Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Mr.Siri ที่ เมษายน 17, 2013, 23:45:07

หัวข้อ: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.Siri ที่ เมษายน 17, 2013, 23:45:07
เคยซื้อรถเงินสด ใช้แล้วสบายใจ
แต่ก็อยากได้ BMW 3series ก็แลยไปถอยมาซะ
กลับตัองมาเครียดว่า ตูจะไปเป็นหนี้ไปทำไม (ผ่อนหนะไหวอยู่ครับ แต่มันไม่ชิน)
แต่อีกใจก็เข้าข้างตัวเองว่า ไม่ซื้อตอนนี้แล้วจะรอให้แก่กว่านี้เรอะค่อยไปซื้อ นี่ก็หลักสี่เข้าไปแล้ว
อีกอย่างก็คือทำใจไม่ได้ถ้าต้องให้ลูกเล็กไปนั่งรถเจ้าตลาด เคยเห็นแต่ละคันเกิดอุบัติเหตุแล้วแหยง
เราขับระวังแต่ไม่รู้คนอื่นจะมาเสยเราเมื่อไหร่

แค่บ่นเฉยๆครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: fishfinger ที่ เมษายน 18, 2013, 00:00:10
คือบ้านผมก็ไม่ผ่อนนะถ้าเป็นรุ่นญี่ปุ่นซื้อสดตลอด

แต่ถ้ารถยุโรปจะใช้วิธีผ่อนแทน แต่ตังอะมีพออยู่แล้ว ใช้วิธีดาวเกิน1ล้าน ผ่อน2ปีพอ แถมมีส่วนลด เหมือนแทบไม่ได้ผ่อน คือมีตังแล้วค่อยซื้อผมว่าดีกว่า

เอาไว้ให้พร้อม จะได้ขับแบบสบายใจ ไม่ใช่ทางรถดีแต่ทางบ้านแย่

เข้าใจความรู้สึกครับ BMW ตัวนี้เข้าโชว รูม เจอเซลดีๆ เจอรถดีๆแบบ พอนั่งลงไปปุ้บไม่อยากจะลุกออกมาเลย ถ้าผมเป็นเด็กจะร้องไห้งอแงเอากลับบ้านเลย  ;D ;D

เรื่องความปลอดภัยผมเห็นด้วยเลยนะ รถยุโรปยังแข็งแรงกว่ารถญี่ปุ่นเยอะ ยิ่งคนที่เรารักยิ่งห่วงเข้าไปใหญ่

ตัวเราเองอะระวังอยู่แล้ว แต่คนอื่น คนเมา จะระวังรึเปล่า ยิ่งรถพี่โต ไม่รู้นะบ้านผมไม่เคยใช้เลย เพราะเห็นอุบัติเหตุนิดหน่อยทำไมรถไปพังเละอย่างนั้นนน

ที่พูดได้เพราะเจอกับตัวเอง

1.คือช่วงฝึกขับรถใหม่ๆพ่อผมให้ E class W211 มาขับครับ แต่พ่อนั่งคุมอยู่ แล้วเพื่อนนั่ง อยู่2คน

กำลังจะเลี้ยวเข้าซอย มอเตอร์ไซด์เมามาครับ ไม่เบรคเลย ไม่มีรอยเบรค พุ่งเข้าชนที่ประตูหลังอย่างแรง มอเตอร์ไซด์กระเด็นไปคนละทิศทาง

คนขับบบาดเจ็บขาต้องใส่เหล็ก รถผมแค่บุ้บนิดหน่อย แต่กระจกหลังแตก เพื่อนที่นั่งข้างหลังไม่เป็นอะไรเลยครับ มันบุ้บนิดเดียวจริงๆ

ตือผมวันนั้นถ้ามีขับรถญี่ปุ่นเล็กๆมา ผมว่าเพื่อนผมข้างหลังมีเจ็บแน่นอน

2.รถ Volvo เคยพุ่งชนกำแพงบ้าน รถหนะไม่เป็นไรเลย แต่ชนกำแพงจนพัง จนถึงตัวบ้านเลย พังทั้งบ้านทั้งกำแพง ขนาดแค่รถไหลนะ

แชร์ความคิดเห็นครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: dusitmon123 ที่ เมษายน 18, 2013, 00:04:41
แต่ผมมองต่างนะ

รถสมัยใหม่นี่ เวลาชนจะดูเสียหายเยอะนะครับ แต่ผู้โดยสารจะเจ็บน้อย

ไอรถหนาๆ ชนแล้วแทบไม่บุบเนี่ย คือความเชื่อแบบเก่าครับ

BMW Benz รุ่นใหม่ๆ ต่างกับญี่ปุ่นไม่เท่าไร่ครับ

Camry ผมไปเสยท้ายมา เจ็บหนักกว่าผมเยอะ ท้ายยุบเยอะมาก แถมหน้ากระเด็นไปมุดใต้กระบะ พังยับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: bluefox101 ที่ เมษายน 18, 2013, 00:07:09
เคยเป็นกับรถ bmw คันแรกครับ E46 ตอนยังไม่มี ก็อยากได้ ขอให้ที่บ้านซื้อให้
พอเค้าซื้อให้แล้วต้องมาเครียดเรื่ิองซ่อม (ตอนนั้นยังไม่มี bsi) แค่ค่าบำรุงรักษาตามระยะ
ก็ทำเอากระเป๋าแห้งเลย วันไหนซ่อมหนักนี่เล่นเอาเครียดไปหลายวันเลยครับ

แต่พอคันต่อมา ก็ยังไม่เข็ด ก็ยัง bmw อยู่ดี คงเพราะเริ่มชินแล้วกับค่าซ่อม และยังติดใจกับ
สมรรถนะรถ เลยยังไม่เปลี่ยนใจไปหายี่ห้ออื่น
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: ichok ที่ เมษายน 18, 2013, 00:10:42
หมายถึงเครียดเรื่องผ่อนใช่ไหมครับ ผมว่าถ้าเราผ่อนไหว รายได้แน่นอน การหมุนเงินคล่องตัว ก็ไม่น่าเครียดนะครับ ส่วนเรื่องไม่อยากผ่อนผมก็เคยเป็นครับ เหมือนผ่อนไหวแต่ก็รำคาญไม่อยากผ่อน จะซื้อสดก็เสียดายเงินก้อน สำหรับผมถ้าจะเครียดผมจะเครียดเรื่องราคารถระดับ 3 ล้านแล้วไม่รู้จะใช้มันยังไงให้คุ้มค่าเงินที่เราจ่ายไปแค่นั้นเองครับ รถราคาระดับนี้ขืนผ่อนเดือนชนเดือนผมคงเครียดตายครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: boycatbay ที่ เมษายน 18, 2013, 00:15:29
ยังไม่เคยเผ็นครับ แต่คิดว่าเดี๋ยวก็เป็น แต่ก่อนผมบอกตัวเองว่าอย่าริไปอาดนั่งรถยุโรป เวลาเจอบูธก็อย่าได้เข้าไป
เมื่อmotor show ที่ผ่านมานี้ล่ะครับ มาเกือบทุกวันไม่เข้าไปบูธรถยุโรปเลยครับ เฉยๆ นิ่งไว้ พอวันสุดท้าย อะไรดลใจไม่รู้
ให้ไปเหยีบย บูธBMW ก่อน พอเข้าไปนั่งในตัวรถแค่นั้นล่ะครับ ลืมรถญี่ปุ่นเลย มันต่างกันมากในราคาที่พอเอื้อมถึง
(คันที่นั่งก็ BMW X1 sDrive20d,BMW 116i,BMW 320d Luxury) ผมตกหลุมรักมันขึ้นมาทันที ตอนนี้ผมยังนั่งนึกอยู่เลยครับ
ว่า จะเลือกรถคันไหนดี ระหว่าง Bmw x1,320d,Volvo V60,Hyundai Tucsonและรอดู Hyundai Santa Fe แต่ตอนนี้ใจเทไปทาง X1 แล้ว 65%
เครียด >:(
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: AMG GT ที่ เมษายน 18, 2013, 00:16:30
ผมว่า ที่ เห็นรถตลาดไปชน และสภาพเละอะไรแบบนี้  ผมว่าขับประมาทมากกว่าครับ  ถ้าขับประมาท ถุงลม20ใบก็ไม่ช่วยอะไรครับ
accord ใหม่พลทอสอบการชนก็ ชนะรถยุโรป หลายรุ่นน้าาาา ;D
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Emission-Tester ที่ เมษายน 18, 2013, 00:21:39
เรื่องอุบัติเหตุ นี่ต้องมี สติ ตลอดเวลาเลยครับ

จำนวนรถยนต์ เพิ่มขึ้นทุกวัน

แต่ พื้นที่ถนน มีเท่าเดิม

โอกาสเกิดอุบัติเหตุ จากการขับขี่เกิดขึ้นได้ ทั้งเรา และคนอื่น
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: john ที่ เมษายน 18, 2013, 00:38:37
ผมว่าจะเริ่มเครียดหลังจาก 5 ปีผ่านไปแล้วมากกว่าครับ ทั้งค่าซ่อม ค่าดูแล รวมถึงราคาขายต่อด้วย
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: ChiLun ที่ เมษายน 18, 2013, 01:56:31

ส่วนตัวผมซื้อรถเงินสดปลอดภัยที่สุดครับ เพราะดอกก็ไม่ต้องเสีย อนาคตไม่แน่นอนก็ไม่เดือดร้อน แต่ความจำเป็นของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ
แต่ต้องระวังอย่าให้เกินความสามารถ สำคัญที่สุดคืออย่าไว้ใจอนาคตมากจนเกินไปดูตัวอย่างเช่นราคาทองตอนนี้ เงินที่เราคิดจะได้มันอาจไม่ได้

