Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Monn ที่ มีนาคม 18, 2013, 10:50:46

หัวข้อ: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: Monn ที่ มีนาคม 18, 2013, 10:50:46
ตามข่าวนี้เลยครับ ผมกะแล้ว มันต้องมา

http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000032799 (http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000032799)

หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: seamonkey ที่ มีนาคม 18, 2013, 10:54:55
ได้เวลาเตรียมส่อยแล้วซินะ Hahahahahaha ;D
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: lif_oil ที่ มีนาคม 18, 2013, 10:56:46
ดีแล้วครับ... :)
ดีกว่าออกมาให้ถูกยึดปัญหาจะตามมาอีกเยอะ ;D ;Dทั้งรถติด หนี้เสีย ดอกบาน เสียเครดิต 9ล9
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: Pasakorndvm ที่ มีนาคม 18, 2013, 10:58:19
ผมถือว่ายังไม่เกิดพิษนะ ประมาณตนถูกต้องแล้ว
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: -Anonymous- ที่ มีนาคม 18, 2013, 11:03:26
เย่รถบนถนนลดลง  :D
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: ichok ที่ มีนาคม 18, 2013, 11:04:30
สละสิทธิ์ ดีแล้วครับ แต่ถ้าไม่มีเงินคืนนี่แย่เลย ส่วนสาเหตุที่สละสิทธิ์อาจมาจากหลายปัจจัย ไม่ใช่ว่าจะผ่อนไม่ไหวอย่างเดียว อาจอยากได้รุ่นใหม่ก็ได้
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: NONT4477 ที่ มีนาคม 18, 2013, 11:16:42
สละสิทธิ์นี่อาจรวมถึงพวกผ่อนไม่ไหว
ยอมขายด้วยก็ได้นะครับ
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: Night_Angel ที่ มีนาคม 18, 2013, 11:35:53
รอบข้างแถว office นี้ก็มี  ประมาณ เนียน จองทั้งๆที่มีของตัวเองอยุ่แล้ว แต่มีก่อนปี อะไรสักปี จำไม่ได้  ชื่อเลยไม่มีในระบบ  ตอนนี้ข่าวออกมันหน้าซีด  เพราะใช้เงินไปแล้ว  งานเข้าล่ะครับ 
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: PacMan ที่ มีนาคม 18, 2013, 12:19:07
1.25 ล้านคัน สละสิทธิ์แค่นี้น้อยนะ
อีกอย่างสละสิทธิ์ไม่มีปัญหาเท่าไหร่หรอก ยังไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร แต่ถ้าใช้สิทธิ์แล้วถูกยึดนี่แหละพ่นพิษของจริง
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: superden ที่ มีนาคม 18, 2013, 12:42:48
รอบข้างแถว office นี้ก็มี  ประมาณ เนียน จองทั้งๆที่มีของตัวเองอยุ่แล้ว แต่มีก่อนปี อะไรสักปี จำไม่ได้  ชื่อเลยไม่มีในระบบ  ตอนนี้ข่าวออกมันหน้าซีด  เพราะใช้เงินไปแล้ว  งานเข้าล่ะครับ 
อะ แบบนี้น่าจะได้สิทธ์นะเพราะไม่มีชื่อในสารระบบมาก่อน เมื่อไม่มีในสาระบบเขาจะค้นเจอได้ไง
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: il Rewki' N. li ที่ มีนาคม 18, 2013, 12:47:03
เขียนข่าวให้คนต้มมาม่าเยอะๆครับ

จากล้านสองแสนคัน สละสิทธิ์ 2พัน = กี่% ??
ไม่ใช่ว่าสละสิทธิ์เพราะไม่มีเงินทั้งหมดนี่ครับ
ถ้าผ่อนไม่ไหว และปริมาณหลักแสนคัน. ถึงจะเรียกว่า"พิษ"ครับ

หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: wut get real ที่ มีนาคม 18, 2013, 12:50:24
มันไม่ได้มีแค่นี้แน่ครับ เยอะกว่าที่คาดคิดไว้ เชื่อผมซิ!!!
ปล.พอดีมีคนรู้จักทำไฟแนนซ์
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: spiritofsoul ที่ มีนาคม 18, 2013, 13:59:49
ผมก็สละสิทธิไปเอาคันใหญ่กว่าแทนนะ  :P
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: simcity ที่ มีนาคม 18, 2013, 14:31:41
ที่น่าห่วงคือ ผู้ใช้สิทธิ์ 1.25 ล้านราย

คืนภาษีให้แล้ว 58,300 ราย เป็นเงิน 4,231 ล้านบาท

ยังเหลือค้างจ่ายคืนอีก 1,191,700 ราย

ต้องใช้เงินอีกประมาณ 86,000 ล้านบาท  เท่านั้นเอง ???
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: KAKASHII ที่ มีนาคม 18, 2013, 14:43:54
เขียนข่าวให้คนต้มมาม่าเยอะๆครับ

จากล้านสองแสนคัน สละสิทธิ์ 2พัน = กี่% ??
ไม่ใช่ว่าสละสิทธิ์เพราะไม่มีเงินทั้งหมดนี่ครับ
ถ้าผ่อนไม่ไหว และปริมาณหลักแสนคัน. ถึงจะเรียกว่า"พิษ"ครับ




เดี๋ยวมันก็มีมาเรื่อยๆ ไหนจะพวกผ่อนไม่ไหวอีก พ่นพิษอะถูกแล้ว
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: 6162002 ที่ มีนาคม 18, 2013, 14:46:39
1.25 ล้านคัน สละสิทธิ์แค่นี้น้อยนะ
อีกอย่างสละสิทธิ์ไม่มีปัญหาเท่าไหร่หรอก ยังไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร แต่ถ้าใช้สิทธิ์แล้วถูกยึดนี่แหละพ่นพิษของจริง
เห็นด้วยมากๆครับ

หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: V221 ที่ มีนาคม 18, 2013, 16:19:48
มันไม่ได้มีแค่นี้แน่ครับ เยอะกว่าที่คาดคิดไว้ เชื่อผมซิ!!!
ปล.พอดีมีคนรู้จักทำไฟแนนซ์
เห็นด้วยครับ ลูกน้องผม1รายก็ผ่อนแทนญาติที่ไม่มีปัญญาส่ง ผมเตือนแล้วว่าถ้าถึงเวลาญาติไม่โอนให้ก็อย่าเสียใจนะ ส่วนอีก1รายก็กินแกลบผ่อนรถใหม่เพราะอยากได้แสนนึงอยู่  อีกรายมีรถอยู่แล้วแต่อยากได้แสนนึงก็ไปจองCityไว้พอเซลล์บอกว่ามีคิวเร็วกว่ากำหนดเพราะลูกค้าจัดไม่ผ่านก็ยังรับไม่ได้เพราะไม่มีตังค์จ่ายค่าดาวน์รถครับ
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: myalexxp ที่ มีนาคม 18, 2013, 16:30:23
รถมือ 2 แพงขึ้นครับ ช่วงนี้  ;D

ราคา 2-3.5 แสน ขายดีมากกก
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ มีนาคม 18, 2013, 16:32:59
ใจเย็นครับต้องดูกันยาวกว่านี้ แต่คนรอบตัวผมทั้งหมดยังไม่มีใครที่สุ่มเสี่ยงที่จะมีปัญหาเลยอาจเป็นเพราะต้นปีมีการควบรวมกิจการแล้วเค้าขึ้นสวัสดิการให้เท่ากับอีกโรงงานนึงทำให้แต่ละคนได้ขึ้นเงินอย่างน้อย 5 พันก็เลยไม่มีปัญหาหล่ะมั้ง ทีควรระวังคือตอนนี้เศรษฐกิจกำลังพุ่งเดี๋ยวสักพักก็จะร่วงลงมาตามวงรอบใครที่คิดจะซื้อของฟุ่มเฟีอยก็เก็บๆเงินไว้บ้างนะครับ ส่วนผมเก็บเงินไว้รอสอยพวกผ่อนต่อไม่ไหวนี่แหละ

ป.ล.อยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วยนะเออ
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: kan.kom ที่ มีนาคม 18, 2013, 16:47:44
ที่น่าห่วงคือ ผู้ใช้สิทธิ์ 1.25 ล้านราย

คืนภาษีให้แล้ว 58,300 ราย เป็นเงิน 4,231 ล้านบาท

ยังเหลือค้างจ่ายคืนอีก 1,191,700 ราย

ต้องใช้เงินอีกประมาณ 86,000 ล้านบาท  เท่านั้นเอง ???

