Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Insideout ที่ ตุลาคม 02, 2013, 18:12:19
-
น้องชายผมรับราชการเป็นอาจารย์ อายุ 30 ต้นๆ เป็นคนประหยัดมากๆ
นั่งรถเมล์ไปทำงานตั้งแต่เรียนจนปัจจุบัน
หลังๆ เริ่มต้องมีไปประชุมต่างจังหวัดหรือคุมสอบในต่างวิทยาเขตบ้าง
ผมเลยแนะนำ ว่าควรซื้อรถซักคัน
เลยมาถามความเห็นเพื่อนๆสมาชิกว่า ซื้อรถราคาเท่าไหร่ ถึงไม่เกินตัว
(ผมก็มีคำตอบในใจที่แนะนำน้องไปแล้ว แต่อยากฟังหลายๆความเห็น)
- รายได้เบ็ดเสร็จจากมหาวิทยาลัย สอนป.ตรี ป.โท ได้รวมกัน 3 หมื่น
เขียนหนังสือ รับแปลเอกสาร สอนเอกชนนิดหน่อย ได้อีก 2 หมื่น ให้เงินพ่อแม่เดือนละหมื่น
- อยู่บ้านพ่อแม่ ไม่ได้ผ่อนส่ง ไม่มีหนี้สินอะไร ตอนนี้มีเงินเก็บ 2-3 แสน
- อนาคตอีก 5 ปี ต้องใช้เงิน แต่งงานหรือไม่ ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ก็ยังโสดอยู่
-
รายได้รวมต่อเดือนประมาณ 40,000 บาท หากเป็นคนประหยัดมากๆ ผมว่ามีเหลือเก็บครึ่งหนึ่งของเงินเดือนแน่ๆ
ฉนั้น 20,000 บาท ที่เหลือต่อเดือนจากการประมาณการ ผมว่าผ่อนรถซักหมื่นกลางๆ ที่เหลือกก็เก็บต่อไป เผื่ออีก 5 ปี อาจแต่งงานหรืออะไรก็แล้วแต่
แนะนำ SUV ราคาล้านกว่าบาทครับ เป็นต้นว่า CRV XV Captiva CX5 etc. ;)
-
มีคนรู้จักมีรายได้ประมาณนี้เหมือนกันเค้าเลือกbt-504ประตู
แต่ คหสต. เพื่อความประหยัด ใช้ แบรน ตลาดดีกว่า แล้วใช้ยาวๆเลย
ไม่ว่าจะเป็น T H I จะเป็นกระบะ หรือ suv
ไม่แนะนำEco เพราะ ถูกตอนซื้อ แต่มองยาวๆๆ5-6ปี++ กระบะหรือ SUV PPV
น่าจะใช้สอยได้เยอะ
-
b - c seg ก็พอครับ
-
เเหม่..น้องชายท่าน จขกท นี่ดีนะครับใช้เงินตัวเอง..น้องผมนะหรอ..เฮียยืมไปดาวน์ก่อนนะ..เดียวคืน..ฮืมๆๆ..เชื่อมานเลยจิงๆ..มานยืมไปปีกว่าเเระ..เพิ่งจะให้คืนมา..เเต่ก็นะครับ..อยู่กันมาเเต่เด็ก ;D :D
ส่วนเรื่องรถผมว่าซื้อรถราคาประมาน1-1.3ล้านก็น่าจะพอดีนะครับ..คนประหยัดพออยู่เเล้ว..เเนะนำเเอคคอร์ดก็ได้ครับ..คุ้ม~~
-
CRV Accord Prius Teana ที่ไม่เกิน 1.3 ล้านคับ
-
CRV accord camry เลยครับ
-
ผมว่า ไม่ถึงล้านน่าจะดีกว่า ซัก 8 แสน
ดาว์ 25% 2 แสน จัด 6 แสน ผ่อน 48 เดือน ตก หมื่นกลางๆ
ก็มาดูดอก ที่ปกติ 2.5 แต่ข้าราชการ ก็มีพิเศษบ้าง หรือบางเจ้าฟรีดอกก็มี
แนะนำ 3 ตัวพื้นๆ Sylphy 1.6v , Civic 1.8S, Altis 1.8E
หรือเลือกรุ่นตามความชอบ เอาที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป ส่วนล้านขึ้นผมไม่แนะนำ กับพวก Eco ด้วย
-
ผมว่า ไม่ถึงล้านน่าจะดีกว่า ซัก 8 แสน
ดาว์ 25% 2 แสน จัด 6 แสน ผ่อน 48 เดือน ตก หมื่นกลางๆ
ก็มาดูดอก ที่ปกติ 2.5 แต่ข้าราชการ ก็มีพิเศษบ้าง หรือบางเจ้าฟรีดอกก็มี
แนะนำ 3 ตัวพื้นๆ Sylphy 1.6v , Civic 1.8S, Altis 1.8E
หรือเลือกรุ่นตามความชอบ เอาที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป ส่วนล้านขึ้นผมไม่แนะนำ กับพวก Eco ด้วย
เห็นด้วยครับ รถดูเหมาะกับฐานะที่สุดแล้ว แหมจะใช้แคมรี่ ก้ดูเป็นระดับ รศ. อะไรเทือกนั้น
-
ความเห็นผม
ไม่เกินตัวนี่....ใช้ C segment ก็พอครับ
ถ้าเอาเอนกประสงค์ด้วย ก็เป็นตัวที่พับเบาะได้ เผื่อขนของ
-
ตอนนี้เอาประมาน Civic 1.8 E ก็ได้ครับ พอดีๆ ดูดีหน่อยๆ ถ้า Accord camry หาคนเดียวจะตึงไป พี่ผมก็อายุ 30 ครับเป็นครูก็ขับ Civic Fd นี้แหละครับมันบอกว่าเดี๋ยวเงินเดือนเอยะกว่านี้ค่อยเลื่อนไปเป็น
Accord Camry
-
ซีวิคคับ ดาวน์2.5แสน ส่งประมาณ11000บาท60เดือนดอกเบี้ย0%คับ ถ้าเป็นd segmentต้องดาวน์เกือบๆ4แสนแน่ะคับ แล้วส่งเกือบ2หมื่น เลือกเอาคับ
-
ผมตอบในมุม อาจารย์มหาวิทยาลัยนะครับ
ควรซื้อเป็น d-seg หรือรถยุโรปราคาประมาณ 2 ล้านต้นๆไปเลย เคสน้องชาย จขกท น่าจะประมาณผม
ผมอายุ 32 เงินเดือนรวมค่าตำแหน่งวิชาการอยู่ที่ 53000 บาท และรายรับจากทุนวิจัยที่มีส่วนค่าตอบแทนอีก 15000. ซึ่งต้อง
มีทุนวิจัยไปทุกๆปี (ของผมสะบายไปอีก 5)
อื่นๆจิปาถะไม่นับแล้วกัน
แต่ผมผ่อนบ้านด้วย และมีลูกชายแฝด ผมจะเหลือประมาณ 30000 นิดๆ ส่วนของภรรยาผมไม่คิด เก็บและเอาไว้โปะบ้านเท่านั้น
ถามว่ารถราคา 1300000-2500000 มันเกินตัวไปหรือไม่ ตอบว่าไม่หรอกครับ ข้าราชการสวัสดิการดีและมีความมั่นคงสูง
ตอนนี้ไม่ทราบว่าได้ปรับฐานคูณ 1.6 หรือยัง แต่ผมเดาว่ายังนะ เพราะฐานเงินเดือนต้องมากกว่านี้ อีก
ผมเองก็รอปรับอยู่เหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นอีกเท่าไหร่
ซื้อคันเล็กไปเดี๋ยวจะอายนิสิตนะครับ อิอิอิ ล้อเล่นนะ
อาชีพนี้นอกจากความรู้จะสำคัญแล้ว ภาพลักษณ์ก็สำคัญไม่แพ้กันนะครับ เพราะเป็นอาจารย์มหาลัยไม่ใช่แค่สอนๆแล้วจบ
ยังมีภาระอื่นๆอีกมากนัก ซึ่งหากวิชาการเราดียุแล้วและภาพลักษณ์ก็ดีด้วยเราจะโตในสายอาชีพได้เร็วกว่านะครับ
-
รอ Camry ลดกระหน่ำ ปลายปี พร้อมดอก 0% หลังจาก Teana ออก ครับ
จะได้ผ่อนถูกๆ อิอิอิ
อะไรก็ได้ ที่ผ่อน 0% แล้วครับ รถเหลือกันเพียบ
เศรษฐกิจจะทรุดอีก จนจบปีหน้าเลยครับ แล้วค่อยดูกันใหม่ว่า รัฐจะแก้ปัญหาอย่างไร
ถ้าเป็นตอนนี้ เก็บเงินครับ หารถที่มีผ่อน 0% ครับ
-
Altis 1.8 ติดแก๊ส เงินที่เหลือเอาไว้เก็บออมสร้างตัว ซื้อบ้าน แต่งเมียครับ
-
ford focus , crv , civic , prius ดูเหมาะดี(กับอายุด้วยค่ะ)
-
ผมแนะนำอย่างนี้นะครับ ถ้ามีเงินสดเท่าไหร่ผมแนะนำเอาเงินสดไปซื้อรถมือสอง
แล้วก้เงินเดือนเอาไว้ยื่นกู้เพื่อลงทุนดีกว่าครับ ผมว่าอายุยังไม่มาก
เอาเงินส่วนนี้ไว้ไปลงทุนดีกว่า ไม่ติดหนี้สินการงานมั่นคงลงทุนสบายๆครับ
อย่าเอาเงินไปลงที่รถมากนะครับ มันไม่งอกเงย แล้วยิ่งผมดูจากโจทย์ที่ จขกท ให้มา
คิดว่าคนซื้อคงไม่ได้บ้ารถอะไรมากเท่าไหร่ คิดดีๆนะครับ รถไม่ได้คือทั้งหมดของชีวิตนะครับ
-
รายได้ 4-50,000 บาท/เดือน
ให้แม่และพ่อ น่าจะเหลือ 40,000 บาท/เดือน
ถ้าจะผ่อนเดือนละ 20,000 แล้วคิดถึงค่าน้ำมันกันไหมละครับ ตกเดือนละ4-5,000 อย่างต่ำ
ก้อจะเหลือ เงินใช้เดือนละหมื่นห้า ตกวันละ 500 บาท
ถ้าวันไหนคิดจะกิน MK แปลว่าทั้งวันก้อต้องกินข้าวบ้าน เพื่อเหลือเงินไปกิน MK ตอนเย็น
หรือคืนไหนจะเที่ยว โน่นนี่นั่น ใช้เงินประมาณ 1000 นึง แปลว่า อีกสองวัน ต้องทนกินข้าวบ้านกับพ่อกับแม่
คิดง่ายไปหรือเปล่าครับ ซื้อรถ ต้องมีค่าพามันออกไปท้องถนนด้วยนะครับ
แนะนำเลยครับ รถให้มองๆที่ค่างวด ส่งไม่เกินหมื่น เพราะมีรถ นอกจากจะเท่ห์แล้ว ยังมีภาระอันใหญ่หลวงตามมาอีกเยอะครับ
เอาที่ ขับสบาย ไม่จุกจิก แอร์เย็น เดินทางไกลแบบ ช่วงล่างฝากชีวิตได้ เครื่องก้อเทคโนโลยีพอๆกันแล้ว คงไม่เหลือแล้ว ที่จะเหยียบเวลาแซงแล้วเหยียบไม่ขึ้น
เอารถพวก 1600-1800 ก้อพอละครับ ผ่อนสบายๆ มีเงินเติมน้ำมันสบายๆ มีเงินกินข้าวสบายๆ อยากกินไรก้อได้กิน อยากทำไรก้อได้ทำ
ไม่ใช่ื้ซื้อรถมาผ่อนอย่างเดียว จะเติมน้ำมันทีก้อลำบาก จะใช้จ่ายอะไรก้อยาก เพราะมีค่างวดมารออยู่ทุกเดือน
รถล้านอัพ เลิกมองเลยครับ ให้มองกระบะสี่ประตูเกียร์ออโต้ หรือไม่ก้อ อัลติส ซีวิค อะไรที่ราคา 7-8แสนดีกว่าไหมครับ แค่นี้ก้อพอแล้วละครับ
-
รายได้ 50,000 ใช้ eco car ถือว่าเกินพอครับ ไม่ควรผ่อนรถเกิน 15% ของรายได้ ซึ่งอยู่ที่ 7,500 นะครับ
แต่จริงๆถ้าเกิบเงินก้อนแล้วซื้อมือ 2 ผมว่าสัก 5 แสนบาท เข้าแบงก์ 2 แสน น่าจะได้อะไรที่ดีกว่า eco car เยอะๆอยู่แล้วครับ
-
จากข้อมูลที่ให้มา
รายได้ 40000 หักให้พ่อแม่แล้ว
มีเงินเก็บ 300000
อีก 5 ปีต้องใช้เงิน
ผมขอสรุปแบบไม่เจ็บตัวและไม่เบียดเบียนใครคับ
-ค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่อเดือนตีประมาณ 10000 บาท เท่ากับว่าเงินเดือนเหลือเดือนละ 30000
-เงิน 30000x12เดือนx5ปี= 1800000
-เงิน 1800000 นี้อาจจะต้องใช้ในการสร้างครอบครัว เช่น สินสอด ผ่อนบ้านใหม่(อาจจะ??) ค่าฝากครรภ์แฟน ค่าเทอมลูกในอนาคต ฯลฯ ผมคิดรวม 1000000 บาทถ้าเหลือเก็บไว้เถอะหรือจะซื้อที่ทางเก็บไว้ให้งอกเงยขึ้นจะดีขึ้นไปอีก
-หักลบแล้วคงเหลือประมาณ 800000 ก็แล้วกันครับ ส่วนนี้แหละเอาไปซื้อรถ ผ่อนส่งเอาก็ได้ คิดย้อนกลับ 800000/12เดือน/5ปี=13000 บาท /=เครื่องหมายหาร
-13000 คือกำลังส่งต่อเดือนที่คุณสามารถจะผ่อนรถได้แบบไม่ลำบากมากนัก โดยอาจจะเริ่มดาวรถจากเงินเก็บของคุณส่วนหนึ่ง
สรุป เลือกอะไรก็ได้ที่ตัวเองชอบ(แนะนำไปลองขับก่อนซื้อ) ราคาไม่เกิน 800000 บาท ผ่อนประมาณเดือนละ 13000 บาท ผ่อนหมดก่อนแต่งงานไม่มีหนี้ มีเงินเหลือ 1000000 บาทสร้างครอบครัว
-
ตอบในฐานะข้าราชการนะครับ ผมทำงานได้ 2 ปีกว่า ๆ
ถ้าเป็นผม คงเอา C-segment ราคาประมาณ 8 แสนน่าจะพอครับ
ดาวน์ 25% ผ่อนอีก 4-5 ปีน่าจะตกเดือนละหมื่นต้น ๆ
เห็นข้าราชการได้โปรพิเศษบ่อย ๆ
แต่น่าจะรอเก็บเงินอีกสักหน่อย ไม่ก็ปรีกษาพ่อแม่ดู เรื่องเงินดาวน์ครับ
พอดีผมเป็นคนเก็บเงินไม่ค่อยอยู่ เลยให้ที่บ้านหมด หักไว้ใช้เดือนละ 5 พัน
นอกจากเงินผ่อนรถแล้ว ต้องคิดเผื่อด้วย ว่าอนาคตอาจอยากได้อะไรอีก
อุปกรณ์อิเลคโทรนิค ท่องเที่ยว ผมหมดไปกับพวกนี้เยอะมาก
-
พี่ จขกท ครับ (ขอเรียกพี่ครับ เพราะผมยังไม่ถึง 30 ครับ)
ผมอยากทราบว่า น้องชายของพี่ เงินเดือน 3 หมื่น เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยนี่ วุฒิ ป.เอกหรือโทนะครับ
ถือว่าเยอะมาก ถ้า ป.โท ครับ
ของผมจบไปไม่รู้จะคุ้มไหม รุ่นพี่ผมได้วุฒิ ป.โท (น่าจะรุ่นเดียวกับน้องพีั่ได้) 28000
เขาตกลงว่า จะเอารถ Eco car แบบผมครับ :D
-
ผมก็ว่า c segment ดีกว่าครับ จริงๆอยากเชียร์ D แต่ว่าหนักไปครับ ยิ่งเป็นคนประหยัดแล้วผมว่าเค้าก็คงเอาแค่ c segment แหละ
รุ่นที่แนะนำ altis ตัวใหม่ที่จะออกเดือนหน้านี้ครับ
civic ก็น่าสนแต่ต้องรอนานสำหรับตัว mc แถมภาพลักษณ์มันก็วัยรุ่นไปหน่อย
sylphy ก็โอเคนะครับ ดูภูมิฐาน นั่งสบาย
-
ผมตอบส่วนตัวนะครับ
ผมรับราชการอยู่ ตจว.มาแล้วแปดปีเศษ ปัจจุบันอายุ33 ปัจจุบันโสด ปีหน้าไม่โสด
รายรับต่อเดือน 40,000กลางๆ
ขับex อยู่ ดาวไปสามแสนสี่
ผ่อนเดือนละ 7,590/ด. เลือกส่งหกปีครับ เอายาวๆไว้หน่อย ดอก 2.25 ครับ
ผ่อนบ้าน8000/ด. 27 ปี กู้มาสองล้านหนึ่ง(โชคดีใช้สิทธิดอก 2เปอเซ็นต์ตลอดอายุสัญญา ต้นสังกัดมีmouกับกรุงไทย)
ผ่อนสหกรณ์ 6,000/ด. (กู้มาดาวน์รถ)
กู้ธ.ออมสินอเนกประสงค์ กู้มาสองแสน ไม่ได้ไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยได้ โน้ตบุคมาตัวเดียว ส่ง2,340 /ด.