รถยุโรปที่ผมใช้คันนี้เก็บเงินมาระยะหนึ่งและซื้อเงินสด ซึ่งอันที่จริงเคยจะซื้อผ่อนตั้งแต่ออกมาใหม่ๆ แต่เพราะพอคำนวนดอกเบี้ยผ่อนแล้วสู้ดอกไม่ไหว ไหนจะดอกเบี้ยไหนจะค่าบำรุงรักษา ผมเลยคิดว่าเราจะจ่ายเกินกว่าราคารถไปอีกเยอะ ส่วน h-1 ที่มีอยู่อีกคันซื้อผ่อนเพราะใช้ทั้งส่วนตัวและหลักๆคืองานควบคู่กันไป ส่วนดอกก็ไม่แพงมาก เลยเลือกที่จะผ่อนไปเรื่อยๆ

หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: gayji ที่ เมษายน 18, 2013, 02:01:20
BMW กับ Benz ผมว่าระบบเบรค และช่วงล่างดีมากนะครับ เมื่อเทียบกับเจ้าตลาด ผมเคยขับมาทั้ง 3 ยี่ห้อ ในรถไซส์ใกล้เคียงกันแล้ว
ถ้าวิ่งอยู่ 120-150 km/hr แล้วต้องเบรคฉุกเฉิน หรือเปลี่ยนเลนฉุกเฉิน ผมเจอมา 2 ครั้ง เรียกว่าคุ้มไปแล้วครับ เบรคเอาอยู่ และรถก็ไม่เสียการทรงตัว อันนี้สำคัญมากๆ เพราะถึงเราขับดี และระวัง แต่เวลาคนอื่นจะปาด หรือเค้าอาจไม่เห็นเรา อันนี้ก็เป็นจุดชี้เป็นชี้ตายได้ครับ คิดว่าเหมือนซื้อประกันเถอะครับ ไม่ได้ใช้ก็ดี แต่ถ้าได้ใช้เมื่อไหร่ เกินคุ้ม

*เรื่องถุงลม ยังไม่เคยได้ใช้ และไม่อยากได้ลองใช้ เลยไม่มีข้อมูลมาแชร์ครับ มีเพื่อนๆ คนไหนมีประสบการณ์กับถุงลมนิรภัยมาแชร์กันบ้างนะครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: LaTeX ที่ เมษายน 18, 2013, 02:12:37
ถ้าเงินไม่เหลือจริงๆเหนื่อยนะครับ ออกแนวตึงเกินไป
-ค่าผ่อน ค่าประกัน ค่าซ่อมถ้าออกเองก็แพงกว่ารถแบรนด์ตลาด
-ค่าภาพลักษณ์ ขับแบรนด์หรูคนมองเราอีกแบบ อย่างต้องให้ทิปอะไรงี้ หรือเสียงก่นด่าจากชาวบ้านผู้อิจฉา(มีจริงๆนะครับ) ใครไม่แคร์เรื่องพวกนี้โชคดีมาก
เอาแค่นี้ผมก็มองว่าถ้าเงินไม่ได้เหลือใช้แบบสามล้านชิลๆผมว่าหนักนะครับ แทนที่จะเป็นแค่พาหนะทำให้เราไปไหนสะดวก สบายใจปลอดภัย กลับกลายเป็นภาระไป

แต่ยังไงมันก็เป็นความฝันของผู้ชายเนาๆใช่มั้ยครับ พออยู่หลังพวงมาลัย หรือมองรถตัวเองก็ลืมเรื่องพวกนี้หมดละ มันคือความสุข
ยังไงก็ขอให้โชคดีกับรถใหม่นะครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: aoddy1 ที่ เมษายน 18, 2013, 05:07:47
ฺBMW นี่สำหรับผมมันเป็นความใฝ่ฝันสมัยเด็กๆเลยครับ ตอนนี้ใกล้เลข4แล้วแต่ยังไม่มีปัญญาซื้อเลย หวังว่าคงมีปัญญาสักก่อน60 แต่ก็ได้ขับของเพื่อนและพี่ๆบ้าง ฟิลลิ่งในการขับดีมากๆยังไงชีวิตนี้ต้องมีเป็นเจ้าของให้ได้สักคัน
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: ratikorn ที่ เมษายน 18, 2013, 05:14:05
ไม่ใช่ว่าเคยครับ แต่ตอนนี้กำลังเป็นเหมือน จขกท.เลยครับ  ;D
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: neung23 ที่ เมษายน 18, 2013, 07:02:41
ผมซื้อมือ2เลยไม่เครียดคับ

บีเอ็มมือ1 ง่ายๆสั้นๆ ไม่มีปัญญาคับ  :'(

มือ2 สบายไป1 คือราคาขายต่อไม่เจ็บมากล่ะคับ เพราะมันเล่นร่วงจากมือ1มามือ2 กันเป็นล้านหรือหลายล้าน

ซ่อมเลือกรถซ่อมถึงๆมาก็สบายไปอีก ถ้าเอาแต่ไมล์น้อยๆมาเหนื่อยแน่ๆคับ

แต่ถ้าผมมีปัญญหาโดยไม่ต้องกวนทางบ้านผมออกมือ1แน่ๆคับ อย่างน้อยๆขอหาเหาใส่หัวซักครั้งในชีวิต  ;D

ถ้าเราชอบ เป็นความฝันเรา ก็ทำให้สำเร็จคับ เครียดก็เครียด เราจะได้รู้สึกรักมันมากขึ้น (แต่ถ้าเป็นภาระหนัก) จากรักจะกลายเป็นเกลียดล่ะคับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: JIRATH ที่ เมษายน 18, 2013, 07:37:56
ซื้อมาได้แปบเดียวแบตหมด เจอค่าเปลี่ยนแบตหน้าซีดเลย  :o :o :o
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: PP ที่ เมษายน 18, 2013, 07:39:24
 ;D คุณเจ้าของกระทู้เครียดเรื่องอะไรคะ กังวลว่ารถจะมี defect หรือกังวลเรื่องที่ต้องมาผ่อนรถ ลองหาคำตอบว่ากังวลเรื่องอะไรเเล้วค่อยมองหาคำตอบที่จะช่วยเเก้ความกังวลนั้นดีมั้ยคะ ตอนนี้คุณน่าจะมีความสุขกับการได้เป็นเจ้าของยนตรกรรมที่หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ใฝ่ฝันอยากได้มาครอบครองนะคะ การเป็นหนี้นิดหน่อยเป็นสิ่งที่ดีเพราะมันจะเป็นเเรงผลักดันให้เราขยันทำงาน หนี้ในที่นี้คือหนี้ที่ไม่เกินตัวนะคะ เเต่ถ้าเกินตัวอันนี้เป็นทุกข์เเน่ๆ
  เราเองสมัยที่ซื้อ E90 ช่วงเเรกก็กังวล เเต่กังวลว่ารถเราจะมี defect รึเปล่าก็ต้องลุ้นไปเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปเป็นปีถึงได้เเน่ใจว่ารถเราเเข็งเเรงสุขภาพสมบูรณ์ จากนั้นมาซื้อ F30 ก็มีอาการกังวลในเรื่อง defect ของรถเช่นกัน คือเราไม่อยากได้รถที่มี defect มาตั้งเเต่เเรกค่ะ เค้าว่ากันว่าถ้าเเข็งเเรงมาตั้งเเต่ต้นต่อไปก็จะสบายๆป่วยบ้างตามอายุ ตอนนี้ยังกังวลอยู่เพราะยังใช้มาเพียง 2 เดือน ไม่รู้จะดีตลอดรึเปล่า ดังนั้นเจ้าของกระทู้ไม่ต้องกังวลนะคะ เรื่องผ่อนรถเป็นเรื่องปกติค่ะ
  
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ เมษายน 18, 2013, 08:15:27
BMW กับ Benz ผมว่าระบบเบรค และช่วงล่างดีมากนะครับ เมื่อเทียบกับเจ้าตลาด ผมเคยขับมาทั้ง 3 ยี่ห้อ ในรถไซส์ใกล้เคียงกันแล้ว
ถ้าวิ่งอยู่ 120-150 km/hr แล้วต้องเบรคฉุกเฉิน หรือเปลี่ยนเลนฉุกเฉิน ผมเจอมา 2 ครั้ง เรียกว่าคุ้มไปแล้วครับ เบรคเอาอยู่ และรถก็ไม่เสียการทรงตัว อันนี้สำคัญมากๆ เพราะถึงเราขับดี และระวัง แต่เวลาคนอื่นจะปาด หรือเค้าอาจไม่เห็นเรา อันนี้ก็เป็นจุดชี้เป็นชี้ตายได้ครับ คิดว่าเหมือนซื้อประกันเถอะครับ ไม่ได้ใช้ก็ดี แต่ถ้าได้ใช้เมื่อไหร่ เกินคุ้ม

