Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก ที่ มกราคม 15, 2014, 22:44:05
-
ขอออกตัวก่อนว่ากระทู้นี้อยากคุยกันแบบมีเหตุมีผลจริงๆนะครับ ไม่อยากให้กลายเป็นดราม่า
ทำไม ผมถึงมองว่า อัลติสตัวท็อป กับค่าตัว 1069000 มันเกินจะรับได้ และแพงโคดๆจนเกินไป
ผมขอเทียบกับ ฟอร์ด โฟกัส 2.0 4ประตูตัวท็อป ที่ราคาเดียวกัน 1069000 บาท
อย่าถามว่าทำไมต้องเทียบกับโฟกัสนะครับ ก็มันเซ็กเมนต์เดียวกัน จะไม่ให้เทียบกันได้อย่างไร
ผมพูดเฉพาะตัวรถที่เห็น และออฟชั่นที่สัมผัสได้นะครับ ไม่พูดเรื่องปัญหาของรถซึ่งโฟกัสมีเยอะกว่าแน่ๆ และ ศูนย์บริการที่ห่วยกว่าสุดๆ
แต่กำลังจะชี้ให้เห็นว่าฟอร์ดใส่ออฟชั่นแบบนี้มายังมีกำไร และทำไมโตโยต้าให้ออฟชั่นมาแบบนี้ ถึงกล้าตั้งราคาขนาดนี้
1.เครื่องยนต์
อัลติส เครื่อง 1.8 dual vvti
แต่ โฟกัส เป็นเครื่อง 2.0 แบบฉีดตรง
ข้อนี้แตกต่างกันอย่างมากแน่ๆครับ ต้นทุนด้านเครื่องยนต์ของโตโยต้าต่ำกว่าแน่นอน
2.ความปลอดภัย
อัลติส ใส่ถุงลมมาแค่2ใบ
แต่โฟกัส ถุงลม6ใบ
ข้อนี้คือความแตกต่างอย่างที่สุด โตโยต้าควรใส่มาไม่น้อยกว่า4ใบได้แล้วในยุคนี้
3.ช่วงล่าง
อัลติส เป็นทอร์ชั่นบีม คานบิดธรรมดา
แต่โฟกัสเป็นช่วงล่างอิสระ คอนโทรลเบลด ยังไงก็เหนือกว่าแน่นอน
ข้อนี้แตกต่างด้านต้นทุนมหาศาลแน่ๆ
4.ออฟชั่นที่เป็นจุดขาย
อัลติส ใส่ไฟหน้าLED กับ เดย์ไลท์มาให้
แต่ฟอร์ด ให้ระบบช่วยจอด ,Blis ,เบรคอัตโนมัติ ,ซันรูฟ
คิดดูว่าต้นทุนของฟอร์ดแพงกว่ามากขนาดไหน
5.สิ่งที่อัลติสมีแต่โฟกัสไม่มี คือ ระบบนำทาง กับ กล้องมองหลัง
โดยรวมแล้ว ผมคิดว่าโตโยต้าตั้งราคามาแบบนี้ ถือว่าแพงมาก แพงแบบไร้เหตุไร้ผล ราคานี้รุ่นเดิมได้เครื่อง2000ด้วยซ้ำ
รุ่นใหม่ได้แค่เครื่อง1.8 ออฟชั่นอย่างเดย์ไลท์ ต้นทุนจะกี่พันเชียว
กระทู้ของผมไม่ได้เป็นหน้าม้าของฟอร์ด แค่อยากจะเทียบให้ดูว่าเงิน1069000บาท จ่ายให้กับโตโยต้า แต่สิ่งที่ได้มามันไม่คุ้มเลย
หลายคนอาจจะบอกว่า ไม่ได้ต้องการจะซื้อรถที่ดีที่สุด แต่ต้องการซื้อรถที่ไม่มีปัญหาให้ปวดหัว
ทัศนคติแบบนี้ ทำให้โตโยต้ายังคงกล้าตั้งราคาแพงกว่าคนอื่นและใส่ของมาน้อยกว่าคนอื่น
แน่นอนว่าต้องโทษฟอร์ด ที่ทำรถที่ดี แต่บริการห่วยๆออกมา ความจริงรถทุกคันมันควรต้องไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมมองว่าโตโยต้าไม่ค่อยจริงใจกับลูกค้า อย่างแคมรี่ก็ทำน่าเกลียดมาทีนึงแล้ว ไม่ใส่ออฟชั่นอะไรมาแล้วก็มาลดกันแสนสองแสน
อัลติส ก็กล้าตั้งราคามาแบบนี้ แต่ออฟชั่นที่ใส่มา ดูเหมือนเยอะ แต่ผมบอกเลยว่ามันน้อย เพราะต้นทุนที่แพงของรถมันไม่ใช่หลอดไฟไม่กี่ดวง แต่มันคือ
1. ระบบความปลอดภัยต่างๆพวกถุงลม โครงสร้างตัวถัง
2. เครื่องยนต์ ที่อัลติสก็ได้เพียงเครื่อง1800 กับราคาทะลุล้าน
3.ช่วงล่าง ที่ยังคงเป็นทอร์ชั่นบีม ราคานี้ควรเป็นอิสระได้แล้ว
-
การตลาดเค้าคงเป็นแบบว่า ใส่มาน้อยๆ ลดต้นทุน ถ้าขายดีก็กำไรบาน ถ้าขายไม่ออกค่อยใส่เพิ่มหรือมีส่วนลดก็ว่าไป
เจ้าตลาดก็งี้แหละ ยังไงก็มีคนซื้อของเค้าอยู่แล้ว
-
พี่โตก้อคือพี่โต ครับ รถออกมายังไงผมก้อเห็นเขาขายได้ตลอดและขายดีด้วยสิ ขนาดคนที่ผมรู้จักบางคนจะออกยาริสยังไม่รู้เลยว่าเครื่อง 1200
-
เผื่อช่วงยอดตก จะได้มีโปร ฯ อัดกับคู่แข่งได้สบายๆไง. เหมือน camry และ altisตัวเก่า ลดกันเป็นแสน
-
ผมว่ารุ่นท๊อปเค้าทำมาเน้นแพง อ๊อฟชั่นเยอะๆ(ในแบบโตโยต้า) ให้มันดูครบๆไลน์ไปอย่างนั้นแหละครับ
จะใส่เครื่อง2.0มาก็จะเปลืองต้นทุนเปล่าๆเพราะขายไม่ค่อยได้อยู่แล้ว
เค้าคงเน้นขายรุ่นกลางกับคนทั่วไปและรุ่นล่างกับแท๊กซี่+บริษัทมากกว่าครับ ;)
-
ผมเห็นราคาแล้วตกใจเล็กๆเลยนะ ที่กล้าตั้งราคา1.8ถึงล้านนิดหน่อยแบบนี้ ผมว่าตัวtopหน่ะคงขายไม่ค่อยได้
แต่ตัวรองลงมาคงขายได้โอเคแหละ พี่โตคงมีเหตุผลว่าเอาเงินไปพัฒนาศูนย์กับบริการหลังการขายหล่ะมั้ง
ตัวรถเอาแค่พอใช้ได้ระดับที
-
พี่โตก้อคือพี่โต ครับ รถออกมายังไงผมก้อเห็นเขาขายได้ตลอดและขายดีด้วยสิ ขนาดคนที่ผมรู้จักบางคนจะออกยาริสยังไม่รู้เลยว่าเครื่อง 1200
ใช่ครับพี่โตยังไงก็พี่โต รู้จักตั้งแต่เด็กเล็กยันแก่ที่สุด มีท่าไม้ตายคือการลดราคา ราคามือ2ต่างกับโฟกัสฟ้ากับเหวแน่นอนครับ และใช้ยาวได้ซ่อมโคตรง่ายที่ไหนก็เป็นอะไหล่มหาศาล คงประมานนี้มั้งครับ ;D
-
รุ่นท๊อป ให้ ถุงลม 4 ใบมันจะยากอะไรนะถามจริงเถอะ
-
มองมุมต่างนะครับ
สิ่งที่ ford ให้ไม่ได้เลยคือความเชื่อมั่น ความมั่นใจในการใช้รถครับ ไม่ว่าจะระยะสั้น ระยะยาว รวมทั้งการซื้อง่ายขายคล่อง ราคาขายต่อ บริการหลังการขาย
ทำไมไม่คิดละครับว่า toyota ลงทุนไปเยอะแล้วในส่วนนี้และนานกว่า ford และหลายๆยี่ห้อครับ
เหมือนสินค้าจีนนะแหละครับ ที่เราบอกว่าถูกๆกัน แต่จริงๆแล้วนี้แหละต้นทุนสินค้าจริงๆเน้นขาย ไม่เน้นกำไรมาก เหมือน ford ที่ยัดๆออฟชั่นมาเยอะๆให้เต็มเพื่อที่จะอัพขายรถราคาหลักล้าน แต่พอใช้งานจริง
ถูกและดีมีที่ไหนละครับ
-
ราคาเผื่อลด เผื่อแถมมั้งครับ ;)
เห็นตัวอย่างจาก Camry หน่ะ ;D
-
มองมุมต่างนะครับ
สิ่งที่ ford ให้ไม่ได้เลยคือความเชื่อมั่น ความมั่นใจในการใช้รถครับ ไม่ว่าจะระยะสั้น ระยะยาว รวมทั้งการซื้อง่ายขายคล่อง ราคาขายต่อ บริการหลังการขาย
ทำไมไม่คิดละครับว่า toyota ลงทุนไปเยอะแล้วในส่วนนี้และนานกว่า ford และหลายๆยี่ห้อครับ
เหมือนสินค้าจีนนะแหละครับ ที่เราบอกว่าถูกๆกัน แต่จริงๆแล้วนี้แหละต้นทุนสินค้าจริงๆเน้นขาย ไม่เน้นกำไรมาก เหมือน ford ที่ยัดๆออฟชั่นมาเยอะๆให้เต็มเพื่อที่จะอัพขายรถราคาหลักล้าน แต่พอใช้งานจริง
ถูกและดีมีที่ไหนละครับ
เรื่องของบริการหลังการขาย ผมมองแยกจากตัวรถนะครับ
ศูนย์ฟอร์ดห่วยแตก และช่างไม่เก่งแก้ไม่จบ อันนี้ผมยอมรับว่าจริงแท้แน่นอนเลยครับ
แต่ศูนย์บริการมันคือการลงทุนของเจ้าของโชว์รูมนะครับ โตโยต้าเขาไม่ได้มาลงทุนสร้างให้ ดังนั้นจะบอกว่าจุดนี้คือต้นทุนรถคงไม่ใช่ครับ
ส่วนราคาขายต่อเกิดจากความต้องการของตลาดมือ2 พูดง่ายๆก็คือ มันถูกกำหนดโดยตลาด โตโยต้าไม่ได้เอาเงินลงไปซัพพอร์ตตลาดมือ2เพือให้อัลติสราคาขายต่อดีกว่าสักหน่อย
ผมมองว่าต้นทุนรถ มันก็พอๆกันครับ อยู่ที่ใครจะเอากำไรต่อคันมากกว่า
จุดนี้ผมมองว่า โตโยต้าเอากำไรต่อคันเยอะมากเกินไป เพราะเขามองว่ายังไงเขาก็ขายได้
-
บ้านผมเนี่ย ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะครับ แพงก็จะซื้อ
เพราะ ขายต่อง่าย ราคาไม่ตก อะไหล่ไม่แพง
แต่ปัจจุบัน ความคิดเปลี่ยนไป
เมื่อก่อนใช้รถกันไม่เกิน 5 ปีก็ขายทิ้งเปลี่ยนใหม่ แต่เดี๋ยวนี้ใช้นานกว่านั้น
แถมยี่ห้ออื่นก็ทำรถออกมาได้ดี ในราคาที่เทียบกับสิ่งที่ได้มาแล้วมันคุ้มค่ามากๆครับ
อีกอย่าง Toyota ราคาขายต่อก็ไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อน ราคาอะไหล่พอๆกับยี่ห้ออื่น หลายอย่างแพงกว่าอีก
เรื่อง QC การประกอบ ถ้าไม่ใช่ Camry ผมว่ามันงั้นๆครับ ไม่ได้เด่นอะไรเลย
แล้วก็ Altis รุ่นนี้ แก้ไขระบบแอร์จาก 1.8E รุ่นที่แล้วหรือยังนะครับ
เพราะ 1.8E รุ่นที่แล้ว มันจับผม Freeze ครับ ทรมานมากๆครับ
ถ้ายังต้องการรถที่ทนๆ พังแล้วก็เปลี่ยน Toyota ก็ยังเหมาะนะครับ
แต่สำหรับผมแล้ว ผมขอรถคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ขับแล้วมีความสุข แต่ทนน้อยกว่าหน่อยดีกว่าครับ
ปล.แต่ 1.6J , 1.6G และ 1.8E ราคามันไม่ได้แพงเลยนะครับ ดูคุ้มค่าด้วยครับ แต่ความจริงแล้วถ้าได้ราคาเดิมนี่จะดีมากเลยเลยครับ
แต่เอาเถอะสำหรับ Toyota แล้ว ก็ถือว่าขึ้นจากเดิมน้อยมากๆแล้ว แล้วขึ้นแบบมีเหตุผลด้วยนะครับ
-
