Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: seamonkey ที่ กรกฎาคม 15, 2013, 01:42:16
-
อัตราแลกเปลี่ยน 3 Baht~1 Rand
นํ้ามันเบนซิน 13.XXRand
นํ้ามันดีเซล ผมจำไม่ได้แต่ไม่ต่อกันมาก
ลองมาดูกันครับ
Bentley
Continental GT V8 8A: 2 850 000 Rand
BMW
320i 6M: 375 962 Rand
320i auto 8A: 393 347 Rand
320d 6M: 402 000 Rand
320d auto 8A: 420 000 Rand
M3 Coupe 6M: 899 955 Rand
M3 Coupe auto 7A: 942 329 Rand
Chevrolet
Sonic hatch 1.4 LS 5M: 121 500 Rand
Sonic hatch 1.6 LS 5M: 185 300 Rand
Cruze sedab 2.0D LT 6A: 293 200 Rand
Captiva 3.0 LTZ AWD 6A: 463 700 Rand
Ferrari
California 30 7A: 2 950 000 Rand
458 Italia 7A: 3 490 000 Rand
FF 7A: 4 050 000 Rand
F12berlinetta 7A: 4 850 000 Rand
Ford
Fiesta 1.4 Ambiente 5M: 219 300 Rand
Fiesta ST 6M: 254 500 Rand
Focus sedan 1.6 Ambiente 5M: 219 300 Rand
Focus ST1 6M: 318 200 Rand
Focus ST3 6M: 363 300 Rand
Honda
Brio 1.2 Comfort 5M: 122 400 Rand
Brio 1.2 Comfor auto 5A: 132 700 Rand
Jazz 1.5 Elegance 5M: 208 900 Rand
Civic sedan 1.8 Comfort 5M: 239 100 Rand
CR-Z 6M: 332 800 Rand
Accord 2.4 Exclusive auto 5A: 429 000 Rand
Jaguar
XF 2.2D Luxury 8A: 499 300 Rand
Lamborghini
Aventador LP700-4 7A: 6 100 000 Rand
Mazda
Mazda2 1.5 Dynamic 5M: 193 700 Rand
Mazda3 MPS 6M: 345 400 Rand
Mercedes-Benz
A180 6M: 275 257 Rand
A180 auto 7A: 285 552 Rand
A250 Sport 7A: 395 479 Rand
C200 Classic auto 7A: 400 242 Rand
SLK250 AMG Sports: 639 197 Rand
Nissan
Micra 1.2 Visia 5M: 112 900 Rand
370Z coupe 6M: 601 400 Rand
GT-R Premium Edition 6A: 1 401 200 Rand
Porsche
Cayman auto 6A: 679 000 Rand
Cayenne 8A: 729 000 Rand
911 Carrera auto 7A: 1 089 000 Rand
Subaru
XV 2.0i 6M: 299 000 Rand
BRZ 2.0 6M: 389 900 Rand
WRX STI Premium 6M: 599 000 Rand
Toyota
Corolla 1.6 Professional 6M: 219 000 Rand
86 2.0 6M: 298 500 Rand
86 2.0 high 6M: 334 500 Rand
เบียร์สิงห์ขวดเล็ก 11 Rand (ผลิตไทย ถูกกว่าไทย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!) ถูกกว่าเบียร์ท้องถิ่นอีกครับ :o
-
เมืองไทยรถแพงจริงๆ :( อยากรู้ว่าถ้าประเทศไทยเจริญแล้ว ค่าแรงแพง ค่าจอดรถแพง จะลดราคารถลงมาไหม...
แต่เบียร์นี่เมืองไทยขวดเล็กก็ราคาประมานี้หรือปล่าวไม่แน่ใจ ถ้าไม่ได้ซื้อที่สถานที่ท่องเที่ยว
-
ภาษี ของ ชาติ
อุ้ย ไม่พูดการเมือง :P
-
ประเทศนั้นเป็นแหล่งผลิตรถเหมือนกันด้วย แต่ราคามัน ;) ;) ;) ไม่เอาๆๆไม่พูด ;D ;D ;D
-
เหลือบไปเห็น 320d เทียบกะ accord เอ่อราคามันแทบจะเท่ากันเลยแฮะ แต่ที่ไทยแพงกว่า 1 ลบ. .... เพลีย
-
ถ้าถามว่าทุกท่านชินมั้ยกับราคาข้าวของ รถยนต์สิ่งของทุกอย่างในบ้านเรา ถ้าท่านคิดว่าชินแล้ว ก็อย่าคิดมากครับ เพราะแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกมากขึ้นว่าทำไมเราถูกเอาเปรียบ แต่ในหลายๆแง่เราก็ได้เปรียบบ้านอื่นเมืองอื่นเค้าก็เยอะเหมือนกัน เคยสังเกตุที่อินเดียหรือที่อื่นๆมั้ยครับ บางที่เห็นแล้วเค้าอยู่กันได้ยังไงนะ แต่เขาก็อยู่ได้ เหมือนที่ไวๆมานี้มีกะทู้ท่านสมาชิก ตั้งขึ้นมาว่าจะเปลี่ยนไปใช้พวงมาลัยซ้าย คิดดูว่าถ้าเกิดขึ้นจริง จะเป็นยังไงไม่วุ่นวายหรือครับ เพราะฉะนั้น เรื่องราคา ปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไกของตลาดกลไกของภาษี อ่ะดีแล้ว รถจะถูกจะแพง เบียร์จะถูกจะแพง ท่านซื้อราคาแพงซะคนเดียวที่ไหน คนอื่นก็ซื้อราคาเดียวกะท่านน่ะแหละ ขึ้นอยู่ที่ท่านเองแล้วว่าจะทำใจยอมรับอยู่ร่วมกะสิ่งเหล่านี้ได้รึเปล่า ครับ รถดีๆใครก็อยากขับ ใครก็อยากมีไว้ในครอบครอง ผมก็ยังอยากได้ แต่ลองคิดดูถ้ารถยุโรปราคาล้านต้นๆ
แล้วทีนี้ใครจะซื้อรถยี่ปุ่นล่ะ เพราะถ้าตอนนี้รถยี่ปุ่นกดราคามาเท่านี้แล้ว แต่รถยุโรปกดราคาลงมาบี้อีก ตายสิครับ เพราะราคารถยี่ปุ่นขนาดนี้ ยังมีบางรุ่นที่ขาดทุนอยู่เลย แถมยังโดนตัดออฟชั่นซะเยอะก็มีถมเถไปครับ
ปล.ถ้าเมื่อไหร่คนต่างชาติต่างภาษา นิสัยเหมือนกัน คิดเหมือนกัน เราค่อยมาคิดเรื่องทำไมราคารถยนต์ไม่เท่ากันดีกว่าครับ เพราะทุกที่มันมีความต่าง ถ้าไม่มีความต่างมันก็เรียบง่ายไป จบ.....
