Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: reasonoitome ที่ มีนาคม 06, 2013, 16:26:20

หัวข้อ: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: reasonoitome ที่ มีนาคม 06, 2013, 16:26:20
อยากรู้ว่าถ้าในงบเท่าๆกัน แบบไหนจะได้รถที่ดีกว่ากันครับ

เช่นสมมุติมีสัก 3 ล้าน เอาไปซื้อ 320d เดิมๆ
หรือซื้อ Civic แล้วเงินที่เหลือแต่งเต็มสูบ

ความแรง การควบคุมต่างๆ จะสู้กันได้ไหมครับ?
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: kimmeng21 ที่ มีนาคม 06, 2013, 16:34:33
ต้องดูด้วยคับ พื้นฐานช่วงล่าง + เครื่องยนต์

ทำดีแค่ไหนพื้นฐานมันมาห่วยก็สู้เดิมๆบางรุ่นไม่ได้อยู่ดี

งบเท่ากันผมเอาเดิมๆดีกว่า
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: RATTAPON ที่ มีนาคม 06, 2013, 16:39:06
ผมขอเดิมๆครับ ถ้าจะแต่งก็ขอให้มาจากโรงงานเลยครับ ;D
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: totosang ที่ มีนาคม 06, 2013, 16:47:51
ถ้าเป็นผม เอารวมๆ ผมเลือก 320d แต่แต่งเพิ่มนิดหน่อย
เช่น เปลี่ยน mag,เปลี่ยนโช้ค, เปลี่ยนท่อ ,ติด skirt เพิ่ม ไรแบบนี้ดีกว่าครับ

แต่ถ้าเน้นแรงขับมัน ก็เล่น civic ดีกว่าครับ ของแต่งน่าจะถูกกว่า
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Vage ที่ มีนาคม 06, 2013, 16:50:33
ถ้ามีมี 3 ล้าน ยังไงก็ออก 320 ครับ

ถ้าเทียบกัน

Civic แต่งเต็มสูบ VS BMW 320D ไม่แต่งเลย

ผมว่ายังไง Civic ก็สู้ไม่ได้ เผลอๆแต่งมากไป บางคนมองว่าเสียวอีก

แต่ที่แน่ๆ สาวๆส่วนใหญ่อาจไม่ปลิ้มครับ จากประสบกาณ์เคยแต่ง Mazda เต็มสูบมาก่อน  บอกเยอะไป ถามผมเป็นไรมากป่าว กำ -*-

ต่อมา ซื้อ E60 , E-Coupe มาจบที่ 528i Sport เอาแบบชุดแต่งเดิมๆจากโรงงาน สาวบอกปลิ้มทุกอันครับ 555+

ปล. ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: BestHuafoo ที่ มีนาคม 06, 2013, 16:54:38

ถ้าผมเลือก ขอเลือกรถแต่งแบบ "เกือบจะเต็ม" คือทำแค่พอสวยงาม ไม่เน้นแรง
ยืนมองแล้วยิ้มคนเดียวก็พอใจแล้วครับ
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: NaNaNa ที่ มีนาคม 06, 2013, 16:55:02
เป็นผมขอเดิมๆ 320d แถมมีวารันตี ซ่อมฟรี อีกต่างหาก ขับเดิมๆดีที่สุดมาจากโรงงานดีที่สุดครับ
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: marksss ที่ มีนาคม 06, 2013, 17:03:51
ผมว่า320d f30 ไม่แต่งก็สวยแล้วครับ
แต่ถ้าแต่งจัดm3
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: MystogaN ที่ มีนาคม 06, 2013, 17:07:04
Civic แต่งเต็มสูบคนเค้าจะมองเราเป็นเด็กแว้นแต่งรถซิ่งนะครับ

Civic แต่งไม่เยอะมาก เปลี่ยนล้อ ใส่เสกิตรอบคัน ผมว่าประมาณนี้เพียงพอแล้วครับ

ไม่งั้นก็ 320d เดิมๆ หรือถ้างบเหลือแปลงร่างเป็น M3 อีกสักนิดพอกรุบกริบ ก็ยิ่งสวยขึ้นไปอีกครับ
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ มีนาคม 06, 2013, 17:10:56
ถ้าเป็นคู่นี้320Dดีกว่าครับ โครงสร้างของช่วงล่างมันต่างกันเกินไป ถ้าไม่เอาซีวิคไปวางเครื่องใหม่หรือใส่เทอร์โบก็ท่าจะยากที่จะตามทัน ยกเว้นว่าจะเป้นรถที่เอาไว้ซิ่งอย่างเดียวแล้วทิ้งไว้อู่นานๆๆใส่แคมชาฟ ใส่ลูกสูปใหม่หมดทุกอย่างซึ่งก็จะกระทบเรื่องน้ำมันกับความสบายในการใช้งานด้วย ผมมองว่า320Dไม่จำเป็นต้องแต่งเต็มสูบ เอาแค่กล่องจูนเพิ่มแรงม้าแรงบิดกับโช๊ค bilstein B6+สปริง HR งบปนะมาณไม่เกินแสนเท่านี้ก็ทวีคูณเพิ่มความน่ากลัวขึ้นไปอีกหลายเท่าแล้วด้วยความที่รถมีเทอร์โบมันเรียกแรงม้าได้ง่ายกว่าในงบประมาณที่เท่ากัน ช่วงล่างBMWก็อยู่ในระดับที่ดีมากอยู่แล้วด้วย   :-*

เหมือนเห็นเคยอ่านมาจากไหนน้าเห็นว่า 320D เนี่ยให้จูนเนอร์จูนแบบ remap ลง ECU พร้อมกับทำระบบไอเสียทั้งเส้น เอาไปวิ่งควอเตอร์ไมล์ทำเวลาได้ใกล้เคียง350Zเดิมๆเลย  :-X
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: MystogaN ที่ มีนาคม 06, 2013, 17:12:36
320d ดันรางเบย  ;D
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: TJA ที่ มีนาคม 06, 2013, 17:13:23
ถ้าสมมติว่าโจทย์เป็นE90-320d คือเอาราคา320Dเป็นตัวกำหนดเพดานค่าแต่งนะ
นึกถึงคนที่ซื้อซีเดียมาแต่งEvoแท้ทั้งคันก็ได้ครับ ค่าทำรวมค่าตัวรถไปด้วยยังงัยๆก็ไม่เกิน2.8ล้านแน่นอน
ถ้าตัดเรื่องที่ว่ารถทำอัดยาวๆแล้วจะไม่อึดเหมือนรถโรงงานนะ ยังงัยE90ก็โดนครับ
ดังนั้นถ้าคิดถึงเรื่องสมรรถนะเป็นหลักๆ เอาไว้ซัดกันอย่างเดียว ก็ไม่แน่เสมอไปว่ารถโรงงานจะดีกว่า
แต่ถ้าคิดถึงเรื่องในชีวิตประจำวันด้วย รถโรงงานก็อาจจะได้เรื่องความสะดวกสบายในการใช้งาน ไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษเหมือนรถอู่ก็ได้ครับ    :)

.-_-.
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: f1rstgot ที่ มีนาคม 06, 2013, 17:32:59
งบขนาดนี้ ไม่มีทางเอารถแต่งครับ ยังไงซะก็ต้อง พรีเมียมคอมแพกต์ เดิมๆจากโรงงานครับ
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Kubota ที่ มีนาคม 06, 2013, 17:34:13
แต่งยังไงหมด 2 ล้านอะคับ
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: reasonoitome ที่ มีนาคม 06, 2013, 17:47:09
แหะๆ ตัวอย่างผมอาจจะเวอร์ไป เพราะ 320d ราคามันก็สูงอยู่

สมมุติใหม่...

Skoda Fabia RS กับ Jazz แต่ง (ตัวอย่าง อย่างเช่นในกระทู้นี้ http://www.hondajazzlover.com/forum/index.php?topic=7020.0 (http://www.hondajazzlover.com/forum/index.php?topic=7020.0) )

จะเลือกคันไหนกันครับ
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: ぼくは"P.P."です ที่ มีนาคม 06, 2013, 18:10:03
แหะๆ ตัวอย่างผมอาจจะเวอร์ไป เพราะ 320d ราคามันก็สูงอยู่

สมมุติใหม่...

