Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: BNR 34 GTR ที่ สิงหาคม 30, 2013, 23:22:41
-
น้ำมันเครื่อง เกรด รถแข่ง ตัวอย่างเช่น MOTUL 300 V ราคาลิตรละ 1XXX บาท มันต่างกับน้ำมันเครื่องเกรด ทั่วๆไปขนาดไหนครับราคาถึงได้ดุขนาดนี้ แถมมีให้เลือกตั้งแต่ เบอร์ 0w20 ถึง 20w60 ด้วย
มันมีอายุการใช้งานมากกว่า น้ำมันเครื่องเกรดทั่วๆไปหรือเปล่าครับ เช่น สังเคราะทั่วๆไปเปลี่ยนทุก 10000 โล ตัวนี้จะลากได้ถึง 15000 โลอะไรแบบนี้ไหมครับ ถ้าบ้าจี้เอามาใส่รถบ้านๆใช้งานทุกๆวันอะไรแบบนี้ครับ
ขอบคุณครับ
-
เดาว่าน่าจะ
1. อาจจะนำความร้อนดีกว่า เครื่องที่ใช้แข่งอาจจะมีรอบเครื่องสูงกว่า การเสียดสีมากกว่า ความร้อนเกิดขึ้นมากกว่า ถ้าจะให้ระบบหล่อเย็นทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ น้ำมันเครื่องก็ต้องดูด+คายความร้อนได้เร็ว
2. คงประสิทธิภาพในความร้อนสูงได้ดีกว่า สารบางตัวเวลาอุณหภูมิสูงๆแล้วมันเปลี่ยนคุณสมบัติได้ครับ
3. สมบัติต่างๆอาจจะดีกว่า เช่น สมบัติในการหล่อลื่น ความเสถียรของสารต่างๆในน้ำมัน ในสภาวะต่างๆกัน
ถ้าเอามาใส่รถบ้าน ผมว่าไม่เป็นไรครับ แค่เสียตังฟรี อย่างที่บอกว่ามันน่าจะช่วยในกรณีที่ใช้เครื่องยนต์ในสภาวะการแข่งขันที่รอบเตะขีดแดงตลอด ถ้าเอามาใช้บ้าน ไม่น่ามีผลอะไร
อันนี้ตอบในมุมมองของ นศ. วิศวะเคมีนะครับ ถูกผิดยังไง รายละเอียดเชิงลึกคงต้องรอถามผู้รู้จริงๆ ;D
-
มันเป็นเพียงการตลาด ค่าความหนืดดูตามคู่มือรถ ดูแต่เลขหลัง 30 40 50 ใช้ตามคู่มือ
น้ำมันเครื่องธรรมดา อยูได้ 10000 โล อยู่แล้ว
กึ่งสังเคราห์ 10000 - 15000
สังเคราะห์ 15000 ++
-
คุณสมบัติของตัวน้ำมันเครื่องดีกว่า ทนความร้อนได้สูงกว่าแต่ประสิทธิภาพยังดีเหมือนเดิม
คือพูดง่ายๆว่า เครื่องที่ใช้เป็นเครื่อง turbo แล้วขับรากรอบ turbo booth ตลอด แบบนี้ถ้าได้น้ำมันเครื่องดีๆ ก็จะรักษาเครื่องยนต์ให้ใช้ได้นานขึ้น ใช้งานรอบสูงๆ เครื่องก็วิ่งนิ่งๆเลย
แต่ถ้าเราใช้รถบ้านเครื่อง NA หรือ เครื่อง turbo ขับธรรมดา เร่งแซงหนักบัาง ธรรมดาบ้าง อันนี้ไม่จำเป็นครับ ใช้น้ำมันเครื่องยี้ห้อทั่วๆ ให้ตรงตาม spec ก็พอครับ
-
มันเป็นเพียงการตลาด ค่าความหนืดดูตามคู่มือรถ ดูแต่เลขหลัง 30 40 50 ใช้ตามคู่มือ
น้ำมันเครื่องธรรมดา อยูได้ 10000 โล อยู่แล้ว
กึ่งสังเคราห์ 10000 - 15000
สังเคราะห์ 15000 ++
เห็นด้วยครับ
สังเคราะห์แท้ ถ้าขับใน กทม ผมว่าแค่ 15,000 โล กำลังดีครับ เกินกว่านี้อืดขึ้นชัดเจน :D