-
ตอนผมไปอยู่นั่น 1 แรนด์ เท่ากับ 5 บาทครับ เดี๋ยวนี้ 1 แรนด์เท่ากับ 3 บาท สบายเลย
-
ช่องโหว่ทางระบบ และ โอกาสทางธุรกิจในปัจจุบัน
มือใครยาว สาวได้สาวเอาครับ
คนที่อยู่ในจุดที่มองเห็นภาพใหญ่ ภาพกว้างกว่า
สบโอกาสฟันกำไร มันทำกันทั้งนั้นแหละ ยิ่งในยุคที่ "เงิน" คือ ความถูกต้องแบบนี้ด้วย
ประเทศที่เจริญแล้วทางเศรษฐกิจ เค้าจึงต้องมีภาครัฐที่เข้มแข็ง และ ปกป้องผลประโยชน์ของคนในประเทศตนเองก่อน
และหากิน หาผลประโยชน์ กดขี่ เอาเปรียบ ประเทศอื่น นี่คือข้อแตกต่าง ในความเห็นผมครับ
ฉะนั้น จะทำใจอย่างไร หรือไม่ มันแล้วแต่ว่ามองมุมไหน ซึ่งมันตอบยังไม่ได้ในตอนนี้
ผมกลัวว่า อีกสิบปี รถก็แพง น้ำมันก็แพง ค่าจอดก็แพง ค่าต่อภาษีก็แพง ไม่มีอะไรถูกลงซักอย่างมากกว่า
-
ดูไว้เป็นความรู้ รถอังกฤษ หรือเมกา ถูกเหมือนกันไม่เห็นแปลกครับ แต่ค่าตรองชีพหละ ค่ากินอยู่ ค่าอื่นๆ รวมถึงประกัน ลองบวกกลับเข้าไป ผมบอกเลย เมืองไทยถูกกว่าเยอะ หรืออย่างน้ำมัน เราก็อยู่กลางๆ เราไปเทียบกับประเทศที่ถูกกว่าก็ใจหายเป็นปกติครับ แต่หากเราไปเทียบกับประเทศที่แพงกว่า เราก็บอกว่า ก็ที่นั่นแพง หุหุ นานาจิตตัง ลองดูสิงค์โปร์ก็ได้ กว่าคุณจะได้รถ 1 คัน ใช้เงินเท่าไหร่ ป้ายทะเบียนได้ยินว่าต้องเป็นมรดกแล้ว ไม่เพิ่มให้แล้ว หรือจะเอาใหม่น่าจะล้านกว่าๆ สำหรับทะเบียน มันมีอีกเยอะนอกจากราคารถอย่างเดียวครับ
-
ดูราคาขายไม่ดูภาษีทะเบียบ+ราคาซ่อมบ้างล่ะครับ บางที่ที่รถถูกๆยังต้องมีค่าจอดอีกหรือไม่มีที่จอดซื้อไม่ได้ไม่เหมือนบ้านเราซื้อมาจอดหน้าบ้านให้ซอยมันแคบลงๆลงได้ลองดูอย่างอื่นประกอบบ้างนะครับบางทีเราดูแต่ราคาขายอย่างเดียวไม่ได้นะครับ
-
ค่าจอดอะไรครับ ? ผมอยู่แอฟริกาใต้มา จอดฟรีเหมือนไทยนี่แหละครับ อย่างเข้าไปในเมือง ริมฟุตบาทตรงไหนว่าง จอดได้เลย จอดไปเป็นวัน ก็ไม่เสียซักแรนด์ จะมีก็แต่คนดำ มาแบมือขอตังค์ดื้อๆเท่านั้นแหละ ;D ;D
ว่าแต่เวลาคุยเรื่องราคารถ ให้เอาราคาของประเทศส่วนมากมาคุยนะครับ ไม่ใช่เอาแต่ราคาสิงคโปร์มาอ้าง ให้เราดูประเทศใหญ่ๆ อเมริกา อังกฤษ จีน แอฟริกาใต้
สิงค์โปร์เมืองเค้าเล็กครับ เค้าต้องจำกัด เอาสิงค์โปร์มาเทียบกับกรุงเทพไม่ได้ กรุงเทพเป็นแค่เมืองหนึ่ง ต้องเทียบกับประเทศไทยทั้งประเทศ
-
86 2.0 high 6M: 334 500 Rand
ถ้าราคานี้ในไทย จะซื้อมาซิ่งเลย ;D
-
ดูไว้เป็นความรู้ รถอังกฤษ หรือเมกา ถูกเหมือนกันไม่เห็นแปลกครับ แต่ค่าตรองชีพหละ ค่ากินอยู่ ค่าอื่นๆ รวมถึงประกัน ลองบวกกลับเข้าไป ผมบอกเลย เมืองไทยถูกกว่าเยอะ หรืออย่างน้ำมัน เราก็อยู่กลางๆ เราไปเทียบกับประเทศที่ถูกกว่าก็ใจหายเป็นปกติครับ แต่หากเราไปเทียบกับประเทศที่แพงกว่า เราก็บอกว่า ก็ที่นั่นแพง หุหุ นานาจิตตัง ลองดูสิงค์โปร์ก็ได้ กว่าคุณจะได้รถ 1 คัน ใช้เงินเท่าไหร่ ป้ายทะเบียนได้ยินว่าต้องเป็นมรดกแล้ว ไม่เพิ่มให้แล้ว หรือจะเอาใหม่น่าจะล้านกว่าๆ สำหรับทะเบียน มันมีอีกเยอะนอกจากราคารถอย่างเดียวครับ
แต่รายได้ต่อหัวเขาก็สูงกว่าเราเยอะเช่นกันครับ รถบ้านเขาขนาดคนไทยเรายังมองว่าถูก แล้วเขาที่รายได้เยอะกว่าเรา 4-5 เท่า คงไม่ต้องพูดถึงล่ะมั้ง ต่อให้รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วให้ตายยังไงก็ยังถูกกว่าไทยอยู่ดี
ส่วนประเทศเล็กๆพื้นที่น้อยๆอย่างสิงคโปร์ รัฐเขาไม่สนับสนุนให้คนมีรถกันนะครับ เขาก็เลยต้องเก็บภาษีแพงๆ จำกัดป้าย
-
อีกเรื่องคือรายได้ของประชากรครับ
ถ้าได้เยอะด้วย เรื่องค่าใช้จ่ายจะแพงกว่าไทยก็ไม่แปลก
-
ที่นั่นค่าอาหารเป็นไงบ้างครับ ที่ไทย50บาท กินได้อิื่่มๆ1มื้อ ยังทำได้ ที่นั่นทำได้หรือไม่ครับผมไม่เคยไป
ส่วนเรื่องรถราคาแพง ผมก็ว่าไทยเรามันเป็นแบบนี้มานาน เลยไม่รู้แพงไหม รถยนต์นั่งใหม่ก็4แสนกว่า5แสนกว่า เริ่มต้นแบบนี้มาทั้งแต่ผมสนใจอยากมีรถแล้ว(ราว15ปีก่อน) ต่างกันที่สมัยนี้มีอุปกรร์ความปลอดภัยมีให้มากขึ้น(แต่เหล็กบางลง พลาสติกดูกระจอกขึ้น)
แต่เมื่อดูราคาต่างประเทศ อื่มต้องยอมรับว่าของเขา ถูกกว่าจริงๆ :P