Skoda Fabia RS กับ Jazz แต่ง (ตัวอย่าง อย่างเช่นในกระทู้นี้ http://www.hondajazzlover.com/forum/index.php?topic=7020.0 (http://www.hondajazzlover.com/forum/index.php?topic=7020.0) )

จะเลือกคันไหนกันครับ

ปรมาณ1.6ล้านสินะครับ :-\
ส่วนตัวผมชอบลุคของรถเดิมๆมากกว่าอะครับ
เพราะผมรู้สึกว่าบางทีมันก็ดูแว๊นๆไปบ้างถ้าเป็นรถที่แต่งเยอะๆ5555 ;D
ส่วนตัวผมว่าFabia RSไปเลยครับ
แค่นี้ก็เกินพอแล้วครับ
เพราะว่ามันจี๊ดพอๆกับGolf GTIเลยทีเดียว ;D
ลองเอาอันนี้ไปอ่านครับhttp://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=3273:skoda-fabia-rs-14-tsi-7-dsg-180-ps&catid=70:sport-a-specialty&Itemid=89 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=3273:skoda-fabia-rs-14-tsi-7-dsg-180-ps&catid=70:sport-a-specialty&Itemid=89)
อันนี้รีวิวที่พี่Jimmyทำไว้ :D
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Monn ที่ มีนาคม 06, 2013, 18:34:23
ผมว่าตัวอย่างยังไงก็ไม่จบ อยู่ที่ใจรักมากกว่า พื้นฐานแล้ว คงเลือกเอารถดีไว้ก่อน ในงบที่มีอยู่ แล้วเอามาแต่งเพิ่มเติมทีหลัง

ขอยกตัวอย่างตัวเองเลยดีกว่า ผมออก accord G8 กะมาแต่ง vip ก็เอาตัว 2.0 ก็พอ ขับชิลๆ ออกมาก็ซัด ล้อ 20 โหลดชุดโช๊ค เครื่องเสียงเต็ม ชุดแต่ง เบ็ดเสร็จก็แพงว่าตัว 2.4 พอสมควร ไม่ได้แต่งเครื่องอยู่อย่างเดียว หากทำเครื่องก็คงอีกสัก 1-2 แสน อยู่ที่จะทำ step ไหน

ตอนนี้ออก F30 standard เพียวๆ ขับยังไงก็ดีกว่า accord ที่ทำช่วงล่าง+เปลี่ยนล้อ แบบเต็มๆ คือถึงรถจะใหญ่กว่า แต่การควบคุมสู้ F30 ไม่ได้เลย  ถึงแม้จะโหลดลงมา แต่นิ่งสู้ F30 ไม่ได้เลย  ขับเร็ว ถึงรถจะใหญ่และโหลดมา แต่มั่นคงสู้ F30 ไม่ได้เลย การควบคุมรถต่างชั้นกันอยู่พอสมควรครับ  ก็เข้าใจได้ ทำไม BMW มันถึงแพงกว่า accord ถึง 2 เท่า ทั้งๆ ที่เล็กกว่า พอขับแล้ว คำตอบชัดเจนมากครับ

ดังนั้น เลือกยังไงก็เอารถเดิมๆ ที่ดีที่สุดในงบก่อน แล้วมาแต่งเพิ่มทีหลังครับ
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Emission-Tester ที่ มีนาคม 06, 2013, 18:54:34
หมายถึง Civic ตัวนี้รึเปล่าครับ

FD2 Type R
...ปัจจุบันที่ญี่ปุ่น เลิกผลิตแล้ว
ช่วงปีผลิตประมาณ 2007-2010 ล่่ะมังครับ
....เครื่อง K20A แรงม้า 200 กว่าตัว
สำนักแต่งเพียบ Spoon, J'S, Feel's, Mugen และอื่นๆ

ตอนนั้น นำเข้าทั้งคันราคาประมาณ 2 ล้านกว่าๆ ล่ะมั้งครับ
ปัจจุบัน เริ่มมีนำเข้ารถแท้ทั้งคัน, หัวตัด เข้ามาบ้านเราบ้างแล้ว

ส่วนตัวผมเลือก BM + ล้อเสป็คหล่อๆ ก็พอแล้วครับ 55
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Adi Autolism ที่ มีนาคม 06, 2013, 18:56:06
คู่เปรียบคนละรุ่นเลยยังไงในนี้ก็เลือกBM คับ
แต่ถ้ามีBM อยู่แล้ว ผมขอ Civic type R แท้ๆซักคัน
 :D
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: ceberos ที่ มีนาคม 06, 2013, 19:10:40
ยังไงผมก็ชอบรถแต่งฮะ มันดูเป็น Style ของเราเองดี ไม่รู้ว่าจะซ้ำกับคนอื่นมั้ยแต่มันเป็นสิ่งที่ใจเราต้องการแน่นอน  ;D รถญี่ปุ่นความสนุกอยู่ที่ของเยอะนี้ละครับ รถฝรั่งของแต่งแพง มีปัญหาหาแก้ยากอีก - -"
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: hutzero ที่ มีนาคม 06, 2013, 19:40:44
ของแบบนี้มันขึ้นกับความพอใจด้วย  อย่างงบ 3 ล้านผมเอาไปลง EVO 8 MR แต่งนิดหน่อย ยังไง 320D ก็ตามไม่ทัน  ทั้งทางตรงและทางโค้ง
แต่ถ้าโดยรวมเน้นแรง ประหยัดน้ำมัน และเสริมบารมี  320D ก็เหมาะกว่า
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ มีนาคม 06, 2013, 19:45:01
ผมยังชอบรถเดิมๆจากโรงงานอยู่นะครับ

ยิ่งรถแพงๆ ซื้อมาจบเลยไม่ต้องแต่ง
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: NaNaNa ที่ มีนาคม 06, 2013, 19:55:09
ซื้อมา แต่งรอบคัน ก็เท่แล้วครับ อย่าไปยุ่งกับเครื่องเลย
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Whisky ที่ มีนาคม 06, 2013, 22:03:32
ผมว่าตัวอย่างยังไงก็ไม่จบ อยู่ที่ใจรักมากกว่า พื้นฐานแล้ว คงเลือกเอารถดีไว้ก่อน ในงบที่มีอยู่ แล้วเอามาแต่งเพิ่มเติมทีหลัง

ขอยกตัวอย่างตัวเองเลยดีกว่า ผมออก accord G8 กะมาแต่ง vip ก็เอาตัว 2.0 ก็พอ ขับชิลๆ ออกมาก็ซัด ล้อ 20 โหลดชุดโช๊ค เครื่องเสียงเต็ม ชุดแต่ง เบ็ดเสร็จก็แพงว่าตัว 2.4 พอสมควร ไม่ได้แต่งเครื่องอยู่อย่างเดียว หากทำเครื่องก็คงอีกสัก 1-2 แสน อยู่ที่จะทำ step ไหน

ตอนนี้ออก F30 standard เพียวๆ ขับยังไงก็ดีกว่า accord ที่ทำช่วงล่าง+เปลี่ยนล้อ แบบเต็มๆ คือถึงรถจะใหญ่กว่า แต่การควบคุมสู้ F30 ไม่ได้เลย  ถึงแม้จะโหลดลงมา แต่นิ่งสู้ F30 ไม่ได้เลย  ขับเร็ว ถึงรถจะใหญ่และโหลดมา แต่มั่นคงสู้ F30 ไม่ได้เลย การควบคุมรถต่างชั้นกันอยู่พอสมควรครับ  ก็เข้าใจได้ ทำไม BMW มันถึงแพงกว่า accord ถึง 2 เท่า ทั้งๆ ที่เล็กกว่า พอขับแล้ว คำตอบชัดเจนมากครับ

ดังนั้น เลือกยังไงก็เอารถเดิมๆ ที่ดีที่สุดในงบก่อน แล้วมาแต่งเพิ่มทีหลังครับ

จะเอา D-segment มาเทียบกับ C-segment มันก็ยังงัยอยู่

แต่จากที่ผมอ่านข้อมูลที่คุณบอก แค่ล้อ 20 กับโหลด ก็ไม่ได้ถือว่าแต่งช่วงล่างอะไรหรอกนะครับ เหมือนทำเพื่อความสวยงามมากกว่า
แต่ถ้าจะทำ suspension tuning จริงๆ รายละเอียดมันเยอะ ทั้งเรื่องมุมล้อ roll center  ระบบขับเคลื่อน การเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวถัง(ลด chassis flex) การกระจายน้ำหนัก(สามารถทำ corner weight ได้กรณีเป็นปรับเกลียว) เรื่อง unsprung weight รวมถึง aero dynamics ด้วย

รถ segment ต่างกัน target group ก็ต่างกัน ถ้าเทียบ c-segment ทั้งคู่ วิ่ง circuit ผมถือหางรถเบากว่าครับ ถ้าเน้นทางตรงวิ่งเร็วผมถือหางรถหนักกว่า
รถคุณ แม็ก 20 ปรับมุม toe-in รองรับหน้ายางที่กว้างขึ้นหรือยังล่ะครับ รถมันจะได้ไม่เลื้อย

