Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก ที่ มิถุนายน 04, 2013, 15:53:39
-
ส่วนตัวผมคิดว่า บอดี้และน้ำหนักของ d-segment มันไปด้วยกันไม่ได้กับเครื่อง 2000 เลย
พอไปดูสเปคของเมืองนอกฝั่งอเมริกา มันก็ไม่มีเครื่อง 2000
ส่วนตัวผมคิดว่า B-segment เครื่อง 1500 และ C-segment เครื่อง1800 ยังให้ความรู้สึกด้านอัตราเร่งที่ดีกว่า D-segment เครื่อง2000เยอะเลย
ผมเคยลองขับ D-segment 2.0 รู้สึกอึดอัดมาก เป็นผมคงไม่ซื้อ ถ้างบไม่ถึงเครื่อง2400-2500 ผมลงไปเล่น C-segment เครื่อง1800-2000ดีกว่า
ผมค่อนข้างแปลกใจที่แคมรี่ แอคคอร์ด เทียน่า กลับขายดีในรุ่น 2.0
หรือว่าเพราะคนไทยส่วนมาก ไม่ได้สนเรื่องอัตราเร่งเลย อืดก็ไม่เป็นไร แต่เน้นรถบอดี้ใหญ่ๆไว้ก่อน
หรืออาจเพราะว่างบมีจำกัด ซื้อได้แค่เครื่อง 2000 ถ้าเป็นเหตุผลนี้ ขยับลงไปซื้อพวก Compact 1800cc-2000cc ไม่ดีกว่าเรอะคับ ประหยัดเงินไปอีกหลายแสน แถมได้อัตราเร่งที่ดีกว่าด้วย
-
เบาะหลังใช้ปีะโยชน์ได้เยอะครับ
-
สำหรับผม มันเหมือนคนตัวเล็กแต่ใส่เสื้อใหญ่ครับ
-
เหตุผลด้านภาพลักษณ์ครับ
อย่างน้อยขับ D ไปไหน บุคลิกก็ยังดูป๋าขึ้นมาบ้าง
-
เขาอาจชอบรถใหญ่ พื้นที่ใหญ่ก้างกว่า ช่วงล่างนิ่ม ใช้งานขับไปเรื่อยๆ ออก ต่างจังหวัดแบบครอบครัว
-
ส่วนตัว เหมือนคนไทยส่วนใหญ่ ถ้าไม่ได้ลงลึกรายละเอียด ส่วนมากก็จะซื้อรถใหญ่แต่เครื่องล่างๆ เพราะอย่างน้อยภาพลักษณิมันดูสูงกว่า ระดับที่ต่ำกว่า แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกครอบครัวที่ มีญาติพี่น้องหลายคน แถมต้องแคร์ ต่อสังคมญาติด้วย เคยเจอเคสบางครอบครัวซื้อ คอมแพครุ่นท๊อป ใช้งาน โดนต่อว่าว่า แทนที่จะเพิ่มอีกนิดได้รุ่นล่างของอีกรุ่นจะดูดีกว่าไหม??
น้อยรายจริงๆที่อยากจะได้ รถที่ กระฉับกระเฉง แต่ เครื่องใหญ่ เพราะอย่างว่าแหละ ไหนเมียไหนลูก ใหญญาติๆตอนงานแซยิตอะไรอีก
พออยากจะซื้อแรงมากก็โดนกรอกหัวอีกว่าเปลือง นั่นนี่ บลาๆๆๆ ทั้งที่เทคโนโลยี มันแทบจะบี้รถรุ่นล่างๆ ซะด้วยซ้ำ แต่ก็นะ
-
พื้นที่การใช้งาน+ภาพลักษณ์+ราคา คือคำตอบจ้า
พื้นที่ใหญ่ก็ดีกว่าเล็ก ขับเรื่อยๆ ก็ไม่กินเท่าไหร่ อัตราเร่งก็เพียงพอสำหรับครอบครัว เรื่อยๆ ไม่ได้รีบไปไหน
-
ราคาครับแล้ว 2.4 ก็ไม่ได้จำเป็นเท่าไหร่ เพราะคนที่ซื้อรถระดับนี้เค้าก็ไม่ได้ ขับเร็วอะไรมากมาย ครับ
-
คงเป็นที่ราคาด้วยมั้งครับ
เพราะถ้าเป็นมือ 2 คนก็จะเอา 2.4 กันเป็นส่วนใหญ่
-
เครื่อง2000 ก็ขับ 120-140 ได้สบายๆ ไม่ได้เหยียบมะไปเป็นเต่าคลานหรอก เหลือเฟือแล้วกับการขับขี่ทั่วไป มะงั้นอีโค่คาร์คงขายมะออกหรอก เพราะอืดกว่าอยู่ดี
-
วันก่อนลองขับ accord 2.0 ก้อไม่ได้อืดอะไรนะครับ
อย่างผมบ้านอยู่ชานเมือง กทม. ออฟฟิศของตัวเองห่างบ้านสองกิโล
เข้าเมืองหาลูกค้าบ้าง เดือนนึงจะออก ตจว.หนสองหน รถกระบะเครื่องโตก้อมีแล้ว
ขับไม่เกิน 160 ยุแล้ว เน้นไปเรื่อยๆ นั้ง 1-2 คน 2.0 เพียงพอครับ :P
-
เพราะถนนเมืองไทย แค่เครื่อง 2.0 ก็นับว่าเพียงพอแล้วครับ
ในต่างจังหวัดส่วนใหญ่ ถนนก็ไม่ได้สภาพดีมาก จะทำความเร็วก็อันตราย
อีกทั้ง กทม. ก็รถติดมหาศาลแม้กระทั่งบนโทล์เวย์และทางด่วน
แล้วในระดับ D-segment ซึ่งเน้นไปที่ห้องโดยสาร การนั่งโดยสาร
ซะมากกว่า เพราะฉะนั้นเครื่อง 2.0 ก็สามารถตอบโจทย์
ทั้งด้านการใช้งานและราคา เพียงพอสำหรับคนส่วนใหญ่
ที่ไม่ได้ขับเร็ว หรือเน้นอัตราเร่ง
-
รถใหญ่นั่งสบายกว่า ออปชั่นมักจะเยอะกว่า
สำหรับผม D-segment เครื่อง 2000 ก็ปกตินะ อาจจะเล็กไปหน่อย
คุณลองมองฝั่งยุโรปสิ D-segment ลดขนาดเครื่องยนต์กันทั้งนั้น Volvo เหลือ 1.6 Benz 1.8 ฯลฯ
