Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: bhd ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 14:39:17
-
mazda3 กับ focus คันไหนขับใกล้เคียง series3 มากกว่ากันครับ
รบกวนทุกท่านด้วย จิงๆผมอยากได้ series3 แต่คงเอื้อมไม่ถึง
เลยอยากรู้ว่า 2 ตัวนี้ ใครพอจะทัดเทียม series3 ได้บ้าง ในแง่ของฟิลลิ่งในการขับขี่
หรือยี่ห้ออื่นๆมีมั้ยครับ
รบกวนด้วยครับ กำลังมองหารถอยากได้ข้อมูลมากๆครับ
-
มัตซึดะให้ความรู้สึกมั่นใจไม่เอียงไปมาในโค้งมากกว่าฟอร์ดครับ ;D
อาจจะเกาะถนนเท่ากัน(มั้ง) แต่เวลาเข้าโค้งแรงๆแล้วฟอร์ดจะรู้สึกว่าด้านล่างรถมันติดแน่นกับพื้นแต่ตัวถังรถมันสั่นและเอียงนิดๆตามแร่งเหวี่ยง น่าจะเป็นเพราะสปริงที่ใช้มันอ่อนกว่ามั้งครับ แต่มาสด้าจะรู้สึกว่าทุกอย่างมันไปด้วยกันทั้งด้านล่างรถและโครงรถ จะมีแต่ตัวคนนั่งนี่แหละที่รู้สึกถึงแรงเหวี่ยงได้ :o
-
ความรู้สึกของผมที่ลองมาทั้ง 2 ตัว ผมให้ Focus ครับ
-
mazda3.........1 คะแนน
focus.............1 คะแนน
ขอความเห็นอีกครับ....แต้มยังเท่ากันอยู่
-
2 คันนี้ เป็นพี่น้องกันหนิครับ ต่างแค่ เซทอัพ ของโช๊คสปริง
ไม่มีคันไหนได้ใกล้เคียง BMW เลยครับ คนละฟิลเลย
เพราะว่า BMW ขับหลังทั้งหมดครับ
-
:'( :'( :'( :'( :'(
จบกัน
-
ผมเองก็ลองขับมาแล้วทั้ง 2 รุ่น โดยภาพรวมผมให้ Focus ครับ ^_^
-----------------------------------------------------------------------------------------
ยิ่งถ้าได้ลอง Focus TDCi ด้วยล่ะก็สมรรถนะน้องๆ BMW 320d แต่ราคาต่างกัน เกินครึ่ง
ปล. ข้อมูลอ้างอิงจากบททดสอบในนิตยสารรถยนต์หลายๆฉบับอ่ะครับ
-
เย้....
:D
มาสด้า3.......1 คะแนน
โฟกัส..........2 คะแนน
-
เพ้ออะไรกันเหรอ
เอารถจักรยาน ไปเทียบกับยานอวกาศ
-
เพ้ออะไรกันเหรอ
เอารถจักรยาน ไปเทียบกับยานอวกาศ
จิงดิ จักรยานใช้ล้อวิ่งนิ่.....แต่ยานอวกาศขับด้วยอย่างอื่น
ถ้ามันมี4ล้อเหมือนกัน ก็คงพอจะเทียบกันได้น่า
แล้วถ้าบีเอ็ม เป็นยานอวกาศ แล้ว lamborghini, ferrari เป็นไรอ่ะ จานผีเหรอ
-
เพ้ออะไรกันเหรอ
เอารถจักรยาน ไปเทียบกับยานอวกาศ
focus กับ E90 ในเมืองนอกราคาล้านกว่าทั้งคู่ ต่างกันไม่น่าเกิน2-3 แสน เทียบกันไม่ได้หรือ อย่างน้อยก็ไม่ผิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจัจรไทยมาตราใดนี่ :)
-
555555
ผมไม่เคยขับทั้ง 3 คัน แต่ถ้าเลือกสไตล์ยุโรป ก็น่าจะโฟกัสนะ ครับ มีเครื่องดีเซลด้วย ราคาพอกันทั้งคู่ มาจากฟิลิปปินส์ ทั้งคู่เหมือนกัน ถ้าเลือกไม่ถูก หลับตาจิ้มเลยครับ
ผมเชียร์ฟอร์ดนะ ถ้าเกี่ยงเรื่องศูนย์บริการ
-
เพ้ออะไรกันเหรอ
เอารถจักรยาน ไปเทียบกับยานอวกาศ
อันนี้ก้อเกินป้ายยย รถที่ วิ่ง 160-170 ได้โดยใช้มือเดียวขับแล้วความรู้สึกไม่ต่างกับ 120 คงไม่ห่างกับ S3 ขนาดนั้นหรอกครับ
เท่าที่ เคยขับมา ทั้ง Series 3 สมัยนู้น กับ MZ 3 ที่ใช้อยู่ (Focus ไม่เคยลอง)
ผมว่า รถสองคันนี้ ให้ความมั่นใจในการขับขี่พอๆ กัน ที่ความเร็ว ไม่เกิน 170 นะ ถ้าเกินนั้น S 3 กินนิ่มๆ
แต่การขับขี่ คงไม่ได้หมายถึงแค่ ความมั่นใจ และการเกาะถนน น่าจะหมายถึงความแรง ดั่งใจด้วย ดังนั้น ผมเชื่อว่า นี่คือสิ่งที่ Focus TDCi มี แต่ MZ3 ไม่มี
ดังนั้น ถ้ารวม Over All แล้ว ผมเชื่อว่า Focus TDCi จะเข้าป้าย ความใกล้เคียง S3 มากกว่า ด้วยความแรงสั่งได้ ครับ แต่ถ้า Focus ตัวธรรมดา ผมว่า MZ3 น่าจะขี่ๆ อยู่นะ
-
อืม....แต่ละท่าน ข้อมูลและความรู้แน่นกันจิงๆ ขอบคุณครับๆๆๆๆ
-
เพ้ออะไรกันเหรอ
เอารถจักรยาน ไปเทียบกับยานอวกาศ
focus กับ E90 ในเมืองนอกราคาล้านกว่าทั้งคู่ ต่างกันไม่น่าเกิน2-3 แสน เทียบกันไม่ได้หรือ อย่างน้อยก็ไม่ผิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจัจรไทยมาตราใดนี่ :)
ขอเรียนถามว่า ประเทศไหนครับที่ E90 ราคาพอๆกับ Focus แล้วที่นั่น Focus จะขายออกเหรอครับ อยากทราบไว้เป็นความรู้ครับ
-
^
^
ที่อังกฤษครับ ต่างกันไม่เกิน 3 แสน
อ้อ แล้วแต่รุ่นเครื่องยนต์ด้วยครับ
-
เพ้ออะไรกันเหรอ
เอารถจักรยาน ไปเทียบกับยานอวกาศ
งั้นจักรยาน TDCI คันนี้ก็คงเป็นจักรยานที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกที่สามารถฉีก 318i กับ 320i ได้นิ่มๆทั้งๆที่ราคาต่างกันเป็นล้านเลยนะครับ นี่เหรอยานอวกาศของคุณ
-
Focus กำลังเครื่องและอัตราเร่งเป็นน้อง BMW แค่นิดเดียวเองครับ (ดีเซล 2l นะ) แต่ติดที่โฟกัสขับหลังครับ แต่มันก็เป็นรถอเมริกันนั่นแหละ
-
ส่วนตัว Mazda 3 และแต่งช่วงเพิ่มดีกว่าครับ
-
มาเชียร์mazda3ครับ
ผมว่าfeelingการขับน้องๆรถยุโรป
ปล.ผมใช้รุ่น2.0อยู่ครับ
-
อ๊ะๆ หลีกทางให้ ฟอร์ด Focus TDCi ไปล่ะกัน เทพกว่าบีเอ็มซีรี่สามอีก
งั้นคนไทยที่ซื้อ บีเอ็ม ก็ไปกระโดดเอาหัวมุดส้วมตายไปเลย
โง่บรรลัย ที่ไปซื้อบีเอ็มซีรี่สาม............ควายจริงๆซื้อรถแพงกว่าเป็นล้าน โง่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆหลาย ตายซ่ะ.
น่าจะมาถามน้องๆในเวปนี้ซ่ะก่อน จะได้ไม่โง่
-
ผมว่าเขาๆไม่ได้บอก ว่าคนขับ serie3โง่นะ มีคุณบอกคนเดียว เพราะที่เห็นแต่ละเปรียบเปรียบเทียบเป็นเรื่องๆไป เช่น อัตราเร่งที่เป็นตัวเลข ไม่ใช่ความรู้สึก และไม่มีใครบอกว่า 3 กับ Focus เหนือกว่า serie3 ทุกด้านด้วย แบบนี้หรือปล่าวครับที่เขาเรียนว่าสรุปความง่ายๆไม่เป็น ใครโง่กันละเนี่ย
ฝากพี่จิมมี่นะครับ ช่วยพิจารณาพวกชอบเกรียน แดกดัน ไม่มีเหตุผล(ที่สุภาพ) แบบนี้ด้วย เหมือนจะตั้งใจมาหาเรื่องคนที่เห็นไม่ตรงกับตัวเองมากกว่าเข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ เหมาะสมแล้วหรือครับ
-
พี่จิมจัดการเลย...ทีผมไม่ว่าใครยังโดน (ซะยาววว) เลย อิ อิ ;D
-
อ๊ะๆ หลีกทางให้ ฟอร์ด Focus TDCi ไปล่ะกัน เทพกว่าบีเอ็มซีรี่สามอีก
งั้นคนไทยที่ซื้อ บีเอ็ม ก็ไปกระโดดเอาหัวมุดส้วมตายไปเลย
โง่บรรลัย ที่ไปซื้อบีเอ็มซีรี่สาม............ควายจริงๆซื้อรถแพงกว่าเป็นล้าน โง่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆหลาย ตายซ่ะ.