รัฐไม่ได้ออกซํกบาทนะครับ เพียงแต่เป็นไม่ได้รายได้ตามที่ควรจะได้
เพราะฉะนั้นรัฐไม่ได้เสียอะไรเลยกับคนที่ใช้สิทธ์
แต่กลับจะได้ถ้าคนสละสิทธ์ครับ เป็นผลพลอยได้จากคนที่ไม่เคยคิดจะซื้อ เพราะซื้อไม่ไหว แต่โดนแสนนึงบังตาครับ

เกมนี้รัฐไม่มีเสียครับ มีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสีย
คนที่เสียคือ คนที่ซื้อแล้วผ่อนไม่ไหว กับคนค้ำประกันเท่านั้นครับ
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: nudragon ที่ มีนาคม 18, 2013, 17:05:02
ผมเห็นฟอเคสออกมาเยอะกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำไป ฮาๆๆๆ
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: Khanintakarn ที่ มีนาคม 18, 2013, 18:45:03
ที่น่าห่วงคือ ผู้ใช้สิทธิ์ 1.25 ล้านราย

คืนภาษีให้แล้ว 58,300 ราย เป็นเงิน 4,231 ล้านบาท

ยังเหลือค้างจ่ายคืนอีก 1,191,700 ราย

ต้องใช้เงินอีกประมาณ 86,000 ล้านบาท  เท่านั้นเอง ???

รัฐไม่ได้ออกซํกบาทนะครับ เพียงแต่เป็นไม่ได้รายได้ตามที่ควรจะได้
เพราะฉะนั้นรัฐไม่ได้เสียอะไรเลยกับคนที่ใช้สิทธ์
แต่กลับจะได้ถ้าคนสละสิทธ์ครับ เป็นผลพลอยได้จากคนที่ไม่เคยคิดจะซื้อ เพราะซื้อไม่ไหว แต่โดนแสนนึงบังตาครับ

เกมนี้รัฐไม่มีเสียครับ มีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสีย
คนที่เสียคือ คนที่ซื้อแล้วผ่อนไม่ไหว กับคนค้ำประกันเท่านั้นครับ
ส่วนตัวผมว่ารัฐก็เสียนะครับถึงจาบอกว่าเป็นเงินที่ควรจะได้ก้เถอะ
ถ้ามันหายไปก้คือรัฐเสียแหละคับ เงินหายไปจากเดิม8600ล้านบาทนี่ไม่ใช่เล่นๆนะครับ
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: paphonsan ที่ มีนาคม 18, 2013, 19:41:37
อย่างว่าแหละครับ คนเราซื้อเพราะมันได้ลดแสนนึง แต่ไม่ได้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่ตามมา จากนี้ไปอย่างน้อยๆปีนึง คงจะมีรถผู้บริหารป้ายแดงจอดเต็มเต้นท์รถมือสองสินะครับ ใครจ้องจะสอยนี่ เลือกได้สบายๆเลย ;D
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: kris-lack ที่ มีนาคม 18, 2013, 21:04:38
ที่น่าห่วงคือ ผู้ใช้สิทธิ์ 1.25 ล้านราย

คืนภาษีให้แล้ว 58,300 ราย เป็นเงิน 4,231 ล้านบาท

ยังเหลือค้างจ่ายคืนอีก 1,191,700 ราย

ต้องใช้เงินอีกประมาณ 86,000 ล้านบาท  เท่านั้นเอง ???

รัฐไม่ได้ออกซํกบาทนะครับ เพียงแต่เป็นไม่ได้รายได้ตามที่ควรจะได้
เพราะฉะนั้นรัฐไม่ได้เสียอะไรเลยกับคนที่ใช้สิทธ์
แต่กลับจะได้ถ้าคนสละสิทธ์ครับ เป็นผลพลอยได้จากคนที่ไม่เคยคิดจะซื้อ เพราะซื้อไม่ไหว แต่โดนแสนนึงบังตาครับ

เกมนี้รัฐไม่มีเสียครับ มีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสีย
คนที่เสียคือ คนที่ซื้อแล้วผ่อนไม่ไหว กับคนค้ำประกันเท่านั้นครับ
จริงๆก็อยากเถียงอยู่นะคะ แต่กลัวได้ต้มมาม่า
เอาเป็นว่า งานนี้ประเทศไทยเสียหายมากๆ
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: SitdownstrikE ที่ มีนาคม 18, 2013, 21:33:26
ที่น่าห่วงคือ ผู้ใช้สิทธิ์ 1.25 ล้านราย

คืนภาษีให้แล้ว 58,300 ราย เป็นเงิน 4,231 ล้านบาท

ยังเหลือค้างจ่ายคืนอีก 1,191,700 ราย

ต้องใช้เงินอีกประมาณ 86,000 ล้านบาท  เท่านั้นเอง ???

รัฐไม่ได้ออกซํกบาทนะครับ เพียงแต่เป็นไม่ได้รายได้ตามที่ควรจะได้
เพราะฉะนั้นรัฐไม่ได้เสียอะไรเลยกับคนที่ใช้สิทธ์
แต่กลับจะได้ถ้าคนสละสิทธ์ครับ เป็นผลพลอยได้จากคนที่ไม่เคยคิดจะซื้อ เพราะซื้อไม่ไหว แต่โดนแสนนึงบังตาครับ

เกมนี้รัฐไม่มีเสียครับ มีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสีย
คนที่เสียคือ คนที่ซื้อแล้วผ่อนไม่ไหว กับคนค้ำประกันเท่านั้นครับ
จริงๆก็อยากเถียงอยู่นะคะ แต่กลัวได้ต้มมาม่า
เอาเป็นว่า งานนี้ประเทศไทยเสียหายมากๆ


ผมก็อยากเถียงเหมือนกัน แต่ยาวแน่ๆ

ขนาดมีญาติใช้สิทธิ์หลายคนนะ ยังคิดว่านโยบายประชานิยมอันนี้ ส่งผลเสียสุดๆ กับประเทศ
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: ssk30868 ที่ มีนาคม 18, 2013, 21:53:29
ที่น่าห่วงคือ ผู้ใช้สิทธิ์ 1.25 ล้านราย

คืนภาษีให้แล้ว 58,300 ราย เป็นเงิน 4,231 ล้านบาท

ยังเหลือค้างจ่ายคืนอีก 1,191,700 ราย

ต้องใช้เงินอีกประมาณ 86,000 ล้านบาท  เท่านั้นเอง ???

