Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: GreenG ที่ สิงหาคม 28, 2013, 08:52:10
-
ผมยอมรับเลย ผมเคยสนใจในการซื้อรถ Taxi มาใช้งานในชีวิตประจำวันแทนคันเก่า(แทน สามห่วงคันเก่า)เพราะกะว่าจะเอาไว้วิ่งแล้วเอาให้ญาติคนนึงไว้วิ่ง(ปล่อยเช่า) ด้วยครับ แต่พอได้ศึกษาดูเจอราคาตัวรถแล้ว ผมว่าไม่ไหวครับ แพงเกินไปสำหรับการเป็นรถที่ได้รับ 35 บาท ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเลยกับการเอา C-seg มาเป็น Taxi ในราคานี้
อยากให้ดูอินโดนิเซียบ้าง บ้านเขา Taxi เริ่มต้น 20 บาทแต่ก็ลดต้นทุนโดยการเอา Vios มาทำ
การเอาพวกรถ B-seg มาทำ เช่น Vios almera ซึ่งมันก็ไม่ได้เล็กๆ แบบเมื่อก่อนแล้ว
อาจจะเครื่อง 1.3 1.5 อะไรก็ว่าไป จริงๆ ผมว่า 1.2 CNG ก็พอด้วยซ้ำ เพราะเราเทียบกับรถสมัยก่อน แรงน้อยกว่านี้เขาก็ยังวิ่งเป็น Taxi ได้
ซึ่งถ้าทำจริง ต้นทุนตัวรถก็ลดลงไปมากพอสมควร(ประมาณครึ่งนึง)
อีกอย่างเท่าที่ผมสัมผัส ผมว่า altis อะไหล่หลายๆ ตัวแพงกว่า Vios พวกแท่นเครื่อง ผ้าเบรค และอื่นๆ เพราะรถมันใหญ่กว่า ซับซ้อนกว่า ใครที่บอกว่าอะไหล่โตถูก มันคือขอบเทียบกับมือสองครับ ของใหม่แพงเกินควร
ไม่น่าจะเอามาทำ taxi แล้ว ควรจะขายเป็นรถบ้านไปครับ ภาพลักษณ์ Altis ก็จะไม่มีคนมาค่อนขอดได้ว่า เป็น Taxi
แล้วคิดอย่างไรกันครับ
(http://www.asiasoutheast.com/wp-content/uploads/2013/07/bluebird-taxi-group.jpg)
-
เห็น Vios แล้วครับ
-
ก่อนทำก็เลยต้องปรับค่าแท๊กซี่ก่อนครับ
พอรายรับเพิ่ม คนขับหยุดบ่นกัน ก็มาลดต้นทุนโดยการยอมให้ใช้รถเครื่องเล็กลงซัก 100-200 CC. โดยอ้างเรื่องสิ่งแวดล้อม ก็จะมาเข้าล๊อควีออสใหม่พอดี
แล้วก็ขายวีออสวันนี้ ราคาเท่ากับ อัลติส คืออยู่ในราว 6 แสน
คนขับเหลือเพิ่มหน่อย เพราะต้องไม่ลืมว่าค่าเช่าขึ้นไปก่อนแล้ว
เถ้าแก่ก็ต้องลงทุนเพิ่มกับรถใหม่ ก็ไปเอากะคนขับแท๊กซี่
สรุปสุดท้าย คนขายรถสบายไปเช่นเดิม กำไรเละ เช่นเดิม
เรื่องพวกนี้ มันทำเป็นขั้นตอนอยู่แล้วหล่ะครับ ตามสเตป คนขับแท๊กซี่ หาเงินได้เพิ่มขึ้น 200 บาท/ วัน แต่รายจ่ายเพิ่ม 200 บาทต่อวัน
คิดเรื่อยเปื่อยนิดนะครับ ตามประสาคนที่เห็นตำตาอยู่ประจำ
-
เห็นด้วยอย่างแรง..........จะกำหนดว่าเครื่องต้อง1.6ไปทำไม
เครื่อง1.2เกียร์ธรรมดานี่ก็วิ่งเหลือๆที่จะบรรทุกคนเต็มรถได้อย่างไม่อืดแล้ว
หรือจะซิ่งก็ยังได้ แต่จะซิ่งได้น้อยกว่าเครื่องใหญ่กว่า ดีซะอีก จะได้ขับแบบปลอดภัยกันมากขึ้น
ยิ่งในเมืองรถติดๆแล้ว การเดินเบาด้วยเครื่องเล็กๆ กินน้ำมันก็น้อย มลพิษก็น้อยตาม
-
ผู้ประกอบการก็ชอบเอาเปรียบแทกซี่ด้วยแหละครับ เคยฟังแท๊กซี่พูดมาหลายคันเหมือนกัน
ส่วนรถนั้น ผมว่า จริงๆแล้ว LIMO มันควรจะถูกประมาณวีออสตัวทอปด้วยซ้ำ
แต่ถ้าจะลดขนาดเหลือ Vios ผมไม่เห็นด้วยครับ เพราะวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มทำงาน มีตังซื้อ Vios กลายเป็นซื้อมาเหมือน Taxi ซะงั้น ขณะที่ Altis มันจะเหมือนแท๊กซี่ ผมว่าไม่มีใครเดือดร้อนเท่าไร ยังไง C-Seg ยอดขายมันก็ไม่ได้เยอะมากมาย เอาวีออสมาทำแท๊กซี่ คนขับวีออสอยู่เซ็งแน่นอน
แถมจะนั่งก็แคบอีก ส่วนเรื่องเครื่องยนต์ เห็นด้วยครับ ว่าเครื่องวีออสจริงๆมันก็พอเพียงแหละ แต่ตัวรถมันไม่ใช่ -.-
-
ผมเองกำลังมองว่าถ้าเอา almera มาวิ่งน่าจะดีนะครับ