มันชัดเจนอยู่แล้วว่าขนาดเครื่องน่ะเพียงพอ เพียงแต่คุณจะรีดสมรรถนะออกมาหรือเปล่า
เทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ไม่จำเป็นต้องเครื่องใหญ่ CC มากแล้วครับ
เครื่ือง 2.0 สำหรับผมก็ถือว่าเพียงพอแล้วนะ อาจจะรู้สึกอืดไปบ้าง แต่ถ้าคุณไม่ใช่นักขับที่ตะบี้ตะบันเหยียบคันเร่งเอาเป็นเอาตาย มันก็เพียงพอแล้วครับ
-
คิดว่า พื้นที่ใช้สอย+ความประหยัด มาเป็นหลัก เพราะหลายๆคนอยากได้รถใหญ่แต่กลัวเปลืองน้ำมัน เลยคิดว่า 2.0น่าจะประหยัดกว่า2.4
-
ใหญ่กว่า ปลอดภัยกว่า สบายกว่า ดูดีกว่าไงครับ
แถมพวก d-seg 2.0 แพงกว่า c-seg 2.0 ไม่มาก
หลายคนยอมเพิ่มเงินเอาคันใหญ่ดีกว่า
-
ผมเห็นด้วยกับจขกท.ครับ
ยิ่งมาเจอแบบนั่ง 4-5 คนนะครับ อืดมากจนน่ารำคาน
แต่ก็อย่างว่าครับ อัลมีร่ายังขายได้ แคมรี่ 2.0 คงไม่แปลกอะไร
คงคล้ายๆกับ Freed ล่ะมั้งครับ นั่งเต็มคัน ขับไหวได้ไงก็ไม่รู้
-
ผมว่ามันไม่ใช่เฉพาะ d-segment หรอกครับ ทุก segement ตัวต่ำ จะขายดีกว่าอยู่เป้นทุน เพราะราคา
ตัว top ของ segment ต่ำกว่า มันก็ใกล้กับ low ของ segment ที่สูงกว่า ก็เลือก segment สูงกว่าด้วยอุปกรณ์ วัสดุ และความมั่นคง ตัวรถ อะไรหลายๆ อย่างมันดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด อีกอย่าง เครื่องใหญ่ไม่ได้จำเป็นต้องดีกว่า หรือคุ้มกว่าเสมอไป ตอนนี้รถยุโรปก็ลด spec ซีซี ลงมาหมดแล้ว เครื่องเล็ก มันไม่อืดอย่างที่เคยเป็นๆ แล้วครับ
เมืองนอกก็เหมือนกัน ตัวเครื่องเล็กสุด ส่วนใหญ่จะขายดีสุดครับ
-
เรื่องขนาดเป็นหลักครับ ยังไงๆผมก็คิดว่ารถใหญ่ปลอดภัยกว่ารถเล็ก ถ้าเกิดเหตุแรงๆขึ้นมารถเล็กนี่แทบมองไม่ออกมาไหนหน้าไหนหลัง
ส่วรเรื่องเครื่องก็แล้วแต่กำลังทรัพย์ แต่ก่อนผมก็คิดว่าต้อง 2500cc 3000cc แต่ตอนนี้ขับแต่ในเมืองอย่าว่าแต่ 2000cc เลยครับ 1500cc บางทีผมก็เอาแล้วครับ
ออก ตจว มันทางไกลจริง แต่เดี๋ยวนี้จะขับ แค่ 140 ก็ยากแล้วครับ เจอรถช้า เจอไฟแดง เจอรถเยอะ เฉลี่ยความเร็วยังไงๆก็แค่ 100km/hr อยู่ดี
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวในการซื้อรถนะครับ ถ้า Civic2.0 ผมเลือก Accord 2.0 ดีกว่าครับ
-
ผมเน้นความคุ้มค่าเป็นหลักครับ แค่ต้องการความกว้างขวางสะดวกสบายกว่า C Segment + ช่วงล่างเหมือนกันระหว่าง2.0 กับ 2.4 อัตรเร่งก็ไม่ได้ขี้เหร่
ถึงออกต่างจังหวัดเครื่อง 2000 cc. เหยียบ 120 140 สบายๆ อยู่ในเมือง รถติดฉิบก็ไม่รู้จะเร่งไปไหนอยู่ดี
ส่วนต่างกับตัว 2400cc. เก็บไว้เป็นค่าประกัน ค่าน้ำมันได้สักสองสามปี ;D
-
แล้วแต่มุมมองแต่ละคนครับ เงินใครเงินมัน ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร คิดอย่างไรก็ไม่ผิดครับ
สาเหตุที่เค้าเลือก D Seg เครื่อง 2.0 กันเพราะราคาเป็นหลักครับ ถ้าตัว 2.4 หรือ 2.5 แพงกว่าสัก 1.5 แสน เค้าเอา 2.4 / 2.5 กันหมด
ผมเลือก Accord G9 2.0EL เพราะต้องการภาพลักษณ์ กับเป็นคนขับรถนอกเมืองเป็นหลัก และขับไม่เกิน 110 ครับ รวมทั้งราคาค่าตัวที่ต่างกันถึง 2.5 แสน (กระบะตอนเดียวครึ่งคัน)
-
เป็นผม ๆ ก็เล่นรุ่นเครื่องเล็ก อย่างแคมรี่นี่ตัวล่างสุดกะท็อปสุดต่างกันเกือบ 5 แสน
ถ้าเน้นขับไปเรื่อย ๆ จะจ่ายแพงกว่าทำไม
แต่ถ้าเป็นมือสองนี่จะสอยตัวท็อปไปเลยสุดคุ้ม ต่างกันไม่เยอะมาก
-
มันแล้วแต่มุมมองอ่ะครับ..
ถ้าวันนึงผมอยากเล่น D-Secment ขึ้นมา ผมก็คงเลือก 2.0 เหมือนกัน
ราคามันต่างกันแบบเอาเรื่องเหมือนกันนะ
ตอนนั้นคงไม่ได้สนใจเรื่องอัตราเร่งเท่าไหร่ก็ได้..
เน้นขับเรื่อยๆ นั่งสบายๆ เดินทางไกลไม่เหนื่อย..