รัฐไม่ได้ออกซํกบาทนะครับ เพียงแต่เป็นไม่ได้รายได้ตามที่ควรจะได้
เพราะฉะนั้นรัฐไม่ได้เสียอะไรเลยกับคนที่ใช้สิทธ์
แต่กลับจะได้ถ้าคนสละสิทธ์ครับ เป็นผลพลอยได้จากคนที่ไม่เคยคิดจะซื้อ เพราะซื้อไม่ไหว แต่โดนแสนนึงบังตาครับ

เกมนี้รัฐไม่มีเสียครับ มีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสีย
คนที่เสียคือ คนที่ซื้อแล้วผ่อนไม่ไหว กับคนค้ำประกันเท่านั้นครับ
จริงๆก็อยากเถียงอยู่นะคะ แต่กลัวได้ต้มมาม่า
เอาเป็นว่า งานนี้ประเทศไทยเสียหายมากๆ


ผมก็อยากเถียงเหมือนกัน แต่ยาวแน่ๆ

ขนาดมีญาติใช้สิทธิ์หลายคนนะ ยังคิดว่านโยบายประชานิยมอันนี้ ส่งผลเสียสุดๆ กับประเทศ



ไม่มีนโยบายนี้คนจะซื้อรถเยอะขนาดนี้ใหมครับ
ก็ไม่มีทางใช่ใหม
เท่ากับเงินที่รัฐจะเก็บได้ ก็ไม่ใช่ 8 พันกว่าล้านอะไรนั่นแน่ๆ

ทีนี้คนซื้อเยอะ เขาก็บอก เอออันนี้ไม่เก็บภาษีละกัน
คือมันไม่ได้เอาเงินที่ มี 10 หักไป 8 เหลือ 2 นะครับ เรื่องภาษีไม่ได้อนุบาลอะไรขนาดนั้นฃ


คือไอ้เงินที่ว่าหายไปเท่านั้นเท่านี้ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่จริงในระบบตั้งแต่แรก
เพราะ ถ้าไม่มีนโยบายนี้ คนก็ไม่ได้ซื้อรถเยอะขนาดนี้ คนก็ซื้อรถเท่าเดิมกับปีที่แล้ว หรืออีกสองสามปีที่แล้ว

คุณต้องเอายอดภาษีสรรพสามิต ที่เก็บ มาอย่างต่ำห้าปี เฉลี่ยเป็น ค่าที่ปีนี้จะเก็บได้ (หากไม่มีนโยบาย) แล้วประมาณการว่าเงินหายไปจากระบบเท่าไร
ไม่ใช่เอาเงินที่มันไม่มีอยู่จริง ไม่ได้หมุนเวียนในระบบมาคิด

ไม่ใช่ว่า โห เนี่ยถ้าไม่มีนโยบายนี้ แล้วคนซื้อรถล้านคัน เนี่ยจะเก็บภาษีได้ตั้งเท่านี้ โหเงินหายไปตั้งเยอะ เสียหายจังเลย
คือถ้าไม่มีนโยบายนี้คนก็ไม่ซื้อรถเท่านี้อยู่แล้วล่ะครับ อาจจะประมาณ เท่าปีที่แล้ว หรือน้อยกว่าด้วยซ้ำเพราะว่าบางคนเสียหายจากน้ำท่วม

คุณเอาตัวเลขที่ไม่มีในระบบแล้วมาบอกว่าเสียหายไม่ได้ เพราะ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่แล้วตัดมาจ่ายไป

งงใหมเนี่ย ไม่ต้องเถียงกลับก็ได้นะครับเพราะผมไม่เข้ามาตอบแล้ว
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: kris-lack ที่ มีนาคม 18, 2013, 22:31:00
ที่น่าห่วงคือ ผู้ใช้สิทธิ์ 1.25 ล้านราย

คืนภาษีให้แล้ว 58,300 ราย เป็นเงิน 4,231 ล้านบาท

ยังเหลือค้างจ่ายคืนอีก 1,191,700 ราย

ต้องใช้เงินอีกประมาณ 86,000 ล้านบาท  เท่านั้นเอง ???

รัฐไม่ได้ออกซํกบาทนะครับ เพียงแต่เป็นไม่ได้รายได้ตามที่ควรจะได้
เพราะฉะนั้นรัฐไม่ได้เสียอะไรเลยกับคนที่ใช้สิทธ์
แต่กลับจะได้ถ้าคนสละสิทธ์ครับ เป็นผลพลอยได้จากคนที่ไม่เคยคิดจะซื้อ เพราะซื้อไม่ไหว แต่โดนแสนนึงบังตาครับ

เกมนี้รัฐไม่มีเสียครับ มีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสีย
คนที่เสียคือ คนที่ซื้อแล้วผ่อนไม่ไหว กับคนค้ำประกันเท่านั้นครับ
จริงๆก็อยากเถียงอยู่นะคะ แต่กลัวได้ต้มมาม่า
เอาเป็นว่า งานนี้ประเทศไทยเสียหายมากๆ


ผมก็อยากเถียงเหมือนกัน แต่ยาวแน่ๆ

ขนาดมีญาติใช้สิทธิ์หลายคนนะ ยังคิดว่านโยบายประชานิยมอันนี้ ส่งผลเสียสุดๆ กับประเทศ



ไม่มีนโยบายนี้คนจะซื้อรถเยอะขนาดนี้ใหมครับ
ก็ไม่มีทางใช่ใหม
เท่ากับเงินที่รัฐจะเก็บได้ ก็ไม่ใช่ 8 พันกว่าล้านอะไรนั่นแน่ๆ

ทีนี้คนซื้อเยอะ เขาก็บอก เอออันนี้ไม่เก็บภาษีละกัน
คือมันไม่ได้เอาเงินที่ มี 10 หักไป 8 เหลือ 2 นะครับ เรื่องภาษีไม่ได้อนุบาลอะไรขนาดนั้นฃ


คือไอ้เงินที่ว่าหายไปเท่านั้นเท่านี้ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่จริงในระบบตั้งแต่แรก
เพราะ ถ้าไม่มีนโยบายนี้ คนก็ไม่ได้ซื้อรถเยอะขนาดนี้ คนก็ซื้อรถเท่าเดิมกับปีที่แล้ว หรืออีกสองสามปีที่แล้ว

คุณต้องเอายอดภาษีสรรพสามิต ที่เก็บ มาอย่างต่ำห้าปี เฉลี่ยเป็น ค่าที่ปีนี้จะเก็บได้ (หากไม่มีนโยบาย) แล้วประมาณการว่าเงินหายไปจากระบบเท่าไร
ไม่ใช่เอาเงินที่มันไม่มีอยู่จริง ไม่ได้หมุนเวียนในระบบมาคิด

ไม่ใช่ว่า โห เนี่ยถ้าไม่มีนโยบายนี้ แล้วคนซื้อรถล้านคัน เนี่ยจะเก็บภาษีได้ตั้งเท่านี้ โหเงินหายไปตั้งเยอะ เสียหายจังเลย
คือถ้าไม่มีนโยบายนี้คนก็ไม่ซื้อรถเท่านี้อยู่แล้วล่ะครับ อาจจะประมาณ เท่าปีที่แล้ว หรือน้อยกว่าด้วยซ้ำเพราะว่าบางคนเสียหายจากน้ำท่วม

คุณเอาตัวเลขที่ไม่มีในระบบแล้วมาบอกว่าเสียหายไม่ได้ เพราะ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่แล้วตัดมาจ่ายไป

งงใหมเนี่ย ไม่ต้องเถียงกลับก็ได้นะครับเพราะผมไม่เข้ามาตอบแล้ว

ขอนิดนึงนะคะ ไม่เข้ามาตอบไม่เป็นไร เผื่อมีประโยชน์กับคนอ่านบ้าง
ที่บอกว่าเสียหาย ไม่ใช่เรื่องภาษีค่ะ (ภาษีนี่ก็เสียหายแต่ก็เรื่องเล็กมาก เหตุผลก็อย่างที่ท่านร่ายมาหล่ะค่ะ)
แต่เสียหายนี่คือ หนี้สาธารณะเอย หนี้เสียเอย ที่คนจะต้องไปกู้มาจ่ายค่างวด เพราะคนซื้อส่วนใหญ่คือ คนที่มีเงินส่งค่างวดพอดี ซึ่งมันก็จะส่งผลเป็นลูกโซ่ไปหลายๆอย่าง
 
