Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 12:40:31

หัวข้อ: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 12:40:31
ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง

....

ผมขอแสดงความคิดเห็นแบบตรงๆนะครับ ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง คำว่าไม่เก่งนี่คือ เทียบกับผู้บริหารโตโยต้า ฮอนด้า และนิสสัน

และแถมยังดูถูกรถตัวเอง

ผมรู้ว่า มาสด้าไทยแลนด์ อยากจะนำ CX5 กับ 6  เข้ามาขายใจจะขาด
แต่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับที่ญี่ปุ่น

ตั้งแต่มาสด้า3แล้ว  กว่าจะเข้ามาขาย เมืองนอกก็ปรับโฉมไมเนอร์ไป3ครั้งแล้ว
พอเข้ามาขายได้ปีกว่า ลูกค้าขับได้ปีเดียว ก็มีภาพหลุดของมาสด้า3 2014 ออกมา 
แบบนี้ยอดขายมันจะไม่แป๊กได้ไง  ถามว่าอายุตลาดมาสด้า3ตัวปัจจุบันที่มาขายในไทย มันเพิ่ง2ปีเท่านั้น แต่ตอนนี้มีใครกล้าซื้อ ถ้าติดตามข่าวสารก็จะรู้ว่ามันใกล้จะตกรุ่นแล้ว 

CX5 กระแสแรงมากๆตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ก็ไม่คิดจะรีบนำเข้ามา ตัดหน้า CRV2012 ตอนนี้กระแสดับหมดแล้ว ผมเชื่อว่าออกมาปลายปีนี้ตามกำหนด มันก็ไม่แรงเหมือนเดิมแล้ว  และที่สำคัญรถมันเปิดตัวในญี่ปุ่นมาจะ2ปีแล้ว ลูกค้าไทยซื้อไปไม่ถึงปี คอยดูสิ มันจะมีภาพหลุดไมเนอร์เช้นจ์ออกมา คนที่จะซื้อก็ต้องลังเล ส่วนคนที่ซื้อไปขับได้ไม่ถึงปี แล้วเมืองนอกไมเนอร์เช้นจ์ ก็อาจเสียความรู้สึก

สำหรับ Mazda 6 ถ้าไม่นำเข้ามาขายก็ แสดงให้เห็นเลยว่า ผู้บริหารที่ญี่ปุ่นดูถูกรถตัวเอง เพราะคิดว่ามันจะขายสู้แคมรี่ แอคคอร์ด เทียน่าไม่ได้
เลยคิดว่าไม่คุ้มที่จะนำเข้ามา  ถ้าไลน์ผลิตในไทยไม่พอ ก็ขยายโรงงานสิ ยี่ห้ออื่นเขาก็ใช้ไทยเป็นฐานผลิตส่งไปทั่วโลก 

ถ้าเจ๋งจริง ก็ต้องเอามาประกอบขายในไทย หรือนำเข้ามาขายเลย จะกลัวอะไรว่าจะไม่คุ้ม ถ้าคิดว่ามันดีจริง เจ๋งจริง ทำไมถึงคิดว่าจะขายสู้แคมรี่ แอคคอร์ด ไม่ได้ ขนาดเทียน่ายังสามารถคว่ำG8ได้เลย  ถ้ายี่ห้ออื่นขาย D-segment แล้วคุ้ม ทำไมมาสด้าจะทำไม่ได้

มาสด้าเป็นอะไรที่ช้าตลอด การอ้างเรื่อง ไลน์เต็ม โรงงานไม่พร้อม นั่น นู่น นี่  มันก็คือข้ออ้างนั่นแหละ
เพราะในเมื่อ โตโยต้า นิสสัน ฮอนด้า เขาทำได้  แต่ตัวเองทำไม่ได้ มันก็คือไม่เก่งนั่นแหละ 

หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Iwata Kana Σ4 ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 12:57:30
ส่วนตัวคิดว่า Mazda Conservative เกินไปนิดนะ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: fishfinger ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 12:58:18
คิดมากจังท่าน

ปล. Mazda3 ผมว่าไม่แป็กนะ ขนาดโฆษณาน้อยมาก พรีเซนเตอ์ก็ไม่ดัง ยังขายได้พอสมควร

เท่าที่ขับในกทม. เจอพอๆกะครูซกะซิลฟี่ ที่โฆษณามากกว่า 5dr เห็นบ่อยมาก
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: KIAT ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 13:03:23
เห็นด้วย ผบห.ปอดแหกมาก ยุคสมัยเปลี่ยนมากแล้ว ผบห.ยังฝังใจกับอดีตที่เคยล้มเหลว

คนไทยที่ซื้อรถราคาเกินล้านเต็มถนน ไม่ใช่10ปีก่อน ทีใครซื้อรถล้านกว่าดูรวยมาก
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Buffy ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 13:08:48
ผู้บริหารคงมองข้ามช๊อตแล้วว่า

Mazda ต้องเอาเข้ามาขายตอน Minor change ดีที่สุดมั๊งครับ.........เหมือน Mazda2
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: fhasociety ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 13:11:39
รู้จักฉายาของมาสด้าป่าวค่ะ ยึดฉายาีนี้มาแบบเหนียว แน่น หนึบ เป็นสิบปีแล้ว "เจ้าพ่อตลาดวาย" ;D

เมื่อก่อนนิสสันเคยเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้ปรับเปลี่ยนไปแล้ว ยังเหลือแต่มาสด้า ที่ยังครองแชมป์ :D
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: J!MMY ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 13:14:50
ใครบางคน ใน Mazda เคยบอกกับผมไว้ว่า

คนญี่ปุ่นที่ Mazda หนะ ทำรถดี แต่มันขายไม่เป็น!

ถ้าแต่ก่อน ย้อนไปสัก 10 - 20 ปีที่แล้ว หรือก่อน Mazda 3 รุ่นแรกเปิดตัวหนะ

"จริงเลย ใช่ ไม่เถียง"

แต่ทุกวันนี้ ด้วยความพยายามผลักดันของ เอเจนซีโฆษณาหลายราย
ที่ร่วมงานกับ Mazda กันมา ทั้ง ที่ออสเตรเลีย ทั้ง J Walter Thompson และ Hakuhodo ญี่ปุ่น

Mazda ก็มีตัวเลขยอดขายที่ดีขึ้นได้ในระดับโลก รวมทั้งในบ้านเรา

อย่างไรก็ตาม

ความเสี่ยงในการทำธุรกิจรถยนต์
แตกต่างจาก การลงทุนทำขนมปังขายมากๆ ครับ

ขนมปัง เจ๊งที แค่ ไม่กี่หมื่นบาท หรืออาจจะไม่เกิน แสนบาท

แต่สำหรับรถยนต์ ถ้าเจ๊งทีนึง มันเจ๊งกันเป็น "พันล้าน"
และผลที่ตามมา อาจจะไม่ใช่แค่ ตัวเลขงบดุลติดตัวแดง
แต่มันจะรวมถึง ราคาหุ้นที่ร่วงลงต่ำ ผู้ถือหุ้นสวดยับ
กดดัน CEO ให้พิจารณาตัวเอง ขวัญและกำลังใจพนักงานตกต่ำลง
การสังซื้อชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ ก็จะลดน้อยลง บริษัทซัพพลายเออร์
ก็จะได้รับผลกระทบด้วย ฯลฯ อีกมากมาย

คือมันกระทบไปเป็นลูกโซ่ ครับ

ทั้งห่วงโซ่ ทั้งวงจร เลยละ!

เขาถึงต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วน

ปัญหาหนึ่ง ของความเสี่ยงในการนำรถเข้ามาขายคือ
การ พยากรณ์ตัวเลขยอดขาย ที่คาดว่าจะได้รับ

คุณต้องดูด้วยว่า ตลาดนั้น ในขั้นต่ำ ภาพรวมอยู่ที่เดือนละกี่คัน
เจ้าตลาดขายได้ เดือนละกี่คัน

เอาอย่างนี้ จากสถิติตัวเลข ผมตีถัวเฉลี่ยให้

ตลาด D-Segment บ้านเรา ยอดขาย เดือนละ แค่ หลัก พันต้นๆ คัน

Camry เจ้าตลาด เฉลี่ยประมาณ 1,000 คัน/เดือน
"ยอดขายต่อเดือน มากกว่า Prius ที่ทุกวันนี้ เหลือแค่ เดือนละ 500 คัน ไม่เกินไปกว่านี้"

Teana ช่วง Peak สุด ขายได้ เดือนละ 500 คัน และตอนนี้ก็เริ่มร่วงไปตามอายุตลาดที่เหลืออีกไม่กี่เดือน
แต่ยังมีหลักร้อยอยู่ ป้วนเปี้ยนแถวๆ 300 คัน/เดือน

Accord ช่วงก่อนเปิดตัวรุ่นใหม่ ขายได้เดือนละ 300 คันนี่ก็ดีใจแล้ว
แต่พอรุ่นใหม่มา ก็เพิ่งจะตีตื้นขึ้นมาได้

ข้อเท็จจริงก็คือ ทุกวันนี้ ถ้าจะเอารถสักรุ่นเข้ามาผลิตขายในบ้านเรา
มันต้องขายได้เดือนละ 1,000 คัน ถึงจะคุ้มทุน!!

ต่างจากการนำเข้า ถ้านำเข้ามา เดือนละสัก 500 คัน ก็ยังพอเอาตัวรอดได้

ปัญหาคือ ต่อให้นำเข้า คุณจะนำเข้าจากที่ไหน?

ญี่ปุ่น ลืมไปได้เลย ภาษีนำเข้ายังสูงอยู่ เราทำข้อตกลงการค้า AFTA กับ ญี่ปุ่น
เฉพาะ รถระดับหรูไปเลย จำพวก Lexus เท่านั้น

ถ้าต้องการให้ภาษีนำเข้าเหลือ 5% ก็ต้องประกอบในละแวกย่านอาเซียนด้วยกัน

มาเลเซียตอนนี้ มีโรงงานอยู่ แต่ยอดขาย รถยนต์กลุ่ม D-Segment ในมาเลเซีย
ก็ไม่ได้สูงเท่าบ้านเรา จึงต้องพึ่งพาตลาดส่งออกอย่างไทยเป็นหลัก

ถ้ามาในโจทย์ข้างบนนี้ ก็น่าจะยังพอเป็นไปได้บ้าง

---------------------------------

จากที่คุยกับ Kanazawa-san มา

ผมมั่นใจว่า เขาไม่ได้ดูถูกตัวเองอย่างที่คุณกล่าวหาหรอกครับ

แต่แค่เขายังไม่มั่นใจ ว่ามันจะขายได้จริงหรือ เขายังเข้าใจคนไทยไม่มากพอ

วิธีการเดียวที่จะทำให้เขาเข้าใจก็คือ

พอ Mazda CX-5 มา ก็อุดหนุนกันเยอะๆ ครับ ภาพมันจะชัดขึ้น เขาจึงจะมั่นใจ

--------------------------------

เฮ้อ..พอเขียนอย่างนี้ เดี๋ยวก็หาว่าเชียร์ Mazda อีก
ยังก่อน ไว้รอให้ขับรถคันจริงก่อน มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ก็จะแจกแจงให้ดูทั้งหมดตามเคยนั่นละ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: dht_tubes ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 13:22:59
เห็นด้วยกับที่คุณจิมมี่เขียนนะ

มันตรงมากๆ โดยเฉพาะมันไม่เหมือนทำขนมปังขาย เพราะเวลาเจ๊งที่ มันแทบล้มละลาย ยิ่งบริษัทขนาดเล็ก ถ้าพังเพราะโปรเจคไหนก็แล้วแต่ แทบล้มทั้งยืนทั้งนั้น

ใครไม่เคยเจอกับตัวเข้าใจได้ยากครับว่าเวลาขาดทุนทีละหลายร้อย หรือ หลายพันล้าน มันรู้สึกอย่างไร
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 13:29:44
ใครบางคน ใน Mazda เคยบอกกับผมไว้ว่า

คนญี่ปุ่นที่ Mazda หนะ ทำรถดี แต่มันขายไม่เป็น!

ถ้าแต่ก่อน ย้อนไปสัก 10 - 20 ปีที่แล้ว หรือก่อน Mazda 3 รุ่นแรกเปิดตัวหนะ

"จริงเลย ใช่ ไม่เถียง"

แต่ทุกวันนี้ ด้วยความพยายามผลักดันของ เอเจนซีโฆษณาหลายราย
ที่ร่วมงานกับ Mazda กันมา ทั้ง ที่ออสเตรเลีย ทั้ง J Walter Thompson และ Hakuhodo ญี่ปุ่น

Mazda ก็มีตัวเลขยอดขายที่ดีขึ้นได้ในระดับโลก รวมทั้งในบ้านเรา

อย่างไรก็ตาม

ความเสี่ยงในการทำธุรกิจรถยนต์
แตกต่างจาก การลงทุนทำขนมปังขายมากๆ ครับ

ขนมปัง เจ๊งที แค่ ไม่กี่หมื่นบาท หรืออาจจะไม่เกิน แสนบาท

แต่สำหรับรถยนต์ ถ้าเจ๊งทีนึง มันเจ๊งกันเป็น "พันล้าน"
และผลที่ตามมา อาจจะไม่ใช่แค่ ตัวเลขงบดุลติดตัวแดง
แต่มันจะรวมถึง ราคาหุ้นที่ร่วงลงต่ำ ผู้ถือหุ้นสวดยับ
กดดัน CEO ให้พิจารณาตัวเอง ขวัญและกำลังใจพนักงานตกต่ำลง
การสังซื้อชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ ก็จะลดน้อยลง บริษัทซัพพลายเออร์
ก็จะได้รับผลกระทบด้วย ฯลฯ อีกมากมาย

คือมันกระทบไปเป็นลูกโซ่ ครับ

ทั้งห่วงโซ่ ทั้งวงจร เลยละ!

เขาถึงต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วน

ปัญหาหนึ่ง ของความเสี่ยงในการนำรถเข้ามาขายคือ
การ พยากรณ์ตัวเลขยอดขาย ที่คาดว่าจะได้รับ

คุณต้องดูด้วยว่า ตลาดนั้น ในขั้นต่ำ ภาพรวมอยู่ที่เดือนละกี่คัน
เจ้าตลาดขายได้ เดือนละกี่คัน

เอาอย่างนี้ จากสถิติตัวเลข ผมตีถัวเฉลี่ยให้

ตลาด D-Segment บ้านเรา ยอดขาย เดือนละ แค่ หลัก พันต้นๆ คัน

Camry เจ้าตลาด เฉลี่ยประมาณ 1,000 คัน/เดือน
"ยอดขายต่อเดือน มากกว่า Prius ที่ทุกวันนี้ เหลือแค่ เดือนละ 500 คัน ไม่เกินไปกว่านี้"

Teana ช่วง Peak สุด ขายได้ เดือนละ 500 คัน และตอนนี้ก็เริ่มร่วงไปตามอายุตลาดที่เหลืออีกไม่กี่เดือน
แต่ยังมีหลักร้อยอยู่ ป้วนเปี้ยนแถวๆ 300 คัน/เดือน

Accord ช่วงก่อนเปิดตัวรุ่นใหม่ ขายได้เดือนละ 300 คันนี่ก็ดีใจแล้ว
แต่พอรุ่นใหม่มา ก็เพิ่งจะตีตื้นขึ้นมาได้

ข้อเท็จจริงก็คือ ทุกวันนี้ ถ้าจะเอารถสักรุ่นเข้ามาผลิตขายในบ้านเรา
มันต้องขายได้เดือนละ 1,000 คัน ถึงจะคุ้มทุน!!

ต่างจากการนำเข้า ถ้านำเข้ามา เดือนละสัก 500 คัน ก็ยังพอเอาตัวรอดได้

ปัญหาคือ ต่อให้นำเข้า คุณจะนำเข้าจากที่ไหน?

ญี่ปุ่น ลืมไปได้เลย ภาษีนำเข้ายังสูงอยู่ เราทำข้อตกลงการค้า AFTA กับ ญี่ปุ่น
เฉพาะ รถระดับหรูไปเลย จำพวก Lexus เท่านั้น

ถ้าต้องการให้ภาษีนำเข้าเหลือ 5% ก็ต้องประกอบในละแวกย่านอาเซียนด้วยกัน

มาเลเซียตอนนี้ มีโรงงานอยู่ แต่ยอดขาย รถยนต์กลุ่ม D-Segment ในมาเลเซีย
ก็ไม่ได้สูงเท่าบ้านเรา จึงต้องพึ่งพาตลาดส่งออกอย่างไทยเป็นหลัก

ถ้ามาในโจทย์ข้างบนนี้ ก็น่าจะยังพอเป็นไปได้บ้าง

---------------------------------

จากที่คุยกับ Kanazawa-san มา

ผมมั่นใจว่า เขาไม่ได้ดูถูกตัวเองอย่างที่คุณกล่าวหาหรอกครับ

แต่แค่เขายังไม่มั่นใจ ว่ามันจะขายได้จริงหรือ เขายังเข้าใจคนไทยไม่มากพอ

วิธีการเดียวที่จะทำให้เขาเข้าใจก็คือ

พอ Mazda CX-5 มา ก็อุดหนุนกันเยอะๆ ครับ ภาพมันจะชัดขึ้น เขาจึงจะมั่นใจ

--------------------------------

เฮ้อ..พอเขียนอย่างนี้ เดี๋ยวก็หาว่าเชียร์ Mazda อีก
ยังก่อน ไว้รอให้ขับรถคันจริงก่อน มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ก็จะแจกแจงให้ดูทั้งหมดตามเคยนั่นละ

ขอบคุณ คุณจิมมี่ ที่เข้ามาร่วมแชร์ความเห็นครับ

ผมคิดว่า ผู้บริหารมาสด้าญี่ปุ่น ควรจะลุยตลาดเมืองไทยแบบเต็มสูบได้แล้ว
ลูกค้าไทยทุกวันนี้ ไม่ใช่เหมือนเมือก่อน ที่จะต้องซื้อแต่รถเจ้าตลาด
คนรุ่นใหม่ กล้าที่จะซื้อรถที่ตัวเองคิดว่าใช่  

เท่าที่ผมสัมผัสมาสด้ามา  อย่างมาสด้า3 ผมคิดว่ามาสด้าทำรถใช้วัสดุดีกว่า เจ้าตลาดอีกนะครับ คุณภาพการขับขี่ก็ถือว่าเหนือกว่า

และถ้ามองว่า ตลาด D-segment รวมขายได้แค่พันกว่าคันต่อเดือน แล้วจะไม่คุ้ม
มาสด้าไม่คิดบ้างเรอะครับ ว่าตลาดนี้มันจะโต มันจะขยายขึ้นไปอีก  ทำไมมาสด้าคิดว่า มาสด้า6ต้องเข้ามาแบ่งเค้กก้อนนี้อย่างเดียว ทำไมไม่คิดว่าตลาดรวมมันจะมียอดขายมากขึ้น  หรือต่อให้ตลาดรวมตัวเลขไม่เพิ่ม  ก็น่าจะคิดว่าถ้าเทียน่า แอคคคอร์ด เขายังมีกำไร ทำไมมาสด้า6 จะทำแล้วไม่คุ้ม  

ผมเชียร์สุดตัวเลยนะ เอาเข้ามาขายเถอะ

ถ้าทำราคาดีๆ ออฟชั่นดีๆ การขับขี่สุดยอดอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องกลัวคู่แข่งเลย
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 14:10:48
ถ้าเอาเข้ามาขายแล้วขาดทุน ก็อย่าเอาเข้ามาดีกว่าครับ

ภาพลักษณ์ก็ไม่ดีด้วย

ขายรถที่ตนเองถนัดดีกว่าครับ ;)
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: yacoolsa9 ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 14:15:45
ใครบางคน ใน Mazda เคยบอกกับผมไว้ว่า

คนญี่ปุ่นที่ Mazda หนะ ทำรถดี แต่มันขายไม่เป็น!

ถ้าแต่ก่อน ย้อนไปสัก 10 - 20 ปีที่แล้ว หรือก่อน Mazda 3 รุ่นแรกเปิดตัวหนะ

"จริงเลย ใช่ ไม่เถียง"

แต่ทุกวันนี้ ด้วยความพยายามผลักดันของ เอเจนซีโฆษณาหลายราย
ที่ร่วมงานกับ Mazda กันมา ทั้ง ที่ออสเตรเลีย ทั้ง J Walter Thompson และ Hakuhodo ญี่ปุ่น

Mazda ก็มีตัวเลขยอดขายที่ดีขึ้นได้ในระดับโลก รวมทั้งในบ้านเรา

อย่างไรก็ตาม

ความเสี่ยงในการทำธุรกิจรถยนต์
แตกต่างจาก การลงทุนทำขนมปังขายมากๆ ครับ

ขนมปัง เจ๊งที แค่ ไม่กี่หมื่นบาท หรืออาจจะไม่เกิน แสนบาท

แต่สำหรับรถยนต์ ถ้าเจ๊งทีนึง มันเจ๊งกันเป็น "พันล้าน"
และผลที่ตามมา อาจจะไม่ใช่แค่ ตัวเลขงบดุลติดตัวแดง
แต่มันจะรวมถึง ราคาหุ้นที่ร่วงลงต่ำ ผู้ถือหุ้นสวดยับ
กดดัน CEO ให้พิจารณาตัวเอง ขวัญและกำลังใจพนักงานตกต่ำลง
การสังซื้อชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ ก็จะลดน้อยลง บริษัทซัพพลายเออร์
ก็จะได้รับผลกระทบด้วย ฯลฯ อีกมากมาย

คือมันกระทบไปเป็นลูกโซ่ ครับ

ทั้งห่วงโซ่ ทั้งวงจร เลยละ!

เขาถึงต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วน

ปัญหาหนึ่ง ของความเสี่ยงในการนำรถเข้ามาขายคือ
การ พยากรณ์ตัวเลขยอดขาย ที่คาดว่าจะได้รับ

คุณต้องดูด้วยว่า ตลาดนั้น ในขั้นต่ำ ภาพรวมอยู่ที่เดือนละกี่คัน
เจ้าตลาดขายได้ เดือนละกี่คัน

เอาอย่างนี้ จากสถิติตัวเลข ผมตีถัวเฉลี่ยให้

ตลาด D-Segment บ้านเรา ยอดขาย เดือนละ แค่ หลัก พันต้นๆ คัน

Camry เจ้าตลาด เฉลี่ยประมาณ 1,000 คัน/เดือน
"ยอดขายต่อเดือน มากกว่า Prius ที่ทุกวันนี้ เหลือแค่ เดือนละ 500 คัน ไม่เกินไปกว่านี้"

Teana ช่วง Peak สุด ขายได้ เดือนละ 500 คัน และตอนนี้ก็เริ่มร่วงไปตามอายุตลาดที่เหลืออีกไม่กี่เดือน
แต่ยังมีหลักร้อยอยู่ ป้วนเปี้ยนแถวๆ 300 คัน/เดือน

Accord ช่วงก่อนเปิดตัวรุ่นใหม่ ขายได้เดือนละ 300 คันนี่ก็ดีใจแล้ว
แต่พอรุ่นใหม่มา ก็เพิ่งจะตีตื้นขึ้นมาได้

ข้อเท็จจริงก็คือ ทุกวันนี้ ถ้าจะเอารถสักรุ่นเข้ามาผลิตขายในบ้านเรา
มันต้องขายได้เดือนละ 1,000 คัน ถึงจะคุ้มทุน!!