-
เขาอาจชอบรถใหญ่ พื้นที่ใหญ่ก้างกว่า ช่วงล่างนิ่ม ใช้งานขับไปเรื่อยๆ ออก ต่างจังหวัดแบบครอบครัว
+ 1
เสริมอีกนิด ผู้ใหญ่บางท่าน / หรือ สุภาพสตรีบางท่าน ไม่ได้เป็นคอรถ ไม่สนใจเครื่องยนต หรือ ไมีมีความรู้เรื่องรถเลย
ที่ทำงานผมเป็นต้น แกบอกว่า อยากได้รถใหญ่นั่งสบาย ท่านๆก็มองไปที่รุ่น ยี้ห้อ สี ที่ท่านชอบ และซื้อราคาที่ท่านเห็นว่าถูกไว้ก่อน
แต่ไม่ได้มองเครื่องยนต์สักนิดเดียวก็ยังมี ท่านเหล่านี้วิ่งเนื่อยๆๆ มองว่าวิ่งได้เหมือนกัน
ผมเองก็ไม่ใช่ คอรถอะไร ก็ยังมองว่า เครื่อง 2000 พอเพียงสำหรับสไตล์ผมสบายๆๆ ไม่ได้รู้สึกอืดด้วยซ้ำ IMHO
-
2.0 vs 2.4
ราคาถูกกว่า ได้ภาพลักษณ์เท่ากัน
ผมจินตนาการว่า คนที่ต้องการภาพลักษณ์ ขับรถระดับนี้ คงไม่ต้องการอัตราเร่งอะไรมากมาย ไม่ได้คิกดาวน์บ่อยๆ
ส่วนคนที่ซื้อ 2.4, 2.5 จริงๆ ก็คงต้องการเร่งจริงๆมั้งครับ หรือไม่ก็ออปชั่นที่เหนือกว่า โดยไม่ซีเรียสเรื่องราคา
-
อยากถามกลับว่า ที่ว่าอืดนี่ เอาไปขับกันแบบไหนหรอครับ
ไม่ต้องตอบผมนะ แต่พอได้คำตอบแล้ว ผมแค่อยากจะบอกว่า "ก็เขาไม่ได้ขับแบบคุณไง"
-
เพราะราคามันถูกสุดครับ ;D
-
ผมว่าไม่อึดนะ
0-100km/h11-12วิ 80-120km/h8-9วิ ดูจากรีวิวHLM
ชนะ B-segment เกือบทุกรุ่น โดยเฉพาะช่วงเร่งแซง แต่จะแพ้ C-segment พวก 1.8,2.0 เครื่องพอๆกันแต่เบากว่า ส่วนEco Car (AT) ไม่ต้องเอามาคิดเลย ชนะขาด ;D
-
ฝั่ง US มันขัดกับฝั่งยุโรปด้วยนะครับผมว่าไม่เกี่ยวนะในยุโรปถึงขนาดที่ฟอร์ดเอง 1.0 ลงใน มอนเดโอด้วยซ้ำ
-
ถ้ามีตัวเลือกเป็น ซีวิก 2.0 กะแอคคอด 2.0 ผมก็เลือกแอคคอดนะ
แล้วถ้าเป็น แอคคอด 2.0 กะ 2.4 ถ้างบผมมีไม่เยอะผมก็เอาแค่ 2.0 เหมือนเดิม ถึงผ่อนรายเดือนมันต่างกันพันสองพัน แต่มันก็ไม่ใช่"แค่"แต่มันเป็น"ตั้ง"
แต่ถ้างบถึงใส่แน่ครับ ตัวท๊อป ผมว่าน่าจะติดเรื่องงบนี่แหละครับ คนที่อัพรถจาก c ขึ้นมาเป็น d บางทีก็ไม่ได้มีงบเยอะขนาดนั้น ต้องการภาพลักษณ์ซะเป็นส่วนใหญ่ก็มี
-
ต้องการบอดี้ใหญ่
ใช้งานไม่เยอะมาก 1 ปี 3 เดือน เพิ่งวิ่งไป 1 หมื่น km
ขับไปไหนมาไหน 1-2 คน
วิ่งทางไกล ปีนึง 2-3 ครั้ง
ประหยัดกว่าตัว HV ไป 3-4 แสน
เลยเลือก 2.0 G ครับ
ขายต่อก็ไม่ขาดทุนมาก ;D
-
รถไซส์นี้ รุ่นใหม่ๆเครื่อง 2.0 อัตราเร่งถือว่าไม่ขี้เหร่แล้วครับ
ผมว่าส่วนใหญ่ก็คงเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของตัวเองเป็นหลักมากกว่าครับ
-
ผมไม่เล็กนะครับ เอ๊ย ไม่ใช่ ผมไม่อืนนะครับบ ;) ;)
-
ต้องการบอดี้ใหญ่
ใช้งานไม่เยอะมาก 1 ปี 3 เดือน เพิ่งวิ่งไป 1 หมื่น km
ขับไปไหนมาไหน 1-2 คน
วิ่งทางไกล ปีนึง 2-3 ครั้ง
ประหยัดกว่าตัว HV ไป 3-4 แสน
เลยเลือก 2.0 G ครับ
ขายต่อก็ไม่ขาดทุนมาก ;D
โห พี่หมอ ขับน้อยมากกก นี่วีออสจะแบ่งกันขับยังไงครับ
-
เพราะมันตอบโจทย์คนอยากได้รถใหญ่เท่ากันในราคาที่ถูกกว่าครับ
-
ที่เลือกเพราะ
มีงบจำกัด ไปไม่ถึง 2.4-3.0 เลยได้แค่ 2.0
นั่งทางไกลสบายกว่าพวก C segment ผมขับวันละ 3-4 ชม
น้ำมันก็ประหยัดกว่า 10 โลลิตรโดยประมาณ วิ่งนอกเมืองเป็นหลัก
ราคาขายต่อก็ไม่ตกมาก ไม่เจ็บหนัก
2 ปี วิ่งไป 50000 โล ยังรู้สึกว่าสบายๆ แต่รู้สึกเข้า 0 บ่อยเกิน พนง รับรถจำหน้าได้
ภาพลักษณ์นี่ก็ได้ไปเยอะ รปภ เรียกไปจอดอยู่บ่อยๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นไฟหน้าขาวๆหน่อยจะช่วยเสริมมากกว่านี้
;D ;D ;D
-
ผมกล้าพูดเลยว่า ถ้ามีตังไม่เอา2.0กันหรอกครับ ปากท้องสมัยนี้สำคัญนะครับ รถยิ่งแพง ประกันก็จะแพงเป็นเงาตามตัว แล้วเรื่องเครื่องเล็กเครื่องใหญ่ ถ้าไอพวก1.6 ที่กล่าวๆกันมาของ volvo ford ม้ามัน109ตัว 112ตัว ท่านก็จะเข้าใจเอง แต่นี้มันไม่ใช่เอาเครื่องรุ่นใหม่มาคุยกับเครื่องรุ่นเก่า ที่ไม่มีระบบอะไรมันพูดกันไม่ได้นะค้าบ ถ้าถามว่าเรื่องพื้นที่ใช้สอยผมว่า พวก SUV หรือกระบะดีกว่าฮะ เหมือนตู้กับข้าวเคลื่อนที่ใหญ่สะใจ :D
-
ซื้อ d-seg 2.0 ทำไมไม่ซื้อ e-car ซักสามคันหละ นั่งได้ตั้ง 12คนนะ!!!!! คือรถมันใช้คนละอย่างกันไงครับ ;D
-
ภาพลักษณ์ ที่ภูมิฐาน ราคาที่ประหยัด คงหนี้ไม่พ้น 2.0 ต่อให้มี1.8หรือ1.6 แต่ได้รถที่มีระดับ d-car คนไทยก็ชอบ
สมรรถนะ แอนด์ลิง ดีหรือแย่แค่ไหน คนไทย ไม่ค่อยสนใจ ยิ่งถ้าได้แบรนด์นิยม โอ้ย ..
