Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: monroe ที่ กรกฎาคม 14, 2013, 15:12:52
-
ผมสงสัยเกี่ยวกับขนาดของล้อครับ เท่าที่ผมอ่านกระทู้ซื้อขายล้อ หรือ spec ล้อที่กำหนดจากโรงงานสำหรับรถที่แต่งออกแนวดุดันหน่อย จะนิยมใช้ล้อหน้าที่มีหน้าแคบกว่าล้อหลัง แต่ทางกลับกันพอลองคำนวนเส้นผ่าศูนย์กลางของวงล้อรวมยางแล้วจะพบว่าล้อหน้าจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางรวมกว้างกว่าล้อหลังเล็กน้อย
ขออนุญาตยกตัวอย่าง spec E300 AMG ที่กำหนดสเป็กล้อมาคือ
ล้อหน้า 255/40 R18 คำนวนได้เส้นผ่าศูนย์กลางรวม 661mm
ล้อหลัง 265/35 R18 คำนวนได้เส้นผ่าศูนย์กลางรวม 643mm
จะเห็นว่าล้อหลังเส้นผ่าศูนย์กลางแคบกว่าล้อหน้า 18mm
ผมจึงอยากทราบถึงประโยชน์ของการใช้ขนาดล้อในลักษณะนี้หนะครับ ซึ่งในความรู้สึกผมรู้สึกแปลกใจที่ว่ารถขับล้อหลังถ้าได้วงล้อที่กว้างกว่าก็น่าจะทำความเร็วได้ดีกว่าหนะครับ แต่ในเมื่อสเป๊กส่วนใหญ่ออกมาแบบนี้แสดงว่ามันต้องมีสาเหตุที่ดีกว่าจึงมาขอความรู้จากทุกท่านครับ
ขอบคุณครับ
-
"แคบกว่า" ก็คือแคบกว่าครับ มันไม่ได้เกี่ยวกับเส้นผ่านศูนย์กลางรวมอะไรที่คุณหาออกมาเลย
แคบกว่า คือ หน้ายางแคบกว่า ตัวเลข 3หลักแรกนั่นแหละครับ น้อยกว่าคือแคบกว่า ความกว้างของหน้ายาง ยิ่งมาก ก็จะยิ่งมีเนื้อยางสัมผัสกับถนนมากกว่า กริปตรงนั้นก็จะมากกว่า รถแข่งทำเวลาขับเคลื่อนล้อหน้าที่ออกแนวซีเรียสหน่อย จะใช้ยางที่ด้านหน้ากว้างกว่า เพื่อเป็นการลด Understeer ที่จะเกิดขึ้นขณะเข้าโค้ง จะทำเวลาได้เร็วกว่ารถที่ Understeer ทิ้งๆขว้างๆไป ส่วนรถขับเคลื่อนล้อหลัง จะมีหน้ายางด้านหลังที่กว้างกว่า เพื่อเป็นการลด Oversteer ที่จะเกิดขึ้นขณะเข้าโค้ง เพื่อเป็นการลดโอกาสที่รถจะหมุนเข้าหาต้นไม้ระหว่างเข้าโค้ง
เบสิคหลักๆ ของการเลือกใช้ยางกว้างยางแคบ มันก็มีอยู่แค่นี้แหละครับ แต่สิ่งที่ผมเชื่อมั่น และพูดแสดงออกมาบ่อยๆ คือ ในโลกแห่งความเป็นจริง มันไม่เหมือนกับหลักทฤษฎีเสียเท่าไหร่ ส่วนมากรถขับหน้าที่มีแรงม้าไม่เกิน 170 แรงม้า จะไม่มี Understeer มากพอที่ยางหน้ากว้างกว่าด้านหลังจะส่งผลชัดเจน เช่นเดียวกับรถขับหลัง ถ้าเกิดคุณเห็นรถแรงม้าน้อยๆใช้ยางที่ด้านหน้ากับด้านหลังไม่เท่ากัน หน้าแคบกว่าหลัง อันนี้มันเป็นเหตุผลทางด้าน Aesthetic เท่านั้นเลยครับ ไม่ได้มีหลักฟิสิกส์เข้ามาด้วย เราจึงเห็นรถขับหน้าใช้ยางหน้าแคบกว่าหลังบ่อยๆ ทั้งๆที่มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย
มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อและบอกบ่อยๆครับ วิศวกรรมทางด้านยานยนต์ มันจะดูแค่เรื่องเดียวแยกไปไม่ได้ มันซับซ้อนกว่านั้น สมัยที่บริษัทรถต่างๆใช้เทคโนโลยีแตกต่างกันมากๆ การเรียนรู้เรื่องพวกนี้มันง่ายกว่าสมัยนี้ ที่รถเจ้าไหนๆมันก็เหมือนกันไปหมด ครับ อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่วัยรุ่นสมัยนี้ไปเล่นโทรศัพท์กันหมด มันซับซ้อนเกินไปกว่าที่จะเข้าใจเห็นผลชัดเจน
-
รถขับหลังเลือกหน้ายางหลังกว้างเพื่อให้การเกาะ Grip ขึ้น ก็ถูกแล้ว
แต่ถ้ารถขับหน้าไปแต่งแบบนั้นก็ได้แค่ความสวยเป็หลัก แต่จะได้อัตราเร่งที่อืดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมาแทนเน้อ
-
"แคบกว่า" ก็คือแคบกว่าครับ มันไม่ได้เกี่ยวกับเส้นผ่านศูนย์กลางรวมอะไรที่คุณหาออกมาเลย
แคบกว่า คือ หน้ายางแคบกว่า ตัวเลข 3หลักแรกนั่นแหละครับ น้อยกว่าคือแคบกว่า ความกว้างของหน้ายาง ยิ่งมาก ก็จะยิ่งมีเนื้อยางสัมผัสกับถนนมากกว่า กริปตรงนั้นก็จะมากกว่า รถแข่งทำเวลาขับเคลื่อนล้อหน้าที่ออกแนวซีเรียสหน่อย จะใช้ยางที่ด้านหน้ากว้างกว่า เพื่อเป็นการลด Understeer ที่จะเกิดขึ้นขณะเข้าโค้ง จะทำเวลาได้เร็วกว่ารถที่ Understeer ทิ้งๆขว้างๆไป ส่วนรถขับเคลื่อนล้อหลัง จะมีหน้ายางด้านหลังที่กว้างกว่า เพื่อเป็นการลด Oversteer ที่จะเกิดขึ้นขณะเข้าโค้ง เพื่อเป็นการลดโอกาสที่รถจะหมุนเข้าหาต้นไม้ระหว่างเข้าโค้ง
เบสิคหลักๆ ของการเลือกใช้ยางกว้างยางแคบ มันก็มีอยู่แค่นี้แหละครับ แต่สิ่งที่ผมเชื่อมั่น และพูดแสดงออกมาบ่อยๆ คือ ในโลกแห่งความเป็นจริง มันไม่เหมือนกับหลักทฤษฎีเสียเท่าไหร่ ส่วนมากรถขับหน้าที่มีแรงม้าไม่เกิน 170 แรงม้า จะไม่มี Understeer มากพอที่ยางหน้ากว้างกว่าด้านหลังจะส่งผลชัดเจน เช่นเดียวกับรถขับหลัง ถ้าเกิดคุณเห็นรถแรงม้าน้อยๆใช้ยางที่ด้านหน้ากับด้านหลังไม่เท่ากัน หน้าแคบกว่าหลัง อันนี้มันเป็นเหตุผลทางด้าน Aesthetic เท่านั้นเลยครับ ไม่ได้มีหลักฟิสิกส์เข้ามาด้วย เราจึงเห็นรถขับหน้าใช้ยางหน้าแคบกว่าหลังบ่อยๆ ทั้งๆที่มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย
มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อและบอกบ่อยๆครับ วิศวกรรมทางด้านยานยนต์ มันจะดูแค่เรื่องเดียวแยกไปไม่ได้ มันซับซ้อนกว่านั้น สมัยที่บริษัทรถต่างๆใช้เทคโนโลยีแตกต่างกันมากๆ การเรียนรู้เรื่องพวกนี้มันง่ายกว่าสมัยนี้ ที่รถเจ้าไหนๆมันก็เหมือนกันไปหมด ครับ อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่วัยรุ่นสมัยนี้ไปเล่นโทรศัพท์กันหมด มันซับซ้อนเกินไปกว่าที่จะเข้าใจเห็นผลชัดเจน
