Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ADS ที่ เมษายน 25, 2013, 00:11:05
-
ผมใช้ CR-V G1 อยู่ 11 ปี เปลี่ยนเป็น G3 ตอนตุลา ปี 07 เปลี่ยนยางครั้งแรกตอนแสนโล (ปลายปี 54)
เช็คราคายางก็อยู่ที่ 5พันปลาย ถึง 6พันกลาง ไปเจอยางนุ่มเงียบที่โฆษณาในสนามมวย ราคาอยู่ที่ 3600 บาท
คนในคลับเขาว่าดีจริง ก็เลยลองเปลี่ยนดู ตั้งแต่วันที่เปลี่ยนจนถึงวันนี้ก็ยังนุ่มเงียบอยู่นี่ก็เกือบ 3หมื่นโลแล้ว
โดยเฉพาะวันแรกที่เปลี่ยน โห คิดไม่ผิดจริงๆ (กลัวเจอขอถูก แต่ไม่ดี) จบเรื่องยางไป
วันนี้คุณภรรยาขาซิ่ง (อายุเพิ่งเลยคลอง 5 มา) บอกว่าไอ้ตัวที่ติดคล่อมแบตเตอรี่ ที่เพิ่งช่วยกันติดเมื่อวาน
ออกฤทธิ์ให้เห็นแล้ว (บ่นมาตลอดว่า G3 นี่อืด เพราะที่บ้านมีงูเห่า 2.3 อีกคัน พอ G3 ต้องทำสี ก็จะมีโอกาส
ได้ขับเจ้างูเห่า ซึ่งอัตราเร่งเทียบกันไม่ได้เลย) ตอนสั่งซื้อตัวกรองไฟนี้ ก็ถามว่าช่วยเรื่องอัตราเร่งได้แน่หรือ
เขาบอกว่าได้แน่นอน ถ้าไม่ได้ก็ส่งคืน (ตัวละ 3500 บาท) ก็เลยสั่งมาลอง ปรากฎว่าคุณภรรยาบอกว่าไม่ต้องคืน
ตอนเร่งเครื่องมันเหมือนไม่ใช่เครื่องเดิมเลย ก็ยังงงว่าแค่กรองไฟให้สะอาดทำไมทำให้การทำงานโดยรวมของ
เครื่องดีขึ้น แล้วทำไมผู้ผลิตไม่จัดการมาจากโรงงาน หรือว่าคนไทยที่คิดค้นมานี้เก่งจริงๆ
ลองหาข้อมูลเพิ่มทาง net กันดูนะครับ สำหรับผมไอ้เรื่องเสียเงินนี่ ผมคิดมากสุดๆ พอได้อะไรดีๆ ก็อยากแบ่งปันครับ
-
เรื่องตัวกรองไฟ ให้เรียบ มันเป็นประโยชน์ต่อระบบไฟฟ้าอยู่แล้วครับ
วงการเครื่องเสียง , คอมพิวเตอร์, อิเลคทรอนิคส์ ,ไอที , ฯลฯ มักจะรู้จักในนาม UPS หรือแม้กระทั่งแค่ตัว Stabilizer ธรรมดา
พอมาใช้ในรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของ ECU, การจุดระเบิดที่ต้องใช้ไฟหลายหมื่นโวลต์, ระบบเซนเซอร์ต่างๆ ที่ทำงานในเป็นหลายร้อยหลายพันครั้งถึงหลายล้านครั้งภายใน 1 วินาที (MHz) หรือ แม้กระทั่ง การปิด-เปิด ของวาวล์ในการจ่ายน้ำมันในหัวฉีด ให้เที่ยงตรง
ก็จะทำงานได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
อย่างน้อยก็ช่วยลดสัญญาณรบกวนจาก ไดชาร์ต, มอเตอร์พัดลม , มอเตอร์แอร์ ฯลฯ ที่ปั่นอยู่ขณะเครื่องยนต์ติด ซึ่งมีสัญญาณรบกวนความถี่ต่างๆ มากมาย
แต่ ตัวกรองไฟ จะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าไม่ได้ติดเครื่องยนต์