ต่างจากการนำเข้า ถ้านำเข้ามา เดือนละสัก 500 คัน ก็ยังพอเอาตัวรอดได้

ปัญหาคือ ต่อให้นำเข้า คุณจะนำเข้าจากที่ไหน?

ญี่ปุ่น ลืมไปได้เลย ภาษีนำเข้ายังสูงอยู่ เราทำข้อตกลงการค้า AFTA กับ ญี่ปุ่น
เฉพาะ รถระดับหรูไปเลย จำพวก Lexus เท่านั้น

ถ้าต้องการให้ภาษีนำเข้าเหลือ 5% ก็ต้องประกอบในละแวกย่านอาเซียนด้วยกัน

มาเลเซียตอนนี้ มีโรงงานอยู่ แต่ยอดขาย รถยนต์กลุ่ม D-Segment ในมาเลเซีย
ก็ไม่ได้สูงเท่าบ้านเรา จึงต้องพึ่งพาตลาดส่งออกอย่างไทยเป็นหลัก

ถ้ามาในโจทย์ข้างบนนี้ ก็น่าจะยังพอเป็นไปได้บ้าง

---------------------------------

จากที่คุยกับ Kanazawa-san มา

ผมมั่นใจว่า เขาไม่ได้ดูถูกตัวเองอย่างที่คุณกล่าวหาหรอกครับ

แต่แค่เขายังไม่มั่นใจ ว่ามันจะขายได้จริงหรือ เขายังเข้าใจคนไทยไม่มากพอ

วิธีการเดียวที่จะทำให้เขาเข้าใจก็คือ

พอ Mazda CX-5 มา ก็อุดหนุนกันเยอะๆ ครับ ภาพมันจะชัดขึ้น เขาจึงจะมั่นใจ

--------------------------------

เฮ้อ..พอเขียนอย่างนี้ เดี๋ยวก็หาว่าเชียร์ Mazda อีก
ยังก่อน ไว้รอให้ขับรถคันจริงก่อน มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ก็จะแจกแจงให้ดูทั้งหมดตามเคยนั่นละ

ขอบคุณ คุณจิมมี่ ที่เข้ามาร่วมแชร์ความเห็นครับ

ผมคิดว่า ผู้บริหารมาสด้าญี่ปุ่น ควรจะลุยตลาดเมืองไทยแบบเต็มสูบได้แล้ว
ลูกค้าไทยทุกวันนี้ ไม่ใช่เหมือนเมือก่อน ที่จะต้องซื้อแต่รถเจ้าตลาด
คนรุ่นใหม่ กล้าที่จะซื้อรถที่ตัวเองคิดว่าใช่  

เท่าที่ผมสัมผัสมาสด้ามา  อย่างมาสด้า3 ผมคิดว่ามาสด้าทำรถใช้วัสดุดีกว่า เจ้าตลาดอีกนะครับ คุณภาพการขับขี่ก็ถือว่าเหนือกว่า

และถ้ามองว่า ตลาด D-segment รวมขายได้แค่พันกว่าคันต่อเดือน แล้วจะไม่คุ้ม
มาสด้าไม่คิดบ้างเรอะครับ ว่าตลาดนี้มันจะโต มันจะขยายขึ้นไปอีก  ทำไมมาสด้าคิดว่า มาสด้า6ต้องเข้ามาแบ่งเค้กก้อนนี้อย่างเดียว ทำไมไม่คิดว่าตลาดรวมมันจะมียอดขายมากขึ้น  หรือต่อให้ตลาดรวมตัวเลขไม่เพิ่ม  ก็น่าจะคิดว่าถ้าเทียน่า แอคคคอร์ด เขายังมีกำไร ทำไมมาสด้า6 จะทำแล้วไม่คุ้ม  

ผมเชียร์สุดตัวเลยนะ เอาเข้ามาขายเถอะ

ถ้าทำราคาดีๆ ออฟชั่นดีๆ การขับขี่สุดยอดอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องกลัวคู่แข่งเลย
ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
ในฐานะวัยรุ่นคนหนึ่ง ผมเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ว่า
1. สมัยนี้แนวทางการซื้อรถของคนไทยเปลี่ยนแปลงไป แต่การเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้น เปลี่ยนไปกี่เปอร์เซ็นต์จากสมัยก่อนละครับ ถ้าเปลี่ยนแปลงเยอะจริง ๆ ทำไมเรายังเห็น vigo ที่ตัวรถไม่ได้ดีไป ford หรือ mazda เลย ออกมามากมายเกลื่อนถนน ทำไมเรายังเห็น อัลติส กับ ซีวิค ออกมามากมาย ทั้งที่ มาสด้า กับ ครูซ วัสดุกับช่วงล่างดีกว่า
2.สำหรับความคิดของผม ผมว่าการซื้อรถไม่ใช่แค่ว่าชอบแล้วซื้อครับ ตัวแปรมันเยอะมาก แต่ที่คนส่วนใหญ่จะมอง ไม่ใช่แค่มองว่าสวยแล้วจะไปซื้อครับ แต่คนส่วนใหญ่ จะมองว่า ศูนย์เป็นไง บริการหลังการขายล่ะ ปัญหาของรถ แล้วไหนจะทัศนคติต่อยี่ห้อที่ไม่ใช้เจ้าตลาดอีก ผู้ใหญ่ที่ผมเคยคุยด้วยหลายคน พอพูดถึง มาสด้า เชฟโลเรต ฮุนได ฟอร์ด เชื่อมั้ยครับ ผู้ใหญ่หลายส่ายหัว บางคนแถมคำด่ามาให้อีกต่างหาก
3.เรื่องที่พี่เจ้าของกระทู้บอกว่า ทำไมจะต้องมาแย่งแบ่งเค้กก้อนนี้กับเจ้าตลาด ความเห็นของผมคือ ประชากรของประเทศไทยไม่ได้มากมายแบบญี่ปุ่น หรือ อเมริกา ครับ ฉะนั้น สัดส่วนการซื้อรถหรือก้อนเค้กที่พี่เจ้าของกระทู้พูดถึง มันถึงมีไม่เยอะครับ อย่างที่พี่จิมมี่บอกว่า สัดส่วน D-seg ในบ้านเรา ขายได้ต่อเดือนก็ไม่ได้มากไปกว่า 2000 คัน ฉะนั้น ความคุ้มค่าที่จะเอารถเข้ามาขายนั้น ต้องคำนวณอย่างดีครับ

^^
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Iwata Kana Σ4 ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 14:20:24
อ้างถึง
"ยอดขายต่อเดือน มากกว่า Prius ที่ทุกวันนี้ เหลือแค่ เดือนละ 500 คัน ไม่เกินไปกว่านี้"
เห็นแล้วกลัวว่า Prius จะไปตาม Wish ยังไงไม่รู้สิ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: KIAT ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 14:39:45
ค้าขายไม่ใช่แต่เอาแต่ขายของถูก ของแพงก็ต้องมีโชว์ ของแพงขายได้น้อยกว่าเรื่องปกติครับ

ไม่งั้นภาพลักษ์ก็สู้เขาไม่ได้ ค้าขายกำไรมันถัวกันอยู่แล้ว  ถ้าอ้างว่ากลัวขายไม่ได้ ไม่คุ้ม ก็ทำแต่ตลาดล่างต่อไป

อย่าว่าแต่มาสด้าเลย ฟอร์ดก็พอกัน ไม่กล้าเอาเอสเคปใหม่มาขาย ทั้งที่ออกมาร่วม2ปีเช่นเดียวกัน

สรุปคือกลัวppvเจ้าตลาด 
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: YIM ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 14:41:48
Prius เนี่ย ผมมองว่า อย่างน้อย มันก็เป็น Halo Car ครับ คือยังไง Toyota ก็ต้องยื้อไว้เพื่อแสดงศักดิ์ศรีเจ้าพ่อ Hybrid เหมือนที่ Mazda พยายามยื้อ Rotary มาตลอด 30 ปีนั่นแหละ ประเภท "กินไม่ได้ แต่เท่ห์"
 
กรณี Mazda เนี่ย ใจผม ผมก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อว่า Mazda6 มันจะไปได้ในตลาดไทย ต่อให้จะได้ตัว wide-body ของทาง US มาก็ตาม เพราะ character ของตัวรถ มันค่อนข้างสวนทางกับตลาด D-Segment ของเมืองไทย ในช่วง 10 ปี มานี้ ที่ทำหน้าที่ รถภูมิฐาน ของคนที่สร้างฐานะได้แล้ว Mazda6 มันเหมาะกับขายประเภทที่คนที่ไม่รวยมาก หรือยังเด็กๆ ก็ซื้อรถใหญ่ขับได้มากกว่าครับ ประเทศที่รถใหญ่ มีแต่คนแก่ คนรวยที่ซื้อไหว อย่างบ้านเรา ผมว่าการทำตลาดก็ยาก เพราะคนที่ขับรถกลุ่มนี้ ก็ไม่ได้รวยขนาดจะไปบ้าความเป็น sport จี้ดจ้าดอะไร ไม่เหมือนระดับพวก 3-series หรือ CLA ครับ

ทางเดียวที่ Mazda จะขาย 6 ในบ้านเราได้ คือเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าในกลุ่มนี้ไปเลย เช่น ทำให้วัยรุ่นมาซื้อรถ D-Segment (เอาตังค์จากไหน?) หรือทำให้คนแก่ เกิดอาการ Zoom-Zoom-Zoom ขึ้นมาครับ ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะครั้งหนึ่งนานมาแล้ว Honda ก็เคยเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ยอมรับรถ Hatchback ด้วย Jazz มาแล้วเหมือนกัน

เพียงแต่ มันเป็นการเดิมพันที่ยาก และความเสี่ยงมหาศาลมาก ต้องช่างน้ำหนักดีๆ ว่าคุ้มจะเสี่ยงไหม
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: kiwiwi ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 14:50:28
ผมรอมาสด้า5มานานแล้วครับ รอจนเหงือกแห้งแล้ว
Mpv ตรงกลางระหว่าง estima กะ space wagon พร้อมประตูสไลด์ไฟฟ้า ผลิตที่มาเลย์

เฮ้อ ปอดแหกจริง
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Korn Coconut ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 14:52:07
ก็น่าเห็นใจนะครับ เพราะเจ๊งทีเท่ากับหมดตัว เท่าที่เป็นอยู่ก็บวกน้อยๆอยู่ ถ้ารุกตลาดอาจลบเยอะๆก็ได้ ถึงผู้บริโภคจะสนใจ แต่การซื้อจริงที่จะเกิดขึ้นมันเดาไม่ได้เลย

แต่ส่วนตัวผมก็เชียร์ให้เอาเข้ามานะ ;D
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: nin122 ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 14:58:15

ขอบคุณ คุณจิมมี่ ที่เข้ามาร่วมแชร์ความเห็นครับ

ผมคิดว่า ผู้บริหารมาสด้าญี่ปุ่น ควรจะลุยตลาดเมืองไทยแบบเต็มสูบได้แล้ว
ลูกค้าไทยทุกวันนี้ ไม่ใช่เหมือนเมือก่อน ที่จะต้องซื้อแต่รถเจ้าตลาด
คนรุ่นใหม่ กล้าที่จะซื้อรถที่ตัวเองคิดว่าใช่  

เท่าที่ผมสัมผัสมาสด้ามา  อย่างมาสด้า3 ผมคิดว่ามาสด้าทำรถใช้วัสดุดีกว่า เจ้าตลาดอีกนะครับ คุณภาพการขับขี่ก็ถือว่าเหนือกว่า

และถ้ามองว่า ตลาด D-segment รวมขายได้แค่พันกว่าคันต่อเดือน แล้วจะไม่คุ้ม
มาสด้าไม่คิดบ้างเรอะครับ ว่าตลาดนี้มันจะโต มันจะขยายขึ้นไปอีก  ทำไมมาสด้าคิดว่า มาสด้า6ต้องเข้ามาแบ่งเค้กก้อนนี้อย่างเดียว ทำไมไม่คิดว่าตลาดรวมมันจะมียอดขายมากขึ้น  หรือต่อให้ตลาดรวมตัวเลขไม่เพิ่ม  ก็น่าจะคิดว่าถ้าเทียน่า แอคคคอร์ด เขายังมีกำไร ทำไมมาสด้า6 จะทำแล้วไม่คุ้ม  

ผมเชียร์สุดตัวเลยนะ เอาเข้ามาขายเถอะ

ถ้าทำราคาดีๆ ออฟชั่นดีๆ การขับขี่สุดยอดอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องกลัวคู่แข่งเลย

ผมว่าไม่ใช่ซะทีเดียวครับ ผมทำงานในวงการ marketing research มาพักหนึ่ง ทำให้พอรู้ว่า คนไทยส่วนมาก ยังติดเจ้าตลาดอยู่มากครับ

ปล. แอบบอกว่า ช่วงนี้ mazda มีเข้ามาทำ research พอสมควรนะครับ  ;D ;D
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: J!MMY ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 15:08:53
ค้าขายไม่ใช่แต่เอาแต่ขายของถูก ของแพงก็ต้องมีโชว์ ของแพงขายได้น้อยกว่าเรื่องปกติครับ

ไม่งั้นภาพลักษ์ก็สู้เขาไม่ได้ ค้าขายกำไรมันถัวกันอยู่แล้ว  ถ้าอ้างว่ากลัวขายไม่ได้ ไม่คุ้ม ก็ทำแต่ตลาดล่างต่อไป

อย่าว่าแต่มาสด้าเลย ฟอร์ดก็พอกัน ไม่กล้าเอาเอสเคปใหม่มาขาย ทั้งที่ออกมาร่วม2ปีเช่นเดียวกัน

สรุปคือกลัวppvเจ้าตลาด  

ไมใช่ Ford กลัว

แต่เพราะการพัฒนารถสักรุ่น มันต้องมองถึงสารพัดองค์ประกอบมากมายกว่าที่คุณคิด

คนรอบข้างผมเมื่ก่อน ก็ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้
แต่พอได้เข้าไปทำงานฝ่ายการตลาดบริษัทรถยนต์แล้ว

เขาเข้าใจกระจ่างแจ้งแดงแจ๋เลยว่า ไอ้สิ่งที่คุณๆ เขียนกันมาทั้งหมดนี้
ลองถ้าได้มาทำงานบริษัทรถจริงๆ มันจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณคิด โดยสิ้นเชิง!

1. บริษัทรถยนต์ ไม่โง่ เขาทำการบ้านเยอะกว่าที่เราคิดเยอะมาก
2. บางอย่าง ที่มันมาไม่ได้ มันมีข้อจำกัดหลายอย่าง ส่วนใหญ่มาจากเรื่อง ต้นทุน
แหล่งผลิต โครงสร้างภาษี และการได้เปรียบมากน้อยเรื่องราคา

รวมทั้งเรื่องของขนาดตลาด จำนวนประชากร รายได้ต่อหัว GDP ฯลฯ อีกมากมาย!!!
พวกนี้ อย่านึกว่าไม่เกี่ยวนะครับ ตัวประเมินเบื้องต้นเลยละ!

รถ 2 รุ่น 2 ยี่ห้อ สมมติว่า ขนาดเดียวกัน คันนึง ประกอบเมืองไทยได้
แต่อีกคัน ถ้าจะมา ต้องมาตั้งโรงงานใหม่หมด และถ้าต้องขายในราคาเท่ารถคันคู่แข่ง
จะต้องบริหารจัดการในระดับบีบคั้นมากๆ ถึงจะขายได้ แล้วต่อให้ขายได้ ก็อาจจะได้แค่
ไม่กี่ 100 คัน จนจบอายุตลาด ทั้งที่จริงๆ แล้ว มันเป็นรถที่ดีกว่ารถคันคู่แข่ง
แต่ ความเชื่อมั่นในแบรนด์ของ รายหลัง ยังไม่ดีเท่ารายแรก

ปัญหาเยอะครับ ทุกอย่าง เป็นลูกโซ่กันไปหมด

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อรถของคนไทยนั้น
มันเพิ่งเริ่มเปลี่ยน เมื่อไม่เกิน 4-5 ปีมานี้เองครับ

เปลี่ยนแค่ว่า หาข้อมูลมากขึ้น และแบรนด์เจ้าตลาดเริ่มไม่ใช่ทางเลือกหลักอีกต่อไปสำหรับคนที่เิดรับข่าวสารเยอะๆ

แต่กับคนทั่วไป ที่ไม่ได้สนใจเรื่องรถ และต้องซื้อรถสักคันมันไม่ใช่อย่างนั้นเนี่ยสิ

ลองไปถาม คุณป้าเจ้าของร้านเสริมสวย เวลาคิดจะซื้อรถให้หลานสักคันดูครับ ป้าเค้าจะเลือกรถอะไร?
ไม่ต้องไปถามที่ต่างจังหวัดหรอกครับ เอาแค่ร้านเสริมสวยหน้าปากซอยบ้านคุณก็พอ จะเห็นคำตอบในโลกความจริงเลยละ!


ไม่ต้องอื่นไกล มีคนเพิ่งมาถามผมเรื่องซื้อรถ เขามาพร้อมกับคำถามที่ว่า

"ผมจะซื้อ Altis หรือ Civic ดีกว่ากัน"

ผมไล่ให้ไปดู Civic 1.8 เทียบกับ Sylphy 1.6

เจ้าตัวยังเหวอๆ เลย เหตุเพิ่งเกิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง
เพราะความไม่มั่นใจในแบรนด์ เขายังเชื่อถือในความทนมือทนตีนของ Toyota อยู่
และคิดว่ารถรุ่นใหม่จะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ทั้งที่จริงๆแล้ว ก็ไม่แน่เสมอไป

ในช่วงนี้ ช่วงที่หลายค่ายรอง เริ่มขายดีขึ้น นี่คือช่วงเวลาสำคัญ
ทำศูนย์บริการให้ดี ดูแลลูกค้าให้ดี ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง ต้องใข้เวลา
อย่าหวังแต่น้ำบ่อนี้ หรือน้ำบ่อหน้า แต่จงมองยาวๆ กินยาวๆ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sith(สิทธิ์) ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 15:32:32
แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมเห็นจากมาสด้าก็คือ
ตลอดเวลาที่ค่ายรถอื่นเผยโฉมรถรุ่นต่างๆกันออกมามากมาย
มาสด้าเงียบไปพักนึงซึ่งผมก็แปลกใจทำไมอยู่ดีๆเงียบจัง
แต่สิ่งที่ผมเห็นถัดมาก็คือ มาสด้าหันกำลังปรับปรุงเรื่อง0บริการและแอบซุ่มเงียบวิจัยอะไรรึเปล่า
ซึ่งที่ผมเห็นก็คือข่าวเจ้าสกายแอคทีฟ
และหลังๆมานี่ผมเห็นศูนย์บริการมาสด้าเริ่มเกิดขึ้นเริ่มผุดขึ้น และขยายขนาดของ0ให้ใหญ่ขึ้น
เหมือนเตรียมความพร้อมรองรับอะไรสักอย่าง ถ้ามองอีกมุมนึงผมคิดว่า
มาสด้าเอาจริงครับ ดีลเลอร์ต่างๆเริ่มปรับตัวด้านงานบริการมากขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมทำอะไรรับมือกับอะไรรึเปล่า
ซึ่งในตอนนี้ผมมองมาสด้ากำลังพยุงตัวเองในเรื่องยอดในรถรุ่นต่างๆที่มีในตอนนี้
แต่
เค้ากำลังจะทำอะไรกับตลาดรถในบ้านเราหรือเปล่า เห็นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นละ
ผมคิดว่า มาสด้าถึงแม้จะเป็นคนทำอะไรช้าๆ แต่ดูแล้วเค้ามองการณ์ไกลกว่าที่คิด
ถ้า
ขยายเร่งยอดขายรถให้มากขึ้นแต่งานบริการ0รถยังเหมือนเดิมผมว่าไปไม่รอด
ซึ่งเรื่องเร่งขายรถแต่ศูนย์ยังไม่รองรับ ผมว่าค่ายคู่แฝดมาสด้าอนาคตจะเจอปัญหาหนักกว่าทุกวันนี้
ตอนนี้ผมเห็นเหมือนกับว่า มาสด้ากำลังเตรียมพร้อมจากงานขั้นพื้นฐานเลยคือ
ทั้งศูนย์บริการและยอดขายในอนาคตรึอาจจะมีเซอร์ไพร์ก็ได้สำหรับค่ายนี้

หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: ichok ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 15:33:40
งั้นฮอนด้าคงมั่นใจในรถตัวเองมากเลยแป๊กไม่เป็นท่าอย่างบริโอ้ไง  ;)
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: mooo ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 15:40:42
ตลาดเมืองไทยเมื่อเทียบกับตลาดโลก มันน้อยมาก  กำไรไม่คุ้ม

ถ้าตลาดเมืองไทยใหญ่เท่า เมืองจีน ยังพอไหว  

การขายสินค้าไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ต่อให้แบรนด์ดังขนาดไหน  ถ้าไม่รู้จักตลาดเมืองไทยดีพอ ก็จะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง





หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Jxxx ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 15:56:26
จิมมี่ตอบไปหมดแล้ว  :)
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: NONT4477 ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 16:01:38
ให้อุดหนุน CX5 เยอะๆแบบพี่จิมมี่ว่าผมคงไม่เอาอ่ะ 555
ขอนอนรอข้ามช็อตไป 6 เลยดีกว่า เงินน้อย ค่อยเก็บ ;D
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: J!MMY ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 16:10:25
งั้นฮอนด้าคงมั่นใจในรถตัวเองมากเลยแป๊กไม่เป็นท่าอย่างบริโอ้ไง  ;)

อย่างที่เขียนไว้ในรีวิว Brio เป็นผลจากการประเมินสถานการณ์ผิดพลาด
และวิเคราะห์ สารพัดอค์ประกอบผิดพลาด แทนที่จะเลือกทำ Global Sub B-Segment
กลับทำออกมาแค่ตอบโจทย์ India กับ ไทย