เครื่อง 1.2 ตัวถูก 4 ต้นๆ บวกอุปกรณ์คงไม่เกิน 5 แสนแน่ๆ ครับ :D
-
ผมว่า อะไหล่ 2 ตัวนี่ี้ ราคาพอกันนะ วีออสอาจจะแพงกว่าด้วยบางตัว เอาอะไหล่เทียมนะ
แท็กซี่ใช้แต่อะไหล่เทียม อยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายด้านบํารุง ผมว่าหนีต่างกันไม่เยอะ ครับ
อาจจะได้จากแก๊สมากกว่า น่าจะถูกลง
-
ไม่เห็นด้วยครับทุกวันนี้แท็กซีก็เยอะจะแย่เกินความต้องการแถมเรียกก็ไม่ไป
ถ้ารถถูกกว่านี้ได้ออกมาวิ่งกันเกลือนรถติดหนัก จอดกันมั่วซัวเต็มป้ายรถเมล์
-
เล็กไปครับสำหรับเป็นรถรับจ้างสาธารณะ ด้วย
1 ผู้โดยสารมีความสูงเเละน้ำหนักที่หลากหลาย
2 การจราจรในกทม ปัจจุบันก็มีเตรียมใจอยู่บนถนนเป็นเวลานาน
3 กทมเป็นเมืองท่องเที่ยว น้กท่องเที่ยวฝั่งยุโรป ตะวันออกกลาง
โอเชียเนีย ความสูงเเละน้ำหนักเฉลี่ยก็มากกว่าเรา
4 ใช้บริการ Taxi เพราะชื้อความสะดวกสบาย พอประมาณ
size altis มีความยืดหยุ่นดีเเล้วครับ
size vios มาเป็นทางเลือกก็มีข้อดีทั้ง ต้นทุนเเละสิ่งเเวดล้อม ให้เป็นทาง เลือกได้
ความคิดเห็นบนพื้นฐานที่ รถ สภาพ คนขับ เส้นทาง เดียวกันเเต่ต่างกันที่
35บาท size vios
50บาท size altis
เดินทาง 1คนเลือก vios...มากกว่า 1เลือก size altis ครับ
ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกี่ยวเพราะ 1.0 light turbo ก็จี๊ดได้
ps ผมเป็นความคิดเห็นหนึ่งที่ มี นน 94 kgs /สส 180 cms
-
4 ใช้บริการ Taxi เพราะชื้อความสะดวกสบาย พอประมาณ
size altis มีความยืดหยุ่นดีเเล้วครับ
size vios มาเป็นทางเลือกก็มีข้อดีทั้ง ต้นทุนเเละสิ่งเเวดล้อม ให้เป็นทาง เลือกได้
ความคิดเห็นบนพื้นฐานที่ รถ สภาพ คนขับ เส้นทาง เดียวกันเเต่ต่างกันที่
35บาท size vios
50บาท size altis
เดินทาง 1คนเลือก vios...มากกว่า 1เลือก size altis ครับ
ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกี่ยวเพราะ 1.0 light turbo ก็จี๊ดได้
ps ผมเป็นความคิดเห็นหนึ่งที่ มี นน 94 kgs /สส 180 cms
ใช่ๆ ผมอยากเห็นแบบนี้แหละครับ ทางเลือก ผมอยากประหยัดก็ไปคันเล็ก อยากสบายก็ไปคันใหญ่(แต่แพงกว่า)
-
อยากเห็น Taxi March ก่อน MC Swift ด้วย
-
เล็กไปครับ แค่นี้รถแท้กซี่ก็เยอะและควบคุมยากจนเป็นปัญหาแล้วครับ
-
นักท่องเที่ยวมาจากต่างประเทศกระเป๋าใหญ่ๆ แค่อัลติสปกติ ยังใส่แทบไม่พอ ถ้าเล็กลง ผมว่าลำบากเลยนะ
-
จริงๆโตต้าไทยน่าจะผลิตรถรุ่น Taxi มาขายไปเลยครับ
อาจเป็นรถรุ่นเก่าหน่อยที่เคยผลิต แต่ทำมาเป็นตัว Limoขายเพื่อทำ Taxi เท่านั้น
-
ผมเคยนั่ง TIDA ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ :D :D
-
ไม่เห็นด้วยครับ ผมไปอินโดฯ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ บ่อยๆ
อยากกระโดดออกจาก viosมากๆ มันเล็ก
อยากให้ขนาดตัวถังใหญ่ ใส่สัมภาระได้เยอะๆ
นึกถึงคนไม่มีรถ แล้วนั่งแท็กซี่ไปประตูน้ำ แล้วเอาของขึ้นรถ คงทรมานน่าดู
-
สเปครถแท็กซี่บ้านเรา อย่าง altis 1.6 ราคาสดน่าจะสัก 7 แสนนิดหน่อย แต่พอผ่อนเกินล้านซ๊ะงั้นเพราะต้องมีค่าอื่นๆอีกมากมาย
-
สเปครถแท็กซี่บ้านเรา อย่าง altis 1.6 ราคาสดน่าจะสัก 7 แสนนิดหน่อย แต่พอผ่อนเกินล้านซ๊ะงั้นเพราะต้องมีค่าอื่นๆอีกมากมาย
เกือบ 8 เลยครับ :D
-
ผมกลับอยากให้เครื่องเป็น 2.0 ไปเลย
