Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก ที่ มิถุนายน 06, 2013, 23:23:31
-
ทุกวันนี้ มาสด้า ดูจะเป็นยี่ห้อเดียว ที่ไม่สนใจพลังงานทางเลือกเลย
ในขณะที่ค่ายอื่นๆ อย่างโตโยต้า ฮอนด้า เบนซ์ บีเอ็ม ล้วนมุ่งหน้าสู่ไฮบริด
ส่วนนิสสัน ก็มุ่งพัฒนารถไฟฟ้า เปอร์โยพัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้แรงอัดอากาศมาเป็นพลังงาน แม้แต่ปอร์เช่ ก็ยังมีไฮบริด
ผมกำลังพูดถึงทิศทางของเทคโนโลยีในอีก 5-10ปีข้างหน้า ค่ายอื่นๆล้วนมุ่งหน้าไปสู่พลังงานทดแทน
แต่ มาสด้า ไม่เอาเลย มาสด้าพยายามจะพัฒนาเครื่องเบนซิน และ ดีเซล บนพื้นฐานของสกายแอคทีฟต่อไป
ถ้าดูจากทิศทางของรถยนต์ในปัจจุบัน มีความเป็นไปได้ที่อีก10ปีข้างหน้า รถจะเป็นไฮบริด หรือ ไฟฟ้ากันทั้งนั้น
ในวันที่ไฮบริดมันพัฒนาก้าวไปอีกขั้น คือ สามารถวิ่งที่ความเร็ว100 เป็นระยะทาง40-50 กม ขึ้นไป โดยใช้ไฟฟ้าอย่างเดียวไม่ใช้น้ำมันเลย (จริงๆตอนนี้โตโยต้าทำได้แล้ว แต่ยังไม่ได้เอามาขายในเชิงพาณิชย์)
ทิศทางของมาสด้า จะเป็นยังไงต่อไป เพราะถ้าคู่แข่งทุกค่ายในตลาด ล้วนมีเครื่องยนต์ลูกผสม ที่กินน้ำมันแค่ 30-40กม/1ลิตร และให้แรงม้าแรงบิดที่สูงกว่า หรือแม้กระทั่ง plug-in ที่ชาร์ตไฟจากบ้านได้ (อันนี้สมมติ)
มาสด้าจะกลายเป็นหลุดวงโคจรไปรึป่าว เพราะตามเทคโนโลยีไม่ทันแล้ว
ภาพที่ผมเห็นตอนนี้ เหมือนว่า ค่ายรถทุกๆค่ายล้วนมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันหมด ในขณะที่มาสด้าหันหลังและเดินไปอีกด้านแทน
(สำหรับผม มาสด้าแมร่งโคดอินดี้เลยนะครับ เพราะมองให้ลึกลงไป เหมือนเดินบนเส้นทางอันโดดเดี่ยวยังไงไม่รู้)
-
จำได้ว่ามาสด้าเคสทำ RX-8 ที่ใช้แต่ไนโตรเจน100%ออกมา... ฮา
-
แน่ใจเหรอครับว่าไม่ทำ
เดี๋ยวปลายปีนี้จะตกใจนะ (แต่ยังไม่มาไทยหรอก)
-
จำได้ว่ามาสด้าเคสทำ RX-8 ที่ใช้แต่ไนโตรเจน100%ออกมา... ฮา
ใช้ไฮโดรเจนครับ
EV ก็ทำนะครับ ไปหาข่าวอ่านกันเองได้ครับ
-
ไทรตันใหม่ไงครับ ดีเซลไฮบริด ;D
-
ไม่มีใครรู้อนาคตครับ แต่ผมว่าไม่หรอก
-
แล้วถ้าเค้ามุ่งเน้นพัฒนาเครื่องยนต์แบบสันดาป ปกติ
พอถึงจุดนึงของจุดคุ้มทุนและจุดพีคที่เป็นแมสของเทคโนโลยีไฮบริด
ผมว่ามาสด้าเองคงเอาเครื่องที่ดีที่สุดของตัวเองไปผสมเป็นไฮบริดได้ไม่ยากนะครับ
-
ไทรตัน นั่นmitsuไม่ใช่หรอครับ
-
เขาคุยกับโตโยต้า มานานแล้วครับ เรื่องเทคโนโลยีไฮบริด
-
มาสด้า เป็นค่ายที่มีแนวทางชัดเจนว่าไม่ทำ(ขาย)ไฮบริด หรือ รถไฟฟ้า ในช่วง ณ ขณะนี้ หรือ ในไม่กี่ปีข้างหน้าก็ตามครับ