ต้นทุนที่มีอยู่ เลยแพงเมื่อเทียบกับค่ายอื่น ที่มีเงินเท่ากัน แต่ทำรถออกไปทั่วโลก
สมมติว่า มีเงิน 8 พันล้านบาท ทำรถ ขายแค่ อินเดีย กับไทย
แต่คู่แข่ง มีเงิน เท่ากัน หรืออาจจะเป็น 9 พันล้านบาท ทำรถขายทั่วโลก

เริ่มเห็นใช่ไหมครับว่า แบบนี้ ต้นทุนต่อคัน ของใครจะสูงกว่า
ก็ต้องเป็นรถที่ใช้งบ 8 พันล้าน แล้วขายแค่ อินเดียกับไทย ถุกไหมครับ
ดังนั้น การหั่นออพชัน โน่น นี่ นั่น ออก จึงจำเป็นต้องทำ เพื่อพยุงให้
ตัวเลขของผลกำไร ทั้งกำไรต่อคัน กำไรต่อโครงการ มันยังอยู่ในระดับ
พออยู่ได้

รถก็เลยออกมาเท่าที่เห็นอยู่นี้

หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 16:12:13
ขอบคุณทุกท่าน ที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นครับ

เท่าที่ผมอ่านคอมเม้นของทุกๆคน สรุปได้ว่า สมาชิกกว่า90%ที่เข้ามาตอบ ไม่เห็นด้วยที่มาสด้าจะนำ มาสด้า6 เข้ามาขาย เพราะอาจจะขาดทุน

ผมเชื่อว่าลึกๆ หลายๆคนสบประมาทมาสด้า6กันอยู่ในใจ แม้กระทู้ first impression Mazda6  สมาชิกต่างเข้ามาบอกว่า ให้รีบเอาเข้ามาขายเถอะ ซื้อแน่ๆ เจ้าตลาดหนาวแน่

แต่พอผมตั้งกระทู้นี้ กลับมีแต่คนหาเหตุผลมาบอกว่าทำไม มาสด้าจึงยังไม่ควรนำมาสด้า6เข้ามาขาย

ผมคิดว่า มันลักลั่นย้อนแย้งจริงๆนะครับ  


ไม่ต้องไปดูอื่นไกลหรอกครับ แม้แต่ยูสเซอร์เดียวกันแท้ๆ กระทู้นั้นสนับสนุนให้เอาเข้ามาขาย เจ้าตลาดหนาวแน่ๆ แต่มากระทู้นี้บอกว่าเข้ามาขายแล้วอาจไม่คุ้ม สู้เจ้าตลาดไม่ได้

ผมยัง งง ว่าจุดยืนมันอยู่ตรงไหนกันแน่


ลองเข้าไปอ่านดู

http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,30923.60.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,30923.60.html)

ผมยัง งง ว่า นี่เรากำลังพูดถึงรถยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกันอยู่รึป่าว


หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: gorilla ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 16:18:05
ตลาดไทยไม่เหมือนตลาดประเทศเจริญแล้วแน่นอนครับ

คนส่วนใหญ่รายได้ต่ำ ซื้อรถทีเก็บเงินกันเหงือกแห้ง  ซ่อมง่าย ซ่อมถูก ขายต่อดี จึงเป็นปัจจัยหลักสำคัญ

คนมีรายได้พอประมาณ ก็ยังไม่วายห่วงเรื่องซ่อมถูก ราคาขายต่ออยู่ดี  คนกลุ่มนี้จะพอมีอายุนิดนึงที่ต้องการภาพลักษณ์ ดูน่าเชื่อถือ และดูหรูหราพอจะอวดได้


รถ กับ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ประชากรเค้ามองคนละมุมเลยครับ ลูกค้าจะเลือกสิ่งที่ถูกใจได้ง่ายกว่าปัจจัยรอบข้าง เพราะรายได้ดีเทียบกับราคารถที่ถูก  รถไม่ใช่สิ่งที่แสดงภาพลักษณ์ซักเท่าไหร่นัก  ยกเว้นพวก super car ถ้าแค่ Benz, BMW, Audi มันพื้นๆครับ ใครก็ซื้อได้  ผมเห็นพวกฝรั่งซื้อรถ ให้เต็มที่ราคารถไม่น่าเกิน 12 เท่าของรายได้/เดือน
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: phraeboy_mz2 ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 16:22:36
Prius เนี่ย ผมมองว่า อย่างน้อย มันก็เป็น Halo Car ครับ คือยังไง Toyota ก็ต้องยื้อไว้เพื่อแสดงศักดิ์ศรีเจ้าพ่อ Hybrid เหมือนที่ Mazda พยายามยื้อ Rotary มาตลอด 30 ปีนั่นแหละ ประเภท "กินไม่ได้ แต่เท่ห์"
 
กรณี Mazda เนี่ย ใจผม ผมก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อว่า Mazda6 มันจะไปได้ในตลาดไทย ต่อให้จะได้ตัว wide-body ของทาง US มาก็ตาม เพราะ character ของตัวรถ มันค่อนข้างสวนทางกับตลาด D-Segment ของเมืองไทย ในช่วง 10 ปี มานี้ ที่ทำหน้าที่ รถภูมิฐาน ของคนที่สร้างฐานะได้แล้ว Mazda6 มันเหมาะกับขายประเภทที่คนที่ไม่รวยมาก หรือยังเด็กๆ ก็ซื้อรถใหญ่ขับได้มากกว่าครับ ประเทศที่รถใหญ่ มีแต่คนแก่ คนรวยที่ซื้อไหว อย่างบ้านเรา ผมว่าการทำตลาดก็ยาก เพราะคนที่ขับรถกลุ่มนี้ ก็ไม่ได้รวยขนาดจะไปบ้าความเป็น sport จี้ดจ้าดอะไร ไม่เหมือนระดับพวก 3-series หรือ CLA ครับ

ทางเดียวที่ Mazda จะขาย 6 ในบ้านเราได้ คือเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าในกลุ่มนี้ไปเลย เช่น ทำให้วัยรุ่นมาซื้อรถ D-Segment (เอาตังค์จากไหน?) หรือทำให้คนแก่ เกิดอาการ Zoom-Zoom-Zoom ขึ้นมาครับ ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะครั้งหนึ่งนานมาแล้ว Honda ก็เคยเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ยอมรับรถ Hatchback ด้วย Jazz มาแล้วเหมือนกัน

เพียงแต่ มันเป็นการเดิมพันที่ยาก และความเสี่ยงมหาศาลมาก ต้องช่างน้ำหนักดีๆ ว่าคุ้มจะเสี่ยงไหม
อืมๆ ผมเห็นด้วยมากเลยคับ  ;)
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: YIM ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 16:26:44
ขอบคุณทุกท่าน ที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นครับ

เท่าที่ผมอ่านคอมเม้นของทุกๆคน สรุปได้ว่า สมาชิกกว่า90%ที่เข้ามาตอบ ไม่เห็นด้วยที่มาสด้าจะนำ มาสด้า6 เข้ามาขาย เพราะอาจจะขาดทุน

ผมเชื่อว่าลึกๆ หลายๆคนสบประมาทมาสด้า6กันอยู่ในใจ แม้กระทู้ first impression Mazda6  สมาชิกต่างเข้ามาบอกว่า ให้รีบเอาเข้ามาขายเถอะ ซื้อแน่ๆ เจ้าตลาดหนาวแน่

แต่พอผมตั้งกระทู้นี้ กลับมีแต่คนหาเหตุผลมาบอกว่าทำไม มาสด้าจึงยังไม่ควรนำมาสด้า6เข้ามาขาย

ผมคิดว่า มันลักลั่นย้อนแย้งจริงๆนะครับ  


ไม่ต้องไปดูอื่นไกลหรอกครับ แม้แต่ยูสเซอร์เดียวกันแท้ๆ กระทู้นั้นสนับสนุนให้เอาเข้ามาขาย เจ้าตลาดหนาวแน่ๆ แต่มากระทู้นี้บอกว่าเข้ามาขายแล้วอาจไม่คุ้ม สู้เจ้าตลาดไม่ได้

ผมยัง งง ว่าจุดยืนมันอยู่ตรงไหนกันแน่


ลองเข้าไปอ่านดู

http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,30923.60.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,30923.60.html)

ผมยัง งง ว่า นี่เรากำลังพูดถึงรถยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกันอยู่รึป่าว




สรุปง่ายๆ ครับ ความคิดเห็น 90% ที่คุณว่ามาก็คือ

พวกเราส่วนใหญ่ในนี้ชอบ Mazda6 ครับ แต่ไม่มั่นใจว่ามันจะขายได้

เพราะสภาวะตลาด กับสภาวะทางอารมณ์ของเรามันไม่ได้สอดคล้องกัน

การที่บอกว่า "ไม่น่าจะขายได้" ไม่ได้เป็นการบอกว่า รถมันห่วย คนละเรื่องกันครับ พวกเราแค่บอกว่า รถน่ะดี แต่ไม่แน่ว่าตลาดไทยจะยอมรับหรือเปล่าต่างหาก

เมื่อก่อนผมก็เป็นครับ เวลาไปญี่ปุ่น ก็ชอบคิดว่า ทำไมไม่เอารถรุ่นนู้น นี่ นั่น มาขาย รถสวยจะตาย

แต่พอบ้าเรื่องรถไปนานๆ ถึงเข้าใจว่า รสนิยมของคนส่วนใหญ่ในแต่ละประเทศ มันไม่เหมือนกัน และเราเองก็อาจจะมีรสนิยมไม่เหมือนคนอื่นด้วย

ตัวอย่างง่ายๆ Wish กับ Innova ผมชอบ Wish แต่ผมก็เข้าใจว่าทำไม Wish ทำตลาดต่อไม่ได้ เพราะสภาพตลาดบ้านเราไม่รับไงครับ แถม logistic ของ Innova ยังได้เปรียบกว่าด้วยเพราะผลิตอินโด ทางนู้นเขาขายได้เยอะอยู่แล้ว แค่ไปตัดรถเขามาขายก็ใช้ได้ ในขณะที่ Wish ต้องตั้ง line ใหม่ มันไม่คุ้ม

โดยสรุปคือ รถที่เราชอบ ไม่จำเป็นต้องเป็นรถที่เราคิดว่าจะขายได้
และ รถที่เราไม่ชอบ เราก็อาจจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันจะขายได้ก็ได้ครับ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sith(สิทธิ์) ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 16:27:36
ถ้าจุดยืนของผมคือ ผมรอรถครอบครัวของมาสด้าประเภท SUV or PPV
ถ้ากล้าเอาเข้ามา และ อุปกรณ์มาตราฐานมีให้ผมเอาครับ
ส่วนมาสด้า6 รึรถเก๋งของมาสด้าผมพอแล้ว ตอนนี้จุดยืนผมคือมองหารถครอบครัวเท่านั้น  ;D

ส่วนใจลึกๆอยากให้เอา M6 เข้ามาเพราะผู้บริโภคจะได้มีตัวเลือกมากขึ้น
 ;D
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Ponthakorn ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 16:32:20
ขอบคุณทุกท่าน ที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นครับ

เท่าที่ผมอ่านคอมเม้นของทุกๆคน สรุปได้ว่า สมาชิกกว่า90%ที่เข้ามาตอบ ไม่เห็นด้วยที่มาสด้าจะนำ มาสด้า6 เข้ามาขาย เพราะอาจจะขาดทุน

ผมเชื่อว่าลึกๆ หลายๆคนสบประมาทมาสด้า6กันอยู่ในใจ แม้กระทู้ first impression Mazda6  สมาชิกต่างเข้ามาบอกว่า ให้รีบเอาเข้ามาขายเถอะ ซื้อแน่ๆ เจ้าตลาดหนาวแน่

แต่พอผมตั้งกระทู้นี้ กลับมีแต่คนหาเหตุผลมาบอกว่าทำไม มาสด้าจึงยังไม่ควรนำมาสด้า6เข้ามาขาย

ผมคิดว่า มันลักลั่นย้อนแย้งจริงๆนะครับ  


ไม่ต้องไปดูอื่นไกลหรอกครับ แม้แต่ยูสเซอร์เดียวกันแท้ๆ กระทู้นั้นสนับสนุนให้เอาเข้ามาขาย เจ้าตลาดหนาวแน่ๆ แต่มากระทู้นี้บอกว่าเข้ามาขายแล้วอาจไม่คุ้ม สู้เจ้าตลาดไม่ได้

ผมยัง งง ว่าจุดยืนมันอยู่ตรงไหนกันแน่


ลองเข้าไปอ่านดู

http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,30923.60.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,30923.60.html)

ผมยัง งง ว่า นี่เรากำลังพูดถึงรถยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกันอยู่รึป่าว




เห็นด้วยครับ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 16:36:40
ผมมองว่า ถ้าจะรอให้ แบรนด์มาสด้า แข็งแกร่งกว่าโตโยต้า หรือแข็งแกร่งเทียบเท่าโตโยต้า  ถึงค่อยนำรถคันละล้านกว่าบาทเข้ามาขาย
แบบนี้ อีก30ปี ก็ยังเอาเข้ามาขายไม่ได้หรอกครับ  เพราะดูสภาพความเป็นจริงทุกวันนี้ก็รู้ว่า โตโยต้า ยากมากที่จะตกจากบัลลังก์อันดับ1

ถ้ามาสด้าไม่กล้าเอารถ D-segment เข้ามาขาย คำถามคือ แล้วเมือไรคนไทยจะกล้าซื้อ D-segment ของมาสด้า ?

ความเชื่อมั่นของลูกค้า มันก็ต้องเกิดจากการที่เขาได้สัมผัส ได้ครอบครอง ไม่มีทางที่ลูกค้าจะเชื่อมั่นเพียงเพราะอ่านคำโฆษณาในเน็ทแน่ๆ

ถ้าไม่เอาเข้ามาขาย ไม่เอามาให้ลูกค้าได้ครอบครองเป็นเจ้าของ แล้ว Brand royalty มันจะเกิดขึ้นเมื่อไรครับ  

โตโยต้า มายืนจุดนี้ได้ เรียกว่า ทำรถอะไรออกมา ขอแค่แปะตราโตโยต้าก็ยังขายได้  มันเกิดจากอะไรกันเล่า ถ้าไม่ใช่เกิดจากลูกค้าเก่าที่เคยซื้อรถไปใช้แล้วพบว่ามันทนทาน มันไม่จุกจิก
ถ้าไม่ใช่เกิดจากการบอกกันปากต่อปากว่ารถโตโยต้าทน  เครื่องทน  

มาสด้า 6 จะสร้าง สิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้อย่างไร ถ้าไม่เอาเข้ามาขาย  

โตโยต้าอาจจะเป็นเบอร์1ในภาพรวม  แต่ไม่ใช่ว่า แคมรี่ จะแพ้ไม่ได้  

ถ้าตั้งธงแต่แรกว่า ยังไงก็ขายสู้แคมรี่ไม่ได้ ไม่เอามาขายดีกว่า ไม่คุ้มทุน  ก็เพราะคิดแบบนี้แหละ โตโยต้าถึงยังเป็นที่1ตลอดมา

ผมมองว่า ผู้บริหารโตโยต้ามีวิสัยทัศน์ที่เหนือกว่ามากๆ  รถไฮบริดอย่างพรีอุส ยังกล้าเอาเข้ามา ทั้งๆที่ก็รู้ว่าคนไทยยังไม่กล้าลองอะไรใหม่ๆ แม้ยอดขายพรึอุสจะต่ำกว่าเป้า แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เกิดการรับรู้ อย่างน้อยคนที่ใช้อยู่ ก็ยังบอกต่อคนอื่นๆได้ว่ามันประหยัด และแบตมันไม่เจ๊งง่ายอย่างที่กลัวๆกัน  ถ้าโตโยต้าไม่เริ่มขายไฮบริดในวันนี้ อีก20ปี ก็ยังไม่ต้องขายหรอกครับ
เพราะคนไทยก็ยังไม่กล้าซื้ออยู่ดี

พรีอุส มันก็เหมือนมาสด้า6แหละครับ  อย่างน้อยการเอาเข้ามาขาย มันก็ถือว่าได้เริ่มต้นเดินก้าวแรกแล้ว

สร้างโรงงานหมื่นล้าน แล้วจะเป็นไรครับ ไม่ใช่ว่าโรงงานมันประกอบได้แค่มาสด้า6รุ่นเดียวนี่ มันก็ประกอบรุ่นอื่นได้

แล้วถ้าในอนาคต มาสด้า2 มาสด้า3 มันขายดีกว่านี้ ไลน์มันเต็ม ผลิตไม่ทัน ก็จะไม่ขยายโรงงานอย่างนั้นหรือ ก็จะขายเท่าที่ผลิตได้แค่นั้นเรอะ ไม่ได้คิดว่าจะเติบโตไปกว่านี้


ผมอาจจะทำธุรกิจเล็กๆ ไม่ใช่ระดับหมื่นล้านแสนล้านแบบธุรกิจรถยนต์ แต่ทั้งหมดมันก็คือมุมมองของผมในฐานะคนทำธุรกิจเล็กๆคนหนึ่ง
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Ty ESC ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 17:10:41
ผมมองว่าผู้บริหารมาสด้ามองถูกและเข้าใจคนไทยแลัตลาดไทยถูกต้องแล้วครับ

ปัจจัยสำคัญอีกอันคือบริษัทมาสด้าเองไม่ใช่บริษัทใหญ่แบยโตโยต้า นิสาันหรือฟอร์ด

ความผิดพลาดแค่นิดอาจกระทบต่อทั้งองกรณ์ได้ ดูอย่างตอน3ตัวที่แล้วขายดีมาก
แต่ผลิตไม่ทันเค้ายังไม่คิดขยายโรงวานเลย จนมาเจอไฟไหม้โรงงานไปอีกเลยช้าไปอีก


ผมเองเป็นแฟนมาสด้ามานาน รอcx5มาจนเซ็ง
แต่เข้าใจครับ ใครจะไม่อยากขายแต่ถ้าไม่พร้อมเอาเข้ามาแล้วปัญหาเยอะ
พาลจะเสียทั้งแบรนดไป

ว่ากันจริงๆตลาดเมืองไทยเล็กครับ จะมาลงทุนให้เสี่ยงทำไม
ไปลงกับตลาดอื่นที่ใหญ่กว่านี้ดีกว่าครับผลตอบแทนเยอะกว่า

คิดง่ายๆต่อให้แย่งส่วนแบ่งของทั้งแคมรี่กับแอคคออตเทียน่ามารวมกันอย่างละครึ่ง
อาจจะน้อยกว่าการไปสร้างส่วนแบ่ง1%ในบางประเทศเสียอีก
แถมปัจจัยภาษีและพฤติกรรมความเชื่อของผู้บริโภคไทยมันตัดโอกาสตัวเอง
แล้วใครจะมาเสี่ยงด้วย

ผมชอบแนวความคิดของมาสด้าในการพัฒนาสินค้ามาก เข้าใจในข่อจำกัดขององกรเล็กที่พยายามสู้กับกระแสตลาดแบบแมสด้วยสินค้าที่มีความปรานีต
ผู้บริโภคเองโดนสปอยด้วย เจ้าใหญ่สาดโฆษณา กดดันด้วยดิสทริบิวชั่น ต้นทุนที่ต่างกันขนาดนี้แค่สู้ให้อยู่ยังยากเลยครับ

ดูโตโยต้าสิ อยากให้ผู้บริโภคเชื่อว่าประหยัดทุ่มโฆษณาจิ๊บๆ อยากให้เชื่อว่สช่วงล่างดีก็อัดไปว่าหนึบทั้งๆที่ไม่ลงทุนปรับอะไรเลย
ในขณะที่มาสด้าปรับแก้ ฝช้เวลาเพื่อผู้ใช้จริงลงมุนทำจริงจนไม่เหลือค่าโฆษณา แถมตอนขายต้องตั้งราคาต่ำกว่าไม่งั้นคนหนีหมด

ลองวัดใจกันมั้ยว่าคนทีาบอกว่ารักมาสด้าอย่างนั้นอย่างนี้
ถ้าไม่ดูถูกมาสด้าจริง

ถามตัวเองเลยว่าจะยอมซื้อมั้ยว่าถ้ามาสด้าแพงกว่าโตโยต้า20%
ถ้าคุณเชื่อว่าดีกว่าจริง คุณยอมมั้ย
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: dusitmon123 ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 17:30:14
ท่านที่วิจารณ์ผู้บริหารของเค้าเนี่ย ท่านบริหารอะไรอยู่หรือไม่ครับ ถึงได้กล้าออกมาพูดอะไรง่ายๆแบบนี้

ถ้าท่านเป็นผู้บริหาร จะรู้ว่าการจะตัดสินใจเอาสินค้ารุ่นใหม่มาขึ้นไลน์ผลิตนั้น ปัจจัยต่างๆที่ต้องพิจารณามันเยอะมาก

อย่าใช้แค่ทัศนคติส่วนตัวมาตัดสินคนอื่นคับ อย่าคิดว่าอะไรๆมันง่ายเพียงแค่คิดเอาก็ได้แล้ว

คิดใครก็คิดได้ แต่ทำให้ได้จริงมันยาก และการตัดสินใจอะไรมันก็มีความเสี่ยง

ผมคิดว่าจขกท. คิดตื้นเกินไป ผลิตรถนะครับ ซัพพลายเชนยาวขนาดไหน คิดแบบท่านก็เจ๊งกันหมดแล้วผมว่า
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: fishfinger ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 17:35:08
ก็ประเทศไทยมันเล็กนิดเดียว กำลังซื้อไม่ได้เยอะแบบที่คิด มันจะเอารถนู้นรถรถนี่มาลงไทยหมดก็เละสิครับ
ที่mazda ลุยหนักๆคือ mazda2 + BT50 pro ขายกันเป็นหมื่นเป็นแสนคันและคิดว่าตัวต่อไปที่จะลุยคืิอ cx-5
ตลาดมันไม่มีวันวายหรอกครับ

ผมเชียร์ให้เอา6เข้ามาแต่ไม่คิดว่า6จะรุ่งเพราะอะไรหลายๆอย่าง

ส่วนตัวคิดว่าbrand royalty ของ แบรนด์mazda นั้นมีค่อนข้างมาก ใครขับเป็นต้องชอบแต่ไม่จำเป็นต้องมาทำขายทุกคัน
เน้นรุ่นที่ควรเน้น โฆษณาถึง2ตัวก็เน้นถึงการขับขี่ ช่วงล่าง (ไม่ใช่นุ่มแน่นหนึบปลอมๆ ที่คว่ำกันเป็นว่าเล่น)

จะพูดว่ายังไงดี  ตอนนี้mazdaอยู่แบบเจียมตัวก็ได้มั้ง คุมรถที่ขายออกไปให้ได้ก่อน

ไม่ใช่ศูนย์บริการขนาดเท่านี้ ขายแม่มทุกรุ่นเลยไม่ดูศักยภาพตัวเอง

ผมคิดว่าศูนย์mazdaในที่ที่มีเพิ่มขึ่นเรื่อยๆและดีขึ้นเรื่อย ต้องการที่จะดูแล mazda2 และ bt-50 pro ให้ได้ก่อน

จขกท.ลองไปดูหนังสั้น ที่พี่จิมมี่ มาให้ดู" Heart of Mazda  "จะเข้าใจmazda มากขึ้นนะ

หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: mandize ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 17:43:22
ใครบางคน ใน Mazda เคยบอกกับผมไว้ว่า

คนญี่ปุ่นที่ Mazda หนะ ทำรถดี แต่มันขายไม่เป็น!