น่าจะมาถามน้องๆในเวปนี้ซ่ะก่อน จะได้ไม่โง่
ก้อยังผิดอีกอยู่ดีนั่นละครับ
เอ้า ผมตัดเรื่องสมรรถนะออกไปนะ เอาแค่ คนที่ ซื้อ S3 เค้าไม่ได้จ่ายส่วนต่างเป็นล้าน ซื้อความโง่ ครับ เค้าซื้อ แบนด์ ซื้ออิมเมจ
ถามจริงๆ คุณมองไม่ออกหรือครับว่า คนที่ก้าวลงจาก S3 กับก้าวลง จาก Focus หรือ MZ3 ในสายตาของคนทั่วๆไปต่างกันขนาดไหน
โฆษณา ออกทีวี เค้าคิดราคานาทีละเป็นแสนๆ รถคันนึงที่คุณขับขี่ไปไหน แล้วโฆษณาถึงภาพลักษณ์ที่แตกต่าง ที่เหนือกว่า ราคาแพงกว่าเป็นล้าน นี่เด็กๆ มากครับ
-
พวกเกรียนเอาอีกแล้วหรอ
-
ผมแนะนำ Volvo S40 ครับ พื้นฐานเดียวกับ 2 รุ่นดังกล่าง แต่ได้เข้าใกล้ฟิลลิ่งรถยุโรปมากขึ้น ทั้งช่วงล่าง พวงมาลัย วัสดุการตบแต่ง
(http://www.s40.lt/volvo-s40.jpg)
-
อืม กระทู้บนตอบถูกแหะ ได้กึ่งกลางทั้ง 2 อย่างพอดีทั้งราคากับความรู้สึก
ผมว่าถ้าจับเครื่อง TDCI กับเกียร์คลัชคู่ มาใส่ลง Mazda3 ได้ละก็
-
พอดีอ่านเจอเกี่ยวกับโฟกัส เลยสนใจนิดหน่อยอ่ะครับ ผมไม่เคยขับเจ้า3น่ะ แล้วก็ไม่มีปัญญาได้ขับซีรี่3
ที่ผมมีก็มีโฟกัสเนี่ยอ่ะครับ ผมไม่ขอเอ๋ยแล้วกันว่าใช้รุ่นไหนอยู่
ผมเคยอัดของผมได้200 เจ้ากัสก็มีอานิ่งไม่ออกอาการอยากจะบินแต่อย่างไร
เข้ามีเชียร์กัส (TDCI) สุดใจเลยครับ ถ้าเอาแค่เจ้า3กับกัสน่ะครับ เรื่องช่วงล่าง3กับกัสก็เห็นถามกันหลายที่แล้วอ่ะ ไม่มีข้อสรุปจริงซ่ะทีว่าใครจะแน่นนึบเจ๋งกว่ากัน ผมว่าแล้วแต่อารมของคนขับด้วยมากกว่าว่าชอบแบบไหน
ป.ล.ของคุณได้ครอบครองเจ้ากัสTDCIดิ แล้วคุณจะรู้ว่าความมันเป็นยังไง ;D ;D ;D (ถ้ารถติก็ไม่ไหวจะเคลีย)
ป.ล.2 ขอบคุณรีวิวของ พี่ จิมมี่ มากครับ ที่ได้เจ้ากัสมาก็เพราะอ่านรีวิว ของพี่อ่ะครับ
-
ส่วนตัว ผมใช้ มาสด้าสาม 5dr ตัว 2.0 ก่อนไมเนอร์เช้นอยู่
เเละได้ไปมีประสบการณ์เรียนขับรถ อย่างหนักหน่วง โดยใช้ E90 325i เป็นหนึ่งในภาหนะนะครับ
ส่วนโฟกัส ไม่เคยขับ ไม่ขอวิจารณ์
ถ้าถามว่า ช่วงล่างมาสด้า ขับสนุกยังไง อย่างเเรกก็คือ
มาสด้าสาม เป็นรถขับหน้า ที่ออกอาการ oversteer ในโค้งเเคบๆ อันเป็นอาการที่พบบ่อยๆ ในรถขับหลังครับ คุณสามารถเข้าโค้งเกินลิมิต ให้ท้ายรถกวาดได้
เหมือนกับ ซีรี่สาม !!! ให้อารมณ์ สะใจสุดๆ
ซึ่งเเน่นอน จุดลิมิต ก่อนที่รถจะเสียอาการนั้น ซีรี่สามอยู่สูงกว่ามาสด้า เเน่นอนครับ
เเต่เมื่อ เสียอาการเเล้ว บีเอม ซึ่งเป็นรถขับหลัง จะเเก้อาการยากกว่า มาสด้า ซึ่งเป็นรถขับหน้าครับ เวลาบีเอมหลุดนี่ ส่วนใหญ่หลุดเเบบหมุนไปเลย
มาสด้าสามนั้น เซ็ตช่วงล่างมาดีมาก (เเต่ก็เเข็งมากครับ ผู้ใหญ่นั่งหลังนี่ มีบ่นครับ) นิ่งๆทรงตัวได้ดีจนถึงความเร็วสูงสุด (ประมาณ 185) ก็ยังไม่วอกเเวก อาการโคลงเวลาเปลี่ยนเลนก็น้อยมากครับ
บีเอมจะเซ็ตมานิ่มกว่านิดหน่อยครับ(เเล้วเเต่รุ่น) เเล้วก็ ที่ความเร็ว 170-180++ อันนี้น ทรงตัวดีกว่ามาสด้าเเน่นอนครับ
พวงมาลัยมาสด้าสาม ตัว 2.0 เป็นพวงมาลัยไฟฟ้า ที่เซ็ตมาดีมากๆครับ ระยะฟรีน้อย ไม่เบาจนเกินไป ความเเม่นยําของพวงมาลัย เหมาะสมกับรถระดับนี้ครับ เพิ่มความสนุกสนาน เเม่นยําเวลาเข้าโค้งครับ
ในขณะที่บีเอ็มก็ เซ็ตมาดีมากเหมือนกันครับ ส่วนตัวผมนั้น เรียกว่า ไม่รู้จะติอะไรเลยทีเดียว
ธรรมชาติของรถขับหน้าอีกอย่างก็คือ หน้ารถ จะไวต่อการตอบสนองน้อยกว่า รถขับหลัง อันเนื่องมาจาก การกระจายนําหนัก ที่อยู่ด้านหน้าเยอะครับ
รถขับหน้า ส่วนใหญ่ จะต้องหักพวงมาลัยมากกว่า ขับหลัง ในการหักหลบสิ่งกีดขวางกระทันหันครับ
ทั้งๆที่ มาสด้าเป็นรถขับหน้าเเท้ๆ เเต่หน้ารถ ก็ไวต่อการตอบสนองมากครับ ไม่อืดอาด หนักๆ เหมือนขับหน้าทั่วไป ต้องยอมรับว่า วิศวะกรเค้า
เอาใจใส่ ตั้งใจในการออกเเบบ จริงๆ
เเต่ก็อีกเเหละครับ หน้ารถบีเอ็ม ก็ไวต่อการตอบสนองกว่ามาสด้าไปอีกขั้นนึง ด้วยการที่กระจายนําหนัก 50:50 อีกนั้นเเหละครับ
ทําให้ อาการโคลงของตัวรถ อันเนื่องมาจาก การเปลี่ยนถ่ายนําหนักจลย์นั้น บีเอ็มก็จะทําได้ดีกว่า เสถียรมากกว่า มาสด้า ซึ่งมีการกระจายนําหนัก
ระดับ 65:35 (โดยประมาณ)ครับ
อัตราเร่ง ของมาสด้าตัว 2.0 ก็ให้อัตราเร่งตามขนาดเครื่องเเหละครับ
ถ้าจะสู้กับบีเอม ก็ต้องดูว่า เค้าเครื่อง บล็อกไร 0-100 ถ้าเป็น 318i หรือ 320i อาจจะ พอมีลุ้นครับ
เเต่ถ้าเป็น 320d 325i บวกกับเกียร์ หกจังหว่ะของ ZF ในขณะที่ มาสด้ามีสี่เกียร์ ก็ต้องปล่อยเขาไปเเหละครับ
คงได้ดมเเต่ ท่อไอเสีย
จุดด้อยมาสด้าสามคงอยู่ที่ เกียร์ ที่ให้มาเเค่ 4 จังหว่ะครับ จังหว่ะที่รู้สึกเร่งเเซงไม่ทันใจนั้น จะอยู่ที่ความเร็ว ประมาณ 110 km/hr
ที่ความเร็วนั้น เกียร์สอง หมดเเล้วครับ ในขณะที่ เกียร์สามนั้น ยังไม่มา
ในขณะที่บีเอ็ม มีหกเกียร์ ทดมาครบทุกจังหว่ะความเร็ว
คุณจะคิกดาวน์ ที่ 180 km/hr อันเป็น เป็น top speed ของมาสด้าไหมล่ะครับ
ถ้าต้องการ เเค่กดคันเร่งมิด เเล้ว เราจะจัดให้ !!!