เหตุผลหลักๆคือ สัดส่วนรถยนต์เครื่องสันดาบยังเยอะอยู่มาก และต้นทุนในการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นนั้นยังต่ำกว่ามากครับ
ดังนั้นก็จะเห็นได้ว่ามาสด้านั้นฝากผีฝากใข้ไว้กับ Skyactiv เอาไว้มากครับ
-
ไม่ได้บอกไม่ได้แปลว่าไม่ทำ ;)
-
ผมว่าก็ไม่น่าจะแปลก คิดเล่น ว่า พัฒนาเครื่องยนต์จนดีที่สุดแล้ว ต่อยอดโดยไปขอแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี่ หรือไม่ก็ขอซื้อ
ไม่ต้องมาเสียเงิน เสียเวลา และต้องมาหาทิศทางว่า Hybrid แบบไหนดีทีสุด (honda ยังไม่เปลี่ยน hybrid ตัวเองเลย)
น่าจะประหยัดกว่าเยอะ
-
คหสต.นะครับ มาสด้าคงคิดว่า อีกสิบปีค่อยทำก็ไม่สาย ราคาแบตกับมอเตอร์คงจะถูกกว่าตอนนี้ ทำแล้วคุ้มทุนกว่านี้
รอให้ค่ายอื่นๆบุกเบิกตลาดกันไปก่อนพอถึงจุดที่ทุกคนยอมรับแล้วตัวเองค่อยทำก็ไม่สาย
เหมือนเทคโนโลยีคอมมอนแรลในรถกระบะ ตอนแรกโตโยต้าทำออกมาอีซูซุก็ยังนิ่งอยู่ พอตลาดยอมรับเทคโนโลยีนี้ก็ทำออกมาทีหลัง
ก็ขายดีไม่แพ้กัน แถมทำทีหลังยังพัฒนาแรงดันหัวฉีดให้มากกว่าโตโยต้าที่เปิดตัวก่อน เอามาเกทับได้อีกด้วยครับ
-
ผมว่าอนาคตก็น่าจะต้องมีครับ
ระบบ hybrid ไม่ได้ทำให้ประหยัดน้ำมันอย่างเดียว แต่ตัว motor ยังช่วยขับทำให้แรงขึ้นด้วย ดังนั้น ถ้าถึงจุดที่แข่งขันกันแรงขึ้น ก็อาจจะต้องเอาระบบ hybrid มาต่อกรคู้แข่งกับเขาด้วยครับ
ระบบ skyactive. เป็นอีก technology ที่เปรียบเทียบกับพวก blue efficiency ของ Benz หรือ twin power ของ BMW ซึ่งทั้ง 2 ค่ายก็ยังใข้ hybrid ในรถบางรุ่นเลยครับ
แต่ skyactive เป็นการคิดค้นออกแบบโดยเฉพาะ ในรุ่นหนึ่งๆ คือออกแบบทั้งโครงสร้าง ช่วงล่าง เกียร์ เครื่องยนต์ ซึ่งความซับซ้อนมีอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว ถ้ามาพ่วง hybrid เข้าไปอาจจะทำให้การทำงานระบบต่างๆ ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น จะนำพามาถึงเรื่องการซ่อมบำรุงที่ยากขึ้นหรือไม่???
ผมว่า สำหรับเมืองนอก น่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่ความซับซ้อนมากๆเพราะ เขาเปลี่ยนรถกันเร็ว (เนื่องจากราคารถเขาเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ ไม่ได้สูง)
แต่เมืองไทย รถเราราคาแพงมาก เราคงต้องใช้ให้คุ้ม ใช้ให้นานเพื่อใหคุ้มกับเงินที่จ่าย อาจจะมีผลในเรื่องนี้ครับ
แต่ผมสงสัยเรื่อง skyactive นิดหนึ่งครับ เพราะ technology นี้ ออกแบบทุกอย่างสำหรับรถแต่ละคัน ดังนั้น อะไหล่ หรือ ชิ้นส่วนต่างๆ ต้องใช้เฉพาะรุ่นและของแท้เท่านั้นใช่ไหมครับ รวมถึงถ้าเราอยากเปลี่ยนโช็ค ยี้ห้อดัง หรือ จูนกล่องให้แรงขึ้นในตัวดีเซล จะมีผลต่อระบบหรือเปล่าครับ?