ผมว่าคำถามของ จขกท. น่าจะหมายถึงเส้นผ่านศูนย์่กลางของล้อรวมยางแล้วล้อหลังมันเล็กกว่าล้อหน้า หรือง่ายๆก็คือขอบยางของล้อหน้ามันใหญ่กว่าล้อหลัง ทั้งๆที่ยางที่ใส่ของล้อหลังหน้ากว้างมันใหญ่กว่า เค้าเลยเกิดความสงสัย
ถ้าให้ผมเดาผมว่าเครื่องมันใหญ่CC.มันเยอะเลยทำให้ด้านหน้าของตัวรถมันหนัก ขอบยางของล้อหน้ามันเลยใหญ่กว่าล้อหลัง
-
สงสัยเหมือนกันครับ น่าจะยางบางแล้วหน้ากระแทกแรงกว่ามั้งครับ :P
-
หัวข้อกระทู้บอกว่าหน้ายางครับ อ่านดีๆ ความกว้าง แคบ เขาก็ใช้เรียกหน้ายางกัน ถ้าเกิดไม่ใช่อย่างงั้น ผมก็ว่า จขกท. งงเองแล้วหละครับ สองอย่างนี้มันไม่เกี่ยวกัน ขอบยางก็ขอบยาง หน้ายาง ก็หน้ายาง สองอย่างนี้มันคงละอย่างกัน
-
ลืมบอก จขกท. น่าจะเข้าใจผิดนะครับ ระหว่าง หน้ายาง กับ ความหนา ;D
-
เหมือนว่า จขกท. จะตั้งหัวข้อกระทู้ไม่ตรงกับคำถามนะครับ
-
หัวข้อกระทู้บอกว่าหน้ายางครับ อ่านดีๆ ความกว้าง แคบ เขาก็ใช้เรียกหน้ายางกัน ถ้าเกิดไม่ใช่อย่างงั้น ผมก็ว่า จขกท. งงเองแล้วหละครับ สองอย่างนี้มันไม่เกี่ยวกัน ขอบยางก็ขอบยาง หน้ายาง ก็หน้ายาง สองอย่างนี้มันคงละอย่างกัน
พี่ก็อ่านเนื้อหาในกระทู้ที่เขาตั้งด้วยสิครับ พี่อ่านแค่หัวข้อแล้วตอบเลยรึไร ???
ส่วนคำตอบของผมคือ ผมคิดว่าจริงๆแล้วเค้าคงอยากให้เส้นผ่านศูนย์กลางมันเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมากที่สุดครับ
ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับรถขับหลังแรงม้าเยอะๆก็คือ เพิ่มความกว้างหน้ายาง ลดซีรี่ขอบยาง ครับ
ถ้าความกว้างหน้ายางเพิ่ม แต่ซีรี่เท่าเดิม มันก็จะดูโย่งๆ หรือไม่ก็ติดซุ้มล้อง่ายกว่าครับ ;D
-
เดานะครับเครื่องอยู่หน้ามันหนักก็เลยให้เส้นผ่าศูนย์กลางมันสูงกว่าสักนิสสนึง พอใส่ลงไปหน้าจะได้ไม่ยุบน่าเกียจ
ส่วนเรื่องความกว้างล้อหลังเราเห็นมันกว้างก็มาจากพวกรถขับหลัง ให้มันมีพื้นที่เสียดทานถนนเยอะๆออกตัวจะได้ฟรีไม่มาก
ถ้ารถขับหน้าก็คือเอาสวยสะมากกว่า
-
งั้นตอบมันทั้งคู่เลยละกัน จะได้ครบๆ อยากได้อะไรก็ได้หมด
ตัวเลขหลักที่สอง 40 กับ 35 จากที่ จขกท.ให้มาในตัวอย่างในเนื้อหากระทู้ นี่คือความหนาของแก้มยางนะครับ ขอบยางที่เรียกๆกันอยู่ อันนี้ ยิ่งหนา จะยิ่งซับแรงกระแทกได้ดีกว่า แต่ก็จะทำให้ยางมันเอียงได้ง่ายกว่า ถ้าเอียงเกินที่ยางมันจะรีบไหว ยางจะระเบิด ชนต้นไม้ข้างทาง
XJ US Spec ที่ผมเคยมีใช้ยางที่มี Side profile ขนาด 75 โคตรนุ่มเลยครับ แต่ว่ากริปห่วยแตกมากๆ แล้วพอเข้าโค้งที ขอบยางมันพยายามจะกลายไปเป็นหน้ายาง Understeer หนักมากๆ