ผมว่าโตโยต้ากำลังใช้ความเป็นเข้าตลาดในการกำหนดราคารถยนต์ในตลาดรถยนต์ ตั้งแต่ Priusที่ราคาสุดแสนจะโคตรแพง และแคมรี่ที่แตะ1.8mเป็นเจ้าแรกๆ (แคมรี่ออพชั่นยังพอยอมรับไหว) ต่อมาก็Eco Car ที่ราคาพอสูสีกับ รถ1.5 ทั่วไป และล่าสุดก็อัลติสที่ใช้เครื่อง1.8 ให้ออพชั่นน้อยกว่า แต่ตั้งราคาเท่ารถเครื่องยนต์ 2.0 จากค่ายอื่นๆ ซึ่งเป็นไปได้ว่าในอนาคตจากนี้ รถเครื่อง1.8อาจจะเปิดราคามาเกิน1m และ2.0อาจจะแตะๆอยู่1.3mก็ได้นะครับ
ซึ่งความเห็นส่วนตัว ผมว่าเป็นการตลาดที่ดู... ไม่สร้างสรรค์เท่าไหร่ เครื่อง1.8เดิม ใส่cvt ใส่ออพชั่นให้ไล่เลี่ยกับคู่แข่งหน่อย ตั้งราคาแพงเกินไป และให้ออพชั่นในแต่ละรุ่นย่อยดูขาดๆเกินๆ บางอย่างรุ่นท๊อปไม่มี แต่รุ่นต่ำกว่ามี บางอย่างรุ่นท๊อปควรมีแต่ก็ไม่มี ผมตั้งใจว่าถ้าจะซื้อรถอีกสักคัน โตโยต้าจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายที่จะมอง ::) ::)
-
มองมุมต่างนะครับ
สิ่งที่ ford ให้ไม่ได้เลยคือความเชื่อมั่น ความมั่นใจในการใช้รถครับ ไม่ว่าจะระยะสั้น ระยะยาว รวมทั้งการซื้อง่ายขายคล่อง ราคาขายต่อ บริการหลังการขาย
ทำไมไม่คิดละครับว่า toyota ลงทุนไปเยอะแล้วในส่วนนี้และนานกว่า ford และหลายๆยี่ห้อครับ
เหมือนสินค้าจีนนะแหละครับ ที่เราบอกว่าถูกๆกัน แต่จริงๆแล้วนี้แหละต้นทุนสินค้าจริงๆเน้นขาย ไม่เน้นกำไรมาก เหมือน ford ที่ยัดๆออฟชั่นมาเยอะๆให้เต็มเพื่อที่จะอัพขายรถราคาหลักล้าน แต่พอใช้งานจริง
ถูกและดีมีที่ไหนละครับ
ผมเห็นด้วยนะ ถึงแม้ว่า ford จะให้มากกว่าในแง่ของอ็อพชั่นของตัวรถ แต่สิ่งที่ฟอร์ดยังทำไม่ได้เลยคือเรื่องความไว้วางใจได้ และเรื่องบริิการหลังการขาย
ตอนที่ผมซื้อ fiesta เหตุผลก็คือมันให้อะไรมากกว่าในราคาที่เท่ากัน แต่พอใช้ๆไป ตัวรถกลับมีปัญหาเรื่องเกียร์
ตรงกันข้ามกับ vios รุ่นบริทนี่ ของเพื่อนร่วมงาน วิ่งมาเกือบสองแสนโล ยังไม่มีปัญหาอะไร
ถามว่าคันต่อไปของผมจะเป็น ford อีกใหม มันก็ต้องมีลังเลบ้างล่ะครับ
จริงๆถ้า ford พัฒนาบริการหลังการขายให้ดี และคุณภาพตัวรถวางใจได้ มีหรือที่ลูกค้าจะไม่ซื้อครับ
ส่วน altis ที่ตั้งราคามาแบบนั้น ผมมองว่ามันเป็นราคาของความไว้วางใจได้ครับ
ตั้งมาแพง แต่แลกกับตัวรถที่ปัญหาน้อย บริการหลังการขายดี ลูกค้าส่วนใหญ่เขาก็ยอมจ่ายครับ
เคสของ chev ก็มีไห้เห็น ตัวรถแพง แต่มีปัญหาเรื่องคุณภาพตัวรถและบริการหลังการขาย
ลูกค้าเขาก็คงไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อหรอกครับ
แก้ไขข้อความ :
เห็น จขกท. บอกว่ามองแยกตัวรถออกจากบริการหลังการขาย
ผมมองว่าโตโยต้าตั้งราคามา "เผื่อ" ด้วยครับ
คือถ้าตั้งมาแพง แล้วรถขายดี ก็ไม่มีความจำเป็นต้องลดราคา ได้กำไรเยอะ
แต่ตั้งมาแพง แล้วขายไม่ดี มันก็จะแปรเป็นส่วนลด หรือไม่ก็แปรเป็นต้นทุนสำหรับใส่อ็อพชั่นมาเพิ่ม
เพราะหากไปตั้งราคาไม่แพง เกิดรถขายไม่ดีต้องมาลดราคาหรือใส่อ็อพชั่นเพิ่ม ต้นทุนก็จะเพิ่ม กำไรน้อยลงครับ
-
มองมุมต่างนะครับ
สิ่งที่ ford ให้ไม่ได้เลยคือความเชื่อมั่น ความมั่นใจในการใช้รถครับ ไม่ว่าจะระยะสั้น ระยะยาว รวมทั้งการซื้อง่ายขายคล่อง ราคาขายต่อ บริการหลังการขาย
ทำไมไม่คิดละครับว่า toyota ลงทุนไปเยอะแล้วในส่วนนี้และนานกว่า ford และหลายๆยี่ห้อครับ
เหมือนสินค้าจีนนะแหละครับ ที่เราบอกว่าถูกๆกัน แต่จริงๆแล้วนี้แหละต้นทุนสินค้าจริงๆเน้นขาย ไม่เน้นกำไรมาก เหมือน ford ที่ยัดๆออฟชั่นมาเยอะๆให้เต็มเพื่อที่จะอัพขายรถราคาหลักล้าน แต่พอใช้งานจริง
ถูกและดีมีที่ไหนละครับ
ผมเห็นตามนี้ล่ะครับ
บ้านผมใช้โตต้ามาเยอะ แต่ผมไม่ใช่ติ่งพี่โตนะ ตรงไหนมันห่วยผมก็จ่ะตำหนิเหมือนกัน
ถ้าเอารถยุ่นยี่ห้อไหนไปเทียบกับฟอร์ด ออพชั่นต่อราคามันก็ด้อยกว่าทั้งนั้น
แต่ลองเอาออพชั่น Altis 1.8V Navi มาเทียบกับรถที่ไม่ได้มี defects จนน่าปวดกระบาลอย่าง Civic 1.8E Navi, Sylphy 1.8V Navi
มาเทียบกับ shot ต่อ shot ดู แล้วลองดูส่วนต่างราคา
มันไม่ได้ต่างกันมากจนต้องเอามาคิดเป็นประเด็นเลย (ส่วนตัวผมว่าบางรุ่นย่อยแพงไปหน่อย และรุ่นJ ไม่ให้ ABS นี่แย่สุดๆ)
จะว่าไปรถยี่ห้อขวัญใจรถยกขายไม่ออกรุ่น MY ค้างปี ลดราคาจนยับเยินแต่เสียงตำหนิน้อยมากเลย
รุ่น 1.8LTZ ก็แพงใช่เล่น %พังก็เยอะ ออพชั่นงั้นๆ พอขายไม่ได้ก็ลดราคาจัดหนักเหมือนกัน
-
ตอบแบบไม่เอาbias เลยนะครับ
ผมมองว่าการพัฒนาเรื่องบริการหลังการขายนั้นเป็นต้นทุนที่สูงมากเอาการครับ กว่าจะออกมาดีแบบทุกวันนี้ได้ก็หมดไปไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะเรื่องอะไหล่ที่เจ้าอื่นยังบริหารจัดการได้ไม่ดีเท่า
สิ่งที่พี่โตให้ได้แต่เจ้าอื่นให้ไม่ได้คือความน่าเชื่อถือและความน่าไว้ใจครับ มาตรฐานการผลิตที่ดี มาตรฐานของอุปกรณ์ที่ใช้ต้องยอมรับว่า defect น้อยมากๆ มีบ้างที่พบปัญหา แต่ถ้าเทียบกับเจ้าอื่นก็ดีกว่าหลายขุม
ก็เลยไม่แปลกที่ราคาเท่าๆกัน พี่โตจะให้อะไรน้อยกว่า เพราะต้นทุนเบื้องหลังมันต่างกันเยอะ
ยกตัวอย่างเทียบกับสินค้าอื่นๆ
ท่านกินไก่ซีพี กับไก่ตลาดธรรมดา ทำไมต้องยอมจ่ายแพงกว่า ไก่เหมือนกัน รสชาติเหมือนๆกันด้วย ราคาเท่ากันเจ้าอื่นได้อะไรเยอะกว่ามาก ทำไมซีพีขายได้เป็นเบอร์หนึ่งของประเทศ
ไอโฟนออฟชั่นน้อยกว่าซัมซุง แถมขายแพงกว่า ทำไมถึงยังขายได้
แม้แต่รถด้วยกัน ทำไมท่านจขกท. ไม่ไปซื้อโปรตอนมาขับล่ะครับ ราคาถูกกว่า ได้ออฟชั่นเท่ากัน ดีไม่ดีมีเทอร์โบจากโรงงานมาด้วย
ของแบบนี้มันไม่ใช่ใครมีเยอะกว่า แต่อยู่ที่ว่าใครน่าเชื่อถือกว่านะครับ
สุดท้ายคือ เค้าไม่ได้บังคับให้เราซื้อนะครับ ถ้าพวกเราคิดว่าแพงไป เอาเปรียบ ก็ไม่ต้องไปอุดหนุน ถ้าของเค้าไม่ดีจริงแถมแพงสักวันเค้าก็ล้มเอง ดูจากโนเกียได้เปนตัวอย่างครับ
-
มองมุมต่างนะครับ
สิ่งที่ ford ให้ไม่ได้เลยคือความเชื่อมั่น ความมั่นใจในการใช้รถครับ ไม่ว่าจะระยะสั้น ระยะยาว รวมทั้งการซื้อง่ายขายคล่อง ราคาขายต่อ บริการหลังการขาย
ทำไมไม่คิดละครับว่า toyota ลงทุนไปเยอะแล้วในส่วนนี้และนานกว่า ford และหลายๆยี่ห้อครับ
เหมือนสินค้าจีนนะแหละครับ ที่เราบอกว่าถูกๆกัน แต่จริงๆแล้วนี้แหละต้นทุนสินค้าจริงๆเน้นขาย ไม่เน้นกำไรมาก เหมือน ford ที่ยัดๆออฟชั่นมาเยอะๆให้เต็มเพื่อที่จะอัพขายรถราคาหลักล้าน แต่พอใช้งานจริง
ถูกและดีมีที่ไหนละครับ
เห้นตามด้วยคับ
Ford Chev ไม่ใช่เจ้าตลาด ออฟชั่นมาเต็มอยู่แล้วคับ
ลองให้ใส่มาเท่ากับที่ค่ายญี่ปุ่นใส่ จากที่ยอดขายง่อยแล้ว อาจจะมีง่อยหนักกว่าเดิมนะคับ
การซื้อรถ เรามอง คิด พิจารณา มากกว่าตัวรถ คับ
-
ถ้าจะกินไก่ทอดต้อง KFC ถ้าจะกินไก่ย่างต้อง Chester's Grill ครับ
ขายไก่เหมือนกันแต่คุณภาพงานคนล่ะอย่าง
ความเป็นพี่โตมันฝั่งในใจคนไทยอยู่มาก คุณซื้อพี่โต ได้รถแบบพี่โต มันก็คือรถแบบพี่โต
รถพี่ฟอร์ดจะลดสเปกให้มันเหมือนพี่โตก็ขายยาก รถพี่โตจะเพิ่มสเปกเท่าพี่ฟอร์ดก็ไม่จำเป็น ในเมื่อตัวเองขายอะไรก็ขายได้
อารมณ์ประมาณเก็บค่าไฟอัตราก้าวหน้า ไฟก็ไม่มีอะไรใหม่ แต่เก็บๆไป ทำไมมันแพงขึ้นๆ
พี่โตการตลาดดีมาก ทำอะไรก็ได้ ผมเห็นรถพี่โตที่ขายไทยก็มีทั่วไป เยอะเยะมากมาย แสดงว่า พี่โตขายอะไรก็ขายได้ ถุงลม2ใบ-*- ยังไงก็มีคนซื้อ แมะ ทำไปได้
ยักษ์ใหญ่ตลาดรถ ขายได้ทุกรุ่น วิ่งกันเต็มถนน จับทุกกลุ่มผู้บริโภค
(ตั้งแต่ที่มี altis โฉมเก่า ผมเห็น Altis 2.0 แค่2คันเองครับ ไม่เห็นมีใครจะซื้อมาใช้กันเลย เค้าเลยเลิกไป ถ้าคิดว่า 1.8V แพงไปก็ไม่ต้องซื้อ เดี๋ยวเค้าก็เลิกทำไปเองกลายเป็นรุ่น 1.8G ราคาล้านกว่าแทน) 5555+
-