ถ้าจะขับเร็วน่ะ แค่มุม caster ของ bmw ก็มีผลมากแล้ว
ไม่นับมุมที่เหลือ กับ แรงดันลมยางที่่เหมาะสมอีก

ที่ bmw มันแพงเพราะเด่นเรื่อง lightweight technology ที่นำมาใช้กับช่วงล่าง และตัวถังที่มีความแข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบา แค่นี้ก็กินขาดเรื่องการขับขี่แล้ว
ยังไม่รวมถึงการ set พวงมาลัยและมุมล้อ กับ ระบบขับเคลื่อนอีก เช่น เฟืองท้าย เกี่ยร์ การกระจายแรงบิด

ฟังหูไว้หูแล้วกันนะครับ มาแชร์ให้ฟัง เพราะว่าผมก็แต่งรถเหมือนกัน แค่จะบอกว่ารายละเอียดการ tune รถมันมากกว่าที่คุณทำอยู่เท่านั้นเอง ;)
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: ceberos ที่ มีนาคม 06, 2013, 22:55:41
แน่นเปรี้ย  :o สนใจเรื่องช่วงล่างขึ้นมาทันทีเลย  ;)
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: YenChar ที่ มีนาคม 07, 2013, 07:57:41
Civic VS F30 320d
ค่าตัวต่างกัน 3 เท่า...

ถ้าเอาแค่ความแรงผมเลือกรถแต่งครับ เพราะคุณจะทำยังไงกับมันก็ได้
เอา Civic FB สมมุติราคา 850,000 ถ้วนๆ
วางเคยี่ฝาแดง วายริ่งครบๆ ท่อ กรอง กล่อง ตีว่า 2 แสน
เบรค Project Mu ตีว่าซัก 8 หมื่น
ช่วงล่าง Tein Flex ชุดเดียวจบๆ ตีซัก 5-6 หมื่น
ค้ำแท้ Rigid ยางดีๆ ล้อญี่ปุ่นเบาๆ ตีไว้ซักแสน
เบ็ดเสร็จ ไม่เกิน 1.3 ล้าน ได้รถแต่งแรงโครตๆสมใจอยาก
ส่วนต่างอีกเป็นล้าน เติมน้ำมัน เปลี่ยนยาง แบต ดูแลมัน ส่วนต่างเป็นล้านใช้ได้อีก 10 ปีเพื่อดูแลมัน

ถ้าเน้นนุ่ม นั่งสบาย ใช้ในชีวิตประจำวัน ยังไงๆรถเดิมๆจากโรงงานก็ดีที่สุด
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ มีนาคม 07, 2013, 09:12:31
ผมว่าตัวอย่างยังไงก็ไม่จบ อยู่ที่ใจรักมากกว่า พื้นฐานแล้ว คงเลือกเอารถดีไว้ก่อน ในงบที่มีอยู่ แล้วเอามาแต่งเพิ่มเติมทีหลัง

ขอยกตัวอย่างตัวเองเลยดีกว่า ผมออก accord G8 กะมาแต่ง vip ก็เอาตัว 2.0 ก็พอ ขับชิลๆ ออกมาก็ซัด ล้อ 20 โหลดชุดโช๊ค เครื่องเสียงเต็ม ชุดแต่ง เบ็ดเสร็จก็แพงว่าตัว 2.4 พอสมควร ไม่ได้แต่งเครื่องอยู่อย่างเดียว หากทำเครื่องก็คงอีกสัก 1-2 แสน อยู่ที่จะทำ step ไหน

ตอนนี้ออก F30 standard เพียวๆ ขับยังไงก็ดีกว่า accord ที่ทำช่วงล่าง+เปลี่ยนล้อ แบบเต็มๆ คือถึงรถจะใหญ่กว่า แต่การควบคุมสู้ F30 ไม่ได้เลย  ถึงแม้จะโหลดลงมา แต่นิ่งสู้ F30 ไม่ได้เลย  ขับเร็ว ถึงรถจะใหญ่และโหลดมา แต่มั่นคงสู้ F30 ไม่ได้เลย การควบคุมรถต่างชั้นกันอยู่พอสมควรครับ  ก็เข้าใจได้ ทำไม BMW มันถึงแพงกว่า accord ถึง 2 เท่า ทั้งๆ ที่เล็กกว่า พอขับแล้ว คำตอบชัดเจนมากครับ

ดังนั้น เลือกยังไงก็เอารถเดิมๆ ที่ดีที่สุดในงบก่อน แล้วมาแต่งเพิ่มทีหลังครับ

จะเอา D-segment มาเทียบกับ C-segment มันก็ยังงัยอยู่

แต่จากที่ผมอ่านข้อมูลที่คุณบอก แค่ล้อ 20 กับโหลด ก็ไม่ได้ถือว่าแต่งช่วงล่างอะไรหรอกนะครับ เหมือนทำเพื่อความสวยงามมากกว่า
แต่ถ้าจะทำ suspension tuning จริงๆ รายละเอียดมันเยอะ ทั้งเรื่องมุมล้อ roll center  ระบบขับเคลื่อน การเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวถัง(ลด chassis flex) การกระจายน้ำหนัก(สามารถทำ corner weight ได้กรณีเป็นปรับเกลียว) เรื่อง unsprung weight รวมถึง aero dynamics ด้วย

รถ segment ต่างกัน target group ก็ต่างกัน ถ้าเทียบ c-segment ทั้งคู่ วิ่ง circuit ผมถือหางรถเบากว่าครับ ถ้าเน้นทางตรงวิ่งเร็วผมถือหางรถหนักกว่า
รถคุณ แม็ก 20 ปรับมุม toe-in รองรับหน้ายางที่กว้างขึ้นหรือยังล่ะครับ รถมันจะได้ไม่เลื้อย

ถ้าจะขับเร็วน่ะ แค่มุม caster ของ bmw ก็มีผลมากแล้ว
ไม่นับมุมที่เหลือ กับ แรงดันลมยางที่่เหมาะสมอีก

ที่ bmw มันแพงเพราะเด่นเรื่อง lightweight technology ที่นำมาใช้กับช่วงล่าง และตัวถังที่มีความแข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบา แค่นี้ก็กินขาดเรื่องการขับขี่แล้ว
ยังไม่รวมถึงการ set พวงมาลัยและมุมล้อ กับ ระบบขับเคลื่อนอีก เช่น เฟืองท้าย เกี่ยร์ การกระจายแรงบิด

ฟังหูไว้หูแล้วกันนะครับ มาแชร์ให้ฟัง เพราะว่าผมก็แต่งรถเหมือนกัน แค่จะบอกว่ารายละเอียดการ tune รถมันมากกว่าที่คุณทำอยู่เท่านั้นเอง ;)


ทะ.....ท่านอาจารย์!!!  :)
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: udis ที่ มีนาคม 07, 2013, 09:39:36
ผมว่าตัวอย่างยังไงก็ไม่จบ อยู่ที่ใจรักมากกว่า พื้นฐานแล้ว คงเลือกเอารถดีไว้ก่อน ในงบที่มีอยู่ แล้วเอามาแต่งเพิ่มเติมทีหลัง

ขอยกตัวอย่างตัวเองเลยดีกว่า ผมออก accord G8 กะมาแต่ง vip ก็เอาตัว 2.0 ก็พอ ขับชิลๆ ออกมาก็ซัด ล้อ 20 โหลดชุดโช๊ค เครื่องเสียงเต็ม ชุดแต่ง เบ็ดเสร็จก็แพงว่าตัว 2.4 พอสมควร ไม่ได้แต่งเครื่องอยู่อย่างเดียว หากทำเครื่องก็คงอีกสัก 1-2 แสน อยู่ที่จะทำ step ไหน

ตอนนี้ออก F30 standard เพียวๆ ขับยังไงก็ดีกว่า accord ที่ทำช่วงล่าง+เปลี่ยนล้อ แบบเต็มๆ คือถึงรถจะใหญ่กว่า แต่การควบคุมสู้ F30 ไม่ได้เลย  ถึงแม้จะโหลดลงมา แต่นิ่งสู้ F30 ไม่ได้เลย  ขับเร็ว ถึงรถจะใหญ่และโหลดมา แต่มั่นคงสู้ F30 ไม่ได้เลย การควบคุมรถต่างชั้นกันอยู่พอสมควรครับ  ก็เข้าใจได้ ทำไม BMW มันถึงแพงกว่า accord ถึง 2 เท่า ทั้งๆ ที่เล็กกว่า พอขับแล้ว คำตอบชัดเจนมากครับ