(http://www.thetruthaboutcars.com/wp-content/uploads/2013/05/Psychosteer-251x350.jpg)
รูปล่าง เห็นยางที่ขอบเอียงจนล้อเกือบจะปลิ้นออกมาไหมครับ? นั่นคือผลของการใช้ยางที่มีขอบยางหนาแบบพิซซ่าขอบนุ่ม
-
ผมก็นึกสงสัยว่า ขนาดล้อหลังเส้นรอบวงจะต่างกันขนาดนั้น
ไปดูในเว็บ Benz thailand ขนาดมัน 245/40 กับ 265/35 นะครับ เส้นรอบวงไม่เล็กต่างกันมากขนาดนั้น เจตนาเดาว่าคงพยายามทำให้เท่ากัน
-
คิดว่า เอาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางล้อแม็ก(ในนี้คือ 18") บวกกับความหนาแก้มยาง(เลข 40,35)ใช่มั้ยครับ
ถ้าให้ผมเดา คงเป็นเพราะรถยนต์ทั่วไป ที่ไม่ได้กระจายน้ำหนักแบบ 50-50 (ใครทำได้เทพมาก) น้ำหนักจะกระจายไปข้างหน้ามากกว่าข้างหลัง
เลยต้องการลมยางในปริมาณที่เหมาะสม คือมากกว่าล้อหลังหน่อย เลยเป็นแบบนี้ครับ
แต่ทำไมผมไม่ค่อยเห็นการใส่ยางแบบนี้เลย รถบ้านๆในไทยก็แก้มยางเท่ากันตลอดทั้งหน้าทั้งหลัง
ปล ถ้าบอกว่าหน้ายาง จะไปยุ่งกับเลข 3 ตัวหน้าของสเปกครับ เช่น
195/65 R15 สีแดงนั่นละคือความกว้าง สีส้มเป็นความหนาแก้มยาง(บางทีเรียกว่าซีรีส์)
-
คิดว่า เอาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางล้อแม็ก(ในนี้คือ 18") บวกกับความหนาแก้มยาง(เลข 40,35)ใช่มั้ยครับ
ถ้าให้ผมเดา คงเป็นเพราะรถยนต์ทั่วไป ที่ไม่ได้กระจายน้ำหนักแบบ 50-50 (ใครทำได้เทพมาก) น้ำหนักจะกระจายไปข้างหน้ามากกว่าข้างหลัง
เลยต้องการลมยางในปริมาณที่เหมาะสม คือมากกว่าล้อหลังหน่อย เลยเป็นแบบนี้ครับ
แต่ทำไมผมไม่ค่อยเห็นการใส่ยางแบบนี้เลย รถบ้านๆในไทยก็แก้มยางเท่ากันตลอดทั้งหน้าทั้งหลัง
ปล ถ้าบอกว่าหน้ายาง จะไปยุ่งกับเลข 3 ตัวหน้าของสเปกครับ เช่น
195/65 R15 สีแดงนั่นละคือความกว้าง สีส้มเป็นความหนาแก้มยาง(บางทีเรียกว่าซีรีส์)
ผมคิดว่าตัวE300 มันเป็นตัวนำเข้า ไม่ได้ผลิตในบ้านเรารึเปล่า เลยทำให้สเป็คยางหน้าหลังไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่เห็นแต่รถแรงๆในเมืองนอกที่ทำยางหน้าหลังไม่เท่ากัน
-
-ทำให้ล้อหลังถ่ายทอดกำลังสู่พื้นได้มากและรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น
-ทำให้ท้ายสามารถให้ตัวได้เร็วเพิ่มขึ้น
-คงไว้ซึ่งแรงเสียดทานและความมั่นคงของด้านท้าย
-
ขอขอบคุณทุกท่านครับที่ช่่วยกันให้ความเห็น และขอโทษด้วยครับที่ตั้งคำถามแล้วทำให้งงๆ ผมมาอ่านอีกทีก็งงตัวเองเหมือนกัน แต่ที่ผมหมายถึงก็ทำนองว่าพอคำนวนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางแล้วเห็นว่าล้อหลังมันเล็กกว่าล้อหน้าหนะครับ ซึ่งรถขับหลังผมเลยคิดว่าเส้นผ่าศูนย์กลางล้อมันน่าจะใหญ่กว่า แหะๆ พิมไปงงไป