-
สรุปคือค่ารถยนต์ กับ ค่าข้าวจานนึงมันเกี่ยวอะไรกันครับ -_-"
จะบอกว่าเมืองไทยค่าครองชีพถูก รถจึงต้องแพง? ผมว่าอันนี้มันดูแปลกๆ นะครับ
เรื่องรถแพงก็ต้องว่าไปตามนั้น กับสิ่งที่คนไทยได้รับอยู่ดูมันไม่ค่อยยุติธรรม ไหนจะ option และ qc
เวลารถจะตกรุ่นลดมาได้หลักแสน ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าขาดทุนไหม แต่เห็นแล้วมันสะเทือนใจจริงๆ
โดยเฉพาะทางฝั่งรถยุโรป
ส่วนฝั่งยุโรปค่าครองชีพแพง ค่าแรงขั้นต่ำก็ยิ่งโคตรแพง แต่ขายรถราคาถูกกว่ารถที่ผลิตในประเทศไทย
เมื่อเทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์
ส่วนสิงคโปร์ ใบอนุญาติซื้อรถ COE ไม่ได้เป็นมรกดกนะครับ ประมูลได้ครั้งนึงมีอายุ 10 ปี หลังจากหมดอายุ
ต้องประมูลใหม่ เรื่องใบอนุญาติ มีเพิ่มมีลดครับ ตามนโยบายรัฐ อย่างเดือนหน้านี้เขาก็จะเพิ่ม โควต้าให้อีก
เพราะเขาตัดถนนเพิ่ม แต่ถ้าปริมาณรถมันเยอะเกินไป เขาก็จะลดโควต้าแต่ละเดือนลงมาครับ
แต่ราคารถไม่ควรเทียบกับสิงคโปร์ เพราะถ้าตัด ใบอนุญาติบ้าบอนี้ไป ราคาก็พอๆ กับรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทย
แต่รายดายเขาสูงปี๊ด เฉลี่ย USD5x,xxxx ต่อคนต่อปีเลย
ที่ใบประมูลเขาแพงเพราะการแบ่ง class ประมูลเขาไม่ทันโลก เมื่อก่อน class 1500cc กับ 1600cc
จะเป็นของชนชัั้นกลาง แล้วเดี่ยวนี้รถ premium ฝั่งยุโรป ทำเครื่องเล็กๆ ออกมา มันเลยกลายเป็นว่า
คนรวยมาประมูลแข่งกับคนชนชั้นกลาง ราคามันเลยถีบตัวสูงมากๆ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
-
ชอบราคา 86 จัง แพงกว่าเฟียสต้าไม่เท่าไหร่
-
KFC ชุดใหญ่อยู่ราวๆ 100 Rand ครับ
ค่าเข้า Nation Park คนละ 45 Rand
ไปกินกาแฟร้านแบบ Starbuck กัน 4 คนจ่ายไป 70 Rand
เดินซื้อของใน Supermarket ราคาใกล้เคียงไทยครับ แต่ผักจะแพงกว่า
ดูรถพวก Brio Mazda2 Jazz นี้ราคาเท่ากับไทยเลย แต่พวก BMW Benz Porsche นั้นราคาถูกกว่าไทยมาก
-
แต่ผมชอบราคารถมือ 2 ไทย ไม่ค่อยตกมากแบบเมืองนอก
5-7 ปี ยังขายได้ตั้งครึงนึงนะครับ คุ้มมากๆ ;)
โดยเฉพาะยี่ห้อดังๆ
-
เป็นความรู้ดีครับ ในฐานะคนชอบรถยนต์ก็อิจฉาประเทศพัฒนาแล้วจริงๆที่ได้ใช้รถถูก
ที่ราคาต่างกันเพราะเรื่่องภาษีครับ บ้านเราไ่ม่เเก็บภาษีคนชั้นล่าง คนชั้นกลางเก็บไม่สูงมาก แต่เก็บคนรวยสูง แต่ก็เก็บภาษีน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วอยู่ดี
บ้านเมืองเราคิดว่าคนมีรถคือคนรวย เค้าจะรีดภาษีจากคนมีเงินไปพัฒนาประเทศครับ เช่นทำถนนหนทางเป็นต้น
ส่วนเรื่องน้ำมัน นี่มันแพงไปจริงๆ สำหรับความคิดผม ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็แ้ล้วแต่ มันต้องยึดภาพรวมมากกว่าเสียงทางการเมืองเพื่อกลับมาครองอำนาจ (เป็นถูกรัฐบาล นั่นแหละครับเดี๋ยวนี้ื)
-
เป็นความรู้ดีครับ ในฐานะคนชอบรถยนต์ก็อิจฉาประเทศพัฒนาแล้วจริงๆที่ได้ใช้รถถูก
ที่ราคาต่างกันเพราะเรื่่องภาษีครับ บ้านเราไ่ม่เเก็บภาษีคนชั้นล่าง คนชั้นกลางเก็บไม่สูงมาก แต่เก็บคนรวยสูง แต่ก็เก็บภาษีน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วอยู่ดี
บ้านเมืองเราคิดว่าคนมีรถคือคนรวย เค้าจะรีดภาษีจากคนมีเงินไปพัฒนาประเทศครับ เช่นทำถนนหนทางเป็นต้น
ส่วนเรื่องน้ำมัน นี่มันแพงไปจริงๆ สำหรับความคิดผม ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็แ้ล้วแต่ มันต้องยึดภาพรวมมากกว่าเสียงทางการเมืองเพื่อกลับมาครองอำนาจ (เป็นถูกรัฐบาล นั่นแหละครับเดี๋ยวนี้ื)
เห็นด้วยครับ เราไม่เก็บภาษีเลยจริงๆ
แม้แต่การทำงาน แรงงานนอกระบบก็ไม่เก็บภาษี ไม่หักประกันสังคม แต่มีสิทธิ 30 บ. ซึ่งผมว่ามันก็แฟร์ดีครับ
แต่ต้องลดความเหลื่อมล้ำ เช่น ต้องพยายามนำระบบราชการ กับ รัฐวิสาหกิจไปเข้า ประกันสังคมด้วย เป็นต้นครับ
-