-
บางทีมันเป็น ราคาของ การตลาดนะครับ
สิ่งที่ควรดูในน้ำมันเครื่อง คือ
-ความหนืด
-API
-ACEA
-DHD
เป็นต้นครับ
-
ผมเห็นต่างตรงที่ว่า ขับใน กทม. 15,000 ค่อยเปลี่ยนนะ
เพราะ ผมมองว่าการวัดระยะการใช้งาน เป็น กิโลเมตร เทียบกับ บ้านเมืองเราไม่ได้หรอก
เพราะแค่รถติดนิ่งๆ ก็กินเวลาเป็นชาติแล้วจริงมั๊ยครับ ผมจะทดเลย ว่า ถ้าเกรดน้ำมันเครื่องได้หมื่นห้า
หมื่นโลผมเปลี่ยนแล้ว เพราะเอาเวลารถติดๆ ไม่รู้กี่ชั่วโมง กี่วัน กี่ปี ทดเข้าไปที่อัตราการเสื่อมของน้ำมันเครื่องด้วย
ไม่ได้ดูแค่หลักกิโลเพียงอย่างเดียวครับ เพราะถึงรถจะไม่ได้เคลื่อนตัว ก็ไม่ได้แปลว่าเครื่องยนต์ไม่ทำงานจริงมั๊ย (ยกเว้นไฮบริด)
แต่ถ้าเป็นรถวิ่งยาวๆ รถไม่ค่อยติด ยังอนุมานเรื่องหลักกิโลเมตรได้ครับ
ส่วนน้ำมันเครื่องแพงๆดียังไง ส่วนตัวผมไม่ได้โฟกัสตรงนั้นเพราะรถเราไม่ใช่รถแข่งที่แช่รอบสูงตลอดเวลา
เหตุผลที่น้ำมันเครื่องแพงๆ ดีกว่า น่าจะเป็นเพราะ ไม่เสียความหนืดเวลาใช้รอบสูงตลอดเวลาครับ
เพราะน้ำมันเครื่องเกรดทั่วไป ตลาดๆ อาจจะทำไม่ได้ จุดนี้สำคัญสำหรับรถแข่ง
ถ้าเสียความหนืดเมื่อไหร่ (แรงดันออยเพรสจะตกทันที) แปลว่าเครื่องอาจจะพังได้
ส่วนรถบ้านๆอย่างเรา ใช้เกรดที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ และเปลี่ยนถ่ายให้ตรงตามกำหนด ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ
-
ใช้ av40 มาแสนโล ถ่าย นมค เกรดถูกสุดครั้งละ 1000 บาท ถ่ายทีละ 20000 โล
ตอนนี้วิ่งดีเหมือนตอนออกรถใหม่ๆ เลย
ดังนั้น ...... ผมไม่เชื่อครับ ว่า เกรด นมค และระยะเวลา 10000 โล มีผลต่อรถบ้าน
-
ตอบตามความรู้อันน้อยนิดของผม
รถผมบ้านๆ แรกๆเติม นมค.ของศูนย์ แล้วก็motal มา 2 ครั้ง ก่อนเปลี่ยนมาเติม zic (ยี่ห้อนี้เดาเอาว่าดีกว่านมค.ตลาดๆนะ)
Motul ดีกว่าตอนเร่งแรงๆ รู้สึกขับสนุกกว่า
ยิ่งเทียบกับนมค. ของศูนย์ ก็ต่างกันเยอะครับ (ความเห็นส่วนตัว)
แต่ถ้าถามจำเป็นมั้ย ผมว่าพวกสังเคราะห์แท้ ราคาประมาณ 1300-1400 ก็พอ
-
น้ำมันเครื่องรถเเข่ง จะมีสารเคลือบพิเศษ + ค่าความหนืดที่เปลียนเเปลงน้อยเมื่อโดนความร้อนสูงมากๆ
รถเเข่งส่วนมากรอบค่อนข้างสูง ความร้อนสูง ถ้าใช้น้ำมันธรรมดาค่าความหนืดจะลดลง จนเเทบจะไม่ช่วยหล่อลื่นหรือระบายความร้อน
โอกาสที่จะทำให้สึกหรอสูง
เเต่ถ้ารถใช้งานทั่วไป ใช้ธรรมดาก็เพียงพออยู่เเล้วครับก็เลือกตามที่ชอบเอา คุณสมบัติจะไม่ต่างกันมากเท่าไร เเต่ถ้ารถเเต่งจัดเต็ม รอบ7000-10000 ตลอดก็น่าใช้