แต่ก็พอจะเข้าใจเรื่องขอล้อมากขึ้นหละครับ
ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ :D
-
คงเป็นการยึดเกาะ เพิ่มความอืดครับ (แต่ถ้ารถแรงแล้วก็ไม่ส่งผลมาก)
-
รถผมสั่งล้อมาแต่งเองแต่เป็นล้อรุ่นแรงกว่า (M5)
หน้ากว้าง 245/40/19
หลัง 275/35/19 ความคิดผมน่าจะช่วยเรื่องทรงตัวและยึดเกาะสำหรับรถขับหลังนะคับ และความกว้างล้อมันทำให้ล้อยื่นออกมามากขึ้น ทรงตัวดีขึ้นด้วยล่ะคับ
ส่วนรถขับหน้าใส่ต่างขนาดกันก็เพื่อ สวย ล้วนๆ
-
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ งงมานานมาก จำได้ว่า เส้นผ่านศูนย์กลางมันจะต้องเอา ความกว้างหน้ายางไปคูณ กับซีรี่ยาง พอคำนวณมาแล้วล้อหลังมันเล็กกว่าจริงๆ
ผมเข้าใจว่า ข้อจำกัดที่ล้อหน้า ถ้าใส่ยางหน้ากว้างเกินมันน่าจะทำให้ติดตอนเลี้ยวได้น่ะครับ เค้าเลยจำเป็นที่จะต้องใส่ยางแคบกว่า ;D
-
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ งงมานานมาก จำได้ว่า เส้นผ่านศูนย์กลางมันจะต้องเอา ความกว้างหน้ายางไปคูณ กับซีรี่ยาง พอคำนวณมาแล้วล้อหลังมันเล็กกว่าจริงๆ
ผมเข้าใจว่า ข้อจำกัดที่ล้อหน้า ถ้าใส่ยางหน้ากว้างเกินมันน่าจะทำให้ติดตอนเลี้ยวได้น่ะครับ เค้าเลยจำเป็นที่จะต้องใส่ยางแคบกว่า ;D
นั่นไงครับ มีคนงงเหมือนผมด้วย ฮิฮิ
และต้องขอบคุณสำหรับความเห็นเพิ่มเติมทุกท่านครับ :D
-
หัวข้อกระทู้บอกว่าหน้ายางครับ อ่านดีๆ ความกว้าง แคบ เขาก็ใช้เรียกหน้ายางกัน ถ้าเกิดไม่ใช่อย่างงั้น ผมก็ว่า จขกท. งงเองแล้วหละครับ สองอย่างนี้มันไม่เกี่ยวกัน ขอบยางก็ขอบยาง หน้ายาง ก็หน้ายาง สองอย่างนี้มันคงละอย่างกัน
พี่ก็อ่านเนื้อหาในกระทู้ที่เขาตั้งด้วยสิครับ พี่อ่านแค่หัวข้อแล้วตอบเลยรึไร ???
ส่วนคำตอบของผมคือ ผมคิดว่าจริงๆแล้วเค้าคงอยากให้เส้นผ่านศูนย์กลางมันเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมากที่สุดครับ
ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับรถขับหลังแรงม้าเยอะๆก็คือ เพิ่มความกว้างหน้ายาง ลดซีรี่ขอบยาง ครับ
ถ้าความกว้างหน้ายางเพิ่ม แต่ซีรี่เท่าเดิม มันก็จะดูโย่งๆ หรือไม่ก็ติดซุ้มล้อง่ายกว่าครับ ;D
เห็นด้วยครับ
-
ผมก็เคยสงสัย .. เพราะล้อเดิมe90 ผมก็เป็นแบบนี้ ล้อหน้าล้อจะสูงกว่าล้อหลัง
ทำไมไม่ทำให้เท่ากันไปเลย หรือว่าตัวถังรถด้านหลังสูงอยู่แล้ว เลยลดลงมา ...
ตอนนี้ก็ยังสงสัยอยู่ เพราะผมกำลังจะเปลี่ยนยางขอบ18 GY asymmetric2 หน้าหลังต่างกันล้อละ 3,xxx