*เรื่องถุงลม ยังไม่เคยได้ใช้ และไม่อยากได้ลองใช้ เลยไม่มีข้อมูลมาแชร์ครับ มีเพื่อนๆ คนไหนมีประสบการณ์กับถุงลมนิรภัยมาแชร์กันบ้างนะครับ
. จริงครับ เหตุการแนวๆนี้ถ้ารอดพ้นมาได้สักครั้งจะรู้เลยว่าคุ้มแล้วที่ซื้อมันมา รถบ้านๆจะทำให้นิ่งให้หักหลบโดยไม่เสียหลักได้แบบรถยุโรปต้องใส่โน่นใส่นี่มากมายแล้วยังเสียความนุ่มนวลไปด้วย ถ้าลืมไปว่าซื้อมาเพราะอะไรลองไปนั่งในรถบ้านๆสัก120-140แล้วกลัยมาขึ้นรถตัวเอฃอีกครั้งแล้วจะนึกได้เอง คุณยังไม่ชินกับการเพิ่งมีรถยุโรปเท่านั้นเอง ไม่ต้องคิดมากหรอก  ;)
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Marverick ที่ เมษายน 18, 2013, 08:35:52
คุณMr.Siri มีเงินผ่อนไหว แสดงว่าได้ประมาณตัวเองแล้วว่าสบายๆ ดังนั้นไม่ต้องเครียดเลยครับ ขับรถให้สนุกและปลอดภัยนะครับ ยังมีอีกหลายคนที่ ซื้อรถมาก่อนแล้วเรื่องผ่อนค่อยว่ากันทีหลัง แต่ละเดือนตึงมือ ไหนจะค่าประกัน. ค่าน้ำมัน จะไปไหนก็กลัวเปลืองน้ำมัน ทำให้หมดสนุกในการขับขี่... ตอนนี้ขับแบบสบายใจให้หลายๆคนอิจฉาได้เลยครับ ยินดีด้วยครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: ThinkOutBox ที่ เมษายน 18, 2013, 09:04:18
ความเครียดส่วนใหญ่ มักเกิดจากการทำอะไรเกินตัวครับ  ;)
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ เมษายน 18, 2013, 09:09:26
ขนาดผมใช้รถตลาดๆ เวลารถมีปัญหาปวดหัวอยากขายทิ้ง
ถ้าเป็นรถยุโรปผมตายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Monn ที่ เมษายน 18, 2013, 09:36:27
ผมก็เพิ่งซื้อ BMW เป็นคันแรกของครอบครัว ถามว่าพร้อมไหม มันก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง แบบซื้อสด เหมือนหลายๆ ความเห็น
ซื้อสดดีไหม ดีแน่นอนครับ แต่ผมกับแฟน สร้างตัวกันมาเองจาก 0 เพราะไม่ได้เอาเงินที่บ้านสักบาทตั้งแต่เรียนจบมากัน
เริ่มทำงานประจำทั้งคู่ จนตอนนี้มีบ้าน มีรถ 2 คัน และได้ใช้ชีวิตอย่างที่วาดฝันไว้ระดับหนึ่ง อาจจะไม่หรูเริ่ด แต่ก็สบายพอสมควร

หากดูจาก ลายเซ็นต์ผม จะเห็นว่าใช้รถมาเยอะ แล้วก็มีแต่ honda เพราะเปลี่ยนรถบ่อย ผ่อนทุกคันครับ เป็นพนักงาน การซื้อสด ลืมได้เลย
และก็วิถีการใช้ชีวิตของผมคือเต็มที่ พร้อมระวังอนาคตไว้บ้าง แต่ไม่ใช่ไม่ใช้เงิน เก็บๆ แล้วสุดท้าย หมดแรงใช้ ไปให้หมอแทน
ผมเห็นคุณพ่อผมเป็นครับ อยากไปเที่ยวยุโรปมาก บอกแม่ว่าปีหน้า ปีหน้า ขอทำงานเก็บเงินก่อน
แล้วสุดท้าย ท่านป่วย 6 เดือนเสีย ไม่ได้ไปยุโรป พร้อมกับเงินที่หามาก็จ่ายค่าหมอไปเยอะ ขนาดพี่สาวเป็นหมอยังหมดไปหลาย

ตอนนี้พอมีกำลัง ผมก็จัดความฝันตัวเองเลย อายุก็เลข 4 แล้ว คงไม่อยากเป็นตาแก่ 60 ค่อยขับ BMW  ;D
ผ่อนครับ แต่ผมทำงาน finance บอกเลย รถเป็นหนี้ที่ดอกถูกสุดในตลาดแล้ว หาที่ไหนดอก 2.5% ต่อปี บัตรเครดิตนี่ 20% ต่อปีนะ
อันนี้ผมไม่รู้นะ แต่บางคนพยายามซื้อรถเงินสด แต่ไม่เหลือเงินเก็บเลย ซึ่งบางที เรื่องฉุกเฉินแพงกว่าดอก 2.5% นะครับ

สุดท้าย อย่าเครียดเลยครับ ใช้ไปสบายๆ แสนโล มีคนซ่อมให้ ได้รถในฝัน ผ่อนไม่ผ่อน ไม่ได้มีผลหรอกครับ
กำลังจะจัด BMW คันที่ 2 เพราะใช้แล้วติดใจจริงๆ ก็ผ่อนเหมือนเดิม สองคันผ่อน 8x,xxx ต่อเดือน
บางคนหาว่าบ้า แต่หากเราไม่เดือดร้อน รายได้ที่ได้ตอนนี้มากกว่านี้หลายเท่าตัว ใช้รถไม่ต้องกังวลซ่อมไปอีก 4-5 ปี
และได้รถที่ปลอดภัย คนที่เรารักขับแล้วเราสบายใจ เราขับแล้วสบายใจ ผมยอมครับ  ;)
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: beebird ที่ เมษายน 18, 2013, 09:53:03
ทำตามฝัน ไม่ได้เดือนร้อนคนอื่น ผมว่าที่ทำน่ะถูกต้องแล้วครับ เพียงแต่อย่าประมาทต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ฉุกเฉิน ถ้าพร้อมหมด จัดโลดครับพี่

ผมก็เซ็งตรงเวลาหาที่จอดตามห้างต้องเลือกดีๆ ที่ไหนเปลี่ยวก็อย่าจอด ขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้นครับ ไปตจว.ยังไม่ค่อยอยากเอาไปกลัวหินกระเด็นใส่ กลัวทางไม่ดีขับแล้วเครียด สารพัดครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Andanes ที่ เมษายน 18, 2013, 10:07:17
ตอนวัยสะรุ่น.. เคยใช้ E36ป้ายแดง ตอนเรียนมหาลัยอะ..
ปีแรกตู้แอร์เดี้ยง
ขับจนเรียนจบ 4ปี เดี้ยงกลางถนนไปหลายรอบ..
ซ่อมแต่ละที หลักหมื่นขึ้นตลอด แถมปัญหาไม่ยอมจบ โดยเฉพาะหักพวงมาลัยแล้วดัง กึ๊กๆ
ใช้ไป 10ปี ขายทิ้งไป เหมือนยกภูเขาออกจากอก

จะโทษว่ารถไม่ดีก้อไม่แน่ใจ เพราะตอนเด็กๆ ผมไม่ค่อยถนอมรถ แต่ตอนนี้พ่อผมกลัว BMW มากมาย

แชร์ความเครียดของ bmw ด้วยคน ถึงจะไม่ตรงกับหัวข้อของ จขกท เท่าไหร่ ฮ่าๆๆ

แต่ตอนนี้ผมดันอยากได้ F10  F30  อยากพิสูจน์ด้วยว่า มันไม่ดีจริงๆหรือว่า ตอนนั้นผมใช้ไม่เป็น  ::) ::)

หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: maxillofacial surgeon ที่ เมษายน 18, 2013, 10:57:25
เอาใจช่วยเจ้าของกระทู้ครัับ
ฺผมก็เครียดเหมือนกันครับ เครียดคืออยากได้ทุกวันแต่ยังไม่มีปัญญาซื้อครับอิๆ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: ChiLun ที่ เมษายน 18, 2013, 11:19:12

ผมก็เซ็งตรงเวลาหาที่จอดตามห้างต้องเลือกดีๆ ที่ไหนเปลี่ยวก็อย่าจอด ขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้นครับ ไปตจว.ยังไม่ค่อยอยากเอาไปกลัวหินกระเด็นใส่ กลัวทางไม่ดีขับแล้วเครียด สารพัดครับ

คล้ายๆกันเลยครับ เจอปัญหาพวกนี้ไป เซ็งครับ บางทีอยากไปไกลๆยาวๆแต่พอนึกถึงสภาพถนน ต้องขับหลบนู่นนี่ เลยขี้เกียจครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: beebird ที่ เมษายน 18, 2013, 11:42:07

ผมก็เซ็งตรงเวลาหาที่จอดตามห้างต้องเลือกดีๆ ที่ไหนเปลี่ยวก็อย่าจอด ขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้นครับ ไปตจว.ยังไม่ค่อยอยากเอาไปกลัวหินกระเด็นใส่ กลัวทางไม่ดีขับแล้วเครียด สารพัดครับ

คล้ายๆกันเลยครับ เจอปัญหาพวกนี้ไป เซ็งครับ บางทีอยากไปไกลๆยาวๆแต่พอนึกถึงสภาพถนน ต้องขับหลบนู่นนี่ เลยขี้เกียจครับ
ไป ตจว. เอา City แฟนไป หยุดสงกรานต์ เอา City แฟนขับ .... น้องในรูปจอดอยู่บ้าน อมฝุ่นไป ดีกว่าเขรอะแป้ง และริ้วรอยมือครับ

อยากจะทำใจได้บ้าง เพราะช่วยหยุดยาวเนี่ย ถนนโล่งดีแท้ แต่ก็ปวดหัวกันไปคนละแบบครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Monn ที่ เมษายน 18, 2013, 11:49:54

ผมก็เซ็งตรงเวลาหาที่จอดตามห้างต้องเลือกดีๆ ที่ไหนเปลี่ยวก็อย่าจอด ขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้นครับ ไปตจว.ยังไม่ค่อยอยากเอาไปกลัวหินกระเด็นใส่ กลัวทางไม่ดีขับแล้วเครียด สารพัดครับ