ถ้าแต่ก่อน ย้อนไปสัก 10 - 20 ปีที่แล้ว หรือก่อน Mazda 3 รุ่นแรกเปิดตัวหนะ

"จริงเลย ใช่ ไม่เถียง"

แต่ทุกวันนี้ ด้วยความพยายามผลักดันของ เอเจนซีโฆษณาหลายราย
ที่ร่วมงานกับ Mazda กันมา ทั้ง ที่ออสเตรเลีย ทั้ง J Walter Thompson และ Hakuhodo ญี่ปุ่น

Mazda ก็มีตัวเลขยอดขายที่ดีขึ้นได้ในระดับโลก รวมทั้งในบ้านเรา

อย่างไรก็ตาม

ความเสี่ยงในการทำธุรกิจรถยนต์
แตกต่างจาก การลงทุนทำขนมปังขายมากๆ ครับ

ขนมปัง เจ๊งที แค่ ไม่กี่หมื่นบาท หรืออาจจะไม่เกิน แสนบาท

แต่สำหรับรถยนต์ ถ้าเจ๊งทีนึง มันเจ๊งกันเป็น "พันล้าน"
และผลที่ตามมา อาจจะไม่ใช่แค่ ตัวเลขงบดุลติดตัวแดง
แต่มันจะรวมถึง ราคาหุ้นที่ร่วงลงต่ำ ผู้ถือหุ้นสวดยับ
กดดัน CEO ให้พิจารณาตัวเอง ขวัญและกำลังใจพนักงานตกต่ำลง
การสังซื้อชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ ก็จะลดน้อยลง บริษัทซัพพลายเออร์
ก็จะได้รับผลกระทบด้วย ฯลฯ อีกมากมาย

คือมันกระทบไปเป็นลูกโซ่ ครับ

ทั้งห่วงโซ่ ทั้งวงจร เลยละ!

เขาถึงต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วน

ปัญหาหนึ่ง ของความเสี่ยงในการนำรถเข้ามาขายคือ
การ พยากรณ์ตัวเลขยอดขาย ที่คาดว่าจะได้รับ

คุณต้องดูด้วยว่า ตลาดนั้น ในขั้นต่ำ ภาพรวมอยู่ที่เดือนละกี่คัน
เจ้าตลาดขายได้ เดือนละกี่คัน

เอาอย่างนี้ จากสถิติตัวเลข ผมตีถัวเฉลี่ยให้

ตลาด D-Segment บ้านเรา ยอดขาย เดือนละ แค่ หลัก พันต้นๆ คัน

Camry เจ้าตลาด เฉลี่ยประมาณ 1,000 คัน/เดือน
"ยอดขายต่อเดือน มากกว่า Prius ที่ทุกวันนี้ เหลือแค่ เดือนละ 500 คัน ไม่เกินไปกว่านี้"

Teana ช่วง Peak สุด ขายได้ เดือนละ 500 คัน และตอนนี้ก็เริ่มร่วงไปตามอายุตลาดที่เหลืออีกไม่กี่เดือน
แต่ยังมีหลักร้อยอยู่ ป้วนเปี้ยนแถวๆ 300 คัน/เดือน

Accord ช่วงก่อนเปิดตัวรุ่นใหม่ ขายได้เดือนละ 300 คันนี่ก็ดีใจแล้ว
แต่พอรุ่นใหม่มา ก็เพิ่งจะตีตื้นขึ้นมาได้

ข้อเท็จจริงก็คือ ทุกวันนี้ ถ้าจะเอารถสักรุ่นเข้ามาผลิตขายในบ้านเรา
มันต้องขายได้เดือนละ 1,000 คัน ถึงจะคุ้มทุน!!

ต่างจากการนำเข้า ถ้านำเข้ามา เดือนละสัก 500 คัน ก็ยังพอเอาตัวรอดได้

ปัญหาคือ ต่อให้นำเข้า คุณจะนำเข้าจากที่ไหน?

ญี่ปุ่น ลืมไปได้เลย ภาษีนำเข้ายังสูงอยู่ เราทำข้อตกลงการค้า AFTA กับ ญี่ปุ่น
เฉพาะ รถระดับหรูไปเลย จำพวก Lexus เท่านั้น

ถ้าต้องการให้ภาษีนำเข้าเหลือ 5% ก็ต้องประกอบในละแวกย่านอาเซียนด้วยกัน

มาเลเซียตอนนี้ มีโรงงานอยู่ แต่ยอดขาย รถยนต์กลุ่ม D-Segment ในมาเลเซีย
ก็ไม่ได้สูงเท่าบ้านเรา จึงต้องพึ่งพาตลาดส่งออกอย่างไทยเป็นหลัก

ถ้ามาในโจทย์ข้างบนนี้ ก็น่าจะยังพอเป็นไปได้บ้าง

---------------------------------

จากที่คุยกับ Kanazawa-san มา

ผมมั่นใจว่า เขาไม่ได้ดูถูกตัวเองอย่างที่คุณกล่าวหาหรอกครับ

แต่แค่เขายังไม่มั่นใจ ว่ามันจะขายได้จริงหรือ เขายังเข้าใจคนไทยไม่มากพอ

วิธีการเดียวที่จะทำให้เขาเข้าใจก็คือ

พอ Mazda CX-5 มา ก็อุดหนุนกันเยอะๆ ครับ ภาพมันจะชัดขึ้น เขาจึงจะมั่นใจ

--------------------------------

เฮ้อ..พอเขียนอย่างนี้ เดี๋ยวก็หาว่าเชียร์ Mazda อีก
ยังก่อน ไว้รอให้ขับรถคันจริงก่อน มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ก็จะแจกแจงให้ดูทั้งหมดตามเคยนั่นละ

เห็นด้วยกับพี่จิมครับ

หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 17:57:33
อย่าใจร้อนพี่เสือ  :) มาสด้าแม้จะก้าวช้าๆแต่ก็มั่นคงนะครับ ค่ายอื่นๆทำโน่นทำนี่เปิดตัวรุ่นนั้นรุ่นนี้แล้วก็ต้องไล่ตามแก้ปัญหาทัหลังเยอะแยะ เทียบกับมาสด้าที่ไม่หวือหวาโดนคนครหาว่าทำอะไรช้าแต่ในตอนนี้ชื่อเสียงเค้ามีเสถียรภาพมากที่สุด ความถี่ในการโดนลูกค้าด่าเกิดขึ้นน้อยมาก เค้าทำอะไรไม่ดังแต่รู้ตัวอีกทีศูนเปิดใหม่เยอะเลย เพิ่งมารู้ว่ามาสด้าเองก็มีการรับผิดชอบเปลีียน2ทั้งคันใหม่ลูกค้ามาแล้วเหมือนทึ่มาสด้า3ไฟไหม้สามคันแรก  :) ครั้งที่มาสด้าสามรุ่นแรกผมจำได้ใครๆก็ครหาว่ารถห่วยยี่ห้อไม่ดีสารพัดคำด่าต่างๆนาๆ ผ่านมาเจ็ดปีเท่านั้นมาสด้าพลิกโฉมตัวเองให้เป็นที่ยอมรับในสังคมได้กว้างขวางและทิ้งความมั่นใจได้เป็นวงกว้างมาก ในช่วงเวลาที่เพิ่มความมั่นใจนี้ก็มีรุ่นใหม่อย่าง2และcx5มาขายด้วย ไหนจะการเปิดตัวที่ฮือฮาของ6อีก เทียบจากค่ายที่โดนด่าสารพัดและไม่ได้อยู่มานาน50ปีผมว่ามันก็โตเร็วมากแล้วนะ  :)
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: archian ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 18:00:56
บริหารเก่ง  ถึงยังไม่เอามาขาย   เขารู้ว่าขายได้ไม่เยอะ ...  

ดูรถที่นำมาขาย  Ford  ยังใจถึงกว่า
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Jim lover ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 18:39:03
เชียร์ mazda ครับ รถดีหลายรุ่น แต่อยู่แต่มาเลย์ ;D
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: KIAT ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 18:40:14
ค้าขายไม่ใช่แต่เอาแต่ขายของถูก ของแพงก็ต้องมีโชว์ ของแพงขายได้น้อยกว่าเรื่องปกติครับ

ไม่งั้นภาพลักษ์ก็สู้เขาไม่ได้ ค้าขายกำไรมันถัวกันอยู่แล้ว  ถ้าอ้างว่ากลัวขายไม่ได้ ไม่คุ้ม ก็ทำแต่ตลาดล่างต่อไป

อย่าว่าแต่มาสด้าเลย ฟอร์ดก็พอกัน ไม่กล้าเอาเอสเคปใหม่มาขาย ทั้งที่ออกมาร่วม2ปีเช่นเดียวกัน

สรุปคือกลัวppvเจ้าตลาด  

ไมใช่ Ford กลัว

แต่เพราะการพัฒนารถสักรุ่น มันต้องมองถึงสารพัดองค์ประกอบมากมายกว่าที่คุณคิด

คนรอบข้างผมเมื่ก่อน ก็ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้
แต่พอได้เข้าไปทำงานฝ่ายการตลาดบริษัทรถยนต์แล้ว

เขาเข้าใจกระจ่างแจ้งแดงแจ๋เลยว่า ไอ้สิ่งที่คุณๆ เขียนกันมาทั้งหมดนี้
ลองถ้าได้มาทำงานบริษัทรถจริงๆ มันจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณคิด โดยสิ้นเชิง!

1. บริษัทรถยนต์ ไม่โง่ เขาทำการบ้านเยอะกว่าที่เราคิดเยอะมาก
2. บางอย่าง ที่มันมาไม่ได้ มันมีข้อจำกัดหลายอย่าง ส่วนใหญ่มาจากเรื่อง ต้นทุน
แหล่งผลิต โครงสร้างภาษี และการได้เปรียบมากน้อยเรื่องราคา

รวมทั้งเรื่องของขนาดตลาด จำนวนประชากร รายได้ต่อหัว GDP ฯลฯ อีกมากมาย!!!
พวกนี้ อย่านึกว่าไม่เกี่ยวนะครับ ตัวประเมินเบื้องต้นเลยละ!

รถ 2 รุ่น 2 ยี่ห้อ สมมติว่า ขนาดเดียวกัน คันนึง ประกอบเมืองไทยได้
แต่อีกคัน ถ้าจะมา ต้องมาตั้งโรงงานใหม่หมด และถ้าต้องขายในราคาเท่ารถคันคู่แข่ง
จะต้องบริหารจัดการในระดับบีบคั้นมากๆ ถึงจะขายได้ แล้วต่อให้ขายได้ ก็อาจจะได้แค่
ไม่กี่ 100 คัน จนจบอายุตลาด ทั้งที่จริงๆ แล้ว มันเป็นรถที่ดีกว่ารถคันคู่แข่ง
แต่ ความเชื่อมั่นในแบรนด์ของ รายหลัง ยังไม่ดีเท่ารายแรก

ปัญหาเยอะครับ ทุกอย่าง เป็นลูกโซ่กันไปหมด

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อรถของคนไทยนั้น
มันเพิ่งเริ่มเปลี่ยน เมื่อไม่เกิน 4-5 ปีมานี้เองครับ

เปลี่ยนแค่ว่า หาข้อมูลมากขึ้น และแบรนด์เจ้าตลาดเริ่มไม่ใช่ทางเลือกหลักอีกต่อไปสำหรับคนที่เิดรับข่าวสารเยอะๆ

แต่กับคนทั่วไป ที่ไม่ได้สนใจเรื่องรถ และต้องซื้อรถสักคันมันไม่ใช่อย่างนั้นเนี่ยสิ

ลองไปถาม คุณป้าเจ้าของร้านเสริมสวย เวลาคิดจะซื้อรถให้หลานสักคันดูครับ ป้าเค้าจะเลือกรถอะไร?
ไม่ต้องไปถามที่ต่างจังหวัดหรอกครับ เอาแค่ร้านเสริมสวยหน้าปากซอยบ้านคุณก็พอ จะเห็นคำตอบในโลกความจริงเลยละ!


ไม่ต้องอื่นไกล มีคนเพิ่งมาถามผมเรื่องซื้อรถ เขามาพร้อมกับคำถามที่ว่า

"ผมจะซื้อ Altis หรือ Civic ดีกว่ากัน"

ผมไล่ให้ไปดู Civic 1.8 เทียบกับ Sylphy 1.6

เจ้าตัวยังเหวอๆ เลย เหตุเพิ่งเกิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง
เพราะความไม่มั่นใจในแบรนด์ เขายังเชื่อถือในความทนมือทนตีนของ Toyota อยู่
และคิดว่ารถรุ่นใหม่จะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ทั้งที่จริงๆแล้ว ก็ไม่แน่เสมอไป

ในช่วงนี้ ช่วงที่หลายค่ายรอง เริ่มขายดีขึ้น นี่คือช่วงเวลาสำคัญ
ทำศูนย์บริการให้ดี ดูแลลูกค้าให้ดี ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง ต้องใข้เวลา
อย่าหวังแต่น้ำบ่อนี้ หรือน้ำบ่อหน้า แต่จงมองยาวๆ กินยาวๆ

 ;) ขอบคุณครับพี่จิมมี่ ที่เสียสละเวลาให้ข้อมูลมากมาย

น่าเสียดายนะครับ ผมรอSUVยี่ห้ออื่นๆมานาน2ปีแล้ว แทบไม่มีทางเลือก นอกจากจะหันซ้ายเชฟฯ หันขวา ฮอนฯ

เอสเคปโฉมใหม่สวยมากๆ เสียดายจริงๆ ที่เค้าไม่เอามาขาย  :'(
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: ichok ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 19:20:17
งั้นฮอนด้าคงมั่นใจในรถตัวเองมากเลยแป๊กไม่เป็นท่าอย่างบริโอ้ไง  ;)

อย่างที่เขียนไว้ในรีวิว Brio เป็นผลจากการประเมินสถานการณ์ผิดพลาด
และวิเคราะห์ สารพัดอค์ประกอบผิดพลาด แทนที่จะเลือกทำ Global Sub B-Segment
กลับทำออกมาแค่ตอบโจทย์ India กับ ไทย

ต้นทุนที่มีอยู่ เลยแพงเมื่อเทียบกับค่ายอื่น ที่มีเงินเท่ากัน แต่ทำรถออกไปทั่วโลก
สมมติว่า มีเงิน 8 พันล้านบาท ทำรถ ขายแค่ อินเดีย กับไทย
แต่คู่แข่ง มีเงิน เท่ากัน หรืออาจจะเป็น 9 พันล้านบาท ทำรถขายทั่วโลก

เริ่มเห็นใช่ไหมครับว่า แบบนี้ ต้นทุนต่อคัน ของใครจะสูงกว่า
ก็ต้องเป็นรถที่ใช้งบ 8 พันล้าน แล้วขายแค่ อินเดียกับไทย ถุกไหมครับ
ดังนั้น การหั่นออพชัน โน่น นี่ นั่น ออก จึงจำเป็นต้องทำ เพื่อพยุงให้
ตัวเลขของผลกำไร ทั้งกำไรต่อคัน กำไรต่อโครงการ มันยังอยู่ในระดับ
พออยู่ได้

รถก็เลยออกมาเท่าที่เห็นอยู่นี้
ครับ วางอะไรหลายๆอย่างผิดจริงๆ แม้กระทั่งหน้าตาของรถแบบบริโอ้ตลาดแคบมากๆ อย่างมาสด้า6รถสวยมากๆ สวยแบบมากๆแบบสปอร์ตมากๆตลาดอาจแคบกว่าแบบเรียบๆแก่ๆหรูๆคมๆอย่างแคมมรี่กะแอคคอร์ดก็เป็นได้


หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 19:37:26
สรุปง่ายๆ จากที่ผมเคยสำรวจ ให้กับ เชฟโลเลต และ ฮอนด้า เปรียบเทียบ กับหลายๆยี่ห้อในไทย คำตอบผู้ใช้คนไทย ตอบกันดังนี้

ถาม: คุณสนใจรถรุ่นใดในแบรนด์ เชฟโลเลต หรือไม่
ตอบ: มี เป็นรุ่น .... (ขอไม่บอกละกันเดียวจะหาว่า โฆษณา)

ถาม:แล้วมีแบรนด์อื่นเปรียบเทียบกับรุ่นดังกล่าวของเชฟโลเลตหรือไม่ ถ้ามี คือรุ่นและยี่ห้ออะไร ??
ตอบ: มี เป็น ........(เดาเอานะ)

ถาม:ถ้าให้ตัดสินใจเลือกซื้อตอนนี้ จะซื้อรถยนต์เชฟโลเลต รุ่นดังกล่าวหรือไม่ ??
ตอบ: ไม่ ...

..........................................

กลับกัน ผมถามแบบนี้กับยี่ห้อ ฮอนด้า คนตอบ ตอบตรงกันข้ามกับเชฟฯเลย คือ สน ไม่มีตัวเทียบ และ ตัดสินใจซื้อได้เลยถ้ามีเงิน .

มันอาจจะไม่ตรงนัก แต่มันเหมือนมาสด้า อย่างที่คุณจิมมี่บอก รถดี น่าใช้ แต่ถามว่าจะซื้อไหม คนส่วนใหญ่บอกคิดดูก่อน หรือไม่ก็ ไม่ซื้อไปเลย ...

แต่พอเป็นจ้าวตลาด โดยเฉพาะรถรุ่นใหญ่ๆ คนจะมอง 2 ยี่ห้อใหญ่เป็นหลัก ทั้งๆที่ขับแย่ ขับห่วยกว่ามากๆ

กระบะ VIGO ทำไมยังขายดีกว่า กระบะมาสด้า BT50 PRO ทั้งๆที่รถมาสด้าดีกว่าทุกด้าน

มาสด้า3 ช่วงล่างดี รถสวยใครๆก็บอกว่าอยากซื้ออยากได้ตอนก่อนเปิดตัวในบ้านเรา ... แต่พอเอามาขายจริงไอ้คนที่เคยบอกอยากซื้ออยากได้ กลับไปเอา อัลติส หรือ CIVIC กันหมด .... เพราะอะไร ....

คนไทยครับ ...... สั้นๆ ... 
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Nyquist ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 19:56:35
รู้สึกดีกับเชฟขึ้นมาทันที
เอารถหลายๆรุ่นมาขายให้คนไทยใช้ ทั้งทีรู้อยู่ว่าขายได้ไม่เยอะเท่าไหร่   ;D
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: kgb_spy ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 19:58:12
รู้แต่ว่า มาสด้า กำลังเตรียมการ เริ่มโครงการ mazda3 ใหม่แล้ว จะได้เปิดตัวใกล้ๆตลาดโลก จะไม่ได้ทิ้งห่างกันเป็นปีๆเหมือนรุ่นปัจจุบัน
อยากให้มาสด้ากล้าทำแบบนิสสันในการนำ 6 เข้ามา อย่างเช่น Teana ซึ่งนิสสันสั่ง CKD Part เกือบทั้งคันจากจีนมาประกอบในไทย ตั้งแต่เปิดตัวจนถึงปัจจุบัน
ทำให้ลดต้นทุน และระยะเวลาในการเตรียมการไปเยอะมากๆ เพราะเตรียมการเรื่อง JIG มาสำหรับ line ประกอบเท่านั้น แต่ข้อเสียคือ กำลังการผลิตจะน้อย ยังสุ้พี่โตไม่ได้
ที่ผลิตชิ้นส่วนในไทย
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: ceberos ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 20:04:38
ผมคิดอย่างนึงการซื้อรถบางที เขาก็คำนึงถึงคนนั่ง และพื้นที่การใช้งาน ความคุ้มทุน อัลติสขายได้เพราะอะไร บอกตัวเองอยู่แล้วว่า นั่งดีกว่า focus สบายกว่า mz3 นั้นคือจุดยืนของแต่ละรุ่นครับ คราวนี้ลองมาดูต่อว่าทำไมยังยึดติดเจ้าตลาด chev ford mz3 เคยทำอะไหล่ ทนๆ ปัญหาน้อยๆมีมั้ยครับ การแก้ปัญหาก็ดี ทุกวันนี้ยังเห็น Cruzeเกียร์พังกันระนาว ผมรู้ว่า อัลติส ซีวิคนั้นไม่ได้ดีเด่มากมายแต่ทำไมขายได้ Brand Royalty อาจจะเป็นแค่ส่วนนึงแต่การใช้งานนี้ละส่วนสำคัญ และราคาขาย คนไทยไม่ได้มีกำลังซื้อรถแพงๆ มาใช้ LPG รถหรูยังมาเติม การที่จะทำอะไรออกมาขายต้องดูฑฤติกรรมของลูกค้าให้ชัดก่อนครับ กลุ่มที่ชอบของดี มีกำลังซื้อ มีก็จริงแต่จำนวนน้อยมากและไม่สามารถซื้อได้ทุกเดือนอยู่แล้ว  ;)
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Jxxx ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 20:05:30
บริหารเก่ง  ถึงยังไม่เอามาขาย   เขารู้ว่าขายได้ไม่เยอะ ...  

ดูรถที่นำมาขาย  Ford  ยังใจถึงกว่า

เงินหนาผิดกันครับ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: jumpon77 ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 20:11:34
ผมว่าถ้าผู้บริหารมาสด้าหมีอนกับโตโยต้างานนี้มาสด้ามาแน่ๆครับส่วนตัวผมชอบรถมาสด้าอยู่แล้วครับจริงๆมาสด้าเป็นรถทีดีนะครับอย่าง RX-7 หรีอmX-5 หรีอมาสด้า 2-3-6 ผมว่าผู้บริหารมีหัวเก้าหน้าหน่อยผมว่ามาสด้าเป็นแบรนทีน่ากลัวเลยนะครับใครจะไปรู้ครับ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Jxxx ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 20:16:59
รู้แต่ว่า มาสด้า กำลังเตรียมการ เริ่มโครงการ mazda3 ใหม่แล้ว จะได้เปิดตัวใกล้ๆตลาดโลก

เคยบอกไว้แล้ว แต่หลายคนไม่ยอมฟังเอง มันช้ากว่าตลาดโลกแน่ แต่ไม่มากอย่างช่วง 3-4 รุ่นที่ผ่านมา

ปัญหาเรื่องโรงงานไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะครับ

ปล.