-
น้องเขาบอกว่า...อย่าน้อยๆพี่ต้อง Camry :'( ผมยังจำคำๆนั้นได้ดีจนถึงทุกวันนี้ :'(
-
ส่วนตัวผมคิดว่า บอดี้และน้ำหนักของ d-segment มันไปด้วยกันไม่ได้กับเครื่อง 2000 เลย
พอไปดูสเปคของเมืองนอกฝั่งอเมริกา มันก็ไม่มีเครื่อง 2000
ส่วนตัวผมคิดว่า B-segment เครื่อง 1500 และ C-segment เครื่อง1800 ยังให้ความรู้สึกด้านอัตราเร่งที่ดีกว่า D-segment เครื่อง2000เยอะเลย
ผมเคยลองขับ D-segment 2.0 รู้สึกอึดอัดมาก เป็นผมคงไม่ซื้อ ถ้างบไม่ถึงเครื่อง2400-2500 ผมลงไปเล่น C-segment เครื่อง1800-2000ดีกว่า
ผมค่อนข้างแปลกใจที่แคมรี่ แอคคอร์ด เทียน่า กลับขายดีในรุ่น 2.0
หรือว่าเพราะคนไทยส่วนมาก ไม่ได้สนเรื่องอัตราเร่งเลย อืดก็ไม่เป็นไร แต่เน้นรถบอดี้ใหญ่ๆไว้ก่อน
หรืออาจเพราะว่างบมีจำกัด ซื้อได้แค่เครื่อง 2000 ถ้าเป็นเหตุผลนี้ ขยับลงไปซื้อพวก Compact 1800cc-2000cc ไม่ดีกว่าเรอะคับ ประหยัดเงินไปอีกหลายแสน แถมได้อัตราเร่งที่ดีกว่าด้วย
ส่วนใหญ่ก็ประเด็นหลักก็คงจะมาจากงบมากกว่าครับ งบน้อย แต่อยากได้รถใหญ่เพื่อภาพลักษณ์....อะไรประมาณนั้น น้อยคนจะบอกเหตุผลตรงๆ ส่วนใหญ่จะบอกว่าที่เลือกเพราะว่า เหมาะกับตนเอง งั้น งี้ บลาๆๆๆๆๆๆ ไป
-
C-Segment ที่ขายดีที่สุดคือเครื่อง 1600 และ 1800 ครับ โดยเฉพาะรุ่น CNG นับประสาอะไรกับ D-Segment
ผมว่าเค้ายึดหลักพอเพียงกันก็ดีแล้วนะครับ ผมขับๆไปบางทียังคิดว่ารถตัวเองแรงเกินความจำเป็นเลย
-
ผมเป็นคนนึงที่ขับ Accord 2.4 ผมยังไม่เห็นประโยชน์ที่มากพอสำหรับ การซื้อ 2.4 เลยแต่ดันซื้อมา ก้มีแต่ออปชั่นที่มากกว่า สมรรถนะไม่ได้หนีกันเลย ผมเคยขับ G8
Accord 2.0 ปลายก้ไหลถึง 200+ เหมือนกันแต่ต้นๆแทบไม่หนีกันเลย เพราะฉะนั้นถ้าวัดกันตามความคุ้มค่าแล้ว 2.0 ยังไงก้คุ้มกว่า 2.4 ยิ่งตัวใหม่สมรรถนะแทบไม่
ต่างกัน 0-100 2.4 เร็วกว่า 1 วิ แต่การกินน้ำมัน จะนอกหรือในเมือง รถจะติดหรือไม่ติด 2.4 กินกว่า 2.0 หมด Accord 2.4 ตัวใหม่เครื่องยนต์ปลอมๆเอามาหลอกคน
ไทยคับ น่าจะเป็นประเทศสุดท้ายบนโลกที่ยังใช้เครื่องเก่า เกียร์เก่า เสียดายอะคับบอดี้รถสวยมากเลย ดูยังไงก้สวยกว่า Camry เยอะมาก แต่สมรรถนะสู้ไม่ได้ ต้องเลย
190 ไปแล้วถึงจะดีกว่าเพราะ Camry ล็อค 5555
-
มันนั่งสบายกว่าครับ ผู้ใหญ่มีอายุขับก็ไม่ได้เน้นแรงอะไรมากนัก บางคนใหญ่เกินความจำเป็นเขาเลยด้วยซ้ำ ส่วนตัวผมก็ไม่ค่อยชอบเท่าไรแต่ถามว่าพอมั้ยกับถนนและการขับขี่ พอครับ แต่ถ้ามีงบสูงกว่านี้ก็เล่นตัวที่สูงกว่านี้แน่นอน อารมย์ประมาณซื้อทั้งที ให้ดีสุดๆในงบเราไปเลยดีกว่า(ความเห็นส่วนตัว)
แต่ ณ เวลานี้ผมยังอยากให้มี k car มาขายบ้านเราเลยครับ ไหนๆก็วิ่งได้ไม่ค่อยเร็วล่ะ กล้องนู่นนี้เต็มไปหมด ขับช้าๆชมวิวนู้นนี้ไปเรื่อยๆดีกว่า :P
-
คงเพราะอยากได้คันใหญ่และคุ้มค่ามั้งครับ เพราะตามหลักความคุ้มเม็ดเงินมันก็สมเหตุสมผลอยู่ครับ
เคยใช้ camry2.0 อยู่พักนึง เอาไปเที่ยวหัวหินนั่ง 6 คน (รวมคนขับ)
อืดมากจนน่ารำคาญเลยครับ ใครเคยไปหัวหิน-ปราณบุรี มันจะเป็น 2เลนสวนกัน จะแซงทีนึงแทบตาย เหงื่อตก
แซงไม่พ้นก็เคยมาแล้ว กลับเข้าเลนแทบไม่ทัน
ปล. แต่ผมว่ามี D-seg 2.0 ที่แรงพอตัว รถป๋าผมเอง 2.0 ดีเซล " ขับสนุกเหมือนกันนะ " 5555555
-
ใครๆก็อยากมีมาตราฐานชีวิตที่ดีครับ ทั้งภาพลักษ์และความมั่นคง(รถใหญ่หนักล้อใส่ได้ใหญ่กว่า). แต่ผมไปออกc-segment 2.0 เพราะระบบความปลอดภัยต่างๆมากกว่า (เน้นระบบความคุมเสถียรภาพการทรงตัว). ออกมาได้ครึ่งปีaccord 2.0ออกใหม่ก็มี ถ้าเป็นตอนนี้ผมคงเลือก d-segment(accord2.0)ไปแล้ว
ปล.ผมออกน้อง3น่ะ ;D
-