ดูไว้เป็นความรู้ รถอังกฤษ หรือเมกา ถูกเหมือนกันไม่เห็นแปลกครับ แต่ค่าตรองชีพหละ ค่ากินอยู่ ค่าอื่นๆ รวมถึงประกัน ลองบวกกลับเข้าไป ผมบอกเลย เมืองไทยถูกกว่าเยอะ หรืออย่างน้ำมัน เราก็อยู่กลางๆ เราไปเทียบกับประเทศที่ถูกกว่าก็ใจหายเป็นปกติครับ แต่หากเราไปเทียบกับประเทศที่แพงกว่า เราก็บอกว่า ก็ที่นั่นแพง หุหุ นานาจิตตัง ลองดูสิงค์โปร์ก็ได้ กว่าคุณจะได้รถ 1 คัน ใช้เงินเท่าไหร่ ป้ายทะเบียนได้ยินว่าต้องเป็นมรดกแล้ว ไม่เพิ่มให้แล้ว หรือจะเอาใหม่น่าจะล้านกว่าๆ สำหรับทะเบียน มันมีอีกเยอะนอกจากราคารถอย่างเดียวครับ
ไม่คิดถึงรายได้ประชากรบ้างเหรอครับ ค่าครองชีพเค้าสูง รายได้เค้าก็สูง แล้วขอทีเถอะ เจอประเด็นนี้ทีไร เอาไปเทียบกับสิงค์โปร์ทุกที ตกลงประเทศเค้าเป็นมาตรฐานเหรอครับ ถึงต้องคอยเอาไทยไปเทียบ แล้วเรื่องขนส่งสาธรณะที่เค้าดีกว่าเราไม่เอามาเทียบด้วยหล่ะครับ รถไทยแพงจริง เมื่อเทียบกับรายได้ประชากร และขนส่งมวลชนไทยแย่จริง ทำให้ประเด็นรถไทยแพงต้องเป็นประเด็นที่ควรพูดคุยครับ
-
ดูราคาขายไม่ดูภาษีทะเบียบ+ราคาซ่อมบ้างล่ะครับ บางที่ที่รถถูกๆยังต้องมีค่าจอดอีกหรือไม่มีที่จอดซื้อไม่ได้ไม่เหมือนบ้านเราซื้อมาจอดหน้าบ้านให้ซอยมันแคบลงๆลงได้ลองดูอย่างอื่นประกอบบ้างนะครับบางทีเราดูแต่ราคาขายอย่างเดียวไม่ได้นะครับ
งง เคยไปต่างประเทศบ้างรึเปล่าครับ มีสักกี่ประเทศเองที่ต้องมีที่จอดถึงซื้อรถได้ ผมนึกๆ ออกก็มีแค่ญี่ปุ่นนะ หรือว่าสิงค์โปร์อีกประเทศ แล้วคุณเอาประเด็นพวกนี้มาคุย ยิ่งหัวเรื่องเกี่ยวกับแอฟริกาใต้ด้วยแล้ว ประเทศเค้าใหญ่โต ที่จอดหรืออะไรไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ จะตอบอะไรคิดให้ถ้วนๆ นะครับ ค่าภาษีป้ายเค้าก็ไม่ได้แพงเกินค่าครองชีพเค้าหรอกครับ อาจจะแพงสำหรับคนที่รายได้ต่ำๆ ถึงได้มองว่าป้ายก็แพงอะไรก็แพง แต่สำหรับคนค่าครองชีพระดับนั้น ค่าแรงซ่อม ค่าป้าย ก็เป็นไปตามกลไกตลาดหล่ะครับ
-
ผมว่าถ้าเทียบกับค่าครองชีพของบ้านเรากับราคารถยนต์แล้ว....
ผมว่ามันไม่ค่อยสมดุลเลยครับ...
ต่างประเทศที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว...ค่าครองชีพสูงกว่าบ้านเราเยอะ...แต่กลับมีรถยนต์ที่ราคาถูกกว่าเยอะ :'(
-
ภาษี ของ ชาติ
อุ้ย ไม่พูดการเมือง :P
จริงที่สุด
-
เป็นความรู้ดีครับ ในฐานะคนชอบรถยนต์ก็อิจฉาประเทศพัฒนาแล้วจริงๆที่ได้ใช้รถถูก
ที่ราคาต่างกันเพราะเรื่่องภาษีครับ บ้านเราไ่ม่เเก็บภาษีคนชั้นล่าง คนชั้นกลางเก็บไม่สูงมาก แต่เก็บคนรวยสูง แต่ก็เก็บภาษีน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วอยู่ดี
บ้านเมืองเราคิดว่าคนมีรถคือคนรวย เค้าจะรีดภาษีจากคนมีเงินไปพัฒนาประเทศครับ เช่นทำถนนหนทางเป็นต้น
ส่วนเรื่องน้ำมัน นี่มันแพงไปจริงๆ สำหรับความคิดผม ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็แ้ล้วแต่ มันต้องยึดภาพรวมมากกว่าเสียงทางการเมืองเพื่อกลับมาครองอำนาจ (เป็นถูกรัฐบาล นั่นแหละครับเดี๋ยวนี้ื)
เห็นด้วยครับ เราไม่เก็บภาษีเลยจริงๆ
แม้แต่การทำงาน แรงงานนอกระบบก็ไม่เก็บภาษี ไม่หักประกันสังคม แต่มีสิทธิ 30 บ. ซึ่งผมว่ามันก็แฟร์ดีครับ
แต่ต้องลดความเหลื่อมล้ำ เช่น ต้องพยายามนำระบบราชการ กับ รัฐวิสาหกิจไปเข้า ประกันสังคมด้วย เป็นต้นครับ
คนชั้นล่าง เราก็เก็บในแบบ vat ไงครับ
ถ้าสมมติ เราเปลี่ยนการเก็บภาษีสรรพสามิตร จากเดิม เก็บครั้งแรกครั้งเดียว
สมมติว่า รถ 6 แสน เป็นภาษีซะ 150,000 ค่าตัวรถ 450,000
เปลี่ยนไปเก็บแบบ รายปี 5 ปี ปีละ 30,000
หรือสัก 8 ปี ปีละ 18,750
จะรับกันได้ไหม จ่ายภาษีเท่าเดิม แต่จ่ายเป็นรายปีแทน
-
แหม ต่างประเทศเค้าก็มีโครงสร้างภาษีของเขาครับ
ยกตัวอย่างอเมริกาครับ แคมรี่ 2.5 + ออพชั่นให้ประมาณของไทย(ที่โน่นจะให้ออพชั่นบางอย่างแล้วมาเพิ่มเอาเองครับ)
ราคา 8 กว่าบาทแสนบาท + VAT 8.5% = 9 แสนกว่าบาท
รถนั่งธรรมดา ประกันขั้นหนึ่งก็ตกปีละ 60 000 - 100 000 บาทครับ
ยังไม่รวมภาษีประจำปี(ฐานะมีรถในครอบครอง) ละ 15 000บาท โดยประมาณ
คิดราคา 5 ปี เหลือราคาขายประมาณ 400 000
เงินที่เสียไปทั้งหมด 900 000 + 5 (80 000 + 15 000) - 400 000 = 975 000 บาท