คล้ายๆกันเลยครับ เจอปัญหาพวกนี้ไป เซ็งครับ บางทีอยากไปไกลๆยาวๆแต่พอนึกถึงสภาพถนน ต้องขับหลบนู่นนี่ เลยขี้เกียจครับ
ไป ตจว. เอา City แฟนไป หยุดสงกรานต์ เอา City แฟนขับ .... น้องในรูปจอดอยู่บ้าน อมฝุ่นไป ดีกว่าเขรอะแป้ง และริ้วรอยมือครับ

อยากจะทำใจได้บ้าง เพราะช่วยหยุดยาวเนี่ย ถนนโล่งดีแท้ แต่ก็ปวดหัวกันไปคนละแบบครับ

ของผมไปอีกแนว ไป ตจว เหมือนกัน เอา F30 ไป เพราะ (สำหรับผมนะ) รถซื้อมาใช้ครับ เราซื้อรถแพงๆ เพื่อใช้งานและเพื่อความปลอดภัยนะครับ ยิ่งไป ตจว รถคันไหนดีกว่า ผมก็เอาคันนั้นไปเลย ไม่ได้เคยกลัวเลยว่าจะเป็นรอย เป้นโน่นเป็นนี่ กลัวอุบัติเหตุมากกว่าครับ เพราะไอ้รถแพงๆ ที่เรามีนี่แหละ ที่จะช่วยให้เราปลอดภัยครับ ไม่งั้นเราจะซื้อมาเพื่ออะไร สำหรับผม รถเป็นรอย รถโดนชน ก็ซ่อมครับ ของซื้อมาใช้

ปล. ผมแกะพลาสติกออกตั้งแต่ถอยจากโชว์รูมทุกคัน ทำไมเราต้องนั่งพลาสติก ในเมื่อเราซื้อรถมานั่ง ผมยังงงๆ บางท่านอยู่ โดยเฉพาะสุภาพสตรี (แม่ผมคือหนึ่งในนั้น  ;D) เอาเป็นว่าสำหรับผม รถซื้อมาใช้ครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: 6162002 ที่ เมษายน 18, 2013, 11:56:54
แต่ผมมองต่างนะ

รถสมัยใหม่นี่ เวลาชนจะดูเสียหายเยอะนะครับ แต่ผู้โดยสารจะเจ็บน้อย

ไอรถหนาๆ ชนแล้วแทบไม่บุบเนี่ย คือความเชื่อแบบเก่าครับ

BMW Benz รุ่นใหม่ๆ ต่างกับญี่ปุ่นไม่เท่าไร่ครับ

Camry ผมไปเสยท้ายมา เจ็บหนักกว่าผมเยอะ ท้ายยุบเยอะมาก แถมหน้ากระเด็นไปมุดใต้กระบะ พังยับ
เห็นด้วยครับ

อย่างรถผม Mighty-X เนี่ย เคยโดนแคมรี่ชนท้าย

ขอบอกว่ารถผมแทบไม่เป็นไรเลย แต่แคมรี่กันชนยุบเข้าไปเละเลย 

ดูเหมือนจะแข็งกว่า  แต่ถ้าต้อง บวกกันที่ความเร็วซัก 60  รับรอง ตายหองครับ

รถเก่าๆเนี่ยตัวหลอกตาดีนัก เหล็กแข็ง ไม่ค่อยยุบ ตอนโดนแรงๆเละทั้งคัน
รถใหม่ๆ ดูเหมือนจะบาง โดนนิดหน่อยยุบ โดนแรงๆเละหมด แต่ห้องโดยสารยังดูได้ครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: beebird ที่ เมษายน 18, 2013, 12:10:27

ผมก็เซ็งตรงเวลาหาที่จอดตามห้างต้องเลือกดีๆ ที่ไหนเปลี่ยวก็อย่าจอด ขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้นครับ ไปตจว.ยังไม่ค่อยอยากเอาไปกลัวหินกระเด็นใส่ กลัวทางไม่ดีขับแล้วเครียด สารพัดครับ

คล้ายๆกันเลยครับ เจอปัญหาพวกนี้ไป เซ็งครับ บางทีอยากไปไกลๆยาวๆแต่พอนึกถึงสภาพถนน ต้องขับหลบนู่นนี่ เลยขี้เกียจครับ
ไป ตจว. เอา City แฟนไป หยุดสงกรานต์ เอา City แฟนขับ .... น้องในรูปจอดอยู่บ้าน อมฝุ่นไป ดีกว่าเขรอะแป้ง และริ้วรอยมือครับ

อยากจะทำใจได้บ้าง เพราะช่วยหยุดยาวเนี่ย ถนนโล่งดีแท้ แต่ก็ปวดหัวกันไปคนละแบบครับ

ของผมไปอีกแนว ไป ตจว เหมือนกัน เอา F30 ไป เพราะ (สำหรับผมนะ) รถซื้อมาใช้ครับ เราซื้อรถแพงๆ เพื่อใช้งานและเพื่อความปลอดภัยนะครับ ยิ่งไป ตจว รถคันไหนดีกว่า ผมก็เอาคันนั้นไปเลย ไม่ได้เคยกลัวเลยว่าจะเป็นรอย เป้นโน่นเป็นนี่ กลัวอุบัติเหตุมากกว่าครับ เพราะไอ้รถแพงๆ ที่เรามีนี่แหละ ที่จะช่วยให้เราปลอดภัยครับ ไม่งั้นเราจะซื้อมาเพื่ออะไร สำหรับผม รถเป็นรอย รถโดนชน ก็ซ่อมครับ ของซื้อมาใช้

ปล. ผมแกะพลาสติกออกตั้งแต่ถอยจากโชว์รูมทุกคัน ทำไมเราต้องนั่งพลาสติก ในเมื่อเราซื้อรถมานั่ง ผมยังงงๆ บางท่านอยู่ โดยเฉพาะสุภาพสตรี (แม่ผมคือหนึ่งในนั้น  ;D) เอาเป็นว่าสำหรับผม รถซื้อมาใช้ครับ
อยากถึงจุดนั้นมั่งครับ น่าจะเรียกว่า ปล่อยวาง อย่าไปยึดติดใช่ไหมครับ กำลังพยายามอยู่ครับ  ^ ^
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: dht_tubes ที่ เมษายน 18, 2013, 12:52:41

รถเก่าๆเนี่ยตัวหลอกตาดีนัก เหล็กแข็ง ไม่ค่อยยุบ ตอนโดนแรงๆเละทั้งคัน
รถใหม่ๆ ดูเหมือนจะบาง โดนนิดหน่อยยุบ โดนแรงๆเละหมด แต่ห้องโดยสารยังดูได้ครับ


อันนี้แหละ ถกเถียงกันมากระหว่างคนรุ่นเก่าๆ กับรุ่นใหม่ๆ ว่าอันไหนมันปลอดภัยกว่ากัน

เมื่อก่อนผมจำได้เลย ทุกชีวิตปลอดภัยในวอลโว่ เหล็กแข็งมากๆ
เดี๋ยวนี้มันก็มีเทคโนโลยี่ใหม่ๆมา



หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: hutzero ที่ เมษายน 18, 2013, 14:09:20
เคยคิดว่าซื้อมาจะจับแต่งให้สุดๆเลย

แต่ปรากฎว่าเงินไม่พอ   เพราะต้องจ่ายค่าผ่อนรถนี่แหละ

ยังไงก็สู้ๆครับ   EX ของผมก็เหลือผ่อนอีกปีเดียว  จะได้วางเทอร์โบ + เกียร์ธรรมดา  อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรกซักที
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: tosa ที่ เมษายน 18, 2013, 14:12:11
"กลับตัองมาเครียดว่า ตูจะไปเป็นหนี้ไปทำไม (ผ่อนหนะไหวอยู่ครับ แต่มันไม่ชิน)" คำตอบมันมีอยู่แล้วคือ เครียดเพราะ ไม่ชินกลับการเป็นหนี้ แต่ไม่ต้องเครียดมากพอผ่อนคันที่สองก็ไม่เครียดแล้วครับเพราะจะเริ่มชิน :D คนรวยส่วนมากเป็นหนี้กันทั้งนั้นแหละครับ เงินสด 3 ล้านถ้าบริหารเก่งๆ 5 ปีเหมือนได้รถฟรีนะครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: J!MMY ที่ เมษายน 18, 2013, 15:03:48
สำหรับผม กลับต่างออกไป...

หลังจากเอา BMW มาขับหลายๆรุ่นเข้า

ยอมรับว่าเป็นรถที่ดี...แต่ต่อให้ผมรวยกว่านี้
ถ้าให้ผมต้องซื้อมาใช้งาน ผมคงต้องคิดหนักๆ....