มาสด้าสามนั้น เวลาเบรคฉุกเฉิน ต้องออกเเรงในการเบรคมากครับ ไม่มี ระบบ BA มาให้ เบรคเเล้ว บางจังหว่ะ ยังมีอาการลื่นๆ ไหลให้เห็น ในบางจังหว่ะ
ในขณะที่ เบรคของซีรี่สาม ประเสริฐ ดี สมเชื่อบีเอ็ม สัมผัสได้เลย ว่า อัตราการ จับ-ปล่อยของ คาลิปเปอร์ ถี่กว่า มาสด้าสามครับ
ทําให้เกิดการลื่นไถลน้อยกว่า ออกเเรงน้อยกว่า ได้ระยะเบรคสั้นกว่าครับ
เรื่อง Active safty นั้น บีเอมมีมาให้ พร้อมหมด ทั้ง BA EBD DTC TRC
ในขณะที่มาสด้า มีมาให้เเค่ EBD ครับ
ถ้าว่าระบบพวกนั้น จําเป็นมากไหม
ความเห็นส่วนตัว ผมว่าไม่ได้จําเป็นมากเหมือนกับ ABS เเละ เเอร์เเบค สองตัวนี้ ควรจะมีในรถเป็นขั้นพื้นฐานครับ
เเต่ถามมว่า มีเเล้ว ดีกว่าไหม คําตอบก็คือ ดีกว่าครับ ได้มีการลอง เปิด เเละ ปิดระบบ ในขณะที่ทําให้รถเสียการทรงตัวดู
พบว่า เปิดระบบ DTC ในบีเอ็ม พบว่า ตัวรถเสถียรกว่า ระยะเบรคสั้นกว่า อย่างสัมผัสได้ครับ เเสดงว่าของเค้าดีจริง ไม่อิงนิยาย
ถ้าไม่ดีจริงก็คงไม่ทู่ซี้ พัฒนาระบบมาให้ครับ
ข้อดีอีกอย่างคือ ระบบ DTC นี้ สามารถ ปิดได้ครับ ทําให้ ไม่มีการบั่นทอนความสนุกในการขับ อันเนื่องมาจากการเเทรกเเซงของระบบพวกนี้
เเต่ก็อันตรายมากขึ้นนะครับ
ส่วนมาสด้าสามนั้น ไม่มีระบบพวกนี้อยู่เเล้วครับ เลยไม่มีการเเทรกเเซงของระบบอิเล็กโทรนิก ผู้ขับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวรถมากกว่า
สามารถหักพวงมาลัยสุด กดคันเร่งมิด ให้ล้อหน้าฟรี โดยรอบเครื่องไม่ตัด สัมผัสอาการ torque steer ได้อย่างไม่ขัดเขิน ครับ อิอิอิ
ด้วยใจที่เป็นกลางอย่างที่สุดนะครับ ผมขอชื่นชมบีเอ็ม ซีรี่สาม E90 อย่างที่สุด ในฐานะ หนึ่งในรถที่ขับดีที่สุด ในทุกๆด้านครับ
หลังจากที่ได้มีโอกาสสัมผัส อนุกรม BMW เกือบทั้งตระกูลเเล้ว (ขาดเเค่ X5 X6 ซีรี่หก) ความเห็นส่วนตัวผม รู้สึกว่า ซีรี่สาม เป็นรถที่ขับดีที่สุดในตระกูลบีเอ็มเเล้วครับ
คุณเชื่อไหม ว่า E90 ทําตัวถังออกมาได้ เสถียรกว่า Z4 ใหม่ซะอีก (โดยความที่ Z4 ไม่มีเสากลางนะครับ เเต่ Z4 ก็จะให้อารมณ์ สปอร์ตมากกว่า)
ถ้าผมทํางาน มีเงินเก็บมากพอ ผมจะไม่ลังเลเลย ที่จะถอย E90 330i มือสอง (เมื่อตอนมันราคาตกมากๆเเล้ว) มาเติม สารอดรีนาลีน เเละ เอนดอลฟีล ให้เเก่ชีวิตผม
เเต่ๆๆๆ มากไปกว่านั้น ต้องชื่นชม มาสด้าสาม ที่สร้างรถขับหน้า ให้ตอบสนองได้ดี มีอารมณ์ ฟีลลิ่งหลายๆด้าน ใกล้เคียงกับรถขับหลัง
ทั้งๆที่ ทํายากกว่าด้วยซํา อันเนื่องมาจาก ธรรมชาติของมาสด้านั้น เป็นรถขับหน้าครับ
คําสรรเสิญ เเก่มาสด้านั้น คงไม่มีคําไหน เหมาะไปกว่า "Japanese 3-series เวอร์ชั่นขับหน้า (ถ้ามีจริง)" เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย...
(ขอยืมคําพูดหน่อยนะครับ พี่จิม อิอิอิ)
-
อ๊ะๆ หลีกทางให้ ฟอร์ด Focus TDCi ไปล่ะกัน เทพกว่าบีเอ็มซีรี่สามอีก
งั้นคนไทยที่ซื้อ บีเอ็ม ก็ไปกระโดดเอาหัวมุดส้วมตายไปเลย
โง่บรรลัย ที่ไปซื้อบีเอ็มซีรี่สาม............ควายจริงๆซื้อรถแพงกว่าเป็นล้าน โง่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆหลาย ตายซ่ะ.
น่าจะมาถามน้องๆในเวปนี้ซ่ะก่อน จะได้ไม่โง่
อยากจะบอก 2 เรื่องคือ
+ ผมคงไม่ใช่น้องคุณแน่ ดูจากสำนวน ผมคงอายุมากกว่าคุณเยอะ
+ ทำไมต้องเอา ควาย มาเป็นสัญลักษณ์แทน ความโง่ ...ไม่เข้าใจ น่าจะนึกถึงบุญคุณของควายบ้าง :)
-
มองไปที่ Ford Focus TDCI ครับ เท่านั้นครับ ชั่วโมงนี้ (ด้วยราคา)
E90 ต้อง 320d มันคือบทสรุปทุกอย่าง
TCDI อาจจะด้อยกว่า 320d แต่ก็สามารถเกาะตาม 320d ได้สบาย ตามแบบ320dต้องตกใจ แต่ TDCI ได้แค่ตามติดเท่านั้นครับ ปลายๆมีเจอติดตูด320d
ที่พูดเพราะว่าได้ลองมาทั้ง2 แล้วครับ ทั้งคุ๋สามารถขึ้นได้ เกิน 230 แน่นอน และความเร๊วขนาดนั้น ไม่ได้ทำให้เจ้า TDCI หน้ากลัวเลย
ความประหยัด ทั้ง 320d และ TDCI เป็นตัวเลขที่ดีทั้งคู่ 320 d แรงบิดดีกว่า ประหยัดกว่าครับ แต่เที่ยบราคาที่ประหยัดน้ำมันไป หันกลับมามองราคารถ
ก็คงมองมาที่TDCI
ไม่เคยลอง Mazda 3 ครับ
-
Focusครับ :D
-
น่าจะไปลองขับดีกว่ามั้ยครับ
จะซื้อรถราคาหนึ่งล้านบาท +- มานั่งนับเสียงโหวตผ่านเวบคงไม่ถูกเรื่องกันเท่าไหร่
ต่างคนต่างความรู้สึก ต่างความนิยม
จะเอามาตัดสินสิ่งที่ตัวเองต้องใช้และอยู่กับมันไปอีกนาน ไม่ได้หรอกครับ
-
เพ้ออะไรกันเหรอ
เอารถจักรยาน ไปเทียบกับยานอวกาศ
คุณนั่นแหละที่เพ้อ อยู่คนเดียว ครับ ;D
-
ตัวผมเอง ก็ไม่เคยขับทั้ง 3 รุ่นนะ....
แต่เท่าๆที่เคยอ่านพวกฝรั่งมันเทส
ถึงแม้ว่าจะใช้พื้นฐานเพลทฟอร์มร่วมกันก็จริง แต่
ในเรื่องของ ขับมันส์ ขับสนุก อัต
ตราตอบสนองของเครื่องยนต์
เกียร์และพวกมาลัย ไดร์วิ่ง ไดนามิค มาสด้าจะใกล้เคียงกับซีรีย์ 3 มากกว่า
ส่วนโพกัส จะเน้น ช่วงล่าง หนักแน่น หนุ่มหนึบ เกาะถนน
แต่ขับไม่มันส์เท่ามาสด้า 3 คือประมาณอารมนณ์เดียวกับ กอล์ฟนั่นแหละ.....