ค่าส่วนกลางบ้านพัก รวมน้ำไฟ ประมาณ500/ด.
ค่าน้ำมัน 3,000/ด.
ค่าโทรศัพท์ 1,000/ด.
ให้แม่2,500/ด. ไม่ให้ก็ได้แม่ไม่เดือดร้อน แต่ไม่เคยไม่ให้
ค่าอินเตอเน็ต 150/ด. หารกัน สีหลัง
เพื่อนเยอะสังคมเยอะสังสรรค์กับเพื่อนบ่อย แต่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่
ใช้ชีวิตแบบนี้มาแล้วเกือบสามปี เมื่อก่อนหนี้น้อยกว่านี้ แต่รายรับก็น้อยกว่านี้ ไม่คดไม่โกง ไม่รับอะไรที่ไม่ควรรับ ก็อยู่ได้นะ มีความสุขดี
ปล.รถ บ้าน สหกรณ์ ท่านเจ้าหนี้สามเจ้านี้หักเงินเดือนผมเลยนะเอ่อ
-
ผมว่าซื้อรถอะไรก็ได้ที่อย่าทำให้เกินตัว เป็นอาจารย์ก็ไม่จำเป็นต้องไปขับรถล้านสองล้านก็ได้ครับ รายได้สี่ห้าหมื่นบาทต่อเดือนยังถือว่าไม่มากครับ ยิ่งซื้อรถแพง ค่าบำรุงรักษาก็แพงตาม ค่าน้ำมันก็กินตามครับ เพราะฉะนั้นเอาพอเหมาะพอดีครับ ไม่จำเป็นต้องเอาเกียรติความเป็นอาจารย์ และต้องขับรถดีๆเสมอไปครับ
-
จากที่ดูพี่ๆทุกท่าน
เยอะนะครับ ไม่เคยเจอใครรับราชการเงินเดือน 3-4 หมื่น up (ที่อายุประมาณ 30) ยกเว้น อาจารย์ ป.เอก(โทบางสาขา) / หมอ / ผู้พิพากษา / อัยการ
ปล. แต่อาจารย์มหาลัยสมัยนี้เป็นพนักงานนี่ครับ
มันไม่ใช่ข้าราชการ ไม่มีบำนาญ ผมว่าต้องเก็บตังดีๆ
เพื่อนผมเป็นอาจารย์จุฬา นิติ ช่วงแรก นี่เงินน้อยมากเลย พอได้ ป.โทมาปรับค่อยดีขึ้น แต่ก็ยังน้อย เอ ตกลงว่ามันขึ้นอยู่กับสาขาใช่ไหมครับ งงแล้ว
-
:D ถือว่าผู้ใหญ่แนะนำน้องละกันนะครับ ;) รายได้ขนาดนี้หน่ะจากประสบการณ์และการใช้ชีวิตตนเองและจากญาติ คนรอบข้าง ลูกน้อง คู่ค้า และอื่นๆที่ผ่านมาในชีวิต มากคน แนะนำว่า รายได้ขนาดนี้ไม่ควรใช้รถราคาเกินสัก 8 แสนครับ ซิตี้ วีออส เหมาะสุด ซีวิค อัลติส เริ่มปีนเกินหน่อยๆ ครับ สาเหตุที่แนะนำต่างจากคนอื่นคือ
1. อายุขนาดนี้ต้องเตรียมเก็บเงินไว้ทำอะไรอีกมากมาย เช่น มีครอบครัว ค่าใช้จ่ายดูแลรถ เพราะรถเป็นทรัพย์ชิ้นเดียวที่ราคาลดลงทุกวัน แต่ควรมีให้เหมาะสม เพราะว่ามันต่อยอดได้ครับ อนาคตต้องเผื่อไว้ในค่าใช้จ่ายอีก เพราะต้องเดินทาง ยางรถยนต์ต้องเปลี่ยนบ่อยกว่าพวกวิ่งจุ้ยในเมือง เชื้อเพลิง ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่ารถวิ่งใกล้ๆในเมืองระยะสั้นๆครับ เขายังต้องใช้เงินอีกเยอะ ไหนจะค่าใช้จ่ายส่วนตัว และยิ่งในอนาคตมีครอบครัวด้วย คุณจะรู้เลยว่าเงินแค่นี้ไม่สามารถดูแลครอบครัวได้เลยหากยิ่งมีลูก เว้นแต่หาคู่ชีวิตรวยๆ
2. ควรออมเงินเพิ่มไว้สำรองชีวิตบ้าง อย่าประมาทเลย เก็บไว้เผื่อต่อยอดในอนาคต ไว้ลงทุน ทำกิจการส่วนตัว ทำการลงทุนอะไรได้อีกมากในอนาคต ไม่ใช่เอาเงินมาอยู่ทีีรถหมด เพราะว่าอาชีพที่เขาทำอยู่แบบนี้ลักษณะนี้ ไม่สามารถทำอยู่ได้ตลอดชีวิตอยู่แล้ว
3. หากบริหารไม่มี ชีวิตข้างหน้าไม่แน่นอน โดยเฉพาะอาชีพที่ทำ หากในอนาคตเขาเดือดร้อนเรื่องเงินขึ้นมา โอกาสจะหาเงินเพิ่มอย่างเร็วหรือเพิ่มให้มากๆ ขึ้นในอนาคตจะยากมากครับ เพราะว่าในอนาคตข้างหน้านอกจากครอบครัวตัวเองแล้วยังต้องดูแลพ่อแม่อีก ซึ่งจะบอกให้น่ะ เตรียมไว้บ้างใช้เงินไม่น้อยเลยหล่ะ เว้นเสียว่าท่านรวยมีเงินสำรองมากเหลือเกินหากไม่ใช่แล้ว เขาผู้นี้แหละในอนาคตข้างหน้าต้องเป็นกำลังหลักของครอบครัวใหญ่เลยทีเดียว
4. รถ b หรือไม่อยากแนะนำให้ถึง c segment ด้วยซ้ำเหมาะกับวัย และเหมาะกับการสร้างตัวครับไม่ต้องไปเดือดร้อนพ่อแม่ด้วย
-
Focus Prius Cruze ก็ไม่เกินตัว ไม่ขี้เหร่ กำลังดีครับ
-
ฟันธง
C-segment น่าจะเหมาะสมที่สุด
D-Seg เช่น Camry ไม่เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มชีวิตวิชาการ ตำแหน่งไม่ได้ใหญ่อะไร ไม่ได้จะไปเบ่งใคร
สนใจรถ ดูแลรถได้แค่ไหน
ถ้าเอามาเพื่อขับ เป็นยานพาหนะ ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอทำงานวิชาการเป็นหลัก --> Civic Corolla Sylphy
ถ้าสนใจเรื่องรถ ชอบการขับขี่ --> Focus Lancer
หรือถ้าต้องการประหยัดจริงๆ อยากเก็บเงินเพื่ออนาคต --> Jazz Vios แค่นี้ก็เหลือๆ ผ่อนเกือบหมื่นต่อเดือน แต่ไม่ต้องมีหนี้นาน ไม่เสียดอกแพงๆ ::)
-
จากข้อมูลที่ให้มาคือเบ็ดเสร็จมีรายได้เดือนละ 40,000 บาท ถ้าต้องมีค่าผ่อนบ้าน หรือว่าค่าเช่าบ้าน คิดว่าที่เหมาะ ๆ ก็ประมาณ B-Segment
แต่ตอนนี้อยู่กับพ่อแม่ ก็น่าจะขยับไปที่ C-Segment ที่ไม่ใช่รุ่นท๊อปได้ ประมาณ 8-9 แสน ผ่อนเดือนละ หมื่นนิด ๆ ไม่หนักเกินไป
-
Civic 1.8E
-
ผมว่าถ้าเป็นสัก รศ. ซื้อ Sylphy ครับ จบ พอแล้วแค่นี้ สูงสุด สวย กำลังดี หรูด้วย ;)
-
ฟันธง ไม่เกิน C segment หรือผ่อนไม่ควรเกิน 10,000 ครับ
อย่าให้ค่าผ่อนรถเกินกว่า 20% ของรายได้ครับเพราะมีอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องเสียเช่นน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา ประกันฯ
ผมมีคนรู้จักคนนึงรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่าเจ็ดหมื่น แต่ผ่อนรถ B segment เดือนละห้าพันเอง ;D ;D ;D
-
ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยตอบ
คิดถูกมากที่มาตั้งกระทู้ถาม หลายความคิดทำให้ได้มุมมองที่หลากหลาย
กว่าคิดคนเดียวจรืงๆ
ที่มีน้องคนนึงถาม ขอตอบใน comment นี้เลยนะครับ
น้องชายผมเรียนป.เอกที่จุฬา 5 ปี จบเป็นอาจารย์ได้ 2 ปีแล้วครับ
กำลังทำ ผศ. อยู่
สำหรับคำตอบของน้องผมคือ jazz ครับ
น้องชอบ Honda
แต่ผมอยากให้น้องใช้ รถที่คุณ iambon มารีวิวเร็วๆนี้ที่ HLM
ถ้าอยากรู้ว่าเป็นรถอะไร
ลอง google คำว่า "iambon + headlightmag" ดูครับ ;)
มองตากับพ่อ ว่าจะรวมกันหาเงินมาให้น้องไปดาวน์ซักล้านนึง
ผม 3 พ่อ 7
ที่เหลือให้มันผ่อนเอาเอง
ไม่รู้จะพอกันมั๊ย
บ้านเรามีกันอยู่แค่นี้ 4 คน พ่อ แม่ ลูก
-
อายุประมาณนั้น จะมีค่าใช้จ่ายอีกเยอะครับ
แต่ละบ้านก็ไม่เหมือนกันครับ
ผมแต่งงานช่วงนั้นพอดี
ผมอายุมากกว่า 5 ปี ส่วนตัวจ่ายค่าบ้านค่ารถสด
หมดไปแล้วครับ แนะนำว่า ไม่ควรใช้รถ
เกิน C segment ครับ เพราะเอาเข้าจริง ถ้าอยู่ย่านใจกลางเมือง
รถ Sub B segment นี่เหลือพอครับ
แต่ถ้าเผื่อวิ่งต่างจังหวัด
เผื่อแต่งงานมีลูก C seg รุ่นล่างๆก็พอได้ครับ
ผมว่าประหยัดไว้ก่อนดีว่าครับ
เพราะดูเหมือนว่า จะไม่ได้ชอบรถอะไรมากมายครับ
-
นอกเรื่องนิดนึงนะครับ
จากเหตุการณ์ของน้อง ทำให้ผมมานั่งคิด
เงินเดือน 4-5 หมื่น สมัยนี้ น้อยเหรอครับ?
คือน้องผม มันบอกว่าน้อย
หรือผมตกยุคไปแล้ว
แล้วคนทำงานที่เค้าเงินเดือน 2 หมื่นกว่าบาท
ไม่ต้องมีอะไรกันเลยเหรอครับ
แล้วรถราเต็มท้องถนนนั่นมันอะไร
ยกตัวอย่าง เพื่อนผมเรียนมัธยมห้องเดียวกัน
มันจบวิศวะจุฬา เกียรตินิยมอันดับ 1 ต่อโท
เริ่มงานที่มิชลิน เงินเดือน 16000 เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว
ตอนนี้ มันได้ 5 หมื่นกว่าบาท
มันบอกถือว่า ไม่ขี้เหร่แล้ว
โลกเราทุกวันนี้อยู่ยากจริงๆครับ :-[
-
น้องชายของหมอเป็นผู้ใหญ่สมอาชีพ มีความคิดดีและสมถะน่านับถือครับ... ;D
ผมเองก็คิดๆว่าจะแนะนำให้ซื้อรถในราคาแถวๆ 5-6 แสนบาท...
อยากยุให้ซื้อยาริสใหม่ด้วยซ้ำไป...
ซื้อง่าย ขายคล่อง ประหยัด ดูแลรักษาง่าย ราคาไม่ตก... ;D
-
นอกเรื่องนิดนึงนะครับ
จากเหตุการณ์ของน้อง ทำให้ผมมานั่งคิด
เงินเดือน 4-5 หมื่น สมัยนี้ น้อยเหรอครับ?