สำหรับผม การออกแบบห้องโดยสาร เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.Siri ที่ เมษายน 18, 2013, 15:29:37
ได้อ่านทุกๆความเห็นแล้วครับ
สรุปว่าคงเครียดเพราะไม่เคยเป็นหนี้ เนี่ยแหละครับ
แล้วรถก็ดูหรูๆ ด้วย เหมือนจะประหม่าไปด้วย ปกติใช้แต่ของธรรมดา iPhoneยังไม่มีเลย

ก็หวังว่าใช้ไปเรื่อยๆคงชินและปรับตัวได้

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ

 :)

หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: PKS8 ที่ เมษายน 18, 2013, 16:15:45
หลังจากที่ใช้ E39 E60 และไม่เคยใช้รถญี่ปุ่นเลย ผมเปิดใจลองขับ Fortuner ที่แต่งช่วงล่างและจูนกล่องนิดหน่อยของเพื่อน ได้เรื่องเลยครับ

จากที่วางแผนว่าจะเป็นหนี้เพื่อออก F10 แต่เปลี่ยนใจแหวกแนวไปออก Prius กับ Fortuner แทน บอกได้เลยว่า E39 กับ E60 ไม่ได้ขยับจากที่จอดเลยครับ

BMW ผมหมด BSI แล้ว เข้าศูนย์ก็ซ่อมแพงแบบไร้สาระ เข้าอู่นอกก็แทบต้องกราบเท้าขอให้เค้าช่วยซ่อม แต่ราคาถูกกว่าศูนย์ครึ่งนึง มาใช้โตโยต้าแล้วสบายใจแบบบอกไม่ถูกครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: sakolsakman ที่ เมษายน 18, 2013, 17:03:34
 ผมก็เครียด ผ่อนแค่สองปี BMW320i ใช้มาแล้วสี่เดือน มีกิ๊กเพิ่มมาคนยิ่งเครียดหนักครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: KLANG MR-S ที่ เมษายน 18, 2013, 17:07:19
หลังจากที่ใช้ E39 E60 และไม่เคยใช้รถญี่ปุ่นเลย ผมเปิดใจลองขับ Fortuner ที่แต่งช่วงล่างและจูนกล่องนิดหน่อยของเพื่อน ได้เรื่องเลยครับ

จากที่วางแผนว่าจะเป็นหนี้เพื่อออก F10 แต่เปลี่ยนใจแหวกแนวไปออก Prius กับ Fortuner แทน บอกได้เลยว่า E39 กับ E60 ไม่ได้ขยับจากที่จอดเลยครับ

BMW ผมหมด BSI แล้ว เข้าศูนย์ก็ซ่อมแพงแบบไร้สาระ เข้าอู่นอกก็แทบต้องกราบเท้าขอให้เค้าช่วยซ่อม แต่ราคาถูกกว่าศูนย์ครึ่งนึง มาใช้โตโยต้าแล้วสบายใจแบบบอกไม่ถูกครับ

กด Like แบบหมดตัวเลย โดยเฉพาะเรื่องซ่อมแพงแบบไร้สาระนี่ มันไร้สาระจริง ๆ ครับกับรถบีเอ็มกับเบนซ์เนี่ย ส่วนเรื่องขอให้เค้าช่วยซ่อมผมก็เคยนะ แม้ว่าช่างมันจะกวนโอ้ยแค่ไหนก็ต้องทน ดีกว่าไปเข้าศูนย์ให้โดนเชือด แต่ต้องยอมรับว่าประสบการณ์ในการขับขี่รถยุโรปมันดีสมราคาครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: scotch_fillet ที่ เมษายน 18, 2013, 17:10:34
ผมก็เครียด ผ่อนแค่สองปี BMW320i ใช้มาแล้วสี่เดือน มีกิ๊กเพิ่มมาคนยิ่งเครียดหนักครับ

320i ใช้สี่เดือน จะปล่อยก็เสียของ
แนะนำให้นำกิ๊กไปเทิร์นครับ

ผมรับเทิร์นกิ๊กเก่าครับ :P
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: thehmmthehmm ที่ เมษายน 18, 2013, 17:16:57
เดี๋ยวก็ชินครับ
ถ้าไม่ซื้อจะนอนไม่หลับมากกว่าสิครับ
ใช้ไปสักพักก็เลิกคิดเองแหละครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Sman ที่ เมษายน 18, 2013, 18:12:25
ผมก็เพิ่งซื้อ BMW เป็นคันแรกของครอบครัว ถามว่าพร้อมไหม มันก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง แบบซื้อสด เหมือนหลายๆ ความเห็น
ซื้อสดดีไหม ดีแน่นอนครับ แต่ผมกับแฟน สร้างตัวกันมาเองจาก 0 เพราะไม่ได้เอาเงินที่บ้านสักบาทตั้งแต่เรียนจบมากัน
เริ่มทำงานประจำทั้งคู่ จนตอนนี้มีบ้าน มีรถ 2 คัน และได้ใช้ชีวิตอย่างที่วาดฝันไว้ระดับหนึ่ง อาจจะไม่หรูเริ่ด แต่ก็สบายพอสมควร

หากดูจาก ลายเซ็นต์ผม จะเห็นว่าใช้รถมาเยอะ แล้วก็มีแต่ honda เพราะเปลี่ยนรถบ่อย ผ่อนทุกคันครับ เป็นพนักงาน การซื้อสด ลืมได้เลย
และก็วิถีการใช้ชีวิตของผมคือเต็มที่ พร้อมระวังอนาคตไว้บ้าง แต่ไม่ใช่ไม่ใช้เงิน เก็บๆ แล้วสุดท้าย หมดแรงใช้ ไปให้หมอแทน
ผมเห็นคุณพ่อผมเป็นครับ อยากไปเที่ยวยุโรปมาก บอกแม่ว่าปีหน้า ปีหน้า ขอทำงานเก็บเงินก่อน
แล้วสุดท้าย ท่านป่วย 6 เดือนเสีย ไม่ได้ไปยุโรป พร้อมกับเงินที่หามาก็จ่ายค่าหมอไปเยอะ ขนาดพี่สาวเป็นหมอยังหมดไปหลาย

ตอนนี้พอมีกำลัง ผมก็จัดความฝันตัวเองเลย อายุก็เลข 4 แล้ว คงไม่อยากเป็นตาแก่ 60 ค่อยขับ BMW  ;D
ผ่อนครับ แต่ผมทำงาน finance บอกเลย รถเป็นหนี้ที่ดอกถูกสุดในตลาดแล้ว หาที่ไหนดอก 2.5% ต่อปี บัตรเครดิตนี่ 20% ต่อปีนะ
อันนี้ผมไม่รู้นะ แต่บางคนพยายามซื้อรถเงินสด แต่ไม่เหลือเงินเก็บเลย ซึ่งบางที เรื่องฉุกเฉินแพงกว่าดอก 2.5% นะครับ

สุดท้าย อย่าเครียดเลยครับ ใช้ไปสบายๆ แสนโล มีคนซ่อมให้ ได้รถในฝัน ผ่อนไม่ผ่อน ไม่ได้มีผลหรอกครับ
กำลังจะจัด BMW คันที่ 2 เพราะใช้แล้วติดใจจริงๆ ก็ผ่อนเหมือนเดิม สองคันผ่อน 8x,xxx ต่อเดือน
บางคนหาว่าบ้า แต่หากเราไม่เดือดร้อน รายได้ที่ได้ตอนนี้มากกว่านี้หลายเท่าตัว ใช้รถไม่ต้องกังวลซ่อมไปอีก 4-5 ปี
และได้รถที่ปลอดภัย คนที่เรารักขับแล้วเราสบายใจ เราขับแล้วสบายใจ ผมยอมครับ  ;)



ข้างบนเข้าใจอัตราดอกเบี้ยไม่ถูกต้องครับ

อธิบายง่ายๆ อัตราดอกเบี้ย 20% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบีั้ยแบบลดต้นลดดอก

แต่อัตราดอกเบี้ย 2.5% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ คือคำนวณอัตราดอกเบี้ยจากเงินทั้งก้อน ถึงแม้จะเอาเงินไปโปะก่อนเวลาก็ไม่ลดดอกเบี้ยครับ

อ้อ เรื่องรถบีเอ็ม จากการที่ผมใช้งานอยู่ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ขอบอกถ้าไม่มีเงินถุงเงินถัง อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ถ้าซ่อมศูนย์ ค่าซ่อมแพงมากกกกกครับ แต่ถ้าหาอู่นอกได้ และรู้จักกันดีไม่ง่ายต่อการถูกฟัน ก็แนะนำครับ แต่โดยส่วนตัวผมเข้าศูนย์ตลอดกับรถทุกคันที่ใช้ ไม่นิยมอู่นอก เพราะฉะนั้น โดยส่วนตัวผมว่าค่าอะหลั่ย ค่าซ่อมแพงครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: oonin ที่ เมษายน 18, 2013, 18:51:13
รถบีเอ็มดีมากครับ เมื่อมีประกันBSI มันจุกจิ๊กมากนะครับ ขนาดผมขับไปทำงานอย่างเดียว  หมดประกันเหมือนโดนคำสาบ ซ่อมทันที เข้า0โดนเฉียดแสนเรื่องแอร์ เข้าอู่นอกโดนค่ากล่องVSCสองหมื่นกว่า ขับๆเกียร์กระตุกหน่อย น้ำซึมเข้าขอบกระจก ขายเลยครับ ราคาแทบกราบคนรับซื้อกดเตี้ยติดดิน ใช้บีเอ็มต้องว่างงานจริงๆไปคุยกับอู่ซ่อม ไม่งั้นต้องเข้า0 ซึ่งรู้ๆกันเปลี่ยนทุกอย่างที่สงสัย เลิกใช้แล้วครับหันมาลองเล็กซัสดูซิจะหนีเสือปะจรเข้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Monn ที่ เมษายน 18, 2013, 19:26:03
ผมก็เพิ่งซื้อ BMW เป็นคันแรกของครอบครัว ถามว่าพร้อมไหม มันก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง แบบซื้อสด เหมือนหลายๆ ความเห็น
ซื้อสดดีไหม ดีแน่นอนครับ แต่ผมกับแฟน สร้างตัวกันมาเองจาก 0 เพราะไม่ได้เอาเงินที่บ้านสักบาทตั้งแต่เรียนจบมากัน
เริ่มทำงานประจำทั้งคู่ จนตอนนี้มีบ้าน มีรถ 2 คัน และได้ใช้ชีวิตอย่างที่วาดฝันไว้ระดับหนึ่ง อาจจะไม่หรูเริ่ด แต่ก็สบายพอสมควร