ดังนั้น เลือกยังไงก็เอารถเดิมๆ ที่ดีที่สุดในงบก่อน แล้วมาแต่งเพิ่มทีหลังครับ

จะเอา D-segment มาเทียบกับ C-segment มันก็ยังงัยอยู่

แต่จากที่ผมอ่านข้อมูลที่คุณบอก แค่ล้อ 20 กับโหลด ก็ไม่ได้ถือว่าแต่งช่วงล่างอะไรหรอกนะครับ เหมือนทำเพื่อความสวยงามมากกว่า
แต่ถ้าจะทำ suspension tuning จริงๆ รายละเอียดมันเยอะ ทั้งเรื่องมุมล้อ roll center  ระบบขับเคลื่อน การเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวถัง(ลด chassis flex) การกระจายน้ำหนัก(สามารถทำ corner weight ได้กรณีเป็นปรับเกลียว) เรื่อง unsprung weight รวมถึง aero dynamics ด้วย

รถ segment ต่างกัน target group ก็ต่างกัน ถ้าเทียบ c-segment ทั้งคู่ วิ่ง circuit ผมถือหางรถเบากว่าครับ ถ้าเน้นทางตรงวิ่งเร็วผมถือหางรถหนักกว่า
รถคุณ แม็ก 20 ปรับมุม toe-in รองรับหน้ายางที่กว้างขึ้นหรือยังล่ะครับ รถมันจะได้ไม่เลื้อย

ถ้าจะขับเร็วน่ะ แค่มุม caster ของ bmw ก็มีผลมากแล้ว
ไม่นับมุมที่เหลือ กับ แรงดันลมยางที่่เหมาะสมอีก

ที่ bmw มันแพงเพราะเด่นเรื่อง lightweight technology ที่นำมาใช้กับช่วงล่าง และตัวถังที่มีความแข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบา แค่นี้ก็กินขาดเรื่องการขับขี่แล้ว
ยังไม่รวมถึงการ set พวงมาลัยและมุมล้อ กับ ระบบขับเคลื่อนอีก เช่น เฟืองท้าย เกี่ยร์ การกระจายแรงบิด

ฟังหูไว้หูแล้วกันนะครับ มาแชร์ให้ฟัง เพราะว่าผมก็แต่งรถเหมือนกัน แค่จะบอกว่ารายละเอียดการ tune รถมันมากกว่าที่คุณทำอยู่เท่านั้นเอง ;)

แจ่ม
 ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Monn ที่ มีนาคม 07, 2013, 09:53:40
ผมว่าตัวอย่างยังไงก็ไม่จบ อยู่ที่ใจรักมากกว่า พื้นฐานแล้ว คงเลือกเอารถดีไว้ก่อน ในงบที่มีอยู่ แล้วเอามาแต่งเพิ่มเติมทีหลัง

ขอยกตัวอย่างตัวเองเลยดีกว่า ผมออก accord G8 กะมาแต่ง vip ก็เอาตัว 2.0 ก็พอ ขับชิลๆ ออกมาก็ซัด ล้อ 20 โหลดชุดโช๊ค เครื่องเสียงเต็ม ชุดแต่ง เบ็ดเสร็จก็แพงว่าตัว 2.4 พอสมควร ไม่ได้แต่งเครื่องอยู่อย่างเดียว หากทำเครื่องก็คงอีกสัก 1-2 แสน อยู่ที่จะทำ step ไหน

ตอนนี้ออก F30 standard เพียวๆ ขับยังไงก็ดีกว่า accord ที่ทำช่วงล่าง+เปลี่ยนล้อ แบบเต็มๆ คือถึงรถจะใหญ่กว่า แต่การควบคุมสู้ F30 ไม่ได้เลย  ถึงแม้จะโหลดลงมา แต่นิ่งสู้ F30 ไม่ได้เลย  ขับเร็ว ถึงรถจะใหญ่และโหลดมา แต่มั่นคงสู้ F30 ไม่ได้เลย การควบคุมรถต่างชั้นกันอยู่พอสมควรครับ  ก็เข้าใจได้ ทำไม BMW มันถึงแพงกว่า accord ถึง 2 เท่า ทั้งๆ ที่เล็กกว่า พอขับแล้ว คำตอบชัดเจนมากครับ

ดังนั้น เลือกยังไงก็เอารถเดิมๆ ที่ดีที่สุดในงบก่อน แล้วมาแต่งเพิ่มทีหลังครับ

จะเอา D-segment มาเทียบกับ C-segment มันก็ยังงัยอยู่

แต่จากที่ผมอ่านข้อมูลที่คุณบอก แค่ล้อ 20 กับโหลด ก็ไม่ได้ถือว่าแต่งช่วงล่างอะไรหรอกนะครับ เหมือนทำเพื่อความสวยงามมากกว่า
แต่ถ้าจะทำ suspension tuning จริงๆ รายละเอียดมันเยอะ ทั้งเรื่องมุมล้อ roll center  ระบบขับเคลื่อน การเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวถัง(ลด chassis flex) การกระจายน้ำหนัก(สามารถทำ corner weight ได้กรณีเป็นปรับเกลียว) เรื่อง unsprung weight รวมถึง aero dynamics ด้วย

รถ segment ต่างกัน target group ก็ต่างกัน ถ้าเทียบ c-segment ทั้งคู่ วิ่ง circuit ผมถือหางรถเบากว่าครับ ถ้าเน้นทางตรงวิ่งเร็วผมถือหางรถหนักกว่า
รถคุณ แม็ก 20 ปรับมุม toe-in รองรับหน้ายางที่กว้างขึ้นหรือยังล่ะครับ รถมันจะได้ไม่เลื้อย

ถ้าจะขับเร็วน่ะ แค่มุม caster ของ bmw ก็มีผลมากแล้ว
ไม่นับมุมที่เหลือ กับ แรงดันลมยางที่่เหมาะสมอีก

ที่ bmw มันแพงเพราะเด่นเรื่อง lightweight technology ที่นำมาใช้กับช่วงล่าง และตัวถังที่มีความแข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบา แค่นี้ก็กินขาดเรื่องการขับขี่แล้ว
ยังไม่รวมถึงการ set พวงมาลัยและมุมล้อ กับ ระบบขับเคลื่อนอีก เช่น เฟืองท้าย เกี่ยร์ การกระจายแรงบิด

ฟังหูไว้หูแล้วกันนะครับ มาแชร์ให้ฟัง เพราะว่าผมก็แต่งรถเหมือนกัน แค่จะบอกว่ารายละเอียดการ tune รถมันมากกว่าที่คุณทำอยู่เท่านั้นเอง ;)

น้อมรับครับ  ;D 

แต่แต่งเต็มแบบนั้นคงเอาไว้แข่ง ผมแค่ขับธรรมดา เลยไม่ได้อยากยุ่งแบบรื้อทำขนาดนั้นหนะครับ ศึกษามานิดหน่อย แต่สุดท้ายไม่เอาดีกว่า แพงใช่เล่น และยังไงมันก็คงไม่สุด เลยเอาแบบขับสบายๆ ดีกว่าหนะครับ ที่สำคัญ ใช้รถเยอะและไม่นานด้วย เลยไม่ค่อยอยากลงทุนมาก หากทำเต็มที่ ผมว่าราคามันก็คงไม่ต่างเลย FD แต่งเต็ม กับ 320D  อันนี้อยู่ที่สไตล์ละครับ เพราะไม่งั้นเขาคงขายไม่ได้  ;)
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: myalexxp ที่ มีนาคม 07, 2013, 10:51:51
ถ้าเป็นผม จัดอีโว 9 MR ทำแท้ ครับ

เงินเหลือเพียบบบบ

แรงแน่นอน  ;D
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Whisky ที่ มีนาคม 07, 2013, 11:07:32
รวบรัดตัดความเลยนะครับ

เรื่องแบบนี้นานาจิตตังครับ
ถ้าคุณเลือกรถพื้นฐานดีจริงๆ การต่อยอดย่อมทำได้ง่ายกว่า ดีกว่า และประหยัดงบกว่า

จะให้ง่ายเลยควรตอบตัวเองให้ได้ว่าชอบแบบไหน เดิม หรือ ชอบแต่ง
การเลือกรถพื้นฐานไม่ดีมา แต่งให้ตายยังงัยบางทีก็ดีสู้รถเดิมๆ ไม่ได้ เพราะรถมันมีขีดจำกัดของมัน และอาจใช้เงินมากกว่าที่คิด