นี่คือที่ผมอ่านมา ครับ
-
จะตอบอย่างไรดีล่ะ
คือ Series 3 แต่ละรุ่นนี่ ก็ยังมีการเซ็ทช่วงล่างให้มีความนิ่มนวล และแข็งกระด้างไม่เท่ากันเลยนะครับ เช่น 320 จะนิ่ม ๆ เวลาขับสบาย ๆ กับ 325 จะไปรู้สึกนิ่ม ๆ แบบ320 ก็ไม่ใช่ แต่ขับสบายคนขับ นั่งแล้วตูดไม่ชา ไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ผมว่า สองตัวนั้น ยังไกลBMW นะ ไม่ใช่เพราะช่วงล่างมันแย่ แต่การออกแบบให้Unsprung Weight มันต่ำโดยใช้วัสดุน้ำหนักเบา ๆไม่มีครับ
แล้วอารมณ์การขับแบบ รถขับหลังกับขับหน้า มันก็ต่างกันคนละเรื่องมาก ๆ เวลาเข้าโค้ง รถขับหน้าจะUnder Steer ยันเต ถึงแม้จะเข้าได้ แต่คุณจะรู้สึกได้เสมอว่ามันUnder และเป็นความรู้สึกแหกโค้งติดกับรถขับเคลื่อนล้อหน้าทุกคัน ทุกความเร็วตั้งแต่ 60 ขึ้นไป เพียงแต่ว่าคุณจับความรู้สึกนั้นได้มากพอแค่่ไหน และปรับองศาล้อรับถนนได้ดีแค่ไหน เท่านั้นเอง
เรื่องคนทีว่าขับ 200 แล้วนิ่งนี่ ...ผมคิดว่า... มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ อยากให้ลอง ขับ 200 แล้ว เปลี่ยนเลนส์แบบคันต่อคันดูสิครับ จะรู้ว่าไอที่นิ่งนั้นมันนิ่งด้วยช่วงล่าง หรือแรงกดอากาศตามหลักอากาศ พลศาสตร์กันแน่ ที่ 200KM ต่อชั่วโมงนี่ คือ ราว 70M/second เลยนะครับ ถ้ารถออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์มันก็นิ่งทั้งนั้น เพราะถูกกดไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะเกาะถนนอยู่เวลาหักพวงมาลัยนะครับ คนละเรื่องกัน
แต่ผมบอกได้ว่า E36 318 ขับ 180 แซงปาดคันต่อคัน ไม่มีปัญหา แน่นอนครับ (E46 ยังไม่ได้ลองเพราะได้ตอนเริ่มมมีอายุแล้ว เหอ เหอ)
ไปลองดูนะครับ
-
Focus TDci ช่วงล่างกระด้างใหมครับ กัวแม่ยายบ่น
-
คำว่า "กระด้าง" หรือ "นิ่ม" เป็นรสนิยมส่วนตัวนะครับ แต่ละคนรู้สึกไม่เหมือนกัน ลองไป test drive ดูเองดีกว่าครับ
-
มองไปที่ Ford Focus TDCI ครับ เท่านั้นครับ ชั่วโมงนี้ (ด้วยราคา)
E90 ต้อง 320d มันคือบทสรุปทุกอย่าง
TCDI อาจจะด้อยกว่า 320d แต่ก็สามารถเกาะตาม 320d ได้สบาย ตามแบบ320dต้องตกใจ แต่ TDCI ได้แค่ตามติดเท่านั้นครับ ปลายๆมีเจอติดตูด320d
ที่พูดเพราะว่าได้ลองมาทั้ง2 แล้วครับ ทั้งคุ๋สามารถขึ้นได้ เกิน 230 แน่นอน และความเร๊วขนาดนั้น ไม่ได้ทำให้เจ้า TDCI หน้ากลัวเลย
ความประหยัด ทั้ง 320d และ TDCI เป็นตัวเลขที่ดีทั้งคู่ 320 d แรงบิดดีกว่า ประหยัดกว่าครับ แต่เที่ยบราคาที่ประหยัดน้ำมันไป หันกลับมามองราคารถ
ก็คงมองมาที่TDCI
ไม่เคยลอง Mazda 3 ครับ
ทำท๊อปได้มากกว่าที่พี่จิมทำไว้อีกหรือครับ
แล้วอิมเมจไม่แย่หรอก รถไอ้กัน ก็ไม่ใช่ญี่ปุ่น
-
ผมเคยอ่าน Review ของ Edmunds เขาบอกประมาณว่า
ถ้า BMW จะสร้างรถขับหน้า ก็คงออกมาเป็น Mazda 3 นี่แหละครับ
เรื่องคนทีว่าขับ 200 แล้วนิ่งนี่ ...ผมคิดว่า... มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ อยากให้ลอง ขับ 200 แล้ว เปลี่ยนเลนส์แบบคันต่อคันดูสิครับ จะรู้ว่าไอที่นิ่งนั้นมันนิ่งด้วยช่วงล่าง หรือแรงกดอากาศตามหลักอากาศ พลศาสตร์กันแน่ ที่ 200KM ต่อชั่วโมงนี่ คือ ราว 70M/second เลยนะครับ ถ้ารถออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์มันก็นิ่งทั้งนั้น เพราะถูกกดไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะเกาะถนนอยู่เวลาหักพวงมาลัยนะครับ คนละเรื่องกัน
ผมว่าไม่ค่อยมีนะครับ ที่รถบ้านจะสร้างแรงกดได้ ส่วนใหญ่ Lift Coefficient เป็นบวกทั้งนั้นแหละครับ
ไอ้ที่บอกสร้างแรงกดนั้นก็ใช่ครับ แต่เป็นการสร้างบางส่วนไปหักลบกับแรงยก สุดท้ายแล้วแรงยกก็เป็นฝ่ายชนะ
หมายถึงรถบ้านๆนะครับ สามคันที่พูดถึงก็รวมอยู่ด้วย
แค่เคยดูผล CFD ครับ ไม่มีหลักฐานมายืนยัน แต่มีตัวอย่างรุ่นอื่นที่พอเชื่อถือและอ้างอิงได้
http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf (http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf)
ขนาด EVO X ใส่ Rear Spoiler อันเท่าฝาบ้าน ยังเกิดแรงยกเลยครับ
กว่าจะสร้างแรงกดมาหักลบให้แรงยกเป็นศูนย์ ก็ต้องใส่อุปกรณ์เพิ่มเยอะเลยครับ ถึงตอนนั้น Drag บานกันพอดี
อีกอันที่มีผลต่อความนิ่ง น่าจะเป็น Vortex Wake กับความถี่ธรรมชาติในการ Shed ครับ (หาใน google ก็เจอ)
-
ผมเคยอ่าน Review ของ Edmunds เขาบอกประมาณว่า
ถ้า BMW จะสร้างรถขับหน้า ก็คงออกมาเป็น Mazda 3 นี่แหละครับ
เรื่องคนทีว่าขับ 200 แล้วนิ่งนี่ ...ผมคิดว่า... มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ อยากให้ลอง ขับ 200 แล้ว เปลี่ยนเลนส์แบบคันต่อคันดูสิครับ จะรู้ว่าไอที่นิ่งนั้นมันนิ่งด้วยช่วงล่าง หรือแรงกดอากาศตามหลักอากาศ พลศาสตร์กันแน่ ที่ 200KM ต่อชั่วโมงนี่ คือ ราว 70M/second เลยนะครับ ถ้ารถออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์มันก็นิ่งทั้งนั้น เพราะถูกกดไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะเกาะถนนอยู่เวลาหักพวงมาลัยนะครับ คนละเรื่องกัน
ผมว่าไม่ค่อยมีนะครับ ที่รถบ้านจะสร้างแรงกดได้ ส่วนใหญ่ Lift Coefficient เป็นบวกทั้งนั้นแหละครับ
ไอ้ที่บอกสร้างแรงกดนั้นก็ใช่ครับ แต่เป็นการสร้างบางส่วนไปหักลบกับแรงยก สุดท้ายแล้วแรงยกก็เป็นฝ่ายชนะ
หมายถึงรถบ้านๆนะครับ สามคันที่พูดถึงก็รวมอยู่ด้วย
แค่เคยดูผล CFD ครับ ไม่มีหลักฐานมายืนยัน แต่มีตัวอย่างรุ่นอื่นที่พอเชื่อถือและอ้างอิงได้
http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf (http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf)
ขนาด EVO X ใส่ Rear Spoiler อันเท่าฝาบ้าน ยังเกิดแรงยกเลยครับ
กว่าจะสร้างแรงกดมาหักลบให้แรงยกเป็นศูนย์ ก็ต้องใส่อุปกรณ์เพิ่มเยอะเลยครับ ถึงตอนนั้น Drag บานกันพอดี
อีกอันที่มีผลต่อความนิ่ง น่าจะเป็น Vortex Wake กับความถี่ธรรมชาติในการ Shed ครับ (หาใน google ก็เจอ)
ท่าจะยาว
แรงกดบนฝากระโปรงหน้าครับ ที่ทำให้รถนิ่ง แต่ล้อหลังอยู่ในสภาวะ รอจะลอย ทำให้เกิดอาการปัดงัยครับ แรงยกท้ายจะชนะจริง ๆได้เมื่อมีความเร็วมากกว่านี้เยอะครับ ไม่งั้นรถก็ิบินได้แค่ติดปีก อันนั้นแหละเรียกว่าแรงยกชนะครับ ต้องชนะน้ำหนักรถ + แรงดึงจากอากาศ รถบ้าน ๆเกือบทุกยี่ห้อเดี่ยวนี้มีแรงกดกระโปรงหน้าเยอะ ๆ ทั้งนั้น ถ้ารถตั้งศูนย์มาดี ถ่วงล้อมาได้ ยางไม่บวม ช่วงล่างสมบูรณ์ ผมว่า รถในตลาด90% ถ้าวิ่งถึง 200 ได้ พวงมาลัยนิ่งแน่ ๆ แต่ควบคุมการเลี้ยวได้รึเปล่า มันไม่เกี่ยวกัน
มีอีกหลายปัจจัย แต่สุดท้าย อาการของรถ เป็นตัวฟ้องอยู่แล้วครับ
ถึงบอกว่า ไปลองดูครับ ถ้ายังไม่ลอง ก็คงมีแต่ทฤษฎี