คือน้องผม มันบอกว่าน้อย
หรือผมตกยุคไปแล้ว
แล้วคนทำงานที่เค้าเงินเดือน 2 หมื่นกว่าบาท
ไม่ต้องมีอะไรกันเลยเหรอครับ
แล้วรถราเต็มท้องถนนนั่นมันอะไร
ยกตัวอย่าง เพื่อนผมเรียนมัธยมห้องเดียวกัน
มันจบวิศวะจุฬา เกียรตินิยมอันดับ 1 ต่อโท
เริ่มงานที่มิชลิน เงินเดือน 16000 เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว
ตอนนี้ มันได้ 5 หมื่นกว่าบาท
มันบอกถือว่า ไม่ขี้เหร่แล้ว
โลกเราทุกวันนี้อยู่ยากจริงๆครับ :-[
คือถ้ามีภาระต้อง เลี้ยงดูพ่อแม่ค่สเช่าบ้านอะไรงี้ก็น้อยนะครับ แต่ถ้าอยู่กับพ่อแม่ไม่มีภาระอะไรเลยก็ถือว่า เยอะครับ
ขอยกตัวอย่างพี่ผมละกัน จบออกมาทำงานเอกชน เงินเดือน 35000 มีแค่ค่าเช่าบ้านกับค่ากิน ออก civic FD 1.8 e ก็ผ่อนงวดละ หมื่นต้นๆ ที่นี้คิดยังไงไม่รู้เปลี่ยนจะมาเป็นครูแทน(เคมี) ก็สอบปัจจุได้ แต่รถยังผ่อนไม่หมด ทีนี้ก็ช๊อต สิครับเงินไม่พอใช้ เพราะราชแรกปัจจุ เงิินเดือน 1.5 หมื่น พ่อก็ดลยผ่อนให้ครับตอนนี้ก็ผ่อนหมดแล้ว เทอมหน้าก็จะย้ายกลับบ้านแล้วครับพี่บอกว่า ตามจริงก็ไม่อยากย้ายเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ย้ายเงินก็ไม่พออ่ะครับ สุดท้ายพี่บอกว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะซื้อแค่ city พอ
-
Sylphy ดอก 0% น่าสนสุดๆละครับ ภายในกว้างนั่งสบาย
-
เคสนี้ ผมก็ให้จบกับ C-Segment สักคัน ครับ
อะไรก็ได้ แต่ควรเป็นรถญี่ปุ่น และไม่ควรเป็น Toyota Corolla Altis รุ่นปัจจุบัน ที่พวงมาลัยยังไม่ดีพอ
ไม่ใช่ Mitsubishi Lancer EX ที่กินน้ำมัน และไม่เหมาะกับการติดแก้ส ใดๆทั้งสิ้น
ไม่ใช่ Ford Focus เพราะ ผมห่วงเรื่องศูนย์บริการ ไม่ใช่ Chevy Cruze เพราะศูนย์บริการ
ก้ับเรื่องของเกียร์ แม้จะหายแล้ว แต่ถ้าไม่มั่นใจ ก็อย่่าเลย
เหลือ 2 ตัวเลือก Honda Civic กับ Nissan Sylphy หรือ ไม่ก็ Pulsar
แต่ถ้าจะเลือกซื้อ Jazz ผมว่า รอ City ใหม่ดีกว่าไหม ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้แล้วนี่!
-
ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยตอบ
คิดถูกมากที่มาตั้งกระทู้ถาม หลายความคิดทำให้ได้มุมมองที่หลากหลาย
กว่าคิดคนเดียวจรืงๆ
ที่มีน้องคนนึงถาม ขอตอบใน comment นี้เลยนะครับ
น้องชายผมเรียนป.เอกที่จุฬา 5 ปี จบเป็นอาจารย์ได้ 2 ปีแล้วครับ
กำลังทำ ผศ. อยู่
สำหรับคำตอบของน้องผมคือ jazz ครับ
น้องชอบ Honda
แต่ผมอยากให้น้องใช้ รถที่คุณ iambon มารีวิวเร็วๆนี้ที่ HLM
ถ้าอยากรู้ว่าเป็นรถอะไร
ลอง google คำว่า "iambon + headlightmag" ดูครับ ;)
มองตากับพ่อ ว่าจะรวมกันหาเงินมาให้น้องไปดาวน์ซักล้านนึง
ผม 3 พ่อ 7
ที่เหลือให้มันผ่อนเอาเอง
ไม่รู้จะพอกันมั๊ย
บ้านเรามีกันอยู่แค่นี้ 4 คน พ่อ แม่ ลูก
นั่นไง ผมว่าแล้วพึ่งทำมา 2 ปีนะครับ เพราะฉะนั้นเงินเดือนจะมีเพิ่มแบบก้าวกระโดดอีกหลายรอบ
พอทำ ผศ ได้ ฐานจะปรับเพิ่มอีกพอสมควรจาก 3 หมื่นกว่าๆ ค่าตำแหน่งอีก หมื่นกว่าๆ แค่นี้ก็เฉียด 6 หมื่นแล้ว
ไหนน้องคุณหมอยังมีรายรับจากงานอื่นๆอีก 2 หมื่น แค่นี้น้อยเหรอครับ เดี๋ยวอนุมัติตำแหน่ง ผศ ก็จะมีเงินตกเบิกอีกก้อน
เพราะใช้เวลาพิจารณาอย่างเร็วก็ 8 เดือน เผลอๆเงินตกเบิก ดาว์นอีโค่คาร์ได้ 50% เลยด้วยซ้ำ
จริงๆอาชีพนี้มันขึ้นกับเจ้าตัวนะครับว่าจะขนาดไหน แรกบรรจุไม่ได้สูงอะไรหรอกผมบรรจุแค่ 22000 เอง ส่วนน้องคุณหมอน่าจะบรรจุที่ 35000.( น่าจะเป็นฐานใหม่) แต่ถ้าขยันทำงาน และทำวิจัยจะโตเร็ว
แต่ส่วนมากจะค่อยๆทำกัน ประมาณว่าตอนทำ ป เอก ก็แทบรากเลือดแล้วค่อยไปดีกว่าซึ่งมันไม่ถูกนะ หรือบาคนจบมาใหม่ๆ
ถูกดึงไปทำงานบริหาร ถ้าทำไปซัก 2 ปีก็ยากที่เข็นงานวิชาการแล้ว
สิ่งที่ควรจะเป็นคือทำงาน 2 ปีต้องยื่นขอ ผศ ทำงานครบ 5 ปีต้องยื่นขอ รศ แค่นี้เงินเดือนก็มากแล้วในยุคนี้
-
ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยตอบ
คิดถูกมากที่มาตั้งกระทู้ถาม หลายความคิดทำให้ได้มุมมองที่หลากหลาย
กว่าคิดคนเดียวจรืงๆ
ที่มีน้องคนนึงถาม ขอตอบใน comment นี้เลยนะครับ
น้องชายผมเรียนป.เอกที่จุฬา 5 ปี จบเป็นอาจารย์ได้ 2 ปีแล้วครับ
กำลังทำ ผศ. อยู่
สำหรับคำตอบของน้องผมคือ jazz ครับ
น้องชอบ Honda
แต่ผมอยากให้น้องใช้ รถที่คุณ iambon มารีวิวเร็วๆนี้ที่ HLM
ถ้าอยากรู้ว่าเป็นรถอะไร
ลอง google คำว่า "iambon + headlightmag" ดูครับ ;)
มองตากับพ่อ ว่าจะรวมกันหาเงินมาให้น้องไปดาวน์ซักล้านนึง
ผม 3 พ่อ 7
ที่เหลือให้มันผ่อนเอาเอง
ไม่รู้จะพอกันมั๊ย
บ้านเรามีกันอยู่แค่นี้ 4 คน พ่อ แม่ ลูก
116i เล็กเกินครับ แคบ
ผมแนะนำ เอาเงินไปลงทุนต่อยอดก่อนครับ
ถ้าได้เป็นถึง ศจ. หรือ รศ แล้ว จะมาซื้อใหม่จะดีกว่าครับ
ต้องสอนให้อดออมก่อนนะครับ ลงทุนให้ผลมันงอกเงย จนสามารถนำผลอันนี้มาผ่อนรถจะดีกว่าครับ
ถ้าลง 1ล้าน ลองไปลงทุนสิครับ ว่า 5 ปีจะทำอย่างไรได้ ผลกลับมาเยอะที่สุด ^_^
ถ้าลง สลากออมสิน ครบ 3 ปี ก็จะได้เงินรวมเฉลี่ยต่อปี 3หมื่น
แล้วถ้าทำอย่างอื่น มีอะไรมากกว่า ดอกเบี้ยเงินฝาก หรือเปล่า (การลงทุนไม่ใช่มีแค่หุ้น แต่มี อสังหาฯ ทอง กองทุน ประกันชีวิต ค้าขายทางเน็ต ฯลฯ)
ประสบการณ์ส่วนตัว อ่านเป็นอุทาหรณ์ก็แล้วกันครับ
--ผมเคยมีเงินเก็บ 5แสน(หลังจากซื้อรถที่อยากได้) ตั้งใจจะซื้อสลากออมสิน แต่ปรากฎว่า มีเรื่องฉุกเฉิน ต้องรักษาแม่ ใช้เงินเก็บหมดเลย ตอนนี้ผมต้องประหยัดมากๆ เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ใช้แต่ละบาทคิดมากสุดๆ เป็นเพราะผมขาดสภาพคล่องทางการค้า ไม่เผื่อเรื่องฉุกเฉิน แถมตอนนี้พ่อก็ไม่ยอมไปทำรากฟันเทียม เพราะเห็นผมไม่มีเงินพอ สงสารผม ทำให้ผมเจ็บใจตัวเองมากครับที่มีเงินเก็บไม่พอที่จะรักษาพอ (รากฟันเทียม อย่างดีซี่ละ 5-6หมื่น ทำหลายซี่ครับ) เห็นคุณพ่อทานข้าวแล้วสงสารครับ--ผมเลยแนะนำเรื่องเงินเก็บเผื่อฉุกเฉินไว้ด้วยครับ --
////////////////////////////
ปัจจุบัน นโยบายชาติ สอนให้คนผ่อน ต่างกับเมื่อช่วง 2520-2530 ที่สอนให้คนออมเงิน ตัวอย่างธนาคารออมสินเปิดวันเสาร์เพื่อเด็กจะได้ฝากเงิน ปัจจุบันใครเอาเหรียญไปฝาก มีคิดค่านับเงินด้วย มันแปลกดีครับ ^_^
ผมว่าน้องคิดถูกแล้วที่เลือก รถพอประมาณ
Jazz ผมว่าสวยครับ (ตัวใหม่+ชุดแต่ง) รอ พฤศจิกา แบบที่คุณจิมมี่บอกดีกว่า ช่วงปลายปี มอเตอร์โชว์ รับรอง 0เปอร์เซ็นต์เพียบ ลดแลกแจกแถมก็น่าจะเยอะครับ
-
หลังจากได้รถแล้ว ค่าใช้จ่ายอื่นๆก็จะตามมา
รายได้เท่าไหร่ไม่สำคัญ สำคัญที่เก็บเท่าไหร่ ปันส่วนฉุกเฉินเท่าไหร่
เมื่อต้องการเงินก้อนใช้ยามจำเป็น มีสภาพคล่องขนาดไหน
สำหรับผม มองในมุมคนไม่มีภาระใดๆเลยนะครับ โดยอ้างอิงจากเงินเก็บ(หลังใช้จ่ายแล้ว)ล้วนๆ
เงินเก็บ ...