อีกทั้งหนี้สารพัดหนี้ที่เจ้าของรถจะก่อปัญหาในอนาคต ทั้งทิ้งรถ ต่างๆนาๆ (อันนี้ไม่ได้ดูถูกคนซื้อรถนะคะ แต่ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้จริงๆ เพราะเงินแสนมันล่อใจเกินห้าม)
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: promt ที่ มีนาคม 18, 2013, 22:42:02

ไม่มีนโยบายนี้คนจะซื้อรถเยอะขนาดนี้ใหมครับ
ก็ไม่มีทางใช่ใหม
เท่ากับเงินที่รัฐจะเก็บได้ ก็ไม่ใช่ 8 พันกว่าล้านอะไรนั่นแน่ๆ

ทีนี้คนซื้อเยอะ เขาก็บอก เอออันนี้ไม่เก็บภาษีละกัน
คือมันไม่ได้เอาเงินที่ มี 10 หักไป 8 เหลือ 2 นะครับ เรื่องภาษีไม่ได้อนุบาลอะไรขนาดนั้นฃ


คือไอ้เงินที่ว่าหายไปเท่านั้นเท่านี้ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่จริงในระบบตั้งแต่แรก
เพราะ ถ้าไม่มีนโยบายนี้ คนก็ไม่ได้ซื้อรถเยอะขนาดนี้ คนก็ซื้อรถเท่าเดิมกับปีที่แล้ว หรืออีกสองสามปีที่แล้ว

คุณต้องเอายอดภาษีสรรพสามิต ที่เก็บ มาอย่างต่ำห้าปี เฉลี่ยเป็น ค่าที่ปีนี้จะเก็บได้ (หากไม่มีนโยบาย) แล้วประมาณการว่าเงินหายไปจากระบบเท่าไร
ไม่ใช่เอาเงินที่มันไม่มีอยู่จริง ไม่ได้หมุนเวียนในระบบมาคิด

ไม่ใช่ว่า โห เนี่ยถ้าไม่มีนโยบายนี้ แล้วคนซื้อรถล้านคัน เนี่ยจะเก็บภาษีได้ตั้งเท่านี้ โหเงินหายไปตั้งเยอะ เสียหายจังเลย
คือถ้าไม่มีนโยบายนี้คนก็ไม่ซื้อรถเท่านี้อยู่แล้วล่ะครับ อาจจะประมาณ เท่าปีที่แล้ว หรือน้อยกว่าด้วยซ้ำเพราะว่าบางคนเสียหายจากน้ำท่วม

คุณเอาตัวเลขที่ไม่มีในระบบแล้วมาบอกว่าเสียหายไม่ได้ เพราะ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่แล้วตัดมาจ่ายไป

งงใหมเนี่ย ไม่ต้องเถียงกลับก็ได้นะครับเพราะผมไม่เข้ามาตอบแล้ว


ไม่งงครับ

ถ้าไม่มีนโยบาย เท่ากับว่าคนไม่ซื้อ คนรอซื้อปีถัดไป หรือถัดๆ ไป ในผลรวมคือมันเท่าเดิม

ตรรกะท่านน่าคิดครับ

แต่มันเป็นเรื่องอนาคต ในปีถัดไป หรือถัดๆ ไป มันบอกอยากจริงๆ
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: chat120912 ที่ มีนาคม 18, 2013, 23:48:57
ตามระบบแล้วรถเป็นสินค้าฟุ้มเฟือย รัฐไม่ควรให้การสนับสนุน เพราะไม่จำเป็นต้องอุดหนุนหรือสนับสนุน รถก็สามารถขายได้

แต่รัฐควรอุดหนุนหรือสนับสนุนสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น สินค้าเกษตร น้ำมัน ก๊าซหุงต้ม เป็นต้น

แค่อิ่มท้อง นอนอุ่น ก็พอแล้วครับ  ::)
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: LaTeX ที่ มีนาคม 18, 2013, 23:54:30
รัฐได้เงินมาเอาไปหมุนนโยบายอื่น
ตอนคืนนี่สิน่าคิด
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: kan.kom ที่ มีนาคม 19, 2013, 00:12:44
ที่น่าห่วงคือ ผู้ใช้สิทธิ์ 1.25 ล้านราย

คืนภาษีให้แล้ว 58,300 ราย เป็นเงิน 4,231 ล้านบาท

ยังเหลือค้างจ่ายคืนอีก 1,191,700 ราย

ต้องใช้เงินอีกประมาณ 86,000 ล้านบาท  เท่านั้นเอง ???

รัฐไม่ได้ออกซํกบาทนะครับ เพียงแต่เป็นไม่ได้รายได้ตามที่ควรจะได้
เพราะฉะนั้นรัฐไม่ได้เสียอะไรเลยกับคนที่ใช้สิทธ์
แต่กลับจะได้ถ้าคนสละสิทธ์ครับ เป็นผลพลอยได้จากคนที่ไม่เคยคิดจะซื้อ เพราะซื้อไม่ไหว แต่โดนแสนนึงบังตาครับ

เกมนี้รัฐไม่มีเสียครับ มีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสีย
คนที่เสียคือ คนที่ซื้อแล้วผ่อนไม่ไหว กับคนค้ำประกันเท่านั้นครับ
จริงๆก็อยากเถียงอยู่นะคะ แต่กลัวได้ต้มมาม่า
เอาเป็นว่า งานนี้ประเทศไทยเสียหายมากๆ


ผมก็อยากเถียงเหมือนกัน แต่ยาวแน่ๆ

ขนาดมีญาติใช้สิทธิ์หลายคนนะ ยังคิดว่านโยบายประชานิยมอันนี้ ส่งผลเสียสุดๆ กับประเทศ



ไม่มีนโยบายนี้คนจะซื้อรถเยอะขนาดนี้ใหมครับ
ก็ไม่มีทางใช่ใหม
เท่ากับเงินที่รัฐจะเก็บได้ ก็ไม่ใช่ 8 พันกว่าล้านอะไรนั่นแน่ๆ

ทีนี้คนซื้อเยอะ เขาก็บอก เอออันนี้ไม่เก็บภาษีละกัน
คือมันไม่ได้เอาเงินที่ มี 10 หักไป 8 เหลือ 2 นะครับ เรื่องภาษีไม่ได้อนุบาลอะไรขนาดนั้นฃ


คือไอ้เงินที่ว่าหายไปเท่านั้นเท่านี้ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่จริงในระบบตั้งแต่แรก
เพราะ ถ้าไม่มีนโยบายนี้ คนก็ไม่ได้ซื้อรถเยอะขนาดนี้ คนก็ซื้อรถเท่าเดิมกับปีที่แล้ว หรืออีกสองสามปีที่แล้ว

คุณต้องเอายอดภาษีสรรพสามิต ที่เก็บ มาอย่างต่ำห้าปี เฉลี่ยเป็น ค่าที่ปีนี้จะเก็บได้ (หากไม่มีนโยบาย) แล้วประมาณการว่าเงินหายไปจากระบบเท่าไร
ไม่ใช่เอาเงินที่มันไม่มีอยู่จริง ไม่ได้หมุนเวียนในระบบมาคิด

ไม่ใช่ว่า โห เนี่ยถ้าไม่มีนโยบายนี้ แล้วคนซื้อรถล้านคัน เนี่ยจะเก็บภาษีได้ตั้งเท่านี้ โหเงินหายไปตั้งเยอะ เสียหายจังเลย
คือถ้าไม่มีนโยบายนี้คนก็ไม่ซื้อรถเท่านี้อยู่แล้วล่ะครับ อาจจะประมาณ เท่าปีที่แล้ว หรือน้อยกว่าด้วยซ้ำเพราะว่าบางคนเสียหายจากน้ำท่วม