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง มี 2ระยะ ขึ้นอยู่กับว่าระยะไหนจะถึงก่อน
1 ตามระยะทาง 5000 /10000/15000/20000 เป็นต้น
2.ตามระยะเวลา 6 เดือน 1 ปี 2 ปี เป็นต้น
น้ำมันเครื่องมีความสำคัญเเต่มักจะถูกมองข้าม เพราะส่วนมากเป็นรถใหม่เลยไม่ได้ออกอาการเพราะเครื่องยังเเน่นอยู่ ถ้าเป็นรถ 1 เเสนโล / 5 ปีขึ้นไปจะเริ่มออกอาการ
ทำไมเราต้องเปลียนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องเป็นระบบปิดใช้หล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆมากมาย ถ้าน้ำมันเครื่องที่สกปรกก็จะทำให้พวกเศษเล็กต่างๆไปเสียดสีกับชิ้นส่วนต่างๆจนสึกหรอ น้ำมันเครื่องก็มีวันหมดอายุจะช้าเร็วขึ้นอยู่กับชนิดเเละเกรด การจอดทิ้งไว้เฉยๆไม่ได้ข้ับก็หมดอายุได้เช่นกัน
ถ้าคิดจะชื้อมาใช้ก็เลือกตามสเปคของรถดีที่สุดครับ ผลเสียคืออาจจะเปลือง
-
มันเป็นเพียงการตลาด ค่าความหนืดดูตามคู่มือรถ ดูแต่เลขหลัง 30 40 50 ใช้ตามคู่มือ
น้ำมันเครื่องธรรมดา อยูได้ 10000 โล อยู่แล้ว
กึ่งสังเคราห์ 10000 - 15000
สังเคราะห์ 15000 ++
เห็นด้วยมากๆ ครับ
ผมลองแล้ว กับรถคันเก่า ใช้ PTT NGV กระป๋องสีฟ้า เปลี่ยนถ่ยที่ ประมาณ 12000 กิโล ใช้มา 800000 โล เครื่องยังนิ้ง ยังเหยียบได้ 150 กม./ชม. ไม่เคยฟิตเครื่อง
ขายไปเมื่อปีที่แล้ว คนซื้อต่อเอาไปลอง ยังบอกว่า รถวิ่งดีจริงๆ
คันที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ใช้ของโคตรถูก PTT 0W-30 ถเปลี่ยนถ่ายที่ 15000 กิโล เคยเลยไปเกือบ 20000 กิโล ก็ยังใช้ได้ดี ตอนนี้ รถคันนี้ จะเข้า 100000 กิโลแล้ว ยังปกติทุกอย่าง
-
บางที ผมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันนะ
เติมน้ำมันเต็มถังเติมได้ ไม่ได้คิดอะไร
เคยเต็มถังสูงสุด 3200 บาท ตอนที่ดีเซลลิตรละ 47 บาท
แต่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 2000 กว่าๆ กลับคิดแล้วคิดอีก
คิดวนๆอยู่นั่น
สุดท้ายก็กึ่งสังเคราะห์
-
แรกๆผมก็บ้าเรื่องน้ำมันเครื่องครับ
ต้องดีๆเท่านั้น
แต่หลังๆ
ผมใช้กึ่งสังเคราะห์ก็พอ ใช้ของศูนย์ เปลี่ยนที ไม่เกิน 1 พัน จบ
คือ นมค เกรดดีๆ เอาไว้"ซัด"ครับ
ถ้าลากกันยัน 6-7 พันรอบ เข็มวัดรอบตวัดขึ้นลงบ่อยๆ ใช้ของดีๆ
แต่ถ้าวันๆ คลานอยู่ในเมือง รอบขึ้นๆลงๆไม่ถึง 5 พันรอบ
ใช้กึ่งสังเคราะห์ก็เหลือๆแล้วครับ เน้นเปลี่ยนถ่ายอย่างสม่ำเสมอก็เพียงพอ
-