สรุปคือ เค้าเป็นเจ้าตลาดครับ ทพอะไรก็ได้ ยังไงก็ขายได้ ถามว่าตอนนี้ โตโยต้า หลังมาผมว่าบริการหลังการขายเริ่มไม่เท่าแต่ก่อนแล้วนะครับ ผมว่าถ้า ทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆระวัง โดนค่าย n และ h แซงเอานะบริการและ qc ของสองค่ายที่ว่ามาโอเคเมื่อไหร่ หึ ไม่อยากจะคิด5555
ปล. ทุกวันนี้คนที่จะซื้อรถเค้าเริ่มมองความปลอดภัยมากขึ้นแล้วนะ5555
-
เหลืออยู่แค่เรื่องเดียวคือสมรรถนะ โตโยต้าทำรถออกมากลางๆเพราะต้นทุนมันกลางๆแต่ตั้งราคามาต้องให้แพงกว่าเพราะคน90%ของประเทศซื้อแน่นอน โดยเฉพาะโฉมนี้โตโยต้าทำภายนอกมาได้สวยถูกใจในวงกว้างกว่าซีวิคที่ดูวัยรุ่นมากไป ถ้าสมรรถนะของรถนำกว่าคู่แข่งผมหล่ะไม่อยากจะนึกเลยว่าจะเป็นยังไง
-
เคยเจอไหมครับ พ่อหนู๋จะเอา แม่หนู๋จะเอา
ลูก ซีวิคสวยเท่ ฟอดก็ล้ำโลก เชฟก็รถเมกา
พ่อแม่ เอาโตโยต้าดีกว่าลูก ศูนย์ไกล้บ้าน ขายก็ราคาดี
-
ผมมองว่า การขายราคาแบบนี้มันแพงนะ แต่อย่าลืมว่ากว่าที่เค้าจะกล้าทำราคาแบบนี้มาได้ เค้าต้องได้รับความนิยมแล้วก้ความเชื่อถือขนาดไหน จริงอยู่ว่ารุ่นอื่นราคาถูกกว่า ออปชั่นเยอะกว่า แต่คุณภาพการผลิตหรือคุณภาพตัวรถในระยะยาว ยังไงโตโยต้ามันก้กินขาดครับ แต่ฝากถึงโตโยต้าจะราคาแพงกว่านี้ผมไม่ว่า แต่อุปกรณ์ออปชั่นมันควรจะเยอะกว่านี้สมตัวกว่านี้ ถ้าทำแบบนั้นได้ยังไงก็ขายได้เยอะแน่นอน
-
น้อยไปจริงๆ เครื่อง1.8 ราคาโดดเด้ง ออฟชั่นแค่นั้น เกือบล้าน1แสนแล้วอีกนิดเดียว อย่างน้อยควรใส่ถุงลมมาให้มากกว่านี้
-
ผมว่าถ้าจะเอารถไปเทียบกับของกินมันไม่ได้นะครับ
มันมีปัจจัยหลากหลาย
ไก่ซีพีกับไก่ตลาด แค่กระบวนการผลิตมันก็ต่างกันเป็นโยชน์แล้ว เค้าตั้งราคาแพงกว่าก็เพราะว่าต้นทุนเค้ามากกว่า มันก็สมควรแล้วนี่
ส่วนเรื่องการตลาด ไก่ซีพีมีการโฆษณา ไก่ตลาดไม่มี ซึ่งมันมีต้นทุนที่สูงกว่าและส่วนหนึ่งมันสามารถทำให้คนเชื่อมั่นได้อยู่แล้วว่าไม่ได้เอาไก่เน่ามาให้กิน ซึ่งไม่อาจรู้ได้เลยในไก่ตลาด
สำหรับรถยนต์ กระบวนการผลิตมันก็มาเหมือนๆกัน ส่วนที่บอกว่าต้นทุนในการสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้า มันไม่มีหรอก มันคือการบริหารจัดการที่ดีกว่าและการอยู่มานานกว่า ซึ่งยอมรับว่าโตโยต้าเขาทำมาได้ดี
ผมแค่คิดว่าโตโยต้ากำลังหาประโยชน์จากความเชื่อมั่นนั้น
แต่จะโทษใครได้ เพราะขายยังไงก็ขายได้ ในเมื่อค่ายรองให้ความเชื่อมั่นนั้นไม่ได้ มันยังมีกลุ่มคนที่มองหารถที่มันทน บริการหลังการขายที่มันดี แพงกว่าเจ้าอื่นก็ยอมจ่าย และมากด้วย ซึ่งก็จะโทษเขาพวกนั้นไม่ได้อีกนั่นล่ะ
ผมเกลียดวิธีการแบบนี้ ขายของ คิดถึง Maximum Profit ก็จริง แต่มันต้องมีจุดที่สมดุลระหว่างกำไรและความจริงใจต่อผู้บริโภคสักจุดสิ
อยากให้โตโยต้าโดนตอกหน้าหงาย อยากให้ค่ายรองพัฒนาหลังการขาย และอยากให้สักวัน ผู้บริโภคในไทยได้เป็นต่อ ไม่ใช่เขาชี้นกก็เป็นนก อยู่อย่างนี้
ผมไม่รู้ว่าที่พูดไปเป็นกลางหรือเปล่าแต่ก็ตามที่คิด และถ้าจะเทียบ "ฟีลลิ่ง" ในการใช้งานระหว่างโฟกัสกับอัลติส ไอโฟนกับซัมซุง ผมว่าไอโฟนคือโฟกัสนะ ไม่ใช่โตโยต้า
-
คือการตั้งราคาโตโยต้าหลังๆ รุ่นท้อปราคาจะโดดมาก ออปชั่นก็จัดให้ไม่น้อยหน้าคู่แข่ง (ยกเว้นถุงลม ไม่รู้จะงกทำซากอะไร จะ 2 ใบคู่หน้า จนน้ำมันหมดโลกป่ะ) แต่ราคาตูต้องแพงที่สุดในเซกเมนต์ ใครก็ห้ามหืิอ
รถเค้ามีดีทีทนมือทนเท้า ใชัไปไม่ต้องกลัวกินข้าวลิง หาช่างซ่อมได้ทั่วไทย งานประกอบดีสมราคารถ ถ้าเทียบกับเจ้าอื่น บริการหลังการขายรู้สึกจะดรอปลงจากที่ผมสัมผัสมา ศูนย์ดีๆ ช่างพูดภาษาคนรู้เรื่องเริ่มลดลงบัาง แต่ก็ยังดีกว่าค่ายอเมริกันอยู่หลายช่วงตัว
สุดท้ายนี่ขอฝากพี่โตว่า จะตั้งราคาแพงก็ตั้งไปครับ เพราะคุณมองข้ามเสียงผู้บริโภคอย่างเราๆท่านๆ ไปหมดแล้ว แต่ได้โปรดใส่ใจความปลอดภัยมากกว่านี้ ถุงลม 2 ใบมากี่ชาติแล้วถามจริง เอาเข้ามาค่ายแรกๆเลยหนิ ถัาจำไม่ผิด
-
ราคานี้ก็พอไหวนะครับ ถ้ามันจะมีถุงลม 4 ใบ....
-
ผมเลิกใช้ โตโยต้า แล้วครับ ด้วยเหตุผลคล้ายๆกับ เจ้าของกระทู้ ทั้งกระบะทั้งรถเก๋ง
และ Prius คงเป็นคันสุดท้ายของที่บ้านแล้วครับ มีญาติพี่น้องคงต้องเชียร์ให้ซื้อยี่ห้ออื่นๆแทน
การเป็นเจ้าตลาดและศูนย์บริการเยอะไม่ได้หมายความว่าการ service จะดีตามมาด้วยนะครับ
-
ดีแล้วครับราคาแบบนี้
ผมตัดสินใจง่ายครับ
รถที่ผมตัดสินใจซื้อเอง ไม่มี"โตโยต้า" สักคัน
ในอดีตผมตัดสินใจ ณ Moment นั้น แบบนี้ครับ
2009 Isuzu DMax vs Vigo --> DMax
2010 Mitsu Triton LPG vs Vigo LPG ->Triton
2012 Teana J32 250XV vs Camry acv50 HB -->J32
2014 Next decision Yaris vs Celerio -->? ? ?
2015 New Trition vs DMax vs new Hilux ? ? ?
-
ผมลูกค้าฟอร์ดครับปัจจุบันใช้ 2.0Gdiอยู่
เห็นราคาAltis ตัวTop1.8 ครั้งแรกตกใจเหมือนกัน แต่อย่าลืมนะครับ Yaris 1.2 ก็ทำตัวเลข0-100 ,80-120 ,Top Speed เท่าเครื่อง1.5มาแล้ว
ไม่แน่ถ้า1.8ทำได้ เกมส์พลิกเลยนะครับ Toyota ฆ่าเรียบแน่
-
ผมว่า เจ้าของกระทู้ก็อย่าไปตามเกมส์ โตโยต้าดิครับ
แนวการขายของโตโยต้าก็คือ ให้ส่วนลดเยอะ ถึงลดจะราคา 1 M + ถ้าอีกสักพักส่วนลด 100,000 B ราคาลดก็คือ 9xx,xxx ละ
ต่างจากค่ายอื่น H ที่ไม่ค่อยได้ส่วนลดเท่าไหร่ แต่ตั้งราคามาเหมาะสมแล้ว มันก็เท่ากัน เดียวส่วนลดมันจะมาเองละครับ เวลา H เปิดตัว City กับ Civic mc
อีกอย่าง ค่าว่าแพงเกินรับได้จริงๆ (ชื่อกระทู้) มันเป็นเสียงคนส่วนใหญ่หรือคนส่วนน้อยละครับ รอดูสัก 3 เดือนดูยอดขาย ถ้าขายได้น้อย ราคาไม่เหมาะสมของเจ้าของกระทู้ ก็คงถูกต้องแล้วครับ ถ้าขายได้เยอะ ก็แปลว่า คำว่าแพงเกินรับได้จริงๆๆ นั้นเป็นเหตุผลส่วนตัวของคนกลุ่มน้อยนะครับ
ส่วนตัวผมชอบ ตัว TOP เลยละครับ ถ้าจะซื้อ ผมคงจะซื้อตอนมีส่วนลด 7x,xxx ขึ้นไปละครับ เพราะผมไม่ตามเกมส์การตลาดโตโยต้า แล้วไม่ เห่อของใหม่ จะใช้เพราะความชอบเท่านั้น
อีกอย่างนะครับ จากที่เห็นเพื่อนผมซื้อรถกัน เค้าไม่ดูราคายอดจริงเท่าไหร่หรอกครับ เค้าดู ดอกเบี้ย กับ ผ่อนตอนเดือนกี่บาท ขอแค่ผ่อนถูกๆนานๆ ราคารถจะสูงก็ไม่สำคัญหรอกครับสำหรับ มนุษย์เงินเดือนทั่วไป
-
เรื่อง ออปชั่นต่างๆ นะสู้ไม่ได้จริงๆ การขับขี่เป็นไงนั้นยังบอกไม่ได้ แต่ถ้าขายจริงๆไม่ได้ก็ลดราคาลงมาสู้นะครับ ;D ;D
-
เดี๋ยวมีส่วนลด 50,000 - 100,000 และอื่นๆอีกมากมาย ;D
-
ราคาตั้งได้ตามมาตราฐานพี่โตมาก แพงกว่ารถอื่นที่อยู่ระดับเดียวกัน
-
ราคาขายต่อพี่โตดีกว่า ยกเว้นรุ่น altis นี่แหละ เพราะคนมันไม่ชอบให้รถตัวเองเหมือน taxi รถดี แต่ต้องคำสาป ขายต่อยากชิหาย
-
ผมว่าถ้าจะเอารถไปเทียบกับของกินมันไม่ได้นะครับ
มันมีปัจจัยหลากหลาย
ไก่ซีพีกับไก่ตลาด แค่กระบวนการผลิตมันก็ต่างกันเป็นโยชน์แล้ว เค้าตั้งราคาแพงกว่าก็เพราะว่าต้นทุนเค้ามากกว่า มันก็สมควรแล้วนี่
ส่วนเรื่องการตลาด ไก่ซีพีมีการโฆษณา ไก่ตลาดไม่มี ซึ่งมันมีต้นทุนที่สูงกว่าและส่วนหนึ่งมันสามารถทำให้คนเชื่อมั่นได้อยู่แล้วว่าไม่ได้เอาไก่เน่ามาให้กิน ซึ่งไม่อาจรู้ได้เลยในไก่ตลาด
สำหรับรถยนต์ กระบวนการผลิตมันก็มาเหมือนๆกัน ส่วนที่บอกว่าต้นทุนในการสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้า มันไม่มีหรอก มันคือการบริหารจัดการที่ดีกว่าและการอยู่มานานกว่า ซึ่งยอมรับว่าโตโยต้าเขาทำมาได้ดี
ผมแค่คิดว่าโตโยต้ากำลังหาประโยชน์จากความเชื่อมั่นนั้น
แต่จะโทษใครได้ เพราะขายยังไงก็ขายได้ ในเมื่อค่ายรองให้ความเชื่อมั่นนั้นไม่ได้ มันยังมีกลุ่มคนที่มองหารถที่มันทน บริการหลังการขายที่มันดี แพงกว่าเจ้าอื่นก็ยอมจ่าย และมากด้วย ซึ่งก็จะโทษเขาพวกนั้นไม่ได้อีกนั่นล่ะ
ผมเกลียดวิธีการแบบนี้ ขายของ คิดถึง Maximum Profit ก็จริง แต่มันต้องมีจุดที่สมดุลระหว่างกำไรและความจริงใจต่อผู้บริโภคสักจุดสิ