ไม่ถึง 1 หมื่น >> ไม่ต้องซื้อรถครับ อย่าหาเรื่องใส่ตัว ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
1 หมื่นต้นๆ >> ซื้ออีโค้คาร์ หรือ B-Car
2-3 หมื่น >> C-Segment หรือจะ B-Segment ก็ได้
3-4 หมื่น >> SUV, PPV หรือ D-Segment
5 หมื่นขึ้นไป >> รถยุโรประดับ Entry Level
คำตอบของผม ถ้าเก็บเงินได้ราวๆเดือนล่ะ 2 หมื่น และเป็นตัวผม ณ ตอนนี้
ผมอาจจะถอยแจ๊สไฮบริด (รอโฉมใหม่มา) ซักคันไว้ใช้งาน
ถ้าเหลือเยอะกว่านั้น หรือโปรฯแรง อาจจะถอยพรีอุสมาใช้งาน
คือ...ฝากไว้อย่างว่า... ถ้าเงินเก็บ 3 หมื่นบาทต่อเดือน แต่เงินเย็นไม่มีเลย
แนะนำว่า เก็บเงินก้อนใหญ่ๆได้ซักก้อนก่อนเป็นทุนสำรอง ค่อยเริ่มสร้างหนี้ครับ
-
ทำงานเก็บเงินอีกสักพัก ควรซื้อรถราคาไม่เกิน 8-9 แสน และถ้ามีเงินถึง 1 ล้านซื้อเป็นเงินสดเถอะครับ แบบนี้คงอยู่ได้สบายๆ
-
2 ประเด็นคือ
1. น้องชายต้องการ Jazz
2. พี่ชายอยากให้ซื้อ BMW 116i M Sport: http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,33367.0.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,33367.0.html)
สำหรับรถคันแรก และความรับผิดชอบ ผมอยากให้โอกาสเจ้าตัวตัดสินใจเอง :)
-
ตอนผมรายได้เท่าน้องชายเจ้าของกระทู้ก็ออก c segment ผ่อนเดือนละหมื่นต้นๆ
ค่าน้ำมันบวกค่าบำรุงรักษาเฉลี่ยเดือนละ5-6พัน ก็ยังพอมีเงินเหลือใช้ เหลือเก็บ
บ้างนิดหน่อย ไว้เป็นข้อมูลนะครับ
-
รายได้ประมาณนี้ ผมว่าเล่นแค่ b หรือ c segment หรือ กระบะ4 ประตู ก็พอครับ
ค่าบำรุงรักษาจะได้ไม่สูงเกินไป ขายต่อราคาตก ยังพอทำใจได้
เงินที่เหลือก็เก็บเอาไว้หาโอกาสลงทุนสร้างกำไรในอนาคตครับ
-
ผมว่าเป็นพวก C segment เครื่องเล็กก็โอเคนะ โดยเฉพาะ sylphy มันค่อนข้างอเนกประสงค์เลย ผมไม่รู้ว่าที่เมืองไทยพับเบาะได้มั้ย ถ้าได้ นี่ขนของได้พอสมควรเลยเผื่อเวลาต้องทำอะไร
-
แนะนำ Altis CNG ครับ เดินทางไกลประหยัดค่าน้ำมัน
-
ผมกลับมองว่าให้ซื้อรถ Eco Car กว้างๆซักคันอย่าง Almera เพราะจากลักษณะนิสัยเป็นคนประหยัด ย่อมที่จะอยากได้รถที่ประหยัดน้ำมันและค่าดูแลรักษา รวมทั้งศูนย์บริการหาไม่ยาก และอยู่อาศัยกับพ่อแม่ด้วย ตัวรถรุ่นนี้ขึ้นชื่อด้านความกว้าง ถ้าไม่ไหนซักสามสี่คนนั่งสบายๆ ออกต่างจังหวัดขับตามความเร็วกำหนดก็ไปสบายๆ
-
ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยตอบ
คิดถูกมากที่มาตั้งกระทู้ถาม หลายความคิดทำให้ได้มุมมองที่หลากหลาย
กว่าคิดคนเดียวจรืงๆ
ที่มีน้องคนนึงถาม ขอตอบใน comment นี้เลยนะครับ
น้องชายผมเรียนป.เอกที่จุฬา 5 ปี จบเป็นอาจารย์ได้ 2 ปีแล้วครับ
กำลังทำ ผศ. อยู่
สำหรับคำตอบของน้องผมคือ jazz ครับ
น้องชอบ Honda
แต่ผมอยากให้น้องใช้ รถที่คุณ iambon มารีวิวเร็วๆนี้ที่ HLM
ถ้าอยากรู้ว่าเป็นรถอะไร
ลอง google คำว่า "iambon + headlightmag" ดูครับ ;)
มองตากับพ่อ ว่าจะรวมกันหาเงินมาให้น้องไปดาวน์ซักล้านนึง
ผม 3 พ่อ 7
ที่เหลือให้มันผ่อนเอาเอง
ไม่รู้จะพอกันมั๊ย
บ้านเรามีกันอยู่แค่นี้ 4 คน พ่อ แม่ ลูก
ขอบคุณครับ
ผมอยากจบเร็วๆ จัง จะต้องเอาให้ได้เทอมนี้ ขั้นต่ำต้องได้โทก่อน เอกค่อยขอทุนเอา :D
-
คือถ้ามีภาระต้อง เลี้ยงดูพ่อแม่ค่สเช่าบ้านอะไรงี้ก็น้อยนะครับ แต่ถ้าอยู่กับพ่อแม่ไม่มีภาระอะไรเลยก็ถือว่า เยอะครับ
ขอยกตัวอย่างพี่ผมละกัน จบออกมาทำงานเอกชน เงินเดือน 35000 มีแค่ค่าเช่าบ้านกับค่ากิน ออก civic FD 1.8 e ก็ผ่อนงวดละ หมื่นต้นๆ ที่นี้คิดยังไงไม่รู้เปลี่ยนจะมาเป็นครูแทน(เคมี) ก็สอบปัจจุได้ แต่รถยังผ่อนไม่หมด ทีนี้ก็ช๊อต สิครับเงินไม่พอใช้ เพราะราชแรกปัจจุ เงิินเดือน 1.5 หมื่น พ่อก็ดลยผ่อนให้ครับตอนนี้ก็ผ่อนหมดแล้ว เทอมหน้าก็จะย้ายกลับบ้านแล้วครับพี่บอกว่า ตามจริงก็ไม่อยากย้ายเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ย้ายเงินก็ไม่พออ่ะครับ สุดท้ายพี่บอกว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะซื้อแค่ city พอ
ผมสงสัย ถ้าบรรจุครูได้ 15000 แต่ทำงานเอกชนได้ 35000 แสดงว่าเป็นนักเคมี สายปิโตร ระยองใช่ไหมครับ
ปัจจุบันอาชีพครูสงวนไว้สำหรับ คนที่มีใบประกอบอาชีพครู
แบบนี้สอบได้ด้วยหรือครับ(เป็นครั้งแรกที่เคยได้ยิน case นี้)
-
พูดกันตรงๆนะ
รอCity ใหม่เถอะ
พวกรถใหญ่ๆน่ะ ภาระทั้งนั้น
ถามว่าเงินเดือน 5หมื่น สมันนี้น้อยมั๊ย
ถ้าทำงานในเมือง มีรถต้องผ่อน มีคอนโดหรือบ้านต้องผ่อนหรือเช่า
ผมเรียกว่าน้อย
วันก่อนฟังรุ่นพี่คนนึงเล่าผลวิจัยของบัตรเครดิตให้ฟัง
เค้าว่าคนที่ทำงานในเมือง เงินเดือนน้อยกว่า5หมื่น ส่วนใหญ่ ใช้เงินผ่อนต่อเดือนเกิน 50% ของรายได้ โดยเฉพาะการผ่อนรถ
คนเหล่านี้ยอมซื้อรถแพงๆ เช่น Benz BMW เพื่อให้มีหน้าตาในสังคม แลกกับการผ่อนเดือนละ 2-3หมื่นบาท ซึ่งต้องใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือนตลอด ผ่อนบัตรเครดิตกันไปเรื่อยๆ
เป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วงของเมืองไทยมากนะครับ
สุดท้ายผมอยากจะบอกว่า การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสิรฐนะครับ
ทำรังแต่พอตัว เก็บเงินไว้ลงทุนให้งอกเงย หรือเตรียมรับอนาคตดีกว่า
-
คือถ้ามีภาระต้อง เลี้ยงดูพ่อแม่ค่สเช่าบ้านอะไรงี้ก็น้อยนะครับ แต่ถ้าอยู่กับพ่อแม่ไม่มีภาระอะไรเลยก็ถือว่า เยอะครับ
ขอยกตัวอย่างพี่ผมละกัน จบออกมาทำงานเอกชน เงินเดือน 35000 มีแค่ค่าเช่าบ้านกับค่ากิน ออก civic FD 1.8 e ก็ผ่อนงวดละ หมื่นต้นๆ ที่นี้คิดยังไงไม่รู้เปลี่ยนจะมาเป็นครูแทน(เคมี) ก็สอบปัจจุได้ แต่รถยังผ่อนไม่หมด ทีนี้ก็ช๊อต สิครับเงินไม่พอใช้ เพราะราชแรกปัจจุ เงิินเดือน 1.5 หมื่น พ่อก็ดลยผ่อนให้ครับตอนนี้ก็ผ่อนหมดแล้ว เทอมหน้าก็จะย้ายกลับบ้านแล้วครับพี่บอกว่า ตามจริงก็ไม่อยากย้ายเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ย้ายเงินก็ไม่พออ่ะครับ สุดท้ายพี่บอกว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะซื้อแค่ city พอ
ผมสงสัย ถ้าบรรจุครูได้ 15000 แต่ทำงานเอกชนได้ 35000 แสดงว่าเป็นนักเคมี สายปิโตร ระยองใช่ไหมครับ
ปัจจุบันอาชีพครูสงวนไว้สำหรับ คนที่มีใบประกอบอาชีพครู
แบบนี้สอบได้ด้วยหรือครับ(เป็นครั้งแรกที่เคยได้ยิน case นี้)
บริษัท ดับเบิ้ลเอครับ คือสมัย สามปีที่แล้วพี่ผมต้องไปเรียนครับก่อนอ่ะครับเรียนครูสองปีครับ ตอนนี้ก็ปัจจุมาจะสามปีแล้ว
ปล.แต่รู้ตอนนี้จะทำแบบนั้นไม่ได่แล้ว
-
รอไปซื้อ city 2014 จะออกใหม่เดือนหน้าซิครับ..
-
รอเอา city ใหม่ดีกว่าครับ
-
คือถ้ามีภาระต้อง เลี้ยงดูพ่อแม่ค่สเช่าบ้านอะไรงี้ก็น้อยนะครับ แต่ถ้าอยู่กับพ่อแม่ไม่มีภาระอะไรเลยก็ถือว่า เยอะครับ
ขอยกตัวอย่างพี่ผมละกัน จบออกมาทำงานเอกชน เงินเดือน 35000 มีแค่ค่าเช่าบ้านกับค่ากิน ออก civic FD 1.8 e ก็ผ่อนงวดละ หมื่นต้นๆ ที่นี้คิดยังไงไม่รู้เปลี่ยนจะมาเป็นครูแทน(เคมี) ก็สอบปัจจุได้ แต่รถยังผ่อนไม่หมด ทีนี้ก็ช๊อต สิครับเงินไม่พอใช้ เพราะราชแรกปัจจุ เงิินเดือน 1.5 หมื่น พ่อก็ดลยผ่อนให้ครับตอนนี้ก็ผ่อนหมดแล้ว เทอมหน้าก็จะย้ายกลับบ้านแล้วครับพี่บอกว่า ตามจริงก็ไม่อยากย้ายเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ย้ายเงินก็ไม่พออ่ะครับ สุดท้ายพี่บอกว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะซื้อแค่ city พอ
ผมสงสัย ถ้าบรรจุครูได้ 15000 แต่ทำงานเอกชนได้ 35000 แสดงว่าเป็นนักเคมี สายปิโตร ระยองใช่ไหมครับ
ปัจจุบันอาชีพครูสงวนไว้สำหรับ คนที่มีใบประกอบอาชีพครู
แบบนี้สอบได้ด้วยหรือครับ(เป็นครั้งแรกที่เคยได้ยิน case นี้)
บริษัท ดับเบิ้ลเอครับ คือสมัย สามปีที่แล้วพี่ผมต้องไปเรียนครับก่อนอ่ะครับเรียนครูสองปีครับ ตอนนี้ก็ปัจจุมาจะสามปีแล้ว
ปล.แต่รู้ตอนนี้จะทำแบบนั้นไม่ได่แล้ว
ใช่ครับ ไม่ได้แล้ว พี่ของพี่ไปเรียนก็ยังไม่ได้เลยครับ ;D
-
ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้ายังไม่มีภาระลูกเมีย หรือ พ่อแม่ต้องดูแล
รายได้ต้องเกิน 3 หมื่น ต่อเดือนถึงน่าจะมีรถเป็นของตนเองได้ครับ
และค่าใช้จ่ายของรถในแต่ละเดือนควรจะไม่เกิน 35% ของรายได้ รวมค่าน้ำมันด้วยนะครับ และต้องจัดอีก 5% ทุกเดือนสะสมเป็นค่า maintenance หลัก ของรถคันดังกล่าว
ซึ่งเคสนี้ ถ้าไม่รวมเงินดาวน์ ก็อยู่ในเรทที่ผ่อนเดือนละ 14,000-16,000 บาท รวมค่าน้ำมัน
และอีกเดือนละ 2000 เก็บไว้เป็นค่าเบี้ยประกัน + ยาง + แบตฯ ฯลฯ จิปาถะ
ก็คงอยู่ในราวพวก B segment หรือลงมา Eco car ครับ
-
สบายๆ ไม่เดือดร้อน ของฝรั่ง คือราคารถ ไม่เกินรายได้ทั้งปี เท่ากับ หกแสนบาท
ของไทย ภาษีสูง รถมีราคาแพง เพิ่มอีก 50 % เลย ก็ เก้าแสนบาท
สรุปคือ รถระดับ subcompact หรือตึงหน่อย ก็ compact ครับ ที่เหมาะสมจริงๆ เช่น แจ๊ส ซิตี้ ซีวิค ครับ
-
ถ้าเกิน C ผมว่าหนักแล้วครับ
ยิ่งมีแพลนใช้เงินในอีกไม่นาน จะเก็บทันหรือ.... หนักอยู่นะครับ เครียดไป
อย่าเกิน 9 แสน เลขกำลังสวย ใช้ไป 5-6 ปี ผ่านช่วงใช้เงิน ค่อยเอาตัวใหญ่ที่ใจชอบ
ใช้เงินในด้านอื่น แบบไม่ต้องคิดมาก นี่แหละคุณภาพชีวิต
ส่วนเรตเงินเดือนของคนยุดนี้ ผมประมาณ 35,000 ผมว่าอยู่ได้สบาย
นอกจาก กิเลสเยอะ จะเอานู่นนี่ :D
-
ผมว่าเป็นพวก C segment เครื่องเล็กก็โอเคนะ โดยเฉพาะ sylphy มันค่อนข้างอเนกประสงค์เลย ผมไม่รู้ว่าที่เมืองไทยพับเบาะได้มั้ย ถ้าได้ นี่ขนของได้พอสมควรเลยเผื่อเวลาต้องทำอะไร
พับไม่ได้ครับ มีแต่รูเล็กๆ หลังที่วางแขน
ผมก็กะเชียร์ตัวนี้อยู่เหมือนกัน (1.6V)
ราคาไม่แพงแต่ได้คันใหญ่ ตกแต่งดูหรูหรามีราคา
เป็นอาจารย์น่าจะใช้เหมาะ
พวก Jazz City นี่นักศึกษาใช้กันเยอะครับ
-
City จบเลยครับ
-
ผมเสนอให้เล่น B หรือ C segment ก็พอแล้วครับ
เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า ยิ่งถ้ามีแพลนจะแต่งงานด้วย จะมีเรื่องให้ต้องใช้เงินอีกเยอะครับ
-
ผมว่าเป็นพวก C segment เครื่องเล็กก็โอเคนะ โดยเฉพาะ sylphy มันค่อนข้างอเนกประสงค์เลย ผมไม่รู้ว่าที่เมืองไทยพับเบาะได้มั้ย ถ้าได้ นี่ขนของได้พอสมควรเลยเผื่อเวลาต้องทำอะไร
พับไม่ได้ครับ มีแต่รูเล็กๆ หลังที่วางแขน
ผมก็กะเชียร์ตัวนี้อยู่เหมือนกัน (1.6V)
ราคาไม่แพงแต่ได้คันใหญ่ ตกแต่งดูหรูหรามีราคา
เป็นอาจารย์น่าจะใช้เหมาะ
พวก Jazz City นี่นักศึกษาใช้กันเยอะครับ
ผมดีใจมากที่มี sylphy เพราะเป็นรถที่ ใครบางคนไม่อยากจ่ายมาก แต่อยากรถที่ขับแล้วดูแก่ น่าเชื่อถือ และไม่อยากได้ C-seg จะซื้อมาใช้เพราะหน้ามันเหมือน Teana มากๆ
แทบไม่ต้องดิ๊นรนไปถอย D-seg ให้เมื้องตุ้มเปลืองค่าดูแลรักษาแล้ว :D
-
C segment เหมาะสุดแล้วครับ ถ้าเป็นผมคงเลือก Civic 1.8 E หรือ Sylphy 1.6 V
-
เห็นแล้วหดเลย
เพื่อนผมบางคนจบโทมายังไม่มีงานทำเลยครับ เป็นลูกจ้างชั่วคราวเอง
คงขึ้นอยู่กับสายงานที่จบมาด้วย ส่วนนึงจริงๆ
-
อายุกับรายได้เท่ากันเลย ส่วนตัวถ้าครอบครัวไม่ได้ซัพพอร์ตให้ เชียร์อีโคคาร์ ไม่ก็ B segment ครับ คือดูแล้วน้องเป็นคนอยากได้รถเพราะความจำเป็นจริงๆ ไม่ใช่เพื่อหน้าตาหรือฐานะทางสังคม ซึ่งทั้งอีโคคาร์และ B segment ก็ตอบโจทย์ในการเดินทางได้ดี ส่วนเรื่องเดินทางไปต่างจังหวัด ถ้าไม่ได้เป็นคนเน้นสมรรถนะรถมากก็ไม่มีปัญหา ด้วยราคารถสองคลาสนี้น่าจะผ่อนและดูแลได้สบายๆครับ แถมยังเหลือเงินเก็บไว้เผื่อฉุกเฉินในอนาคตด้วยนะครับ
-
c-segment น่าจะเหมาะสมนะครับ
civic altis ใช้ไปยาวๆเลยครับ
-
ผมเอาเรื่อง city ใหม่ ที่คุณ Jimmy แนะนำ
ให้น้องฟังแล้วครับ ผมไม่ได้ตามข่าวเรื่องรถ เพิ่งทราบนี่แหละครับ
น้องสนใจมาก
ขอบคุณครับ
-
ถ้าเป็นผมรายได้ 40,000K
คงรอ All new Vigo เบนซิน 4ประตูยกสูง จับดม LPG
-
ขอตอบเสริมนิดหน่อยจากมุมมองส่วนตัวผมเองครับ ผมจบเป็นอาจารย์ในมอได้ 4 ปีแล้ว เงินเดือน 4 หมื่นครับ จะมีรายรับอื่นๆรวมค่านั่นนี่ก็เพียงแค่เฉลี่ย 5 พันต่อเดือน เป็นหลักสูตรที่อาจจะมีการยุบด้วย เพราะมีปัญหาคล้ายๆกับการเมืองภายใน ผมเลยวางแผนหลายชั้นมากครับ ส่วนตัวผมทำงานออกสนามลง ตจว. บ่อยกับชุมชน เลยเลือก SUV ไว้คาดว่าจะเป็นพวก CX5 XV หรือรถในช่วงล้านกลางๆแนว SUV ส่วนตัวผมมีระบบค้าขายแนวเศรษฐกิจพอเพียงเสริมอีกประมาณ 3- 4 หมื่นต่อเดือนครับ ตอนนี้มีเงินเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ค่าตัวรถแล้ว ผมจึงออกรถประมาณนี้เพราะกะใช้ประมาณ 10 ปี มีบ้านให้พ่อแม่แล้ว แต่ตนเองยังไม่มีครับเลยกะว่าจะออกรถนี้เพื่อรับงาน ตจว. เพื่อค้าขายเสริม หากได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมเดือนละ 1 หมื่นผมก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะเท่าที่ประเมินผมจะได้มากกว่านี้นิดหน่อยครับ หากหลักสูตรนี้ยุบภายใน 4 ปี ผมก็จะได้ทั้งบ้านและรถ 1 คัน เกิดอะไรขึ้นก็ไปตั้งหลักที่บ้านเกิดได้ค้าขายตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง มีข้าวกิน มีบ้านอยู่ มีงานทำ ปลูกผัก เลี้ยงปลาขาย ทั้งค้าขายปุ๋ยอินทรีย์ วัสดุปรับปรุงดินไปด้วยครับผม ผมยังโสดครับ ;D
-
ถ้าเป็นผมรายได้ 40,000K
คงรอ All new Vigo เบนซิน 4ประตูยกสูง จับดม LPG
40,000K = 40,000,000 Bth ?