ของไทย ราคารถ 1.5 ล้าน พรบ.+ทะเบียน และประกันชั้น 1 รวมๆแล้วตกปีละ 25 000
ใช้ 5 ปี ขาย 800 000
เงินที่เสียไปทั้งหมด 1 500 000 + 5 (25 000) - 800 000 = 850 000 บาท
เห็นมั้ยครับ รวมๆแล้วคนไทยใช้รถถูกกว่าอยู่ดี ไม่รวมค่าน้ำมันที่ราคาไม่ต่างกันมาก (ที่โน่นถูกกว่านิดๆแต่เป็นเบนซิน 89) ค่าแรงที่โน่นแพงค่อดๆ
เอารายได้มาเทียบไม่ได้หรอกครับ อยู่ที่โน่น ภงด.ก็สูง VAT ก็สูง 7.5-12% แถมครอบครองสิ่งของมีมูลค่าสูง บ้าน+รถ+เรือ ฯลฯ ก็ต้องเสียภาษีสูงมาก
ค่าครองชีพกับรายได้มันบอกตรงๆไม่ได้หรอกครับ อย่างงี้เราซื้อข้าว กิโลละ 200 แต่ส่งออกไประเทศห่างไกล ค่าครองชีพต่ำกว่าเรา รวมค่าขนส่ง ภาษีแล้วขายกิโลละ 300
แล้วเกิดเค้ามาอ้างว่า ราคาข้าวไม่สมเหตุผลกับค่าครองชีพ รายได้เค้าเลย แล้วเราจำทำอะไรได้ล่ะครับ ยอมขาดทุนหรือ ถ้ากำไรมันน้อยมากก็ไม่ขายดีกว่ามั้ย
ปล. ทั้งนี้ใช้อัตรภาษีของ Kansas ราคารถมือสองอ้างอิงจากแคมรี่ 2.5 รุ่นที่แล้ว คิดเป็น%ของราคาเต็ม อายุประมาณ 5 ปี
-
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ
ทำให้ผมได้ทราบว่า South Africa นอกจากจะเป็นประเทศแถบทวีปแอฟริกาที่น่าท่องเที่ยวแล้ว ค่าเงินก็สูงกว่าเราด้วย
จากที่เคยไปมาทั้งใช้ชีวิตช่วงเวลานึงและไปท่องเที่ยว ไม่ว่าจะ USA SIN NZ รวมถึงแถบยุโรปเช่น UK GER (DE)
ส่วนตัวผมเอง ผมมองว่าทุกประเทศข้างต้นค่ารถยนต์ถูกครับ แต่มันจะแพงก็ตรงค่าประกันครับและอื่นๆครับ ยกตัวอย่างเช่น
- SINgapore อย่างที่ท่านไหนบอกว่ารัฐไม่สนับสนุนให้ประชาชนมีรถ และที่สำคัญประเทศนี้จำกัดจำนวนรถยนต์ และรถใช้ได้ไม่เกิน 10 ปี หากเกินก็ส่งไปขายโลกที่3 (ไม่รู้กฎนี้เปลี่ยนหรือยัง) เพราะฉะนั้น คนจะมีรถได้ ต่อคิวกันแหลกลานครับ
- UK ท่านจะมีรถ ท่านต้องมีที่จอดรถ!!! ประเทศเราทำได้ไหมครับ มีบ้านแต่ที่จอดหน้าบ้าน ปรับปรุงเติมแต่ง เอารถไปจอดนอกบ้านตัวเอง จอดริมถนน หรือรถบัสคันใหญ่ๆทะเบียนต่างจังหวัด เอาที่อยู่ซึ่งเป็นที่นา ไปแจ้งว่ารถจอดบริเวณนั้น แต่มาวิ่งในกทม. จอดรถตามที่สาธารณะ
- US ประกันแพงมากๆ ยิ่งรถมือหนึ่งนี่ ถ้างานไม่มั่นคงจริง หรือคนใช้เงินเก่งจริง ไปออกรถมือสองกันหมดแหละครับ ตัวผมเองก็ใช้รถมือสอง เพราะสภาพรถแม่มม อย่างดีครับ ประกันถูกลงจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่คุ้มที่จะใช้ครับ
- GERmany (Deutschland) ข้อดีเขาคงเป็นเพราะเป็นประเทศเจ้าของผู้ผลิตรถมั้งครับ หากคุณไปเมืองของเขาเลย เช่นอยู่ มิวนิค BMW หรือ สตุดการ์ด Porsche คนแทบจะได้เปลี่ยนรถทุก ไมเนอร์เชนจ์ครับ เพราะบริษัทเขามีแคมเปญเปลี่ยนรถ ตีราคา น่าล่อซื้อตลอดเวลาครับ แต่เขาก็เก็บภาษีจาก การปล่อย CO2 นะครับ [จากทำสัญญาในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของแต่ละชาติ และการทำ CSR แหละครับ]
ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ได้จะมาโอ้อวด เพียงแต่ยกตัวอย่างให้ดู และอยากแสดงความเห็นว่ามี ไทยแลน์เดีย ประเทศพวกเรานี่แหละ ขายรถราคาแพงจริงจริง ไม่รู้จะมาจากภาษีรัฐที่มองว่ารถยนต์เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย หรือจริงจริงแล้ว พวกค่ายรถยนต์นี่แหละฉวยโอกาสสร้างกำไรล้วนๆ
-
เขาว่ากันว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่จะไม่มีวันพอใจในสิ่งที่ตนมี กระทู้นี้เป็นเครื่องยืนยันเลยครับ
รัฐบาลไม่ว่าจะประเทศไหน ทำดีแค่ไหน ก็โดนด่าเหมือนกัน ไม่ว่ายังไง คนก็จะพยายามหาข้อติข้อเตียนให้ได้
ทางสายกลาง ทางสายกลาง ไม่มีอยู่จริง พอใจในสิ่งที่ตนมี พอใจในสิ่งที่ตนมี ไม่มีอยู่จริง
สิงคโปร์ ใช้ระบบ COE เยี่ยมเลย รถโหล่ยโถ่ยใหม่ๆเต็มถนน บ้านเมืองน่าเบื่อ น่าไปเที่ยวม๊าก ผมเป็น OCD ผมยังว่ามันเป็นระเบียบเกินไป
ไทย บ่นว่ารถแพงๆ ก็ซื้อรถใหม่กันทุกๆ 5ปี บ้านนึงซื้อกันหลายๆคัน
คนไทยถูกเอาเปรียบ คิดว่าพวกชาวยุโรปเขาไม่ถูกเอาเปรียบกันบ้างหรือไงครับ?