จำนวนจะได้น้อยๆลงบ้าง
-
ผมกลับอยากให้เครื่องเป็น 2.0 ไปเลย
จำนวนจะได้น้อยๆลงบ้าง
ผมว่าคนไทยคงออกรถ มอไซด์มากขึ้นจนสุดท้าย ไม่มีคนขึ้นนะครับ ราคานี้สงสัยเริ่มไม่ต่ำกว่า 80 แน่ๆ
-
ผมอยากให้มองแบบนี้นะครับ เราๆที่ว่าแท๊กซี่เขาขับไม่ดีแล้วทุกวันนี้เราทำดีหรือยัง เปิดไฟเลี้ยวมั้ย เบียดคอสะพานหรือเปล่า ชอบแทรกที่คับขัน มนุษย์ทุกคนล้วนมีความเห็นแก่ตัวทั้งนั้นแต่จะมากหรือน้อยอยู่ที่การอบรม เรื่องรถเล็กมาทำ taxi เด่วคนขับวีออสจะน้อยใจผมว่ามันไม่เกี่ยวกันเลยท่านใจแคบไปมั้ยครับ พื้นฐานชีวิตเขาดีกว่านี้ผมมั่นใจว่าเขาไม่มาขับหรอกครับ หรือเราต้องสร้างอาชีพ สร้างทางเลือกให้เขา เราชอบมามองที่ปลายเหตุแต่ไม่เคยแก้ที่ต้นเหตุกันเลย
-
ผมอยากให้มองแบบนี้นะครับ เราๆที่ว่าแท๊กซี่เขาขับไม่ดีแล้วทุกวันนี้เราทำดีหรือยัง เปิดไฟเลี้ยวมั้ย เบียดคอสะพานหรือเปล่า ชอบแทรกที่คับขัน มนุษย์ทุกคนล้วนมีความเห็นแก่ตัวทั้งนั้นแต่จะมากหรือน้อยอยู่ที่การอบรม เรื่องรถเล็กมาทำ taxi เด่วคนขับวีออสจะน้อยใจผมว่ามันไม่เกี่ยวกันเลยท่านใจแคบไปมั้ยครับ พื้นฐานชีวิตเขาดีกว่านี้ผมมั่นใจว่าเขาไม่มาขับหรอกครับ หรือเราต้องสร้างอาชีพ สร้างทางเลือกให้เขา เราชอบมามองที่ปลายเหตุแต่ไม่เคยแก้ที่ต้นเหตุกันเลย
ถูกครับ
ถ้าคนขับ vios ไม่อยากให้มี เอา march กับ almera มาทำเลยครับ
ผมคนนึงจะดีใจมากๆ รถตลาด อะไหล่เยอะ ;) ไม่อายด้วย
-
ต้องมองในมุมผู้บริโภคบ้างครับ ในราคาเท่ากัน
ว่าให้เลือก นั่ง Vios กับนั่ง Altis จะนั่งคันไหน??
(http://image.ohozaa.com/i/cf5/Fz6uxS.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/x3b7KIviKuR9Qymf)
Altis ผมก็มีเหมือนกัน เติม Gasohol95 วิ่งในเมือง
ตกกิโลเมตรละ 3 บาท
นี่เติม LPG ตกกิโลเมตรละแค่ 1 - 1.3 บาท
จะเอาค่าโดยสาร กิโลเมตรละ 12 บาทเลยหรอ? 10 เท่ากว่าๆ
สำหรับผมว่าไม่ค่อยน่าเห็นใจเลยนะ เอาซัก 8 บาท เต็มที่ 10 บาท
ผมว่าน่าจะเหมาะสมกว่านะ
สุดท้ายถ้าราคาออกมาแบบนี้ ไม่มีคนนั่ง เจ๊ง
คนหันมาซื้อรถขับเองกันหมด จะเป็นอย่างไร
ผมเทียบจากทางที่ผมใช้แล้วกันครับ
นั่งแท๊กซี่ จากบางใหญ่ไปราชดำเนิน 150 บาท ไปกลับ 300 บาท ระยะทาง 50 กม.
ขับรถเอง ค่าน้ำมัน กิโลเมตรละ 3 บาท ไปกลับ 50 กม. 150 บาท รวมค่าเสื่อมนู่นนี่นั่น
ผมตีให้เท่ากันก็ได้ ที่ 300 บาท นั่งแท๊กซี่ยังโอเคนะ
แต่ถ้าขึ้นไปอีกตามที่เรียกร้อง ค่าแท๊กซี่ไปกลับของผม
คงประมาณ 650 บาท ผมคิดว่าซื้อรถมาขับเองคุ้มกว่าแล้วล่ะ
-
ถ้าให้ใช้รถ1200-1500มาทำแทกซี่แล้วราคาจะถูกลง?
ต้นทุนสูงขึ้นหรือกำไรลดลง?
เมื่อก่อนนะ ญาติทำอู่แทกซี่ พร้อมปั๊มแกส LPG
แทกซี่ 5-6ปีก่อนกำไรดีมากๆ ปี-2ปีก็คืนทุนได้แล้ว
แต่ทุกวันนี้แทกซี่มันเยอะเกินไปแถมเรียกก็ยาก
คนก็หนีไปออกรถส่วนตัวกัน แถมทางเลือกอื่นที่สะดวกขึ้น
พอแทกซี่สมัยนี้รายได้น้อยลง เกิดการแย่งลูกค้า(ดีๆ) แต่ละคันก็วิ่งรถเปล่าหาฝรั่งแบกเป้กัน
ปัญหาของแทกซี่ไม่ได้อยู่ที่ราคารถ แต่จำนวนที่มากเกินไป การควบคุมและจัดการจากหน่วยงานไม่ทั่วถึง-แทกซี่เถื่อน
อีกอย่าง รถแทกซี่นะถูกกฏหมาย แต่คนขับนะ(รถเช่า)ลองสังเกต คนขับกับป้ายบัตรติดรถนะคนเดียวกันไหม
-
ต้องมองในมุมผู้บริโภคบ้างครับ ในราคาเท่ากัน
ว่าให้เลือก นั่ง Vios กับนั่ง Altis จะนั่งคันไหน??