คิดเหมือนกันครับ ถึงแม้ จะพอวิ่งได้ แต่เอาเข้าจริง ผมมองอัตราสิ้นเปลือง 2.0 มันกินกว่า 2.4 ซะอีก ถ้างบประมาณไม่ใช่ปัญหาในการซื้อ ผม เอา 2.4 ดีกว่า ถึงแม้ผมจะว่ามันอืดไปด้วยซ้ำ แต่ก็ยังดีกว่า 2.0
-
ดูดีเท่ากันแต่จ่ายถูกกว่าหลายแสน
ประหยัดน้ำมันในเมืองมากกว่า
รถติดมากเวลานี้ เรื่องทำความเร็วสูงคงไม่ได้ใช้บ่อย
เมื่อเทียบกับ C segment ตัว top ราคาไท่ได้ต่างดันเยอะเลย
ราคาขายต่อ ตกน้อยกว่าตัว top
-
คนไทยชอบให้ภาพลักษณ์ดูดีไว้ก่อน จ่ายน้อยๆหรูมากๆ แต่ผมชอบที่รถเครื่องโตๆv6มือสองราคาลงมหาศาล สบายแฮเลย :-*
-
ที่ 2,0 ขายดี เพราะ ราคาครับ ถูก กว่าหลายแสนบาท ภาพลักษ พอพอกัน
2,0 เสียอัตราภาษีสรรพสามิตร ต่ำกว่า 2,4 เลยทำราคาได้ ถูกกว่ากัน หลายแสน จึงเป็นเหตุให้คนใช้เยอะ ครับ และอีกอย่าง 2,0 เป็น รถ Fleet เยอะ ครับ
และส่วนใหญ่รถระดับนี้ ก้ ไม่เห็นจะต้องเอามา อัดกระแทกอะไรซักเท่าไหร่ ขับเรื่อยชิวๆ
-
โอ้ยย ปัญหาโลกแตก เดี๋ยวก็ถามกันอีก ถามกลับบ้างว่าทำไม C-segment มันมี 1600 1800 2000
ทำไม segment นู้น segment นี้มันมี ซีซีเท่านั้นเท่านี้ ฮ่วยหลายๆ
-
ราคาครับแล้ว 2.4 ก็ไม่ได้จำเป็นเท่าไหร่ เพราะคนที่ซื้อรถระดับนี้เค้าก็ไม่ได้ ขับเร็วอะไรมากมาย ครับ
เห็นด้วยครับ ยิ่งคนส่วนมากมองรถเเค่เป็น D seg ก็หรูเเล้ว คือเค้าไม่มองหรอกว่าต้อง 2.0 หรือ 2.4
อีกอย่าง C กับ D ความปลอดภัยต่างกันนะ
-
ตอนเลือกรถผมไม่ได้มองที่ภาพลักษณ์ครับแต่มองความปลอดภัยเป็นหลัก ไม่งั้นไม่ยอมจ่ายเงินซื้อราคาแพงกว่า ภาษีแพงกว่า ประกันแพงกว่าหรอกครับ ขับรถทางไกลเร่งแซงไม่พ้นนี่ถึงชีวิตนะครับทั้งตัวเองและครอบครัว เคยเอารถ 1500 cc ออกต่างจังหวัดทีเดียวเข็ดเลย เร่งแซงข้างหน้าไม่ค่อยพ้น ข้างหลังแซงมาพรวดๆตลอดเวลา ต้องคอยระวังรอบทิศเครียดมาก ยิ่งถ้าเราทำความเร็วได้แค่ใกล้เคียงรถส่วนใหญ่บนถนนหรือรถกระบะ,รถสิบล้อ,รถบัสแล้วหนีไม่ออกนี่เครียดมาก ขับช้าเดี๋ยวข้างหลังก็ตามมาจ่ออยู่เรื่อยๆ
สำหรับผมรถ 2000 cc นี่อย่างน้อยต้องมีเทอร์โบครับ ถึงจะให้ความปลอดภัยเพียงพอ แต่ผมก็ไม่ได้แอนตี้คนขับรถเครื่องเล็กนะครับ เพราะทำให้ผมแซงได้ง่ายดี ;D
-
ต้องการบอดี้ใหญ่
ใช้งานไม่เยอะมาก 1 ปี 3 เดือน เพิ่งวิ่งไป 1 หมื่น km
ขับไปไหนมาไหน 1-2 คน
วิ่งทางไกล ปีนึง 2-3 ครั้ง
ประหยัดกว่าตัว HV ไป 3-4 แสน
เลยเลือก 2.0 G ครับ
ขายต่อก็ไม่ขาดทุนมาก ;D
โห พี่หมอ ขับน้อยมากกก นี่วีออสจะแบ่งกันขับยังไงครับ
วันๆ ขับไปทำงาน กับคลินิก ห่างกัน 5 km ครับ
vios ของที่บ้านครับ ใช้สิทธิรถคันแรกซักหน่อย
-
คุณพ่อได้รถประจำตำแหน่งในงบ 1.4 ล้านมาตลอด เปลี่ยนรถ ทีละ 5ปี
สมัยแอคคอร์ดงูเห่า ได้เครื่อง 3000 สมัย g7 ได้เครื่อง 2.4 พอมา camry ถ้าไม่เพิ่มเงินเองได้แต่เครื่อง 2.0 :-\
รถมันแพงขึ้นๆ สวนกับอย่างอื่นที่ราคาถูกลงๆ
-
สำหรับผม (ไม่ใช่คนเล่นรถ หรือขับรถเร็ว)
Condtion: FULL OPTION แบบ Camry หรือ Accord ตัวท๊อป นะครับ *** หรือ เอาแบบ OPTION ของ BMW ตัวท๊อปเลยก็ได้ครับ
D-seg ผมเลือก เครื่อง 2.0 / 1.6Ecoboost หรือ 1.6 Turbo ครับ
C-seg ผมเลือกเครื่อง 1.5 หรือ 1.2 TSI / 1.0 Ecoboost ครับ
B/Eco-seg ผม เลือก เครื่อง 600 cc แบบ K-Car ญี่ปุ่น หรือ เครื่องไม่เกิน 1.0ลิตร ก็พอครับ
ผมขับอืดๆ ไปเรื่อยๆครับ แต่ขอ Option ความปลอดภัยให้ครบก็พอครับ
ผมถามกลับว่า เฉพาะสมรรถนะเครื่องยนต์ จำเป็นต้องเร็วและแรง แซงกันตลอดหรือครับ สำหรับผม ตอบ ไม่ แน่นอนครับ
สมัยก่อน เครื่อง 1300 กระบะ ก็ลุยตั้งแต่เหนือจรดใต้มาแล้วครับ ถนนหนทางก็ดีกว่าแต่ก่อน ดังนั้น
ผมขอOption จัดเต็มก็พอครับ ;D ;D ;D
-
ต้องการบอดี้ใหญ่
ใช้งานไม่เยอะมาก 1 ปี 3 เดือน เพิ่งวิ่งไป 1 หมื่น km
ขับไปไหนมาไหน 1-2 คน
วิ่งทางไกล ปีนึง 2-3 ครั้ง