คุณเอาตัวเลขที่ไม่มีในระบบแล้วมาบอกว่าเสียหายไม่ได้ เพราะ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่แล้วตัดมาจ่ายไป

งงใหมเนี่ย ไม่ต้องเถียงกลับก็ได้นะครับเพราะผมไม่เข้ามาตอบแล้ว

ขอนิดนึงนะคะ ไม่เข้ามาตอบไม่เป็นไร เผื่อมีประโยชน์กับคนอ่านบ้าง
ที่บอกว่าเสียหาย ไม่ใช่เรื่องภาษีค่ะ (ภาษีนี่ก็เสียหายแต่ก็เรื่องเล็กมาก เหตุผลก็อย่างที่ท่านร่ายมาหล่ะค่ะ)
แต่เสียหายนี่คือ หนี้สาธารณะเอย หนี้เสียเอย ที่คนจะต้องไปกู้มาจ่ายค่างวด เพราะคนซื้อส่วนใหญ่คือ คนที่มีเงินส่งค่างวดพอดี ซึ่งมันก็จะส่งผลเป็นลูกโซ่ไปหลายๆอย่าง
 
อีกทั้งหนี้สารพัดหนี้ที่เจ้าของรถจะก่อปัญหาในอนาคต ทั้งทิ้งรถ ต่างๆนาๆ (อันนี้ไม่ได้ดูถูกคนซื้อรถนะคะ แต่ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้จริงๆ เพราะเงินแสนมันล่อใจเกินห้าม)

เชื่อผมเถอะ คนที่ได้ กับได้ คือ รัฐ(บาล) 1 มีโอกาสได้ภาษีคืนจากคนที่ผ่อนไม่ไหว 2 ได้ทำประชานิยม
คนที่เสียมีแค่วงจำกัด คือ คนผ่อนไม่ไหว กับ คนที่ค้ำประกัน

ไม่ต้องห่วงว่า หนี้จะเสียแล้วกระทบกับภาคธนาคารจนทำให้สภาพคล่องในระบบจะสะดุด
ผลกระทบไม่เยอะขนาดจะทำให้เงินที่หมุนเวียนในระบบสะดุดได้หรอกครับ
ยังไงถ้าผ่อนไม่ไหว ธ.ที่ปล่อยกู้ให้ ก็ยึดรถ
ยึดก็กดราคากันแบบธ.เอาไปปล่อยต่อก็มีกำไร cover ทุนคืนได้หมด
ที่ขาดทุนน่าจะเป็นแค่ขาดทุนกำไร ในที่นี้ก็คือดอกเบี้ยที่ประมาณการว่าจะได้ในกรณีลูกค้าผ่อนจนหมดเท่านั้นเอง

ที่น่าจะห่วง คือ เงิน 2.2ล้านๆที่กำลังจะไฟเขียวมากกว่า อันตรายกว่าเยอะครับ
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: jinkatana ที่ มีนาคม 19, 2013, 00:42:24
ที่น่าห่วงคือ ผู้ใช้สิทธิ์ 1.25 ล้านราย

คืนภาษีให้แล้ว 58,300 ราย เป็นเงิน 4,231 ล้านบาท

ยังเหลือค้างจ่ายคืนอีก 1,191,700 ราย

ต้องใช้เงินอีกประมาณ 86,000 ล้านบาท  เท่านั้นเอง ???

รัฐไม่ได้ออกซํกบาทนะครับ เพียงแต่เป็นไม่ได้รายได้ตามที่ควรจะได้
เพราะฉะนั้นรัฐไม่ได้เสียอะไรเลยกับคนที่ใช้สิทธ์
แต่กลับจะได้ถ้าคนสละสิทธ์ครับ เป็นผลพลอยได้จากคนที่ไม่เคยคิดจะซื้อ เพราะซื้อไม่ไหว แต่โดนแสนนึงบังตาครับ

เกมนี้รัฐไม่มีเสียครับ มีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสีย
คนที่เสียคือ คนที่ซื้อแล้วผ่อนไม่ไหว กับคนค้ำประกันเท่านั้นครับ
จริงๆก็อยากเถียงอยู่นะคะ แต่กลัวได้ต้มมาม่า
เอาเป็นว่า งานนี้ประเทศไทยเสียหายมากๆ


ผมก็อยากเถียงเหมือนกัน แต่ยาวแน่ๆ

ขนาดมีญาติใช้สิทธิ์หลายคนนะ ยังคิดว่านโยบายประชานิยมอันนี้ ส่งผลเสียสุดๆ กับประเทศ



ไม่มีนโยบายนี้คนจะซื้อรถเยอะขนาดนี้ใหมครับ
ก็ไม่มีทางใช่ใหม
เท่ากับเงินที่รัฐจะเก็บได้ ก็ไม่ใช่ 8 พันกว่าล้านอะไรนั่นแน่ๆ

ทีนี้คนซื้อเยอะ เขาก็บอก เอออันนี้ไม่เก็บภาษีละกัน
คือมันไม่ได้เอาเงินที่ มี 10 หักไป 8 เหลือ 2 นะครับ เรื่องภาษีไม่ได้อนุบาลอะไรขนาดนั้นฃ


คือไอ้เงินที่ว่าหายไปเท่านั้นเท่านี้ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่จริงในระบบตั้งแต่แรก
เพราะ ถ้าไม่มีนโยบายนี้ คนก็ไม่ได้ซื้อรถเยอะขนาดนี้ คนก็ซื้อรถเท่าเดิมกับปีที่แล้ว หรืออีกสองสามปีที่แล้ว

คุณต้องเอายอดภาษีสรรพสามิต ที่เก็บ มาอย่างต่ำห้าปี เฉลี่ยเป็น ค่าที่ปีนี้จะเก็บได้ (หากไม่มีนโยบาย) แล้วประมาณการว่าเงินหายไปจากระบบเท่าไร
ไม่ใช่เอาเงินที่มันไม่มีอยู่จริง ไม่ได้หมุนเวียนในระบบมาคิด

ไม่ใช่ว่า โห เนี่ยถ้าไม่มีนโยบายนี้ แล้วคนซื้อรถล้านคัน เนี่ยจะเก็บภาษีได้ตั้งเท่านี้ โหเงินหายไปตั้งเยอะ เสียหายจังเลย
คือถ้าไม่มีนโยบายนี้คนก็ไม่ซื้อรถเท่านี้อยู่แล้วล่ะครับ อาจจะประมาณ เท่าปีที่แล้ว หรือน้อยกว่าด้วยซ้ำเพราะว่าบางคนเสียหายจากน้ำท่วม

คุณเอาตัวเลขที่ไม่มีในระบบแล้วมาบอกว่าเสียหายไม่ได้ เพราะ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่แล้วตัดมาจ่ายไป

งงใหมเนี่ย ไม่ต้องเถียงกลับก็ได้นะครับเพราะผมไม่เข้ามาตอบแล้ว

ขอนิดนึงนะคะ ไม่เข้ามาตอบไม่เป็นไร เผื่อมีประโยชน์กับคนอ่านบ้าง
ที่บอกว่าเสียหาย ไม่ใช่เรื่องภาษีค่ะ (ภาษีนี่ก็เสียหายแต่ก็เรื่องเล็กมาก เหตุผลก็อย่างที่ท่านร่ายมาหล่ะค่ะ)
แต่เสียหายนี่คือ หนี้สาธารณะเอย หนี้เสียเอย ที่คนจะต้องไปกู้มาจ่ายค่างวด เพราะคนซื้อส่วนใหญ่คือ คนที่มีเงินส่งค่างวดพอดี ซึ่งมันก็จะส่งผลเป็นลูกโซ่ไปหลายๆอย่าง
 