(http://image.ohozaa.com/i/cf5/Fz6uxS.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/x3b7KIviKuR9Qymf)
Altis ผมก็มีเหมือนกัน เติม Gasohol95 วิ่งในเมือง
ตกกิโลเมตรละ 3 บาท
นี่เติม LPG ตกกิโลเมตรละแค่ 1 - 1.3 บาท
จะเอาค่าโดยสาร กิโลเมตรละ 12 บาทเลยหรอ? 10 เท่ากว่าๆ
สำหรับผมว่าไม่ค่อยน่าเห็นใจเลยนะ เอาซัก 8 บาท เต็มที่ 10 บาท
ผมว่าน่าจะเหมาะสมกว่านะ
สุดท้ายถ้าราคาออกมาแบบนี้ ไม่มีคนนั่ง เจ๊ง
คนหันมาซื้อรถขับเองกันหมด จะเป็นอย่างไร
ผมเทียบจากทางที่ผมใช้แล้วกันครับ
นั่งแท๊กซี่ จากบางใหญ่ไปราชดำเนิน 150 บาท ไปกลับ 300 บาท ระยะทาง 50 กม.
ขับรถเอง ค่าน้ำมัน กิโลเมตรละ 3 บาท ไปกลับ 50 กม. 150 บาท รวมค่าเสื่อมนู่นนี่นั่น
ผมตีให้เท่ากันก็ได้ ที่ 300 บาท นั่งแท๊กซี่ยังโอเคนะ
แต่ถ้าขึ้นไปอีกตามที่เรียกร้อง ค่าแท๊กซี่ไปกลับของผม
คงประมาณ 650 บาท ผมคิดว่าซื้อรถมาขับเองคุ้มกว่าแล้วล่ะ
2 กม. แรก 50 บาทยังไม่เท่าไหร่
แต่ กม.ที่ 3 ขึ้นไปนี่สิ คิด กม.ละ 12 บาท
ยิ่งไปไกลยิ่งแพง
:o :o :o :o :o :o
-
ส่วนตัวผมคิดว่า น่าจะแก้ที่ต้นเหตุเรื่องอาชีพ Taxi มันมาทำง่ายเกินไปรึเปล่าครับ ? ทำให้แทบทุกอย่างแย่ลง รวมถึงปัญหาทางสังคมมากมายที่เกิดขึ้น
เท่าที่เดินทางมาเยอะ ส่วนใหญ่ในหลายๆประเทศ จะมีการควบคุมปริมาณรถ Taxi และใบอนุญาตินะครับ และรถที่ใช้ ส่วนใหญ่ในประเทศที่เจริญ(ขึ้นกว่าเรา) จะใช้รถ Size C-Segment ขึ้นไปเป็นอย่างน้อย เพื่อความสะดวกสบาย เพราะเราไม่ทีทางทราบหรอกครับ ลูกค้าจะมีของมากหรือน้อย
ดังนั้น ผมว่าส่วนราคาน่ะ มันเรื่องนึง แต่เรื่องหลักๆจริงๆ คือที่จำนวนที่เหมาะสม และการทำให้คนขับ Taxi รักใบอนุญาติตัวเอง แล้วรายได้ผมว่าก็จะเหมาะสมเองล่ะครับ
ps.ราคาถ้าขึ้น ก็ขึ้นได้ แต่ผมว่าไม่น่าใช่ราคานี้นะครับ :) :) :)
-
ส่วนตัวผมคิดว่า น่าจะแก้ที่ต้นเหตุเรื่องอาชีพ Taxi มันมาทำง่ายเกินไปรึเปล่าครับ ? ทำให้แทบทุกอย่างแย่ลง รวมถึงปัญหาทางสังคมมากมายที่เกิดขึ้น
เท่าที่เดินทางมาเยอะ ส่วนใหญ่ในหลายๆประเทศ จะมีการควบคุมปริมาณรถ Taxi และใบอนุญาตินะครับ และรถที่ใช้ ส่วนใหญ่ในประเทศที่เจริญ(ขึ้นกว่าเรา) จะใช้รถ Size C-Segment ขึ้นไปเป็นอย่างน้อย เพื่อความสะดวกสบาย เพราะเราไม่ทีทางทราบหรอกครับ ลูกค้าจะมีของมากหรือน้อย
ดังนั้น ผมว่าส่วนราคาน่ะ มันเรื่องนึง แต่เรื่องหลักๆจริงๆ คือที่จำนวนที่เหมาะสม และการทำให้คนขับ Taxi รักใบอนุญาติตัวเอง แล้วรายได้ผมว่าก็จะเหมาะสมเองล่ะครับ
ps.ราคาถ้าขึ้น ก็ขึ้นได้ แต่ผมว่าไม่น่าใช่ราคานี้นะครับ :) :) :)
จริงครับ ฮ่องกง ค่าใบอนุญาติ แท็กซี่ แพงกว่าซ์้อเบ้นซ์อีก แล้วทุกคันต้องเป็น toyota crown เก่าๆรุ่นเดียวกันทั้งประเทศอีก
-
คุณเต้ครับ
การจะมองอะไรก็ตาม ควรมอง "ให้รอบด้าน" ครับ
คุณเคยถามคนขับ Taxi บ้างไหม? ว่าเขาต้องการกันหรือ? รถเครื่องแค่ 1.2 ลิตร แบบนั้นหนะ?
ผมถามแล้วครับ ถามมาหลายคน หลายคันแล้วด้วย ทุกคน ทุกคัน ตอบเป็นเสียงเดียวกันคือ
"ไ ม่ เ อ า เ ด็ ด ข า ด !"