หากดูจาก ลายเซ็นต์ผม จะเห็นว่าใช้รถมาเยอะ แล้วก็มีแต่ honda เพราะเปลี่ยนรถบ่อย ผ่อนทุกคันครับ เป็นพนักงาน การซื้อสด ลืมได้เลย
และก็วิถีการใช้ชีวิตของผมคือเต็มที่ พร้อมระวังอนาคตไว้บ้าง แต่ไม่ใช่ไม่ใช้เงิน เก็บๆ แล้วสุดท้าย หมดแรงใช้ ไปให้หมอแทน
ผมเห็นคุณพ่อผมเป็นครับ อยากไปเที่ยวยุโรปมาก บอกแม่ว่าปีหน้า ปีหน้า ขอทำงานเก็บเงินก่อน
แล้วสุดท้าย ท่านป่วย 6 เดือนเสีย ไม่ได้ไปยุโรป พร้อมกับเงินที่หามาก็จ่ายค่าหมอไปเยอะ ขนาดพี่สาวเป็นหมอยังหมดไปหลาย

ตอนนี้พอมีกำลัง ผมก็จัดความฝันตัวเองเลย อายุก็เลข 4 แล้ว คงไม่อยากเป็นตาแก่ 60 ค่อยขับ BMW  ;D
ผ่อนครับ แต่ผมทำงาน finance บอกเลย รถเป็นหนี้ที่ดอกถูกสุดในตลาดแล้ว หาที่ไหนดอก 2.5% ต่อปี บัตรเครดิตนี่ 20% ต่อปีนะ
อันนี้ผมไม่รู้นะ แต่บางคนพยายามซื้อรถเงินสด แต่ไม่เหลือเงินเก็บเลย ซึ่งบางที เรื่องฉุกเฉินแพงกว่าดอก 2.5% นะครับ

สุดท้าย อย่าเครียดเลยครับ ใช้ไปสบายๆ แสนโล มีคนซ่อมให้ ได้รถในฝัน ผ่อนไม่ผ่อน ไม่ได้มีผลหรอกครับ
กำลังจะจัด BMW คันที่ 2 เพราะใช้แล้วติดใจจริงๆ ก็ผ่อนเหมือนเดิม สองคันผ่อน 8x,xxx ต่อเดือน
บางคนหาว่าบ้า แต่หากเราไม่เดือดร้อน รายได้ที่ได้ตอนนี้มากกว่านี้หลายเท่าตัว ใช้รถไม่ต้องกังวลซ่อมไปอีก 4-5 ปี
และได้รถที่ปลอดภัย คนที่เรารักขับแล้วเราสบายใจ เราขับแล้วสบายใจ ผมยอมครับ  ;)



ข้างบนเข้าใจอัตราดอกเบี้ยไม่ถูกต้องครับ

อธิบายง่ายๆ อัตราดอกเบี้ย 20% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบีั้ยแบบลดต้นลดดอก

แต่อัตราดอกเบี้ย 2.5% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ คือคำนวณอัตราดอกเบี้ยจากเงินทั้งก้อน ถึงแม้จะเอาเงินไปโปะก่อนเวลาก็ไม่ลดดอกเบี้ยครับ

อ้อ เรื่องรถบีเอ็ม จากการที่ผมใช้งานอยู่ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ขอบอกถ้าไม่มีเงินถุงเงินถัง อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ถ้าซ่อมศูนย์ ค่าซ่อมแพงมากกกกกครับ แต่ถ้าหาอู่นอกได้ และรู้จักกันดีไม่ง่ายต่อการถูกฟัน ก็แนะนำครับ แต่โดยส่วนตัวผมเข้าศูนย์ตลอดกับรถทุกคันที่ใช้ ไม่นิยมอู่นอก เพราะฉะนั้น โดยส่วนตัวผมว่าค่าอะหลั่ย ค่าซ่อมแพงครับ

เอ่อ แอบงงครับว่าไม่เข้าใจยังไงครับ
20% ลดต้นลดดอก ก็เท่ากับ อัตราคงที่ประมาณ 40% ต่อปี ผมอะไม่งงครับ
แต่ผมเปรียบว่า เงินกู้ 2 ล้าน หากผ่อนรถ ดอกเท่ากับ 2.5% ต่อปี 5 ปีเท่ากับ 12.5% ต่อยอดเงินต้น
ซึ่งเท่ากับ 2m x 1.125% = 2.25m นั่นหมายถึง ดอกเบี้ย 250000 บาทต่อ 5 ปี
เราจะหาเงินกู้ 2 ล้าน แล้วจ่ายดอกเบี้ย 2 แสน 5 หมื่นได้ที่ไหนครับ

แต่หากคุณติดบัตรเครดิต 1 ปี 2 ล้าน ก็ต้องจ่ายดอก 4 แสนแล้วครับ หากติดบัตรเต็มตลอด คือเปรียบให้ดูหนะครับ

สุดท้าย ผมมีช่างนอกครับ อันนี้นานาจิตตังจริงๆ เพราะแม่ผมใช้ e34 มา 17 ปีแล้ว ซ่อมจบทุกครั้ง
ไม่เคยต้องกราบง้อช่าง ราคาก็ไม่แพง แพงกว่าฮอนด้าผมแน่นอน แต่ก็รับได้ครับ
หากมันแย่ขนาดที่ว่าๆ กัน ผมว่ามันไม่ต้องขายละมั้งครับ bmw

แปลกใจว่ามี bsi ยังไม่ happy กันเท่าไหร่
แต่ที่ผมเจอ ใครใช้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยไปยี่ห้ออื่นแล้วครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: tae_polestar ที่ เมษายน 18, 2013, 19:46:39
นานาจิตตัง ชอบแบบไหน ไปแบบนั้นครับ ผมเคยเปน บางครั้งคิดไปคิดมาโอ้ย ปวดหัว

เลือกและรุ้จักใช้ครับ เปนผมเราชอบ เราไหว ก็ตามนั้น  :)

 
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: SADAEW ที่ เมษายน 18, 2013, 19:53:15
แหม่พูดถึงค่าอะไหล่ตอนหมด BSI ทำเอาผมที่จ้องจะซื้อ F30 เสียดายค่าอะไหล่เลยนะครับ
แต่อย่างที่ท่านบน ๆ พูดไป มันเป็นความฝันครับเกิดมาครั้งนึงได้ใช้รถที่เราชอบจริง ๆ สักคันก็พอ
หวังไว้จะซื้อไม่เกินอายุ 30คับ ตอนนี้ 28ละ ขอตัวไปถอย CX-5 ก่อน
แล้วค่อยมาเจอกัน BMW เก็บตังค์ตอน BSI หมดรอเลยแบบนี้  ;D
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: ChiLun ที่ เมษายน 18, 2013, 19:57:29
หลังจากที่ใช้ E39 E60 และไม่เคยใช้รถญี่ปุ่นเลย ผมเปิดใจลองขับ Fortuner ที่แต่งช่วงล่างและจูนกล่องนิดหน่อยของเพื่อน ได้เรื่องเลยครับ

จากที่วางแผนว่าจะเป็นหนี้เพื่อออก F10 แต่เปลี่ยนใจแหวกแนวไปออก Prius กับ Fortuner แทน บอกได้เลยว่า E39 กับ E60 ไม่ได้ขยับจากที่จอดเลยครับ

BMW ผมหมด BSI แล้ว เข้าศูนย์ก็ซ่อมแพงแบบไร้สาระ เข้าอู่นอกก็แทบต้องกราบเท้าขอให้เค้าช่วยซ่อม แต่ราคาถูกกว่าศูนย์ครึ่งนึง มาใช้โตโยต้าแล้วสบายใจแบบบอกไม่ถูกครับ
เห็นด้วยเลยครับ

ตอนที่ผมซื้อ f10 ถ้า accord ออกมาแล้วผมคงเปลี่ยนใจไป accordครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ เมษายน 18, 2013, 20:08:43
เดี๋ยวก็ชินครับ คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า

บางคนเคยใช้แล้ว พอซ่อมหนักๆก็เปลี่ยนไปใช้ญี่ปุ่นธรรมดาๆ ทำใจยอมรับได้(เพราะเคยมาแล้ว)

แต่บางคนเป็นรถในฝัน และ อยากจะมีสักคันในชีวิต เค้าก็ต้องขวนขวายให้ได้มา

เหมือนการเล่นน้ำสงกรานต์ จะให้เด็กๆ 14-19 ไม่ให้ออกไปเล่นน้ำ มันเหมือนจะเป็นจะตาย

อยากโดนน้ำ อยากสนุกกับเพื่อนๆ แต่ลองถามพวกคนที่เริ่มมีอายุหน่อยสิ คนส่วนใหญ่เค้าอยากกออกมาหรอ

หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Partarajarin ที่ เมษายน 18, 2013, 20:16:12
(จริงๆผมก็อยากให้แม่ชือหรอกครับ แต่เอาเงินไปช้อมรถหมดและอยากได้ รง. ด้วย ) ผมว่า หากคุณไม่คิดมากชื้อเหอะไม่เสียหาย ผมเคยคุยกับหมอจิตเวรแล้วเขาให้คุยกับเพือนเขา เป็น พนง. ตอนรับของสายการบิน Low Cost เขาก็ใกห้เพือนค่ำประกันให้แล้วชื้อผ่อน
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: PKS8 ที่ เมษายน 18, 2013, 20:37:02
เดี๋ยวก็ชินครับ คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า