อยากให้โตโยต้าโดนตอกหน้าหงาย อยากให้ค่ายรองพัฒนาหลังการขาย และอยากให้สักวัน ผู้บริโภคในไทยได้เป็นต่อ ไม่ใช่เขาชี้นกก็เป็นนก อยู่อย่างนี้
ผมไม่รู้ว่าที่พูดไปเป็นกลางหรือเปล่าแต่ก็ตามที่คิด และถ้าจะเทียบ "ฟีลลิ่ง" ในการใช้งานระหว่างโฟกัสกับอัลติส ไอโฟนกับซัมซุง ผมว่าไอโฟนคือโฟกัสนะ ไม่ใช่โตโยต้า
ท่านพูดได้โดนมากครับ เหตุผลของท่านตรงจุดเลยนะผมว่า
-
รถ Ford ขายได้น้อยกว่า แต่ปัญหาตามมาเยอะกว่า ผมว่าเหมือนมือถือจีนแดง Option เต็ม ใช้ไม่นานก็พังครับ
-
ผมคิดว่าพี่โตเค้าอาจจะมีต้นทุนในหลายๆจุดที่สูงต่างจาก ford นะครับ
ตามความคิดของผม ต้นทุนวัสดุและการพัฒนาสินค้าที่ใช้ได้ทน 100,000-200,000 กม. น่าจะสูงกว่า สินค้าที่ใช้ได้ 50,000-60,000 กม. เช่นเกียร์ ระบบไฟ หรือช่วงล่าง เครื่องยนต์ ฯลฯ ที่เป็นจุดที่คนซื้ออย่างเราๆไม่เห็นในโบรชัวร์นะครับ,
ผมเคยเข็ดกับรถฝรั่งยี่ห้อ เชXX 1.8xx (รุ่นเก่า)เกียร์เสียเหมือนตั้งเวลาไว้ ซ่อมแล้วขายต่อแบบเข้าเนื้อไป ยังปวด(แค้น)ใจอยู่เลยครับ
ป.ล. แต่ก็ยังอยากให้ Altis ราคาถูกกว่านี้หน่อย แพงไปนิดเก็บตังอีกหน่อยได้พรีอุสแล้วนะเนี่ย
-
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่ากำไรต่อคันมีมากกว่าเจ้าอื่นแน่นอน
แต่ถามว่าเอาเปรียบไหม คงมีเนื่องจากถือโอกาสเป็นเจ้าตลาด ตั้งราคาได้สูงกว่า
แต่คงจะเอาเปรียบไม่ทั้งหมดสักทีเดียว เพราะโตโยต้า เป็นรถชนะใจผู้บริโภค จนขายดีอันดับ 1 ของโลกได้ ย่อมอาจจะแฝงด้วยต้นทุนเหล่านี้ อาทิเช่น
- ต้นทุนการจ้างบุคคลากรที่คุณภาพมากกว่า เช่น วิศวกรที่เก่งกว่า, ฝ่ายพัฒนา R&D ที่เก่งกว่า, ฝ่ายจัดซื้อที่เก่งกว่า ฯลฯ เป็นต้น ทำให้ได้รถที่ QC ดีกว่าและปัญหาจุกจิกน้อยกว่าเจ้าอื่น
- ต้นทุนของการทำระบบโรงงานผลิตให้มีคุณภาพ ค่าพัฒนาสายการผลิตโรงงาน ค่าอุปกรณ์ เครื่องจักร ในโรงงาน ตรวจสอบคุณภาพเครื่องจักร ฯลฯ ซึ่งทำให้การผลิตรถโตโยต้า แทบจะเป็นต้นแบบของระบบโรงงานที่ดีของโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็คงส่งผลให้รถมี QC ที่ดีกว่า รวมถึงการผลิตรถได้เร็วกว่าเจ้าอื่น (ปัญหาส่งรถช้ามีน้อยกว่าเจ้าอื่นมาก)
- ต้นทุนเรื่องเครื่อง 1.8 คงต้องรอดูเรื่องอัตราเร่งอีกที เพราะถ้ามันแรงเท่าๆ 2.0 ก็แปลว่าเค้ามีค่าการพัฒนามาอีกครับ ส่วนผู้บริโภคก็จะได้เรื่องประหยัดน้ำมัน
- นอกนั้นคงเป็นต้นทุนด้านการตลาด เช่น โฆษณา ซึ่งอันนี้ผู้บริโภคไม่ได้ประโยชน์ครับ ซึ่งวันนึงถ้าเจ้าอื่นพัฒนาคุณภาพได้ทัดเทียม ราคาก็คงลดลง ตามกลไกการแข่งขันของตลาด
ซึ่งคุณภาพรถ ความเชื่อมั่น ผมมองว่าก็เหมือนเป็นออฟฟั่นหนึ่งของรถเลยครับ
เช่น
ยี่ห้ออื่นมี ออฟชั่นที่มากกว่าโตโยต้าอยู่ 3 ข้อ
ส่วนโตโยต้า ออฟชั่นน้อยกว่า 3 ข้อ แต่จริงๆ เหลือ 2 ข้อ เพราะข้อหนึ่งที่เพิ่มมาคือความเชื่อมั่นในคุณภาพรถ
ซึ่งมูลค่าสิ่งนี้แล้วแต่ แต่ละคนจะประเมิน และยอมจ่ายไหม ครับ
-
ไม่เห็นแปลกเลยครับท่าน โตโยต้าก็คือ โตโยต้า ขับง่ายขับสบาย
ถ้ารถออฟชั่นเต็มอย่าง focus แต่ขับแล้วกังวล ห่วงนู่นนั่นนี่ มันก็ไม่สบายใจนะครับ
ผมเคยไปขอ test drive new Focus 2.0
2 ครั้ง 2 คัน 2 ศูนย์ ไม่เคยสตาร์ทรถติดเลยครับ !!! สาบาน
คันแรก 5 ประตูสีดำ ศูนย์บอกว่าไม่ค่อยมีคนมา test รถรุ่นนี้ เรียกช่างมา ทำนุ้นนั่นนี่ ผ่านไป 20 นาที ยังสตาร์ทไม่ติด !!!!
ผมเลยลองแต่รุ่น 1.6
คันที่สอง 4 ประตูสีขาว ต้องนำสาย jump batt มาถึงสตาร์ทติด
แฟนสะกิดแขนบอก พอเถอะยี่ห้อนี้ ระบบไฟเยอะเกิน ผมชอบ Focus มาก ออฟชั่นเทพ ที่มาในราคารถญี่ปุ่น
แต่ถ้าขับ ๆ แล้วกังวลไม่สบายใจ หาอะไหล่ยาก นอกศูนย์ก็น่าจะหาคนซ่อมยากเหมือนกัน
ส่วนเรื่อง Altis 1.8 ราคา ล้านกว่า ถ้าคิดว่ารุ่นนี้ไม่คุ้ม ก็ซื้อรุ่นกลาง ๆ หรือ รุ่นล่างสิครับ
สมัยก่อน Accord G 3 ก็ราคา 5-6 แสนเองนิครับ
ผมว่าอนาคต 1.6 C segment เกิน 1 ล้านแน่นอนครับ ;D
-
สิ่่งหนึ่งที่ผมยังชอบโตต้าอยู่ ก็คือ การเบิกอะไหล่ระยะยาวครับ 10 ปีขึ้นไปยังเบิกอะไหล่ 0 ได้ทุกชิ้นเลย เจ้าอื่นลำบากมาก
ปัญหาตัวรถก็ค่อนข้างน้อยครับ
แต่น่าเสีย ออฟชั่น กับระบบความปลอดภัยนี่ เหนื่อยใจเลยจริงๆ ใส่มาให้น้อย ดังนั้น ผมเลือกใช้โตต้าตอนเป็นรถุมือสองดีกว่า แทนที่จะออกป้ายแดงครับ ;D ;D รุ่นทอป ราคามือสาองแต่ละรุ่นก็ไม่ได้แพงอะไรมากเทียบกับค่ายอื่น
-
Altis 1.8 เกิน ล้านมาแล้วครั้งนึง ชิวๆ ครับ ตอนน้น ล้านหน่อยๆ เอา ขึ้นแค่นี้ ผมว่าชิวๆ ครับ ตกใจกันไปทำไม
;D
ที่น่าตกใจ ผมว่าราคากระบะมากกว่าครับ
ส่วน d seg นี้ ราคาก็จะไป 2 ล้าน ซึ่งผมว่า พี่เขาต้องปีนไปถึงแน่ๆ เลย
-
Altis มือ 2 ขายได้ราคาดีนี่ผมเถียงขาดใจเลย
-
เมื่อตอนวัยเยาว์ ผมเกลียดรถที่เอาไปใช้ทำแท๊กซี่มากมาย รวมถึงรถที่คนเขาใช้กันเยอะๆ
ผมมักมองว่า โหล โลว์เกรด เวลาขอพ่อซื้อรถ จะเอาแต่รถที่ไม่เหมือนใคร หรือรถยุโรปมือสองก็ยังดี
แต่เมื่อผ่านมาได้ซักระยะ ได้ทำงานเก็บเงินซื้อรถเอง ก็ทำตามหัวใจตัวเอง...
แต่มา ณ ปัจจุบัน ผมก็ยังทำตามหัวใจตัวเองอยู่บ้าง แต่ด้วยประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านมาในชีวิต
_รถเสียที่ตจว บ้าง
_อะไหล่ตัวหลักๆต้องรอนานมากๆบ้าง
_อยากขายเพื่อเปลี่ยนรถใหม่แบบด่วนๆบ้าง
ทำให้ผมรู้ว่า พี่โตเขามีดีที่ตรงไหน
ถึงปัจจุบัน ผมจะยังซื้อรถตามหัวใจตัวเอง คือไม่อยากโหล ไม่อยากซ้ำ ล่าสุด ผมเพิ่งถอย alphard 2nd ปี10 มาใช้ประจำการในครอบครัวครับ พี่โตคันแรกเลยนะเนี่ย
-
สิ่่งหนึ่งที่ผมยังชอบโตต้าอยู่ ก็คือ การเบิกอะไหล่ระยะยาวครับ 10 ปีขึ้นไปยังเบิกอะไหล่ 0 ได้ทุกชิ้นเลย เจ้าอื่นลำบากมาก
ปัญหาตัวรถก็ค่อนข้างน้อยครับ
แต่น่าเสีย ออฟชั่น กับระบบความปลอดภัยนี่ เหนื่อยใจเลยจริงๆ ใส่มาให้น้อย ดังนั้น ผมเลือกใช้โตต้าตอนเป็นรถุมือสองดีกว่า แทนที่จะออกป้ายแดงครับ ;D ;D รุ่นทอป ราคามือสาองแต่ละรุ่นก็ไม่ได้แพงอะไรมากเทียบกับค่ายอื่น
ผมว่ารถเก่า Honda หาอะไหล่เบิกง่ายกว่า toyota อีกนะ Civic EF รุ่นเตารีด(ไม่ใช่EGนะ) ทุกวันนี้เบิกอะไหล่ศูนย์ได้ทุกชิ้น ซ่อมที่ศูนย์ก็ยังได้เพราะทุกศูนย์มี service manual รุ่นนี้หมด ไปศูนย์ฮอนด้าทีไรเจอรถเก่าเข้าศูนย์ประจำครับ
-
ผมว่าตัว 1.8E กับ 1.6G ถ้ามีที่วางแขน อีกอย่างนึงนี่จบเลยนะครับ
ดูคุ้มค่ามากๆ แต่ทำไม่ได้เพราะมันต้องไปเปน Taxi ด้วย
โดยส่วนตวั option พวกไฟ projector ใน Civic ผมเฉยๆ มากครับ
ส่วนแอร์ออโต้ แยกฝั่งของ Sylphy ก็เรื่องเล็กๆ มากครับ
ผมชอบแอร์หมุนธรรมดามากกว่า ใช้งานง่ายดีครับ
ส่วนตัว 1.8G V ผมว่า ดูยาวๆ มันก็คุ้มนะครับ อย่างลืมว่า Toyota 1.8 ตัวที่แล้ว อัตราเร่งเท่ากับ 2.0 ของ civic และ EX เลยนะครับ
แบบนี้ เราซื้อแค่ตัว 1.8 ก็พอแล้ว เสียภาษีถูกด้วย
ผมว่าเผลอๆ ตัวนี้ ต่ำกว่า 10 วิครับ เพราะแรงม้ามากกว่าเดิมด้วย
รอดูกันก่อนครับ
-
สิ่่งหนึ่งที่ผมยังชอบโตต้าอยู่ ก็คือ การเบิกอะไหล่ระยะยาวครับ 10 ปีขึ้นไปยังเบิกอะไหล่ 0 ได้ทุกชิ้นเลย เจ้าอื่นลำบากมาก
ปัญหาตัวรถก็ค่อนข้างน้อยครับ
แต่น่าเสีย ออฟชั่น กับระบบความปลอดภัยนี่ เหนื่อยใจเลยจริงๆ ใส่มาให้น้อย ดังนั้น ผมเลือกใช้โตต้าตอนเป็นรถุมือสองดีกว่า แทนที่จะออกป้ายแดงครับ ;D ;D รุ่นทอป ราคามือสาองแต่ละรุ่นก็ไม่ได้แพงอะไรมากเทียบกับค่ายอื่น
ผมว่ารถเก่า Honda หาอะไหล่เบิกง่ายกว่า toyota อีกนะ Civic EF รุ่นเตารีด(ไม่ใช่EGนะ) ทุกวันนี้เบิกอะไหล่ศูนย์ได้ทุกชิ้น ซ่อมที่ศูนย์ก็ยังได้เพราะทุกศูนย์มี service manual รุ่นนี้หมด ไปศูนย์ฮอนด้าทีไรเจอรถเก่าเข้าศูนย์ประจำครับ
ครับ แต่ผมคิดว่าคนใช้ toyota พอเกิน 3 ปีไปแล้ว ไม่เข้าศูนย์นะครับ