อีกทั้งหนี้สารพัดหนี้ที่เจ้าของรถจะก่อปัญหาในอนาคต ทั้งทิ้งรถ ต่างๆนาๆ (อันนี้ไม่ได้ดูถูกคนซื้อรถนะคะ แต่ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้จริงๆ เพราะเงินแสนมันล่อใจเกินห้าม)

เชื่อผมเถอะ คนที่ได้ กับได้ คือ รัฐ(บาล) 1 มีโอกาสได้ภาษีคืนจากคนที่ผ่อนไม่ไหว 2 ได้ทำประชานิยม
คนที่เสียมีแค่วงจำกัด คือ คนผ่อนไม่ไหว กับ คนที่ค้ำประกัน

ไม่ต้องห่วงว่า หนี้จะเสียแล้วกระทบกับภาคธนาคารจนทำให้สภาพคล่องในระบบจะสะดุด
ผลกระทบไม่เยอะขนาดจะทำให้เงินที่หมุนเวียนในระบบสะดุดได้หรอกครับ
ยังไงถ้าผ่อนไม่ไหว ธ.ที่ปล่อยกู้ให้ ก็ยึดรถ
ยึดก็กดราคากันแบบธ.เอาไปปล่อยต่อก็มีกำไร cover ทุนคืนได้หมด
ที่ขาดทุนน่าจะเป็นแค่ขาดทุนกำไร ในที่นี้ก็คือดอกเบี้ยที่ประมาณการว่าจะได้ในกรณีลูกค้าผ่อนจนหมดเท่านั้นเอง

ที่น่าจะห่วง คือ เงิน 2.2ล้านๆที่กำลังจะไฟเขียวมากกว่า อันตรายกว่าเยอะครับ

นั่นแหละครับโอกาสทองรอเก็บของถูกอยู่ที่ตอนนี้แหละครับ  ;D ;D ;D

คนส่วนใหญ่ถ้ารู้จักวางแผนการใช้เงินจริงๆก็จะไม่มีการแห่ไปจองกันเยอะขนาดนี้หรอกครับ
แต่คนไทยส่วนใหญ่เห็นแก่ได้ครับโอ้ยฉันมีสิทธินั้นสิทธินี้เอามาก่อนโดยไม่มองตัวเองว่าไหวไหม
ถ้าไหวมันก็ดีไปแต่ถ้าไม่ไหวคนเหล่าก็ต้องเจ็บตัวไปเองครับ ทุกอย่างอยู่ที่แต่ละบุคคลครับ
ว่าจะวางแผนทางการเงินของตนเองยังไง อยากรวยก็ต้องรู้จัก อดออม ลงทุนอย่างฉลาดไม่ใช่รวยได้
จากการซื้อของถูกลงโดยการใช้สิทธิทีมีมาให้โดยไม่วางแผนในระยะยาว คนมองไกลๆกับมองสั้นๆต่างกันตรงนี้ครับ
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: ssk30868 ที่ มีนาคม 19, 2013, 00:59:26

ไม่มีนโยบายนี้คนจะซื้อรถเยอะขนาดนี้ใหมครับ
ก็ไม่มีทางใช่ใหม
เท่ากับเงินที่รัฐจะเก็บได้ ก็ไม่ใช่ 8 พันกว่าล้านอะไรนั่นแน่ๆ

ทีนี้คนซื้อเยอะ เขาก็บอก เอออันนี้ไม่เก็บภาษีละกัน
คือมันไม่ได้เอาเงินที่ มี 10 หักไป 8 เหลือ 2 นะครับ เรื่องภาษีไม่ได้อนุบาลอะไรขนาดนั้นฃ


คือไอ้เงินที่ว่าหายไปเท่านั้นเท่านี้ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่จริงในระบบตั้งแต่แรก
เพราะ ถ้าไม่มีนโยบายนี้ คนก็ไม่ได้ซื้อรถเยอะขนาดนี้ คนก็ซื้อรถเท่าเดิมกับปีที่แล้ว หรืออีกสองสามปีที่แล้ว

คุณต้องเอายอดภาษีสรรพสามิต ที่เก็บ มาอย่างต่ำห้าปี เฉลี่ยเป็น ค่าที่ปีนี้จะเก็บได้ (หากไม่มีนโยบาย) แล้วประมาณการว่าเงินหายไปจากระบบเท่าไร
ไม่ใช่เอาเงินที่มันไม่มีอยู่จริง ไม่ได้หมุนเวียนในระบบมาคิด

ไม่ใช่ว่า โห เนี่ยถ้าไม่มีนโยบายนี้ แล้วคนซื้อรถล้านคัน เนี่ยจะเก็บภาษีได้ตั้งเท่านี้ โหเงินหายไปตั้งเยอะ เสียหายจังเลย
คือถ้าไม่มีนโยบายนี้คนก็ไม่ซื้อรถเท่านี้อยู่แล้วล่ะครับ อาจจะประมาณ เท่าปีที่แล้ว หรือน้อยกว่าด้วยซ้ำเพราะว่าบางคนเสียหายจากน้ำท่วม

คุณเอาตัวเลขที่ไม่มีในระบบแล้วมาบอกว่าเสียหายไม่ได้ เพราะ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่แล้วตัดมาจ่ายไป

งงใหมเนี่ย ไม่ต้องเถียงกลับก็ได้นะครับเพราะผมไม่เข้ามาตอบแล้ว


ไม่งงครับ

ถ้าไม่มีนโยบาย เท่ากับว่าคนไม่ซื้อ คนรอซื้อปีถัดไป หรือถัดๆ ไป ในผลรวมคือมันเท่าเดิม

ตรรกะท่านน่าคิดครับ

แต่มันเป็นเรื่องอนาคต ในปีถัดไป หรือถัดๆ ไป มันบอกอยากจริงๆ


อันนี้ขออนุญาต ตอบนะครับ ส่วนเรื่องเสียหายเพราะหนี้เสียบลาๆ อันนั้นขอไม่ตอบ
เพราะเงินใครมีเท่าไรใช้ก็ใช้ ตัวใครตัวมัน รัฐไม่ใช่พ่อแม่พี่เลี้ยง จะมาสอนวิธีการใช้เงินให้ประชาชน
เรื่องนี้คนสอนมีอยู่แล้ว คือในหลวง เศรษฐกิจพอเพียง ถ้าจำใส่กระโหลกกันไปใช้ก็ ไม่เกิดปัญหา อันนี้ท่านสอนมาตลอด ใครไม่นำไปใช้ถือว่าโง่เองช่วยไม่ได้

ส่วนเรื่อง ยอดรวมๆไป หลายๆปีเท่ากับรัฐเสียหายขอยกตัวอย่างอย่างนี้ครับ

สมมุติมีคนบอกว่า นี่เราให้เงินเธอล้านนึง เดียวนี้เลย กะ เราให้เธอ สามล้าน แต่เธอรออีกสามปีนะ
คุณจะเอาอะไร

บางคนอาจจะเอาล้านนึงเลย เพราะมีความต้องการใช้เงิน ลำบาก ต้องจ่ายค่าหมอ ค่านู่นนี่ ค่าเรียนลูก บลาๆ เหตุผลเยอะแยะผมไม่รู้
บางคนอาจรอสามปีแล้วเอาเงินสามล้าน เพราะว่ามีงานประจำอยู่แล้ว รออีกหน่อยจะเป็นไรไป ไม่ได้รีบใช้นี่นา อดทนหน่อยได้เงินเยอะกว่า

ถามว่ามีใครโง่กว่าใครใหม ถ้าคุณเอามุมมองของตัวเองมาตอบ ก็จะมองอีกฝ่ายว่าประหลาด ทำไมเลือกแบบนี้ แบบนี้ดีกว่า