-
อีโค่คาร์ก็ได้ ขนาดพ่อของเรายังขับโซลูน่าหยดน้ำเลย
-
ขอตอบเสริมนิดหน่อยจากมุมมองส่วนตัวผมเองครับ ผมจบเป็นอาจารย์ในมอได้ 4 ปีแล้ว เงินเดือน 4 หมื่นครับ จะมีรายรับอื่นๆรวมค่านั่นนี่ก็เพียงแค่เฉลี่ย 5 พันต่อเดือน เป็นหลักสูตรที่อาจจะมีการยุบด้วย เพราะมีปัญหาคล้ายๆกับการเมืองภายใน ผมเลยวางแผนหลายชั้นมากครับ ส่วนตัวผมทำงานออกสนามลง ตจว. บ่อยกับชุมชน เลยเลือก SUV ไว้คาดว่าจะเป็นพวก CX5 XV หรือรถในช่วงล้านกลางๆแนว SUV ส่วนตัวผมมีระบบค้าขายแนวเศรษฐกิจพอเพียงเสริมอีกประมาณ 3- 4 หมื่นต่อเดือนครับ ตอนนี้มีเงินเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ค่าตัวรถแล้ว ผมจึงออกรถประมาณนี้เพราะกะใช้ประมาณ 10 ปี มีบ้านให้พ่อแม่แล้ว แต่ตนเองยังไม่มีครับเลยกะว่าจะออกรถนี้เพื่อรับงาน ตจว. เพื่อค้าขายเสริม หากได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมเดือนละ 1 หมื่นผมก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะเท่าที่ประเมินผมจะได้มากกว่านี้นิดหน่อยครับ หากหลักสูตรนี้ยุบภายใน 4 ปี ผมก็จะได้ทั้งบ้านและรถ 1 คัน เกิดอะไรขึ้นก็ไปตั้งหลักที่บ้านเกิดได้ค้าขายตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง มีข้าวกิน มีบ้านอยู่ มีงานทำ ปลูกผัก เลี้ยงปลาขาย ทั้งค้าขายปุ๋ยอินทรีย์ วัสดุปรับปรุงดินไปด้วยครับผม ;D
น่าเป็นห่วงจริงๆ ครับการยุบหลักสูตร ถ้า นศน้อยก็ยังพอไหว แต่ถ้าเป็นเพราะ การเมืองนี่แย่มากครับ
-
ขอตอบเสริมนิดหน่อยจากมุมมองส่วนตัวผมเองครับ ผมจบเป็นอาจารย์ในมอได้ 4 ปีแล้ว เงินเดือน 4 หมื่นครับ จะมีรายรับอื่นๆรวมค่านั่นนี่ก็เพียงแค่เฉลี่ย 5 พันต่อเดือน เป็นหลักสูตรที่อาจจะมีการยุบด้วย เพราะมีปัญหาคล้ายๆกับการเมืองภายใน ผมเลยวางแผนหลายชั้นมากครับ ส่วนตัวผมทำงานออกสนามลง ตจว. บ่อยกับชุมชน เลยเลือก SUV ไว้คาดว่าจะเป็นพวก CX5 XV หรือรถในช่วงล้านกลางๆแนว SUV ส่วนตัวผมมีระบบค้าขายแนวเศรษฐกิจพอเพียงเสริมอีกประมาณ 3- 4 หมื่นต่อเดือนครับ ตอนนี้มีเงินเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ค่าตัวรถแล้ว ผมจึงออกรถประมาณนี้เพราะกะใช้ประมาณ 10 ปี มีบ้านให้พ่อแม่แล้ว แต่ตนเองยังไม่มีครับเลยกะว่าจะออกรถนี้เพื่อรับงาน ตจว. เพื่อค้าขายเสริม หากได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมเดือนละ 1 หมื่นผมก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะเท่าที่ประเมินผมจะได้มากกว่านี้นิดหน่อยครับ หากหลักสูตรนี้ยุบภายใน 4 ปี ผมก็จะได้ทั้งบ้านและรถ 1 คัน เกิดอะไรขึ้นก็ไปตั้งหลักที่บ้านเกิดได้ค้าขายตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง มีข้าวกิน มีบ้านอยู่ มีงานทำ ปลูกผัก เลี้ยงปลาขาย ทั้งค้าขายปุ๋ยอินทรีย์ วัสดุปรับปรุงดินไปด้วยครับผม ;D
น่าเป็นห่วงจริงๆ ครับการยุบหลักสูตร ถ้า นศน้อยก็ยังพอไหว แต่ถ้าเป็นเพราะ การเมืองนี่แย่มากครับ
โลกแห่ง กิน กาม เกียรติและอำนาจ เป็นเช่นนั้นเอง ผมก็ต้องดูตนเองให้ออก บอกตนเองให้ได้ ใช้ตนเองให้เป็น ครับผม
-
ขอตอบเสริมนิดหน่อยจากมุมมองส่วนตัวผมเองครับ ผมจบเป็นอาจารย์ในมอได้ 4 ปีแล้ว เงินเดือน 4 หมื่นครับ จะมีรายรับอื่นๆรวมค่านั่นนี่ก็เพียงแค่เฉลี่ย 5 พันต่อเดือน เป็นหลักสูตรที่อาจจะมีการยุบด้วย เพราะมีปัญหาคล้ายๆกับการเมืองภายใน ผมเลยวางแผนหลายชั้นมากครับ ส่วนตัวผมทำงานออกสนามลง ตจว. บ่อยกับชุมชน เลยเลือก SUV ไว้คาดว่าจะเป็นพวก CX5 XV หรือรถในช่วงล้านกลางๆแนว SUV ส่วนตัวผมมีระบบค้าขายแนวเศรษฐกิจพอเพียงเสริมอีกประมาณ 3- 4 หมื่นต่อเดือนครับ ตอนนี้มีเงินเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ค่าตัวรถแล้ว ผมจึงออกรถประมาณนี้เพราะกะใช้ประมาณ 10 ปี มีบ้านให้พ่อแม่แล้ว แต่ตนเองยังไม่มีครับเลยกะว่าจะออกรถนี้เพื่อรับงาน ตจว. เพื่อค้าขายเสริม หากได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมเดือนละ 1 หมื่นผมก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะเท่าที่ประเมินผมจะได้มากกว่านี้นิดหน่อยครับ หากหลักสูตรนี้ยุบภายใน 4 ปี ผมก็จะได้ทั้งบ้านและรถ 1 คัน เกิดอะไรขึ้นก็ไปตั้งหลักที่บ้านเกิดได้ค้าขายตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง มีข้าวกิน มีบ้านอยู่ มีงานทำ ปลูกผัก เลี้ยงปลาขาย ทั้งค้าขายปุ๋ยอินทรีย์ วัสดุปรับปรุงดินไปด้วยครับผม ;D
น่าเป็นห่วงจริงๆ ครับการยุบหลักสูตร ถ้า นศน้อยก็ยังพอไหว แต่ถ้าเป็นเพราะ การเมืองนี่แย่มากครับ
โลกแห่ง กิน กาม เกียรติและอำนาจ เป็นเช่นนั้นเอง ผมก็ต้องดูตนเองให้ออก บอกตนเองให้ได้ ใช้ตนเองให้เป็น ครับผม
ครับ ของสายผมก็มีครับ แต่ปัญหาคือ การหาอาจารย์มาสอนไม่ได้ และอาจารย์ที่มีอยู่ไม่ได้เป็นวุฒิตามกฎหมายที่ได้รับการรับรองครับ ซึงปิดไปหลายๆ ที่เลยครับ
-
จาก 40,000 ที่หักเงินให้พ่อแม่แล้ว ผมหักให้อีก 20,000 เป็นเงินที่ใช้ทั้งออมและใช้จ่ายในเดือนนั้น ส่วนอีก 20,000 ที่เหลือ ถ้าจะเอามาใช้เรื่องรถทั้งหมด ผมอยากให้หัก 10,000 ออกมาก่อน เพื่อเป็นค่าน้ำมัน ค่าประกันต่อปี(เฉลี่ยต่อเดือนก็ตกเดือนละ 2-3 พัน สำหรับประกันชั้น 1) ค่าบำรุงรักษารถอื่นๆ ประมาณนี้ครับ ส่วนที่เหลือจากกองนี้คุณจะออมเพิ่มหรือจะไปใช้จ่ายในเดือน (รวมกับ 20,000 แรก) ก็ย่อมได้
ดังนั้นส่วนของ 10,000 บาทที่เหลือ ก็เอาไว้ใช้เรื่องรถได้ครับ ผมแนะนำว่าให้ผ่อนสั้นๆ เพื่อลดภาระดอกเบี้ยลงครับ เน้นพวกรถที่เรามีกำลังผ่อนหมดได้ใน 3-4 ปีครับ เราจะได้วงเงิน 10,000 บาทนี้คืนกลับมาเพื่อช่วยเรื่องเงินออมเราในช่วงปีที่ 4 และ 5 ซึ่งน่าจะเปป็นช่วงที่แพลนจะสร้างครอบครัวใช่มั้ยครับ? น่าจะช่วยได้อีก 1-2 แสน (10,000 x 12 or 24 = 120,000-240,000)
ในหมวดหมู่นี้ก็น่าจะมีพวก B-Seg หรือพวก C-seg ตัวล่างๆครับ
-
C-Segment กำลังดี เหมาะกับตัวเองและขนาดครอบครัว
ใช้เดินทางไกลด้วย อนาคตยังต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ เลือกรถเล็กกว่านี้คงไม่เหมาะในหลายๆด้าน ทั้งความปลอดภัย และความสบายของพ่อแม่
-
ได้ข้อคิดจากหลายๆ คนมากเลยครับ ขอบคุณครับ
-
ทำงานมาได้สักพัก ออมก่อนรวยก่อน
รายได้-เงินออม=รายจ้าน
-
อ่านหลายๆกระทู้แล้ว เหตุผลดีๆกันทั้นนั้นเลยครับ โดยส่วนใหญ่คงเป็น C เซกเม้นต์ แต่.ผมว่าใจเจ้าของกระทู้อยากให้น้องชายใช้รถดีหน่อย ถ้าเจ้าของกระทู้เหลือๆ ออกให้ได้1ล ก้อจัด D เซกเม้นท์ ญี่ปุ่นสักคันเลยครับ เดินทางต่างจังหวัดขับสบายนั่งสบาย ไม่เหนื่อย แถมปลอดภัยกว่า แต่ถ้าเป็นผมคง Cเซกเม้นต์ หรือไม่ก้อ ซิตี้ครับ เพราะไม่มีพี่ชายใจดีช่วยออกให้แบบน้องเจ้าของกระทู้ครับ
-
วันก่อนฟังรุ่นพี่คนนึงเล่าผลวิจัยของบัตรเครดิตให้ฟัง
เค้าว่าคนที่ทำงานในเมือง เงินเดือนน้อยกว่า5หมื่น ส่วนใหญ่ ใช้เงินผ่อนต่อเดือนเกิน 50% ของรายได้ โดยเฉพาะการผ่อนรถ
คนเหล่านี้ยอมซื้อรถแพงๆ เช่น Benz BMW เพื่อให้มีหน้าตาในสังคม แลกกับการผ่อนเดือนละ 2-3หมื่นบาท ซึ่งต้องใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือนตลอด ผ่อนบัตรเครดิตกันไปเรื่อยๆ
เป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วงของเมืองไทยมากนะครับ
สุดท้ายผมอยากจะบอกว่า การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสิรฐนะครับ
ทำรังแต่พอตัว เก็บเงินไว้ลงทุนให้งอกเงย หรือเตรียมรับอนาคตดีกว่า
นี่คือปัญหาที่คนรุ่นผม (เริ่มแก่) มองเห็นได้ชัดเจนเมื่อเทียบกับเมื่อสิบกว่าปีก่อนครับ