เพราะไฟในแบต จะจ่ายกระแสเรียบอยู่แล้ว
แล้ว ตัวกรองไฟ มันก็ไม่ได้มีประโยชน์แค่ G3 เท่านั้นนะครับ มันมีประโยชน์สำหรับ รถทั่วไป ที่ไม่ใช่ รถไฮบริจด์ (รถประเภทนี้ ระบบไฟออกแบบมาดีมาก)
ส่วนทำไม บริษัทรถเขาไม่ทำออกมา เขาก็ทำเหมือนกันครับ สำหรับรถเกรดสูงๆ หรือ รถแข่ง
ส่วนรถเกรดธรรมดา ก็เหมือนกับว่า ทำไมต้องใช้ วัสดุห่วยๆ ในการประกอบรถยนต์
นั่นก็คือ เหตุผล เรื่อง ต้นทุน ครับ
-
เรื่องตัวกรองไฟ ให้เรียบ มันเป็นประโยชน์ต่อระบบไฟฟ้าอยู่แล้วครับ
วงการเครื่องเสียง , คอมพิวเตอร์, อิเลคทรอนิคส์ ,ไอที , ฯลฯ มักจะรู้จักในนาม UPS หรือแม้กระทั่งแค่ตัว Stabilizer ธรรมดา
พอมาใช้ในรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของ ECU, การจุดระเบิดที่ต้องใช้ไฟหลายหมื่นโวลต์, ระบบเซนเซอร์ต่างๆ ที่ทำงานในเป็นหลายร้อยหลายพันครั้งถึงหลายล้านครั้งภายใน 1 วินาที (MHz) หรือ แม้กระทั่ง การปิด-เปิด ของวาวล์ในการจ่ายน้ำมันในหัวฉีด ให้เที่ยงตรง
ก็จะทำงานได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
อย่างน้อยก็ช่วยลดสัญญาณรบกวนจาก ไดชาร์ต, มอเตอร์พัดลม , มอเตอร์แอร์ ฯลฯ ที่ปั่นอยู่ขณะเครื่องยนต์ติด ซึ่งมีสัญญาณรบกวนความถี่ต่างๆ มากมาย
แต่ ตัวกรองไฟ จะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าไม่ได้ติดเครื่องยนต์
เพราะไฟในแบต จะจ่ายกระแสเรียบอยู่แล้ว
แล้ว ตัวกรองไฟ มันก็ไม่ได้มีประโยชน์แค่ G3 เท่านั้นนะครับ มันมีประโยชน์สำหรับ รถทั่วไป ที่ไม่ใช่ รถไฮบริจด์ (รถประเภทนี้ ระบบไฟออกแบบมาดีมาก)
ส่วนทำไม บริษัทรถเขาไม่ทำออกมา เขาก็ทำเหมือนกันครับ สำหรับรถเกรดสูงๆ หรือ รถแข่ง
ส่วนรถเกรดธรรมดา ก็เหมือนกับว่า ทำไมต้องใช้ วัสดุห่วยๆ ในการประกอบรถยนต์
นั่นก็คือ เหตุผล เรื่อง ต้นทุน ครับ
เอ่อ แค่ 3,500 ไม่น่าใช่เหตุผลเรื่องต้นทุนน่ะครับ
น่าจะเป็นสาเหตุอื่น
ไฟฟ้ากระแสตรงจาก Battery มันไม่มีสัญญาณรบกวนอยู่แล้ว คิดว่า อาจจะเป็น Capacitor ขนาดใหญ่ ทำให้กระแสตรงมีประจุในการจ่ายไฟสม่ำเสมอ
ถ้าเป็นตัวกรองไฟจริง ไม่น่าใช่แค่ราคา 3,500 น่าจะหลักหมื่นบาทนะ
-
ประเด็นคือ รถใหม่ไม่มีความจำเป็นเลยครับสำหรับการติด
ถ้าอายุรถสัก 10 ปีหรือใช้งานมาเยอะๆแล้วจะเห็นผล
-
มันคือรังเร่งไฟฟ้าป่ะครับ เห็นราคานี้ ใกล้เคียงเลย
แต่มันเห็นผลจริงๆ
-
มันคือ kwt super dc filter ครับ