ทีนี้ไอ้นโยบายนี้มันคือ รัฐต้องการให้คน กู้ธนาคาร เพื่อเทเงินลงมาหมุนในระบบแบบเร่งด่วนมากๆ เงินน้อยไม่เป็นไรขอให้มีเงินลงมาในระบบของชาติ
เพราะ อุตสาหกรรมทั้งหมดเสียหายหนักจากน้ำท่วม ต้องการเงินมาหมุนๆๆๆๆๆ

ถามว่าอนาคต รอไปมันก็จะมีเงินมาหมุนในระบบเอง ถูกใหม ถูกต้อง แต่ บางที การรอได้กับ รอไม่ได้ ผลต่างกันมาก
ก็ผมขอเสนอเท่านี้ล่ะ ท่านใดชอบอ่านยาวๆก็ลองไปพิจารณาต่อดู

หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: warez ที่ มีนาคม 19, 2013, 01:33:32

ไม่มีนโยบายนี้คนจะซื้อรถเยอะขนาดนี้ใหมครับ
ก็ไม่มีทางใช่ใหม
เท่ากับเงินที่รัฐจะเก็บได้ ก็ไม่ใช่ 8 พันกว่าล้านอะไรนั่นแน่ๆ

ทีนี้คนซื้อเยอะ เขาก็บอก เอออันนี้ไม่เก็บภาษีละกัน
คือมันไม่ได้เอาเงินที่ มี 10 หักไป 8 เหลือ 2 นะครับ เรื่องภาษีไม่ได้อนุบาลอะไรขนาดนั้นฃ


คือไอ้เงินที่ว่าหายไปเท่านั้นเท่านี้ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่จริงในระบบตั้งแต่แรก
เพราะ ถ้าไม่มีนโยบายนี้ คนก็ไม่ได้ซื้อรถเยอะขนาดนี้ คนก็ซื้อรถเท่าเดิมกับปีที่แล้ว หรืออีกสองสามปีที่แล้ว

คุณต้องเอายอดภาษีสรรพสามิต ที่เก็บ มาอย่างต่ำห้าปี เฉลี่ยเป็น ค่าที่ปีนี้จะเก็บได้ (หากไม่มีนโยบาย) แล้วประมาณการว่าเงินหายไปจากระบบเท่าไร
ไม่ใช่เอาเงินที่มันไม่มีอยู่จริง ไม่ได้หมุนเวียนในระบบมาคิด

ไม่ใช่ว่า โห เนี่ยถ้าไม่มีนโยบายนี้ แล้วคนซื้อรถล้านคัน เนี่ยจะเก็บภาษีได้ตั้งเท่านี้ โหเงินหายไปตั้งเยอะ เสียหายจังเลย
คือถ้าไม่มีนโยบายนี้คนก็ไม่ซื้อรถเท่านี้อยู่แล้วล่ะครับ อาจจะประมาณ เท่าปีที่แล้ว หรือน้อยกว่าด้วยซ้ำเพราะว่าบางคนเสียหายจากน้ำท่วม

คุณเอาตัวเลขที่ไม่มีในระบบแล้วมาบอกว่าเสียหายไม่ได้ เพราะ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่แล้วตัดมาจ่ายไป

งงใหมเนี่ย ไม่ต้องเถียงกลับก็ได้นะครับเพราะผมไม่เข้ามาตอบแล้ว


ไม่งงครับ

ถ้าไม่มีนโยบาย เท่ากับว่าคนไม่ซื้อ คนรอซื้อปีถัดไป หรือถัดๆ ไป ในผลรวมคือมันเท่าเดิม

ตรรกะท่านน่าคิดครับ

แต่มันเป็นเรื่องอนาคต ในปีถัดไป หรือถัดๆ ไป มันบอกอยากจริงๆ


อันนี้ขออนุญาต ตอบนะครับ ส่วนเรื่องเสียหายเพราะหนี้เสียบลาๆ อันนั้นขอไม่ตอบ
เพราะเงินใครมีเท่าไรใช้ก็ใช้ ตัวใครตัวมัน รัฐไม่ใช่พ่อแม่พี่เลี้ยง จะมาสอนวิธีการใช้เงินให้ประชาชน
เรื่องนี้คนสอนมีอยู่แล้ว คือในหลวง เศรษฐกิจพอเพียง ถ้าจำใส่กระโหลกกันไปใช้ก็ ไม่เกิดปัญหา อันนี้ท่านสอนมาตลอด ใครไม่นำไปใช้ถือว่าโง่เองช่วยไม่ได้

ส่วนเรื่อง ยอดรวมๆไป หลายๆปีเท่ากับรัฐเสียหายขอยกตัวอย่างอย่างนี้ครับ

สมมุติมีคนบอกว่า นี่เราให้เงินเธอล้านนึง เดียวนี้เลย กะ เราให้เธอ สามล้าน แต่เธอรออีกสามปีนะ
คุณจะเอาอะไร

บางคนอาจจะเอาล้านนึงเลย เพราะมีความต้องการใช้เงิน ลำบาก ต้องจ่ายค่าหมอ ค่านู่นนี่ ค่าเรียนลูก บลาๆ เหตุผลเยอะแยะผมไม่รู้
บางคนอาจรอสามปีแล้วเอาเงินสามล้าน เพราะว่ามีงานประจำอยู่แล้ว รออีกหน่อยจะเป็นไรไป ไม่ได้รีบใช้นี่นา อดทนหน่อยได้เงินเยอะกว่า

ถามว่ามีใครโง่กว่าใครใหม ถ้าคุณเอามุมมองของตัวเองมาตอบ ก็จะมองอีกฝ่ายว่าประหลาด ทำไมเลือกแบบนี้ แบบนี้ดีกว่า

ทีนี้ไอ้นโยบายนี้มันคือ รัฐต้องการให้คน กู้ธนาคาร เพื่อเทเงินลงมาหมุนในระบบแบบเร่งด่วนมากๆ เงินน้อยไม่เป็นไรขอให้มีเงินลงมาในระบบของชาติ
เพราะ อุตสาหกรรมทั้งหมดเสียหายหนักจากน้ำท่วม ต้องการเงินมาหมุนๆๆๆๆๆ

ถามว่าอนาคต รอไปมันก็จะมีเงินมาหมุนในระบบเอง ถูกใหม ถูกต้อง แต่ บางที การรอได้กับ รอไม่ได้ ผลต่างกันมาก
ก็ผมขอเสนอเท่านี้ล่ะ ท่านใดชอบอ่านยาวๆก็ลองไปพิจารณาต่อดู



อ้าว? ไหนว่าไม่มาตอบละครับ

แซวเล่นนะครับ
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: samgler ที่ มีนาคม 19, 2013, 10:16:24
ไม่เห็นต้องเถียงกันเลย ปลายปีนี้เดี๋ยวก็รู้ว่าดีไหม


ข้อเท็จจริงหลังจากผ่านมา 3 เดือน
1) ตลาดรถยนต์ใหม่ และมือ 2 ปีนี้ รวนไปหมด ทั้ง ราคา demand และ supply
2) วงการอะไหล่รถยนต์ แย่ลงหลายสิบ % => เพราะแทนที่คนจะซ่อมรถเก่าใช้ต่อ ก็เอารถเก่าไปขาย และออกรถในโครงการรถคันแรก
3) ตาม ตจว เศรษฐกิจ แย่ลง เพราะคนหลายล้านคน (ที่เกี่ยวข้อง) จะต้องประหยัด เพื่อเก็บเงินไว้ผ่อนรถ => ใครไม่เชื่อ ลองถามญาติพี่น้องเพื่อนฝูงได้ ผมเชื่อว่าทุกคนจะต้องมีญาติหรือเพื่อนอยู่ ตจว
4) ปั๊มน้ำมันและปั๊มแก็สขายดีขึ้น
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: yacoolsa9 ที่ มีนาคม 19, 2013, 10:38:05
ส่วนตัว ผมว่าอยู่ที่ การประมาณตัวเองครับ ถ้ามีสติสักนิดคิดว่า ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ  ที่จะตามมาหลังจากซื้อรถแล้วมีอะไรบ้าง ค่าน้ำมัน ค่าดูแล บลาๆๆๆ ผมว่าจะไม่มีปัญหานี้ครับ
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: mathician ที่ มีนาคม 19, 2013, 10:52:42
สำหรับผมมีการถกเถียงกันแบบนี้ไม่เห็นเป็นไรเลย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น อยากรู้มุมมองของคนอื่นเหมือนกัน ไม่ได้ด่ากันหยาบคายสักหน่อย
แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อกฎของเวปเค้าตั้งมาแบบนี้  ;D