แบบผมเอง ใช้ มีนา คงไม่เข้าเหมือนกันครับ 555 ถ้าไม่ได้โปรนะครับ
คันเก่า corolla 2 คัน ไม่เคยเอาเข้าศูนย์เลยครับ
ซ่อมอู่ taxi ตลอด
-
ถ้าเรามองรถเป็น
- สมรรถณะอัตราเร่ง
- ความประหยัด
- ขับสนุก
- ออพชั่นเยอะ
- ปลอดภัย
ถ้าแบบนี้ Ford Focus โคตรชนะครับ มันคือ Benchmarkเลยก็ว่าได้
แต่อันที่จริงมันมีมากกว่านั้น เพียงแต่คนจะไม่รู้สึกว่ามันสำคัญจนกว่ามันจะเสีย
- สายไฟในรถ มีราคาถูกและแพง
- อุปกรณ์ไฟฟ้า มีราคาถูกและแพง
- ทุกสิ่งอย่างแม้แต่ตัวน็อตเล็กๆหรือซีลประเก็น มีของเกรดดีและไม่ดี
- ทุกอย่างที่ประกอบมาเป็นรถหนึ่งคัน ไม่ได้เอามาฟรีๆ การทำ component สักส่วนของรถ
ผมยกตัวอย่างง่ายๆ คุณคิดว่าอะไรน่าลงทุนกว่ากันระหว่างทำกระจกไฟฟ้าโดยใช้component
ที่รับประกันเลยว่าจะใช้งานได้ไป 20 ปี หรือใช้ component ที่อยู่ได้แค่ 5 ปี พอถึงเวลารถใครเสีย
ก็ค่อยเปลี่ยนเอา แล้วลองดูครับว่าจะตัดสินใจยังไง ฟิวส์ตัวนึงมันก็ต้องผ่านการคิดเรื่องนี้ครับ
- รถยนต์ ถ้าขนาดเท่ากัน เทคโนโลยีใกล้เคียงกัน เซกเมนต์ใกล้กัน ต้นทุนห่างกันไม่มากหรอกครับ
มันไม่ใช่มหกรรมการกุศลที่บริษัทรถยนต์จะประเคนของดีทุกอย่างให้ผู้บริโภคได้ ทำให้รถคันนึง
มีดีมีเสีย ดังนั้นเมื่อคุณเห็นรถที่เป็นประเภทใกล้กัน ตัวถังใกล้ๆกัน (และแน่นอนคิดภาษีแบบเดียวกัน)มาสองคัน รถทั้งคู่ราคาล้านกว่าทั้งคู่ คุณต้องถามก่อนว่า แต่ละเจ้าน่ะ
เขาเอาเม็ดเงินไปลงทุนกับตรงไหนในรถคันนั้น
อ้อ..แต่อย่าลืมว่าพอมาคิดเป็นราคาขายแล้ว สิ่งที่รวมอยู่ในรถคันนั้นนะมีทุกอย่างที่หล่อเลี้ยงองค์กรนะ
เงินเดือนพนักงานเอย ค่าโฆษณาเอย...อิอิ
ปล. ความเห็นส่วนตัวนะ Altis ตัวท้อปแพงไปจริงๆ..เมื่อเทียบกับรถ 1.8 ลิตรจากญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆ
แต่ผมว่ามันแพงเกินไปราวๆ 2-3หมื่นบาท..ไม่ใช่แสน..อยากรู้ว่าทำไมผมคิดแบบนั้น เชิญกางออพชั่นรถญี่ปุ่น 1.8 ทั้งหมดและราคาเทียบกันดูเอาครับ
ส่วน Ford ผมยืนยันความเห็นเดิมครับ ถ้าให้เช่าขับเองไม่เกินเดือน ผมเลือก Ford ก่อนใคร
(คะนแนน Best Drive ซึ่งมองรถที่ตัวรถโดยไม่มองระยะยาวกับการบริการ..เป็นตัวชี้วัดได้นะ)
แต่ให้ใช้เอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งซื้อใช้ยาวๆ 7-10 ปี
ผมขอบายครับ โคตรขอบาย คนใกล้ตัวที่ใช้อยู่ผมพบว่า ถ้าคุณไม่ได้รัก Ford ไม่ได้รู้เรื่องรถ และไม่ได้ชื่นชอบช่วงล่างของมันการขับขี่ของมัน..จบไม่สวยสักราย แต่ถ้าคุณชอบข้อดีของมัน ข้อดีเหล่านี้จะทำให้คุณพยายามรักษามันไว้ และมันจะกลายเป็นรถที่คุณรักแม้จะมีอุปสรรคบ้างก็ตาม
-
ความเป็นเจ้าตลาด มันตีราคาไม่ได้หรอกครับ คู่แข่ง 1.069m ก็ตั้งเท่ากัน เจ้าตลาด ตั้งต่ำกว่า คงดูแปลกๆ จะลดกำไรทำไม ยังไงก็ขายได้ แต่คงเน้นรุ่นล่างๆ มากกว่า ซึ่งราคาไม่ได้เวอร์จนเกินไป แต่พี่โตเป็นแบบนี้อยู่แล้วครับ
ส่วนตัวผมเปลี่ยนรถมาเกิน 10 คันรวมของที่บ้าน ไม่เคยซื้อพี่โตเลยสักคัน เพราะวัสดุ และราคาครับ มีพี่สาวเพิ่งจัด prius เพราะประหยัด รุ่นนี้ต้องยกให้เขาเลย แต่ดู camry 2.0 สิ เกียร์ 4 speed อันนี้ไม่ไหวนะ ราคาก็เท่าๆ กันกับ accord ที่ว่าให้มา 5 speed ด่ากันเยอะ เกียร์เก่า เครื่องเก่า
ความเป็นเจ้าตลาด บางทีก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลครับ
-
เห็นด้วยที่รุ่นท็อปราคาแพงเกินเหตุครับ รถ 1.8 ทะลุล้านแถมไปแตะราคของ 2.0 บางตัวนี่บ้าไปแล้ว
แต่ลองมามองกับสิ่งที่รถให้มานั้น ถือว่าคุ้มอยู่ครับ แต่ราคา ยังไงผมก็เห็นว่าควรจะทะลุล้านมานิดหน่อยเท่านั้น ไม่น่าพุ่งโด่งขนาดนี้
และรุ่นที่น่าจะขายดีคงเป็น 1.6G 1.8E 1.8S นี่แหละ เพราะราคาสมเหตุสมผลดี อีกอย่าง คนซื้อ Toyota ตัว Top มีน้อยมาก ลองสังเกตได้เลย
ตอน Vios S ราคาตั้ง 734,000 ก็ไม่เห็นว่าจะขายไม่ออก เพราะคนส่วนมากถ้ามอง Toyota จะมองการใช้งาน ก็หารุ่นกลางๆก็พอ
-
มันจะไม่แพงได้ยังไง ก็เพื่อพลาดท่าแบบ camry ลดราคาสู้เลย คนซื้อก่อนเงิบเป็นทิวแถว
รอสอยตอน minor ก็ไม่สายครับ ลดเป็นแสน ตัวเก่า model 2013 ลด หลักแสน upๆ (น้องขายอยู่ เหลือเฉพาะรุ่น top)
ผมไม่ได้มาขาย ไม่ต้องขอเบอร์เซลล์ผมนะครับ ฮาฮา แ่ค่บอกแนวทางไว้
-
ใครที่บอกว่าการลงสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้า มันไม่มี...ผมว่ามันไม่ใช่และมันเยอะมากด้วย
เอาที่ผมสัมผัสนะ..คือผมเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง...สร้างพวก Showroom มาเป็นสิบๆที่ เกือบทุกยี่ห้อ
ที่เห็นคือการลงทุนในความเชื่อมั่นของToyota นี้ละ คือเครื่องไม้เครื่องมือมือต่างๆนี้จัดเต็มตลอด..ศูนย์บริการนี้แบบว่ามีครบทุกอย่าง...นี้ละเชื่อมั่น..บางยี่ห้อไปเอาห้องแถวเป็น Showroom บางยี่ห้อทำShowroom ยังกะโกดัง
........นี้ละความเชื่อมั่น..........
เวลา เวลาToyota ประเทศไทย มาตรวจ นี้คืออะไรที่ปวดหัวมาก..จะเยอะไปไหน..เรื่องมากไปไหนนี้ลงทุนแค่ศูนย์นะยังไม่รวมบุคคลากร
และที่บอกว่า คนออกค่าใช้จ่ายคือเจ้าของ Showroom ไม่ใช่ Toyota ประเทศไทย ก็ถูกครับ....และนั้นงั้น..ในเมื่อเขาลงทุนเยอะ...ก็ต้องตั้งราคาเพื่อผลกำไรเยอะเพื่อให้ เจ้าของ Showroom อยู่ได้
บางคนเลือกที่จะซื้อศูนย์บริการแถมรถ
บางคนเลือกที่จะซื้อรถไม่ศูนย์แถมบริการ
-
ผมกลับมองว่าออฟชั่นมันก็พอๆกับรถ 2.0 ลิตรค่ายอื่นที่ตั้งราคากันล้านนิดๆนะครับ (ไม่นับ focus)
โอเคเครื่องมันเล็กกว่าเขา แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า 2.0 ลิตรของค่ายอื่นน่าจะโดนเจ้า 1.8 dual vvti นี่เก็บเรียบ
ถ้าอย่างงั้นมันก็ไม่ได้แพงไปจนรับไม่ได้สิครับ?
-
รู้แต่ว่าคนรู้จักที่จะซื้อโต ส่วนมาก เป็นคนไม่มีความรู้เรื่องรถ " เลย "
แบบไม่คิดไรมาก รถมีไว้ขับ ซ่อมง่าย ศูนย์เยอะ
ยกตัวอย่างเช่น mazda ผม ศูนย์ไม่เยอะ อาจจะต้องขับรถไปไกลขึ้นสักเล็กน้อยเพื่อเข้าศูนย์ ( แต่ก็รับได้นะ )
-
ผมยังเชื่อว่า Toyota ไม่ได้ขายรถที่ดีที่สุด
แต่ขายระบบ Life cycle ของรถที่ดีอันดับต้นๆ (ถ้าผมไม่เห็นรางแปลกๆ ผมก้คงจะบอกว่าดีที่สุด)
-
การเบิกอะไหล่ระยะยาว
honda ก็ไม่เเพ้นะครับ
-
ไปดูมาแล้วครับ รถน่าใช้มากคับ วัสดุ ผมยอมรับเลย ดีกว่าที่คิดไว้ และดีกว่าตัวที่แล้วแน่นอนคับ
ถ้าเป็นผม ไม่ลังเลเลยคับ
ตัว 1.8E พอแระคับ
อยากได้รถเติม E85 ได้ สีเบสคับ
-
ผมเลิกใช้ โตโยต้า แล้วครับ ด้วยเหตุผลคล้ายๆกับ เจ้าของกระทู้ ทั้งกระบะทั้งรถเก๋ง
และ Prius คงเป็นคันสุดท้ายของที่บ้านแล้วครับ มีญาติพี่น้องคงต้องเชียร์ให้ซื้อยี่ห้ออื่นๆแทน
การเป็นเจ้าตลาดและศูนย์บริการเยอะไม่ได้หมายความว่าการ service จะดีตามมาด้วยนะครับ
เห็นด้วยครับ ผมก็เป็นเช่นเดียวกัน
-
ผมคิดว่า ถ้า สับที่กันระหว่าง Ford หรือ Chev เป็นเจ้าตลาด กับ Toyota เป็นท้ายแถว
ผมก็คิดว่า Ford Chev คงไม่ให้ออฟชั่นมาเยอะขนาดนี้ (เรื่องอะไรจะให้ละในเมื่อเราเป็นเจ้าตลาด)
มองง่ายๆคิดง่ายๆครับ ถ้ารถตัวเองมีความเชื่อมั่นแล้ว จะเพิ่มออฟชั่นทำไม ในเมื่อคนส่วนมากก็คงซ์้อเพราะความเชื่อมันในยี่ห้ออยู่ดี
ในทางกลับกัน Ford และ Chev ก็ต้องคิดแล้วว่า ยังไงรถตัวเองก็ต้องสู้ Toyota ไม่ได้ เอาวะ จัดออฟชั่นมามากหน่อย
เผื่อคนซื้อรถเพราะออฟชั่นจะหันมามองเราบ้าง แต่!.... ใครจะไปรู้ว่า ออฟหชั่นที่ได้เพิ่มมา กลับแลกด้วยคุณภาพวัสดุอุปกรณ์ที่ลดลง
(ทำไงได้หละ ก็ต้องลดต้นทุนเท่าที่จะทำได้) เพื่อเอาออฟชั่นมาเป็นจดสนใจ ......
ส่วนเรื่องบริการหลังการขาย อันนี้อยู่ที่จิตใต้สำนึกของผู้ผลิตรถยนต์ล้วนๆแน่นอน ครับ ไม่เกี่ยวกับต้นทุนการผลิตหรือกำไรรถต่อคันมากมายนักหรอก .....