เมื่อสิบกว่าปีก่อนที่นโยบายเศรษฐกิจพอเพียงมีกระแสมาในบ้านเรา ยุคนั้นผมรู้สึกว่าผู้คนมีสติขึ้นมาก โดยเฉพาะกระแสลดความฟุ้งเฟ้อ คนรวยขับวีออส การที่ผู้คนในเมืองเริ่มมีกระแสของ "ความพอดี" บทเพลงในยุคนั้นก็จะกล่าวถึง การรู้จักพอ
แต่ปีสองปีนี้มันเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ครับ ทุกคนพยายามใช้จ่ายกันแบบเกินตัว การออกนโยบายส่งเสริมให้คนเป็นหนี้ และใช้จ่ายเฉพาะหน้ากับวัตถุที่บางครั้งมันก็เกินความจำเป็น จนประเทศจะหนี้ท่วมอีกครั้ง :'(
ฝากไว้นิดเดียวครับ กลัวว่าประเทศจะอยู่ยากขึ้นทุกวัน
-
วันก่อนฟังรุ่นพี่คนนึงเล่าผลวิจัยของบัตรเครดิตให้ฟัง
เค้าว่าคนที่ทำงานในเมือง เงินเดือนน้อยกว่า5หมื่น ส่วนใหญ่ ใช้เงินผ่อนต่อเดือนเกิน 50% ของรายได้ โดยเฉพาะการผ่อนรถ
คนเหล่านี้ยอมซื้อรถแพงๆ เช่น Benz BMW เพื่อให้มีหน้าตาในสังคม แลกกับการผ่อนเดือนละ 2-3หมื่นบาท ซึ่งต้องใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือนตลอด ผ่อนบัตรเครดิตกันไปเรื่อยๆ
เป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วงของเมืองไทยมากนะครับ
สุดท้ายผมอยากจะบอกว่า การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสิรฐนะครับ
ทำรังแต่พอตัว เก็บเงินไว้ลงทุนให้งอกเงย หรือเตรียมรับอนาคตดีกว่า
นี่คือปัญหาที่คนรุ่นผม (เริ่มแก่) มองเห็นได้ชัดเจนเมื่อเทียบกับเมื่อสิบกว่าปีก่อนครับ
เมื่อสิบกว่าปีก่อนที่นโยบายเศรษฐกิจพอเพียงมีกระแสมาในบ้านเรา ยุคนั้นผมรู้สึกว่าผู้คนมีสติขึ้นมาก โดยเฉพาะกระแสลดความฟุ้งเฟ้อ คนรวยขับวีออส การที่ผู้คนในเมืองเริ่มมีกระแสของ "ความพอดี" บทเพลงในยุคนั้นก็จะกล่าวถึง การรู้จักพอ
แต่ปีสองปีนี้มันเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ครับ ทุกคนพยายามใช้จ่ายกันแบบเกินตัว การออกนโยบายส่งเสริมให้คนเป็นหนี้ และใช้จ่ายเฉพาะหน้ากับวัตถุที่บางครั้งมันก็เกินความจำเป็น จนประเทศจะหนี้ท่วมอีกครั้ง :'(
ฝากไว้นิดเดียวครับ กลัวว่าประเทศจะอยู่ยากขึ้นทุกวัน
เห็นด้วยครับ :D
-
ผมตอบในมุม อาจารย์มหาวิทยาลัยนะครับ
ควรซื้อเป็น d-seg หรือรถยุโรปราคาประมาณ 2 ล้านต้นๆไปเลย เคสน้องชาย จขกท น่าจะประมาณผม
ผมอายุ 32 เงินเดือนรวมค่าตำแหน่งวิชาการอยู่ที่ 53000 บาท และรายรับจากทุนวิจัยที่มีส่วนค่าตอบแทนอีก 15000. ซึ่งต้อง
มีทุนวิจัยไปทุกๆปี (ของผมสะบายไปอีก 5)
อื่นๆจิปาถะไม่นับแล้วกัน
แต่ผมผ่อนบ้านด้วย และมีลูกชายแฝด ผมจะเหลือประมาณ 30000 นิดๆ ส่วนของภรรยาผมไม่คิด เก็บและเอาไว้โปะบ้านเท่านั้น
ถามว่ารถราคา 1300000-2500000 มันเกินตัวไปหรือไม่ ตอบว่าไม่หรอกครับ ข้าราชการสวัสดิการดีและมีความมั่นคงสูง
ตอนนี้ไม่ทราบว่าได้ปรับฐานคูณ 1.6 หรือยัง แต่ผมเดาว่ายังนะ เพราะฐานเงินเดือนต้องมากกว่านี้ อีก
ผมเองก็รอปรับอยู่เหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นอีกเท่าไหร่
ซื้อคันเล็กไปเดี๋ยวจะอายนิสิตนะครับ อิอิอิ ล้อเล่นนะ
อาชีพนี้นอกจากความรู้จะสำคัญแล้ว ภาพลักษณ์ก็สำคัญไม่แพ้กันนะครับ เพราะเป็นอาจารย์มหาลัยไม่ใช่แค่สอนๆแล้วจบ
ยังมีภาระอื่นๆอีกมากนัก ซึ่งหากวิชาการเราดียุแล้วและภาพลักษณ์ก็ดีด้วยเราจะโตในสายอาชีพได้เร็วกว่านะครับ
ไม่ทราบว่าสอนที่ไหนครับ
สตาร์ทสูงมากครับ เพราะเงินประจำตำแหน่งวิชาการ+เงินเดือน เป็น 53000 และอายุเพิ่งจะ 32 ถือว่าเร็วมาก
สำหรับ จขกท.
ผมแนะนำให้เป็น C segment ตัวกลางๆ ครับ
ถ้าเอา D segment ค่าใช้จ่ายจะสูงไป
อีก 10 ปี มีเงินเก็บค่อยไปถอย D-E segment มาขับน่าจะสบาย
เพราะถึงตอนนั้นน้องคงจะมีเงินเดือน+เงินวิจัย+เงินประจำตำแหน่งวิชาการ เหยียบแสนแล้วครับ
-
ผมขอตอบแบบวิชาการเลยละกันครับ ไม่อยากมานั่งเดาๆ มั่วๆ
จากกฎการเก็บเงินแบบ 6 ถ้วย มีการแบ่งการใช้เงินเป็น 6 รูปแบบ
จากเงินเดือนคิดที่ ฐาน 40,000 บาท
ค่าใช้จ่ายประจำทุกๆเดือน กิน อยู่ ผ่อนรถ อยู่ที่ 55% ของเงินทั้งหมด
22,000 บาทครับ คุณต้องไปแยกเองว่าอยากผ่อนรถเท่าไหร่ และเหลือเงินพอจะใช้จ่ายในเดือนหรือไม่
ค่าใช้จ่ายเพื่อความสุข..สม..เสียว อะไรก็ว่าไปครับ 10% ต่อเดือน
4,000 บาทครับ อันนี้ไว้สำหรับเป็นพวกค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว กินหรูๆ โอเกะ นวด ฯลฯ ของคุณต่อเดือน
ค่าใช้จ่ายเพื่อการบริจาค อยู่ที่ 5% ต่อเดือน
2,000 บาทครับ อันนี้ไว้สำหรับ ทำบุญทำทาน งานศพ งานการกุศลต่างๆ ครับ
เงินเก็บเพื่อการลงทุน อยู่ที่ 10% ต่อเดือน
4,000 บาทครับ เก็บไว้กรณีไว้ลงทุนเช่นซื้อพันธบัตร เงินออมดอกเบี้ยสูงต่างๆ หรือมีโปรเจคทำอะไรขายก็ตาม
เงินเก็บเพื่อใช้สำหรับซื้ออะไรใหญ่ๆ 10% ต่อเดือน
4,000 บาทครับ อธิบายว่า อาจจะเก็บยาวหน่อยแต่ต้องใช้นะ เช่นโป๊ะรถ โป๊ะคอนโด(ถ้าเหลือเยอะ...)
หรือเอาไว้ซ่อมบำรุงรถรายปีครับ หรือ เปลี่ยนล้อแม็กซ์ยางก็ได้นะ
เงินเก็บเพื่อการศึกษาครับ อยู่ที่ 10% ต่อเดือน
4,000 บาทครับ อันนี้เอาไว้เรียนรู้ อบรม สัมมนา ในสิ่งที่ตัวเองสนใจ หรือเพิ่มศักยภาพให้ตัวเองครับ
ถ้าทำแบบนี้มาตลอดนะ จะเหลือและสบายตัว คือ การวางแผนการใช้เงินสำคัญมากสำหรับระยะยาวครับ
และผมเชื่อว่า ร้อยละ 50 ของคนไทย ไม่มีการวางแผนการใช้เงินที่ดีพอ ทำให้ ไอ้ช่องแรก 55% ต่อเดือน มันทะลุไปเกินเป็น 70-80% หมด
ทำให้เราไม่มีเวลาหายใจ หรือทบทวนอะไรหลายๆอย่างในชีวิตครับ
ผมก็เป็นครับ...ไม่ใช่ไม่เคยเป็นนะ ใช้เงินขีดแดงตลอด ด้วยลักษณะธุรกิจที่ผมทำ พวกกิจการหอพัก(นศ.สาว) มันทำเงินให้ผมทุกเดือน
จนไม่ต้องคิดว่าจะไม่มีเงินเดือน เพราะผมไม่เคยได้เงินเดือนมาห้าหกปีแล้วครับ คือรู้ว่ามีเงินเข้าแบบนี้สม่ำเสมอ ก็ถลุงมันสม่ำเสมอเช่นกัน
แต่ระยะหลังๆ เริ่มปรับตัวและมันพบว่า ชีวิตผมมีเวลาไปคิดเรื่องอื่นมากขึ้น นอกจากรถ และสามารถบริหารเงินก้อนนี้ได้ดีมากกว่านี้
และใช้เงินไปกับสิ่งที่คุ้มค่ามากขึ้น นอกไปจากเรื่อง "แต่งรถ" ครับ
เพื่อนๆน่าจะจำได้ว่าทำไมผมเคยตั้งกระทู้ว่า "ผมอยากเลิกบ้ารถ"
ตอนนี้ผมเลิกได้เพราะผมใช้สูตรนี้แหละ
ลองเอาไปคิดทบทวนกันดูนะครับ
//Art//
-
เพิ่มเติมจาก คุณSignifeR
รายได้ - รายจ่าย = เงินออม
ไม่เท่ากับ
รายได้ - เงินออม = รายจ่าย
หลักการนี้ เป็นเช่นนั้นจริงๆครับ
ทำตามสมการล่าง รวยทุกคนครับ
-
ผมตอบในมุม อาจารย์มหาวิทยาลัยนะครับ
ควรซื้อเป็น d-seg หรือรถยุโรปราคาประมาณ 2 ล้านต้นๆไปเลย เคสน้องชาย จขกท น่าจะประมาณผม
ผมอายุ 32 เงินเดือนรวมค่าตำแหน่งวิชาการอยู่ที่ 53000 บาท และรายรับจากทุนวิจัยที่มีส่วนค่าตอบแทนอีก 15000. ซึ่งต้อง
มีทุนวิจัยไปทุกๆปี (ของผมสะบายไปอีก 5)
อื่นๆจิปาถะไม่นับแล้วกัน
แต่ผมผ่อนบ้านด้วย และมีลูกชายแฝด ผมจะเหลือประมาณ 30000 นิดๆ ส่วนของภรรยาผมไม่คิด เก็บและเอาไว้โปะบ้านเท่านั้น
ถามว่ารถราคา 1300000-2500000 มันเกินตัวไปหรือไม่ ตอบว่าไม่หรอกครับ ข้าราชการสวัสดิการดีและมีความมั่นคงสูง
ตอนนี้ไม่ทราบว่าได้ปรับฐานคูณ 1.6 หรือยัง แต่ผมเดาว่ายังนะ เพราะฐานเงินเดือนต้องมากกว่านี้ อีก
ผมเองก็รอปรับอยู่เหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นอีกเท่าไหร่
ซื้อคันเล็กไปเดี๋ยวจะอายนิสิตนะครับ อิอิอิ ล้อเล่นนะ
อาชีพนี้นอกจากความรู้จะสำคัญแล้ว ภาพลักษณ์ก็สำคัญไม่แพ้กันนะครับ เพราะเป็นอาจารย์มหาลัยไม่ใช่แค่สอนๆแล้วจบ
ยังมีภาระอื่นๆอีกมากนัก ซึ่งหากวิชาการเราดียุแล้วและภาพลักษณ์ก็ดีด้วยเราจะโตในสายอาชีพได้เร็วกว่านะครับ
ไม่ทราบว่าสอนที่ไหนครับ
สตาร์ทสูงมากครับ เพราะเงินประจำตำแหน่งวิชาการ+เงินเดือน เป็น 53000 และอายุเพิ่งจะ 32 ถือว่าเร็วมาก
สำหรับ จขกท.
