Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Racing Revolution ที่ ธันวาคม 21, 2009, 01:56:50
-
ส่วนใหญ่เอาราคามาจาก u.s.a.ในรุ่นมาตรฐาน เห็นแล้วอิจฉาจัง รถเค้าทั้งคุณภาพทั้งดีกว่า ทั้งถูกกว่าบ้านเรา บ้านเราแพงโครดๆ ที่โน่นรถระดับ compact กับ midside ราคาห่างกันไม่มาก คนเลยซื้อรถระดับ midside เช่น camry กันหมด คิดที่ u.s.ละ 33 บาท ลองดูกันนะ
1.camry 2.5 (ที่นั่นเลิก 2.4แล้ว) ราคา 20,850 u.s. เท่ากับ 688,050 บาท
2.camry 3.5 24,565 u.s. = 810,645 บาท
3.camry hybrid 2.4 26,150 = 862,950 บาท
4.yaris 5 doors 12,905 = 425,865 บาท
5.vios (yaris sedan) 13,365 = 441,045 บาท
6.altis 1.8 16,850 = 556,050 บาท
7.prius 1.8 23,400 = 772,200 บาท
8.accord 2.4 21,055 = 694,815 บาท
9.civic 1.8 16,405 = 541,365 บาท
10.jazz (fit) 14,900 = 491,700 บาท
11.lexus ls460 64,680 = 2,134,440 บาท
12.lexus rx350 37,250 = 1,229,250 บาท
13.lexus is250 33,015 = 1,089,495 บาท
14.mazda3 2.0 16,045 = 529,485 บาท
15.nissan tiida(versa)1.8 13,100 = 432,300 บาท
-
ภูมิใจไหมครับคนไทย Civic 2.0 เราแพงกว่า IS250 บ้านเค้าอีกน้าาา...แหะๆๆ Mini บ้านเราแพงกว่า LS460 ที่นู่น...ช่างห่างกัน 555555+
ปล. ดูแล้วตาร้อยผ่าววววววว...- -"
-
ส่วนหนึ่งที่รถแพง
กรุณา ดูอัตราภาษีสรรพสามิต และการจัดเก็บต่างๆ ประกอบด้วยครับ
อย่าแค่เปรียบเทียบราคากันโต้งๆแบบนี้ เพื่อสร้างกระแส
พ่อค้ารถ เอากำไรเยอะส่วนหนึ่ง แต่ รถสามารถขายปลีกได้ถูกกว่านี้
ถ้ารัฐบาล เอาภาษี จากรถ น้อยกว่านี้
แต่ ฝันไปเถอะ ว่าจะเป็นไปได้
-
อยากทราบครับว่าที่สหรัฐใน 1 ปีต้องเสียภาษีอะไรกันบ้าง (เป็นเงินประมาณเท่าไหร่)
แล้วค่าบำรุงรักษาเป็นยังไง
-
แสดงว่าราคาที่เขาโฆษณากันเยอะๆบ่อยๆที่อเมริกานี่เขายังไม่บอกเพิ่มใช่ไหมครับพี่จิมมี่ หมายถึงถ้าไปซื้อจริงๆต้องจ่ายเพิ่มมากกว่านี้ชัดเจนเลยใช่ไหมครับหรือว่า
จ่ายเพิ่มเหมือนตอนบ้านเราที่ไปจ่ายภาษีรายปีครับ
เมื่อมองแบบนี้แล้วก็ทำให้สงใสไปอีกว่าตกลงแล้วต้นทุนของรถจริงๆคันนึงนี่มันคงห่างจากราคาที่เราจ่ายจริงอยู่มากเลยนะครับ
-
แสดงว่าราคาที่เขาโฆษณากันเยอะๆบ่อยๆที่อเมริกานี่เขายังไม่บอกเพิ่มใช่ไหมครับพี่จิมมี่ หมายถึงถ้าไปซื้อจริงๆต้องจ่ายเพิ่มมากกว่านี้ชัดเจนเลยใช่ไหมครับหรือว่า
จ่ายเพิ่มเหมือนตอนบ้านเราที่ไปจ่ายภาษีรายปีครับ
เมื่อมองแบบนี้แล้วก็ทำให้สงใสไปอีกว่าตกลงแล้วต้นทุนของรถจริงๆคันนึงนี่มันคงห่างจากราคาที่เราจ่ายจริงอยู่มากเลยนะครับ
ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
อย่าราคาที่เราเห็นๆกันเนี่ย ยังเป็นราคาที่ไม่รวมค่าขนส่งนะครับ (หมายถึงในอเมริกานะครับ)
แล้วยังไม่รวมภาษีของแต่ละรัฐที่จัดเก็บกันอีกต่างหาก
เรื่องเก็บแพงไม่ว่าหรอกครับ แต่ช่วย "กรุณา" ใช้ให้คุ้มทีเถอะครับ ท่าน "นัการเมือง"
-
ค่าขนส่งและภาษีแต่ละรัฐด้วยคงไม่น้อยเลยนะครับ เข้าใจว่าปกติในชีวิตประจำวันมันก็มีรายจ่ายประจำเยอะกว่าบ้านเรานะครับ ค่าจอดรถ จอดริมถนนก็ต้องจ่าย
ค่าปรับเวลาทำผิดก็เยอะกว่าบ้านเราอยู่มากเลยนะครับ...ใครคิดค่าอะไรออกอีกช่วยมาเพิ่มเติมด้วยนะครับ
-
ค่าขนส่งอย่างเดียว มีตั้งแต่ 500 กว่า จนถึง 1,000 เหรียญ ก็มีนะครับ แล้วแต่เจ้า แล้วแต่ค่าย
ราคาที่ดึงมานี้ เป็นแค่ราคา M.S.R.P
คือ Manufacturer Suggested Retail Price เป็นราคาแนะนำโดยผู้ผลิต
แต่อย่าลืมว่า การซื้อรถในอเมริกานั้น มันมีทั้ง รถที่สำเร็จรูปมาแล้ว
โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เพื่อซื้อออพชัน กับรถหลายรุ่น ที่ต้องจ่ายตังค์ซื้อออพชันเพิ่ม
ดังนั้น ไปคำนวนมาใหม่ดีๆครับ เผลอๆ บางคัน เอาเข้าจริง เมื่อรวมออพชันและค่าขนส่งแล้ว
ถูกกว่าเราแค่ไม่เท่าไหร่เอง ก็มีครับ
-
แต่ ที่ผมเจอกับตัวเอง
MSRP มักจะมีส่วนลดอีกนะครับ ราคานี้คือราคาขายจริง ๆ
สมมติรถ $10000 อาจจะไปต่อราคาได้เหลือแ่ค่ 9000 เท่านั้น
ประกันภัยก็ประมาณปีละ500 แล้วแต่รถ สีรถ ประวัติรถยนต์ แล้วแต่ประวัติคนขับ ล่าสุดผมจ่ายแค่ปีละ 300 เอง
ค่าน้ำมันก็แสนถูก เกือบ ๆ สี่ลิตร ขายแค่ เจ็ดสิบบาท หรือน้อยกว่า (<$2/1Gallon )
ค่าจอดรถ ผมจอดในบ้าน เวลาทำงานก็ไปจอดที่ทำงาน เว้นแต่ไปในเมือง ชั่วโมงละเหรียญ สองเหรียญ อย่างแถว ๆ แหล่งช๊อปดัง ๆ เช่นRodeo drive, Peer ชายหาดบางแห่ง หรือ ก็แพงหน่อย รวม ๆ แล้วใช้รถถูกกว่าอยู่เมืองไทยเพียบครับ หมดประกันขายทิ้งก็ไม่เสียดาย เพราะใช้คุ้ม
ค่าซ่อมก็แพงค่าแรง ถ้าทำเองได้ หรือรู้จักอู่คนไทย อะไหล่ใหม่ถูก ๆ มีเยอะกว่าบ้านเราอีก อะไหล่เก่าไปหาก็ไม่ยาก เดินรื้อ ๆ จากกอง เอาก็ได้
ค่าครองชีพจริง ๆ ผมว่าก็ไม่แพงนะ เพราะรายได้เยอะกว่าเมืองไทย โดยเฉพาะคนทำงานกินเงินเดือน ที่นี่ ใช้ผ่อนบ้าน ค่าข้าว ค่าใช้จ่าย ค่าน้ำมัน ค่าโน่นค่านี่ หักภาษี เดือนก็เหลือเป็นแสนแล้ว สมมติรายได้ปีละ $150000 ภาษี 401k Social Sec และ Health Plan ซะ30000 ก็เหลือเพียบแล้วครับ พวก 401K ก็คืนได้หากลาออก หรือ อยู่จนแก่ก็ได้เงินเพิ่มอีก เดือน ๆ นึง ผมเคยใช้เงินแค่ เดือนละ $500 เองนะ