ประหยัดกว่าตัว HV ไป 3-4 แสน
เลยเลือก 2.0 G ครับ
ขายต่อก็ไม่ขาดทุนมาก ;D
ผมเจอรถพี่หมอบ่อยมากครับ ไม่ทราบว่าคลีนิกอยู่แถวสามแยก ทางไป Diana ใช่มั้ยครับ เห็นจอดอยู่บ่อยๆ และก็แถวถนนเส้น 109 ครับ ;D ;D ;D
-
ยังไง D-Seg ก็ภาพลักษณ์ดีกว่า
ถ้าให้เลือก C-Seg 2000 กับ D-Seg 2000
ผมก็คงเลือก D-seg2000
ถ้ามีคนเถียงว่า C-Seg 2000 แรงกว่า ถูกกว่า
แต่เน้นถูกใช้งาน ผมเอา C-Seg 1800 นี่แหละ ดีที่สุดแล้ว C-Seg 2000 ผมไม่เอาหรอก
ถ้าอยากแรงเก็บตังไปเล่นมือสองยัดหอยไปเลยแจ้
-
ผมชอบเลือกตัว top สุดครับ ไม่ว่าจะอยู่ Segment ไหน
ไม่ชอบความรู้สึก เวลาใช้ของแล้วแบบว่า "รู้งี้เอาตัวท้อปดีกว่า" นะครับ (มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ก็เหมือนกัน)
อุปกรณ์ความปลอดภัยก็เป็นอีกปัจจัยที่ใช้ในการตัดสินใจเหมือนกันครับ
ส่วนใหญ่แล้ว ตัวท้อปถึงจะมีครบนะครับ ก็เลยออกมาแบบ เลือกตัวท้อปไว้ก่อน ::)
-
ส่วนนึงเลยต้องบอกตรงๆว่าขี้อวดครับ ดูจากคำถามเวลาซื้อรถ ต้องมีมาเป็นตัวแปรประจำ ซึ่งเมืองนอกเขาคงไม่มีอย่างนี้ ค่ายรถในไทยเลยเอาเครื่องเล็กกว่าปกติมาลงให้
-
เป็นการจ่ายเงิน 1 ล้านเพื่อแลกกับภาพลักษณ์ที่ดีที่สุด ถูกที่สุด คุ้มที่สุดครับ
ปล. จริงๆ Innova กับ MU-7 ตัวล่างๆ ก็ได้ภาพนี้ครับ ใกล้เคียง D-seg มากๆ(ใน ตจว. นะคับ)
-
ความเพียงพอต่อการใช้งานของแต่ละคนไม่เท่ากันครับ
ถ้าต้องการรถขนาดใหญ่ ความสบาย ความปลอดภัย ภาพลักษณ์ สมรรถนะต่างๆ ราคาไม่แพงเกินไป แต่ไม่ต้องการความแรงของเครื่องยนต์อย่างฉับพลัน
ผมว่าคนกลุ่มนี้แหละที่ซื้อ D-seg เครื่อง 2.0 ครับ
-
ใช้รถใหญ่ แต่เครื่อง 2.0 ก็เพราะว่าเน้นความประหยัดค่ะ คนส่วนใหญ่มองว่า งบถึงที่จะเอา D-segment แล้ว แต่ก็ใช้แบบพอเพียง แบบว่าขอให้มีใช้ก็พอ เหมือนกับรถกระบะแหละค่ะ ที่ขายในไทย ยอดขายรุ่น 2.5 หรือรุ่นเครื่องยนต์ตัวล่างๆ มียอดขายสูงกว่าเครื่อง 3.0 หรือเครื่องระดับตัวท็อปแบบไม่ต้องเอามาเทียบกัน รถยุโรปก็เหมือนกันค่ะ แบบว่ามีตังพอซื่อ 320i Standard ก็จัดเลย คือเอาภาพลักษณ์ไว้ก่อน แต่ออปชั่นแบบว่าแทบไม่มีปรับไฟฟ้าเลย
ส่วนคนที่ซื้อ D-segment เครื่อง 2.4-2.5 จะเป็นพวกที่มีงบมากกว่าคนที่ซื้อตัว 2.0 ค่ะ ต้องการออปชั่นมากขึ้น พร้อมทั้งขับสนุกกว่าด้วย และก็อย่าเอาไปเทียบกับรถในอเมริกาเลยค่ะ ที่นั่นเขานิยมเครื่องใหญ่ D-Segment ต้อง V6-V8 แต่อยากให้มองตลาดยุโรปค่ะ ที่ยุโรปตอนนี้จะนิยมเครื่องเล็ก ประหยัดน้ำมันแต่สมรรถนะต้องดี แม้แต่ D-Segment สายพันธุ์อเมริกันอย่าง Ford Mondeo เวอร์ชั่นขายในยุโรป ตอนนี้ลงเครื่อง 1.0 Ecoboost แล้วค่ะ ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องยนต์เล็กที่สุดที่เคยมีการนำมาวางใน D-Segment เวอร์ชั่นขายจริง แต่กำลังของมันคิดว่าคงจะพอๆ กับเครื่อง 1.6-1.8 ไม่น่าจะสู้เครื่อง 2.0 เดิมๆ ได้ค่ะ แต่ประหยัดน้ำมันกว่า
-
เอาเรื่องอัตราเร่งนะครับผมว่า 2.0 นี่ไม่ด้อยกว่า c segment. 1.8 แน่ๆครับแต่ที่ได้มากกว่าคือความมั่นคงครับเวลาใช้ความเร็วสูงๆลองดูบนบูรพาวิถีสิครับวิ่ง 140 เหมือนกัน d segment มั่นคงกว่ามากครับผมใช้มาหมดครับ ford focus. 2.0 , civic fd 1.8 ยังเป็นรองเทียน่าครับในแง่ความมั่นคง
และแน่นอนครับเบาะหลังดีกว่าเยอะครับ
-
ราคา
ภาพลักษณ์
กว้างขวาง ใหญ่
ลงไปเล่น C seg ก็ไม่ป๋าสิฮ๊ะ 5555
-
เอาตามคำถามนะครับ
เพราะอยากได้รถใหญ่ ไม่ได้อยากได้เครื่องใหญ่ครับ ส่วนมากคนซื้อรถ D-Seg ขับรถไม่เร็วด้วย เพราะมักผ่านประสบการณ์เฉียดตายถ้าขับเร็วมาแล้ว
ประมาณนี้ครับ
-
สมมุติผมมีลูก อยากได้รถใหญ่ๆพาไปโรงเรียนหรือพาพ่อแม่ไปห้างวันหยุด
ผมจะเอาเครื่อง มากกว่า 2.4 ไปทำไรครับ?