น้ำมันเครื่อง เกรด รถแข่ง ตัวอย่างเช่น MOTUL 300 V ราคาลิตรละ 1XXX บาท มันต่างกับน้ำมันเครื่องเกรด ทั่วๆไปขนาดไหนครับราคาถึงได้ดุขนาดนี้ แถมมีให้เลือกตั้งแต่ เบอร์ 0w20 ถึง 20w60 ด้วย
มันมีอายุการใช้งานมากกว่า น้ำมันเครื่องเกรดทั่วๆไปหรือเปล่าครับ เช่น สังเคราะทั่วๆไปเปลี่ยนทุก 10000 โล ตัวนี้จะลากได้ถึง 15000 โลอะไรแบบนี้ไหมครับ ถ้าบ้าจี้เอามาใส่รถบ้านๆใช้งานทุกๆวันอะไรแบบนี้ครับ
ขอบคุณครับ
ขออนุญาติตอบด้วยศัพท์และคำอธิบายทางเคมี
MOTUL จะมี ESTER ราว ๆ 15-25 % โดยปรกติแล้ว ESTER มีคุณสมบัติการหล่อลืนดี ปกป้องเครื่องยนต์ดี ลื่นในอุณหภูมิต่ำ เกาะกับโลหะได้ดี แต่มีข้อเสียคือ Viscosity ต่ำ , Low Hydrolytic stability( ไม่ถูกกับความชื้นหรือน้ำ)เพราะจะทำให้เกิดการเสื่อมของน้ำมัน และไม่ยอมละลายกับสารadditive หลายชนิด ต้องพึ่งพาเคมีตัวอื่นเพื่อจะให้รวมกัน
ในแง่รถแข่ง เข้าไปสนามแข่ง พอจบออกจากสนาม ทุกอย่างถูกถ่ายทิ้งหมด เลยไม่มีใครห่วงเรื่องความชื้น เพราะมันยังไม่ทันชื้น
รถบ้าน ๆ เอามาใช้ ไม่ดีตรงที่ พอมันเจอชื้นมาก ๆ มันก็เสื่อม
บริษัทผลิตน้ำมันหลายบริษัทใช้ Ester (ไม่ว่าจะ Diester, polyesters, Phosphate ester) ในน้ำมันเครื่องของตนเอครับ แต่เขาจะคุมให้พอเหมาะ ถ้าเมืองร้อน อากาศชื้น ester จะไม่เหมาะเพราะ Viscosity ต่ำ และเสื่อมเร็ว
ตอบแค่นี้ไปหาอ่านศึกษาเติมครับ สูตรน้ำมันเครื่อง หาดูได้จาก MSDS ของบริษัทนั้น ๆ ถ้าจะเอาละเอียดดูของทางยุโรปเพราะที่โน่นเขาบังคับแจงรายละเอียดทาง Formula ด้วย
น้ำมั้นเครื่องธรรมดาี กึ่งสังเคราะห์ ในการใช้ระยะยาวต่อเนื่อง ถึงจะเปลี่ยนถ่ายบ่อย ก็ไม่ได้แปลว่าจะปกป้องเครื่องยนต์ดีไป 1 ล้านกิโลเมตรแน่นอนครับ ฟันธงได้เพราะหนังสือเคมีเขาบอกมา 555
ตารางข้างล่างสรุปไว้ครับว่าอะไรดีไม่ดีอย่างไร ยี่ห้อแพง ๆ ใส่แทบทุกตัวล่ะครับ เรียกว่าเอาข้อดีของแต่ละเคมีมาใช้นั่นเอง
-
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ :D
ได้ความรู้มากมายเลยทีเดียวครับ
-
ผมก็ไม่ค่อยมีความรู้ทักษะด้านนี้เท่าไหร่ ขอตอบแบบบ้านๆเลยครับ
รถผมใช้ Gulf 5w-40 อยู่ สังเคราะห์แท้100% ก่อนหน้าใช้ของCastrol edge กับ ของศูนย์เลย ประทับใจตัวนี้สุดครับ
รถผมวิ่งในเมืองจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไม่เกินหมื่นโล 8-9พัน ก็เปลี่ยนแล้วครับ วิ่งในเมืองรถติด ระยะทางนิดเดียว แต่เครื่องยนต์ทำงานหนักครับ เดี๋ยวเร่งเดี๋ยวจอด
ผมเลยคิดเองว่าเปลี่ยนไวๆน่าจะดีที่สุดครับ