-
ส่วนตัวผมก็รู้สึกว่าตัว Top 1.8navi ของ New Altis 2014 แพงไปจริงๆ
แต่รุ่นที่ผมมองว่าคุ้มค่า คือ 1.8S หรือ 1.8E sport ครับ ลองหา Option เปรียบเทียบอีกซักรุ่นดูครับ
-
เรื่องของบริการหลังการขาย ผมมองแยกจากตัวรถนะครับ
ศูนย์ฟอร์ดห่วยแตก และช่างไม่เก่งแก้ไม่จบ อันนี้ผมยอมรับว่าจริงแท้แน่นอนเลยครับ
แต่ศูนย์บริการมันคือการลงทุนของเจ้าของโชว์รูมนะครับ โตโยต้าเขาไม่ได้มาลงทุนสร้างให้ ดังนั้นจะบอกว่าจุดนี้คือต้นทุนรถคงไม่ใช่ครับ
ผมมองว่าต้นทุนรถ มันก็พอๆกันครับ อยู่ที่ใครจะเอากำไรต่อคันมากกว่า
จุดนี้ผมมองว่า โตโยต้าเอากำไรต่อคันเยอะมากเกินไป เพราะเขามองว่ายังไงเขาก็ขายได้
มองแบบนี้ก็มีส่วนถูก และมีส่วนไม่ถูกครับ
ศูนย์บริการ คือการลงทุนของเจ้าของโชว์รูมก็จริง แต่ในวรรคถัดไปคุณอุบลวรรณ บอกเองกว่า
อยู่ที่ใครจะเอากำไรมากกว่ากัน ดังนั้น ผมจะลองขยายความให้ดูนะครับ
ยกตัวอย่างเช่น (ย้ำอีกทีนะครับ ว่ายกตัวอย่าง)
Altis แทนด้วย รถ A ขาย 1,069,000 กำไรต่อคัน 300,000 บาท แบ่งให้ดีลเลอร์ 10% คือ 30,000 บาท
ดังนั้น ดีลเลอร์จะได้ส่วนแบ่งจากการขายรถ 1 คัน เท่ากับ 30,000 บาท
Focus แทนด้วย รถ B ขาย 1,069,000 กำไรต่อคัน 100,000 บาท แบ่งให้ดีลเลอร์ 10% คือ 10,000 บาท
ดังนั้น ดีลเลอร์จะได้ส่วนแบ่งจากการขายรถ 1 คัน เท่ากับ 10,000 บาท
พอจะเห็นภาพมั้ยครับ ว่าราคาขาย มันไปเกี่ยวกับการลงทุนศูนย์บริการอย่างไร?
ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ลองดูยอดขายสิครับ ต่อเดือน รถ A ขายไ้ด้กี่คัน รถ B ขายได้กี่คัน
อ้างอิงจาก ยอดขายบางเดือนที่ผมเก็บข้อมูล
รถ A ขายได้เดือนละ 2,500 คัน มีประมาณ 300 ดีลเลอร์
เฉลี่ยเดือนนึงขายได้ดีลเลอร์ละ 8 คัน x 30,000 เป็นเงิน 240,000 บาท
รถ B ขายได้เดือนละ 250 คัน มีประมาณ 100 ดีลเลอร์
เฉลี่ยเดือนนึงขายได้ดีลเลอร์ละ 2 คัน x 10,000 เป็นเงิน 20,000 บาท
พอจะเห็นภาพชัดขึ้นมั้ยครับ ว่ารายรับของดีลเลอร์มันต่างกัน
นั่นทำให้ศักยภาพในการพัฒนาศูนย์บริการมีผลต่อเนื่องกันไปด้วย
ผมก็ไม่ได้สนับสนุนว่าการให้ option น้อยกว่าแต่ขายแพงกว่าเป็นสิ่งที่ดี
เพียงแต่เห็นความเห็นของคุณอุบลวรรณแล้ว น่าจะเข้าใจไม่ถูกต้อง
ว่าราคาขาย มันไม่เกี่ยวกับการบริการหลังการขาย ซึ่งจริงๆแล้วมันเกี่ยวครับ
ผมก็คิดเหมือนกันว่า ราคา Altis ตัวท๊อป ราคาสูงไป
โตโยต้าสามารถตั้งราคาให้ต่ำกว่านี้ได้
-
ผมเลิกใช้ โตโยต้า แล้วครับ ด้วยเหตุผลคล้ายๆกับ เจ้าของกระทู้ ทั้งกระบะทั้งรถเก๋ง
และ Prius คงเป็นคันสุดท้ายของที่บ้านแล้วครับ มีญาติพี่น้องคงต้องเชียร์ให้ซื้อยี่ห้ออื่นๆแทน
การเป็นเจ้าตลาดและศูนย์บริการเยอะไม่ได้หมายความว่าการ service จะดีตามมาด้วยนะครับ
คันสุดท้ายเหมือนกันครับ
D-Seg ญี่ปุ่นราคาเริ่มโดดเข้าไกล้ C-seg premium ยุโรปขึ้นทุกวัน
อย่าง camry ac40 HV หวังว่าคงเปนโตโยต้าคันสุดท้ายในบ้านครับ
-
อย่าว่า เเต่ Altis เลย
Toyota ประเทศไทยตั้งราคา Lexus เเพงกว่า Benz เเพงกว่า BMW อีก
ถึงเวลาปรับเปลียนได้เเล้วนะครับ Toyota Thailand
-
ราคาทำไมแพงกว่าตัวเก่าอีกอะ ตอนแรกนึกว่า9แสนปลาย แล้วตัวเก่าแถมเป็นเครื่อง2.0 ทำไมแพงกว่าแต่ลดเครื่องเหลือ1.8
ถ้ามีงบขนาดนี้ออกเงินอีกหน่อยไปเอา เทียน่า หรือถ้าไม่กลัวศูนย์ ก็ฟอร์ดเถอะครับพี่น้อง ขายได้นี่กำไรบานตะไทเลยทีเดียว ;D ;D ;D ;D
-
อย่างที่คนอื่นว่ากันแหละครับ คนที่ซื้อ toyota ส่วนมากนะไม่ค่อยเอารุ่น top กันเท่าไหร่ เช่น vios รุ่นที่เห็นมากที่สุดน่าจะรุ่น E Altis รุ่นก่อนก็เหมือนกัน เห็นมากสุดก็ 1.8E พวกรุ่น G V เห็นน้อยมากครับ โตโยต้าเค้าก็ตั้งราคาแบบ เกร๋ๆ แหละครับ เหมือน camry HB ตัวท๊อปแหละมันมีอะไรที่มากกว่า คู่แข่งบ้าง หึๆ
ปล.แต่ก่อนชอบ Toyota มากครับ ที่บ้านก็ชอบเช่นกัน แต่ตอนนี้ชอบอยู่ไม่กี่รุ่น รู้สึกว่าเอาเปรียบลูกค้าเกินไปนะบางที
-
1,069,000
ถ้าเทียบกับถอย accord G9 ในราคา 1,299,000
เท่ากับเพิ่มเงินมา 230,000
ยังไม่รวม ของแถม เช่น ประกันชั้น 1 ต่างๆ พร้อมส่วนลดเงินสด สำหรับ G9
ทุกท่านว่าอันไหนคุ้มค่าในเม็ดเงินที่เสียไป กับสิ่งที่ได้มาครับ ?
ไม่มองในแง่ของงบประมาณที่จำกัดนะครับ มองแค่ cost effectiveness
โดยส่วนตัวผมคิดว่า 230,000 ที่เพิ่มมา
1.ภาพลักษณ์ที่ดีกว่า
2.เครื่องยนต์ 2000 cc
3.ช่วงล่าง
4.ความกว้างของห้องโดยสาร
5.ออปชั่นโดยรวม
แต่ข้อเสียคือ
1.ไม่มี NAV (ติดเพิ่มได้)
2.ราคาขายต่อ (เหรอ?)
3.อัตราการสิ้นเปลือง
4.ศูนย์บริการ (ต่างวาระ)
5.งานประกอบ (ต่างวาระ)
6.อื่นๆ
-
บางคนที่เค้าซื้อรถใช้วิธีการเลือกแบบนี้
1.Toyota
2.เก๋ง
3.งบที่มี สมมุติ 1.1 ล้าน
ดูในตัวเลือก เอาไรดี Altis Top หรือ Camry 2.0
บางท่านก็โดดไป Camry
บางท่านก็ Altis พอละ
บางท่านขออะไรก็ได้แต่ต้องรุ่น Top
บางท่านรุ่นถูกรุ่น Top ไม่สน ขอรถที่ชั้นชอบ
แล้วแต่จะคิดครับ มีดีมีเสีย
อีกอย่าง ถ้าไปเทียบ Top สุดกับ Altis ตัวที่แล้วนะ 2.0V Navi จำไม่ผิด 1.209 ล้านบาทครับ อันนี้สมควรโดนมากกว่า Navi อันเดียวแสนห้าครับ
-
อย่าว่า เเต่ Altis เลย
Toyota ประเทศไทยตั้งราคา Lexus เเพงกว่า Benz เเพงกว่า BMW อีก
ถึงเวลาปรับเปลียนได้เเล้วนะครับ Toyota Thailand
มาแบบนี้อีกคนแล้ว ผมบอกจนเหนื่อยล่ะว่าอย่าเอาราคารถประกอบในประเทศ CKD ไปเทียบกับรถนำเข้าทั้งคันแบบ CBU มีตัวแทนเจ้าไหนมั่งครับที่ตั้งราคารถ CBU ถูกกว่า CKD ได้ล่ะ ถ้ารถ CBU สามารถทำราคาได้เท่ากับรถ CKD โดยที่บริษัทได้กำไรไม่ต่างกัน ไม่มีใครเค้ามาตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศหรอกครับ
-
ก็ไม่ผิดที่ ท่านจขกท คิดเช่นนั้นนะครับ
แต่ ผมคิดว่า ถ้าจะกล่าวเช่นนั้น ยี่ห้ออื่นๆ ก็คงเหมือนกัน แต่อาจจะด้วยเหตุผลอื่นครับ
ผมซื้อ all new mz3 ราคา1,064,000 airbag มีแค่คู่หน้า ทั้งที่ตัวเก่ามีรอบคัน ถึง 8 ใบ อยากจะบ้าตายครับอิๆ แต่ก็ซื้อแบบไม่ลังเลเลย เพราะใจรัก
เคลมอะไหล่ก็ช้า เข้า 0 ก็รอนาน
บางคนก็ใช้อารมณ์ตัดสินใจครับ จิงๆก็อยากจะบ่นในใจว่า ทำไมมาสด้า แม่งให้มาแค่นี้วะ เหมือนกันครับ
ส่วนในแง่ของโตโยต้า ผมคนนึงที่ไม่เคยคิดจะซื้อรถโตโยต้า เพราะได้ยินเค้าเล่ามาว่า รถห่วย ช่วงล่างร่อน ก็ว่ากันไป เรามันชอบแหวกแนว แต่คนในครอบครัว ญาติๆ มีวีออส อัลติสบึมเลย อย่างวีออสนี่รถยอดนิยมของบรรดาหมอจบใหม่เลย ถามดูเค้าว่ากันว่าอะไหล่หาง่าย ราคาขายคล่องด้วยเหตุผลนี้ซะส่วนใหญ่
ประเด็นเรื่อง 0 บริการผมไม่เคยคิดเลย เวลาซื้อรถ ผมเคยคิด และให้คอมเม้นไว้ในเวบบอร์ดรถว่า รถไม่ได้เข้า 0 ทุกวัน จะไปสนใจเรื่อง 0 บริการทำไม แต่ คันล่าสุดที่ซื้อ แคมรี่ ไฮบริด บ่องตง ว่าติดใจการบริการของ โตโยต้าจิงๆครับ แค่ติดใจ แต่จะซื้อรถผมก็มองที่ความชอบมาก่อนอยู่ดี
อัลติสก็คงเหมียนกัลลครับ คนส่วนใหญ่ผมเชื่อว่า ซื้อเพราะยี่ห้อโตโยต้า แพงกูก็จะซื้อ หรือถ้าเค้ามองว่าแพงเกินจริง เค้าคงไม่ซื้อ มี่ทั้งสองมุมมองครับ
-
ผมว่าผู้บริหารโตโยต้า เอาเปรียบมากเกินไป รถทนมือทนตีนแล้วไง พอชนหนักที ตายเลย ความปลอดภัยค่อยข้างแย่ที่สุดในกลุ่ม ไม่นับวัสดุที่ห่วยมากไม่รู้ผมคิดแบบนี้ถูกป่าว ฟอร์ด รถอาจมีปัญหาบ้าง บริการแย่ไปหน่อย แต่ชนแล้วไม่ตาย ไม่รู้อย่างไหนคุ้มกว่ากัน หรือเราจะคิดผิด 555
-
1,069,000
ถ้าเทียบกับถอย accord G9 ในราคา 1,299,000
เท่ากับเพิ่มเงินมา 230,000
ยังไม่รวม ของแถม เช่น ประกันชั้น 1 ต่างๆ พร้อมส่วนลดเงินสด สำหรับ G9
ทุกท่านว่าอันไหนคุ้มค่าในเม็ดเงินที่เสียไป กับสิ่งที่ได้มาครับ ?
ไม่มองในแง่ของงบประมาณที่จำกัดนะครับ มองแค่ cost effectiveness
โดยส่วนตัวผมคิดว่า 230,000 ที่เพิ่มมา
1.ภาพลักษณ์ที่ดีกว่า
2.เครื่องยนต์ 2000 cc
3.ช่วงล่าง
4.ความกว้างของห้องโดยสาร
5.ออปชั่นโดยรวม
แต่ข้อเสียคือ
1.ไม่มี NAV (ติดเพิ่มได้)
2.ราคาขายต่อ (เหรอ?)
3.อัตราการสิ้นเปลือง
4.ศูนย์บริการ (ต่างวาระ)
5.งานประกอบ (ต่างวาระ)
6.อื่นๆ
เอาไปเทียบกับ Accord 2.0EL ราคา 1,299,000 ซะเห็นภาพเลย
หรือเอาไปเทียบกับ Teana 2.0XE 1,270,000 ที่มีถุงลม 6 ใบ .....
ยอมทนเก็บเงินอีกนิดมาซื้อพวกนี้น่าจะดีกว่า?