ผมแนะนำให้เป็น C segment ตัวกลางๆ ครับ
ถ้าเอา D segment ค่าใช้จ่ายจะสูงไป
อีก 10 ปี มีเงินเก็บค่อยไปถอย D-E segment มาขับน่าจะสบาย
เพราะถึงตอนนั้นน้องคงจะมีเงินเดือน+เงินวิจัย+เงินประจำตำแหน่งวิชาการ เหยียบแสนแล้วครับ
ขอบคุณครับ ผมก็หวังว่าจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้
ผมจบเอกตอนอายุ 27 ย่าง 28 หนะครับ สอนมาครบ 5 ปีพอดี การปรับเงินเดือนผมได้ที่ประมาณ 7.5 - 8.9% ทุกรอบ
และเคยมีการปรับเงินเดือนให้สมัยรัฐบาลอภิสิทธ บวกกับ สาขาวิชาผมมีค่าท๊อบอับด้วย
ตอนนี้รายเดือนผมยุที่ 4 หมื่นนิดๆ รวมค่าตำแหน่งวิชาการก็ได้ดังที่บอกหนะครับ
การจะใช้จ่ายใดๆต้องอยู่บนฐานของฐานะทางบ้าน เงินออมที่มี และรายรับที่เข้ามา
ผมอยากให้ข้อมูลน้องๆที่อ่านบอร์ดกัน และกำลังมองงานในอนาคต
ตามที่หลายๆท่านว่ามาการออมและใช้จ่ายตามที่มีนั้นถูกต้องที่สุด
แต่การพยายามพัฒนาตนเองสำคัญเช่นเดียวกัน ไม่มีงานไหนรับเราที่เงินเดือนเหยียแสน
และไม่มีงานใดจ่ายเราแพงๆเพราะชงกาแฟอร่อย
ดังนั้นถ้ามีงานทำในช่วงเริ่มงานควรทุ่มเทสุดกำลัง พยายามพัฒนาตนและต้องมีผลงานที่จับต้องได้
อาชีพที่ผมทำเริ่มต้นเงินเดือนไม่สูง (ผมก็โดนพ่อตำหนิเหมือนกันว่าเรียนสูงแต่เงินเดือนน้อย)
แต่ถ้าเราขยันสอนให้ดี มีผลงานวิจัยตีพิม์ ทำบทความวิชาการ และเขียนเอกสารคู่กับการสอนตั้งแต่เริ่ม
สิ่งเหล่านั้นจะทำให้เราได้เพิ่มเงินเดือนสูง ทำให้เรานำมาขอตำแหน่งวิชาการได้ และเป็นหลักฐานด้านความเชี่ยวชาญ
จะทำให้ถูกเชิญไปทำงานบริการวิชาการ่ซึ่งค่าตอบแทนก็มากอยู่
ตอนนี้ผมมีลูกเล็กมีเวลาทำงานแค่จันทร์ถึงศุกร์ในเวลาราชการและตอนลูกหลับกลางคืน
แต่ผมก็พยายามให้มีผลงานออกมาได้เรื่อยๆ เพื่อหวังว่ารายรับอย่างเดียวจะมากพอสำหรับเตรียมบ้านให้ลูกคนละหลัง
ใช้จ่ายคล่องมือ และสามารถขับรถที่อยากได้ซักคัน โดยไม่ต้องไปเบียดเบียนเงินเก็บและสินทรัพที่พ่อให้มา
-
เป็นกระทู้ที่ดูอบอุ่น ได้แง่คิดดีๆครับ :D
-
อ้าว อ่านไปอ่านมา ปัญหาคนรวยนี่นา งั้นขอไม่แสดงความเห็นดีกว่าครับ :D
-
ผมตอบในมุม อาจารย์มหาวิทยาลัยนะครับ
ควรซื้อเป็น d-seg หรือรถยุโรปราคาประมาณ 2 ล้านต้นๆไปเลย เคสน้องชาย จขกท น่าจะประมาณผม
ผมอายุ 32 เงินเดือนรวมค่าตำแหน่งวิชาการอยู่ที่ 53000 บาท และรายรับจากทุนวิจัยที่มีส่วนค่าตอบแทนอีก 15000. ซึ่งต้อง
มีทุนวิจัยไปทุกๆปี (ของผมสะบายไปอีก 5)
อื่นๆจิปาถะไม่นับแล้วกัน
แต่ผมผ่อนบ้านด้วย และมีลูกชายแฝด ผมจะเหลือประมาณ 30000 นิดๆ ส่วนของภรรยาผมไม่คิด เก็บและเอาไว้โปะบ้านเท่านั้น
ถามว่ารถราคา 1300000-2500000 มันเกินตัวไปหรือไม่ ตอบว่าไม่หรอกครับ ข้าราชการสวัสดิการดีและมีความมั่นคงสูง
ตอนนี้ไม่ทราบว่าได้ปรับฐานคูณ 1.6 หรือยัง แต่ผมเดาว่ายังนะ เพราะฐานเงินเดือนต้องมากกว่านี้ อีก
ผมเองก็รอปรับอยู่เหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นอีกเท่าไหร่
ซื้อคันเล็กไปเดี๋ยวจะอายนิสิตนะครับ อิอิอิ ล้อเล่นนะ
อาชีพนี้นอกจากความรู้จะสำคัญแล้ว ภาพลักษณ์ก็สำคัญไม่แพ้กันนะครับ เพราะเป็นอาจารย์มหาลัยไม่ใช่แค่สอนๆแล้วจบ
ยังมีภาระอื่นๆอีกมากนัก ซึ่งหากวิชาการเราดียุแล้วและภาพลักษณ์ก็ดีด้วยเราจะโตในสายอาชีพได้เร็วกว่านะครับ
ไม่ทราบว่าสอนที่ไหนครับ
สตาร์ทสูงมากครับ เพราะเงินประจำตำแหน่งวิชาการ+เงินเดือน เป็น 53000 และอายุเพิ่งจะ 32 ถือว่าเร็วมาก
สำหรับ จขกท.
ผมแนะนำให้เป็น C segment ตัวกลางๆ ครับ
ถ้าเอา D segment ค่าใช้จ่ายจะสูงไป
อีก 10 ปี มีเงินเก็บค่อยไปถอย D-E segment มาขับน่าจะสบาย
เพราะถึงตอนนั้นน้องคงจะมีเงินเดือน+เงินวิจัย+เงินประจำตำแหน่งวิชาการ เหยียบแสนแล้วครับ
ขอบคุณครับ ผมก็หวังว่าจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้
ผมจบเอกตอนอายุ 27 ย่าง 28 หนะครับ สอนมาครบ 5 ปีพอดี การปรับเงินเดือนผมได้ที่ประมาณ 7.5 - 8.9% ทุกรอบ
และเคยมีการปรับเงินเดือนให้สมัยรัฐบาลอภิสิทธ บวกกับ สาขาวิชาผมมีค่าท๊อบอับด้วย
ตอนนี้รายเดือนผมยุที่ 4 หมื่นนิดๆ รวมค่าตำแหน่งวิชาการก็ได้ดังที่บอกหนะครับ
การจะใช้จ่ายใดๆต้องอยู่บนฐานของฐานะทางบ้าน เงินออมที่มี และรายรับที่เข้ามา
ผมอยากให้ข้อมูลน้องๆที่อ่านบอร์ดกัน และกำลังมองงานในอนาคต
ตามที่หลายๆท่านว่ามาการออมและใช้จ่ายตามที่มีนั้นถูกต้องที่สุด
แต่การพยายามพัฒนาตนเองสำคัญเช่นเดียวกัน ไม่มีงานไหนรับเราที่เงินเดือนเหยียแสน
และไม่มีงานใดจ่ายเราแพงๆเพราะชงกาแฟอร่อย
ดังนั้นถ้ามีงานทำในช่วงเริ่มงานควรทุ่มเทสุดกำลัง พยายามพัฒนาตนและต้องมีผลงานที่จับต้องได้
อาชีพที่ผมทำเริ่มต้นเงินเดือนไม่สูง (ผมก็โดนพ่อตำหนิเหมือนกันว่าเรียนสูงแต่เงินเดือนน้อย)
แต่ถ้าเราขยันสอนให้ดี มีผลงานวิจัยตีพิม์ ทำบทความวิชาการ และเขียนเอกสารคู่กับการสอนตั้งแต่เริ่ม
สิ่งเหล่านั้นจะทำให้เราได้เพิ่มเงินเดือนสูง ทำให้เรานำมาขอตำแหน่งวิชาการได้ และเป็นหลักฐานด้านความเชี่ยวชาญ
จะทำให้ถูกเชิญไปทำงานบริการวิชาการ่ซึ่งค่าตอบแทนก็มากอยู่
ตอนนี้ผมมีลูกเล็กมีเวลาทำงานแค่จันทร์ถึงศุกร์ในเวลาราชการและตอนลูกหลับกลางคืน
แต่ผมก็พยายามให้มีผลงานออกมาได้เรื่อยๆ เพื่อหวังว่ารายรับอย่างเดียวจะมากพอสำหรับเตรียมบ้านให้ลูกคนละหลัง
ใช้จ่ายคล่องมือ และสามารถขับรถที่อยากได้ซักคัน โดยไม่ต้องไปเบียดเบียนเงินเก็บและสินทรัพที่พ่อให้มา
ได้แง่คิดดีมากๆ สำหรับเด็กใหม่ๆครับ +++
ส่วนผมอยากให้แง่คิดในส่วนของในด้านของการลงทุน และการสร้างทรัพย์สิน ตัวผมตอนนี้ 33 คิดว่าไล่ๆกับหลายๆท่านครับ
positive Income ต่อเดือน ไม่ขอเปิดเผยละกันครับ ทุกวันผมก็ยังใช้นิสสันมาร์ช และ อิมเพรสซ่า(มือสอง...) ฮาาาา
ไม่เคยคิดว่าจะต้องผ่อนรถสองสามหมื่นเพื่ออะไรก็ตามแน่...ด้วยแนวคิดที่ว่า รถมันไม่ใช่ทรัพย์สินเลยแม้แต่น้อย
แต่รถเป็นหนี้สินล้วนๆ เพราะมันไม่สามารถสร้างเงินให้ผมแม้แต่บาทเดียว แถมยังต้องเลี้ยงดูมันทุกวันอีกตะหาก
ค่าน้ำมันเอย ค่าบำรุงรักษา ค่าทำความสะอาดล้างดูดเคลือบ ไหนจะมาแต่งเพิ่มอีกหล่ะ....เยอะนะ
และโดยส่วนตัว ก็ไม่ได้ศรัทธาการฝากเงินไว้กับแบงค์เลยแม้แต่น้อย เพราะมันไม่งอกเงยเลย โดยเฉพาะค่าเงินเฟ้อที่สูงกว่าเงินฝากมากนะ
ผมเน้นการลงทุน ส่วนตัวคือลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ครับ มันสามารถสร้างรายได้ต่อเดือนได้สูงกว่าการทำงานมากๆ
และสามารถควบคุมปัจจัยความเสี่ยงได้ด้วยเครื่องมือต่างๆ ครับ ผมอยากแนะนำให้เด็กๆ ยุคใหม่ หาหนังสืออ่านมากๆ
และหนังสือที่อยากแนะนำคือ "พ่อรวยสอนลูก" เขียนโดย คุณ Robert T.Kiyosaki ครับ
ส่วนตัวผมหลุดจากเรื่องรถได้เพราะหนังสือเล่มนี่แหละครับ และเอาไว้อีก 3 ปี หรือ 5 ปี ค่อยมาวัดกันอีกที
ว่าจะยังบ้ารถอีกหรือไม่ ตอนนั้นค่อยมาดูว่าผมจะรีวิวรถอะไรก็แล้วกันครับ
ขอทำงานตามฝังงานที่ตั้งไว้ก่อน
-
ผมตอบในมุม อาจารย์มหาวิทยาลัยนะครับ
ควรซื้อเป็น d-seg หรือรถยุโรปราคาประมาณ 2 ล้านต้นๆไปเลย เคสน้องชาย จขกท น่าจะประมาณผม
ผมอายุ 32 เงินเดือนรวมค่าตำแหน่งวิชาการอยู่ที่ 53000 บาท และรายรับจากทุนวิจัยที่มีส่วนค่าตอบแทนอีก 15000. ซึ่งต้อง
มีทุนวิจัยไปทุกๆปี (ของผมสะบายไปอีก 5)
อื่นๆจิปาถะไม่นับแล้วกัน
แต่ผมผ่อนบ้านด้วย และมีลูกชายแฝด ผมจะเหลือประมาณ 30000 นิดๆ ส่วนของภรรยาผมไม่คิด เก็บและเอาไว้โปะบ้านเท่านั้น
ถามว่ารถราคา 1300000-2500000 มันเกินตัวไปหรือไม่ ตอบว่าไม่หรอกครับ ข้าราชการสวัสดิการดีและมีความมั่นคงสูง
ตอนนี้ไม่ทราบว่าได้ปรับฐานคูณ 1.6 หรือยัง แต่ผมเดาว่ายังนะ เพราะฐานเงินเดือนต้องมากกว่านี้ อีก
ผมเองก็รอปรับอยู่เหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นอีกเท่าไหร่
ซื้อคันเล็กไปเดี๋ยวจะอายนิสิตนะครับ อิอิอิ ล้อเล่นนะ
อาชีพนี้นอกจากความรู้จะสำคัญแล้ว ภาพลักษณ์ก็สำคัญไม่แพ้กันนะครับ เพราะเป็นอาจารย์มหาลัยไม่ใช่แค่สอนๆแล้วจบ
ยังมีภาระอื่นๆอีกมากนัก ซึ่งหากวิชาการเราดียุแล้วและภาพลักษณ์ก็ดีด้วยเราจะโตในสายอาชีพได้เร็วกว่านะครับ
ไม่ทราบว่าสอนที่ไหนครับ
สตาร์ทสูงมากครับ เพราะเงินประจำตำแหน่งวิชาการ+เงินเดือน เป็น 53000 และอายุเพิ่งจะ 32 ถือว่าเร็วมาก
สำหรับ จขกท.
ผมแนะนำให้เป็น C segment ตัวกลางๆ ครับ
ถ้าเอา D segment ค่าใช้จ่ายจะสูงไป
อีก 10 ปี มีเงินเก็บค่อยไปถอย D-E segment มาขับน่าจะสบาย
เพราะถึงตอนนั้นน้องคงจะมีเงินเดือน+เงินวิจัย+เงินประจำตำแหน่งวิชาการ เหยียบแสนแล้วครับ
ขอบคุณครับ ผมก็หวังว่าจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้
ผมจบเอกตอนอายุ 27 ย่าง 28 หนะครับ สอนมาครบ 5 ปีพอดี การปรับเงินเดือนผมได้ที่ประมาณ 7.5 - 8.9% ทุกรอบ
และเคยมีการปรับเงินเดือนให้สมัยรัฐบาลอภิสิทธ บวกกับ สาขาวิชาผมมีค่าท๊อบอับด้วย
ตอนนี้รายเดือนผมยุที่ 4 หมื่นนิดๆ รวมค่าตำแหน่งวิชาการก็ได้ดังที่บอกหนะครับ
การจะใช้จ่ายใดๆต้องอยู่บนฐานของฐานะทางบ้าน เงินออมที่มี และรายรับที่เข้ามา
ผมอยากให้ข้อมูลน้องๆที่อ่านบอร์ดกัน และกำลังมองงานในอนาคต
ตามที่หลายๆท่านว่ามาการออมและใช้จ่ายตามที่มีนั้นถูกต้องที่สุด
แต่การพยายามพัฒนาตนเองสำคัญเช่นเดียวกัน ไม่มีงานไหนรับเราที่เงินเดือนเหยียแสน
และไม่มีงานใดจ่ายเราแพงๆเพราะชงกาแฟอร่อย
ดังนั้นถ้ามีงานทำในช่วงเริ่มงานควรทุ่มเทสุดกำลัง พยายามพัฒนาตนและต้องมีผลงานที่จับต้องได้
อาชีพที่ผมทำเริ่มต้นเงินเดือนไม่สูง (ผมก็โดนพ่อตำหนิเหมือนกันว่าเรียนสูงแต่เงินเดือนน้อย)
แต่ถ้าเราขยันสอนให้ดี มีผลงานวิจัยตีพิม์ ทำบทความวิชาการ และเขียนเอกสารคู่กับการสอนตั้งแต่เริ่ม
สิ่งเหล่านั้นจะทำให้เราได้เพิ่มเงินเดือนสูง ทำให้เรานำมาขอตำแหน่งวิชาการได้ และเป็นหลักฐานด้านความเชี่ยวชาญ
จะทำให้ถูกเชิญไปทำงานบริการวิชาการ่ซึ่งค่าตอบแทนก็มากอยู่
ตอนนี้ผมมีลูกเล็กมีเวลาทำงานแค่จันทร์ถึงศุกร์ในเวลาราชการและตอนลูกหลับกลางคืน
แต่ผมก็พยายามให้มีผลงานออกมาได้เรื่อยๆ เพื่อหวังว่ารายรับอย่างเดียวจะมากพอสำหรับเตรียมบ้านให้ลูกคนละหลัง
ใช้จ่ายคล่องมือ และสามารถขับรถที่อยากได้ซักคัน โดยไม่ต้องไปเบียดเบียนเงินเก็บและสินทรัพที่พ่อให้มา
ขอบคุณครับ ได้ข้อคิดเยอะเลย ผมว่าพี่ start ได้ดีมากๆ ต่อตรีจบเอกเลย(น่าจะเป็นสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ)
start เร็ว ทำงานเร็ว
สายผมมันเป็นขั้นเป็นตอน ไม่มีแบบนี้ เลยไปกันช้ามากๆ ต้องต่อโท (เอกสาขานี้ก็ไม่มี ต้องไปต่อสาขาอื่น)
แต่ทุกวันนี้ งานฟรีแลนซ์ถึงเงินจะน้อย(แต่อาจมากสำหรับบางคนที่ทำ 5-6 วัน) แต่ก็พอไปได้ เพราะทำไม่กี่วัน เป็น license มากกว่า
มีเวลาเยอะเกิน ;D ;D ;D
อยากจบเร็วๆ เหมือนพี่ ครับ จะพยายามต่อไปครับ
-
ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ทุกท่านอีกครั้งนะครับ
กระทู้นี้ อบอุ่นมากครับ
-
ผมตอบในมุม อาจารย์มหาวิทยาลัยนะครับ
ควรซื้อเป็น d-seg หรือรถยุโรปราคาประมาณ 2 ล้านต้นๆไปเลย เคสน้องชาย จขกท น่าจะประมาณผม
ผมอายุ 32 เงินเดือนรวมค่าตำแหน่งวิชาการอยู่ที่ 53000 บาท และรายรับจากทุนวิจัยที่มีส่วนค่าตอบแทนอีก 15000. ซึ่งต้อง
มีทุนวิจัยไปทุกๆปี (ของผมสะบายไปอีก 5)
อื่นๆจิปาถะไม่นับแล้วกัน
แต่ผมผ่อนบ้านด้วย และมีลูกชายแฝด ผมจะเหลือประมาณ 30000 นิดๆ ส่วนของภรรยาผมไม่คิด เก็บและเอาไว้โปะบ้านเท่านั้น
ถามว่ารถราคา 1300000-2500000 มันเกินตัวไปหรือไม่ ตอบว่าไม่หรอกครับ ข้าราชการสวัสดิการดีและมีความมั่นคงสูง
ตอนนี้ไม่ทราบว่าได้ปรับฐานคูณ 1.6 หรือยัง แต่ผมเดาว่ายังนะ เพราะฐานเงินเดือนต้องมากกว่านี้ อีก
ผมเองก็รอปรับอยู่เหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นอีกเท่าไหร่
ซื้อคันเล็กไปเดี๋ยวจะอายนิสิตนะครับ อิอิอิ ล้อเล่นนะ
อาชีพนี้นอกจากความรู้จะสำคัญแล้ว ภาพลักษณ์ก็สำคัญไม่แพ้กันนะครับ เพราะเป็นอาจารย์มหาลัยไม่ใช่แค่สอนๆแล้วจบ
ยังมีภาระอื่นๆอีกมากนัก ซึ่งหากวิชาการเราดียุแล้วและภาพลักษณ์ก็ดีด้วยเราจะโตในสายอาชีพได้เร็วกว่านะครับ
ไม่ทราบว่าสอนที่ไหนครับ
สตาร์ทสูงมากครับ เพราะเงินประจำตำแหน่งวิชาการ+เงินเดือน เป็น 53000 และอายุเพิ่งจะ 32 ถือว่าเร็วมาก
สำหรับ จขกท.