-
จะแข่งอัด top speed กันทำไม
แข่งเข้าโค้งกันดีกว่า คันไหนแรงจริงช่วงล่างต้องดีด้วย
รวมถึงระบบความปลอดภัย ทั้ง passive และ active
ซึ่งนี่คือสิ่งที่ต้องเพิ่มเงินอีก 7 แสนกว่าใน S40 (ยังเชียร์ Volvo อยู่นะเนี่ย)
-
ผมเคยอ่าน Review ของ Edmunds เขาบอกประมาณว่า
ถ้า BMW จะสร้างรถขับหน้า ก็คงออกมาเป็น Mazda 3 นี่แหละครับ
เรื่องคนทีว่าขับ 200 แล้วนิ่งนี่ ...ผมคิดว่า... มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ อยากให้ลอง ขับ 200 แล้ว เปลี่ยนเลนส์แบบคันต่อคันดูสิครับ จะรู้ว่าไอที่นิ่งนั้นมันนิ่งด้วยช่วงล่าง หรือแรงกดอากาศตามหลักอากาศ พลศาสตร์กันแน่ ที่ 200KM ต่อชั่วโมงนี่ คือ ราว 70M/second เลยนะครับ ถ้ารถออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์มันก็นิ่งทั้งนั้น เพราะถูกกดไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะเกาะถนนอยู่เวลาหักพวงมาลัยนะครับ คนละเรื่องกัน
ผมว่าไม่ค่อยมีนะครับ ที่รถบ้านจะสร้างแรงกดได้ ส่วนใหญ่ Lift Coefficient เป็นบวกทั้งนั้นแหละครับ
ไอ้ที่บอกสร้างแรงกดนั้นก็ใช่ครับ แต่เป็นการสร้างบางส่วนไปหักลบกับแรงยก สุดท้ายแล้วแรงยกก็เป็นฝ่ายชนะ
หมายถึงรถบ้านๆนะครับ สามคันที่พูดถึงก็รวมอยู่ด้วย
แค่เคยดูผล CFD ครับ ไม่มีหลักฐานมายืนยัน แต่มีตัวอย่างรุ่นอื่นที่พอเชื่อถือและอ้างอิงได้
http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf (http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf)
ขนาด EVO X ใส่ Rear Spoiler อันเท่าฝาบ้าน ยังเกิดแรงยกเลยครับ
กว่าจะสร้างแรงกดมาหักลบให้แรงยกเป็นศูนย์ ก็ต้องใส่อุปกรณ์เพิ่มเยอะเลยครับ ถึงตอนนั้น Drag บานกันพอดี
อีกอันที่มีผลต่อความนิ่ง น่าจะเป็น Vortex Wake กับความถี่ธรรมชาติในการ Shed ครับ (หาใน google ก็เจอ)
ท่าจะยาว
แรงกดบนฝากระโปรงหน้าครับ ที่ทำให้รถนิ่ง แต่ล้อหลังอยู่ในสภาวะ รอจะลอย ทำให้เกิดอาการปัดงัยครับ แรงยกท้ายจะชนะจริง ๆได้เมื่อมีความเร็วมากกว่านี้เยอะครับ ไม่งั้นรถก็ิบินได้แค่ติดปีก อันนั้นแหละเรียกว่าแรงยกชนะครับ ต้องชนะน้ำหนักรถ + แรงดึงจากอากาศ รถบ้าน ๆเกือบทุกยี่ห้อเดี่ยวนี้มีแรงกดกระโปรงหน้าเยอะ ๆ ทั้งนั้น ถ้ารถตั้งศูนย์มาดี ถ่วงล้อมาได้ ยางไม่บวม ช่วงล่างสมบูรณ์ ผมว่า รถในตลาด90% ถ้าวิ่งถึง 200 ได้ พวงมาลัยนิ่งแน่ ๆ แต่ควบคุมการเลี้ยวได้รึเปล่า มันไม่เกี่ยวกัน
มีอีกหลายปัจจัย แต่สุดท้าย อาการของรถ เป็นตัวฟ้องอยู่แล้วครับ
ถึงบอกว่า ไปลองดูครับ ถ้ายังไม่ลอง ก็คงมีแต่ทฤษฎี
http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf (http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf)
ยังไม่ได้อ่านบทความที่แปะให้ใช่มั้ยครับ? ถ้าขี้เกียจอ่าน แนะนำว่ากดเข้าไปดูแค่รูปที่ 2 ก็พอครับ
ยังไงซะ Lift Coefficient ที่ล้อหน้าและล้อหลังสำหรับรถบ้านๆ เป็นบวกอยู่แล้วครับ
นั่นคือไม่ว่าจะเกิด Downforce ที่ไหน และ Lift ที่ไหน เมื่อรวมกันแล้ว Lift จะมีค่ามากกว่า Downforce ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง
และโดยทั่วไป Lift ที่เกิดกับส่วนท้ายของรถจะมากกว่า ดังนั้นส่วนใหญ่แล้ว ท้ายรถจะออกอาการก่อนครับ
เพิ่มเติมตัวอย่างให้ดูครับ
http://www.autozine.org/technical_school/aero/tech_aero.htm (http://www.autozine.org/technical_school/aero/tech_aero.htm) ตารางแรก
http://autospeed.com/cms/A_108677/printArticle.html (http://autospeed.com/cms/A_108677/printArticle.html) ในตารางเช่นกัน
และมาดูรถรูปทรงลู่ลม แต่อากาศพลศาสตร์ล้าหลังกันบ้าง
http://www.autozine.org/Archive/Honda/old/NSX.html (http://www.autozine.org/Archive/Honda/old/NSX.html) กดหาคำว่า Lift เดี๋ยวก็เจอ
หรือว่าเก่าไป มาดู 2006 Cadillac กันบ้าง
http://www.autoweek.com/files/specials/2005_detroit/cadillac/stsv/stsv_info.doc (http://www.autoweek.com/files/specials/2005_detroit/cadillac/stsv/stsv_info.doc) หน้าสุดท้าย
370Z กับ Lift เป็นศูนย์ทั้งหน้าและหลัง ด้วยชุด Aerodynamic Body Design
http://www.nissan370zny.com/documents/2009NISMOZSpecs4-09.pdf (http://www.nissan370zny.com/documents/2009NISMOZSpecs4-09.pdf)
370Z ยังได้แค่ศูนย์เลยครับ แล้วจะมีรถบ้านๆกี่คันที่สร้างแรงกดได้ที่ล้อหน้า
แล้วผมไม่รู้ว่าไปลองแล้วจะได้อะไรครับ ขับที่ความเร็ว 200+ จะมีใครรู้ไหมครับว่าเกิดแรงยกแรงกดเท่าไหร่
ดังนั้นในทางวิศวกรรมการบินและอากาศยานจึงอ้างอิงผลของ CFD ครับ แล้วค่อย Validate ด้วยอุโมงค์ลม ก่อนนำไปทดสอบจริง
ถึงบอกให้ไปอ่านไงครับ ถ้าไม่อ่าน ก็คงมีแต่ประสบการณ์ส่วนตัว ที่ไม่รู้ว่าเชื่อถือได้หรือเปล่า
-
ขอบคุณมากๆครับ ทุกท่าน ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาตอบเยอะขนาดนี้
-
น่าจะไปลองขับดีกว่ามั้ยครับ
จะซื้อรถราคาหนึ่งล้านบาท +- มานั่งนับเสียงโหวตผ่านเวบคงไม่ถูกเรื่องกันเท่าไหร่
ต่างคนต่างความรู้สึก ต่างความนิยม
จะเอามาตัดสินสิ่งที่ตัวเองต้องใช้และอยู่กับมันไปอีกนาน ไม่ได้หรอกครับ
ผมต้องไปลองอยู่แล้วครับ
แต่อยากได้ความเห็นคนที่เคยลองมาก่อนครับ....ข้อมูลยิ่งมากก็ยิ่งเป็นผลดีกับผมเองครับ
-
ผมพูดจริงๆน่ะ ถ้าขับ160+++ หรือ200+++ ในประเทศไทยจะมีถนนซักกี่เส้นที่วิ่งได้ขนาดนั้นอ่ะ แล้วน้ำมันราคามันไม่ใช่ถูกเลยๆถ้าจะเอาไปวิ่งเล่นขนาดนั้นอ่ะ
ผมว่าำไม ไม่เห็นมีใครเถียงเรื่องความประหยัดมั้งเลยอะ รถที่วิ่งได้200/ช.ม. ถ้าววันนึงน้ำมันลิตรล่ะ 50 บาท คุณยังจะคิดเหยีบอีกไหมอ่ะ200
ถ้าเจ้าของกระทู้ต้องการซื้อรถจริงๆ ผมว่าเน้นเรื่องความปลอดภัย+ความประหยัดดีกว่าครับ
ความมันในการขับขี่ มันแล้วแต่คนชอบอ่ะครับ ต่อให้รถวิ่งท็อปสปีดได้แค่ 120 เราก็สามารถมันไปกับมันได้ ขอให้รู้เรารู้จักมันดีพอเท่านั้นล่ะ
-
ผมพูดจริงๆน่ะ ถ้าขับ160+++ หรือ200+++ ในประเทศไทยจะมีถนนซักกี่เส้นที่วิ่งได้ขนาดนั้นอ่ะ แล้วน้ำมันราคามันไม่ใช่ถูกเลยๆถ้าจะเอาไปวิ่งเล่นขนาดนั้นอ่ะ
ผมว่าำไม ไม่เห็นมีใครเถียงเรื่องความประหยัดมั้งเลยอะ รถที่วิ่งได้200/ช.ม. ถ้าววันนึงน้ำมันลิตรล่ะ 50 บาท คุณยังจะคิดเหยีบอีกไหมอ่ะ200
ถ้าเจ้าของกระทู้ต้องการซื้อรถจริงๆ ผมว่าเน้นเรื่องความปลอดภัย+ความประหยัดดีกว่าครับ
ความมันในการขับขี่ มันแล้วแต่คนชอบอ่ะครับ ต่อให้รถวิ่งท็อปสปีดได้แค่ 120 เราก็สามารถมันไปกับมันได้ ขอให้รู้เรารู้จักมันดีพอเท่านั้นล่ะ
ผมคงไม่กดซะขนาดนั้นหรอกครับ
ก็ใช้แบบปกติแหละ.....