เพราะมันเร่งไม่ขึ้น ยิ่งต้องทำเวลาด้วย ยิ่งต้องแบกน้ำหนักผู้โดยสารกับสัมภาระ
เร่งกันเหนื่อยหอบหืดจับ เหมือนยุคพวก Corolla สมัยก่อน ยิ่งถ้าติดแก็ส เข้าไป ทีนี้ ยิ่งอืดจับหนักกว่าเก่า
รถ Taxi จำเป็นต้องมีขนาดตัวถังที่เหมาะสม เพื่อความสบายของผู้โดยสาร
รวมทั้งการแบกกระเป๋าเดินทาง หรือสัมภาระหลายอย่าง ซึ่ง รถยนต์ขนาด Vios และ Almera "ไม่มีทางทำได้ดีเท่า"
และเมื่อตัวรถใหญ่ขึ้น ขนาดของเครื่องยนต์ ก็ต้องสัมพันธ์กันด้วย
และขนาด 1.6 ลิตร นั้น ผมมองว่า เหมาะสมดีแล้ว สำหรับการใช้งานของ Taxi เมืองไทยในปัจจุบันนี้
ทุกวันนี้ บางครั้ง ยังมีการ ร้องขอไปที่ศูนย์ Taxi ว่า ขอรถอย่าง Innova ด้วยซ้ำ
เพื่อการแบกข้าวของ ไปในระยะทางที่ไกลกว่าปกติ
ไม่ต้องเห็นใจคนขับ Taxi กันมากนักหรอกครับ
เพราะว่า ด้วยราคาปัจจุบันนี้ ถือว่าเหมาะสมแล้ว
ใครที่มาบ่นว่า ค่าแก็สแพง ทำรอบไม่คุ้ม อย่างงุ้นอย่างงี้
ผมจะถามกลับไปก่อนเลย...
แล้วทำไม คนขับ Taxi หลายคน เขาอยู่รอดได้ มีเงินเก็บ เลี้ยงลูกเมียได้?
ทั้งที่ ต้นทุนค่าเช่ารถ 600 บาท เท่ากัน ค่าแก็ส วันละ 300 บาท (ตีเฉลี่ย)
ล้างรถ 50 บาท เขาหาได้ 15 รอบ ได้เงิน ตีซะ รอบละ 100 บาท
ได้มา 1,300 - 1,400 บาท ได้เงินกลับไป 500 บาท ต่อวัน
แต่ส่วนใหญ่ จะไกลกว่านั้น และได้เยอะกว่านั้นสักหน่อย คืออย่างน้อยๆ
คนที่ขยัน จะมีเงินเหลือติดกลับบ้าน วันละ 1,000 - 1,500 บาท ไม่ค่อยเกินนี้
เว้นแต่ว่า ตีรถเที่ยวยาวๆ จาก สุวรรณภูมิ ไปพัทยา หรือไปหัวหิน ก็ว่ากันไป
อันนั้น อาจจะปิดมิเตอร์วิ่ง แล้วคิดราคาเหมา แถมถ้าไปพัทยา ช่วงเช้า-สาย
ก็ยังมีลุกค้าเรียก เข้า สุวรรณภูมิ หรือเข้ากรุงเทพ เป็นเที่ยวกลับ ได้ 2 เด้ง
เพราะเขาขยัน ทำมาหากิน ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่รู้มาก ไม่เรื่องมาก
ไม่มีมานั่งบ่นหรอกว่าที่โน่นก็ไม่ไป ที่นั่นก็ไกลเกิน เดี๋ยวส่งรถไม่ทัน
ที่สำคัญคือ เขาไม่กินเหล้า ไม่เมายา ไม่เที่ยวผู้หญิง ไม่เล่นการพนัน
ไม่ทำลูกเม่ียเสียหาย รักครอบครัว
เขาก็มีเงินเหลือพอเหลือใช้ เหลือเก็บครับ
ดังนั้น พวกที่บ่นๆกันว่าไม่พอใช้หนะ...ถามกลับไปที่เหอะว่า...ขยันพอหรือยัง?
-
ต้องมองในมุมผู้บริโภคบ้างครับ ในราคาเท่ากัน
ว่าให้เลือก นั่ง Vios กับนั่ง Altis จะนั่งคันไหน??
(http://image.ohozaa.com/i/cf5/Fz6uxS.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/x3b7KIviKuR9Qymf)
Altis ผมก็มีเหมือนกัน เติม Gasohol95 วิ่งในเมือง
ตกกิโลเมตรละ 3 บาท
นี่เติม LPG ตกกิโลเมตรละแค่ 1 - 1.3 บาท
จะเอาค่าโดยสาร กิโลเมตรละ 12 บาทเลยหรอ? 10 เท่ากว่าๆ
สำหรับผมว่าไม่ค่อยน่าเห็นใจเลยนะ เอาซัก 8 บาท เต็มที่ 10 บาท
ผมว่าน่าจะเหมาะสมกว่านะ
สุดท้ายถ้าราคาออกมาแบบนี้ ไม่มีคนนั่ง เจ๊ง
คนหันมาซื้อรถขับเองกันหมด จะเป็นอย่างไร
ผมเทียบจากทางที่ผมใช้แล้วกันครับ
นั่งแท๊กซี่ จากบางใหญ่ไปราชดำเนิน 150 บาท ไปกลับ 300 บาท ระยะทาง 50 กม.