เม้นบน คนอังกฤษก็จอดรถกันหน้าบ้านครับ มีกฎหมายว่าห้ามซ่อมรถข้างถนน แต่ไม่ได้มีกฎหมายว่าห้ามจอด เส้นเหลืองสองเส้นห้ามจอด ไม่มีก็จอดไปเหอะ
ถ้าคิดว่าประกันอเมริกาแพงแล้ว ขอบอก ประกันอังกฤษแพงกว่าอีกครับ คนที่เพิ่งได้ใบขับขี่ในอังกฤษ ประกันแพงมาก แพงกว่ามูลค่ารถสิบเท่าก็เคยมี ต้องขับประกันพ่อแม่เอา
มีให้ใช้ก็ดีแค่ไหนแล้วครับ ไม่เหมือนสมัยโซเวียตที่จะซื้อลาดาหรือมอสกวิชกากๆกันคันนึงต้องรอกันสามสี่ปี
เชื่อเหอะถ้าไม่เถียงกันเรื่องนี้ ก็จะต้องเถียงกันว่าใครซื้อฉลาดกว่าใครอีก
ถ้าใช้ตรรกะกันแบบนี้ ผมว่าทุกคนก็โดนหลอกเหมือนกันหมดแหละ รวมถึงผมด้วย
-
แหม ต่างประเทศเค้าก็มีโครงสร้างภาษีของเขาครับ
ยกตัวอย่างอเมริกาครับ แคมรี่ 2.5 + ออพชั่นให้ประมาณของไทย(ที่โน่นจะให้ออพชั่นบางอย่างแล้วมาเพิ่มเอาเองครับ)
ราคา 8 กว่าบาทแสนบาท + VAT 8.5% = 9 แสนกว่าบาท
รถนั่งธรรมดา ประกันขั้นหนึ่งก็ตกปีละ 60 000 - 100 000 บาทครับ
ยังไม่รวมภาษีประจำปี(ฐานะมีรถในครอบครอง) ละ 15 000บาท โดยประมาณ
คิดราคา 5 ปี เหลือราคาขายประมาณ 400 000
เงินที่เสียไปทั้งหมด 900 000 + 5 (80 000 + 15 000) - 400 000 = 975 000 บาท
สูตรนี้มันก็ใช้ได้กับแคมรี่อะครับ ลองเอาbenz bm มาคิดสิ
ของไทย ราคารถ 1.5 ล้าน พรบ.+ทะเบียน และประกันชั้น 1 รวมๆแล้วตกปีละ 25 000
ใช้ 5 ปี ขาย 800 000
เงินที่เสียไปทั้งหมด 1 500 000 + 5 (25 000) - 800 000 = 850 000 บาท
เห็นมั้ยครับ รวมๆแล้วคนไทยใช้รถถูกกว่าอยู่ดี ไม่รวมค่าน้ำมันที่ราคาไม่ต่างกันมาก (ที่โน่นถูกกว่านิดๆแต่เป็นเบนซิน 89) ค่าแรงที่โน่นแพงค่อดๆ
เอารายได้มาเทียบไม่ได้หรอกครับ อยู่ที่โน่น ภงด.ก็สูง VAT ก็สูง 7.5-12% แถมครอบครองสิ่งของมีมูลค่าสูง บ้าน+รถ+เรือ ฯลฯ ก็ต้องเสียภาษีสูงมาก
ค่าครองชีพกับรายได้มันบอกตรงๆไม่ได้หรอกครับ อย่างงี้เราซื้อข้าว กิโลละ 200 แต่ส่งออกไประเทศห่างไกล ค่าครองชีพต่ำกว่าเรา รวมค่าขนส่ง ภาษีแล้วขายกิโลละ 300
แล้วเกิดเค้ามาอ้างว่า ราคาข้าวไม่สมเหตุผลกับค่าครองชีพ รายได้เค้าเลย แล้วเราจำทำอะไรได้ล่ะครับ ยอมขาดทุนหรือ ถ้ากำไรมันน้อยมากก็ไม่ขายดีกว่ามั้ย
ปล. ทั้งนี้ใช้อัตรภาษีของ Kansas ราคารถมือสองอ้างอิงจากแคมรี่ 2.5 รุ่นที่แล้ว คิดเป็น%ของราคาเต็ม อายุประมาณ 5 ปี
-
แล้วเกิดเค้ามาอ้างว่า ราคาข้าวไม่สมเหตุผลกับค่าครองชีพ รายได้เค้าเลย แล้วเราจำทำอะไรได้ล่ะครับ ยอมขาดทุนหรือ ถ้ากำไรมันน้อยมากก็ไม่ขายดีกว่ามั้ย
เทียบกับข้าวไม่ถูกต้องเท่าไหร่นะครับ ข้าวเค้าผลิตไม่ได้
แต่รถยนต์เค้าผลิตได้เราก็ผลิตได้นะครับ รถส่วนใหญ่ก็ผลิตในประเทศทั้งนั้น
ผมว่าหลักๆเลยคือภาษีรถรวมถึงภาษีน้ำมันบ้านเรานี่แหละครับที่แพง แต่อย่างอื่นถูก
-
แล้วเกิดเค้ามาอ้างว่า ราคาข้าวไม่สมเหตุผลกับค่าครองชีพ รายได้เค้าเลย แล้วเราจำทำอะไรได้ล่ะครับ ยอมขาดทุนหรือ ถ้ากำไรมันน้อยมากก็ไม่ขายดีกว่ามั้ย
เทียบกับข้าวไม่ถูกต้องเท่าไหร่นะครับ ข้าวเค้าผลิตไม่ได้
แต่รถยนต์เค้าผลิตได้เราก็ผลิตได้นะครับ รถส่วนใหญ่ก็ผลิตในประเทศทั้งนั้น
ผมว่าหลักๆเลยคือภาษีรถรวมถึงภาษีน้ำมันบ้านเรานี่แหละครับที่แพง แต่อย่างอื่นถูก
อ่ะครับ ผมแค่เปรียนเทียบให้เห็นชัดๆแค่นั้นแหละครับ
ภาษีน้ำมันแพงเพราะว่า ต้องเอาไปช่วยพลังงานทางเลือกอื่น ดีเซล E85 ฯลฯ
ส่วนภาษีรถที่แพงเพราะเราจ่ายรวดเดียวตอนออกรถเลย แต่ที่ต่างประเทศจ่ายเป็นปีแแพงแทน
ที่ผมไม่ชอบอย่างเดียวคือสเปก+ออพชั่นเรามักจะสู้เค้าไม่ได้ครับ
-
ดูไว้เป็นความรู้ รถอังกฤษ หรือเมกา ถูกเหมือนกันไม่เห็นแปลกครับ แต่ค่าตรองชีพหละ ค่ากินอยู่ ค่าอื่นๆ รวมถึงประกัน ลองบวกกลับเข้าไป ผมบอกเลย เมืองไทยถูกกว่าเยอะ หรืออย่างน้ำมัน เราก็อยู่กลางๆ เราไปเทียบกับประเทศที่ถูกกว่าก็ใจหายเป็นปกติครับ แต่หากเราไปเทียบกับประเทศที่แพงกว่า เราก็บอกว่า ก็ที่นั่นแพง หุหุ นานาจิตตัง ลองดูสิงค์โปร์ก็ได้ กว่าคุณจะได้รถ 1 คัน ใช้เงินเท่าไหร่ ป้ายทะเบียนได้ยินว่าต้องเป็นมรดกแล้ว ไม่เพิ่มให้แล้ว หรือจะเอาใหม่น่าจะล้านกว่าๆ สำหรับทะเบียน มันมีอีกเยอะนอกจากราคารถอย่างเดียวครับ
ต้องมองให้ครบทุกมุมครับ
ที่อังกฤษ เมกา ค่าครองชีพอย่างอื่นสูงก็จริง แต่ต้องดูรายได้เขาด้วยนะครับ
เช่นอังกฤษ ค่าแรงขั้นต่ำ 6.19 ปอนด์/ชม. ผมก็แอบไปทำพาร์ทไทม์ประจำ คนทั่วไปทำงานแค่ 30 ชม./สัปดาห์ ก็อยู่ได้แล้วครับ
เมื่อเทียบรายได้กับค่าครองชีพและราคารถยนต์มันสมเหตุสมผล ทำงานสบายๆไม่ต้องดิ้นรนก็อยู่ได้สบาย มีเงินซื้อรถดีๆขับขี่สบายใจแล้วครับ
แต่เมื่อมองดูประเทศไทย ค่าแรงอันต่ำต้อยเตี้ยติดดินของเราเปรียบเทียบกับค่าครองชีพที่เราว่าถูกกว่าอังกฤษ ก็ยังไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี ทำงานเดือนหนึ่ง ซื้ออะไรได้บ้าง?