บอกตรงๆครับ............กลัวตายยยยยยย......อิๆ
-
ผมเคยอ่าน Review ของ Edmunds เขาบอกประมาณว่า
ถ้า BMW จะสร้างรถขับหน้า ก็คงออกมาเป็น Mazda 3 นี่แหละครับ
เรื่องคนทีว่าขับ 200 แล้วนิ่งนี่ ...ผมคิดว่า... มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ อยากให้ลอง ขับ 200 แล้ว เปลี่ยนเลนส์แบบคันต่อคันดูสิครับ จะรู้ว่าไอที่นิ่งนั้นมันนิ่งด้วยช่วงล่าง หรือแรงกดอากาศตามหลักอากาศ พลศาสตร์กันแน่ ที่ 200KM ต่อชั่วโมงนี่ คือ ราว 70M/second เลยนะครับ ถ้ารถออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์มันก็นิ่งทั้งนั้น เพราะถูกกดไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะเกาะถนนอยู่เวลาหักพวงมาลัยนะครับ คนละเรื่องกัน
ผมว่าไม่ค่อยมีนะครับ ที่รถบ้านจะสร้างแรงกดได้ ส่วนใหญ่ Lift Coefficient เป็นบวกทั้งนั้นแหละครับ
ไอ้ที่บอกสร้างแรงกดนั้นก็ใช่ครับ แต่เป็นการสร้างบางส่วนไปหักลบกับแรงยก สุดท้ายแล้วแรงยกก็เป็นฝ่ายชนะ
หมายถึงรถบ้านๆนะครับ สามคันที่พูดถึงก็รวมอยู่ด้วย
แค่เคยดูผล CFD ครับ ไม่มีหลักฐานมายืนยัน แต่มีตัวอย่างรุ่นอื่นที่พอเชื่อถือและอ้างอิงได้
http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf (http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf)
ขนาด EVO X ใส่ Rear Spoiler อันเท่าฝาบ้าน ยังเกิดแรงยกเลยครับ
กว่าจะสร้างแรงกดมาหักลบให้แรงยกเป็นศูนย์ ก็ต้องใส่อุปกรณ์เพิ่มเยอะเลยครับ ถึงตอนนั้น Drag บานกันพอดี
อีกอันที่มีผลต่อความนิ่ง น่าจะเป็น Vortex Wake กับความถี่ธรรมชาติในการ Shed ครับ (หาใน google ก็เจอ)
ท่าจะยาว
แรงกดบนฝากระโปรงหน้าครับ ที่ทำให้รถนิ่ง แต่ล้อหลังอยู่ในสภาวะ รอจะลอย ทำให้เกิดอาการปัดงัยครับ แรงยกท้ายจะชนะจริง ๆได้เมื่อมีความเร็วมากกว่านี้เยอะครับ ไม่งั้นรถก็ิบินได้แค่ติดปีก อันนั้นแหละเรียกว่าแรงยกชนะครับ ต้องชนะน้ำหนักรถ + แรงดึงจากอากาศ รถบ้าน ๆเกือบทุกยี่ห้อเดี่ยวนี้มีแรงกดกระโปรงหน้าเยอะ ๆ ทั้งนั้น ถ้ารถตั้งศูนย์มาดี ถ่วงล้อมาได้ ยางไม่บวม ช่วงล่างสมบูรณ์ ผมว่า รถในตลาด90% ถ้าวิ่งถึง 200 ได้ พวงมาลัยนิ่งแน่ ๆ แต่ควบคุมการเลี้ยวได้รึเปล่า มันไม่เกี่ยวกัน
มีอีกหลายปัจจัย แต่สุดท้าย อาการของรถ เป็นตัวฟ้องอยู่แล้วครับ
ถึงบอกว่า ไปลองดูครับ ถ้ายังไม่ลอง ก็คงมีแต่ทฤษฎี
http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf (http://www.mitsubishi-motors.com/corporate/about_us/technology/review/e/pdf/2008/20e_08.pdf)
ยังไม่ได้อ่านบทความที่แปะให้ใช่มั้ยครับ? ถ้าขี้เกียจอ่าน แนะนำว่ากดเข้าไปดูแค่รูปที่ 2 ก็พอครับ
ยังไงซะ Lift Coefficient ที่ล้อหน้าและล้อหลังสำหรับรถบ้านๆ เป็นบวกอยู่แล้วครับ
นั่นคือไม่ว่าจะเกิด Downforce ที่ไหน และ Lift ที่ไหน เมื่อรวมกันแล้ว Lift จะมีค่ามากกว่า Downforce ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง
และโดยทั่วไป Lift ที่เกิดกับส่วนท้ายของรถจะมากกว่า ดังนั้นส่วนใหญ่แล้ว ท้ายรถจะออกอาการก่อนครับ
เพิ่มเติมตัวอย่างให้ดูครับ
http://www.autozine.org/technical_school/aero/tech_aero.htm (http://www.autozine.org/technical_school/aero/tech_aero.htm) ตารางแรก
http://autospeed.com/cms/A_108677/printArticle.html (http://autospeed.com/cms/A_108677/printArticle.html) ในตารางเช่นกัน
และมาดูรถรูปทรงลู่ลม แต่อากาศพลศาสตร์ล้าหลังกันบ้าง
http://www.autozine.org/Archive/Honda/old/NSX.html (http://www.autozine.org/Archive/Honda/old/NSX.html) กดหาคำว่า Lift เดี๋ยวก็เจอ
หรือว่าเก่าไป มาดู 2006 Cadillac กันบ้าง
http://www.autoweek.com/files/specials/2005_detroit/cadillac/stsv/stsv_info.doc (http://www.autoweek.com/files/specials/2005_detroit/cadillac/stsv/stsv_info.doc) หน้าสุดท้าย
370Z กับ Lift เป็นศูนย์ทั้งหน้าและหลัง ด้วยชุด Aerodynamic Body Design
http://www.nissan370zny.com/documents/2009NISMOZSpecs4-09.pdf (http://www.nissan370zny.com/documents/2009NISMOZSpecs4-09.pdf)
370Z ยังได้แค่ศูนย์เลยครับ แล้วจะมีรถบ้านๆกี่คันที่สร้างแรงกดได้ที่ล้อหน้า
แล้วผมไม่รู้ว่าไปลองแล้วจะได้อะไรครับ ขับที่ความเร็ว 200+ จะมีใครรู้ไหมครับว่าเกิดแรงยกแรงกดเท่าไหร่
ดังนั้นในทางวิศวกรรมการบินและอากาศยานจึงอ้างอิงผลของ CFD ครับ แล้วค่อย Validate ด้วยอุโมงค์ลม ก่อนนำไปทดสอบจริง
ถึงบอกให้ไปอ่านไงครับ ถ้าไม่อ่าน ก็คงมีแต่ประสบการณ์ส่วนตัว ที่ไม่รู้ว่าเชื่อถือได้หรือเปล่า
