโลลิตร(ใน/นอกเมือง)ครับ ขับปกติตามประสาพ่อบ้านลูกเล็ก
>:( >:( >:( ที่น่าเเปลกคือว่าถ้าตั้งความเร็วอัตโนมัติ (cruise control) จะเปลืองกว่ากดคันเร่งเองมากๆ เหมือนรถมันจะเปลี่ยนโหมดเป็น sport เองเลยครับ ของพี่ท่านอื่น ของใครเป็นบ้าง >:( >:( >:(
-
320i ใช่ว่าจะเงียบนะครับ เสียงในรถดังพอกัน นอกรถก็เงียบกว่านิดเดียว altis เงียบกว่า
แต่ ที่ผมเลือกเเละเชียร์ 320i เพราะ ความต่อเนื่องของการส่งกำลังที่นุ่มนวลเเละต่อเนื่องกว่าไม่มารุนเเรงแต่หมดไว
โดยเฉพาะ eco pro ขับในเมืองได้นุ่มนวลมากครับ นอกเมืองขับ comfort
จริงๆอยากเชียร์ 328i ครับ เพราะ 320i option โล้นมากแต่ผมต้องใช้รถเลยเลือกคันที่ออกได้เลย :)
เติมเต็มถังได้กี่โล/ลิตรครับ
โหมด comfort ตลอดเวลา ผมขับได้ ประมาณ 12 เเละ เกิอบ 17 กิโลลิตร(ใน/นอกเมือง)ครับ ขับปกติตามประสาพ่อบ้านลูกเล็ก
>:( >:( >:( ที่น่าเเปลกคือว่าถ้าตั้งความเร็วอัตโนมัติ (cruise control) จะเปลืองกว่ากดคันเร่งเองมากๆ เหมือนรถมันจะเปลี่ยนโหมดเป็น sport เองเลยครับ ของพี่ท่านอื่น ของใครเป็นบ้าง >:( >:( >:(
ได้พอๆ กะผมเลย
cruise ผมไม่เป็นครับ รู้สึกได้ถึงประหยัด เพราะไอตัววัดความสิ้นเปลืองจะลดลงเห็นได้ชัด ที่วัดระยะน้ำมันเหลือกี่กิโลนั่นก็เห็นๆ เลยว่าไม่ค่อยลด รถนิ่งมาก ชอบมากๆ cruise ของ BMW ของ accord ที่ใช้ กระชากกว่ามากมายครับ
-
328i ไม่น่าจะรอนะครับ น่าจะมีรถเลย ลองถามเซลดูครับ ;)
อยากแรงต้อง 28i ครับอยู่ใน ซีรี่5 ยังแรงดีไม่มีตกเลย ;D
-
328i เครื่องเดียวกับ320i มั้ยครับ หรือว่าคนละเครื่อง ถ้าเครื่องเดียวกันหากล่องปลดให้ได้เท่า328iได้มั้ยครับ
แล้วดีเซลมีรหัสแรงๆเอาเข้ามาขายบ้างมั้ยครับ
-
คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป (ค่าน้ำมัน, ราคาขายต่อ) = ดีเซล
เอามันส์ขับเรดไลน์ตลอด ชอบเสียงหวานๆ ไม่สนค่าน้ำมัน = เบนซิน
บอกตามตรงว่าเป็นผมก็ลังเลเหมือนกัน วันนี้พาเจ้าอี46 323 ไปออกกำลัง เสียงตอนลากรอบเข้าเรดไลน์ของบีเอ็มเบนซินมันมีเสน่ห์จริงๆ ซึ่งดีเซลจะไม่ได้ในจุดนี้
-
คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป (ค่าน้ำมัน, ราคาขายต่อ) = ดีเซล
เอามันส์ขับเรดไลน์ตลอด ชอบเสียงหวานๆ ไม่สนค่าน้ำมัน = เบนซิน
บอกตามตรงว่าเป็นผมก็ลังเลเหมือนกัน วันนี้พาเจ้าอี46 323 ไปออกกำลัง เสียงตอนลากรอบเข้าเรดไลน์ของบีเอ็มเบนซินมันมีเสน่ห์จริงๆ ซึ่งดีเซลจะไม่ได้ในจุดนี้
อ่าาา ไว้ไปลองมั่ง อิอิ ตอนนี้ซ้อมโดยการลาก G8 ของผมไปก่อน 555 ไว้แฟนเผลอ จะลองดูครับ อิอิ เคยแค่ 5000 รอบเอง
-
ปวดหัวมากครับ
อ่านกระทู้นี้มาจะครับ 20 รอบและ
จอง 320i ไปแล้ว เพราะชอบเสียง ชอบauto start/stop ที่นุ่มนวล ชอบความลื่นไหลของแต่ละเกียร์
แต่พ่อบอกบ้านมีแต่เบนซินไม่ลองดีเซลหรอ?