ยิ่งถ้ามาเทียบกับราคารถของพี่ไทยที่แพงเว่อร์ๆ แรงงานขั้นต่ำอย่าหวังว่าจะหาซื้อรถมาขับกันได้ง่ายๆครับ ไม่ต้องรถยุโรปดีๆหรอก Eco Car ยังยากเลยคับ เหงื่อแทบกระเด็น
-
แพงเพราะเรายอมให้แพงครับ
ถ้าทุกคนไม่ซื้อก็ไม่แพงครับ
พอดีขายแพงแล้วคนยังแย่งกันซื้อ รอสี่ห้าเดือนเอาเงินเราไปก่อนก็เอา
บางรุ่นไม่เคยเห็นไม่เคยนั่งเห็นแค่ชื่อรุ่นก็จอง
แล้วจะขายถูกๆทำไม
อย่างเบนส์ไงครับถ้าลูกค้าไม่ซื้อไปออกเกรย์หมดสุดท้ายก็ต้องลดราคามาแข่ง
ในฐานะคนทำธุรกิจในวงการนี้และอื่นๆด้วยและลงทุนในหลายประเทศ
จะมาบอกว่าไอ้ความเชื่อว่าบ้านเราของถูกนั้นมันเก่าไปแล้ว
มองดูโครงสร้างแล้วจะพบว่าประเทศไทยมีต้นทุนในการประกอบธุรกิจสูงกว่าที่อื่น
ขณะที่ประสิทธิภาพต่ำกว่าด้วยครับ แถมนิติบุคคลไทยมีค่าใช้จ่ายทางภาษีสูงมากๆ
ทั้งหมดทั้งปวงผลมันก็ต้องกลับมาสะท้อนที่ราคาสินค้าครับจนตอนนี้ราคาสินค้าในประเทศไทยสูงมาก
ทั้งนี้มันเกิดจากโครงสร้างพื้นฐานของเราแย่และถูกบิดเบือนครีบ ทั้งเรื่องพลังงาน การขนส่ง ผังเมือง ราคาที่ดิน อัตราภาษี อีตราดอกเบี้ย สวัสดิการ
พวกนี้มองโดยรวมแล้วมันโดนบิดเบือนโครงสร้างครับ แต่ทันบิดเบี้ยวมานานจนไม่รู้จะแก้ยังไงและคนของเราก็เคยชินดิ้นรนกันอยู่ไปวันๆ
ทั้งนี้ไม่ใช่ที่อื่นจะดีไปเสียหมดมันก็มีข้อดีข้อเสีย ข้อดีเมืองไทยก็มีแต่มันดีกับใครคนกลุ่มไหนนั่นลองดูดีๆว่าทำไมคนบางกลุ่มรวยเอาๆ (ไม่ใช่แค่ในกลุ่มการเมืองเท่านั้นนะ)
ที่สำคัญสุดคือคนไทยเราเองไม่มีนิสัยปกป้องผลประโยชน์ส่วนรวม เอาแต่ประโยชน์ส่วนตนเข้าว่า
เราเลยไม่มีการแข่งขันและกลไกลตลาดที่แข็งแรงพอ รวมถึงขนาดตลาดที่ไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
กลุ่มทุนอื่นๆมองแล้วไม่คุ้มที่ตะโดดมาเสี่ยงเพื่อส่วนแบ่งที่มูลค่าน้อย
มันเลยมีแต่เจ้าตลาดไม่กี่กลุ่ม กำหนดราคากันเองและกีดกันการแข่งขันได้ง่ายๆ
ขอให้มองว่าเป็นทุกวงการไม้ใช่แค่รถยนต์ครับ
นี่ยังไม่อยากกล่าวถึงสวัสดิการสังคมและระบบประกัน
ยิ่งบ่นยิ่งเหมือนคนแก่
-
ถ้าวัดที่ราคารถ ของไทยแพงกว่าอยู่แล้วครับ
-
เป็นความรู้ดีครับ ในฐานะคนชอบรถยนต์ก็อิจฉาประเทศพัฒนาแล้วจริงๆที่ได้ใช้รถถูก
ที่ราคาต่างกันเพราะเรื่่องภาษีครับ บ้านเราไ่ม่เเก็บภาษีคนชั้นล่าง คนชั้นกลางเก็บไม่สูงมาก แต่เก็บคนรวยสูง แต่ก็เก็บภาษีน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วอยู่ดี
บ้านเมืองเราคิดว่าคนมีรถคือคนรวย เค้าจะรีดภาษีจากคนมีเงินไปพัฒนาประเทศครับ เช่นทำถนนหนทางเป็นต้น
ส่วนเรื่องน้ำมัน นี่มันแพงไปจริงๆ สำหรับความคิดผม ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็แ้ล้วแต่ มันต้องยึดภาพรวมมากกว่าเสียงทางการเมืองเพื่อกลับมาครองอำนาจ (เป็นถูกรัฐบาล นั่นแหละครับเดี๋ยวนี้ื)
เห็นด้วยครับ เราไม่เก็บภาษีเลยจริงๆ
แม้แต่การทำงาน แรงงานนอกระบบก็ไม่เก็บภาษี ไม่หักประกันสังคม แต่มีสิทธิ 30 บ. ซึ่งผมว่ามันก็แฟร์ดีครับ
แต่ต้องลดความเหลื่อมล้ำ เช่น ต้องพยายามนำระบบราชการ กับ รัฐวิสาหกิจไปเข้า ประกันสังคมด้วย เป็นต้นครับ
คนชั้นล่าง เราก็เก็บในแบบ vat ไงครับ
ถ้าสมมติ เราเปลี่ยนการเก็บภาษีสรรพสามิตร จากเดิม เก็บครั้งแรกครั้งเดียว
สมมติว่า รถ 6 แสน เป็นภาษีซะ 150,000 ค่าตัวรถ 450,000
เปลี่ยนไปเก็บแบบ รายปี 5 ปี ปีละ 30,000
หรือสัก 8 ปี ปีละ 18,750
จะรับกันได้ไหม จ่ายภาษีเท่าเดิม แต่จ่ายเป็นรายปีแทน
ประเด็นนี้ผมก็รู้ VAT คือภาษีบริโภค ครับ แต่ผมมองแยกกันในแง่ภาษีเงินได้นะครับ
ส่วนเรื่องรถ ผมว่าแบบบ้านเรานี่แหละ ดีสุด ราคารถก็ไม่ตกมาก กำลังดี :D
ถ้าไปเก็บภาษีรายปี รถบ้านเราคงน้อยลงไปเยอะครับ
-
ภาษี สรรพสามิต TAX คำเดียวเลยครับที่ทำให้รถยนต์บ้านเราแพง
น่าเกลียดขนาดที่ว่า OEM ขายรถได้หนึ่งคัน ได้กำไร ยังไม่ถึงที่ รัฐบาลเก็บไปเลย 55555 เอาไปทำ ถนน ให้รถวิ่ง
ตัวอย่าง รถ B-Segment ขาย 600,000
มันมาจาก TAX 30 % , Vat 7 %