ุ้แรงกด หน้า แรงยกหลังครับ สั้น ๆ ผมอ่านมาหมดแล้วล่ะครับ พวกหลักอากาศ ตอนนี้เอาไปทิ้งทะเลหมดแล้ว 555 ขอบคุณที่เอามให้อ่าน อ่านมาตั้งหลายปีแล้วครับเบื่อแล้ว แรงกดหน้ามันจะ inverse กับหลังสำหรับรถ "ที่ออกแบบมาด้วยหลักอากาศพลศาตร์" แต่ ถ้าคุณยังยันว่ามันจะยกทั้งหน้า ทั้งหลังพร้อมกัน ก็ไม่ว่าครับ นานาัทัศนะ เอกสารที่คุณอิงมาก็แนะไว้แล้ว นี่นานะ รถมีสองเพลานะครับ หน้าหลัง จุดหมุนสองจุด ถ้าแรงยกหน้าเป็นลบน้อยกว่าหลัง แล้วแรงลมกดบนกระโปรงหน้ามากกว่ากระโปรงหลัง มันก็เป็นแรงกดสิครับ
จริง ลืมไป ลองขับซํก 160 ดูก็ได้นี่ครับ แล้วดูว่า โช๊คสปริงคู่หน้าถูกกดลง หรือว่า มันโดนงัดขึ้นครับ เห็น ๆ เลย นี่แหละ ประสพการณ์ครับ :-)
-
เอาเป็นว่า
มาสด้า3
ใกล้E90 ด้านช่วงล่าง(ตามความรู้สึกผมนะ)
ขับสนุกน้องๆE90แน่นอนครับ
แถมยังมีข้อดีด้านราคา+ค่าบำรุงรักษา+คนใช้เยอะ
ถึงแม้ว่ามันจะเร่งได้แย่ที่สุดถ้าเทียบกับ TDCi และ E90
ส่วนโฟกัส
(ไม่เคยขับเอง) ช่วงล่างเลยไม่ทราบ
แต่จากข้อมูล อัตราเร่ง เครื่อง+เกียรเค้าสุดยอดจริงๆ
แถมประหยัดด้วย กดหนักๆก็ยังไม่ซดเท่าไหร่เพราะไม่ต้องไปเค้นเครื่องยนต์
แต่คนใช้น้อย+บริการหลังการขายไม่เท่ามาสด้า
E90 มีดีกว่าคือ
ทุกอย่าง
ยกเว้นแค่ราคา+ค่าบำรุงรักษา+บริการหลังการขายที่"อาจจะ"ไม่ดีในสายตาบางคน
-
ผมว่าที่ความเร็วเกิน200 ขึ้นเนี่ยยังไม่เห็นใครบอกว่ารถมันนิ่งเลยนะครับ ทั้ง320d และ TDCI แต่ความเร็วขนาดนั้นไม่มีใครเปลี่ยนเลน กระทันหันแน่นอนครับ
เพราะว่าคนที่ต้องการTest Top Speed ไม่มีใครกล้าขับในที่มีการจราจรที่มีรถมากแน่นอนครับ จะไปขับเร็วมากๆคงไม่ใช่ อย่าน้อยต้องทางโล่งจริงๆเพราะต้องคำนึงถึงเพื่อนๆที่ใช้เส้นทางด้วยครับ เรียกว่าต้องมีมารยาทครับ
แต่คิดว่ารถ แต่ละยี่ห้อไม่ได้ถูก set มาให้ขับใช้งานแบบTop Speed หรอกครับ ในทุกๆวันหรอกครับ
แต่ที่เราTest ความเร็วTop Speed กัน ผมว่าเป็นความสนองความต้องการของคนขับเพื่อที่จะทราบถึงการ set รถมาจากโรงงานนั้นมาดีเพียงใด
เพราะหากช่วงล่างถูกSetมาดีคุณก็ ไม่ต้องไปเสียตังเปลี่ยนโช๊คอัพหรือsetช่วงล่างใหม่ครับ
Focus และ Mazda 3 เป็นรถSetมาดีจากโรงงานครับ นอกนั้นขับได้เช่นกัน แต่ไม่ดีเท่าfocus และ Mazda 3
จะซื้อหรือไม่ซื้อ ผมว่าคนที่ตั้งกระทู้มา มีอยู่ในใจอยู่แล้วครับ ว่าชอบอะไร ต่อให้ทุกคนเชียร์320d ก็ใช่ว่าจะตัดสินใจซื้อมันครับ
-
อยากแสดงความคิดเห็น ก็แสดงกันไปครับ
แต่จะ เริ่ม การเตือนครั้งที่ 1 กับสมาชิกที่ชื่อ Kman
ถ้าจะตอบอย่างที่ตอบๆมา กรุณา เก็บไว้ไปตอบในเว็บอื่นที่คุณเคยอยู่ครับ
เราไม่ต้อนรับข้อความดูถูก ดูหมิ่น และเสียดสี ใส่ร้าย หรือสร้างปัญหาใดๆทั้งสิ้น
ขอให้โปรดรับทราบเอาไว้ด้วยครับ
-
ขอโทษ จขกท ที่ผมขอออกนอกประเด็นที่คุณถาม
ุ้แรงกด หน้า แรงยกหลังครับ สั้น ๆ ผมอ่านมาหมดแล้วล่ะครับ พวกหลักอากาศ ตอนนี้เอาไปทิ้งทะเลหมดแล้ว 555 ขอบคุณที่เอามให้อ่าน อ่านมาตั้งหลายปีแล้วครับเบื่อแล้ว แรงกดหน้ามันจะ inverse กับหลังสำหรับรถ "ที่ออกแบบมาด้วยหลักอากาศพลศาตร์" แต่ ถ้าคุณยังยันว่ามันจะยกทั้งหน้า ทั้งหลังพร้อมกัน ก็ไม่ว่าครับ นานาัทัศนะ เอกสารที่คุณอิงมาก็แนะไว้แล้ว นี่นานะ รถมีสองเพลานะครับ หน้าหลัง จุดหมุนสองจุด ถ้าแรงยกหน้าเป็นลบน้อยกว่าหลัง แล้วแรงลมกดบนกระโปรงหน้ามากกว่ากระโปรงหลัง มันก็เป็นแรงกดสิครับ
จริง ลืมไป ลองขับซํก 160 ดูก็ได้นี่ครับ แล้วดูว่า โช๊คสปริงคู่หน้าถูกกดลง หรือว่า มันโดนงัดขึ้นครับ เห็น ๆ เลย นี่แหละ ประสพการณ์ครับ :-)
คุณ jaesz ครับ นอกจากคำพูดของคุณว่าลองมาแล้ว อ่านมาแล้ว ไม่มีหลักฐานอะไรอีกเลยครับ
ทั้งๆที่ผมนำบทความทั้งจาก ผู้ผลิต/หน่วยงานวิจัย/เวบทดสอบรถ มาแย้งความเชื่อของคุณ
คุณก็ยังไปน้ำขุ่นๆได้อีก พอเหตุผลไม่ได้ หลักฐานไม่มี ก็บอกว่าอ่านมาหมดจนเบื่อจะอ่านแล้ว
ถ้าผมบอกว่าผมทั้งอ่านทั้งทำวิจัยและสอนเรื่องนี้โดยตรงล่ะครับ
ยิ่งประโยคที่เป็นสีเหลือง ยิ่งข้างๆคูๆมากครับ ลองนึกคิดดูดีๆ ผมกำลังบอกคุณว่า Lift Coefficient เป็นบวก ทั้งหน้าและหลัง โดยอ้างอิงจากบทความที่แปะไว้ให้
ที่คุณว่าคุณอ่านอากาศพลศาสตร์มาแล้ว พอเห็นประโยคสีเหลืองนี้ ผมเชื่อที่คุณบอกเลยครับว่าคุณเอาความรู้โยนทิ้งทะเลไปหมดแล้ว รวมทั้งฟิสิกส์ด้วย
แล้วคุณขับ 160 คุณดูยังไงครับว่าช่วงล่างยุบตัวหรือยกขึ้น ทั้งๆที่ Lift Coefficient ของรถทั่วไปมีค่า 0.02 ถึง 0.15
ยิ่งพอกระจายแรงยกไปแต่ละล้อแล้ว มันยิ่งเหลือน้อย แม้จะคูณด้วยพื้นที่ ความหนาแน่น และ Dynamic Pressure ที่ 50 m/s ก็ตาม
ผมละสงสัยจริงๆ ว่าคุณจะดูยังไง ใช้ความรู้สึก? เปิดกระจกโผล่หัวไปดู? ให้เพื่อนขับเทียบข้าง?