แต่ถ้าเทียบกับ Camry 2.0G นี่ม่ายยยยยยนะ
ผมว่าลงไปเอา Altis V Navi ดีกว่า
-
ผมว่า ดูยอดขายดีกว่า
มันเป็นตัวเลขทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้
ถ้ามันแพง ห่วย ยอดก็น้อย
แต่ถ้ามันได้ยอดเยอะ ก็แสดงว่าคนพอใจ
คนจะจ่ายเงินล้าน เค้าคงคิดมามั่งแล้วล่ะ
อย่าไปว่าคนซื้อโตโยต้า ไม่รู้เรื่องรถเหอะ
ถ้าคนเค้าโง่ เค้าไม่มีปัญญาหาเงินล้านมาออกรถได้หรอก
-
ตัวท็อป แพงไปนิด แต่ตัวอื่นๆก้อสมเหตุผลครับ
ส่วนเรื่องรถฟอร์ด นั้น อยากจะบอกว่า แม้แต่คนอเมริกันเอง ยังไม่ชื่นชอบ รถของตัวเองเท่าไรเลยคับ รถมือหนึ่งยังซื้อมาซ่อม ไม่ได้ซื้อมาขับเลยครับ (รายการเกมโชว์แจกรถฟอร์ดทุกวัน วันละหลายๆคัน) ยิ่งพอเป็นมือสอง รถฟอร์ดนี่แทบจะยกให้กันฟรีๆ แต่รถญี่ปุ่นคนหากันให้ควักเพราะว่าทนทานมากไม่จุกจิกเลย รถอเมริกันในทัศนคติของผมคือ รถที่มีคุณภาพต่ำครับ อเมริกาเก่งเรื่องเทคโนโลยีนะคับ แต่ไม่ใช่เรื่องรถแน่ๆ หากมองแล้วรถเกาหลียังมีคุณภาพที่ดีกว่าเลยคับ
รถtoyota ผมว่าเค้ามีการลงทุนสูงมากในเรื่อง R&D ครับเลยทำให้รถค่อนข้างมีมาตรฐานและความทนทานสูงมากๆ อย่างที่หลายๆท่านบอก การลงทุนโรงงาน ไลน์การผลิต การqc การจ้างคน เทรนคน การเลือกใช้วัสดุรายละเอียดปลีกย่อย มาตรฐานวัสดุต่างๆ ผมว่าคนละเรื่องกับรถอเมริกันคับ มันเป็นค่าใช้จ่ายแฝงที่มีต้นทุนมหาศาลคับ แต่ถามว่าtoyota แพงไหมเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นกอแพงกว่าคับ แต่ทั้งหมดนี้อยู่ใจของแต่ละคนล่ะครับว่าจะไปให้น้ำหนักที่ส่วนไหน
ชอบอะไร ซื้อแล้วสบายใจ ก้อซื้อไปเถอะครับ มันคือความคิดเห็นที่แตกต่างกันของแต่ละคน ไม่มีถูกหรือผิด หรอกครับ
-
ตอบแบบไม่เอาbias เลยนะครับ
ผมมองว่าการพัฒนาเรื่องบริการหลังการขายนั้นเป็นต้นทุนที่สูงมากเอาการครับ กว่าจะออกมาดีแบบทุกวันนี้ได้ก็หมดไปไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะเรื่องอะไหล่ที่เจ้าอื่นยังบริหารจัดการได้ไม่ดีเท่า
สิ่งที่พี่โตให้ได้แต่เจ้าอื่นให้ไม่ได้คือความน่าเชื่อถือและความน่าไว้ใจครับ มาตรฐานการผลิตที่ดี มาตรฐานของอุปกรณ์ที่ใช้ต้องยอมรับว่า defect น้อยมากๆ มีบ้างที่พบปัญหา แต่ถ้าเทียบกับเจ้าอื่นก็ดีกว่าหลายขุม
ก็เลยไม่แปลกที่ราคาเท่าๆกัน พี่โตจะให้อะไรน้อยกว่า เพราะต้นทุนเบื้องหลังมันต่างกันเยอะ
ยกตัวอย่างเทียบกับสินค้าอื่นๆ
ท่านกินไก่ซีพี กับไก่ตลาดธรรมดา ทำไมต้องยอมจ่ายแพงกว่า ไก่เหมือนกัน รสชาติเหมือนๆกันด้วย ราคาเท่ากันเจ้าอื่นได้อะไรเยอะกว่ามาก ทำไมซีพีขายได้เป็นเบอร์หนึ่งของประเทศ
ไอโฟนออฟชั่นน้อยกว่าซัมซุง แถมขายแพงกว่า ทำไมถึงยังขายได้
แม้แต่รถด้วยกัน ทำไมท่านจขกท. ไม่ไปซื้อโปรตอนมาขับล่ะครับ ราคาถูกกว่า ได้ออฟชั่นเท่ากัน ดีไม่ดีมีเทอร์โบจากโรงงานมาด้วย
ของแบบนี้มันไม่ใช่ใครมีเยอะกว่า แต่อยู่ที่ว่าใครน่าเชื่อถือกว่านะครับ
สุดท้ายคือ เค้าไม่ได้บังคับให้เราซื้อนะครับ ถ้าพวกเราคิดว่าแพงไป เอาเปรียบ ก็ไม่ต้องไปอุดหนุน ถ้าของเค้าไม่ดีจริงแถมแพงสักวันเค้าก็ล้มเอง ดูจากโนเกียได้เปนตัวอย่างครับ
เห็นด้วยย่างยิ่งเลยครับ มาตรฐานการผลิตที่ดี/การบริหารจัดการ/ความทนทาน / R&D มันคือต้นทุนอย่างหนึ่ง ที่เรามองไม่เห็นในใบโบร์ชัว
อย่าไปยึดติดกับมันมาก ดีก็ซื้อไม่ดีก็อย่าไปอุดหนุนมัน ;D ซื้อรถที่เหมาะสมกับการใช้งานของเรา ใช้ทำมาหากินหรือใช้ประโยชน์จากมันให้มากที่สุด
ขอเสริมอีกนิด พี่โตชอบตั้งราคาแพงกว่าชาวบ้านแบบนี้ล่ะ 1.069 ล้านมันแพงไปนิด แค่ 9.99 แสนก็พอแล้ว (เพราะที่หลังไม่ถึงปี ก็มีส่วนลด 5-6 หมื่น แสดงว่าขายที่ 9.99 แสนได้)
-
การตั้งราคาอาจจะเป็นส่วนการตลาด ดูจากต้นทุนน่าจะถูกกว่าโฟกัส ด้านต้นทุนการผลิตอาจจะราคานึง แต่มีต้นทุนทางการตลาดมาเกี่ยวข้องก็อีกราคานึง อย่างรถ mini เป็นต้น
-
มองมุมต่างนะครับ
สิ่งที่ ford ให้ไม่ได้เลยคือความเชื่อมั่น ความมั่นใจในการใช้รถครับ ไม่ว่าจะระยะสั้น ระยะยาว รวมทั้งการซื้อง่ายขายคล่อง ราคาขายต่อ บริการหลังการขาย
ทำไมไม่คิดละครับว่า toyota ลงทุนไปเยอะแล้วในส่วนนี้และนานกว่า ford และหลายๆยี่ห้อครับ
เหมือนสินค้าจีนนะแหละครับ ที่เราบอกว่าถูกๆกัน แต่จริงๆแล้วนี้แหละต้นทุนสินค้าจริงๆเน้นขาย ไม่เน้นกำไรมาก เหมือน ford ที่ยัดๆออฟชั่นมาเยอะๆให้เต็มเพื่อที่จะอัพขายรถราคาหลักล้าน แต่พอใช้งานจริง
ถูกและดีมีที่ไหนละครับ
เรื่องของบริการหลังการขาย ผมมองแยกจากตัวรถนะครับ
ศูนย์ฟอร์ดห่วยแตก และช่างไม่เก่งแก้ไม่จบ อันนี้ผมยอมรับว่าจริงแท้แน่นอนเลยครับ
แต่ศูนย์บริการมันคือการลงทุนของเจ้าของโชว์รูมนะครับ โตโยต้าเขาไม่ได้มาลงทุนสร้างให้ ดังนั้นจะบอกว่าจุดนี้คือต้นทุนรถคงไม่ใช่ครับ
ส่วนราคาขายต่อเกิดจากความต้องการของตลาดมือ2 พูดง่ายๆก็คือ มันถูกกำหนดโดยตลาด โตโยต้าไม่ได้เอาเงินลงไปซัพพอร์ตตลาดมือ2เพือให้อัลติสราคาขายต่อดีกว่าสักหน่อย
ผมมองว่าต้นทุนรถ มันก็พอๆกันครับ อยู่ที่ใครจะเอากำไรต่อคันมากกว่า
จุดนี้ผมมองว่า โตโยต้าเอากำไรต่อคันเยอะมากเกินไป เพราะเขามองว่ายังไงเขาก็ขายได้
ด้วยความเคารพ มันเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ในทางปฏิบัติสำหรับคนส่วนมากครับ และยิ่งในทางการคิดต้นทุนสินค้า ยิ่งแยกจากกันไม่ได้ใหญ่ครับ
เราปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าเราทำธุรกิจ เวลาเราลงทุนอะไรไป เราย่อมหวังผลตอบแทนกลับมา ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาสิ่งเหล่านั้นก็ย่อมถูกบวกเข้าไปในราคาขายสินค้าเพื่อให้ได้กำไรคืนกลับมาชดเชยสิ่งเหล่านั้นครับ
ตัวอาคารหรือทรัพย์สินโชว์รูม โตโยต้าไม่ได้ลงทุนครับ แต่การมีปริมาณโชว์รูมมหาศาลกว่าใครเขา และการอบรมช่าง การอบรมพนักงานขาย การควบคุมคุณภาพทั้งในแง่ของงานบริการ และงานซ่อม ระบบการบริหารเครือข่าย hidden cost ต่างๆนานา หากมามองกันดูดีๆผมว่านั่นเป็นตัวเลขไม่น้อยแน่ๆครับ
ด้านราคาขายต่อ นอกจากถูกกำหนดโดยดีมานด์ของตลาดแล้ว โตโยต้าเองก็ยังมีส่วนดันราคารถตัวเองให้สูงขึ้น ผ่านทาง Toyota Sure ด้วยครับ การที่ออกมาเปิดชัวร์นั้น นอกจากจะเอากำไรจากการขายรถมือสองสภาพดีแล้ว ยังส่งผลในแง่ของการสร้างภาพลักษณ์คุณภาพตัวรถแม้เป็นมือสองอีกด้านนึงด้วย และที่สำคัญก็คือทำให้ราคามือสองของโตโยต้านั้นแลดูสูงครับ (เพราะที่ชัวร์ขายแพงใช้ได้อยู่ แลกกับความสบายใจที่เค้าตรวจสภาพรถละเอียด และมีการซ่อมคืนสภาพให้ไม่เหมือนเต๊นท์รถ)
นอกจากนั้น การใช้จ่ายงบประมาณด้านการโฆษณาที่โตโยต้ามี ad spending เยอะเป็นอันดับต้นๆในบ้านเรา (ติดอันดับประมาณ 2-3 จากทุกอุตสาหกรรม ที่มา: http://www.adassothai.com/index.php/main/ad_expenditure (http://www.adassothai.com/index.php/main/ad_expenditure)) สิ่งเหล่านั้นก็คือต้นทุนทั้งสิ้นครับ
จริงอยู่ว่าราคาทะลุล้านบาท อาจดูแพง แต่นี่ก็เป็นราคาที่เคยตั้งมาแล้วสมัยรุ่นหน้าหมูช่วงปลายๆอายุ ที่อัดออพชั่นมาให้แล้วราคามันเกินล้านมานิดๆครับ แต่เอาเข้าจริงผู้บริโภคก็มีทางเลือกหลายทาง ทั้งรุ่นล่างกว่า หรือยี่ห้ออื่นอยู่แล้ว ปกติรุ่นที่ขายดีที่สุดก็เป็น 1.6G / 1.8E
นอกจากนั้น เครื่อง 1.8 บล๊อคนี้ทุกคนก็ทราบกันดีว่าสมรรถนะมันใกล้เคียง 2.0 ของชาวบ้านเขามาก แถมไวกว่าบางยี่ห้อด้วยซ้ำ และก็ดีกว่าเพื่อนร่วมรุ่น 1.8 แทบจะทั้งหมดอ้างอิงจากการทดสอบโดยคุณจิมมี่ในบทความทดสอบ Pulsar อันเป็น C-Segment คันล่าสุดที่ทดสอบไป http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=5718:%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A-Nissan-PULSAR-1-8-V-1-6-V-CVT-%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B3-Sylphy-%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%94&catid=64:c-segment-1600-2000-cc&Itemid=76 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=5718:%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A-Nissan-PULSAR-1-8-V-1-6-V-CVT-%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B3-Sylphy-%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%94&catid=64:c-segment-1600-2000-cc&Itemid=76) ถ้าดูแค่เกมส์ 0-100 กม/ชม จะเห็นว่าโฉมที่แล้วที่ใช้เครื่องเดียวกัน ทำเวลาได้ช้ากว่าก็แค่ Altis 2.0 พี่ของมัน, Proton Preve, และโฟกัส 2.0 Diesel TDCi (ยังไม่มีตัวเลขโฟกัสเบนซินใหม่) เท่านั้นเลย
จริงๆแล้วอยากให้มองมันอย่างเข้าใจครับ กลไกการตั้งราคามันมีที่มา ฟอร์ดเองเป็นค่ายรอง ยอดขายไม่ได้มาก (พูดถึงโฟกัสนะครับ) การจะแย่งชิงพื้นที่ตลาดในสมรภูมิตลาด Red Ocean ที่ห้ำหั่นกันด้วยราคานั้น ฟอร์ดย่อมต้องยอมเฉือนกำไรตัวเองมากกว่าแน่นอนครับ
หากมองในมุมกลับกัน คุณคิดว่ารถคันไหนทำกำไรให้บริษัทได้มากกว่ากัน? เหลือเงินให้บริษัทนำมาพัฒนางานหลังการขาย หรือผลิตภัณฑ์ที่ดียิ่งขึ้นไปได้มากกว่ากัน? หรือแม้กระทั่ง มองในมุมที่ว่า การเป็นเจ้าของโฟกัส มีค่าใช้จ่ายแฝง hidden costs ประมาณอีกเท่าไหร่? รวมๆแล้วกับค่าตัวรถจะกลายเป็นเท่าไหร่?