ขับรถเอง ค่าน้ำมัน กิโลเมตรละ 3 บาท ไปกลับ 50 กม. 150 บาท รวมค่าเสื่อมนู่นนี่นั่น
ผมตีให้เท่ากันก็ได้ ที่ 300 บาท นั่งแท๊กซี่ยังโอเคนะ
แต่ถ้าขึ้นไปอีกตามที่เรียกร้อง ค่าแท๊กซี่ไปกลับของผม
คงประมาณ 650 บาท ผมคิดว่าซื้อรถมาขับเองคุ้มกว่าแล้วล่ะ
- จากบางใหญ่ไปราชดำเนินวันไหนไม่รีบเชิญรถเมล์เลยครับ ปอ.516 เที่ยวละ 18 บาท ไป-กลับวันนึง 36 บาทเอง เดี๋ยวนี้ผมไปไหนในกรุงเทพไม่ค่อยขับรถแล้วเบื่อรถติด โหนรถเมล์,ขึ้นรถไฟฟ้าสบายกว่า
- ส่วนเรื่องราคาค่าโดยสารแท๊กซี่ถ้าคิดตามหลักเงินเฟ้อแล้วก็ปกตินะครับ สมัยมีแท๊กซี่มิเตอร์ใหม่ๆเมื่อ20ปีก่อน ราคาเริ่มต้น 35 บาท กิโลถัดไป 5 บาท เงินเดือนปริญญาตรีสมัยนั้นเริ่มต้นแค่ 5,000 บาทเอง ลูกจ้างทั่วไปวันละ 100 บาท รถเมล์ธรรมดาครีม-น้ำเงิน 2.50 บาท, รถเมล์ธรรมดาครีม-แดง 3.50 บาท,รถเมล์ปรับอากาศ(ปอ.) 6-16 บาท ทุกวันนี้เงินเดือนปริญญาตรีเริ่มต้นประมาณ 10,000 บาท ลูกจ้างทั่วไปวันละ 300+ (เฉพาะกรุงเทพนะ) รถเมล์ครีมแดง 6.50 บาท,รถเมล์ขาว 8 บาท,รถเมล์ปรับอากาศครีมนำเงิน 10 - 18 บาท,รถเมล์ปรับอากาศสีส้ม 11-23 บาท แท๊กซี่เริ่มต้น 50 บาทก็ไม่แปลกล่ะ แต่ระยะทางถัดไป กม.ละ 12 บาทอันนี้ดูโหดร้ายไปหน่อย ซัก 8 บาทน่าจะดี ส่วนการเรียกรถผ่านศูนย์กับสนามบินอันนี้ก็เรียกเยอะไปอีกเหมือนกัน
-
ขึ้นราคาแบบโหดมากมาย
ส่วนตัวแล้วคิดว่าของเดิมดีอยู่แล้วครับ เครื่องยิ่งเล็ก รถก็เล็กตาม
-
ผมว่าถ้าราคาใหม่ แต่รถใหญ่ขึ้นจะดีมากครับ ที่แน่นอนนักท่องเที่ยวนั่งแน่นอนเพราะเค้าตัวใหญ่ บางทีมาทั้งครอบครัวเลยต้องการรถใหญ่
อีกอย่างคือถ้ากำหนดราคาตามขนาดรถ ผมว่ารถใหญ่ลูกค้าจองหรือประจำจะเยอะ เพราะยังมีอีกหลายคนที่ต้องการนั่งแท็กซี่แต่ต้องการรถที่ใหญ่
ดูปลอดภัยและนั่งสบายครับ
ส่วนรถเล็กถ้าใช้ตามสมุยอาจจะเหมาะครับ
-
ผมว่า ถ้าอาชีพขับแท๊กซี่น่าสงสารจริง แท๊กซี่คงไม่เต็มบ้านเต็มเมืองขนาดนี้หรอก
เคยเห็นอาชีพอื่นที่เต็มบ้านเต็มเมืองขนาดนี้ แต่ยังปฏิเสธลูกค้าได้มั้ยล่ะครับ
ผมไม่ได้ไม่เห็นใจแท๊กซี่นะ ผมก็เข้าใจว่าบางทีเค้าก้มีธุระจริงๆถึงไม่รับ แต่ไม่ได้เห็นใจถึงขนาดว่าต้องขึ้นค่าโดยสารใ้ห้ ต้องลดราคารถให้ หามาตรการช่วยเหลือให้
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป คือแท๊กซี่เต็มบ้านเต็มเมือง ราคาแพงขึ้นจนคนไม่อยากขึ้น ใครๆก้มาขับได้จะมีใบอนุญาตหรือไม่ก็ช่าง อีกไม่นานแท๊กซี่นั่นแหละจะอยุ่ไม่ได้ซะเอง
-
ถ้าเรามองในแง่ของคนใช้รถ ขึ้นเยอะๆ เลยก็ดีครับ จะได้ไม่ค่อยมีคนขึ้น
เหมือนเป็นการคุมกำเนิดแท๊กซี่เพราะออกมาขับก็ไม่มีคนขึ้น คนใช้รถเมล์ รถไฟฟ้ามากขึ้น
-
แค่เรียกไปไหนก็ไปไม่เกี่ยงแค่นี้ก็รวยขึ้นแล้วครับพวกพี่ๆทั้งหลาย
-
ไม่สงสารเท่าไหร่ เพราะพวกขับแบบเลวๆมีเยอะ สงสารส่วนน้อยดีๆมากกว่า อยากให้เป็นรถ D-seg Diesel หรือ Hybrid ไปเลย ลดจำนวน Taxi ลงไม่ใช่มากขึ้น ถ้าลงไป 1.2 รถก็เยอะมากขึ้นอีก
-
- จากบางใหญ่ไปราชดำเนินวันไหนไม่รีบเชิญรถเมล์เลยครับ ปอ.516 เที่ยวละ 18 บาท ไป-กลับวันนึง 36 บาทเอง เดี๋ยวนี้ผมไปไหนในกรุงเทพไม่ค่อยขับรถแล้วเบื่อรถติด โหนรถเมล์,ขึ้นรถไฟฟ้าสบายกว่า
อันนี้นานๆนั่งทีครับแท๊กซี่ ปีนึงไม่ถึง 5 ครั้ง (จริงๆน่าจะประมาณ 10 ครั้ง แต่ส่วนใหญ่เรียกแล้วไม่ค่อยไปกัน)