รอดูตั้งแต่ ปลายปีนี้ไปถึงปี 2016 สิครับ จะได้เห็นอะไรดีๆ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: TeslaX ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 20:35:11
มาสด้าเค้ามีลูกค้าของเค้าอยู่แล้วครับ เหมือนสโลแกน zoom..zoom นี่ใช้มานานมาก ยังไม่เปลี่ยนเลย ต่างกับโตโยต้า เปลี่ยนบ่อยมา เดี๋ยว Passion เดี๋ยว นั่น เดี๋ยวนี่ แต่มาตรฐานสินค้าของมาสด้ามันต้องดีกว่าเจ้าตลาดอยู่แล้วดูอย่่างเครื่อง skyactiv นี่แทบจะตบตีแย่งกันเลย เพราะมันต้องใช้มาตรฐานที่สูงพอควรและมีความพิถีพิถันมาก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เพราะยังไงมันเปิดตัวช้าแต่ก็ยังขายได้แน่นอนครับ ของดีๆมันต้องขายได้ด้วยตัวมันเองไม่ต้องโฆษณามาก ส่วนมาสด้า 3 โฉมปัจจุบันที่มันแป้กเพราะมาผิดเวลา แทนที่จะเอาเครื่อง 1.6 มาขายก่อนดันเอาเครื่อง 2.0 ที่อืดและกินน้ำมัน ถึงจะเปลี่ยนเกียร์เป็น 5 สปีด ก็ไม่ช่วยอะไรเลย ส่วนผมรอมาสด้า 6 ครับ มันเป็นผลงาน masterpiece ของมาสด้าเลยก็ว่าได้
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Niceguy_C ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 20:43:42
ง่ายๆครับ

มาสด้า ไม่มีเงินทุนมากพอ ที่จะลุยตลาดได้จนไม่มองถึงความเสี่ยง
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 20:44:00
ผมคิดอย่างนึงการซื้อรถบางที เขาก็คำนึงถึงคนนั่ง และพื้นที่การใช้งาน ความคุ้มทุน อัลติสขายได้เพราะอะไร บอกตัวเองอยู่แล้วว่า นั่งดีกว่า focus สบายกว่า mz3 นั้นคือจุดยืนของแต่ละรุ่นครับ คราวนี้ลองมาดูต่อว่าทำไมยังยึดติดเจ้าตลาด chev ford mz3 เคยทำอะไหล่ ทนๆ ปัญหาน้อยๆมีมั้ยครับ การแก้ปัญหาก็ดี ทุกวันนี้ยังเห็น Cruzeเกียร์พังกันระนาว ผมรู้ว่า อัลติส ซีวิคนั้นไม่ได้ดีเด่มากมายแต่ทำไมขายได้ Brand Royalty อาจจะเป็นแค่ส่วนนึงแต่การใช้งานนี้ละส่วนสำคัญ และราคาขาย คนไทยไม่ได้มีกำลังซื้อรถแพงๆ มาใช้ LPG รถหรูยังมาเติม การที่จะทำอะไรออกมาขายต้องดูฑฤติกรรมของลูกค้าให้ชัดก่อนครับ กลุ่มที่ชอบของดี มีกำลังซื้อ มีก็จริงแต่จำนวนน้อยมากและไม่สามารถซื้อได้ทุกเดือนอยู่แล้ว  ;)

เรื่องความทนทาน ถ้าเราเฉลี่ยการใช้งาน 7 ปี หรือ 1.5 แสนโล ผมว่าไม่หนีกันนะครับ  และมันก็แปลผันตามการใช้งานของแต่ละคนด้วย

ส่วนเรื่องตัวรถ มันอยู่ที่มุมมองว่า ชอบขับ หรือชอบ นั่ง อันนั้นบอกกันไม่ได้

แต่เรื่องความรับผิดชอบ อยากบอกให้รู้ว่า เจ้าตลาด 2 รายใหญ่ เป็นรายที่รับผิดชอบต่อลูกค้าในระดับแย่เลยนะครับ ถามว่า ตรงไหน ??

ถ้าเราเคยเห็นข่าวกันบ่อยๆ จะเห็นว่ามี เชฟโลเลตเจ้าเดียว ที่ยอมรับคืนรถ และจ่ายเงินคืนลูกค้าเต็มจำนวน ในกรณีที่รถมีปัญหาจริง โดยไม่มีอีดออด แต่เราไม่มองกัน

มาสด้าเป็นแบรนด์ที่มีปัญหาถึงขั้นคืนรถน้อยมากๆ แต่ถ้าคืน ก็คืนและจ่ายเงินคืนเต็มเช่นกัน

แต่  2 รายใหญ่ อย่างพี่ T อย่าหวังว่าจะได้เงินคืนครับ ไปฟ้องเอา มีเคสลูกค้าร้องจะคืนรถกับรายนี้มากมาย แต่สุดท้าย จบที่ศาล ถ้าอ่านข่าวกันจะรู้ และก็ต้องชนะคดีด้วยถึงได้คืน แต่ส่วนใหญ่จบที่ลูกค้าขายรถทิ้งก่อน เพราะไม่อยากเสียเวลาขึ้นศาล ...

ค่าย H ก็มีเคสคืนรถเหมือนกัน แต่รายนี้ดีกว่าหน่อย คือ ยอมซ่อมให้เต็มที่ ปะนีปะนอมสุดๆ แต่ไม่คืนเงินนะจ๊ะ แต่อาจจะเปลี่ยนคันให้ ....... แล้วแต่กรณี ....

ไม่เชื่อลองอ่านข่าวย้อนหลังกันครับ

ปรีชา ฟอร์จูนเนอร์ จบที่ไหน ....

อัลติสที่เห็นมีคลิปล่าสุดไม่ได้มีคันเดียว ขึ้นป้ายประจานกันหน้าศูนย์ แต่ก็ทำไรไม่ได้ ทนตากแดดไม่ไหว เลิกไปเอง

เคส CRV ทุบรถ จบยังไง

แต่เชฟ ฯ เคสตำรวจปลอมที่ชลบุรี เค้ายืนดีคืนเงินให้เต็ม ก็เห็นอยู่

และล่าสุด เทรลเบเซอร์ ที่ดังๆตอนนี้ ก็คืนเงินให้เต็ม  ไม่มีอีดออด ไม่ต้องขึ้นป้ายประท้วง  และมีหลายคัน ที่ไม่เป็นข่าวที่รับผิดชอบโดยการคืนเงินให้

ถ้าเป็นจ้าวตลาดอะหรอ หึ ......

หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: TDCI ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 20:44:51
"ความจริง" ก็เป็นอย่างที่คุณจิมมี่ว่ามานั่นแหละครับ

แต่บางทีมันรู้สึกเจ็บใจ เราเห็นรถเกาหลีสวยๆไปขาย
ในลาว  แถมขนผ่านไทยซะด้วย แต่ไม่มีขายในบ้่านเรา

มาเลเซียเปิดตัว FOCUS ST  ไปแล้ว แต่บ้านเรายังลุ้น
เรื่องเกียร์อยู่เลยว่ากระตุกหรือเปล่า ทั้งๆที่ตลาดรถรถ
ในไทยใหญ่กว่ามาก

มาสด้า 6  ก็เหมือนกัน สิงคโปร์ตลาดนิดเดียว มาเลเซีย
ก็มี แต่ไม่ขายในไทย

ไม่มีตังค์ซื้อหรอกครับ แต่มันน่าเจ็บใจ

ที่น่าเจ็บใจอีกอย่าง เก่งเล็กดีเซล  ที่อินเดียขายกันเกลื่อน
บ้านเราเห็นอยากได้กันเยอะ ก็ไม่มีขาย

เจ็บใจอีกที
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 21:00:16
ท่านที่วิจารณ์ผู้บริหารของเค้าเนี่ย ท่านบริหารอะไรอยู่หรือไม่ครับ ถึงได้กล้าออกมาพูดอะไรง่ายๆแบบนี้

ถ้าท่านเป็นผู้บริหาร จะรู้ว่าการจะตัดสินใจเอาสินค้ารุ่นใหม่มาขึ้นไลน์ผลิตนั้น ปัจจัยต่างๆที่ต้องพิจารณามันเยอะมาก

อย่าใช้แค่ทัศนคติส่วนตัวมาตัดสินคนอื่นคับ อย่าคิดว่าอะไรๆมันง่ายเพียงแค่คิดเอาก็ได้แล้ว

คิดใครก็คิดได้ แต่ทำให้ได้จริงมันยาก และการตัดสินใจอะไรมันก็มีความเสี่ยง

ผมคิดว่าจขกท. คิดตื้นเกินไป ผลิตรถนะครับ ซัพพลายเชนยาวขนาดไหน คิดแบบท่านก็เจ๊งกันหมดแล้วผมว่า


ถ้าคุณใช้ตรรกะแบบนี้ ในชีวิตนี้คุณก็ไม่ต้องไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรทั้งนั้นครับ 

คุณวิจารณ์นายกไม่ได้ เพราะคุณเคยเป็นนายกรึป่าว เคยบริหารประเทศรึป่าว
คุณวิจารณ์รถไม่ได้ เพราะคุณไม่ใช่วิศวกรยานยนต์
คุณวิจารณ์อาหารไม่ได้ เพราะคุณเป็นเชฟชื่อดังรึป่าว ก็ไม่ใช่
แม้แต่รถติด คุณยังวิจารณ์ไม่ได้เลย เพราะคุณไม่มีความรู้ด้านการคมนาคม

ผมกำลังจะบอกว่าถ้าคุณใช้ตรรกะแบบนี้ ชีวิตนี้คุณเลิกเล่นเว็บบอร์ดได้เลยครับ 
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Nyquist ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 21:10:02
ท่านที่วิจารณ์ผู้บริหารของเค้าเนี่ย ท่านบริหารอะไรอยู่หรือไม่ครับ ถึงได้กล้าออกมาพูดอะไรง่ายๆแบบนี้

ถ้าท่านเป็นผู้บริหาร จะรู้ว่าการจะตัดสินใจเอาสินค้ารุ่นใหม่มาขึ้นไลน์ผลิตนั้น ปัจจัยต่างๆที่ต้องพิจารณามันเยอะมาก

อย่าใช้แค่ทัศนคติส่วนตัวมาตัดสินคนอื่นคับ อย่าคิดว่าอะไรๆมันง่ายเพียงแค่คิดเอาก็ได้แล้ว

คิดใครก็คิดได้ แต่ทำให้ได้จริงมันยาก และการตัดสินใจอะไรมันก็มีความเสี่ยง

ผมคิดว่าจขกท. คิดตื้นเกินไป ผลิตรถนะครับ ซัพพลายเชนยาวขนาดไหน คิดแบบท่านก็เจ๊งกันหมดแล้วผมว่า


ถ้าคุณใช้ตรรกะแบบนี้ ในชีวิตนี้คุณก็ไม่ต้องไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรทั้งนั้นครับ 

คุณวิจารณ์นายกไม่ได้ เพราะคุณเคยเป็นนายกรึป่าว เคยบริหารประเทศรึป่าว
คุณวิจารณ์รถไม่ได้ เพราะคุณไม่ใช่วิศวกรยานยนต์
คุณวิจารณ์อาหารไม่ได้ เพราะคุณเป็นเชฟชื่อดังรึป่าว ก็ไม่ใช่
แม้แต่รถติด คุณยังวิจารณ์ไม่ได้เลย เพราะคุณไม่มีความรู้ด้านการคมนาคม

ผมกำลังจะบอกว่าถ้าคุณใช้ตรรกะแบบนี้ ชีวิตนี้คุณเลิกเล่นเว็บบอร์ดได้เลยครับ 

คล้ายๆกับวิจารย์ฟุตบอล

แล้วถามว่าเป็นผู้จัดการทีมเหรอ หรือเป็นเจ้าของทีมเหรอ ไปคุมทีมเองเลยมั้ย  ;D
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: TeslaX ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 21:12:45
"ความจริง" ก็เป็นอย่างที่คุณจิมมี่ว่ามานั่นแหละครับ

แต่บางทีมันรู้สึกเจ็บใจ เราเห็นรถเกาหลีสวยๆไปขาย
ในลาว  แถมขนผ่านไทยซะด้วย แต่ไม่มีขายในบ้่านเรา

มาเลเซียเปิดตัว FOCUS ST  ไปแล้ว แต่บ้านเรายังลุ้น
เรื่องเกียร์อยู่เลยว่ากระตุกหรือเปล่า ทั้งๆที่ตลาดรถรถ
ในไทยใหญ่กว่ามาก

มาสด้า 6  ก็เหมือนกัน สิงคโปร์ตลาดนิดเดียว มาเลเซีย
ก็มี แต่ไม่ขายในไทย

ไม่มีตังค์ซื้อหรอกครับ แต่มันน่าเจ็บใจ

ที่น่าเจ็บใจอีกอย่าง เก่งเล็กดีเซล  ที่อินเดียขายกันเกลื่อน
บ้านเราเห็นอยากได้กันเยอะ ก็ไม่มีขาย

เจ็บใจอีกที

มันเป็นเรื่องของผู้บริหารประเทศครับ ถ้าเกิดเอาเก๋งดีเซลมาขายราคาไม่ถึงล้าน ประมาณ 5-6 แสน รถกระบะก็จะขายไม่ออก  ปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้กลไกลตลาดเปลี่ยนจากเดิมน้ำมันดีเซลเป็นของภาคขนส่ง แต่ถ้าเก๋งดีเซลมาแย่ง ก็จะเกิดเหตุน้ำมันดีเซลไม่พอต่อความต้องการ แถมต้องขึ้นราคาอีก สินค้าก็แพงขึ้นอีก ส่วนมาเลกับสิงคโป เค้าเป็นประเทศที่พัฒนากันแล้วครับ ส่วนไทยมีแต่พัฒนาได้พักหนึ่งก็หยุดแล้วก็นับหนึ่งใหม่
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: decptt ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 21:46:24
ผมเป็นคนที่พอมีความรู้เรื่องรถ"บ้าง"
บ้านผมทำธุรกิจขายอะไหล่ รถยนต์ รถบรรทุก
ผมตัดสินใจที่จะซื้อรถ 1 คัน พิจารณาจาก
1. พ่อแม่ ภรรยา ลูกๆหลานๆ
2. อรรถประโยชน์ใช้สอย
3. ศูนย์บริการหลังการขาย
4. ราคาขายต่อ (ผมเป็นคนที่ใช้รถยาวๆ แต่มันมีบางเหตุการณ์ทำให้ปัจจุบันผมต้องมานั่งคิดถึงราคาขายต่อ สมัยก่อนไม่เคยสนใจกับราคาขายต่อเลยครับ กะใช้จนพัง)
5. สมรรถนะการขับขี่ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

ผมชอบ MD6 มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ถ้าให้ซื้อ ผมตอบเลย คิด"หนัก"ครับ แค่เรื่องศูนย์บริการ กับค่าซ่อม ก็อึ้งแล้วครับ (เพื่อนผมขาย MD3 ก็เพราะสาเหตุนี้ ใช้ไปแค่ 40,000โลเองครับ)

ดังนั้นผมว่า ผู้บริหารมาสด้า คงรู้ปัญหาหลายๆอย่าง จึงยังไม่สามารถลงทุนความเสี่ยงได้เต็มที่ ผมคิดว่า น่าจะดูพยากรณ์การขายรถใน AEC ดูกันอีกที แล้วถึงจะลุยตลาดครับ

เพราะมาสด้า ไม่ใช่เบอร์ 1, 2 หรือ 3 ดังนั้นเงินลงทุนสู้ไม่ได้ ไม่สามารถทุ่มทุนสร้างอะไรได้ง่ายๆ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Stroke8 ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 21:54:47
คุณ จขกท. คงจะลืมไปอย่างนึงครับ ว่าคนบนอินเตอร์เน็ตที่บอกว่าอยากได้รุ่นนั้นอยากได้รุ่นนี้ 99% จะไม่ซื้อรถรุ่นนั้นเมื่อมันเปิดตัว

เพราะว่าถ้าพวกเราซื้อทุกคันที่เราบอกว่าชอบ รถก็คงจะเต็มบ้านพวกเราละครับ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: joufo ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 22:35:15
ผมว่า ผู้บริหารไทยไม่เก่งมากกว่า
โดยเฉพาะฝ่ายการตลาดและการประชาสัมพันธ์เนี่ย

ผมเชื่อว่า ผู้บริหารคนไทย ในมาสด้า ก็ไม่รู้หรอกครับว่า สินค้าที่ที่ตัวเองขายอยู่มันมีข้อดีที่แท้จริงตรงไหน
และจะสื่อให้กับลูกค้ารับรู้ได้อย่างไร

เพราะการตลาดของมาสด้า(ในไทย) ก็ไม่เห็นจะเน้นจุดเด่นของรถตัวเองเลย

หรือแม้แต่จะโฆษณาว่า ซูม ซูม เนี่ย
ผู้บริหารคนไทย เข้าใจคำว่า ซูม ซูม ดีแค่ไหนครับ



ผมเองก็ใช้มาสด้า 2
ตั้งแต่ใช้มา ผมก็เห็นข้อดีของรถมากมาย ที่ไม่เคยได้ยินจากโฆษณาของมาสด้าเลย
(ทั้งๆ ที่โฆษณาในประเทศอื่น เขาก็เน้นข้อดีของรถรุ่นนี้ได้ตรงประเด็น)

ถ้าชูจุดเจ่นสินค้าของตัวเองได้
มาสด้าในไทย ก็คงจะขายดีกว่านี้

ถ้าจะบอกว่า ญี่ปุ่นดูถูกรถตัวเอง ผมยืนยันว่าไม่ใช่แน่นอน
เพราะผมติดตาม ข่าวสารของ มาสด้า ที่ญี่ปุ่น ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ
รวมถึงการรับ Newsletter ของญี่ปุ่นด้วย

แม้แต่เรื่องสีแดงที่เป็นเฉดสีใหม่ ที่ใช้กับมาสด้า 6 เขาก็ยังมีเรื่องราว และที่มาของเฉดสีนี้ที่น่าสนใจมาก


แต่ถ้าบอกว่าผู้บริหารคนไทย ไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง ผมก็จะเห็นด้วย
อย่างโฆษณามาสด้าสองตัวใหม่ ที่มาบอกว่า สปอร์ท พรีเมี่ยมหนะ
ผมถามหน่อยเถอะว่า มันพรีเมี่ยมตรงไหน (แค่เปลี่ยนไฟหน้าเนี่ยนะ ก็บอกว่า พรีเมี่ยมเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว)
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Volta ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 22:38:39
ผมว่าเขาคงไม่ได้ดูถูกรถตัวเองหรอกครับ
เพียงแต่การดำเนินธุรกิจอะไรก็ตาม มันต้องคิดให้ถี่ถ้วนมากๆ เพราะนั่นคือความเสี่ยงที่จะตามมา
หากไม่ศึกษาตลาดไห้ดี

ตัวอย่างก็มีไห้เห็นหลายรุ่นมากแล้ว ที่ไม่ศึกษาตลาดไห้ดี สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกกิจการไป

เอาง่ายๆใกล้ตัวตอนนี้ ก็แบรนด์รถยนต์สัญชาติอินเดียเนี่ยล่ะครับ
มองเห็นตลาดรถกระบะยอดขายเยอะ แต่ไม่ได้ศึกษาไห้ถ่องแท้ว่าต้องขายอะไร
ตัวผลิตภัณฑ์เองก็ไม่สามารถยืนหยัดในเรื่องคุณภาพได้
ประกอบกับ After sale ที่ไม่ดีเอาเสียเลย แล้วใครเขาจะไปซื้อครับ?


ผมกลับมองเหมือนกับบางท่านในนี้ว่า มาสด้ากำลังพัฒาขึ้นจากรากฐานก่อน นั่นคือเรื่อง After sale
สังเกตุดูได้เลยว่าศูนย์มาสด้าเพิ่มมากขึ้น คุณภาพการบริการดีขึ้น การเอาใจใส่ต่อการแก้ปัญหาดีขึ้น

ผมขอเทียบฟอร์ดกับมาสด้านะครับ เป็นเคสแร็คพวงมาลัยมีปัญหาเหมือนกัน
                                                                 ผมใช้ฟอร์ด เฟียสต้า        น้องสาวผมใช้มาสด้า2
- เข้าเช็กระยะปกติ แบบนัดหมายล่วงหน้า                ไม่ต่ำกว่า 3 ชม.               ไม่เกิน 1.30 ชม.
- ระยะเวลารออะไหล่เคลมแร็คพวงมาลัย                        1 เดือน                         2 อาทิตย์
- ระยะเวลาในการวิเคราะห์ปัญหา(แร็คมีปัญหา)                3 วัน                            1 วัน   
- การบริการเวลาเข้าเช็กระยะ                                   เดินเรื่องเอง                พนักงานมาดูแลตลอด 

เห็นได้ว่ามาสด้าทำได้ดีกว่าฟอร์ดครับ อาจจะไม่ถึงขั้นโปร แบบโตโยต้า หรือฮอนด้า แต่หลายๆสิ่งมันก็ดีขึ้น
จนสังเกตุได้   

ตัวรถเองก็มีคุณภาพดีขึ้น ผมและน้องซื้อรถพร้อมๆกัน จนถึงตอนนี้ น้องสาวผมเจอแค่เคสเดียว (แร็ค)
ส่วนผมเจอไป 4 เคสแล้ว (แร็ค,เกียร์,คลัชคอมแอร์,สีมือจับประตู)

สุดท้ายพอได้เห็นมาสด้าของน้องสาวแล้ว มันก็ทำไห้ผมมีความมั่นใจในแบรด์ และตัวรถมากขึ้น
ซึ่งผมก็มองว่าหากพื้นฐานเรื่องการบริการดีแล้ว มันก็สามารถช่วยทดแทนสมรรถนะของตัวรถได้

เหมือนที่มาสด้า 2 ขายดีอยู่ตอนนี้ไงครับ

ผมเองก็มีความรู้สึกเดียวกับ จขกท. ไม่ชอบที่มาสด้าไม่กล้าที่จะเอารถดีๆเข้ามาขาย 
ถามว่าแบรด์ตอนนี้อาจจะยังไม่แข็งแกร่งมากนัก หากเอาเข้ามาจริง ผมกลัวว่ามันคงตีตลาด
ได้แค่ลูกค้าเฉพาะกลุ่มเท่านั้น (เล่นเนต หาข้อมูล)  แต่กับฐานลูกค้าอื่นๆ คนทั่วๆไปที่อาศัย
ความเชื่อเดิมๆ ก็คงยากที่จะดึงความสนใจเขามาได้

ผมว่า ลองใจเย็นๆดูก่อนนะครับ อย่างน้อยใน 3-4 ปีที่ผ่านมา มาสด้าก็ได้พัฒนาอะไรหลายๆอย่างไห้ดีขึ้น
ถึงแม้จะเป็นพัฒนาการอย่างช้าๆ แต่ก็ยังดีกว่าบางค่ายที่ไม่คิดจะพัฒนาอะไรไห้ดีขึ้นเลย ปล่อยไห้ลูกค้าเผชิญ
ชะตากรรมเอง (ว่ารถตูจะรออะไหล่กี่อาทิตย์ดี  :D) 

อย่างน้อย ประเทศไทยก็ได้เห็นชื่อ Sky active  แปะบน CX5 และ MZ6 มันก็เป็นสัญญาณดีๆที่ทำไห้ผมตัดสินใจ
รอดูรถของพวกเขา ว่ามีดีพอที่จะเป็นรถคันต่อไปของผมหรือไม่?