รถในปัจจุบันที่ค่อนข้างเป็น mass จะผลิตโดยอาศัย market-driven ศึกษา target แล้วผลิตรถแต่ละรุ่นมาเจาะตลาดนั้นๆ
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่ารถตลาดอย่าง c-segment หลายคัน ถึง set ช่วงล่างมาไม่เหมือนกัน เพราะเค้าเอาใจตลาดกลุ่มไหนมากกว่างัยครับ
จะมาบอกว่า toyota เค้าช่วงล่างห่วยกว่า เจ้าอื่นก็คงไม่ยุติธรรมนัก พวกนี้กำหนดโดยตลาดทั้งนั้น

คนที่บอกว่ารถตัวนั้นห่วย ตัวนี้ไม่ดี โดยเฉพาะที่ไม่เกี่ยวกับ defect จากการผลิตชิ้นส่วน ผมว่าคนๆนั้นไม่เข้าใจเรื่องการตลาดซักเท่าไหร่ และคิดว่าโลกหมุนรอบตัวเอง รุ่นไหนยี่ห้อไหน ขับแล้วคุณไม่ถูกใจ ก็ไม่ต้องซื้อ เพราะคุณก็แค่ไม่ได้อยู่ใน target group ก็เท่านั้น
และปัจจัยที่ทำให้คนซื้อรถ ก็ไม่ดีไม่แค่การขับขี่หรือลักษณะทางกายภาพของรถเพียงอย่างเดียว ไหนจะภาพลักษณ์ของแบรนด์ คุณภาพในการผลิต การบริการหลังการขาย ฯลฯ

เราเองเป็นผู้บริโภคที่ไม่ได้อยู่ในยุคอุตสาหกรรม เราอยู่ยุคแห่งข่าวสารข้อมูล เป็นยุคที่เทคโนโลยีค่อนข้างทัดเทียมกัน คุณไม่ต้องทนใช้ของอะไรก็ได้ที่ผลิต
ออกมาแล้วต้องทนใช้แบบคนโบราณ ที่ผลิตออกมายังงัยก็ขายได้

สมัยนี้ผู้ผลิตลองไม่ศึกษาตลาดสิครับ ของผลิตมาขายไม่ออกแน่นอน

ปล. แย้งหรือเสริมได้นะครับ ผมน้อมรับ ;D
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: HYDE-- ที่ มีนาคม 07, 2013, 11:29:48
ถ้าเป็นผม ผมคงเอา f30 ป้ายแดง ถ้าคิดว่า ไม่ได้ไว้แข่งกับใคร

หรือไม่ก้ ซื้อรถยุโรป หรือ รถสปอร์ตญี่ปุ่น หรือ รถญี่ปุ่นแรงๆ มือสอง ราคาล้านกลางๆ
เงินที่เหลือก้เอามาเป็นงบไว้แต่ง เท่าไหนก้เท่านั้น
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ มีนาคม 07, 2013, 12:32:51
งั้นขอรบกวนถามต่อเลยนะครับ เห็นว่ารถที่มีน้ำหนักเบากว่าจะดีกว่าเวลาแล่นในแบบ circuit หากเทียบกับรถที่มีน้ำหนักมากกว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นครับ?  :)

ว่ากันในแง่ของการเข้าโค้งน่ะครับ ไม่รวมถึงอัตราเร่งและระบบช่วยเหลือต่างๆและการทำเวลาต่อรอบ หากว่ายกตัวเปรียบเทียบเป็นซีวิค มาสด้า3 ฟอร์ดโฟกัส3คันนี้ เท่าที่ผมรู้มาคือคู่แฝดร่วมแพลทฟอร์มมาสด้ากับโฟกัสนั้นมีน้ำหนักตัวที่มากกว่าซีวิค50-60กิโลได้มั้งถ้าจำไม่ผิด เนื่องจากมีชิ้นส่วนช่วงล่างที่มีขนาดใหญ่กว่ารองรับแรงเหวี่ยงในโค้งได้มากกว่าจากชิ้นส่วนต่างๆเช่นซับเฟรมที่มีขนาดใหญ่กว่า เหล็กกันโคลงที่ใหญ่กว่า มีสันกลางรถ จำนวนมัลติลิงค์ที่มากกว่า(ในฟอร์ดเสริม control blade เข้ามาเพิ่ม) ความต่างด้านช่วงล่างทั้งหลายเหล่านี้จัดอยู่ในขอบข่ายที่ว่ารถเบากว่าการเข้าโค้งทำได้ดีกว่าไหมครับ?  :)

ผมเคยอ่านจากบททดสอบของฝรั่งบนอินเตอร์เน็ตเว็บนึงจำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไรเสียดายชะมัดที่ไม่ได้เก็บลิงค์เอาไว้ ในนั้นเค้าเปรียบเทียบระหว่างซีวิคFD มาสด้า3กับโฟกัสรุ่นที่แล้ว ในการทดสอบ slalom นั้นฟอร์ดจะทำความเร็วได้สูงกว่ามาสด้าประมาณ10-15(จำหน่วยไม่ได้ว่าเป็นกิโลเมตรหรือไมล์)ทั้งสองผ่านการทดสอบโดยผู้ทดสอบให้ความเห็นว่าอยู่ในเกณท์ที่ดี ในขณะที่ซีวิคนั้นผมจำตัวเลขที่เค้าทำไม่ได้แล้วแต่จำได้ว่าท้ายซีวิคนั้นมีอาการย้วยปัดกรวยล้มไป2-3อันได้ซึ่งก็มีภาพให้ดูว่าปัดกรวยล้มระหว่างแล่น ถ้าเอาทั้งสามคันไปแล่นในแบบ circiut นั้นผลที่ได้จะแตกต่างจากการใช้งานแบบทั่วๆไปไหมครับ? อยากขอถามความเห็นเรื่องนี้จากผู้รู้ลึกหน่อยครับ  :-*   

หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: kvlegendstar ที่ มีนาคม 07, 2013, 14:07:48
BMW โลดครับ เหตุผลพื้นฐานหากเป็นคนโสด สาวมองเพียบฮะ ห้าๆๆๆ

ถ้าเรื่องสมรรถนะ ผมก็ยังเชียร์ บีเอ็ม ก่อนจะเอา ซีวิคไปแต่ง ยกเว้นคุณใจรัก มีเวลาเอารถไปอู่เป็นวันๆ จูนนู้นๆนี่ๆ หาของเล่นมาใส่เพิ่มนู้นนี่เอง :-*
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: udis ที่ มีนาคม 07, 2013, 14:36:25
BMW โลดครับ เหตุผลพื้นฐานหากเป็นคนโสด สาวมองเพียบฮะ ห้าๆๆๆ

ถ้าเรื่องสมรรถนะ ผมก็ยังเชียร์ บีเอ็ม ก่อนจะเอา ซีวิคไปแต่ง ยกเว้นคุณใจรัก มีเวลาเอารถไปอู่เป็นวันๆ จูนนู้นๆนี่ๆ หาของเล่นมาใส่เพิ่มนู้นนี่เอง :-*

เอาจริงๆไม่รู้ว่า BMW กับ Civic ใครจะอยู่อู่เป็นวันๆมากกว่ากันครับ
 ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: redsun ที่ มีนาคม 07, 2013, 15:29:42
ลองขับคันที่แต่งแล้ว เทียบกับ BMW อาจจะได้คำตอบ
 ;D
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Whisky ที่ มีนาคม 07, 2013, 22:55:15
งั้นขอรบกวนถามต่อเลยนะครับ เห็นว่ารถที่มีน้ำหนักเบากว่าจะดีกว่าเวลาแล่นในแบบ circuit หากเทียบกับรถที่มีน้ำหนักมากกว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นครับ?  :)

ว่ากันในแง่ของการเข้าโค้งน่ะครับ ไม่รวมถึงอัตราเร่งและระบบช่วยเหลือต่างๆและการทำเวลาต่อรอบ หากว่ายกตัวเปรียบเทียบเป็นซีวิค มาสด้า3 ฟอร์ดโฟกัส3คันนี้ เท่าที่ผมรู้มาคือคู่แฝดร่วมแพลทฟอร์มมาสด้ากับโฟกัสนั้นมีน้ำหนักตัวที่มากกว่าซีวิค50-60กิโลได้มั้งถ้าจำไม่ผิด เนื่องจากมีชิ้นส่วนช่วงล่างที่มีขนาดใหญ่กว่ารองรับแรงเหวี่ยงในโค้งได้มากกว่าจากชิ้นส่วนต่างๆเช่นซับเฟรมที่มีขนาดใหญ่กว่า เหล็กกันโคลงที่ใหญ่กว่า มีสันกลางรถ จำนวนมัลติลิงค์ที่มากกว่า(ในฟอร์ดเสริม control blade เข้ามาเพิ่ม) ความต่างด้านช่วงล่างทั้งหลายเหล่านี้จัดอยู่ในขอบข่ายที่ว่ารถเบากว่าการเข้าโค้งทำได้ดีกว่าไหมครับ?  :)