จริงอยู่ว่าถ้าพูดถึงคุณงามความดีของตัวรถ โฟกัสให้อะไรหลายๆอย่างที่อัลติสใหม่ไม่ได้มีมาให้ และจากที่เคยทดลองขับโฟกัส 2.0 มาผมก็ประทับใจหลายๆอย่างของมัน แต่ก็มีอะไรที่ผมไม่ชอบด้วยเช่นกัน อย่างเช่นเรื่องความอึดอัดในห้องโดยสาร การจัดวาง layout ปุ่มกด ที่ทำให้การขับขี่ดูใช้งานยากไม่เป็นธรรมชาติ ผมยังไม่ได้ลองอัลติสใหม่ และคงเป็นเวลาอีกนานกว่าจะได้ลอง (เพราะผมอยู่อังกฤษ) คงยังตอบไม่ได้ว่าของใหม่ช่วงล่างเป็นยังไง เครื่องเป็นยังไง
แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าตัวรถจะเป็นอย่างไรก็ตาม อย่างที่กล่าวไปข้างต้นคือ ผู้บริโภคจะเป็นคนตัดสินครับว่า เงินที่จ่ายไปเท่าๆกันน่ะ มันคุ้มหรือไม่คุ้มครับ เขาจะบอกเองว่า blis เอย ระบบต่างๆเอย จะมีคุณค่ามากกว่าบริการหลังการขายที่ดีกว่ามากหรือไม่
ลองให้ฟอร์ดทำข้อด้อยต่างๆให้ดีขึ้นแล้วกลายเป็นว่าราคาโฟกัสตัวนี้ขึ้นไปสัก 1,1xx,xxx - 1,2xx,xxx เนื่องมาจากต้นทุนที่ต้องใช้จ่ายในการสร้างสิ่งที่ตนขาดเหล่านั้น...ลองถามใจดูสิครับว่า เรายังจะรู้สึกแบบเดิมกับมันหรือเปล่า?
รถทุกคันมันมีทั้งข้อดีข้อเสีย ทั้งที่มาจากตัวรถ และไม่ได้มาจากตัวรถครับ ถ้าเราซื้อแล้วเราซ่อมด้วยตัวเอง สร้างอะไหล่มาเปลี่ยนด้วยตัวเองไม่ได้ ยังไงเสีย บริการหลังการขายยังเป็นปัจจัยที่ไม่ควรแยกคิดจากกันตอนคิดจะเป็นเจ้าของรถครับ
แล้วดูทรวดทรงอัลติสออกมารอบนี้ ผมเชื่อว่ามันจะขายดีกว่าเดิม และเพิ่มความหนักใจให้แก่คู่แข่งทั้งหลายแน่นอนครับ อย่างน้อยมองในแง่ดี คู่แข่งทั้งน้อยใหญ่ ก็ต้องเร่งระดมสรรพกำลังที่มีอยู่ออกมาต่อกรด้วย ทั้งส่วนลดของแถม หรือการออกไมเนอร์เชนจ์ให้มีอุปกรณ์เหนือกว่า ออกแบบให้สวยกว่า
แล้วอะไรที่ผมอยากด่าโตโยต้าจริงๆจังๆในอัลติสใหม่นี้?
ถุงลมน่ะจะงกอะไรกันนักหนา? ใส่มามันจะเป็นไรไป คนไทยก็รู้ๆกันอยู่ขับรถเร็วติดอันดับต้นๆของโลก แถมมีการตายจากอุบัติเหตุบนถนน (Road kill) สูงติดอันดับต้นๆของโลกด้วย (น่าจะมากสุดในเอเชียถ้าจำไม่ผิด) ถ้ามันแพงเพราะไอ้ Navi บ้าบอไรนี้ (ซื้อพาร์ทแท้มาติดเองของจากศูนย์โดนเกือบแสนครับ ถ้าตัดจาก supplier มาจะได้ราวๆ 40,000) เอาออกแล้วใส่ความปลอดภัยไม่ดีกว่าเหรอ? หรือไม่ก็หาทางทำให้ Navi มันถูกลง เช่นใช้ระบบของพวก Garmin แทนไม่ต้องพัฒนาเอง แล้วเอางบมาลงถุงลม มันจะตายหรือไงก๊านนนนน =_='
ปล. ขออภัยที่ยาวครับ แต่เชือว่าเหตุผลและข้อมูลสนับสนุนจะช่วยให้ความกระจ่างได้มากขึ้น ผมไม่ได้มีส่วนใด้เสียกับโตโยต้าแต่อย่างใด แต่อยากช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดให้ครับ ;)
-
คหสต.
ตั้งแต่ยาริสออกใหม่ๆ ว่าตั้งราคามาแพงแล้วก็แป็กไป มาอัลติสตัวท็อปรุ่นนี้ ก็ตั้งราคาแพงเกินไปจริงๆ ครับ...ผมคงไม่ไปคิดแทนโตโยต้าว่ามีต้นทุนนู่น นี่ นั่น นอกเหนือจากต้นทุนการผลิตตัวรถ เพราะผมเป็นคนซื้อ ไม่ใช่คนขาย...ผมควรจะซื้อรถแพงขึ้น เพื่อให้โตโยต้ายังคงให้บริการหลังการขายผมอย่างดีต่อไปเหมือนที่เป็นอยู่งั้นหรือ? หรือพี่โตจะเอากำไรที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นนี้ ไปใช้เป็นทุนในการบริการผมให้ดีกว่าเดิมงั้นหรือ? ก็คงไม่
พี่โตลงทุนกับบริการหลังการขายสูงกว่าเจ้าอื่นก็จริง แต่..ก็ได้มาซึ่งชื่อเสียงที่ดี มียอดขายเยอะ ออกรุ่นไหนมายังไงก็ขายได้ กำไรก็เยอะกว่าเจ้าอื่นเป็นการตอบแทนกลับมาอยู่แล้ว...ยังไงก็คุ้มกับสิ่งที่ลงทุนไป
รุ่นรองลงมาราคาก็เหมาะสมดี แต่ตัวท๊อป ใส่เครื่อง 1.8 ออพชั่นไม่ได้ล้ำเลิศ มาขายที่ 1069000 นี่ไม่ไหว ลดต้นทุนเครื่องยนต์ ฟันกำไรเพิ่ม ขายความเชื่อมั่น อันนี้ไม่เห็นด้วย
-
เห็นด้วยกับกับเจ้าของกระทู้ครับ ว่า Altis รุ่น Top แพงเกินไป และ เรื่องของระบบความปลอดภัย เช่น ถุงลมที่ให้น้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
ส่วนเรื่องเครื่องยนต์ ผมยังสงสัยนะครับ เพราะ Dual VVTI + เกียร์ CVT ผมว่ามันไม่ธรรมดานะ ขนาดวางอยู่ใน Body รุ่นที่แล้ว ยังสามารถทำเวลา 0-100 ได้ 10.28 วินาที ( อ้างอิงจาก Headlight mag ) พอๆกับ Civic 2000 เลย พอมาเห็น รูปทรงใหม่ที่ดูแล้ว เพรียวลมกว่าเดิม ผมว่า 0-100 ต่ำกว่า 10 วินาทีแน่
ผมว่า Toyota ส่ง Altis ใหม่ลงตลาด รุ่นที่เขาคาดหวังว่าจะขายดี น่าเป็น 1.8E และ 1.8S นะครับ ดูจากการตั้งราคาแล้ว กะเอามาชนกับคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง Civic แน่ ในขณะที่รุ่น 1.8G กับ 1.8 Navi ไม่แน่จะเน้นมาก แต่ก็วางตลาดไว้เผื่อมีคนอยากได้ ;D การตัดรุ่นที่วางเครืื่อง 2000 ออกไป แสดงว่า Toyota น่าจะเอา Prius ขยับลงมาแทน Altis 2000 เพื่อ ให้ Camry 2.0 ได้มีที่ยืนในตลาด
ถ้าถามว่าจะซื้อไหม ปัจจุบันผมใช้ Altis 1.8 G รุ่นปี 2010 อยู่ คงยังไม่ซื้อหรอกครับ ยกเว้นถ้ามีโปรเอาคันเก่ามา Turn แบบ Vios ;D ;D ;D ;D ;D
-
เราว่าสมราคานะ รถเพิ่งออกใหม่ line ของรถก็เก็บละเอียดมากเข้าขั้นเพอเฟคเลยนะ ภายในก็โมใหม่ เพิ่มระบบความปลอดภัย เครื่อง 7 สปีด
มีเนวิ อีก
-
นอกเรื่อง เห็นพูดเรื่องไก่ทอดไก่ย่าง
ส่วนตัวนะครับ
ไก่ทอดต้องหาดใหญ่ ไก่ย่างต้องวิเชียรบุรี
ที่บอกว่าไก่ซีพีต้องมีงบโฆษณา โตโยต้าก็ต้องมีเหมือนกันแหล่ะครับ เยอะด้วย
ต้นทุนตรงนี้จะไปที่ไหน ถ้าไม่ได้รวมอยู่ในราคาขาย
-
อย่างว่าแหละครับ ยังไงก็ขายได้
ยังมีคนอีกมากที่ดูแค่แบรนด์
-
แรงเกินไปนิดครับ ผมมองว่าถ้าใช้ฟังก์ชั่นไม่ถึงก็ลดลงมเล่นตัวรอง อย่าง G ,S ราคาก็รับได้อยู่ น่าจะคุ้มค่า ดูจากสมรรถนะที่ติดมาให้ ทั้งเครื่อง เกียรจ์ ช่วงล่าง แล้วความประหยัด ระยะยาวยังไงก็คุ้ม สำหรับรถรุ่นขนาดเดียวกัน
-
มองมุมต่างนะครับ
สิ่งที่ ford ให้ไม่ได้เลยคือความเชื่อมั่น ความมั่นใจในการใช้รถครับ ไม่ว่าจะระยะสั้น ระยะยาว รวมทั้งการซื้อง่ายขายคล่อง ราคาขายต่อ บริการหลังการขาย
ทำไมไม่คิดละครับว่า toyota ลงทุนไปเยอะแล้วในส่วนนี้และนานกว่า ford และหลายๆยี่ห้อครับ
เหมือนสินค้าจีนนะแหละครับ ที่เราบอกว่าถูกๆกัน แต่จริงๆแล้วนี้แหละต้นทุนสินค้าจริงๆเน้นขาย ไม่เน้นกำไรมาก เหมือน ford ที่ยัดๆออฟชั่นมาเยอะๆให้เต็มเพื่อที่จะอัพขายรถราคาหลักล้าน แต่พอใช้งานจริง
ถูกและดีมีที่ไหนละครับ
เรื่องของบริการหลังการขาย ผมมองแยกจากตัวรถนะครับ
ศูนย์ฟอร์ดห่วยแตก และช่างไม่เก่งแก้ไม่จบ อันนี้ผมยอมรับว่าจริงแท้แน่นอนเลยครับ
แต่ศูนย์บริการมันคือการลงทุนของเจ้าของโชว์รูมนะครับ โตโยต้าเขาไม่ได้มาลงทุนสร้างให้ ดังนั้นจะบอกว่าจุดนี้คือต้นทุนรถคงไม่ใช่ครับ
ส่วนราคาขายต่อเกิดจากความต้องการของตลาดมือ2 พูดง่ายๆก็คือ มันถูกกำหนดโดยตลาด โตโยต้าไม่ได้เอาเงินลงไปซัพพอร์ตตลาดมือ2เพือให้อัลติสราคาขายต่อดีกว่าสักหน่อย
ผมมองว่าต้นทุนรถ มันก็พอๆกันครับ อยู่ที่ใครจะเอากำไรต่อคันมากกว่า
จุดนี้ผมมองว่า โตโยต้าเอากำไรต่อคันเยอะมากเกินไป เพราะเขามองว่ายังไงเขาก็ขายได้
เรื่องเจ้าของเป็นคนสร้างและลงทุนโชว์รูมเป็นเรื่องจริงครับ แต่โตโยต้ามีต้นทุนเพิ่มแน่นอนครับ ทั้งเรื่องการฝึกอบรมช่าง ฝ่ายขาย การให้สนับสนุนโชว์รูมในการทำกิจกรรมทางการตลาด การจัดอีเว้นต่างๆ รวมไปถึงระบบการบริหารจัดการที่ดีกว่าฟอร์ด ตรงนี้ต้นทุนต่างจากฟอร์ดมหาศาลแน่นอนครับ คุณอาจะมองเห็นแค่ต้นทุนที่ใส่ในตัวรถ ผมคลุกคลีอยู่กับโชว์รูมแทบทุกยี่ห้อครับ สิ่งที่ผมเห็นคือ โตโยต้าลงทุนในการฝึกอบรมช่าง ฝ่ายขาย ระบบการบริหารจัดการทุกๆฝ่าย เงินสนับสนุน อุปกรณ์ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เยอะกว่าฟอร์ดครับ
แต่จังหวัดที่ผมอยู่โตโยต้ากับฟอร์ด บริการห่วยพอๆกันเลยครับ ผมเลยต้องเอารถไปเข้าศูนย์บริการจังหวัดใกล้เคียงแทน