แต่พอรู้อัตราค่าโดยสารเลยลองยกตัวอย่างให้ดูครับ ว่าขึ้นไปขนาดไหน เอามาลองเปรียบเทียบดู
ผมอยู่บางใหญ่ฝั่งติดกับราชพฤกษ์และบางกรวยครับ ถ้าไม่รีบไปเอื่อยๆ ใช้วิธีนั่งเรือครับ 15 บาท
ขึ้นที่ท่าน้ำนนท์ และกำหนดเวลาเดินทางได้ด้วย ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ^^
-
เพราะ เพื่อบริการสาธารณะ
ความสะดวกสบายของผู้บริโภค ความปลอดภัย
-
เป็น altis เหมือนเดิมก็ดีแล้วนะครับ สิ่งที่เปลี่ยนหน้าจะเป็นคนขับครับแต่ถ้าคิดจะเปลี่ยนจริงๆ ทำรถใหม่ครับเป็นแบบเฉพาะไปเลยครับประมาณว่ามีห้องโดยสารที่ยาว/ใหญ่
ส่วนหน้าเล็กมี option กุ๊กกิ๊ก อะไรประมาณนี้น่าจะดีกว่ามั้ย(ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพวกนี้นะครับอิอิแค่ถ้าทำจริงเป็นแบบนี้จะดีกว่ามั้ย)เพราะใช้กันยาวๆรถเครื่องเล็กมันคงไม่สนองมือเขานะครับเพราะเห็นออกตัวแต่ละทีหน้ายกกันเลยอิอิ
ถ้าเปลี่ยนจริงๆเปลี่ยนแค่ นิสัยการปฏิเสธ ก็พอแล้วมั้งครับอิอิ :)
-
ราคาบ้ามาก ตั้งแต่กิโลเมตรที่ 3 ราคา 12 บาท ประสาทหรือเปล่า ขับรถเองยังคุ้มกว่าเยอะมากกกกกก ราคาแบบนี้รับรองไม่มีใครขึ้น ลองคิดดูจากราคานะ
เอาปกติคนเราขึ้นแท็กซี่ประมาณไม่น่าเกิน 30 กม
ราคาเดิม = 35 + (28 x 5) = 175 บาท
ราคาใหม่ = 50 + ( 27 x 12) = 374 บาท
ราคาเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว เทียบกับขับรถเองนะ = 30 x 3 = 90 บาท
ต่อให้รถติดมากผลาญน้ำมันไปกว่านี้อีกเท่าตัวก็ยังถูกกว่าขึ้นแท็กซี่
คนคิดโครงสร้างราคานี้อยากจะบอกว่า บ้าาาา
-
ราคาบ้ามาก ตั้งแต่กิโลเมตรที่ 3 ราคา 12 บาท ประสาทหรือเปล่า ขับรถเองยังคุ้มกว่าเยอะมากกกกกก ราคาแบบนี้รับรองไม่มีใครขึ้น ลองคิดดูจากราคานะ
เอาปกติคนเราขึ้นแท็กซี่ประมาณไม่น่าเกิน 30 กม
ราคาเดิม = 35 + (28 x 5) = 175 บาท
ราคาใหม่ = 50 + ( 27 x 12) = 374 บาท
ราคาเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว เทียบกับขับรถเองนะ = 30 x 3 = 90 บาท
ต่อให้รถติดมากผลาญน้ำมันไปกว่านี้อีกเท่าตัวก็ยังถูกกว่าขึ้นแท็กซี่
คนคิดโครงสร้างราคานี้อยากจะบอกว่า บ้าาาา
เหอๆ เพิ่งรู้นะครับเนี่ย กิโลละ 12บาท
สงสัยจะเอาอย่างแท๊กซี่ฮ่องกง - -
-
ราคาบ้ามาก ตั้งแต่กิโลเมตรที่ 3 ราคา 12 บาท ประสาทหรือเปล่า ขับรถเองยังคุ้มกว่าเยอะมากกกกกก ราคาแบบนี้รับรองไม่มีใครขึ้น ลองคิดดูจากราคานะ
เอาปกติคนเราขึ้นแท็กซี่ประมาณไม่น่าเกิน 30 กม
ราคาเดิม = 35 + (28 x 5) = 175 บาท
ราคาใหม่ = 50 + ( 27 x 12) = 374 บาท
ราคาเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว เทียบกับขับรถเองนะ = 30 x 3 = 90 บาท
ต่อให้รถติดมากผลาญน้ำมันไปกว่านี้อีกเท่าตัวก็ยังถูกกว่าขึ้นแท็กซี่
คนคิดโครงสร้างราคานี้อยากจะบอกว่า บ้าาาา
เหอๆ เพิ่งรู้นะครับเนี่ย กิโลละ 12บาท
สงสัยจะเอาอย่างแท๊กซี่ฮ่องกง - -
ขึ้นมากผมก็ไม่ขึ้นครับ ซื้อมอไซด์ดีกว่าเปนรถสำรอง
-
คุณเต้ครับ
การจะมองอะไรก็ตาม ควรมอง "ให้รอบด้าน" ครับ
คุณเคยถามคนขับ Taxi บ้างไหม? ว่าเขาต้องการกันหรือ? รถเครื่องแค่ 1.2 ลิตร แบบนั้นหนะ?
ผมถามแล้วครับ ถามมาหลายคน หลายคันแล้วด้วย ทุกคน ทุกคัน ตอบเป็นเสียงเดียวกันคือ
"ไ ม่ เ อ า เ ด็ ด ข า ด !"