ถ้า ต.ค. นี้เปิดตัว CX5 = ผมคงซื้อไม่ได้ เงินดาว์นไม่พอ คันเก่าส่งไปแค่ 3 ปีเอง  :D
ถ้า ปีหน้ามี MZ6 =  ผมคงซื้อไม่ได้อีกนั่นล่ะ เงินดาว์นไม่พอ คันเก่าส่งไปแค่ 4 ปีเอง  :D   
ถ้าอีก 2 ปี MZ3 ใหม่ = ผมคงซื้อได้ คันเก่าส่งหมดพอดี มีเงินดาว์นเพียงพอ

อย่างน้อยก็มีผมรออ่ะนะ  ;D   

(ขออภัยหากความคิดเห็นออกทะเล  :D) 
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: wanarat7777 ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 23:00:22
ผมก็ยังกังขากับกำลังซื้อในไทยด้วยคน เพราะจริงๆรอบตัวผมตอนนี้ก็ไล่ทยอยซื้อรถและอยู่ในช่วงผ่อนกัน แทบจะไม่มีใครที่จะมีกำลังจะซื้อภายในสามปีนี้เลย ผ่อนยาวกันทั้งนั้น ตัวผมเองรอ CX5 มาตั้งแต่แรกเห็น ก็น่าจะสองปีแล้ว วิ่งไปดูคันอื่นมามากหลายแต่ก็ไม่ชอบ ยิ่งพอไปซื้อบ้านยิ่งทำให้รู้เลยว่าผู้ชายคนเดียว ผ่อนบ้านและรถ มันเหนื่อยใจมาก ดังนั้นผมจึงรอ CX5 ต่อไป พร้อมกับเก็บเงิน ส่วน mazda 6 สวยมาก แต่ก็ต้องชั่งใจเพราะมันก็คงไม่ต่างจากเวลาผมคุยกับผู้ใหญ่ตอนนี้เค้าก็หันไปที่เจ้าตลาดจริงๆ แค่เทียน่ายังเป็นอะไรที่ลำบากเลย ยิ่งสถานะการณ์หนี้ไทยโดยรวมมันจะดูโหดใกล้ประเทศที่เค้าล่มจมกัน ส่วนตัวผมเองคงไม่เปลี่ยนรถบ่อย ใช้เงินให้คุ้มค่า คิดหน้าหลังให้ดีก่อนจะจ่ายเงิน ล้านห้า และเป็นหนี้อีกสี่ถึงหกปี หนี้มันโหดมากจริงๆ :'(
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: 6162002 ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 23:07:41
จขกท. รู้ได้ไงครับว่า MD6 จะมีปัญญาโค่น แอคคอร์ด เทียน่า (ไม่ต้องถึงแคมรี่หรอก)  กาลเวลาพิสูจน์แล้วว่า กระแสในเนต แทบไม่เคยตรงกับความเป็นจริงครับ
ไม่งั้นอัลติสไม่เกลื่อนเมืองอย่างนี้หรอกครับ

คนที่ชอบมาสด้า 6  ที่พูดๆกันในบอร์ด ในเนต มีซักกี่คนที่คิดจะซื้อจริงๆครับ

คนจะซื้อ D-Segment โดยเน้นสมรรถนะการขับขี่เป็นหลักมันจะมีซักกี่คนเชียว ผมว่าคุณลองตอบก่อนดีกว่าครับ ว่าคนจะซื้อ D-Seg ต้องการอะไร

ผมว่ามาสด้าก็พูดถูกของเขาแล้วล่ะครับ แก้ปัญหาภายในด้านอื่นๆก่อนดีกว่า เดี๋ยวพอพร้อมแล้วลุยทีเดียวก็ยังไม่สาย

ฐานรากต้องมั่นคงก่อน เรื่องนี้มันเป็นพื้นฐานอยู่แล้วครับ ผมว่าอีกซัก 3-4 ปี มาสด้าถึงจะเป็นตัวเป้งในวงการรถเมืองไทยอย่างแท้จริง

ต่อให้ CX-5 ผมก็กล้าพนัน (พูดจริงนะครับ) ว่ายังไงก็สู้ CR-V ไม่ได้


เอาง่ายๆ Accord ที่ว่าดีนักดีหนา ชื่อชั้นเป็นรถตลาดเหมือนกันเนี่ย  โค่นแคมรี่ให้ได้ก่อนเหอะด้านยอดขาย  ถ้าระดับแอคคอร์ดยังทำไม่ได้  มาสด้า6 อย่าฝันครับ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: wittymazdaFC ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 23:17:13
อืม  ท่านต้องเข้าใจโลกความเป็นจริงครับ mazda ไม่ใช่บริษัทิใหญ่ ประเทศไทยก็ไม่ใช่ บริษัทิใหญ่  จะไปทำอะไร ซุ่มสี่ ซุ่มห้า ไม่ได้ หรอกครับ มันเสี่ยง
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sith(สิทธิ์) ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 23:24:11
เจ้าของกระทู้อาจจะเป็นแฟนพันธ์แท้มาสด้าก็ได้(ผมก็คนนึง)
มีคนถามว่าถ้ามาสด้าจัดราคามาแพงกว่าเจ้าตลาด 20 เปอซ็นต์ จะมีคนซื้อไหม ผมตอบได้เลยว่า

ถ้ามาสด้ากล้าจัดราคาแบบนั้นแล้ว อุปกรณ์ต่างๆมีครบ ความปลอดภัยขั้นพื้นฐานมาตราฐานจัดเต็ม
ผมซื้อครับ แพงกว่า 20 เปอเซ็นต์ ผมยังรับได้
เรื่องเกียวกับรถยนต์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นในเว็บบร์อทเกี่ยวกับรถต่างๆ

ส่วนเรื่องการจัดการระบบของมาสด้านั้นผมยังยืนยันว่ามาสด้าคิดไกลครับ
ผมเชื่อว่ามีตัวแทนของมาสด้าเข้ามาอ่านในเว็บบร์อทต่างๆ คลับรถยนต์ต่างๆ เพื่อเอาข้อมูลไปวิจัย
สังเกตุไหมค่ายรถยนต์หลายยี่ห้อ เร่งขาย เร่งผลิต เร่งทำ แต่งานบริการต่างๆ ทั้งก่อนขายและหลังขายไม่ได้เรื่องเลย
รถขายได้เยอะแต่การบริการยังย่ำต๊อก ไม่ดีขึ้น ลูกค้ารำคาญก็มาโวยวายประจาน
แต่สังเกตุไหมว่า มาสด้า ก่อนจะมีเจ้าสกายแอคทีพเป็นข่าวเนี่ย เค้าเน้นอะไรในช่วงนี้
นั่นคือ งานบริการก่อนขายและหลังขาย ผมกล้าให้สังเกตุเลยว่ามันดีขึ้น
เค้าคงมองระบบการจัดการพื้นฐานคือ ดีลเลอร์ ศูนย์ งานบริการต้องพร้อมจริงๆก่อนจะเดินเครื่องเต็มสูบ
เพื่อให้งานมันเป็นระบบ เมื่อระบบพื้นฐานมันดี ระยะยาวมันก็ดี ไม่ใช่ทำไปแก้ไปเหมือนบางค่าย

ทุกวันนี้ผมมองว่า มาสด้าเค้าเอาจริงแน่ๆกับตลาดเอเชีย เค้าไม่ได้มองแค่ไทยเค้ามองไกลกว่านั้น
การเติบโตแบบก้าวกระโดดนั้น ถามว่ามาสด้าทำได้ไหม ผมเชื่อว่าทำได้แต่มันจะไม่ระยะยาว
ทุกวันนี้ผมเชื่อแล้วว่าเค้าทำการตลาดเพื่อหวังผลระยะยาวและเตรียมการมาดีด้วย
เพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การบริการมาสด้าเปลี่ยนไปเยอะมาก เยอะจนผมแทบไม่เชื่อ
ขอให้รักษามาตราฐานที่ดีนี้ไว้ละกัน 

จขกท. รู้ได้ไงครับว่า MD6 จะมีปัญญาโค่น แอคคอร์ด เทียน่า (ไม่ต้องถึงแคมรี่หรอก)  กาลเวลาพิสูจน์แล้วว่า กระแสในเนต แทบไม่เคยตรงกับความเป็นจริงครับ
ไม่งั้นอัลติสไม่เกลื่อนเมืองอย่างนี้หรอกครับ

คนที่ชอบมาสด้า 6  ที่พูดๆกันในบอร์ด ในเนต มีซักกี่คนที่คิดจะซื้อจริงๆครับ

คนจะซื้อ D-Segment โดยเน้นสมรรถนะการขับขี่เป็นหลักมันจะมีซักกี่คนเชียว ผมว่าคุณลองตอบก่อนดีกว่าครับ ว่าคนจะซื้อ D-Seg ต้องการอะไร

ผมว่ามาสด้าก็พูดถูกของเขาแล้วล่ะครับ แก้ปัญหาภายในด้านอื่นๆก่อนดีกว่า เดี๋ยวพอพร้อมแล้วลุยทีเดียวก็ยังไม่สาย

ฐานรากต้องมั่นคงก่อน เรื่องนี้มันเป็นพื้นฐานอยู่แล้วครับ ผมว่าอีกซัก 3-4 ปี มาสด้าถึงจะเป็นตัวเป้งในวงการรถเมืองไทยอย่างแท้จริง

ต่อให้ CX-5 ผมก็กล้าพนัน (พูดจริงนะครับ) ว่ายังไงก็สู้ CR-V ไม่ได้


เอาง่ายๆ Accord ที่ว่าดีนักดีหนา ชื่อชั้นเป็นรถตลาดเหมือนกันเนี่ย  โค่นแคมรี่ให้ได้ก่อนเหอะด้านยอดขาย  ถ้าระดับแอคคอร์ดยังทำไม่ได้  มาสด้า6 อย่าฝันครับ

ผมว่าถ้ามาสด้าจัดเต็มในเรื่องอุปกรณ์มาตราฐานผมว่าCRV มาสด้าโค่นได้แน่
แต่ถ้า ย้ำนะครับว่า ถ้ามาสด้ายังกั๊กอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานไม่ใส่มาเต็มๆ ยังไงคงซื้อใจคนไทยไม่ได้
ผมเชื่อว่า มีคนในมาสด้ามาอ่านกระทู้ในเว็บบร์อทต่างๆแน่นอน
ขอนะครับ อุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน ถ้ากล้าใส่ แบบคุ้มกับเงินที่เสียไป ผมเชื่อว่า มาสด้าไปได้สวย
และอาจจะไปได้ดีด้วย ทุกวันนี้มาสด้าราคาถูกกว่าชาวบ้านจริงแต่อุปกรณ์ขั้นพื้นฐานก็ตัดออกไปด้วย
ผมใช้มาสด้ามาหลายรุ่นละ ของจำเป็นตัดออกจัง อยากได้ก็ต้องท็อปๆเท่านั้น
แบบนี้ผมถือว่าเดินทางผิด คิดผิดตอนนี้ ปรับตัวยังทัน ดูฟร์อดไว้ ราคาแพงกว่ามาสด้าไม่เท่าไหร่ ของใส่ครบ
ของบางอย่างต้องกล้าให้ โดยที่ไม่ต้องรอลูกค้ามาขอ

ขอยืนยันคำเดิมครับ ถ้ามาสด้าแพงกว่าชาวบ้าน20เปอเซ็นต์
แต่อุปกรณ์ความปลอดภัยครบ ผมกล้าซื้อ
แต่ถ้าราคาไล่ๆชาวบ้าน ของควรมีคุณตัดออก ผมไม่ซื้ออีกเลย
ผมเข็ดกับ รถไม่มีเอบีเอส ไม่มีถุงลมคุณมานานละ ขั้นพื้นฐานคืองานบริการคุณได้ละ คราวนี้ผมขอ
มาตราฐานความปลอดภัย เพิ่มเข้ามา สิ่งควรมีคุณใส่ ราคาเท่าชาวบ้าน ผมซื้อ

มาระบายกะเค้าอีกรอบ เพราะผมก็คอมาสด้าคอมิตซูเช่นกัน
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Nlight ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 23:43:47
ส่วนตัวผมว่า Mazda ก็ทำเต็มที่เต็มกำลัง "คน" และ "ทรัพย์" ที่เขามีถึงที่สุดแล้วหล่ะครับ D-Segment มันไม่ได้จะพลิกแซง หรือทำให้เกิดกันง่ายๆครับ
ก็คันนึงมันไม่ได้ 6-7 แสน แบบ Eco Car หรือ B-Seg ที่พอเห็นรายเล็กรายน้อยเกิดขึ้นมากกว่ารถขนาดอื่น แต่เจ้ารถ D-Seg เนี่ยราคามันปาไปคันเป็นล้านคนทั่วไปถ้าไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง ก็เสียดายกันหมดครับ พอจะยอมเสียก็มักจะยอมจ่ายเพื่อ "เรื่องราว"ที่ทำให้รู้สึกหายกลัวแฝงเข้ามาด้วย เช่น ซื้อ T ทน ศูนย์เทพ 


ผมชอบกระทู้นี้มากครับ
ขอบคุณสำหรับทุกท่าน และอณูความรู้ครับโดยเฉพาะพี่ Jimmy! ครับ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Tonaka ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 23:51:42
มาสด้าเป็นบริษัทที่น่าสงสารครับ  

จากที่เคยสนทนากับอาจารย์ท่านหนึ่งซึงมี่ส่วนเกี่ยวข้องกับมาสด้าโดยตรง   ก็พอจะรู้ได้ว่า  การที่มาสด้ายังไม่ทุ่มตลาดที่ไทยมากนักก็เพราะ เขาต้องระวังตัวครับ
ไหนจะเรื่องความสัมพันธ์กับฟอร์ดที่เริ่มๆจะห่างกันเรื่อง  ณ ตอนนี้โรงงาน Auto Alliance ระหว่างฟอร์ดกับมาสด้า ในโลกนี้มีแค่สองที่ครับ คือในอเมริกากับไทย  และข่าวร้ายคือมันจะเหลือแค่แห่งเดียวคือที่ไทยในเร็วๆนี้ครับ  

นโยบายเรื่อง Sky Activ นี่ก็เกี่ยวกับความเป็นความตายของมาสด้าเลยก็ว่าได้ครับ เพราะเขาวางเดิมพันไว้สูง ถึงขั้นไม่ไปแตะรถพลังงานทางเลือกอื่นเลย

ส่วนเรื่องตลาดในไทยนั้น  จะผมเองก็คิดว่ามาสด้าก็คงอยากจะเอาเข้ามาประกอบขายในไทยหลายรุ่นใจจะขาดอยู่แล้วครับ  แต่ว่าจะเอาไปประกอบที่ไหนหล่ะ??  คุ้มไหม??  เสี่ยงอยู่นะครับ  เพราะไหนจะนโยบายรถคันแรกอีก  ตอนนี้ตลาดรถเก๋งขนาดกลางขึ้นไปชะลอตัวอย่างรุ่นแรงเลย

ส่วนตัวจะไปว่าผู้บริหารญี่ปุ่นไม่เก่งซะทีเดียวก็คงไม่ได้หรอกครับ แต่จะว่าเขาไม่เข้าใจเมืองไทยก็คงไม่เชิงครับ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: dusitmon123 ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 01:01:54
ท่านที่วิจารณ์ผู้บริหารของเค้าเนี่ย ท่านบริหารอะไรอยู่หรือไม่ครับ ถึงได้กล้าออกมาพูดอะไรง่ายๆแบบนี้

ถ้าท่านเป็นผู้บริหาร จะรู้ว่าการจะตัดสินใจเอาสินค้ารุ่นใหม่มาขึ้นไลน์ผลิตนั้น ปัจจัยต่างๆที่ต้องพิจารณามันเยอะมาก

อย่าใช้แค่ทัศนคติส่วนตัวมาตัดสินคนอื่นคับ อย่าคิดว่าอะไรๆมันง่ายเพียงแค่คิดเอาก็ได้แล้ว

คิดใครก็คิดได้ แต่ทำให้ได้จริงมันยาก และการตัดสินใจอะไรมันก็มีความเสี่ยง

ผมคิดว่าจขกท. คิดตื้นเกินไป ผลิตรถนะครับ ซัพพลายเชนยาวขนาดไหน คิดแบบท่านก็เจ๊งกันหมดแล้วผมว่า


ถ้าคุณใช้ตรรกะแบบนี้ ในชีวิตนี้คุณก็ไม่ต้องไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรทั้งนั้นครับ 

คุณวิจารณ์นายกไม่ได้ เพราะคุณเคยเป็นนายกรึป่าว เคยบริหารประเทศรึป่าว
คุณวิจารณ์รถไม่ได้ เพราะคุณไม่ใช่วิศวกรยานยนต์
คุณวิจารณ์อาหารไม่ได้ เพราะคุณเป็นเชฟชื่อดังรึป่าว ก็ไม่ใช่
แม้แต่รถติด คุณยังวิจารณ์ไม่ได้เลย เพราะคุณไม่มีความรู้ด้านการคมนาคม

ผมกำลังจะบอกว่าถ้าคุณใช้ตรรกะแบบนี้ ชีวิตนี้คุณเลิกเล่นเว็บบอร์ดได้เลยครับ 

คุณแยกออกไหมครับ อะไรคือวิจารณ์ อะไรคือการใช้อารมณ์ไปตำหนิคนอื่น

การวิจารณ์มันต้องมีเหตุ มีผล มีหลักเกณฑ์ อย่างน้อยต้องมีข้อมูลอ้างอิง

คุณไปบอกว่าเค้าไม่เก่ง ไม่กล้า ดูถูกรถตัวเอง นั่นมันคือความเห็นของคุณครับ ไม่ได้วิจารณ์เลย

คุณยังไม่รู้เลยว่าเค้าทำอะไรลงไปบ้าง

เหมือนการวิจารณ์รัฐบาล คุณก็ต้องรู้ก่อนว่าเค้าทำอะไร ทำแล้วมันเกิดผลอะไรขึ้น แล้วต้นเหตุปลายเหตุมันมีอะไรบ้าง
การวิจารณ์รถ ต้องรู้ว่าสเป็กมันเป็นยังไง บุคลิกรถเป็นไง อย่างน้อยก็ควรจะเคยขับมาบ้าง ถึงจะมาวิจารณ์

แต่นี่อะไรครับ มีแต่สิ่งที่คุณ คิดว่า อย่างเดียวเลย ตัวเลขอะไรก็ไม่มี

ถ้าจะวิจารณ์ มันต้องแบบคุณจิมมี่นั่นครับ เค้าเรียกวิจารณ์

อย่างของคุณ ผมว่าพูดลอยๆมากกว่า ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ความรู้สึกล้วนๆ

คุณจะพิมพ์ จะพูดอะไรก็ได้ครับ สิทธ์ของคุณ แต่ผมแค่ไม่พอใจที่คุณไปตัดสินคนอื่น ว่าเค้าไม่เก่ง ไม่กล้า ดูถูกผลงานของตัวเอง โดยที่คุณยังไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยแม้แต่น้อย

ถ้าเป็นชีวิตจริง คุณจะโดนฟ้องเอานะครับแบบนี้
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: hong_G ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 01:28:10
เจ้าของกระทู้อาจจะเป็นแฟนพันธ์แท้มาสด้าก็ได้(ผมก็คนนึง)
มีคนถามว่าถ้ามาสด้าจัดราคามาแพงกว่าเจ้าตลาด 20 เปอซ็นต์ จะมีคนซื้อไหม ผมตอบได้เลยว่า

ถ้ามาสด้ากล้าจัดราคาแบบนั้นแล้ว อุปกรณ์ต่างๆมีครบ ความปลอดภัยขั้นพื้นฐานมาตราฐานจัดเต็ม
ผมซื้อครับ แพงกว่า 20 เปอเซ็นต์ ผมยังรับได้
เรื่องเกียวกับรถยนต์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นในเว็บบร์อทเกี่ยวกับรถต่างๆ

ส่วนเรื่องการจัดการระบบของมาสด้านั้นผมยังยืนยันว่ามาสด้าคิดไกลครับ
ผมเชื่อว่ามีตัวแทนของมาสด้าเข้ามาอ่านในเว็บบร์อทต่างๆ คลับรถยนต์ต่างๆ เพื่อเอาข้อมูลไปวิจัย
สังเกตุไหมค่ายรถยนต์หลายยี่ห้อ เร่งขาย เร่งผลิต เร่งทำ แต่งานบริการต่างๆ ทั้งก่อนขายและหลังขายไม่ได้เรื่องเลย
รถขายได้เยอะแต่การบริการยังย่ำต๊อก ไม่ดีขึ้น ลูกค้ารำคาญก็มาโวยวายประจาน
แต่สังเกตุไหมว่า มาสด้า ก่อนจะมีเจ้าสกายแอคทีพเป็นข่าวเนี่ย เค้าเน้นอะไรในช่วงนี้
นั่นคือ งานบริการก่อนขายและหลังขาย ผมกล้าให้สังเกตุเลยว่ามันดีขึ้น
เค้าคงมองระบบการจัดการพื้นฐานคือ ดีลเลอร์ ศูนย์ งานบริการต้องพร้อมจริงๆก่อนจะเดินเครื่องเต็มสูบ
เพื่อให้งานมันเป็นระบบ เมื่อระบบพื้นฐานมันดี ระยะยาวมันก็ดี ไม่ใช่ทำไปแก้ไปเหมือนบางค่าย

ทุกวันนี้ผมมองว่า มาสด้าเค้าเอาจริงแน่ๆกับตลาดเอเชีย เค้าไม่ได้มองแค่ไทยเค้ามองไกลกว่านั้น
การเติบโตแบบก้าวกระโดดนั้น ถามว่ามาสด้าทำได้ไหม ผมเชื่อว่าทำได้แต่มันจะไม่ระยะยาว
ทุกวันนี้ผมเชื่อแล้วว่าเค้าทำการตลาดเพื่อหวังผลระยะยาวและเตรียมการมาดีด้วย
เพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การบริการมาสด้าเปลี่ยนไปเยอะมาก เยอะจนผมแทบไม่เชื่อ
ขอให้รักษามาตราฐานที่ดีนี้ไว้ละกัน  