ราคา จริงจากผู้ผลิตตั้งคือ 431,345 x 1.3 x 1.07 = 600,000
อย่า โทษผู้ผลิตครับ มองไปที่ โครงสร้างภาษีบ้านเราเถอะ เรายอมเอง นี่ขนาดรถแพง ยัง ขับกันเต็มเมือง
คนมีรถ ไม่ใช่คนมีเงิน แต่ราคารถบ้านเรามันแพง ต้องมีเงินมากๆ จึงซื้อได้
เงินก็ไป ลง ธนสคารสถาบันการเงินหมด เพราะ ผ่อนได้ค้า
-
แล้วเกิดเค้ามาอ้างว่า ราคาข้าวไม่สมเหตุผลกับค่าครองชีพ รายได้เค้าเลย แล้วเราจำทำอะไรได้ล่ะครับ ยอมขาดทุนหรือ ถ้ากำไรมันน้อยมากก็ไม่ขายดีกว่ามั้ย
เทียบกับข้าวไม่ถูกต้องเท่าไหร่นะครับ ข้าวเค้าผลิตไม่ได้
แต่รถยนต์เค้าผลิตได้เราก็ผลิตได้นะครับ รถส่วนใหญ่ก็ผลิตในประเทศทั้งนั้น
ผมว่าหลักๆเลยคือภาษีรถรวมถึงภาษีน้ำมันบ้านเรานี่แหละครับที่แพง แต่อย่างอื่นถูก
อ่ะครับ ผมแค่เปรียนเทียบให้เห็นชัดๆแค่นั้นแหละครับ
ภาษีน้ำมันแพงเพราะว่า ต้องเอาไปช่วยพลังงานทางเลือกอื่น ดีเซล E85 ฯลฯ
ส่วนภาษีรถที่แพงเพราะเราจ่ายรวดเดียวตอนออกรถเลย แต่ที่ต่างประเทศจ่ายเป็นปีแแพงแทน
ที่ผมไม่ชอบอย่างเดียวคือสเปก+ออพชั่นเรามักจะสู้เค้าไม่ได้ครับ
ดีเซลไม่ได้ชดเชยนะครับ
แต่น้ำมันที่เอาเงินกองทุนน้ำมันมาชดเชยคือ E20 และ E85 ครับ
ดีเซลที่ถูกเพราะเก็บภาษีและกองทุนน้อยที่สุด ราคาหน้าโรงกลั่นของน้ำมันแต่ละชนิดอยู่ที่ 21-25 บาทครับ
เห็นด้วยเรื่อง Option ครับ และการตั้งราคาที่แพงไปโดยเฉพาะรถรุโรป จะเห็นว่าช่วงใกล้ๆ เปลี่ยนโฉมลดที 4-5 แสน ซึ่งราคาที่ลดแล้วผมก็ไม่คิดว่าเค้าจะขาดทุนหรอกนะ
-
ใครบอก E85 กับ E20 ต้องชดเชยราคาครับ มันคือการบิดเบือนราคา โดยเอาค่า ชดเชยมาบิดเบือนต่างหาก
ข้างล่างคือราคาออกจากโรงกลั่นครับ ไม่มี ตัวเลข ชดเชน หลวกลวงใดๆ มาแจม
หากขายน้ำมันยุติธรรมกันทั้งประเทศ ราคา ทุกชนิดจะเท่าเทียมกัน
แต่ทำไมดีเซล ยังขายได้แค่ไม่เกิน 30 บาท ทั้งที่ ราคาหน้าโรงกลั่นไม่ต่างจากเบนซินเลย
E85 ใช้เอทานอล ต้องถูกยกเว้นภาษี สรรพสามิตด้วย และราคาจะต้องถูกที่สุดครับ
GASOHOL95 E10 26.1924
GASOHOL91 25.9746
GASOHOL95 E20 26.3077
GASOHOL95 E85 26.2026
H-DIESEL 25.1535
ทุกวันนี้เบนซินรับภาระอยู่ครับ แต่กลับถูกอ้างว่าต้องชดเชย E20 ชดเชยยังไงครับ ราคาขายต่างกลับ หน้าโรงกลั่น 10 กว่าบาท ตัวเลขหลอกๆ ทั้งนั้นครับ
หากดูตามนี้ ที่ขายกว่าต้นทุนก็มีแค่ E85 ซึ่งจำนวนมันน้อยมาก
-
เห็นทุกท่านพูดถึงกันแต่รถแพง แต่ที่ผมยกมาเพราะอยากให้ดูว่ารถพวก Eco-car, B-seg, C-seg ราคาพอกับบ้านเราเลยครับ แสดงว่ารถ Eco-car, B-seg และ C-seg ทางบริษัทรถได้กำไรต่อคันไม่สูงมากนักและภาษีเราก็ใกล้เคียงกับต่างประเทศ
ในทางกลับกัน BMW, Benz, Porscheดันมีราคาต่างกันมาก ผมไม่ทราบว่าที่ต่างกันเพราะภาษีหรือกำไรที่ตั้งไว้ต่อคัน
สุดท้ายคุยกับน้องชายสรุปว่า "ซื้อ Eco-car, B-seg, C-seg ใช้ แม่งคุ้มสุดแล้วครับ เพราะผมมีเงินแค่นี้ HAHAHAHAHAHAHAHA"
-
เห็นทุกท่านพูดถึงกันแต่รถแพง แต่ที่ผมยกมาเพราะอยากให้ดูว่ารถพวก Eco-car, B-seg, C-seg ราคาพอกับบ้านเราเลยครับ แสดงว่ารถ Eco-car, B-seg และ C-seg ทางบริษัทรถได้กำไรต่อคันไม่สูงมากนักและภาษีเราก็ใกล้เคียงกับต่างประเทศ
ในทางกลับกัน BMW, Benz, Porscheดันมีราคาต่างกันมาก ผมไม่ทราบว่าที่ต่างกันเพราะภาษีหรือกำไรที่ตั้งไว้ต่อคัน
สุดท้ายคุยกับน้องชายสรุปว่า "ซื้อ Eco-car, B-seg, C-seg ใช้ แม่งคุ้มสุดแล้วครับ เพราะผมมีเงินแค่นี้ HAHAHAHAHAHAHAHA"
เพราะ ECO car ได้สิทธิพิเศษ ได้อัตรภาษีถูกกว่า รถประเภทอื่นครับ
ECO Car บ้านเรา กำหนดภาษีสรรพสามิตไว้คือ 17 %
รถเก๋งทั่ว ไป 30 % ครับ ต่างกันเยอะเลยละ
แต่รถกะบะCABบ้านเราถูกครับ โดนแค่ 20 %
กะบะดัดแปลง PPV ก็ 20 %
สี่ประตู ถูกสุดครับ โดนแค่ 12 % งงมะ ดังนั้นหากดูตามนี้ ราคารถที่ใกล้กับราคาจริงแถมซื้อได้คุ้มที่สุดคือ กะบะสี่ประตู
ใช้รถแพงไป ไม่คุ้มครับ ราคารถบ้านเรามันบ้าบอ เพราะ ภาครัฐครับ OEM ไม่เกี่ยวเรามัวแต่มาด่าผู้ผลิต จริงๆ ไม่ใช่เลย