ผมเคยอ่านจากบททดสอบของฝรั่งบนอินเตอร์เน็ตเว็บนึงจำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไรเสียดายชะมัดที่ไม่ได้เก็บลิงค์เอาไว้ ในนั้นเค้าเปรียบเทียบระหว่างซีวิคFD มาสด้า3กับโฟกัสรุ่นที่แล้ว ในการทดสอบ slalom นั้นฟอร์ดจะทำความเร็วได้สูงกว่ามาสด้าประมาณ10-15(จำหน่วยไม่ได้ว่าเป็นกิโลเมตรหรือไมล์)ทั้งสองผ่านการทดสอบโดยผู้ทดสอบให้ความเห็นว่าอยู่ในเกณท์ที่ดี ในขณะที่ซีวิคนั้นผมจำตัวเลขที่เค้าทำไม่ได้แล้วแต่จำได้ว่าท้ายซีวิคนั้นมีอาการย้วยปัดกรวยล้มไป2-3อันได้ซึ่งก็มีภาพให้ดูว่าปัดกรวยล้มระหว่างแล่น ถ้าเอาทั้งสามคันไปแล่นในแบบ circiut นั้นผลที่ได้จะแตกต่างจากการใช้งานแบบทั่วๆไปไหมครับ? อยากขอถามความเห็นเรื่องนี้จากผู้รู้ลึกหน่อยครับ  :-*   



1. circuit เป็นลักษณะการแข่งที่มีการใช้เบรค และการเร่งเพื่อออกตัวบ่อยครั้ง รถที่เบากว่าทำให้ไม่ต้องรีบเบรคก่อนถึงจังหวะ turn in ภาระเบรคก็น้อย และสามารถจะส่งคันเร่งได้เร็วกว่า ในจังหวะ exit หลัง hit apex แล้ว "เข้าเร็ว ออกเร็ว" รถที่มีแรงบิดต้นดีก็ได้เปรียบนะครับ ต้องว่ากันเป็นสนามไป ถ้าสนามไหนทางตรงเยอะ รถที่ทำ top speed ได้สูงกว่าก็มีโอกาส เว้นแต่จะไปเสียเวลาในโค้งแบบนี้ก็ถือว่า set รถไม่ดีสำหรับสนามนั้นๆ

2. สามตัวที่ว่านั้นมีสองตัวที่ share platform ร่วมกันเพื่อเหตุผลในการลดต้นทุนในการพัฒนา ซึ่งหลายค่ายใช้วิธีนี้ จริงๆ คุณมีคำตอบในคำถามอยู่แล้ว แต่ผมจะเสริมในส่วนของการ share platform ว่าถึงแม้จะใช้ platform เดียวกันแต่ไม่ได้หมายความว่าทุกยี่ห้อจะต้องใช้เหล็กคุณภาพเดียวกันในแต่ละ portion ดังนั้นความแข็งแรงของ body ก็มีส่วนช่วยให้ช่วงล่างทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น (ตัวถังบิดตัวน้อยลง) ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม focus ถึงสามารถรับแรงเหวี่ยงในโค้งได้ดีกว่า เพราะเรื่องของ weight transfer จากการลด chassis flex นั่นเอง ยังไม่นับรวมถึง setting ของช่วงล่างที่แน่นอนว่าแต่ละค่ายย่อม set มาแตกต่างกัน เพื่อให้บุคลิกลักษณะของรถตัวเองออกมาในแนวทางที่ตลาดต้องการหรือสะท้อน DNA ของตัวเองออกมา ดังนั้นคำถามที่ว่าอยู่ในข่ายหรือไม่ ผมขอตอบว่าไม่ เพราะทุกคันอยู่ในสภาพ stock ทั้งสิ้น เอาแค่ว่าแค่ค่าความแข็งของ bushing ที่ใช้ก็ทำให้รถต่างกันพอสมควร อย่างผมเปลี่ยน ยางแท่นเครื่องให้แข็งกว่าเดิม อาการรถในโค้งดีกว่าเดิมโขครับ

ถ้าจะเปรียบให้ง่ายเอารถยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกันมาเทียบกัน แต่ให้ทำการลดน้ำหนักคันใดคันหนึ่งให้เบากว่าจะเห็นภาพได้ชัดกว่าในภาพของการเข้าโค้ง
เพราะถ้าจะเอาตัวอย่างแบบ civic แล้วจะ tune ให้ได้ขนาด series 3 คงต้องเอารถมา test แล้ว tuneจนกว่าจะได้ระดับที่ต้องการ แต่รถที่เบากว่าจะมีลิมิตในโค้งที่สูงกว่า ถ้าไม่นับรวมการออกแบบทางวิศวกรรมอื่นๆ ที่ผมได้กล่าวมาแล้วในคำตอบก่อนหน้า

3. ส่วนเรื่องของการ test รถทั้่ง 3 คันผมบอกได้ว่ามันมีปัจจัยเยอะเกินที่จะตัดสินได้ อย่าง focus ตอนนี้ที่เป็นเลิศในการเข้าโค้งเพราะได้ technology อย่าง torque vectoring control มาช่วยลดแรงบิดล้อที่อยู่ด้านในโค้ง ส่วน mazda กับ honda ผมไม่ทราบว่าเฟืองท้าย(ขับหน้าก็มีเฟืองท้ายนะครับเพียงแต่อยู่ด้านหน้า)เองเป็นแบบไหน แต่ถ้ารถที่เน้นการเข้าโค้งจะมีของแต่งมาขายเป็น limited slip ส่วนจะจับมากน้อยอัตราส่วนเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตที่ได้ทำการทดสอบมาแล้ว

เอาเป็นว่าผมไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน แต่คิดว่าคุณคงจะเข้าใจความหมายที่ผมสื่อ เพราะผมคิดว่าประเด็นคุณอยู่ที่่ว่าทำไม focus ที่มีน้ำหนักมากกว่าจึงเข้าโค้งได้แรงกว่า คำตอบคุณมีแล้วส่วนนึง ผมเสริมส่วนนึง รายละเอียดทาง technical คุณอาจจะต้องกางเทียบกันเลยทีเดียวถ้าต้องการแบบละเอียด suspension turning ในระดับ motorsport เป็นอะไรที่มากกว่า ล้อ(rim) ยาง(tire) สปริง(spring) โช๊ค(damper) แต่มันรวมไปถึง body ระบบขับเคลื่อน(drivetrain) ประเภทของช่วงล่าง มุมล้อต่างๆ(wheel alignment) ความยาวระยะฐานล้อ(wheelbase length) ความกว้างของล้อหน้า-หลัง (track/tread width) การกระจายน้ำหนัก(weight distribution) sprung weight/unsprung weight และ aerodynamics

ถ้าผมตอบไม่ตรงคำถามก็ขออภัยด้วยครับ
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Ruksadindan ที่ มีนาคม 07, 2013, 22:57:30
Civic ครับ เพราะยังไงก็คือ Acura CSX คู่แข่งระดับเดียวกับ Bee-Em 3 อยู่แล้ว เติมนิดหน่อย แซงเลย
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ มีนาคม 07, 2013, 23:06:24
ตรงคำถามครับ ขอบคุณมากๆ  :)
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: chat120912 ที่ มีนาคม 08, 2013, 22:17:07
งั้นขอรบกวนถามต่อเลยนะครับ เห็นว่ารถที่มีน้ำหนักเบากว่าจะดีกว่าเวลาแล่นในแบบ circuit หากเทียบกับรถที่มีน้ำหนักมากกว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นครับ?  :)