แต่ สิ่งที่แย่ก็คือ ชีวิตครับ มันน่าเบื่อ คุณอาจจะมีทุกอย่าง แต่ไม่มีชีวิต ทำงานเหมือนหุ่นยนต์ ยิ่งถ้าครอบครัวไม่อยู่ด้วย ลำบากใจมาก ๆ
ตอนนี้เมืองไทยก็เริ่มตามรอยรูปแบบหุ่นยนต์กันแล้ว ก้มหน้าก้มตาำทำงาน วันหยุดก็หยุดพร้อม ๆ กัน ทำงานก็พร้อม ๆ กัน พอแก่ ๆ หมดสภาพ บริษัทอาจจะให้ออกเร็วอีก
สรุปว่า การใช้รถที่นั่น ไม่แพง นะครับ
-
ขอแจมด้วยคนคับ
1.ค่าประกันที่เมืองนอกนั้นจะแพงมากคับ ถ้าน้องๆเริ่มมีใบขับขี่ตั้งแต่อายุ 18ปีคับ ราคาประมาณ1,500-2,000pounds/ปี คูณ 55บาทเอาเองคับ ถ้ารถยิ่งแพง ราคาก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก เหตุผลหรือคับ ไม่มีประสบการณ์ขับรถมาก่อน , ความคึกคะนองของวัยและ ความรับผิดชอบ (บางคนอาจจะดื่ม ซึ่งสวนมากที่นี้คับ อังกฤษ) แต่ถ้าไม่อะไรเกิดขึ้น ปีต่อๆไป ก็ลดลงมาเรื่อยๆคับ
2.ค่าครองชีพ เพิ่งไปทานก๋วยเตี่ยวราดหน้ามาคับที่ china town london ตกแล้ว 400บาทต่อจาน ไม่รวมค่าน้ำชาและค่าบริการคับ แต่ที่เมืองไทย 100บาท คุณอิ่มได้2มื้อสบายๆ(ต่อคน)
3.ราคาบ้าน ผมซื้อflat 2beds roomsอยู่โซล 5ของ london เกือบ2.3แสนปอนด์ ถ้าบ้านเรา คุณได้เกือบใจกลางเมืองเลยคับ
4.ภาษี ผมทำงานที่นี้มาเกือบ 14ปี เสียภาษีโดนประมาณที่ 28-30% ของฐานเงินเดือนคับ หลบไม่ได้ แม้นแต่ดอกเบี้ยเงินฝาก และเงินปั่นผลจากหุ้น คุณก็ต้องแสดงเพื่อที่จะเสีนภาษีเงินได้อีกครั้งคับ
5.ขนส่งคมนาคม ผมยอมรับคับว่าที่อังกฤษ ไปไหนมาไหนสะดวกคับ แต่ค่าโดยสารก็แพงมากคับ รถเมย์ครั้งละ2ปอนด์ รถไฟ ก็แล้วแต่คับ แต่ไม่มีรถเมย์ฟรี หรือ BTS ราคาเริ่มต้นที่35 บาทแน่นอนคับ
สรุป ถ้าคุณไม่มาอยู่ที่เมืองนอก คุณไม่รู้หรอกคับ การมีรถยนตร์ 1คัน คุณต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างคับ แม้นแต่จอดรถหน้าบ้านตัวเอง ก็ยังต้องเสียป้ายค่าจอดหน้าบ้านเลยคับ แต่ไม่แพง แล้วแต่ละเขตเรียกเก็บ (อยู่ประมาณ 40-100ปอนด์/ปี) , ค่าบำรุงรักษา ค่าแรง ชั่วโมงละ99 ปอนด์ opel รถผมที่เอาไปเช็ดมาคับ ค่าอะไหล่ไม่เท่าไหร่ แต่ค่าแรง 2 ชม + vat 17.5% อีก ถ้าbmw 199/ชม. คับ
เป็นผม ผมคงเลือกที่จะซื้อบ้านราคาถูก เพราะเราอยู่กับมันจนวันตาย ส่วนรถก็เลือกเอาที่คิดว่าเราซื้อไหวคับ คงไม่มีอะไรดีที่สุด และถูกที่สุด บางอย่างถูก และบางสื่งแพง และไม่มีที่ไหนในโลกนี้ อยู่แล้วมีความสุขเท่าเมืองไทยของเราทุกคนคับ
-