พูดอย่างกะว่า ทุกคนต้้องบ้ารถ บ้าสมรรถนะก็มากไปนะ
บางคนก็ไปว่าคนขับ D seg 2.0 ซะ แหมมันน่านัก คนส่วนใหญ่ไม่ได้บ้ารถนะครับ
บางคนเช่นคนมีอายุ เค้าก็ขับเรื่อยๆของเค้า ไมได้แซง ไม่ได้ไร ต่อคิวไปเรื่อยๆไม่เป็นไร
รถสวย วัสดุดี บริการดี ราคาค่ายต่อดี ก็พอแล้ว ไม่มานั่งนับ cc หรอก ???
-
ผมจบที่ D-Seg เครื่องใหญ่ครับเพราะคิดว่ารถใหญ่เครื่องใหญ่ขับช้าได้ จังหวะต้องเร่งมันยังมีแรงให้ใช้
แต่รถใหญ่เครื่องเล็ก จังหวะจำเป็นต้องเร่งแต่แรงให้ค่อยมีให้เรียกอ่ะครับ
-
สำหรับผมคำตอบเดียวเลยคือ เงินครับ เครื่องใหญ่มีไว้ใช้ยามจำเป็นดีกว่าไม่มี แต่ส่วนต่างของราคา 2.0 กับ 2.5 ห่างกันมาก 2-3 แสนเลยทีเดียว เยอะเกิน ตัวอย่างที่เห็นๆก็แคมรี่มีแต่คนเชียร์ตัวท๊อป ถ้าแอคคอร์ดให้ไป 2.0 คุ้มกว่า ประมาณนี้
-
งบประมาณที่จำกัด เสียภาษีต่ำ ไม่เท้าหนัก ไม่ได้นั่งเต็มคันสัมภาระเพียบบ่อย อยู่แต่ในเมือง
อีกอย่างเครื่อง 2.0 มันก็มีแรงเพียงพอ ต่อการใช้ในเมือง ไม่ถือว่าอืด
อย่าง Camry เนี่ย ขับในเมือง นั่ง 5 คน มันก็ยังไปของมันได้สบาย(แต่นอกเมืองไม่รู้นะครับ)
Accord G8 นั่งเต็มคัน พร้อมสัมภาระรู้สึกเลยว่าอืด แต่ถ้าได้จังหวะ มันไปของมันได้นะครับ โดยเฉพาะวิ่งนอกเมือง
เพื่อนผมขับ Accord 2.0 ไปกัน 4 คนพร้อมของเต็มรถ ยังไปถึง 210 ได้เลยครับ
-
คุณยังฝังหัวเดิมๆ 2.0 สมัยนี้ เอาเรื่องอยู่นะ
-
อ่านมาหลายคห. แปลกใจที่หลายคนคิดว่า "ซื้อเอาภาพลักษณ์ล้วนๆ ถ้างบพอซื้อเครื่องใหญ่ไปแล้ว"
คือแบบ ตื่นเถอะครับ จะบอก ว่า D-Seg เครื่อง 2พันมันก็ไม่ได้อืดขนาดนั้นนนนน ใช้งานชีวิตประจำวันเหลือเฟืออยู่แล้ว
ภาพลักษณ์ส่วนหนึ่งจริง แต่ไม่ใช่ไม่มีตังไปเล่นเครื่องใหญ่ครับ บางคนเขาใช้แค่ไหนก็ซื้อแค่นั้น เท่านั้นเอง
อ่านแล้วเหมือนคนบอกว่า "Toyota ขายดีเพราะขายต่อได้ราคา อะไหล่หาง่าย"
คือมันก็จริง แต่ลำพังตัวรถ มันก็ไม่ได้แย่กว่ายี่ห้ออื่นนะครับ บางอย่างยังดีกว่าด้วยซ้ำ
ปล. อ่านคำตอบตัวเองแล้วเหมือนใช้ D-Seg เครื่อง 2 พันยี่ห้อ Toyota เลย
จริงๆแล้วใช้ Civic FB 1.8 นะครับ ไม่เกี่ยวไรกะผมเลย แค่อยากเปิดตาหลายๆคนให้เลิกอยู่กับอดีตได้แล้ว
นี่ปี 2013 แล้วนะครับ เลย Y2K มาทศวรรษกว่าๆแล้ว เครื่อง 2000 มันเกินพอแล้วสำหรับหลายๆคน แค่นั้นเอง
-
เห็น CAMRY 2.0 รุ่นก่อนขับซิ่งอย่างแรง
มันเหยียบแบบตายเป็นตาย
-
Camry Accord Tearna 2.0 ไม่แรงเหรอครับ?
เอาเข้าจริงผมว่ามันชนะ B Segment ทุกรุ่นที่เป็นเกียรออโต้เลยนะ
อาจจะต้องเค้นมากหน่อย แต่พอแรงบิดมามันก็ไปได้เรื่อยๆ
พ่อผมซื้อ 2.4 มา
ตั้งแต่ขับรถคันนี้มา 10 ปี พ่อผมกดคันเร่ง 90%+ ไม่ถึง 5 ครั้งด้วยซ้ำ
เลยไม่รู้ว่าจะซื้อ 2.4 มาทำไม(แต่ก็ซื้อมาแล้ว)
ข้อเสียของ 2.0 ถ้าพูดถึงสมรรถนะล้วนๆ คงเป็นเรื่องแรงบิดรอบต่ำๆ
ขาซิ่งคงไม่ถูกใจหรอกครับ เร่งๆ เบรคๆ กว่าจะไต่รอบได้แรงบิดต้องยกแล้ว ต้องเบรคแล้ว
ถ้าเป็น 2.4 - 2.5 ยกคันเร่งแล้วกดลงไปใหม่ แรงบิดมา รถกระโจนออกไปทันที
แต่จะมีซักกี่ึคน ที่ขับแบบนี้??
เท่าที่เห็น ผมเจอแต่ช้าแช่ขวา ขับไปเล่นไลน์ไป เล่นเฟสบุ๊คไป
เช้าๆพาลูกไปส่ง เด็กๆวุ่นวายในรถ สมาธิอยู่ในรถมากกว่านอกรถ
กินข้าวบ้าง แต่งหน้าบ้าง คุยโทรศัพท์ สารพัดจะกล่าว
ดังนั้น ผมว่า ถ้า D-Segment มีเครื่อง 1.8 แล้วกดราคาลงมาได้อีก ผมเชื่อว่ามันก็ยังขายได้
-
Camry Accord Tearna 2.0 ไม่แรงเหรอครับ?