จขกท. รู้ได้ไงครับว่า MD6 จะมีปัญญาโค่น แอคคอร์ด เทียน่า (ไม่ต้องถึงแคมรี่หรอก)  กาลเวลาพิสูจน์แล้วว่า กระแสในเนต แทบไม่เคยตรงกับความเป็นจริงครับ
ไม่งั้นอัลติสไม่เกลื่อนเมืองอย่างนี้หรอกครับ

คนที่ชอบมาสด้า 6  ที่พูดๆกันในบอร์ด ในเนต มีซักกี่คนที่คิดจะซื้อจริงๆครับ

คนจะซื้อ D-Segment โดยเน้นสมรรถนะการขับขี่เป็นหลักมันจะมีซักกี่คนเชียว ผมว่าคุณลองตอบก่อนดีกว่าครับ ว่าคนจะซื้อ D-Seg ต้องการอะไร

ผมว่ามาสด้าก็พูดถูกของเขาแล้วล่ะครับ แก้ปัญหาภายในด้านอื่นๆก่อนดีกว่า เดี๋ยวพอพร้อมแล้วลุยทีเดียวก็ยังไม่สาย

ฐานรากต้องมั่นคงก่อน เรื่องนี้มันเป็นพื้นฐานอยู่แล้วครับ ผมว่าอีกซัก 3-4 ปี มาสด้าถึงจะเป็นตัวเป้งในวงการรถเมืองไทยอย่างแท้จริง

ต่อให้ CX-5 ผมก็กล้าพนัน (พูดจริงนะครับ) ว่ายังไงก็สู้ CR-V ไม่ได้


เอาง่ายๆ Accord ที่ว่าดีนักดีหนา ชื่อชั้นเป็นรถตลาดเหมือนกันเนี่ย  โค่นแคมรี่ให้ได้ก่อนเหอะด้านยอดขาย  ถ้าระดับแอคคอร์ดยังทำไม่ได้  มาสด้า6 อย่าฝันครับ

ผมว่าถ้ามาสด้าจัดเต็มในเรื่องอุปกรณ์มาตราฐานผมว่าCRV มาสด้าโค่นได้แน่
แต่ถ้า ย้ำนะครับว่า ถ้ามาสด้ายังกั๊กอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานไม่ใส่มาเต็มๆ ยังไงคงซื้อใจคนไทยไม่ได้
ผมเชื่อว่า มีคนในมาสด้ามาอ่านกระทู้ในเว็บบร์อทต่างๆแน่นอน
ขอนะครับ อุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน ถ้ากล้าใส่ แบบคุ้มกับเงินที่เสียไป ผมเชื่อว่า มาสด้าไปได้สวย
และอาจจะไปได้ดีด้วย ทุกวันนี้มาสด้าราคาถูกกว่าชาวบ้านจริงแต่อุปกรณ์ขั้นพื้นฐานก็ตัดออกไปด้วย
ผมใช้มาสด้ามาหลายรุ่นละ ของจำเป็นตัดออกจัง อยากได้ก็ต้องท็อปๆเท่านั้น
แบบนี้ผมถือว่าเดินทางผิด คิดผิดตอนนี้ ปรับตัวยังทัน ดูฟร์อดไว้ ราคาแพงกว่ามาสด้าไม่เท่าไหร่ ของใส่ครบ
ของบางอย่างต้องกล้าให้ โดยที่ไม่ต้องรอลูกค้ามาขอ

ขอยืนยันคำเดิมครับ ถ้ามาสด้าแพงกว่าชาวบ้าน20เปอเซ็นต์
แต่อุปกรณ์ความปลอดภัยครบ ผมกล้าซื้อ
แต่ถ้าราคาไล่ๆชาวบ้าน ของควรมีคุณตัดออก ผมไม่ซื้ออีกเลย
ผมเข็ดกับ รถไม่มีเอบีเอส ไม่มีถุงลมคุณมานานละ ขั้นพื้นฐานคืองานบริการคุณได้ละ คราวนี้ผมขอ
มาตราฐานความปลอดภัย เพิ่มเข้ามา สิ่งควรมีคุณใส่ ราคาเท่าชาวบ้าน ผมซื้อ

มาระบายกะเค้าอีกรอบ เพราะผมก็คอมาสด้าคอมิตซูเช่นกัน


น้าเป็น แฟน Mazda / Mitsu เหมือนผมเลย

- Mazda ที่แพงกว่าชาวบ้าน แต่จัดเต็มเรื่อง ออฟชั่นแล้วขายดี ตลาดยอมรับ ไม่ใช่ที่ไหนไกล Mazda3 โฉมเก่านั่นแหละครับ ขายดีจนเป็นรุ่นที่สร้างชื่อเสียงให้ Mazda กลับมาในตลาดบ้านเราอีกครั้ง ส่งผลให้ Mazda2 ออกมา ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง
  
Mazda3 โฉมเก่า พลิกโฉม ทั้งด้านการออกแบบ การขับขี่ ที่สร้างชื่อเสียง อีกทั้งยังมีออฟชั่น ความปลอดภัย ที่เหมาะสม กล้าจัดออฟชั่นที่เจ้าตลาดในช่วงนั้นกั๊กไว้ เช่น Airbag รอบคัน + ซันรูฟ +ไฟหน้า&ปัดน้ำฝน Auto + ไฟหน้า Projector
"ตอนเปิดตัวมีแต่คนบอกว่าทำไมแพงจัง แต่ตลอดอายุตลาดรถกลับขายได้เรื่อยๆเลยจนเปลี่ยนโฉม รถสวยขับดี บริการโอเค ก็ได้รับการยอมรับได้ครับ"

##เห็นด้วยว่าการบริการ และคุณภาพของสินค้า Mazda ทุกวันนี้ มีการพัฒนามาตลอด ใช้ Mazda มา 6 ปี เห็นการเปลี่ยนแปลงในหลายๆด้าน ตัวรถผมโอเคเลยครับ คุณภาพดี ไม่ค่อยมีอะไรจุกจิก เสียก็ตามอายุ และระยะทางที่ใช้งาน ศูนย์บริการเครมเร็วขึ้น เวลาในการรออะไหล่น้อยลง QCดีกว่า Ford ทั้งที่อยู่ในรั้วเดียวกันแท้ๆ...การแก้ไขปัญหาดีกว่า Ford / Chev / Mitsu ที่เอาแต่ขายๆ เรื่องศูนย์บริการ ความประณีตในการประกอบกลับมีปัญหาให้เห็นอยู่เรื่อย จนผมไม่กล้าใช้เลยจริง

ทุกวันนี้ความเชื่อมั่นในการเลือกรถ Mazda จะพุ่งเข้ามาในลิสเป็นรายแรกเลยถ้ามีรถอยู่ใน Segment ที่จะใช้งานครับ

ปล. ผมหวังและเชียร์ให้ Mazda CX-5 ขายดีและ อยากให้ Mazda6 มาขายนะครับ
(ใจก็อยากซื้อ ทั้ง 2 รุ่นที่ว่า...แต่ดันใกล้จะได้ BT50pro ซะแล้ว___ แต่ถ้ามาจริงๆ สำหรับ Mazda6 จะต้องพยายามซื้อให้ได้ ผมชอบมาตั้งแต่โฉมแรกแล้วละครับ)

ปล.2 ดีใจครับ ที่ Mazda ขายรถแล้วยัง พยายามพัฒนา รักษามาตรฐานคุณภาพของศูนย์บริการ เพราะถือเป็นการเติบโตที่ยั่งยืน เพราะจุดที่เจ้าตลาดเอาชนะใจคนส่วนใหญ่ได้ ส่วนนึงคือความสบายใจกับสิ่งที่เขาซื้อมา แล้วเราดูแลเขาได้
      ดีกว่าเอาแต่ขาย เรื่องซ่อมเรื่องคุณภาพช่างมัน นั่นคือการทำลายตัวเองในระยะยาวมากกว่า
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: hunniesprite ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 01:49:21
คิดง่ายไปไหมครับคุ๊ณณณ ลงทุนสร้างโรงงานทีเป็นหมื่นล้านกว่าจะผลิตออกมาแต่ละประเทศเขาก็ต้องดูว่าเหมาะสมไหมก็ต้องR&Dอีก แล้วคนในประเทศมีกี่%ที่เขาสนว่ารถนี้ดีกว่า เครื่องดีกว่าผมว่าไม่ถึง 20% ส่วนใหญ่เขาก็ซื้อแต่เจ้าตลาดกัน ยกตัวอย่างพ่อผมพ่อจะซื้อรถเก๋งก็ต้องฮอนด้าเป็นต้น เห็นมานักต่อนักแล้วรถดีกว่าคู่แข่งสารพัดแต่ก็ยังขายสู้เขาไม่ได้  ของอย่างงี้เราคิดมันก็ง่ายหมดแหละครับลองไปยืนจุดเดียวกับเขาซิแล้วจะรู้ว่ามันไม่ง่ายเลย
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: PorrMacKenna ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 03:06:47
งี้ที่อีซูซุไม่ทำเก๋งดีเซลออกมาขายก็เป็นการดูถูกตัวเองหรือ
อย่างน้อยรถตู้ก็ดีอ่ะ

แต่ละบริษัท มีปัญหา มีข้อจำกัดแตกต่างกันครับ
อย่างที่หลายๆ ท่านว่ามา มาสด้า ทุนไม่หนามาก พลาดไม่ได้ เลยเลือกแนวทางค่อยๆ โต

หรืออย่างเคส D Segment ค่ายนึงที่เคยคุยกัน
เค้าบอกว่ารถโคตรดีเลย แต่บริษัทแม่ไม่ยอมให้ลดสเปก
ทำให้กดราคาขายมาชนเจ้าตลาดไม่ได้

ประเทศนี้ถ้ายี่ห้อไม่ติดตลาด ขายแพงกว่าเจ้าตลาดไม่่ได้ คนส่วนใหญ่ไม่ซื้อ

แล้วอุตสาหกรรมนี้ั ถ้าไม่ใช่รุ่นนำเข้า
ต้องมียอดระดับหนึ่งครับ ถึงจะคุ้มค่าที่จะนำเข้ามาประกอบ
แล้ว D Segment ยอดนิดเดียว แค่ที่มีอยู่ก็แย่งกันจะตายอยู่แล้ว
จะเข้ามาก็ต้องคิดกันดีๆ ล่ะครับ

ทรัพยากรมีจำกัด เอาคนที่มีอยู่มาต่อยอดสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ก่อนดีกว่ามั้ย
หรือสร้างรากฐานให้พร้อมก่อนดีกว่ามั้ย
นั่นคือสิ่งที่ผู้บริหารต้องคิดนะครับ

อย่าไปเทียบกับบริษัทที่ยอดขายอาจจะไม่เยอะในไทย แต่เค้ากะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกอย่าง Ford หรือ GM นะครับ
volume ในประเทศไม่เยอะก็ได้ เพราะมียอดส่งออกมาเจือจุน ต้นทุนเค้ายังพอกดได้อยู่ดี

เหมือนคนทุนน้อย จะขยายกิจการล่ะครับ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป

เนอะ (626 นำเข้ามางวดนั้นก็เงียบเป็นเป่าสาก จำได้หรือไม่)
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: BELL7738 ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 04:02:24
แอบดีใจนะ ที่เข้ามาวิจารณ์กันเยอะ ขนาดนี้ ก็คงเพราะชอบในรถของ Mazda




แต่ถ้าจะคุยกันเรื่องบริหาร จัดการ องค์กร บอกได้เลยว่ายาวววววว ครับ ยาวววววววว เรื่องนี้

เทียบกันในตลาดเดียวกัน

การบริหาร องค์กรใหญ่
- เป็นเจ้าตลาด
- มีรถคลอบคลุม ทุก Segment
- มียอดขายเยอะ ขายทั่วโลก
- เงินทุนเยอะ
- ต้นทุนต่อคัน ต่ำกว่า (ผลิตเยอะ ต้นทุนต่อชิ้นส่วนก็ต่ำลง)
- กำไร ต่อคัน เยอะกว่า
- มีงบในการทำการตลาดมากกว่า
ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้องค์กรใหญ่ มีความเสี่ยงต่ำ จากการลงทุนที่ผิดพลาด

การบริหาร องค์กรเล็ก
- ไม่ได้เป็นเจ้าตลาด อันดับ 5 ด้วยซ้ำไป
- มีรถคลอบคลุม บาง Segment
- มียอดขายไม่มากนัก เทียบกับเจ้าตลาด
- เงินทุนก็ไม่เยอะ
- ต้นทุนต่อคัน สูงกว่า (ผลิตน้อย ต้นทุนต่อชิ้นส่วนก็สูงกว่า)
- กำไร ต่อคัน น้อยกว่า
- มีงบในการทำการตลาดน้อยกว่า
ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้องค์กรเล็ก มีความเสี่ยงสูง จากการลงทุนที่ผิดพลาด



เป็นแบบนี้ ไงครับ มาสด้า เค้าถึงได้ทำอะไรช้า ต้องคิดเยอะ  เพราะต้นทุน กำไร มันต่างกันมากกับเจ้าตลาด แถมแข่งขันกันในตลาดเดียวกันอีก

เค้าบริหารกันมาได้ถึงขนาดนี้ก็เก่งมากแล้วครับ

เค้าไม่ได้ดูถูกตัวเองหรอกครับ  เค้ารู้ตัวเองดีตะหาก

หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Fly to dream ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 04:28:14
แต่ผมคิดว่าตอนนี้มาสด้ามาแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะ คือไม่มีชื่อเสียเลยลูกค้าใหม่เชื่อมั่นในแบรนด์ใช้ได้เลยหละ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: 5ume7h ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 09:08:16
ผมไม่รู้ว่าขนาดบริษัทของ Mazda กับ Hyundai จ้าวไหนใหญ่กว่ากัน

ถ้า Mazda 6 เข้ามา ก็น่าจะเป็นแบบนำเข้าทั้งคัน และผลก็อาจจะออกมาคล้ายๆ ยอดขายของ Hyundai
หรือ CX-9 ของตัวเอง
(ตอน Sonata ใหม่ออกก็มีคนชมกันเยอะ แต่ก็ไม่เห็นใครถอยมาใช้สักเท่าไหร่ เห็นบนถนนทีมองเหลียวหลังตลอด)

จัดเต็ม แต่แพงเกินก็อาจจะแป้กได้
สังเกตจาก Tucson ตอนแรกที่มีให้เลือกไม่กี่รุ่น รุ่นท๊อปจัดเต็ม มีมูนรูฟ
ก็แทบไม่เห็นคนใช้
พอออกรุ่นตัดอ๊อปชั่น เริ่มเห็นวิ่งเยอะขึ้น เพราะราคาฟัดกับจ้าวตลาดได้

หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sith(สิทธิ์) ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 09:28:41

น้าเป็น แฟน Mazda / Mitsu เหมือนผมเลย

- Mazda ที่แพงกว่าชาวบ้าน แต่จัดเต็มเรื่อง ออฟชั่นแล้วขายดี ตลาดยอมรับ ไม่ใช่ที่ไหนไกล Mazda3 โฉมเก่านั่นแหละครับ ขายดีจนเป็นรุ่นที่สร้างชื่อเสียงให้ Mazda กลับมาในตลาดบ้านเราอีกครั้ง ส่งผลให้ Mazda2 ออกมา ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง
  
Mazda3 โฉมเก่า พลิกโฉม ทั้งด้านการออกแบบ การขับขี่ ที่สร้างชื่อเสียง อีกทั้งยังมีออฟชั่น ความปลอดภัย ที่เหมาะสม กล้าจัดออฟชั่นที่เจ้าตลาดในช่วงนั้นกั๊กไว้ เช่น Airbag รอบคัน + ซันรูฟ +ไฟหน้า&ปัดน้ำฝน Auto + ไฟหน้า Projector
"ตอนเปิดตัวมีแต่คนบอกว่าทำไมแพงจัง แต่ตลอดอายุตลาดรถกลับขายได้เรื่อยๆเลยจนเปลี่ยนโฉม รถสวยขับดี บริการโอเค ก็ได้รับการยอมรับได้ครับ"

##เห็นด้วยว่าการบริการ และคุณภาพของสินค้า Mazda ทุกวันนี้ มีการพัฒนามาตลอด ใช้ Mazda มา 6 ปี เห็นการเปลี่ยนแปลงในหลายๆด้าน ตัวรถผมโอเคเลยครับ คุณภาพดี ไม่ค่อยมีอะไรจุกจิก เสียก็ตามอายุ และระยะทางที่ใช้งาน ศูนย์บริการเครมเร็วขึ้น เวลาในการรออะไหล่น้อยลง QCดีกว่า Ford ทั้งที่อยู่ในรั้วเดียวกันแท้ๆ...การแก้ไขปัญหาดีกว่า Ford / Chev / Mitsu ที่เอาแต่ขายๆ เรื่องศูนย์บริการ ความประณีตในการประกอบกลับมีปัญหาให้เห็นอยู่เรื่อย จนผมไม่กล้าใช้เลยจริง

ทุกวันนี้ความเชื่อมั่นในการเลือกรถ Mazda จะพุ่งเข้ามาในลิสเป็นรายแรกเลยถ้ามีรถอยู่ใน Segment ที่จะใช้งานครับ

ปล. ผมหวังและเชียร์ให้ Mazda CX-5 ขายดีและ อยากให้ Mazda6 มาขายนะครับ
(ใจก็อยากซื้อ ทั้ง 2 รุ่นที่ว่า...แต่ดันใกล้จะได้ BT50pro ซะแล้ว___ แต่ถ้ามาจริงๆ สำหรับ Mazda6 จะต้องพยายามซื้อให้ได้ ผมชอบมาตั้งแต่โฉมแรกแล้วละครับ)

ปล.2 ดีใจครับ ที่ Mazda ขายรถแล้วยัง พยายามพัฒนา รักษามาตรฐานคุณภาพของศูนย์บริการ เพราะถือเป็นการเติบโตที่ยั่งยืน เพราะจุดที่เจ้าตลาดเอาชนะใจคนส่วนใหญ่ได้ ส่วนนึงคือความสบายใจกับสิ่งที่เขาซื้อมา แล้วเราดูแลเขาได้
      ดีกว่าเอาแต่ขาย เรื่องซ่อมเรื่องคุณภาพช่างมัน นั่นคือการทำลายตัวเองในระยะยาวมากกว่า
[/quote]

ครับน้า แฟนพันธ์แท้ด้วย อิอิ
จะว่าไปก่อนจะมาเป็นแฟนตัวยงก็เคยใช้ยี่ห้ออื่นมาก่อนเช่นกัน
สำหรับมิตซู ผมชอบในความคิดแบบมองอนาคต จะว่าไปรถกระบะทุกวันนี้ผมกล้ายืนยันว่า กระบะแทบทุกรุ่นในไทยเดินตามมิตซู เพราะมิตซูกล้าฉีกแนวรถกระบะ ในเรื่องห้องโดยสาร ทุกวันนี้ห้องโดยสารรถกระบะทั่วไปดูไปดูมามันเหมือนมิตซูเข้าไปทุกวัน แต่ก็นะ จนมิตซูจะปรับโฉมใหม่หมดจรดละยังมีไม่กี่ค่ายที่ตามมิตซูทัน คงมีแค่ มาสด้ากับฟร์อด ดีกว่านิดเดียว แล้วคิดดูว่า มิตซูปรับโฉมอีกครั้ง จะสร้างมุมมองใหม่ได้ขนาดไหน แต่ก่อนมีคนมองกระบะมิตซูน่าเกลียด สมัยนั้นจำได้ โดนด่าเยอะมาก แต่ผมก็เห็นกระบะมิตซูวิ่งเยอะมากเช่นกันแม้กระทั่งตอนนี้ยังมีป้ายแดงวิ่งเต็มเลย ผมชอบมิตซูตรงนี้ละ มองอนาคตได้กว้างไกล ถึงไม่ได้อยู่ที่1ของตลาดรถยนต์แต่เค้าเป็นคนนำเรื่องจะทำให้รถกระบะคล้ายเก๋ง
สำหรับมาสด้า
ผมว่ามาสด้ากลัวและยังฝังใจกับเจ้า mazda b 2500 และเจ้าไฟเตอร์อยู่พอสมควร
ซึ่งตอนนั้นมาสด้าจัดหนักหวังจะแย่งตลาดเลยเน้นที่เครื่องแรง ยอมรับว่าแรงมากเครื่องตัวนั้น
แต่สิ่งที่ตามมาจนคนรับไม่ได้คือ พอมันแรงมากมันต้องกินน้ำมันมากเป็นธรรมดา
พอกินมากคนก็รับไม่ได้ เพราะตอนนั้นคนใช้งานรถกระบะก็เพื่อการพาณิชย์ ถามว่าถ้าเพื่อธุรกิจรถบริโภคน้ำมันเยอะๆ
คนจะซื้อไหม เค้าก็เบือนหน้าหนีทันที หันไปคบเจ้าตลาด2ยี่ห้อต่อ ซึ่งคนที่ชอบรถแรงในสมัยนั้นมีไม่กี่คน
ยอดขายเลยแค่พอไปวัดไปวาไปวันๆ สมัยนั้นรถกระบะแข่งกันเรื่องความแรง มาสด้าบอกตอนนั้นว่า ใครแรงเราขอท้า
พี่นิสสันนาวาร่าเลยจัดให้มาสด้า 1ดอก เอามาแข่งเรื่องความแรงของเครื่องยนต์ สโลแกนว่า ใครคิดว่าแรงกว่าเราขอท้าชน
นิสสันนาวาร่ามาตายเอาตอนนี้เช่นกัน ตอนนั้นชื่อเสียงของ มาสด้า นิสสัน ฟร์อด เรื่องกินน้ำมัน ซดน้ำมันมากจริงๆ
ส่วนเจ้าตลาดอีซูซุ ไม่เน้นแรง ค่ายรองตอนนั้นก็โตโยต้า ก็ไม่เน้นแรงเท่าไหร่ อีซูซุเน้นประหยัดน้ำมัน มองเข้าไปเห็นถึงใจของผู้ประกอบการพาณิชย์ เลยไม่แข่งเรื่องความแรง เน้นประหยัดมาก่อน จะเห็นได้จากรถกระบะอีซูซุสมัยนั้น
กว่าจะแซงรถคันนึงได้เนี่ย คนนั่งกระบะหลังลุ้นแทบเป็นแทบตายว่าจะแซงพ้นไหม (ผมเจอมากับตัว)
จะแซงทีกะระยะไว้หลายกิโลเมตรเลยละ จนได้ชื่อว่า อืดรถอืดจนติดปาก
ตายละผมโม้จนนอกเรื่องละ
กระทู้มาสด้านี่นา  ::) ::) ::)
ทุกวันนี้ผมว่ามาสด้าเดินแบบเน้นมั่นคงครับ ลงทุนสูงแล้วเสี่ยงแบบครั้งก่อนเค้าก็คงไม่เอาแล้ว
ครั้งนั้นผมว่าเค้าเสียหายไปเยอะแล้วถือเป็นบทเรียน เค้าคงไม่ยอมให้มันซ้ำรอยแน่ๆ
เน้นมั่นคงดีกว่า กินยาวๆ และผมคิดว่า มาสด้าไม่ได้มองแค่ตลาดเมืองไทย ทุกวันนี้ มาสด้าก็มองประเทศบ้านข้างๆเราอยู่นะผมว่า เพราะบ้านใกล้เมืองเคียงของเราก็ชอบรถแบบเราเช่นกัน ถ้าทำถูกจุด มาสด้าตลาดอาเซี่ยน อาจจะโตมากขึ้นก็ได้และมั่นคงด้วย
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: mothsan ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 13:04:43
ผู้บริหารบางคนไม่กล้าเอาตำแหน่งตัวเองมาเสี่ยงครับ
อยู่ไปวันๆแบบนี้ก็ได้เงินเดือน ได้รถ ได้มือถือ ครบอยู่แล้ว
ประมาณว่าจะหาเรื่องเดือดร้อนทำไม ถ้าแป๊กมาโดนไล่ออก . อยู่มันไปเรื่อยๆรอเกษียณโน้นล่ะ

ผู้บริหารห่วยๆแบบนี้เยอะครับ บริษัทรถยนต์เนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: J!MMY ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 13:19:06
ข้อเท็จจริง

ขนาดของ Hyundai & Kia Motor ใหญ่กว่า Mazda....น่าจะสัก 3 เท่า!!!