บางคนเคยใช้แล้ว พอซ่อมหนักๆก็เปลี่ยนไปใช้ญี่ปุ่นธรรมดาๆ ทำใจยอมรับได้(เพราะเคยมาแล้ว)

แต่บางคนเป็นรถในฝัน และ อยากจะมีสักคันในชีวิต เค้าก็ต้องขวนขวายให้ได้มา

เหมือนการเล่นน้ำสงกรานต์ จะให้เด็กๆ 14-19 ไม่ให้ออกไปเล่นน้ำ มันเหมือนจะเป็นจะตาย

อยากโดนน้ำ อยากสนุกกับเพื่อนๆ แต่ลองถามพวกคนที่เริ่มมีอายุหน่อยสิ คนส่วนใหญ่เค้าอยากกออกมาหรอ



ตามนี้เลยครับ คนในอยากออก คนนอกอยางเข้า คนเคยลองแล้วจะรู้ครับว่ามันเป็นยังไง คนยังไม่เคยลองมันก็นอนไม่หลับถ้าไม่ได้ลอง

แนะนำให้ลองซักครั้งครับ แล้วจะซึ้งเลยย
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: BlueMan69 ที่ เมษายน 18, 2013, 20:40:14
series 3 นี่จะเป็นรถคันต่อไปของผม. เห็นเพื่อนถอย bmw (ไม่ได้ถามรุ่น) มีผ่อน 0% จดครบงวดเลยมั๊งครับ

แบบนี้เอาเงินไปลงทุนดีกว่าครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: ชายโอ๊ต ที่ เมษายน 18, 2013, 20:48:30
เคยซื้อรถเงินสด ใช้แล้วสบายใจ
แต่ก็อยากได้ BMW 3series ก็แลยไปถอยมาซะ
กลับตัองมาเครียดว่า ตูจะไปเป็นหนี้ไปทำไม (ผ่อนหนะไหวอยู่ครับ แต่มันไม่ชิน)
แต่อีกใจก็เข้าข้างตัวเองว่า ไม่ซื้อตอนนี้แล้วจะรอให้แก่กว่านี้เรอะค่อยไปซื้อ นี่ก็หลักสี่เข้าไปแล้ว
อีกอย่างก็คือทำใจไม่ได้ถ้าต้องให้ลูกเล็กไปนั่งรถเจ้าตลาด เคยเห็นแต่ละคันเกิดอุบัติเหตุแล้วแหยง
เราขับระวังแต่ไม่รู้คนอื่นจะมาเสยเราเมื่อไหร่

แค่บ่นเฉยๆครับ

เราทุกคนไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุหรือสิ่งที่ไม่คาดฝัน
แต่การได้ใช้รถคุณภาพดีๆระบบความปลอดภัยสูงๆ
ซึ่งถ้าเมื่อเกิดเหตุแล้ว  น่าจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ หรือผ่อนเบาเป็นแคล้วคลาดเลยก็ได้
แค่ประเด็นนี้มันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ ต่อความปลอดภัยของคนในครอบครัวที่เรารัก
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: J!MMY ที่ เมษายน 19, 2013, 03:47:00
เคยซื้อรถเงินสด ใช้แล้วสบายใจ
แต่ก็อยากได้ BMW 3series ก็แลยไปถอยมาซะ
กลับตัองมาเครียดว่า ตูจะไปเป็นหนี้ไปทำไม (ผ่อนหนะไหวอยู่ครับ แต่มันไม่ชิน)
แต่อีกใจก็เข้าข้างตัวเองว่า ไม่ซื้อตอนนี้แล้วจะรอให้แก่กว่านี้เรอะค่อยไปซื้อ นี่ก็หลักสี่เข้าไปแล้ว
อีกอย่างก็คือทำใจไม่ได้ถ้าต้องให้ลูกเล็กไปนั่งรถเจ้าตลาด เคยเห็นแต่ละคันเกิดอุบัติเหตุแล้วแหยง
เราขับระวังแต่ไม่รู้คนอื่นจะมาเสยเราเมื่อไหร่

แค่บ่นเฉยๆครับ

เราทุกคนไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุหรือสิ่งที่ไม่คาดฝัน
แต่การได้ใช้รถคุณภาพดีๆระบบความปลอดภัยสูงๆ
ซึ่งถ้าเมื่อเกิดเหตุแล้ว  น่าจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ หรือผ่อนเบาเป็นแคล้วคลาดเลยก็ได้
แค่ประเด็นนี้มันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ ต่อความปลอดภัยของคนในครอบครัวที่เรารัก

งั้น

ไป Volvo ครับ ไม่ใช่ BMW อิอิ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: pong_ru ที่ เมษายน 19, 2013, 17:56:23
ใช้ BMW มา 2 คัน คันแรก E34 520 is เกียร์ ธรรมดา  คันที่สอง E36 323 IA  ซื้อใช้แล้วมาทั้งสองคัน

ชอบมาก ขับดี ซ่อมครั้งหนึ่งใช้ไปได้นาน ผมซ่อมอู่ข้างถนนตลอดมา ใช้อะไหล่วัดโสม ก็ไม่ได้แพงมากมายนัก

E34 ขายไปเพราะอายุมากเข้า เข้าเกียร์ธรรมดาไม่ไหว ส่วน E36 ยังใช้มาทำงานทุกวัน ขึ้นทางด่วนทุกวันขับมันกว่ารถป้ายแดงหลาย ๆ คัน

    ขับ BMW แล้วมีความสุขมากครับ  อย่าเครียดเลยครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Sman ที่ เมษายน 19, 2013, 19:35:44
ผมก็เพิ่งซื้อ BMW เป็นคันแรกของครอบครัว ถามว่าพร้อมไหม มันก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง แบบซื้อสด เหมือนหลายๆ ความเห็น
ซื้อสดดีไหม ดีแน่นอนครับ แต่ผมกับแฟน สร้างตัวกันมาเองจาก 0 เพราะไม่ได้เอาเงินที่บ้านสักบาทตั้งแต่เรียนจบมากัน
เริ่มทำงานประจำทั้งคู่ จนตอนนี้มีบ้าน มีรถ 2 คัน และได้ใช้ชีวิตอย่างที่วาดฝันไว้ระดับหนึ่ง อาจจะไม่หรูเริ่ด แต่ก็สบายพอสมควร

หากดูจาก ลายเซ็นต์ผม จะเห็นว่าใช้รถมาเยอะ แล้วก็มีแต่ honda เพราะเปลี่ยนรถบ่อย ผ่อนทุกคันครับ เป็นพนักงาน การซื้อสด ลืมได้เลย
และก็วิถีการใช้ชีวิตของผมคือเต็มที่ พร้อมระวังอนาคตไว้บ้าง แต่ไม่ใช่ไม่ใช้เงิน เก็บๆ แล้วสุดท้าย หมดแรงใช้ ไปให้หมอแทน
ผมเห็นคุณพ่อผมเป็นครับ อยากไปเที่ยวยุโรปมาก บอกแม่ว่าปีหน้า ปีหน้า ขอทำงานเก็บเงินก่อน
แล้วสุดท้าย ท่านป่วย 6 เดือนเสีย ไม่ได้ไปยุโรป พร้อมกับเงินที่หามาก็จ่ายค่าหมอไปเยอะ ขนาดพี่สาวเป็นหมอยังหมดไปหลาย

ตอนนี้พอมีกำลัง ผมก็จัดความฝันตัวเองเลย อายุก็เลข 4 แล้ว คงไม่อยากเป็นตาแก่ 60 ค่อยขับ BMW  ;D
ผ่อนครับ แต่ผมทำงาน finance บอกเลย รถเป็นหนี้ที่ดอกถูกสุดในตลาดแล้ว หาที่ไหนดอก 2.5% ต่อปี บัตรเครดิตนี่ 20% ต่อปีนะ
อันนี้ผมไม่รู้นะ แต่บางคนพยายามซื้อรถเงินสด แต่ไม่เหลือเงินเก็บเลย ซึ่งบางที เรื่องฉุกเฉินแพงกว่าดอก 2.5% นะครับ

สุดท้าย อย่าเครียดเลยครับ ใช้ไปสบายๆ แสนโล มีคนซ่อมให้ ได้รถในฝัน ผ่อนไม่ผ่อน ไม่ได้มีผลหรอกครับ
กำลังจะจัด BMW คันที่ 2 เพราะใช้แล้วติดใจจริงๆ ก็ผ่อนเหมือนเดิม สองคันผ่อน 8x,xxx ต่อเดือน
บางคนหาว่าบ้า แต่หากเราไม่เดือดร้อน รายได้ที่ได้ตอนนี้มากกว่านี้หลายเท่าตัว ใช้รถไม่ต้องกังวลซ่อมไปอีก 4-5 ปี
และได้รถที่ปลอดภัย คนที่เรารักขับแล้วเราสบายใจ เราขับแล้วสบายใจ ผมยอมครับ  ;)



ข้างบนเข้าใจอัตราดอกเบี้ยไม่ถูกต้องครับ

อธิบายง่ายๆ อัตราดอกเบี้ย 20% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบีั้ยแบบลดต้นลดดอก

แต่อัตราดอกเบี้ย 2.5% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ คือคำนวณอัตราดอกเบี้ยจากเงินทั้งก้อน ถึงแม้จะเอาเงินไปโปะก่อนเวลาก็ไม่ลดดอกเบี้ยครับ