สำหรับคนที่ใช้เงินเกินตัว ก็ดีเหมือนกัน ไว้เป็นบทเรียน
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: Amaranthe ที่ มีนาคม 19, 2013, 13:28:08
ไม่ได้จะเข้ามาช่วยสร้างดรามา นะครับ แต่ก็อยากแสดงความคิดเห็นบ้าง
----------------------------------------------------------------------------------

ใช่ครับ รัฐไม่ได้เสียเงิน เพราะเงินที่เอามาจ่าย 100,000 นี้ ได้มาจาก บ.รถยนต์
หากคิดตัวเลขง่าย ๆ ว่า ต้องจ่ายให้ประชาชนทั้งหมดทั้งประเทศรวม 1 แสนล้านบาท
รัฐก็ไม่ได้เสียเงินอยู่ดี ก็จริงครับ

แต่รัฐและประชาชนเสียโอกาสที่จะนำเงิน 1 แสนล้านบาทนี้ ไปพัฒนาสาธารณูปโภคด้านอื่น ๆ
เชื่อมั้ย จ.สมุทรปราการบ้านผม ใคร ๆ ก็บอกว่าเป็นจังหวัดอุตสาหกรรม แต่ยังไม่มีน้ำประปาใช้ทั้งจังหวัดเลย
-----------------------------------------------------------------------------------

และ หากรัฐมีเงินไม่พอจ่าย ภาษีรถคันแรก ในตอนนี้ ก็ต้องโยกเงินจาก กระเป๋าอื่นมาจ่ายก่อนหรือไม่
-----------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: simcity ที่ มีนาคม 19, 2013, 13:45:51
ขออนุญาติแชร์ความคิดเห็นเพิ่มเติมนะครับ

ที่บอกว่ารัฐไม่ได้เสียหายอะไร อันนี้ขออนุญาติเห็นต่างครับ

เราลองมาวิเคราะห์ กลุ่มคนที่ใช้สิทธิ์ 1.25 ล้านคน

ผมขอแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 3 กลุ่ม

1. คนรายได้ไม่เยอะ พึ่งเริ่มทำงาน พึ่งเรียนจบ ยังไม่มีความคิดที่จะซื้อรถ ยังไม่มีความพร้อมเท่าไหร่
แต่พอมีนโยบายนี้ ต้องรีบซื้อในปีนี้ เพราะถูกลง 100,000

2. คนมีฐานะดี มีรถอยู่แล้วหลายคัน แต่ซื้ออีก เพราะชอบของถูก
แล้วติดชื่อแม่ ชื่อแฟน เพื่อเอาสิทธิ์รถคันแร

3. คนที่ตั้งใจจะซื้อรถอยู่แล้วในปีนี้ และ ในอนาคตอันใกล้ (2-3 ปี)
อาจจะเป็นรถคันแรก หรือมีรถใช้อยู่แล้ว แต่กำลังคิดอยากจะเปลี่ยน

ใน 3 กลุ่มหลักนี้ จะเห็นว่า กลุ่มที่ 1 และ 2 คือ demand ปลอม

กล่าวคือ ถ้าไม่มีนโยบายนี้ พวกเขาก็ไม่ซื้อรถ แต่ซื้อเพราะของถูก

ส่วนกลุ่มที่ 3 คือ demand จริง ซึ่งไม่ว่าจะมีนโยบายออกมาหรือไม่ คนกลุ่มนี้ก็ซื้อรถอยู่ดี

ส่วนลดที่ได้คือผลพลอยได้ไป

ถ้าคิดเป็นสัดส่วน คงตอบยากครับ เพราะคงไม่มี survey ไปเก็บแบบสอบถามตอนคนซื้อรถ

ผมลองคิดคร่าวๆว่า สัดส่วนของคน 3 กลุ่มนี้เท่าๆกัน คือ 1/3

คนกลุ่มที่ 3 คือ demand จริง ซึ่งถ้าไม่มีนโยบายออกมา พวกเค้าก็ซื้อรถอยู่ดี

ซึ่งรัฐจะสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีจากคนกลุ่มนี้ครับ

ถ้าดูตัวเลขงบประมาณโครงการทั้งหมด 90,000 ล้านบาท

สรุปว่ารัฐจะสูญรายได้ที่ควรจะเก็บภาษีได้ 1/3 คือประมาณ 30,000 ล้านบาท

แถม demand ในกลุ่มที่ 1 อาจจะกลายเป็น demand จริงในอนาคต คือ ปีที่ 2,3,4,5 ก็เป็นได้

พูดง่ายๆก็คือรัฐจะเก็บภาษีได้น้อยลงในปีต่อๆไป เพราะคนแห่ซื้อรถกันไปหมดแล้วเมื่อปีที่แล้ว

ถ้าจะบอกว่ารัฐไม่ได้เสียอะไร แค่เก็บได้น้อยลง

ลองเปรียบเทียบง่ายๆ ถ้าเราได้เงินเดือน 100,000 บาท

แต่เดือนนี้เจ้านายบอกว่า ให้ 50,000 พอ

เราก็ไม่ได้เสียหายอะไร แค่ได้น้อยลง ใช่มั้ยครับ

ปล. ไม่ได้ต้องการก่อดราม่านะครับ แค่ขออนุญาติแสดงความเห็นในมุมที่ต่างกันออกไปครับ

ด้วยความเคารพสมาชิกทุกท่าน
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: กบทอดกระเทียม ที่ มีนาคม 19, 2013, 14:26:04
ใจเย็นๆครับ เพิ่งไตรมาสแรกเอง
ยังมีเวลาดูข้อมูลอีกมาก
ส่วนท่านที่รอเก็บของถูก ก็รอดูต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: whoami ที่ มีนาคม 19, 2013, 15:10:04
คนที่ผ่อนไม่ไหว ไม่รู้จักประมาณตน เค้าก็ซวยของเค้าไปเอง โดนยึด โดนตามคืนเงินภาษีก็ว่ากันไป

อ่านกระทู้เกี่ยวกับนโยบายนี้มาหลายกระทู้จากหลายเว็บ มีแต่คนคอยจ้องจะซื้อรถที่เข้าโครงการ

แล้วผ่อนไม่ไหวกันเยอะแยะเลย มีมากกว่าคนที่ผ่อนไม่ไหวต้องขายก่อน 5 ปีอีกมั้ง ผมก็คนนึงอ่ะ 555+

หัวข้อ: Re: มันเริ่มแล้วครับ - รถคันแรกเริ่มพ่นพิษ! เผยสละสิทธิแล้ว 2 พันราย
เริ่มหัวข้อโดย: warez ที่ มีนาคม 20, 2013, 23:57:49
ผมมานั่งอ่านหลายๆท่านนั่งวิเคราะห์แล้วยังอึ้งเลยครับ

หวนคิดไปว่าคนคิดโครงการเขาจะคิดได้ขนาดพวกท่านไหม

คนละตำแหน่ง ก็จะเห็นภาพกันคนละมุมมองครับ สนุกดี