เริ่่มเห็นความจริงอีกข้อแล้วใช่ไหมครับ?

ขนาดของ Mazda มันพอๆกับ Fuji Heavy Industries (Subaru)
หมายความว่า ประมาณ 1 ใน 4 หรือ 1 ใน 5 ของ Toyota!!!

ถ้าจะบอกว่าฝ่ายการตลาดไม่เก่ง ยืนยันว่า "ไม่จริง"
ฝ่ายการตลาดที่นี่ คนมี Passion เรื่องรถ มากกว่า คนในฝ่ายการตลาด Toyota หลายๆคน ด้วยซ้ำ! นี่คือความจริงที่ผมเจอ

มาได้ขนาดนี้ ก็บุญโข แล้วละครับ

-------------------------------

อ้อ คู่กรณีทั้ง 2 หยุดทะเลาะกันได้แล้วนะครับ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: gttle ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 13:26:38
บริษัทใหญ่ขนาดนั้นเค้าคงคิดเยอะแล้วล่ะครับว่าควรทำอะไรอย่างมาสดา 6 นี่ผมโคตรชอบเลยอยากให้เอาเข้ามาแต่ถ้ามาจริงถามว่าผมซื้อมั๊ย..ไม่ครับยังไม่ใช่ตอนนี้ที่ตอบๆกันใน web 99% มาแล้วก็ไม่ซื้อครับทุกคนรู้ตัวดีกระแสใน net มันวัดอะไรไม่ได้หรอกครับ แล้วถ้ายิ่งคนทั่วไปที่ไม่ได้เล่น web จะซื้อรถยิ่งแล้วใหญ่..แล้วมันจะคุ้มมั๊ยตั้งสายการผลิตใหม่ก็ไม่ใช่ถูกๆ จะเอามาสร้างอิมเมจมันจะคุ้มกับเม็ดเงินมั๊ย..ต้องคิดมากกว่า บ.ใหญ่ๆเยอะมากพลาดทีนึงมันเจ็บหนัก ดีไม่ดี บ.จะล้มเอา

เจอพี่ jimmy มาตอบพอดีกำลังจะว่า ขนาดของ Hyundai & Kia Motor ใหญ่กว่า Mazda ยังไม่เอามาประกอบขายเลย
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Jxxx ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 14:07:59

ถ้าจะบอกว่าฝ่ายการตลาดไม่เก่ง ยืนยันว่า "ไม่จริง"
ฝ่ายการตลาดที่นี่ คนมี Passion เรื่องรถ มากกว่า คนในฝ่ายการตลาด Toyota หลายๆคน ด้วยซ้ำ! นี่คือความจริงที่ผมเจอ


ขอยืนยันว่าเป็นจริงตามที่จิมมี่กล่าวมา
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: subzero4554 ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 15:28:44
เจ้าของกระทู้อาจจะอยู่แต่ใน Headlightmag ครับ ผมว่าคนไทยถ้าจะซื้อของจะดูที่ความนิยมของแบรนด์เป็นหลักซะ 90% ครับที่เหลือถึงจะมาศึกษาเรื่่องคุณภาพ ไม่ใช่แค่รถนะครับ มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็เช่นกัน ผมได้รับรถ bt 50 pro เมื่อซัก เมษาปีที่แล้วตอนนั้นมีคนขับน้อยมาก ไปไหนมีแต่คนถาม สรุปแล้วก็คือ ทำไมถึงออกยี่ห้อนี้ ไม่มีคนใช้กันนะรถมันไม่ดี แต่พอผมบอกว่ารถมันดีเขาจะบอกว่า รถดีทำไมไม่มีคนใช้ ต้อง โต.. หรือ อี.. เคยโดนญาติผู้ใหญ่คนนึงถึงขนาดบอกมรึงนี่โง่จิงๆ..เหอะๆ ลืมบอกไปผมอยู่ ตจว ครับ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Nuzz ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 18:10:06
สมมติว่า Mazda มีงบอยู่ 10 บาทถ้าลงทุน Mazda 6 ในไทยใช้ 8 บาท อาจจะได้คืนปีละ 1.50 บาท แต่ถ้าเอาเงินเท่ากันไปลงทุนอย่างอื่น 8 บาท แต่คืนแน่ๆปีละ 3 บาท ถ้าเป็นผู้บริหาร Mazda คิดว่าเค้าจะเลือกลงทุนแบบไหนครับ

อันนี้ผมยกตัวอย่างง่ายๆครับ ผมก็ไม่รู้จริงหรอกว่าอะไรเป็นอะไร แค่แชร์มุมมองบางมุมให้เท่านั้นเองครับ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: balliblue ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 18:14:07
ผมว่ายากมากสำหรับเมืองไทยที่จะเข็นรถ d segment ขึ้นมาแข่งกับ camry accord teana ขนาด teana ยังใช้เวลาตั้งนานกว่าจะขึ้นมาเทียบเท่า accord ได้ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะคนท่ซื้อ d segment รุ่นพ่อแม่นั้น ยังคงมีความเชื่อมั่นในแบรนด์นิสสันอยู่ที่เคยทำไว้ในอดีต ประกอบกับสินค้าที่เอาเข้ามาดีด้วย อย่างบ้านผมสมัยก่อน รถคันแรกป้ายแดงคือ นิสสัน ครับ

แล้วมาสด้า มีต้นทุนอะไรบ้างในอดีต คำตอบคือ ผมจำได้แต่ familia กับ 323 ไม่ได้มีตันทุนชื่อเสียงในด้นเก๋งมากนัก และปัจจุบัน รอบๆตัวผมะท่าที่เห็นถ้าไม่ใช่วัยรุ่นๆเหมือนกัน ไม่มีใครมีมาสด้า อยู่ในตัวเลือกการซื้อรถเลย ขนาดตอนแรกที่จะซื้อรถผมมอง civic fd กับ 3 ไวัสุดท้ายแม่ก็บอก civic ดีกว่ากว้างกว่า ส่วน 3 ข้างหลังแคบ ขนาดเงินผม 100% เลยนะ 55  สุดท้ายผมเอา civic fd เพราะสวยถูกใจอยู่และอยากได้รถที่นั่งหลังกว้างเผื่อพาแม่กะน้องไปเที่ยว

สรุปผมว่า ผบ เค้ามองเห็นแล้วว่าแบรนด์ของตัวเองนั้นในตอนนี้ วัยรุ่นตอบรับมากขึ้นแต่สำหรับคนที่มีอายุที่ซื้อd segment นั้นยังคงไม่มีความเชื่อมั่นใน มาสด้าเลย ผมว่าสำหรับ บริษัทที่ไม่ได้ใหญ่มากมีทุนหนาอย่าง เจ้าตลาดเค้าคงต้องคิดเยอะแหละครับ  เพราะพลาดมาทีเจ็บตัวเยอะนะ ผมว่านโยบายตอนนี้เค้าดีแล้ว คือค่อยๆโต รุ่นขายอาจไม่เยอะมาก แต่ต้องเน้นในเรื่องบริการหลังการขาย ซึ่งผมว่าไม่เกิน 10 ปีจะมีมาสด้า 6 มาขายแน่นอน เพราะวัยรุ่นตอนนี้พอมีเงิน เติบโตขึ้น เค้ามีมาสด้าในใจแน่นอนเวลาซื้อรถ

หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: smileymee ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 20:50:06
ได้ความรู้มากมายเลยครับ^^
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: 6162002 ที่ พฤษภาคม 19, 2013, 21:37:15

ผมว่าถ้ามาสด้าจัดเต็มในเรื่องอุปกรณ์มาตราฐานผมว่าCRV มาสด้าโค่นได้แน่
แต่ถ้า ย้ำนะครับว่า ถ้ามาสด้ายังกั๊กอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานไม่ใส่มาเต็มๆ ยังไงคงซื้อใจคนไทยไม่ได้
ผมเชื่อว่า มีคนในมาสด้ามาอ่านกระทู้ในเว็บบร์อทต่างๆแน่นอน
ขอนะครับ อุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน ถ้ากล้าใส่ แบบคุ้มกับเงินที่เสียไป ผมเชื่อว่า มาสด้าไปได้สวย
และอาจจะไปได้ดีด้วย ทุกวันนี้มาสด้าราคาถูกกว่าชาวบ้านจริงแต่อุปกรณ์ขั้นพื้นฐานก็ตัดออกไปด้วย
ผมใช้มาสด้ามาหลายรุ่นละ ของจำเป็นตัดออกจัง อยากได้ก็ต้องท็อปๆเท่านั้น
แบบนี้ผมถือว่าเดินทางผิด คิดผิดตอนนี้ ปรับตัวยังทัน ดูฟร์อดไว้ ราคาแพงกว่ามาสด้าไม่เท่าไหร่ ของใส่ครบ
ของบางอย่างต้องกล้าให้ โดยที่ไม่ต้องรอลูกค้ามาขอ

ขอยืนยันคำเดิมครับ ถ้ามาสด้าแพงกว่าชาวบ้าน20เปอเซ็นต์
แต่อุปกรณ์ความปลอดภัยครบ ผมกล้าซื้อ
แต่ถ้าราคาไล่ๆชาวบ้าน ของควรมีคุณตัดออก ผมไม่ซื้ออีกเลย
ผมเข็ดกับ รถไม่มีเอบีเอส ไม่มีถุงลมคุณมานานละ ขั้นพื้นฐานคืองานบริการคุณได้ละ คราวนี้ผมขอ
มาตราฐานความปลอดภัย เพิ่มเข้ามา สิ่งควรมีคุณใส่ ราคาเท่าชาวบ้าน ผมซื้อ

มาระบายกะเค้าอีกรอบ เพราะผมก็คอมาสด้าคอมิตซูเช่นกัน


ถามสั้นๆว่า  แล้วคนอย่างคุณมันมีอยู่กี่คนครับ ??

มาสด้า2 รุ่น Groove ราคาถูก อุปกรณ์โคตรคุ้ม  ทำไมขายสู้ Vios J ที่ไม่มีอะไรเลย กระจกปรับมือ ไม่ได้??   สู้ซิตี้ยังไม่ได้ด้วยซ้ำ  ทำไม??

มาบอกดูฟอร์ดเป็นตัวอย่าง   ฟอร์ดก็ขายสู้เจ้าตลาดไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละครับ โฟกัสที่ว่าเจ๋งนักหนา ราคาไม่ต้องพูดว่าแพงกว่า20% หรอก   มันถูกกว่าด้วยซ้ำ เพราะของแถมมากกว่า  ก็ไม่เห็นโค่นเจ้าตลาดได้

คุณกล้าซื้อ ไม่ได้แปลว่ามันจะโค่นเจ้าตลาดได้ครับ  อย่าเอาความคิดคุณคนเดียวมาเป็นของคนหมู่มากครับ  ผมก็ขับมาสด้า 2  Groove ซื้อเพราะอุปกรณ์จัดเต็มมาก ผมยังยอมรับความจริงได้เลยว่ามาสด้ายังโค่นเจ้าตลาดไม่ได้ในเร็วๆนี้แน่ (อย่าไปรวม Yaris ครับ อันนั้นมันรู้ๆกันอยู่)

ยิ่งถ้า CX-5 ไม่ต้องพูดถึง ขับดียังไง ได้รางวัลเป็นร้อย  ก็ขายสู้ CR-V ไม่ได้แน่นอน อย่ามัวแต่ไปเข้าใจอะไรผิดๆ เพราะอ่านแต่คลับมาสด้าครับ  ลองไปถามคนที่ซื้อ CR-V ดู ว่าเขาซื้อเพราะอะไร  แล้ว CX-5 ตอบโจทย์เหตุผลนั้นได้ดีกว่าหรือเปล่า?? 

ผมเห็นว่า มาสด้าไม่ได้ดูถูกรถตัวเอง แต่เข้าใจตัวเองดีต่างหาก  แต่ถ้ามองแบบคุณ ผมว่ามันไม่ประมาณตัวเองมากกว่าครับ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: sith(สิทธิ์) ที่ พฤษภาคม 20, 2013, 09:04:42
ขอแก้ข่าวจากด้านบนแค่ข้อเดียวนะครับ
ผมไม่ได้เป็นสมาชิคของมาสด้าคลับ และไม่ได้เสพข่าวของมาสด้าคลับเลย
บีทีห้าศูนย์คลับ ผมก็ออกมาจากที่นั่นหลายปีแล้ว เกิน3-4ปีแล้ว มาทำของตัวเอง(แต่ไม่ใช่เว็บมาสด้า)

 :D :D :D

ส่วนเรื่องอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานผมก็ขอเห็นแก่ตัวเหมือนเดิมนะครับ ขอให้ใส่มาเถอะ
ผมคอรถกระบะ ผมใช้กระบะเป็นส่วนใหญ่
กระบะมาสด้าไปเช้คดูได้เลยว่า อุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐานมีรุ่นไหนที่ใส่ให้บ้าง
ถุงลม เบรคABS มีไม่กี่รุ่น จะหาว่าผมเห็นแก่ตัวที่อยากให้มันใส่มาทุกรุ่นก็ได้ผมยอมรับ

มีแล้วไม่ได้ใช้ผมยังอุ่นใจเวลาจะใช้แล้วไม่มี

ผมไม่ได้มีเงินถุงเงินถังขนาดซื้อกระบะคันเกือบล้านมาใช้เพื่อการพาณิชย์เพียงเพื่อต้องการของครบ
ถ้าความคิดเห็นของผมที่เสนอออกไปแล้วมาสด้าทำให้ กระบะทุกรุ่นมี ABS กับถุงลม เป็นมาตราฐานขั้นพื้นฐานทุกรุ่น
ผมจะกราบขอบพระคุณมากๆ ผมยอมเป็นคนคิดแค่คนเดียว แต่คนส่วนมากได้ประโยชน์ครับ
จะว่าผมยังไงก็ได้ แต่ถ้าเค้าทำจริง ผมเชื่อว่าหลายคนได้ประโยชน์ ขอบคุณครับ  ;)
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: JONNY ที่ พฤษภาคม 20, 2013, 09:44:49
ตราบใด ถ้าคนไทยยังเลือกรถ
1.ต้องยีห้อตลาดเท่านั้น
2.ต้องเยอะด้วยศูนย์บริการและอะไหล่เท่านั้น
3.ต้องราคาขายต่อดีเท่านั้น
ต่อมีรถบินได้หรืออย่างไร คนไทยก็ไม่กล้าซื้อ ปากก็อยากได้รถดีดี ดันไม่อุดหนุน มิหนำซ้ำยังกระทืบซ้ำอีก
รถใครดีก็ว่าไปตามดี น่าขับ สมควรซื้อ แต่ถ้าเอา3ข้อบนมาพูดมาอ้าง แล้วต่อใครทำรถดีขนาดเทพอย่างไร จะมีประโยชน์อะไรเหรอ
ส่วนเรื่องความพอใจการบริการ ข่าวสารทุกวันนี้มันเร็วมาก ศูนย์ไหนทำไม่ถูกใจก็สามารถเป็นผู้สื่อข่าวได้เอง ทั้ง Fc,Fb ถ้ามีหลักฐานประจารณ์เข้าไปซิ รับรองเจอแบบนี้ ทั้งแบรน์ดรถรวมทั้งศูนย์บริการ จะอยู่สุขได้อย่างไร
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: nopper ที่ พฤษภาคม 20, 2013, 10:45:18
ผมชอบกระทู้นี้นะ....และก็เข้าใจฟิลล์ของเจ้าของกระทู้เหมือนกัน ฮาาา

ส่วนตัวไม่มีความรู้เรื่องรถเรื่องตัวเลขอะไรเท่าไรเลยละ ไม่ขอเอ่ยเรื่องประเด็นเรื่องข้อมูล

 แต่เป็นคนที่ชอบพวกที่ฉีกๆจากรูปแบบเดิมบ้างอยู่เหมือนกัน แม้นทำไปแล้วอาจเจ็บปวด เจ็บตัว เจ็บกระเป๋าตังค์ 555 แต่มันสร้างสิ่งใหม่ๆเพื่อต่อยอดสิ่งอื่นๆให้โลกมีสีสัน  แว๊ปแรกตัวเองนึกถึงโฆษณากางเกงยีนส์สมัยเด็กๆที่คนอื่นสีธรรมดา แต่มีคนนึงฉีกแนวใส่แดง มันก็สร้างสีสันดี  ผมว่ากลุ่มคนที่ใช้สินค้าทั่วไปในชีวิตประจำวันด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุก็พอมีบ้างเหมือนกันนะ เมื่อซื้อมาแล้วบางทีไม่ได้ใช้ก็มี รถก็เช่นเดียวกันกับแนวการใช้รถ หลายคนอาจจะพูดใช้ไปได้ไงรถแบบนี้ ทำไมไม่ซื้อเจ้านี้ ยี่ห้อนี้ บลาๆๆ...แต่มันก็นะ...(ยิ้มๆในใจตรูก็ชอบของตรูแบบนี้แหละ)
อันนี้เป็นมุมมองของผู้ใช้รถนะครับ.... ส่วนมุมมองการซื้อรถใช้รถของแต่ละท่านก็คงตามแต่ละท่าน และมุมมองของผู้บริหารก็คงตามเหตุผลที่ได้ฟังข้อมูลกัน

 เอาใจช่วย Mazda นะครับเผื่อได้เห็นรถหลากหลายบนท้องถนน แม้นจะโดดเดี่ยว อย่างโปเตเจ้อยู่ต่างจังหวัด ฮาาาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ พฤษภาคม 20, 2013, 11:21:28
ผมขอตอบกรณี cx-5 กับ mz6

ต่อให้มาทั้ง 2 รุ่นเลย ยอดขายคงจะไม่น่าประทับใจเท่าไหร่

เพราะรถมันออกแนววัยรุ่นมาก ซึ่งวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่จะมีเงินซื้อรถรดับนี้เอง ยังมีน้อยมากๆ

ยิ่ง mz6 ต้องไปประชันกับ Camry Teana Accord ซึ่งเป็น 3 รุ่นหลักของ D segment

คนที่ซื้อรถระดับนี้ส่วนใหญ่จะมีอายุพอสมควร  แล้วมองไปที่ความหรู ความไว้วางใจ

mz6 วัยรุ่นคนไหนก็อยากได้ แต่จะมีสักกี่คนที่มีเงินซื้อมันได้ เพราะ Accord ก็วัยรุ่น แต่ก็มีกลิ่นความเป็นผู้ใหญ่พอสมควร

แต่ mz6 นี่แนวทางของมันชัดเจน ดีไซน์ก็บอกถึงตัวตนโดยแท้จริง

ผมหละอยากได้มากๆ แต่ไม่มีเงินซื้อเพราะยังเรียนอยู่ ขอให้มาเถอะครับ อยากเห็น mz6 ป้ายแดงจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Volta ที่ พฤษภาคม 20, 2013, 12:28:22
Camry = ผัดผักเจ
Accord = กระเพราหมูสับ
Mazda6 = ต้มยำกุ้ง

 ;D
หัวข้อ: Re: ผมคิดว่าผู้บริหารมาสด้าที่ญี่ปุ่นไม่เก่ง หรือไม่ก็ดูถูกรถตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: aoddy1 ที่ พฤษภาคม 21, 2013, 03:27:41
เจ้าของกระทู้อาจจะอยู่แต่ใน Headlightmag ครับ ผมว่าคนไทยถ้าจะซื้อของจะดูที่ความนิยมของแบรนด์เป็นหลักซะ 90% ครับที่เหลือถึงจะมาศึกษาเรื่่องคุณภาพ ไม่ใช่แค่รถนะครับ มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็เช่นกัน ผมได้รับรถ bt 50 pro เมื่อซัก เมษาปีที่แล้วตอนนั้นมีคนขับน้อยมาก ไปไหนมีแต่คนถาม สรุปแล้วก็คือ ทำไมถึงออกยี่ห้อนี้ ไม่มีคนใช้กันนะรถมันไม่ดี แต่พอผมบอกว่ารถมันดีเขาจะบอกว่า รถดีทำไมไม่มีคนใช้ ต้อง โต.. หรือ อี.. เคยโดนญาติผู้ใหญ่คนนึงถึงขนาดบอกมรึงนี่โง่จิงๆ..เหอะๆ ลืมบอกไปผมอยู่ ตจว ครับ

เจอญาติด่าโง่นี่ผมเครียดแทนเลย แต่ต่างจังหวัดมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ผมบอกให้ลองขับเลยเทียบกันถนนเส้นเดียวกันโค้งเดียวกัน พอขับเสร็จเทียบกับรถตัวเองที่เป็นเจ้าตลาดทุกคนยอมรับว่ามาสด้าขับดีกว่า สุดท้ายก็วกกลับมาที่ราคาขายต่ออยู่ดีบอกมาสด้าราคาตกมากกว่าอันนี้ผมยอมรับ