อยู่เมืองไทยสบายสุดแล้ว
ทำรถขาวดำแถมติดโล่เองได้ไม่โดนจับ แค่เข้าใจกันผิด สุดยอด
สถานที่รับเงินไม่ใช่แบงค์แต่เป็นใต้โต๊ะ
รถซื้อมือหนึ่งแต่ได้มือสอง
คนทำงานประจำเสียภาษีหูฉี่เพื่อซ่อมถนน แต่ไอ่พวกขับสิบล้อไม่เคยเสียภาษีแต่แม่งทำลายถนน
มอเตอร์ไซค์ชนรถใหญ่ รถใหญ่ต้องเสียตังให้มัน
ขับรถออกถนนใหญ่เสื้อยับๆออกจากบ้าน พอถึงจุดหมายเสื้อเราจะเรียบเอง พร้อมกับเสียค่ารีด ไม่100 ก็ 200
คนปาไข่ โยนหิน แค่ติดคุกปีเดียว แต่ไอ่คนโดนหิน ตายห่าคาที่
ถนนมีสามเลน บ้านเราทำได้ 5 เลน แม่เจ้า
คนไทยสูดยอดดดดดด
อีกอย่าง ซื้อรถใหม่ใช้่ไม่ถึงปีเสีย บริํษัทรถเงียบพอมีข่าว ก็เป็นนักบาสเก็ทบอลทั้งบริษัท โยนลูกไปนู้นไปนี่ประจำ
นีละครับ Life Style Thai
เรื่องราคารถผมทำใจแล้วครับ อีกไม่นานเกินรอหรอ Eco คาร์จะมาแทน sub-compact เพราะมันแพงขึ้น
-
ที่โน่นค่าภาษีรถยนต์ ค่าต่อทะเบียน ค่าประกันรถจะแพงมากครับ แต่ก็นั่นแหละต่อให้ค่าใช้จ่ายภายหลังมันสูงแต่ว่ามันเอื้ออำนวยให้คนธรรมดาสามัญทั่วไปสามารถมีของดีๆใช้ได้สักครั้งในชีวิต
ดูอย่างบ้านเราราคาของ LS ตั้งหลายล้านคนที่จะครอบครองได้ต้องอยู่ในระดับมหาเศรษฐีเท่านั้น แต่ถ้ามันวางขายในราคาสองล้านพนักงานเงินเดือนมทั่วไปเองก็ซื้อมันได้ :-\
-
ไอ้เจ้าราคา MSRP มันคล้ายๆกับราคาบนปกเทปใช่ไหมครับ ที่เวลาไปซื้อจริงๆมันจะถูกกว่าราคาบนปกเสมอๆ
ส่วนราคารถยนต์ในอเมริกา ผมจำได้ว่าตอนฟองสบู่ยังไม่แตก พี่ชายผมไปเรียนที่อเมริกา แล้วไปถอย 944 turbo (ปี85) ในราคาคันละ 10000$ หรือตกประมาณ 250000 บาทไทยในตอนนั้น แต่ตอนเรียนจบกลับเอาเข้ามาไม่ได้ เพราะฟองสบู่แตก
และน้องผมบอกว่าพ่อเพื่อนไปซื้อรถในอเมริกานี่ได้รถเลยนะ ไม่ต้องมาจองเป็นเดือนๆเหมือนบ้านเรา (แต่ จริงๆแล้ว น้องวีนัสของผมก็ได้เลย เพียงแต่รอฤกษ์)
-
ขอระลึกชาติหน่อย... ;D
ตอนนั้นซื้อ Accord ประมาณ $15,000 ค่าทะเบียนประมาณ $300 ค่าประกันประมาณ $1,300 ค่าน้ำมันแกลลอนละไม่ถึงเหรียญ (25 บาท/$)
รถในอเมริกาและค่าใช้จ่ายเรื่องรถมันถูกจริงๆครับ (ถูกที่สุดในโลกก็ว่าได้) ฉะนั้นเอามาเป็นตัวเปรียบเทียบไม่ได้หรอกครับ แล้วอย่าลืมว่าปีหนึ่งๆเขาขายรถกี่คัน
ที่ถูกจริงๆต้องรถ used ครับ สี่ห้าพันนี่ก็ได้ civic สภาพดีๆแล้ว :D
-
ขอแจมด้วยคนคับ