เพราะมันเร่งไม่ขึ้น ยิ่งต้องทำเวลาด้วย ยิ่งต้องแบกน้ำหนักผู้โดยสารกับสัมภาระ
เร่งกันเหนื่อยหอบหืดจับ เหมือนยุคพวก Corolla สมัยก่อน ยิ่งถ้าติดแก็ส เข้าไป ทีนี้ ยิ่งอืดจับหนักกว่าเก่า
รถ Taxi จำเป็นต้องมีขนาดตัวถังที่เหมาะสม เพื่อความสบายของผู้โดยสาร
รวมทั้งการแบกกระเป๋าเดินทาง หรือสัมภาระหลายอย่าง ซึ่ง รถยนต์ขนาด Vios และ Almera "ไม่มีทางทำได้ดีเท่า"
และเมื่อตัวรถใหญ่ขึ้น ขนาดของเครื่องยนต์ ก็ต้องสัมพันธ์กันด้วย
และขนาด 1.6 ลิตร นั้น ผมมองว่า เหมาะสมดีแล้ว สำหรับการใช้งานของ Taxi เมืองไทยในปัจจุบันนี้
ทุกวันนี้ บางครั้ง ยังมีการ ร้องขอไปที่ศูนย์ Taxi ว่า ขอรถอย่าง Innova ด้วยซ้ำ
เพื่อการแบกข้าวของ ไปในระยะทางที่ไกลกว่าปกติ
ไม่ต้องเห็นใจคนขับ Taxi กันมากนักหรอกครับ
เพราะว่า ด้วยราคาปัจจุบันนี้ ถือว่าเหมาะสมแล้ว
ใครที่มาบ่นว่า ค่าแก็สแพง ทำรอบไม่คุ้ม อย่างงุ้นอย่างงี้
ผมจะถามกลับไปก่อนเลย...
แล้วทำไม คนขับ Taxi หลายคน เขาอยู่รอดได้ มีเงินเก็บ เลี้ยงลูกเมียได้?
ทั้งที่ ต้นทุนค่าเช่ารถ 600 บาท เท่ากัน ค่าแก็ส วันละ 300 บาท (ตีเฉลี่ย)
ล้างรถ 50 บาท เขาหาได้ 15 รอบ ได้เงิน ตีซะ รอบละ 100 บาท
ได้มา 1,300 - 1,400 บาท ได้เงินกลับไป 500 บาท ต่อวัน
แต่ส่วนใหญ่ จะไกลกว่านั้น และได้เยอะกว่านั้นสักหน่อย คืออย่างน้อยๆ
คนที่ขยัน จะมีเงินเหลือติดกลับบ้าน วันละ 1,000 - 1,500 บาท ไม่ค่อยเกินนี้
เว้นแต่ว่า ตีรถเที่ยวยาวๆ จาก สุวรรณภูมิ ไปพัทยา หรือไปหัวหิน ก็ว่ากันไป
อันนั้น อาจจะปิดมิเตอร์วิ่ง แล้วคิดราคาเหมา แถมถ้าไปพัทยา ช่วงเช้า-สาย
ก็ยังมีลุกค้าเรียก เข้า สุวรรณภูมิ หรือเข้ากรุงเทพ เป็นเที่ยวกลับ ได้ 2 เด้ง
เพราะเขาขยัน ทำมาหากิน ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่รู้มาก ไม่เรื่องมาก
ไม่มีมานั่งบ่นหรอกว่าที่โน่นก็ไม่ไป ที่นั่นก็ไกลเกิน เดี๋ยวส่งรถไม่ทัน
ที่สำคัญคือ เขาไม่กินเหล้า ไม่เมายา ไม่เที่ยวผู้หญิง ไม่เล่นการพนัน
ไม่ทำลูกเม่ียเสียหาย รักครอบครัว
เขาก็มีเงินเหลือพอเหลือใช้ เหลือเก็บครับ
ดังนั้น พวกที่บ่นๆกันว่าไม่พอใช้หนะ...ถามกลับไปที่เหอะว่า...ขยันพอหรือยัง?
ผมเห็นด้วยนะครับกับคุณจิมมี่ครับ ถ้าไม่กินเหล้าติดผู้ ญ เงินก็เหลือครับ แล้วจะขอเพิ่มเงิน แล้วทำไมคนเรียกไม่ค่อยอยากไปไหนล่ะครับ คนจะขึ้นไม่รับจอดเฉยๆแล้วจะเอาเงินจากไหน?
ส่วนเอารถเล็กๆมาวิ่งน่ะ คุณครับรถแท็กซี่วิ่งวันนึง 24 ชมนะครับเครื่องเล็กจะไหวหรอครับสึกหรอมากนะครับเพราะคนขับคงไม่ดูแลรถทุกคนหรอกครับ ขนาด 1600 ยังจอดตายข้างทางวันนึงกี่คันครับ
-
จะขึ้นเท่าไหร่ก็ปล่อยขึ้นไปครับ แล้วแต่เค้าจะพิจารณากัน
แพงไป คนไม่ขึ้นทีนี้จะหงอย
เสียงตอบรับ การใช้บริการหลังจากขึ้นค่าโดยสาร
จะเป็นตัวบ่งบอกเองว่า ที่เค้าขึ้นราคานั้น มันเหมาะสมไหม คนรับกันได้ไหม 8)
-
สาบานเลยว่า ถ้าไม่จำเป็นแบบสุดชีวิตจริงๆ จะไม่ขึ้นแท็กซี่หลังปรับอัตราค่าโดยสารเด็ดขาด
ส่วนถ้าหันไปใช้รถระดับ B-segment หรือ eco car
จะไม่ขอเลือกนั่งเลยครับ จ่ายแพงแล้วทำไมต้องไปนั่งรถเล็กๆ ไม่เข้าใจ
-
มีถัง CNG. อีก 100 กิโลไว้ด้านท้ายนะครับ ถ้าลดขนาดรถ. ก็จะได้ถังเล็กลง คงวิ่งได้สัก 160 กม. ก็ต้องเติมใหม่ เสียเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ไม่คุ้มครับ