จะความเร็วเท่าไหร่ ผลการทดสอบจาก CFD และอุโมงค์ลม ที่ผมแปะไว้ให้ มันแย้งกับความเชื่อและประสบการณ์คุณทั้งนั้นครับ
มันไม่ใช่ความคิดของผมครับ แต่เป็นตัวเลขที่ได้จากการคำนวน CFD และทดลองจากหลายหน่วยงาน
ถ้าเป็นความคิดเห็นที่แตกต่าง ผมยอมรับฟังครับ แต่ถ้าเป็นความเชื่อที่พิสูจน์แล้วว่ามันผิด ผมจึงขอแย้ง
เพราะอากาศพลศาสตร์เป็นวิทยาศาสตร์/วิศวกรรม ที่ต้องพูดกันด้วยทฤษฎี แต่พิสูจน์ด้วย CFD และการทดลอง ไม่ใช่ความเชื่อและทัศนะ
คิดว่าไม่มีข้อความที่รุนแรงเกินไปนะครับ
-
เต็มที่ครับ....ไม่ว่ากัน
-
ขอโทษ จขกท ที่ผมขอออกนอกประเด็นที่คุณถาม
ุ้แรงกด หน้า แรงยกหลังครับ สั้น ๆ ผมอ่านมาหมดแล้วล่ะครับ พวกหลักอากาศ ตอนนี้เอาไปทิ้งทะเลหมดแล้ว 555 ขอบคุณที่เอามให้อ่าน อ่านมาตั้งหลายปีแล้วครับเบื่อแล้ว แรงกดหน้ามันจะ inverse กับหลังสำหรับรถ "ที่ออกแบบมาด้วยหลักอากาศพลศาตร์" แต่ ถ้าคุณยังยันว่ามันจะยกทั้งหน้า ทั้งหลังพร้อมกัน ก็ไม่ว่าครับ นานาัทัศนะ เอกสารที่คุณอิงมาก็แนะไว้แล้ว นี่นานะ รถมีสองเพลานะครับ หน้าหลัง จุดหมุนสองจุด ถ้าแรงยกหน้าเป็นลบน้อยกว่าหลัง แล้วแรงลมกดบนกระโปรงหน้ามากกว่ากระโปรงหลัง มันก็เป็นแรงกดสิครับ
จริง ลืมไป ลองขับซํก 160 ดูก็ได้นี่ครับ แล้วดูว่า โช๊คสปริงคู่หน้าถูกกดลง หรือว่า มันโดนงัดขึ้นครับ เห็น ๆ เลย นี่แหละ ประสพการณ์ครับ :-)
คุณ jaesz ครับ นอกจากคำพูดของคุณว่าลองมาแล้ว อ่านมาแล้ว ไม่มีหลักฐานอะไรอีกเลยครับ
ทั้งๆที่ผมนำบทความทั้งจาก ผู้ผลิต/หน่วยงานวิจัย/เวบทดสอบรถ มาแย้งความเชื่อของคุณ
คุณก็ยังไปน้ำขุ่นๆได้อีก พอเหตุผลไม่ได้ หลักฐานไม่มี ก็บอกว่าอ่านมาหมดจนเบื่อจะอ่านแล้ว
ถ้าผมบอกว่าผมทั้งอ่านทั้งทำวิจัยและสอนเรื่องนี้โดยตรงล่ะครับ
ยิ่งประโยคที่เป็นสีเหลือง ยิ่งข้างๆคูๆมากครับ ลองนึกคิดดูดีๆ ผมกำลังบอกคุณว่า Lift Coefficient เป็นบวก ทั้งหน้าและหลัง โดยอ้างอิงจากบทความที่แปะไว้ให้
ที่คุณว่าคุณอ่านอากาศพลศาสตร์มาแล้ว พอเห็นประโยคสีเหลืองนี้ ผมเชื่อที่คุณบอกเลยครับว่าคุณเอาความรู้โยนทิ้งทะเลไปหมดแล้ว รวมทั้งฟิสิกส์ด้วย
แล้วคุณขับ 160 คุณดูยังไงครับว่าช่วงล่างยุบตัวหรือยกขึ้น ทั้งๆที่ Lift Coefficient ของรถทั่วไปมีค่า 0.02 ถึง 0.15
ยิ่งพอกระจายแรงยกไปแต่ละล้อแล้ว มันยิ่งเหลือน้อย แม้จะคูณด้วยพื้นที่ ความหนาแน่น และ Dynamic Pressure ที่ 50 m/s ก็ตาม
ผมละสงสัยจริงๆ ว่าคุณจะดูยังไง ใช้ความรู้สึก? เปิดกระจกโผล่หัวไปดู? ให้เพื่อนขับเทียบข้าง?
จะความเร็วเท่าไหร่ ผลการทดสอบจาก CFD และอุโมงค์ลม ที่ผมแปะไว้ให้ มันแย้งกับความเชื่อและประสบการณ์คุณทั้งนั้นครับ
มันไม่ใช่ความคิดของผมครับ แต่เป็นตัวเลขที่ได้จากการคำนวน CFD และทดลองจากหลายหน่วยงาน
ถ้าเป็นความคิดเห็นที่แตกต่าง ผมยอมรับฟังครับ แต่ถ้าเป็นความเชื่อที่พิสูจน์แล้วว่ามันผิด ผมจึงขอแย้ง
เพราะอากาศพลศาสตร์เป็นวิทยาศาสตร์/วิศวกรรม ที่ต้องพูดกันด้วยทฤษฎี แต่พิสูจน์ด้วย CFD และการทดลอง ไม่ใช่ความเชื่อและทัศนะ
คิดว่าไม่มีข้อความที่รุนแรงเกินไปนะครับ
ตอบสุดท้ายแล้วนะครับ
คุณอ่านมาเยอะ น่าจะรู้จัก Downforce กับ Aerodynamic Drag นะครับ do search นะครับ มัน Reverse กัน
ที่ผมอธิบาย จุดหมุนสองจุดหมายถึง ถ้ามีจุดเดียวไม่มีเพลาขับ แรงบิดที่ล้อไม่หมุนรถลงพื้น รถจะลอยแบบเครื่องบินครับ เพราะเขาจะ reverse Downforce
บอกก็ได้ครับ ผมเคยทำงานโรงงาน ซี17 ครับ ลองบีช แคลิฟอเนีย ถ้าอยากคุยกันจริง ๆ Wind Tunnel อะไรเนี่ย ผมเดินมาหมดแล้วล่ะครับ คุยกันได้ ทำตั้งแต่สมัยได้แมคโดนัลดักลาสมาเป็นโบ นั่นแหละครับ
ถึงจะนานมาแล้ว แต่ผมก็ยังพอรู้ครับ ว่ารถก็ออกแบบตามนี้ เพราะรถหลายยี่ห้อ ก็มายืมใช้ Wind Tunnel ที่นั่นจริง ๆ ไม่ได้ดีไซน์กันมั่ว ๆ
ยืนยันว่าแรงกดหน้า และ drag ท้ายรถ มันต้องมีครับ และ แรงยกใต้รถมันไม่มีทางชนะcar weight torque and wind pressure at front hood for sure. ฉะนั้น โช๊คและสปริงที่ล้อหน้าถึงถูกกดลง
ส่วนเรื่องล้อหน้า โช๊คยุบตอนผมขับเองก็มองสิครับ ขอบกระโปรงกับถนนมันเห็น ๆ นะ หรือไม่ ก็เอากล้องติดสิครับ หาใน youtube ก็มีให้ดูครับ ไม่ต้องให้ผมหาให้หรอกมั้งครับ ? :-)
ผมว่าประเด็นคือ ที่ผมพูดว่า รถถูกกดด้วยแรงลมที่หน้ารถ นะครับ ทำให้มันยาวใช่ไหม ? ซึ่งผมก็อธิบายด้วย Downforce นะครับ ถ้าจะถก ก็ถกประเด็นนี้ ผมเชื่อว่าคุณวิจัยโดยตรงครับ ถกกันได้ครับ หลักฐานที่ผมรู้ เอามาแปะให้ไม่ได้จริง ๆ ครับ แต่ถ้าเอาตามเว็บ นักวิจัยอย่างคุณหาคำว่า Downforce หรือ หาดูภาพสปริงถูกกดที่ความเร็วสูงในกูเกิ้นไม่ยากนะครับ
-
อ๋อ ทำงานคล้ายกันครับ ผมทำเคย Reseach ที่ TUDelft ทั้ง CFD และ Wind Tunnel ทั้ง Subsonic ถึง Supersonic เหลือตัว Mach 6 Hypersonic ยังไม่ได้ทำครับ ลาออกกลับมาก่อน และโชคดีได้ไปดูที่ DNW German-Dutch Wind Tunnels ที่ Amsterdam สมัยรับงาน F35 มาทำ PIV ในอุโมงค์ลม แต่ยังไง จากข้อมูลในแลบ ผลการทดลอง บทความวิชาการ ผมเห็นต่างจากคุณมากทีเดียวครับ สุดท้ายสำหรับกระทู้นี้เหมือนกันครับ ไว้ทักทายกันกระทู้อื่นได้ครับ
-
เทพ...กันทั้งคู่....สุดยอดๆๆ
-
จะทะเลาะกันไปทำไมครับ
ผมมี 320d สุดท้ายไม่เอาครับ ตอนนี้ทั้งเมียทั้งลูกเอาไปใช้แทน
มันสุดแสนกระด้างครับ ดิบในอารมณ์ยังกะรถแข่ง
ยางรันแฟลทก็ไม่มีคำว่าปราณีต่อบั้นท้าย ถ้านั่งหลังมีอ๊วกง่ายๆ
เกาะถนนไหมครับ เกาะครับ เกาะแบบหนักๆหน่วงๆ
เข้าออกก็ลำบากครับ อย่างน้อยก็สำหรับผม
พวงมาลัย โอย หนักมาก หนักทุกความเร็ว บีเอ็มไม่ได้ใส่
servotronics มาให้ ไม่รู้จะงกไปถึงไหน ขับเดี๋ยวเดียวมีล้า
ขับแล้วเหนื่อยครับ เบาะหน้า lateral support ไม่พอครับ
สู้กับการเกาะโค้งของช่วงล่างไม่ได้ ต้องเอี้ยวตัวสู้ เหนื่อยอีก
ผมได้มีโอกาสไปลอง Focus TDCi โอ๊ะ ใช่เลย เบาะหน้าห่วย
กว่าบีเอ็มอีก แบนราบเลย แต่ก็นั่งได้สูงสบายกว่า เข้าออกง่าย
เมื่อได้ขับ เออ พวงมาลัยเซ็ทมาดีแฮะไม่หนักไม่เบา แถมไม่
dead แบบ 320d คม คุมง่าย เครื่องละ กดก็มาดี ไม่กระโชกโฮกฮาก
ผู้ดีกว่าเยอะเลย อย่างนี้คนนั่งหลังพอจะพักผ่อนได้
สุดท้าย เฮ้อ ทำไมสามปีก่อนไม่มาลองไอ้นี่ละวะ อ้อ นึกออกแล้ว
คุณเมียไม่ชอบ ไม่เท่ห์ ผู้หญิงยังไงก็ต้องเป็น เบ๊นช์ บีเอ็มไว้ก่อน
เอาวะ ยอมโง่ ยอมไม่เท่ห์ ไปจองไว้เลย รถที่ตกรุ่นนี่แหละ
รถข้าขับ ข้าขอเลือกเอง