1.ค่าประกันที่เมืองนอกนั้นจะแพงมากคับ ถ้าน้องๆเริ่มมีใบขับขี่ตั้งแต่อายุ 18ปีคับ ราคาประมาณ1,500-2,000pounds/ปี คูณ 55บาทเอาเองคับ ถ้ารถยิ่งแพง ราคาก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก เหตุผลหรือคับ ไม่มีประสบการณ์ขับรถมาก่อน , ความคึกคะนองของวัยและ ความรับผิดชอบ (บางคนอาจจะดื่ม ซึ่งสวนมากที่นี้คับ อังกฤษ) แต่ถ้าไม่อะไรเกิดขึ้น ปีต่อๆไป ก็ลดลงมาเรื่อยๆคับ
2.ค่าครองชีพ เพิ่งไปทานก๋วยเตี่ยวราดหน้ามาคับที่ china town london ตกแล้ว 400บาทต่อจาน ไม่รวมค่าน้ำชาและค่าบริการคับ แต่ที่เมืองไทย 100บาท คุณอิ่มได้2มื้อสบายๆ(ต่อคน)
3.ราคาบ้าน ผมซื้อflat 2beds roomsอยู่โซล 5ของ london เกือบ2.3แสนปอนด์ ถ้าบ้านเรา คุณได้เกือบใจกลางเมืองเลยคับ
4.ภาษี ผมทำงานที่นี้มาเกือบ 14ปี เสียภาษีโดนประมาณที่ 28-30% ของฐานเงินเดือนคับ หลบไม่ได้ แม้นแต่ดอกเบี้ยเงินฝาก และเงินปั่นผลจากหุ้น คุณก็ต้องแสดงเพื่อที่จะเสีนภาษีเงินได้อีกครั้งคับ
5.ขนส่งคมนาคม ผมยอมรับคับว่าที่อังกฤษ ไปไหนมาไหนสะดวกคับ แต่ค่าโดยสารก็แพงมากคับ รถเมย์ครั้งละ2ปอนด์ รถไฟ ก็แล้วแต่คับ แต่ไม่มีรถเมย์ฟรี หรือ BTS ราคาเริ่มต้นที่35 บาทแน่นอนคับ
สรุป ถ้าคุณไม่มาอยู่ที่เมืองนอก คุณไม่รู้หรอกคับ การมีรถยนตร์ 1คัน คุณต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างคับ แม้นแต่จอดรถหน้าบ้านตัวเอง ก็ยังต้องเสียป้ายค่าจอดหน้าบ้านเลยคับ แต่ไม่แพง แล้วแต่ละเขตเรียกเก็บ (อยู่ประมาณ 40-100ปอนด์/ปี) , ค่าบำรุงรักษา ค่าแรง ชั่วโมงละ99 ปอนด์ opel รถผมที่เอาไปเช็ดมาคับ ค่าอะไหล่ไม่เท่าไหร่ แต่ค่าแรง 2 ชม + vat 17.5% อีก ถ้าbmw 199/ชม. คับ
เป็นผม ผมคงเลือกที่จะซื้อบ้านราคาถูก เพราะเราอยู่กับมันจนวันตาย ส่วนรถก็เลือกเอาที่คิดว่าเราซื้อไหวคับ คงไม่มีอะไรดีที่สุด และถูกที่สุด บางอย่างถูก และบางสื่งแพง และไม่มีที่ไหนในโลกนี้ อยู่แล้วมีความสุขเท่าเมืองไทยของเราทุกคนคับ
โห อังกฤษ กะ อเมริกานี่ คนละเรื่องเลยนะครับ สุดยอดจริง ๆ เลย
-
เสียอย่างเดียว ประกันกะทะเบียน แพงชิหัยเลยครับ
-
ไหนๆก็ไหนๆละ ผมว่าพี่ๆเพื่อนๆน้องๆที่ใช้รถอยู่ต่างประเทศตอนนีลองเขียนบทความเล่าประสบการณ์การใช้รถที่ต่างประเทศกันหน่อยดีมั๊ยครับ
จะได้เรียนรู้ว่าที่ต่างประเทศเป็นกันอย่างไร จะได้ไม่เข้าใจอะไรกันผิดๆ
-
เคยไปอยู่อังกฤษเดือนนึง ช่วงญาติจะซื้อรถพอดี
รถถูกก้จริง แต่ค่าใช้จ่ายระยะยาวเยอะมากนะครับ
ตอนแรกเล็ง 120M sports แต่คำนวณไปๆมาๆ ค่าใช้จ่ายสูงลิบ เลยได้ C30 2.5มาแทน ทั้งๆที่ผมคิดว่าไม่น่าจะต่างกันมาก แต่มันก็เป็นไปแล้ว =0='
-
ขอบคุณทุกความคิดเห็น และประสบการณ์ ความทรงจำที่มีคุณค่าของทุกท่าน