เอาเข้าจริงผมว่ามันชนะ B Segment ทุกรุ่นที่เป็นเกียรออโต้เลยนะ
อาจจะต้องเค้นมากหน่อย แต่พอแรงบิดมามันก็ไปได้เรื่อยๆ
พ่อผมซื้อ 2.4 มา
ตั้งแต่ขับรถคันนี้มา 10 ปี พ่อผมกดคันเร่ง 90%+ ไม่ถึง 5 ครั้งด้วยซ้ำ
เลยไม่รู้ว่าจะซื้อ 2.4 มาทำไม(แต่ก็ซื้อมาแล้ว)
ข้อเสียของ 2.0 ถ้าพูดถึงสมรรถนะล้วนๆ คงเป็นเรื่องแรงบิดรอบต่ำๆ
ขาซิ่งคงไม่ถูกใจหรอกครับ เร่งๆ เบรคๆ กว่าจะไต่รอบได้แรงบิดต้องยกแล้ว ต้องเบรคแล้ว
ถ้าเป็น 2.4 - 2.5 ยกคันเร่งแล้วกดลงไปใหม่ แรงบิดมา รถกระโจนออกไปทันที
แต่จะมีซักกี่ึคน ที่ขับแบบนี้??
เท่าที่เห็น ผมเจอแต่ช้าแช่ขวา ขับไปเล่นไลน์ไป เล่นเฟสบุ๊คไป
เช้าๆพาลูกไปส่ง เด็กๆวุ่นวายในรถ สมาธิอยู่ในรถมากกว่านอกรถ
กินข้าวบ้าง แต่งหน้าบ้าง คุยโทรศัพท์ สารพัดจะกล่าว
ดังนั้น ผมว่า ถ้า D-Segment มีเครื่อง 1.8 แล้วกดราคาลงมาได้อีก ผมเชื่อว่ามันก็ยังขายได้
เป๊ะอีกแล้ว แต่ผมกลัวว่าในอนาคตอีกไม่นานจะเจอ D segment 1.8 แต่ราคาเท่า 2.0 ตอนนี้ซะมากกว่าซิครับ
-
ก็คล้ายๆกระบะที่นิยมเครื่อง 2.5 นั่นแหละ
D-seg เมื่อก่อนใช้แค่เครื่อง 1.8-2.0 แล้วก็มา 2.2 มา 2.3 มา 2.4 และ 2.5 ส่วนมากกว่านี้ถือเป็นรุ่นพิเศษ
เมื่อก่อนเครื่อง 2.0 ได้ 100 ม้าต้นๆ เดี๋ยวนี้ได้แถวไกล้ 150 ม้าแล้ว
เหตุผลหลักๆน่าจะเป็นเรื่องราคาและออฟชั่นที่สมเหตุสมผล คนซื้อรถระดับนี้ส่วนใหญ่เป็นวัยที่คิดได้แล้ว ไม่ใช่วัยรุ่น
-
c ตัวท็อปดูออฟชั่นแล้วมันก็มีเหมือนๆกับ ใน
d ตัวธรรมดาเครื่อง 2.0 แหละแล้วราคาต่างกันไม่มากเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว
แล้วอีกอย่างผมไม่ได้ต้องการความแรงเลย ในเมื่อแทบจะไม่มีที่ให้วิ่งอยู่แล้ว ต่อให้มีที่2.0 มันก็วิ่งแรงอยู่แล้วผมมองว่ามันกำลังดีด้วยซ้ำ
ได้ทุกอย่างทั้งความประหยัด ความสบายกว่า ต่อให้เงินถึงเงินเหลือ ผมก็ไม่เล่น d segment ที่เครื่องเกิน 2.0 ครับ
-
คำถามนี้น่าสนใจครับ เพราะบอกว่าที่ยุโรป อเมริกา ทำไมเค้าไม่มีเครื่อง 2.0 แต่เมืองไทยมี แล้วดันขายดีซะด้วย
อย่างนี้แสดงว่า OEMs ค่ายต่างๆ เค้าทำการบ้านมา แล้วก็ทำมาดีด้วย ว่าละแวกนี้ ไม่ใช่แค่บ้านเรานะครับ แต่หลายๆประเทศใน ASEAN และ APAC ก็ยังคงให้ความสำคัญเรื่องภาพลักษณ์อยู่ เพราะฉะนั้นถ้าทำให้มันถูกลงได้ด้วยการลด size เครื่องยนต์ แล้วมันจะทำให้ขายดีขึ้น เค้าก็จะทำครับ
อีกเหตุผลนึงก็คือเรื่อง ความสะดวกสบายครับ จ่ายแพงกว่าไม่เยอะมากนัก แต่ได้รถที่ใหญ่กว่านั่ง 5 คนสบายๆ ก็น่าจะดีกว่าซื้อ C-seg นะ
-
ราคา
ภาพลักษณ์
กว้างขวาง ใหญ่
ลงไปเล่น C seg ก็ไม่ป๋าสิฮ๊ะ 5555
+1 ครับ
-
ต้องการรถใหญ่ นั่งสบาย พื้นที่ใช้เยอะ ได้ภาพลักษณ์ถึงไม่มากแต่ก็ดีกว่า C seg พอสมควร
บางคนเค้าขับเรื่อยๆไม่ได้ซีเรียส คุ้มค่า คุ้มราคาครับ
ต่อให้ Focus สุดแสนจะเทพ vs G9 2.0 ผมก็เลือก G9
แต่ถ้าหลงใหลในการขับขี่ ยังไงก็ต้อง Focus แหละครับ
คนที่ซื้อ D seg 2.0 ก็คิดแบบนี้แหละครับ
-
ความอืดแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ
บางคนเอามาขับแบบไปเรื่อยๆ
ไม่ได้เน้นต้องมาออกตัวแรง แซงมันซะทุกคัน
อีกอย่างที่สำคัญที่สุดคือราคาครับ ด้วยราคาที่ต่างกัน 2.5-3 แสนบาทขึ้นไป
ทำให้หลายๆคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ
-
แล้วแต่คนด้วยแหละครับต่างคนก็ต่างเรื่องกันไปแต่ถ้าผมเป็นพวก คัมรี่ แอคคอร์ด ไรงี้ผมไม่ซื้อนะ2.0อ่ะมันไม่ไหว
-
อย่าดูถูกเครื่องเล็กสิครับ
Formula Ford EcoBoost. Street Legal Racer on Road and N�rburgring - CHRIS HARRIS ON CARS (http://www.youtube.com/watch?v=tmZMwk14r4c#ws)
-
ชอบรถคันใหญ่ครับ แต่ไม่ชอบเครื่องใหญ่ๆ ไม่เน้นซิ่งมากมาย เครื่อง 2000 กะลังดี แถมยังจับดมแก๊สด้วย เน้นประหยัดและพื้นที่ใช้สอยในรถมากกว่าครับ
;D ;D ;D ;D