-
การพัฒนายานยนต์ มันทุนในการวิจัยมากนะครับ
มันต้องเลือกทางใดทางหนึงก่อน ยิ่งถ้าเป็นบริษัทเล็กๆ ขายได้ไม่มาก ทุนสำรองไม่มาก ก็ยากอยู่นะที่กล้าลงทุนคิดค้นพัฒนาพร้อมกันหลายด้าน
hybrid ใครชิงลงมือก่อนขายก่อนก็ได้ฐานลูกค้าไปก่อน มาสด้ายังนัวเนียกับ skyactive ช่วงเวลานี้ ถ้า เทคโนโลยีที่เข้าหวังไว้อย่างสูง กับไม่สามารถตอบรับลูกค้าได้ดีพอสมควร ไม่แน่เหมือนอาจหมดงบ ต้องขายหุ้นทอดตลาดอีกครั้ง
-
ไทรตัน นั่นmitsuไม่ใช่หรอครับ
5555 เบลอครับเบลอ ขอโทษทีครับ
-
ผมว่าไม่ผิดนะครับ
คนยังเล่นไฮบริดไม่ค่อยเยอะเลย
แต่อนาคตยังไงก็ต้องมีหละครับ ต้องปรับตัวตลอด
-
เขาคุยกับโตโยต้า มานานแล้วครับ เรื่องเทคโนโลยีไฮบริด
เซ็นต์สัญญากันเรียบร้อยมา 3 ปีกว่าแล้วครับ
อนาคตอีกไม่กี่เดือนรับรองได้เห็น SkyActiv-G + Hybrid เค้าเคลมว่าถ้าวัดแบบ JC08 จะได้ราวๆ 35-36 km/L เมื่ออยู่ในตัว J36
http://editorial.autos.msn.com/article.aspx?cp-documentid=1136631 (http://editorial.autos.msn.com/article.aspx?cp-documentid=1136631)
http://ja.wikipedia.org/wiki/JC08%E3%83%A2%E3%83%BC%E3%83%89 (http://ja.wikipedia.org/wiki/JC08%E3%83%A2%E3%83%BC%E3%83%89)
-
เคยอ่านบทความที่ไหนสักแห่ง มาสด้าเคยกล่าวไว้ว่าทิศทางของเครื่องยนต์สันดาบยังสามารถพัฒนา
ต่อไปได้อีก เพราะใช้ต้นทุนในการวิจัยและการผลิตไม่มากเท่าระบบไฮบริด หรือระบบไฟ้ฟ้าล้วน ที่มีราคาแพง
คนทั่วไปไม่สามารถซื้อหามาขับได้
มาสด้าอาจะจะคิดว่า อยากพัฒนาเรื่องเครื่องยนต์สันดาปของตนเองไห้มันถึงที่สุดก่อน ดีที่สุดก่อน
แล้วค่อยต่อยอดไปยังระบบไฮบริดก็ยังไม่สาย (ตามที่ท่าน Niceguy_C ว่าไว้)
ตอนนี้หลายๆค่ายต่างก็หันมาพัฒนาเทคโนโลยี ดาวน์ไซส์ซิ่ง กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพราะเป็นเทคโนโลยี
ที่เห็นความประหยัดได้จริง ต้นทุนไม่แพง สามารถจูนแรงม้าได้หลากหลายระดับตั้งแต่ 90-170 แรงม้า
(เครื่อง 3 สูบเทอร์โบของฟอร์ด) ทำไห้สามารถนำไปติดตั้งในรถได้หลายรุ่น ยิ่งจะทำไห้คุมราคาขายไม่ไห้แพง
เกินไป คนทั่วไปสามารถซื้อหาได้
มาสด้าเองต่างก็เริ่มใช้เครื่องยนต์ Skyactive G,D ไปวางในรถยนต์สองสามรุ่นแล้ว
(เสียดายเครื่องเบ็นซิน น่าจะมีเทอร์โบไห้บ้าง ;D)
บวกกับเทคโนโลยีการผลิตแบบน้ำหนักเบา อัตราสั่วนแรงม้าต่อน้ำหนักดีขึ้น ก็ยิ่งส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองแบบชัดเจน
(เหมือน มิราจไงครับ แรงม้าน้อยกว่าชาวบ้าน น้ำหนักรถน้อยกว่า กลับประหยัดกว่า )
ผมก็เชื่อว่าสิ่งที่มาสด้าทำอยู่ตอนนี้ เขากำลังทำสิ่งที่ตนเองถนัด ภายใต้กำลัง(งบประมาณ)
ที่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ๆสุดครับ
-
หลายท่านบอกมาถูกแล้วครับ
Mazda บริษัทขนาดกลาง เงินไม่ได้หนานัก
จะลงทุนอะไรแต่ละที ความเสี่ยงมันสูงมาก
พวกเขามองว่า ขอทำเครื่องสันดาปให้ดีเสียก่อนเถอะ
เพราะ ถ้าทำเครื่องสันดาปให้ดีแล้ว จะไปพ่วงกับ Hybrid เมื่อไหร่ก็ได้
และเมื่อนั้น มันจะยิ่งได้สมรรถนะดีเพิ่มขึ้นไปอีกเยอะ
Logic ของพวกเขา ในการแก้ปัญหา มาได้ตรงจุดแล้วละครับ
เพราะปัญหาที่ผ่านมาของพวกเขาคือ ทำเครื่องยนต์สันดาป ได้ไม่ดีเท่าที่ควรต่างหาก
คอยดูหลังจากนี้ต่อไป
สนุกขึ้นอีกเยอะ!
-
หรือว่าค่ายอื่นๆมุ่งสู่อนาคตที่ผิดพลาดกับการทำไฮบริด :-\
-
ไม่ผิดหรอก เพราะ ไฮบริดอาจจะไม่ใช่คำตอบเสมอไปก้ได้หนิ ตราบใดที่ยังไม่มีความแน่ชัด ผมว่า มาสด้าก้พัฒนาดูลาดราวต่อได้ล่ะดีแล้ว
-
หรือว่าค่ายอื่นๆมุ่งสู่อนาคตที่ผิดพลาดกับการทำไฮบริด :-\
ถูกใจครับ โดยส่วนตัวมองว่าhybrid น่าจะหมดอนาคตในเวลาซัก5-10 ปีนี้ละครับ
-
เอิ่มมมมม มาสด้าทำเครื่องเบนซินของตัวเองให้แรงแล้วก็ประหยัดก่อนดีมั๊ย...