ว่ากันในแง่ของการเข้าโค้งน่ะครับ ไม่รวมถึงอัตราเร่งและระบบช่วยเหลือต่างๆและการทำเวลาต่อรอบ หากว่ายกตัวเปรียบเทียบเป็นซีวิค มาสด้า3 ฟอร์ดโฟกัส3คันนี้ เท่าที่ผมรู้มาคือคู่แฝดร่วมแพลทฟอร์มมาสด้ากับโฟกัสนั้นมีน้ำหนักตัวที่มากกว่าซีวิค50-60กิโลได้มั้งถ้าจำไม่ผิด เนื่องจากมีชิ้นส่วนช่วงล่างที่มีขนาดใหญ่กว่ารองรับแรงเหวี่ยงในโค้งได้มากกว่าจากชิ้นส่วนต่างๆเช่นซับเฟรมที่มีขนาดใหญ่กว่า เหล็กกันโคลงที่ใหญ่กว่า มีสันกลางรถ จำนวนมัลติลิงค์ที่มากกว่า(ในฟอร์ดเสริม control blade เข้ามาเพิ่ม) ความต่างด้านช่วงล่างทั้งหลายเหล่านี้จัดอยู่ในขอบข่ายที่ว่ารถเบากว่าการเข้าโค้งทำได้ดีกว่าไหมครับ?  :)

ผมเคยอ่านจากบททดสอบของฝรั่งบนอินเตอร์เน็ตเว็บนึงจำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไรเสียดายชะมัดที่ไม่ได้เก็บลิงค์เอาไว้ ในนั้นเค้าเปรียบเทียบระหว่างซีวิคFD มาสด้า3กับโฟกัสรุ่นที่แล้ว ในการทดสอบ slalom นั้นฟอร์ดจะทำความเร็วได้สูงกว่ามาสด้าประมาณ10-15(จำหน่วยไม่ได้ว่าเป็นกิโลเมตรหรือไมล์)ทั้งสองผ่านการทดสอบโดยผู้ทดสอบให้ความเห็นว่าอยู่ในเกณท์ที่ดี ในขณะที่ซีวิคนั้นผมจำตัวเลขที่เค้าทำไม่ได้แล้วแต่จำได้ว่าท้ายซีวิคนั้นมีอาการย้วยปัดกรวยล้มไป2-3อันได้ซึ่งก็มีภาพให้ดูว่าปัดกรวยล้มระหว่างแล่น ถ้าเอาทั้งสามคันไปแล่นในแบบ circiut นั้นผลที่ได้จะแตกต่างจากการใช้งานแบบทั่วๆไปไหมครับ? อยากขอถามความเห็นเรื่องนี้จากผู้รู้ลึกหน่อยครับ  :-*   



1. circuit เป็นลักษณะการแข่งที่มีการใช้เบรค และการเร่งเพื่อออกตัวบ่อยครั้ง รถที่เบากว่าทำให้ไม่ต้องรีบเบรคก่อนถึงจังหวะ turn in ภาระเบรคก็น้อย และสามารถจะส่งคันเร่งได้เร็วกว่า ในจังหวะ exit หลัง hit apex แล้ว "เข้าเร็ว ออกเร็ว" รถที่มีแรงบิดต้นดีก็ได้เปรียบนะครับ ต้องว่ากันเป็นสนามไป ถ้าสนามไหนทางตรงเยอะ รถที่ทำ top speed ได้สูงกว่าก็มีโอกาส เว้นแต่จะไปเสียเวลาในโค้งแบบนี้ก็ถือว่า set รถไม่ดีสำหรับสนามนั้นๆ

2. สามตัวที่ว่านั้นมีสองตัวที่ share platform ร่วมกันเพื่อเหตุผลในการลดต้นทุนในการพัฒนา ซึ่งหลายค่ายใช้วิธีนี้ จริงๆ คุณมีคำตอบในคำถามอยู่แล้ว แต่ผมจะเสริมในส่วนของการ share platform ว่าถึงแม้จะใช้ platform เดียวกันแต่ไม่ได้หมายความว่าทุกยี่ห้อจะต้องใช้เหล็กคุณภาพเดียวกันในแต่ละ portion ดังนั้นความแข็งแรงของ body ก็มีส่วนช่วยให้ช่วงล่างทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น (ตัวถังบิดตัวน้อยลง) ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม focus ถึงสามารถรับแรงเหวี่ยงในโค้งได้ดีกว่า เพราะเรื่องของ weight transfer จากการลด chassis flex นั่นเอง ยังไม่นับรวมถึง setting ของช่วงล่างที่แน่นอนว่าแต่ละค่ายย่อม set มาแตกต่างกัน เพื่อให้บุคลิกลักษณะของรถตัวเองออกมาในแนวทางที่ตลาดต้องการหรือสะท้อน DNA ของตัวเองออกมา ดังนั้นคำถามที่ว่าอยู่ในข่ายหรือไม่ ผมขอตอบว่าไม่ เพราะทุกคันอยู่ในสภาพ stock ทั้งสิ้น เอาแค่ว่าแค่ค่าความแข็งของ bushing ที่ใช้ก็ทำให้รถต่างกันพอสมควร อย่างผมเปลี่ยน ยางแท่นเครื่องให้แข็งกว่าเดิม อาการรถในโค้งดีกว่าเดิมโขครับ

ถ้าจะเปรียบให้ง่ายเอารถยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกันมาเทียบกัน แต่ให้ทำการลดน้ำหนักคันใดคันหนึ่งให้เบากว่าจะเห็นภาพได้ชัดกว่าในภาพของการเข้าโค้ง
เพราะถ้าจะเอาตัวอย่างแบบ civic แล้วจะ tune ให้ได้ขนาด series 3 คงต้องเอารถมา test แล้ว tuneจนกว่าจะได้ระดับที่ต้องการ แต่รถที่เบากว่าจะมีลิมิตในโค้งที่สูงกว่า ถ้าไม่นับรวมการออกแบบทางวิศวกรรมอื่นๆ ที่ผมได้กล่าวมาแล้วในคำตอบก่อนหน้า

3. ส่วนเรื่องของการ test รถทั้่ง 3 คันผมบอกได้ว่ามันมีปัจจัยเยอะเกินที่จะตัดสินได้ อย่าง focus ตอนนี้ที่เป็นเลิศในการเข้าโค้งเพราะได้ technology อย่าง torque vectoring control มาช่วยลดแรงบิดล้อที่อยู่ด้านในโค้ง ส่วน mazda กับ honda ผมไม่ทราบว่าเฟืองท้าย(ขับหน้าก็มีเฟืองท้ายนะครับเพียงแต่อยู่ด้านหน้า)เองเป็นแบบไหน แต่ถ้ารถที่เน้นการเข้าโค้งจะมีของแต่งมาขายเป็น limited slip ส่วนจะจับมากน้อยอัตราส่วนเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตที่ได้ทำการทดสอบมาแล้ว

เอาเป็นว่าผมไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน แต่คิดว่าคุณคงจะเข้าใจความหมายที่ผมสื่อ เพราะผมคิดว่าประเด็นคุณอยู่ที่่ว่าทำไม focus ที่มีน้ำหนักมากกว่าจึงเข้าโค้งได้แรงกว่า คำตอบคุณมีแล้วส่วนนึง ผมเสริมส่วนนึง รายละเอียดทาง technical คุณอาจจะต้องกางเทียบกันเลยทีเดียวถ้าต้องการแบบละเอียด suspension turning ในระดับ motorsport เป็นอะไรที่มากกว่า ล้อ(rim) ยาง(tire) สปริง(spring) โช๊ค(damper) แต่มันรวมไปถึง body ระบบขับเคลื่อน(drivetrain) ประเภทของช่วงล่าง มุมล้อต่างๆ(wheel alignment) ความยาวระยะฐานล้อ(wheelbase length) ความกว้างของล้อหน้า-หลัง (track/tread width) การกระจายน้ำหนัก(weight distribution) sprung weight/unsprung weight และ aerodynamics

ถ้าผมตอบไม่ตรงคำถามก็ขออภัยด้วยครับ

ผมถามต่อเป็นความรู้นะพี่  ;D
ถ้าแบบนี้ รถที่เปลี่ยนยางหน้ากว้างขึ้น ล้อใหญ่ขึ้น เช่น 205/55/16 ไปเป็น 215/45/17 และค่ามุมต่างของรถยังเหมือนเดิมจากโรงงาน
นี่มันปลอดภัยไหมคับ หรือต้องไปปรับแก้ไขตามขนาดล้อด้วย
โช็คอัฟนี่แค่หนืดขึ้นก็ดีแล้วใช่ไหมคับ

ขอบคุณคับ  ;D
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Whisky ที่ มีนาคม 09, 2013, 09:12:56
ผมถามต่อเป็นความรู้นะพี่  ;D
ถ้าแบบนี้ รถที่เปลี่ยนยางหน้ากว้างขึ้น ล้อใหญ่ขึ้น เช่น 205/55/16 ไปเป็น 215/45/17 และค่ามุมต่างของรถยังเหมือนเดิมจากโรงงาน
นี่มันปลอดภัยไหมคับ หรือต้องไปปรับแก้ไขตามขนาดล้อด้วย
โช็คอัฟนี่แค่หนืดขึ้นก็ดีแล้วใช่ไหมคับ

ขอบคุณคับ  ;D

ปลอดภัยในแง่ไหนครับ?