อ้อ เรื่องรถบีเอ็ม จากการที่ผมใช้งานอยู่ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ขอบอกถ้าไม่มีเงินถุงเงินถัง อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ถ้าซ่อมศูนย์ ค่าซ่อมแพงมากกกกกครับ แต่ถ้าหาอู่นอกได้ และรู้จักกันดีไม่ง่ายต่อการถูกฟัน ก็แนะนำครับ แต่โดยส่วนตัวผมเข้าศูนย์ตลอดกับรถทุกคันที่ใช้ ไม่นิยมอู่นอก เพราะฉะนั้น โดยส่วนตัวผมว่าค่าอะหลั่ย ค่าซ่อมแพงครับ

เอ่อ แอบงงครับว่าไม่เข้าใจยังไงครับ
20% ลดต้นลดดอก ก็เท่ากับ อัตราคงที่ประมาณ 40% ต่อปี ผมอะไม่งงครับ
แต่ผมเปรียบว่า เงินกู้ 2 ล้าน หากผ่อนรถ ดอกเท่ากับ 2.5% ต่อปี 5 ปีเท่ากับ 12.5% ต่อยอดเงินต้น
ซึ่งเท่ากับ 2m x 1.125% = 2.25m นั่นหมายถึง ดอกเบี้ย 250000 บาทต่อ 5 ปี
เราจะหาเงินกู้ 2 ล้าน แล้วจ่ายดอกเบี้ย 2 แสน 5 หมื่นได้ที่ไหนครับ

แต่หากคุณติดบัตรเครดิต 1 ปี 2 ล้าน ก็ต้องจ่ายดอก 4 แสนแล้วครับ หากติดบัตรเต็มตลอด คือเปรียบให้ดูหนะครับ

สุดท้าย ผมมีช่างนอกครับ อันนี้นานาจิตตังจริงๆ เพราะแม่ผมใช้ e34 มา 17 ปีแล้ว ซ่อมจบทุกครั้ง
ไม่เคยต้องกราบง้อช่าง ราคาก็ไม่แพง แพงกว่าฮอนด้าผมแน่นอน แต่ก็รับได้ครับ
หากมันแย่ขนาดที่ว่าๆ กัน ผมว่ามันไม่ต้องขายละมั้งครับ bmw

แปลกใจว่ามี bsi ยังไม่ happy กันเท่าไหร่
แต่ที่ผมเจอ ใครใช้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยไปยี่ห้ออื่นแล้วครับ



แสดงว่ายังไม่เข้าใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยครับ

ถ้าไปคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกที่ 20% เป็นฐาน ถ้าเทียบกับอัตราดอกเบี้ยคงที่จะต้องต่ำกว่าครับ ไม่ใช่ 40%

ส่วนอัตราดอกเบี้ยคงที่ ที่บอก 2.5% พอคำนวณออกเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกจะต้องมากกว่าน้้นพอสมควรครับ

แต่เป็นจริงอยู่ประการหนึ่งครับ ถ้าไม่มีเงินต้นมาโปะ แน่นอนอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกต้องแพงกว่าแน่ๆ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก โดยประมาณจะอยู่ที่ MLR +1 ถึง +2 ไม่มีลบหรอกครับ สำหรับการซื้อรถยนต์ คร่าวๆ ก็น่าจะอยู่ประมาณ 8-9% ได้มั้งครับ คร่าวๆ น่ะครับ

ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 2.5% คำนวณออกมาก็น่าจะได้ประมาณ 6-7% ของอัตราลดต้นลดดอก ถามว่าต่ำกว่าหรือเปล่า ต่ำกว่าครับ แต่ถามว่าแพงหรือเปล่า ถ้ามีเงินโปะ หรือจ่ายมากกว่าในแต่ละงวดก็แพงกว่าลดต้นลดดอกแน่นอนครับ

เพราะอัตราดอกเบี้ยคงที่ จะเอาอัตราดอกเบี้ยคูณจำนวนเงินกู้ และคิดเป็นดอกเบี้ยคงที่ ถึงจะจ่ายก่อน โปะเร็ว ก็ต้องเสียดอกเบี้ยที่คำนวณไว้แล้ว

ต่างกับอัตราลดต้นลดดอก ที่คำนวณตามจำนวนเงินในช่วงเวลานั้นๆ ถ้าขยันโปะ จ่ายมากกว่าขั้นต่ำ แน่นอน ดอกเบี้ยที่คุณจะเสียจะต่ำกว่าแน่นอนครับ

เพราะฉะนั้น การกู้ซื้อรถยนต์ถึงใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ เพราะสถาบันการเงินจะได้ประโยชน์มากกว่า ในขณะที่การกู้ซื้อบ้าน การใช้อัตราดอกเบีั้ยคงที่เป็นเรื่องที่ไม่สมควร สำหรับทรัพย์สินที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต จึงไมสามารถใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ที่คำนวณดอกเบี้ยตั้งแต่บาทแรกคงที่ได้ ต้องใช้อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกครับ

อย่างไรทำความเข้าใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยให้ดีครับ รู้ไว้ไม่เสียเปรียบครับ

อ้อ มีบางธนาคารครับ ที่ให้กู้ซื้อรถยนต์แบบอัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าชั้นดี หรือลูกค้าเก่าของเขาครับ ซึ่งกลุ่มนี้ถ้ามีเงินมาโปะ หรือจ่ายเพิ่มมากกว่า ประหยัดดอกเบี้ยได้เยอะครับ

อย่าให้ตัวเลขอัตราดอกเบี้ยมาลวงตาครับ มันเป็นกลยุทธ์แบบหนึ่งแค่นั้นเองครับ
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Monn ที่ เมษายน 19, 2013, 20:50:27
ตอบ คุณ Sman

ไม่เป้นไรครับ กี่ % ก็ช่างมันเถอะครับ ขอบคุณที่พยายามอธิบายนะครับ  เอาเป็นว่า ไม่รู้จะเถียงกันทำไม ผมทำงาน finance จบ MBA finance ก็พอรู้เรื่องหละครับ ที่บอก 40% บอกผิด ขออำภัย ประมาณ 10% ประมาณนะครับ ขี้เกียจเอาเครื่องคิดเลข finance มาถกกัน ผมแค่คิดง่ายๆ ให้ดู ว่าไม่มีเงินกู้ไหน ถูกเท่ากู้ซื้อรถ แค่นั้นแหละครับ

เรื่องคำนวนพอทำเป็นครับ แต่อยากทราบว่า เงินกู้จำนวนเท่ากัน มีเงินกู้ไหน 2 ล้านบาท ที่ดอกเบี้ยถูกกว่ากู้รถ มีเงินกู้ไหนบ้าง อาจจะมีกู้บ้าน แต่นั่นมันระยะยาว เลยได้ถูกกว่า อย่างที่บอกครับ เงินกู้ 2 ล้าน ดอก 5 ปี  แค่ 2 แสน 5 หมื่น  ถึงจะคำนวนดอกจากเงินต้นทั้งก้อน ก็ยังถูกอยู่ดีแหละครับ ไม่ต้องมอง % หรอกครับ เอาตัวเงินนี่แหละมาวัดกัน เพราะกู้ 2 ล้าน ไม่ว่าจะกู้แบบไหน 5 ปี ไม่มีทางจ่ายดอกรวมแค่ 2 แสน 5 แน่ๆ ครับ ผมสื่อแค่นี้แหละ อิอิ

หุหุ ถกเพื่อความเข้าใจ ไม่ดราม่ากันนะครับ  ;D
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: capton ที่ เมษายน 19, 2013, 21:55:05
ผมก็เครียดครับ ตั้งแต่ได้มา เป็นรถในฝันตอนเด็กๆ คิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาส แต่พอได้ครอบครองแล้วเครียด คือ
- ของแต่งแพงหัวจรดเท้า  เมื่อก่อนพอไหว ตอนนี้ ภรรเมียคุมคลังในบ้าน ยากที่จะเอามาเงินแต่งได้
- ไม่ค่อยได้ใช้ ปีนึงวิ่งไป หมื่นโล เหตุผล ภรรยาไม่ชอบรถเตี้ยๆ ขนของได้น้อย แถมลูกไม่นั่ง ไม่มี DVD ดู
- จะเอาไปซิ่งคนเดียว ภรรยาก็ไม่ให้ไป กลัวไปรับสาว ให้ไว้รับส่งลูกไปโรงเรียน(วันละ20โล)
- ภรรยาสั่งให้ขาย ไปเอาx3 แต่ผมไม่ชอบๆๆๆๆ แถมขาดทุนแบบ ต้องแถมเงิน

แต่คิดว่าผ่อนคันนี้หมด ก็อยากได้ BMW เหมือนเดิม รถอะไรไม่รู้ มันใช่อะ  :D

หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: thehmmthehmm ที่ เมษายน 19, 2013, 22:12:22
ตอนมี BSI คงไม่เครียด
พอหมดแล้วซี้ด
ของผมซ่อมกันไปปีละแสน
หัวข้อ: Re: เคยมั๊ยครับ อยากได้BMW พอได้มาจริงกลับเครียด
เริ่มหัวข้อโดย: Skyline ที่ เมษายน 19, 2013, 23:45:12
ผมว่า ที่ เห็นรถตลาดไปชน และสภาพเละอะไรแบบนี้  ผมว่าขับประมาทมากกว่าครับ  ถ้าขับประมาท ถุงลม20ใบก็ไม่ช่วยอะไรครับ
accord ใหม่พลทอสอบการชนก็ ชนะรถยุโรป หลายรุ่นน้าาาา ;D
+ 1 like ครับ ตามที่เมืองนอกทดสอบการชนนี่ได้ระดับดีเลยครับ ดีกว่าเจ้าตลาดมาก

http://youtu.be/7PpVAnvdUX4 (http://youtu.be/7PpVAnvdUX4)