ผมแนะนำให้เป็น C segment ตัวกลางๆ ครับ
ถ้าเอา D segment ค่าใช้จ่ายจะสูงไป
อีก 10 ปี มีเงินเก็บค่อยไปถอย D-E segment มาขับน่าจะสบาย
เพราะถึงตอนนั้นน้องคงจะมีเงินเดือน+เงินวิจัย+เงินประจำตำแหน่งวิชาการ เหยียบแสนแล้วครับ
ขอบคุณครับ ผมก็หวังว่าจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้
ผมจบเอกตอนอายุ 27 ย่าง 28 หนะครับ สอนมาครบ 5 ปีพอดี การปรับเงินเดือนผมได้ที่ประมาณ 7.5 - 8.9% ทุกรอบ
และเคยมีการปรับเงินเดือนให้สมัยรัฐบาลอภิสิทธ บวกกับ สาขาวิชาผมมีค่าท๊อบอับด้วย
ตอนนี้รายเดือนผมยุที่ 4 หมื่นนิดๆ รวมค่าตำแหน่งวิชาการก็ได้ดังที่บอกหนะครับ
การจะใช้จ่ายใดๆต้องอยู่บนฐานของฐานะทางบ้าน เงินออมที่มี และรายรับที่เข้ามา
ผมอยากให้ข้อมูลน้องๆที่อ่านบอร์ดกัน และกำลังมองงานในอนาคต
ตามที่หลายๆท่านว่ามาการออมและใช้จ่ายตามที่มีนั้นถูกต้องที่สุด
แต่การพยายามพัฒนาตนเองสำคัญเช่นเดียวกัน ไม่มีงานไหนรับเราที่เงินเดือนเหยียแสน
และไม่มีงานใดจ่ายเราแพงๆเพราะชงกาแฟอร่อย
ดังนั้นถ้ามีงานทำในช่วงเริ่มงานควรทุ่มเทสุดกำลัง พยายามพัฒนาตนและต้องมีผลงานที่จับต้องได้
อาชีพที่ผมทำเริ่มต้นเงินเดือนไม่สูง (ผมก็โดนพ่อตำหนิเหมือนกันว่าเรียนสูงแต่เงินเดือนน้อย)
แต่ถ้าเราขยันสอนให้ดี มีผลงานวิจัยตีพิม์ ทำบทความวิชาการ และเขียนเอกสารคู่กับการสอนตั้งแต่เริ่ม
สิ่งเหล่านั้นจะทำให้เราได้เพิ่มเงินเดือนสูง ทำให้เรานำมาขอตำแหน่งวิชาการได้ และเป็นหลักฐานด้านความเชี่ยวชาญ
จะทำให้ถูกเชิญไปทำงานบริการวิชาการ่ซึ่งค่าตอบแทนก็มากอยู่
ตอนนี้ผมมีลูกเล็กมีเวลาทำงานแค่จันทร์ถึงศุกร์ในเวลาราชการและตอนลูกหลับกลางคืน
แต่ผมก็พยายามให้มีผลงานออกมาได้เรื่อยๆ เพื่อหวังว่ารายรับอย่างเดียวจะมากพอสำหรับเตรียมบ้านให้ลูกคนละหลัง
ใช้จ่ายคล่องมือ และสามารถขับรถที่อยากได้ซักคัน โดยไม่ต้องไปเบียดเบียนเงินเก็บและสินทรัพที่พ่อให้มา
ขอบคุณครับ ได้ข้อคิดเยอะเลย ผมว่าพี่ start ได้ดีมากๆ ต่อตรีจบเอกเลย(น่าจะเป็นสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ)
start เร็ว ทำงานเร็ว
สายผมมันเป็นขั้นเป็นตอน ไม่มีแบบนี้ เลยไปกันช้ามากๆ ต้องต่อโท (เอกสาขานี้ก็ไม่มี ต้องไปต่อสาขาอื่น)
แต่ทุกวันนี้ งานฟรีแลนซ์ถึงเงินจะน้อย(แต่อาจมากสำหรับบางคนที่ทำ 5-6 วัน) แต่ก็พอไปได้ เพราะทำไม่กี่วัน เป็น license มากกว่า
มีเวลาเยอะเกิน ;D ;D ;D
อยากจบเร็วๆ เหมือนพี่ ครับ จะพยายามต่อไปครับ
สู้ๆครับ
ผมเองถือว่าโชคดีและมีบุญที่ได้ที่ปรึกษาเก่งและใจดีมาก
ผมจบมาใหม่ๆไม่มีทุนวิจัยท่านก็ออกเงินส่วนตัวให้หลายแสนบาทจนผมมีทุนท่านก็ให้ผมจ่ายค่าสารในแลบ
แต่มูลค่าที่จ่ายไม่ถึง 20% ที่ผมใช้ไปเลย ตอนนี้ผมเลยเต็มใจและอยากถ่ายทอดวิธีการที่ได้รับการสอนมา
มีอะไรอยากถามผมยินดีให้ข้อมูลครับ
แต่กระทู้ถามเรื่องซื้อรถ กลายเป็นแนะแนวอาชีพไปซะแล้ว :D
-
ผมตอบในมุม อาจารย์มหาวิทยาลัยนะครับ
ควรซื้อเป็น d-seg หรือรถยุโรปราคาประมาณ 2 ล้านต้นๆไปเลย เคสน้องชาย จขกท น่าจะประมาณผม
ผมอายุ 32 เงินเดือนรวมค่าตำแหน่งวิชาการอยู่ที่ 53000 บาท และรายรับจากทุนวิจัยที่มีส่วนค่าตอบแทนอีก 15000. ซึ่งต้อง
มีทุนวิจัยไปทุกๆปี (ของผมสะบายไปอีก 5)
อื่นๆจิปาถะไม่นับแล้วกัน
แต่ผมผ่อนบ้านด้วย และมีลูกชายแฝด ผมจะเหลือประมาณ 30000 นิดๆ ส่วนของภรรยาผมไม่คิด เก็บและเอาไว้โปะบ้านเท่านั้น
ถามว่ารถราคา 1300000-2500000 มันเกินตัวไปหรือไม่ ตอบว่าไม่หรอกครับ ข้าราชการสวัสดิการดีและมีความมั่นคงสูง
ตอนนี้ไม่ทราบว่าได้ปรับฐานคูณ 1.6 หรือยัง แต่ผมเดาว่ายังนะ เพราะฐานเงินเดือนต้องมากกว่านี้ อีก
ผมเองก็รอปรับอยู่เหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นอีกเท่าไหร่
ซื้อคันเล็กไปเดี๋ยวจะอายนิสิตนะครับ อิอิอิ ล้อเล่นนะ
อาชีพนี้นอกจากความรู้จะสำคัญแล้ว ภาพลักษณ์ก็สำคัญไม่แพ้กันนะครับ เพราะเป็นอาจารย์มหาลัยไม่ใช่แค่สอนๆแล้วจบ
ยังมีภาระอื่นๆอีกมากนัก ซึ่งหากวิชาการเราดียุแล้วและภาพลักษณ์ก็ดีด้วยเราจะโตในสายอาชีพได้เร็วกว่านะครับ
ไม่ทราบว่าสอนที่ไหนครับ
สตาร์ทสูงมากครับ เพราะเงินประจำตำแหน่งวิชาการ+เงินเดือน เป็น 53000 และอายุเพิ่งจะ 32 ถือว่าเร็วมาก
สำหรับ จขกท.
ผมแนะนำให้เป็น C segment ตัวกลางๆ ครับ
ถ้าเอา D segment ค่าใช้จ่ายจะสูงไป
อีก 10 ปี มีเงินเก็บค่อยไปถอย D-E segment มาขับน่าจะสบาย
เพราะถึงตอนนั้นน้องคงจะมีเงินเดือน+เงินวิจัย+เงินประจำตำแหน่งวิชาการ เหยียบแสนแล้วครับ
ขอบคุณครับ ผมก็หวังว่าจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้
ผมจบเอกตอนอายุ 27 ย่าง 28 หนะครับ สอนมาครบ 5 ปีพอดี การปรับเงินเดือนผมได้ที่ประมาณ 7.5 - 8.9% ทุกรอบ
และเคยมีการปรับเงินเดือนให้สมัยรัฐบาลอภิสิทธ บวกกับ สาขาวิชาผมมีค่าท๊อบอับด้วย
ตอนนี้รายเดือนผมยุที่ 4 หมื่นนิดๆ รวมค่าตำแหน่งวิชาการก็ได้ดังที่บอกหนะครับ
การจะใช้จ่ายใดๆต้องอยู่บนฐานของฐานะทางบ้าน เงินออมที่มี และรายรับที่เข้ามา
ผมอยากให้ข้อมูลน้องๆที่อ่านบอร์ดกัน และกำลังมองงานในอนาคต
ตามที่หลายๆท่านว่ามาการออมและใช้จ่ายตามที่มีนั้นถูกต้องที่สุด
แต่การพยายามพัฒนาตนเองสำคัญเช่นเดียวกัน ไม่มีงานไหนรับเราที่เงินเดือนเหยียแสน
และไม่มีงานใดจ่ายเราแพงๆเพราะชงกาแฟอร่อย
ดังนั้นถ้ามีงานทำในช่วงเริ่มงานควรทุ่มเทสุดกำลัง พยายามพัฒนาตนและต้องมีผลงานที่จับต้องได้
อาชีพที่ผมทำเริ่มต้นเงินเดือนไม่สูง (ผมก็โดนพ่อตำหนิเหมือนกันว่าเรียนสูงแต่เงินเดือนน้อย)
แต่ถ้าเราขยันสอนให้ดี มีผลงานวิจัยตีพิม์ ทำบทความวิชาการ และเขียนเอกสารคู่กับการสอนตั้งแต่เริ่ม
สิ่งเหล่านั้นจะทำให้เราได้เพิ่มเงินเดือนสูง ทำให้เรานำมาขอตำแหน่งวิชาการได้ และเป็นหลักฐานด้านความเชี่ยวชาญ
จะทำให้ถูกเชิญไปทำงานบริการวิชาการ่ซึ่งค่าตอบแทนก็มากอยู่
ตอนนี้ผมมีลูกเล็กมีเวลาทำงานแค่จันทร์ถึงศุกร์ในเวลาราชการและตอนลูกหลับกลางคืน
แต่ผมก็พยายามให้มีผลงานออกมาได้เรื่อยๆ เพื่อหวังว่ารายรับอย่างเดียวจะมากพอสำหรับเตรียมบ้านให้ลูกคนละหลัง
ใช้จ่ายคล่องมือ และสามารถขับรถที่อยากได้ซักคัน โดยไม่ต้องไปเบียดเบียนเงินเก็บและสินทรัพที่พ่อให้มา
ขอบคุณครับ ได้ข้อคิดเยอะเลย ผมว่าพี่ start ได้ดีมากๆ ต่อตรีจบเอกเลย(น่าจะเป็นสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ)
start เร็ว ทำงานเร็ว
สายผมมันเป็นขั้นเป็นตอน ไม่มีแบบนี้ เลยไปกันช้ามากๆ ต้องต่อโท (เอกสาขานี้ก็ไม่มี ต้องไปต่อสาขาอื่น)
แต่ทุกวันนี้ งานฟรีแลนซ์ถึงเงินจะน้อย(แต่อาจมากสำหรับบางคนที่ทำ 5-6 วัน) แต่ก็พอไปได้ เพราะทำไม่กี่วัน เป็น license มากกว่า
มีเวลาเยอะเกิน ;D ;D ;D
อยากจบเร็วๆ เหมือนพี่ ครับ จะพยายามต่อไปครับ
สู้ๆครับ
ผมเองถือว่าโชคดีและมีบุญที่ได้ที่ปรึกษาเก่งและใจดีมาก
ผมจบมาใหม่ๆไม่มีทุนวิจัยท่านก็ออกเงินส่วนตัวให้หลายแสนบาทจนผมมีทุนท่านก็ให้ผมจ่ายค่าสารในแลบ
แต่มูลค่าที่จ่ายไม่ถึง 20% ที่ผมใช้ไปเลย ตอนนี้ผมเลยเต็มใจและอยากถ่ายทอดวิธีการที่ได้รับการสอนมา
มีอะไรอยากถามผมยินดีให้ข้อมูลครับ
แต่กระทู้ถามเรื่องซื้อรถ กลายเป็นแนะแนวอาชีพไปซะแล้ว :D
ขอบคุณครับ :D