ทนกว่า ประหยัดกว่า น้ำมันถูกกว่า ขับในเมืองเป็นหลักจะได้ลากรอบหรอ? รอบต่ำตลอด เครื่องอยู่ได้นานกว่า ดีเซลแข็งแรงทนทานกว่า
ใจไป 320i เพราะไม่กลัวว่าเสียงจะดังขึ้นเรื่อยๆ สั่นขึ้นเรื่อยๆ อีกอย่างเป็น 320i ตัวแรกที่มี turbo และเสียดายที่ถ้าดีเซลเครื่องใหม่มาเกิดประหยัดกว่า เงียบกว่า ร้องไห้แน่เลย
แต่กลัวจะมาเสียดายทีหลัง ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากลองดีเซลบีเอ็มมาตลอด อยากเติมน้ำมันถูกๆ ไม่ต้องมาปวดหัวแบบทุกวันนี้ ขับในเมือง รอบต่ำ แรงก็มา
ใจติดแค่เรื่องสั่นกับเสียง มีคุยกับพี่จิมมี่ ในเรื่องสั่นและเสียง....
สั่นมาจากเครื่องที่หนักกว่า แต่ยางแท่นเครื่อง(ไม่แน่ใจ)ใช้อันเดียวกับเบนซินหรือเปล่า ถ้ายางแอบซอร์บดีกว่านี้ก็จะสั่นน้อยลง (หรือนานๆไปสั่น ก็แค่เปลี่ยนชิ้นนี้)
เสียง...ในเมื่อในรถมันไม่ได้ดังมาก นอกรถดังใช้มั้ย ซื้อฟรอบซับเสียง มาบุเลยจะได้ผลมั้ย
ปล. วันที่ไปลองขับเบนซินและดีเซล บอกตรงๆนะครับ ผมว่า เบนซินเทอโบ เสียงดังกว่าตัวไม่มีเทอโบนะ(เวลารถอยู่นิ่งๆอ่ะครับ) และผมก็ไม่รู้สึกว่าดีเซลดังกว่าเลยแม้แต่นิดเดียว(จริงๆนะครับ เพราะตอนไปจอง ใจไปเบนซิน แต่พอเซล์ติดเครื่องสองคันพร้อมกัน จังหวะแรก ทายผิดว่าตัวไหนเบนซินดีเซล จน ฟังอีกสักพัก ได้ยินความทุ้มมาจากอีกคันนึง จึงเข้าใจว่า คันนั้นอ่ดีเซล)
ในรถก็ต้องบอกว่าไม่ได้ดังกว่ากันนะครับ ต่ที่รู้สึกจริงๆคือเรื่อง เวลาสตาร์ท ดีเซลจะสะท้านมาจากเบาะนั่ง
ถ้าซื้อดีเซลคงไป jailbreak และคงไม่ได้ใช้ auto/startstop แน่เลย (อยากใช้มากเลย เลยเลือกเบนซินในตอนแรก)
ตอนนี้ตัดสินใจไม่ได้ครับ...ปวดหัวมาก 55555555