การปรับแต่งรถจริงๆ ควรปรับแต่งเพื่อแก้บุคลิกลักษณะของรถเดิมๆ(stock) เพื่อให้เข้ากับตัวคนขับ ว่าขับแบบไหน?

การเปลี่ยนหน้ายางให้กว้างขึ้นมีทั้งข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดีคือ
1. รถมี mechanical grip สูงขึ้น เกาะถนนแห้งดีขึ้น ถนนเปียกด้อยลง(ว่ากันไปตามสภาพของวัสดุที่ผลิต และการออกแบบร่องรีดน้ำ) เพราะเกิด hydroplaning (การเหินน้ำ)ได้ง่ายกว่าเดิม
2. การตอบสนองของพวงมาลัยไวขึ้น (อันนี้เป็นได้ทั้งดีและเสียขึ้นอยู่กับว่ารถเดิมๆ เป็นยังงัย)
3. อย่างกรณีขนาดล้อที่คุณยกตัวอย่าง คือเปลี่ยนจาก 205/55/16 ไปเป็น 215/45/17 แบบนี้ทางเทคนิคเราเรียกว่า inch up คือการเพิ่มสมรรถนะโดยการลดการให้ตัวของแก้มยางลงโดยเพิ่มขนาดของล้อและความกว้างของหน้ายาง สังเกตจาก profile แก้มยางลดลงจาก 55 เหลือ 45 การเข้าโค้งจะดีขึ้นจากเหตุผลสองประการคือ grip มากกว่าเดิม และรถให้ตัวน้อยลง
ข้อเสียคือ
1. น้ำหนักเพิ่มขึ้น แรงเสียดทานเพิ่มขึ้น กินน้ำมันมากขึ้น พวงมาลัยหนักขึ้น(บางกรณีเป็นข้อดีสำหรับคนชอบพวงมาลัยหนัก) รถซับแรงสะเทือนน้อยลง ภาระช่วงล่างมากกว่าเดิม(อายุการใช้งานสั้นลง)
2. ลำบากในการควบคุมกรณีพวงมาลัยระยะฟรีน้อย อัตราทดต่ำ เพราะมันจะไวกว่าเดิม ถ้าไม่มีการชดเชยเรื่องของมุมล้อ เช่น toe caster camber
3. เกิดการเหินน้ำง่ายขึ้นจากที่ได้กล่าวไปแล้ว
4. top speed ลดลง

จะเห็นได้ว่าการใช้ยางหน้ากว้างมีผลดี ผลเสีย จริงๆ มีอีกแต่ขี้เกียจพิมสงสัยตรงไหนให้ถามเพิ่มหรือสามารถค้นหาเองเพิ่มเติมได้
การชดเชยมุมล้อจากการเปลี่ยนหน้ายาง เช่น มุม toe มีผลต่อการกินยาง และ under/over steer ของรถ, มุม caster ถ้าบวกมากรถวิ่งทางตรงเร็วๆ นิ่งขึ้น พวงมาลัยหนักขึ้น under steer มากกว่าเดิม, มุม camber กรณีเปลี่ยนหน้ายางให้กว้างไม่ค่อยชดเชยด้วยมุมนี้ แต่ถ้า - มากๆ จะขับยากในทางตรง

รถที่เป็น FF FR โดยธรรมชาติจะ under steer ในจังหวะ turn-in อยู่แล้วยิ่งมาเร็วๆ ไม่ต้องพูด แหกโค้งแน่นอน เพราะเครื่องยนต์วางหน้า
ส่วนจังหวะ exit (ส่งคันเร่ง) จะต่างกันเพราะระบบขับเคลื่อน ถ้าเข้าโค้งตามหลักเลย FF จะมีโอกาสเกิด under ช่วงออกโค้ง ส่วน FR จะ over ช่วงออกโค้ง

อีกเรื่องคือแรงดันลมยางต้องเหมาะสม สำคัญมากกกกกกกก อ่อ แล้วขนาดล้อที่คุณยกตัวอย่างมา มันทำให้ไมล์เพี้ยนนะครับ (อ่อนลง)
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Whisky ที่ มีนาคม 09, 2013, 09:30:25
อ่อ เรื่องมุมล้อ ลืมบอกไปว่า รถบ้านๆ ส่วนใหญ่จะปรับได้แค่ toe น้อยมากที่จะปรับ camber ได้ ส่วน caster จะfix
ถ้าจะปรับได้ต้องซื้อชุดปรับจากพวก aftermarket ทั้งหลาย

ส่วนเรื่องความหนืดลืมตอบ จะให้ตอบก็อีกยาวเลย เพราะต้องอธิบายเรื่อง bump/rebound stroke อีก ขึ้นกับว่าคุณไปทำให้มันหนืดแบบไหนมา(เปลี่ยนน้ำมัน ปรับแรงดันแก๊ส หรือ revalve?) เรื่องโช๊คนี่มันละเอียดอ่อนมาก เอาเป็นว่ามันมีเรื่องของการได้อย่างเสียอย่าง(trade-off) จากการที่โช๊คหนืดขึ้นครับ เอาเป็นว่าไม่สามารถสรุปได้ละกันนะครับ ว่าหนืดขึ้นแล้วดี ต้องว่าเป็นกรณีไปครับ แต่ควรสัมพันธ์กับ spring rate ที่ใช้ด้วย
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: chat120912 ที่ มีนาคม 09, 2013, 11:21:37
ขอบคุณมากๆเลยคับพี่วิสกี้ คำตอบชัดเจนมาก

ผมรู้ว่าทุกอย่างมีได้มาแล้วมันก้อต้องมีเสียไปมันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ผมไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร

ตอนนี่ผมรู้แล้วว่าควรศึกษามันอย่างไร

ขอบคุณคับพี่ที่ให้ทานความรู้  :D
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: YF-19 ที่ มีนาคม 09, 2013, 11:31:47
ถ้าคุณหาที่แต่งแล้วจบได้ ก็เป็นทางเลือกที่ดี และจ่ายน้อยกว่าครับ

แต่...... การหาที่แต่งแล้วจบง่ายๆ แค่จ่ายเงิน มันยากครับ แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปทำหนสองหนแล้วไม่ต้องแก้งาน

นอกจากนั้นสิ่งที่ตามมาคือ สมดุลครับ เป็นสิ่งทีคุณหาได้ยาก จากรถแต่งครับ ของดีแต่ไม่เข้ากันมีเยอะแยะครับ

สุดท้ายคือ ความทนทานครับ สู้รถเดิมๆโรงงานไม่ได้ครับ

เงินถึง เล่นรถที่ดีจากโรงงานดีกว่าครับ ปรับแต่งอีกเล็กน้อย ได้อย่างใจกว่ามากครับ "พื้นฐานดี มีชััยไปกว่าครึ่งครับ"

"จ่ายน้อย ได้มาก ทนทาน ประหยัด" เป็นสิ่งที่ไม่มีจริง ในวงการรถยนต์ครับ ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ในงบเท่ากัน... รถแต่ง VS ไม่แต่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Whisky ที่ มีนาคม 09, 2013, 12:33:29
ถ้าคุณหาที่แต่งแล้วจบได้ ก็เป็นทางเลือกที่ดี และจ่ายน้อยกว่าครับ

แต่...... การหาที่แต่งแล้วจบง่ายๆ แค่จ่ายเงิน มันยากครับ แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปทำหนสองหนแล้วไม่ต้องแก้งาน

นอกจากนั้นสิ่งที่ตามมาคือ สมดุลครับ เป็นสิ่งทีคุณหาได้ยาก จากรถแต่งครับ ของดีแต่ไม่เข้ากันมีเยอะแยะครับ

สุดท้ายคือ ความทนทานครับ สู้รถเดิมๆโรงงานไม่ได้ครับ

เงินถึง เล่นรถที่ดีจากโรงงานดีกว่าครับ ปรับแต่งอีกเล็กน้อย ได้อย่างใจกว่ามากครับ "พื้นฐานดี มีชััยไปกว่าครึ่งครับ"

"จ่ายน้อย ได้มาก ทนทาน ประหยัด" เป็นสิ่งที่ไม่มีจริง ในวงการรถยนต์ครับ ;D ;D ;D

ผมเห็นด้วยกับคุณ YF-19 แต่แนวโน้มการ tuning หรือ modified ในบ้านเราดีขึ้นเรื่อยๆครับ ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องดี